เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๒๔ จุดจบของอารมณ์ชั่ววูบ ๑/๒
มุกดากระพริบตาอีกทีก็มาอยู่ในสถานที่แห่งใหม่เสียแล้ว บรรยากาศภายในโบสถ์แห่งนั้นเงียบสงบ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องพระที่บ้านของหล่อนไม่มีผิด หนุ่มสาวสองคนนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าพระประธาน มุกดาก้าวเข้าไปนั่งด้านข้างมะลิ เพื่อจะได้ยินเรื่องราวที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ประสานสายตาลึกซึ้ง
“หนูลิ..พี่ดีใจกับเรื่องของเราเพียงไหน ก็ขอให้รู้ว่าพี่สำนึกผิด และเสียใจกับเรื่องของพุดซ้อนมากไม่แพ้กัน”
ปรัชเอื้อมมือมาแตะหลังมือมะลิอย่างจะถ่ายทอดความรู้สึกหลากหลายที่มี ให้หล่อนได้รับรู้ หญิงสาวหันเสี้ยวหน้ามามองเขาด้วยแววตาบอกความเข้าใจ
“เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก น้องตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่มีใครได้แก้ตัว..ไม่มีใครพร้อมจะรับฟังความจริงของเรา”
มะลิเลื่อนสายตากลับมาทอดมองพระปฏิมาองค์ใหญ่ ขนาดเป็นสองเท่าของคนจริง นัยน์ตาหล่อนมีกระแสความเศร้าหมอง และสำนึกผิดซ่อนอยู่ในเงาระยับ
“น้องตั้งใจจะขอขมาพี่พุดซ้อนหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นผล คุณพี่ใจแข็งมากค่ะ เก็บตัวอยู่ในห้องสองสามวันแล้ว หลังจากงานแต่งเราสองคน”
“พี่ว่าปล่อยให้เวลาเยียวยาเขาจะดีกว่า คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ คนอย่างพุดซ้อนไม่อภัยใครง่ายๆดอก”
มะลิเหลือบตามองเขาด้วยแววตัดพ้อ ชายหนุ่มอ่านใจคนรักออก จึงบอกอย่างยอมจำนน
“พี่รู้..พี่ผิดเอง ผิดมาตั้งแต่ต้น พี่ไม่ควรให้ความหวังเขา แต่ขอให้หนูลิรู้ไว้ ว่าพี่ไม่เคยเต็มใจสักนิด ที่ผ่านมาทั้งหมดก็ทำตามมารยาท ด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่”
ปรัชหันไปมองพักตร์อ่อนโยนของพระประธานบ้างด้วยความสำนึกผิด
“อย่าว่าแต่หนูลิเลย..พี่เองยังเข้าหน้าพุดซ้อนไม่ติด ไม่มีโอกาสได้อธิบายสิ่งใดจนคำเดียว”
เงียบกันไปพักใหญ่ ปล่อยให้ความสงบและกลิ่นอายธูปเทียนทำหน้าที่ลดทอนความเจ็บปวด โศกเศร้าของทั้งสองฝ่าย ลมเย็นพัดโชยเข้ามาราวกับจะปลอบโยนสองหนุ่มสาวให้คลายจากทุกข์ที่กำลังเผชิญ ปรัชมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อระลึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านร้อนหนาวมาด้วยกันกับคนรัก
“เราอย่าพูดถึงเรื่องที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลย..หนูลิ”
มะลิผ่อนลมหายใจยาว พยายามทำใจให้ยอมรับกับความเป็นจริง ณ ปัจจุบันขณะ
“เราผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก หลายครั้งที่พบกัน ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บตัว ไม่พี่..ก็หนูลิ จำได้ใช่ไหม”
มะลิพยักหน้าแทนคำตอบ น้ำตาเริ่มซึมคลอหน่วยตา คราวนี้เกิดจากความซึ้งใจ แทนที่ความโศกเศร้า เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวน่าประทับใจในอดีต
“ถึงจะเจ็บตัว แต่พี่ก็สุขใจทุกครั้ง ที่มีหนูลิอยู่เคียงข้าง..พี่คงทำใจไม่ได้ หากมีสิ่งใดมาพรากเราสองคนออกจากกัน”
“หนูลิรักพี่ปรัชค่ะ..”
มะลิเอ่ยสั้นๆ ทว่าหนักแน่น ยืนยันความจริงใจผ่านดวงตาคู่สวย
“พี่รู้จ้ะ..หนูลิคือรักแท้ของพี่ เราจะรักกันทุกภพทุกชาติ พี่สัญญา”
มุกดาเห็นน้ำตามะลิร่วงรินลงมาเต็มสองพวงแก้ม ขณะที่ปรัชเอ่ยชวนให้หล่อนประนมมืออธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป
“ด้วยความดีที่เคยทำร่วมกันทั้งหมดทั้งสิ้น ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงเป็นพยาน และขอให้เราไม่ลืมความทรงจำที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข แม้ตายจากกันก็ขอให้ยังระลึกถึง”
มะลิเอ่ยตามสามีจนจบประโยคนั้น แล้วทั้งสองก็ก้มกราบพระประธานในท่าเบญจางคประดิษฐ์จนครบสามครั้ง ก่อนที่ภาพในโบสถ์จะค่อยๆเลือนรางไปจากครรลองสายตาของมุกดา แล้วเปลี่ยนเป็นฉากใหม่ซ้อนเข้ามาแทนที่
ภาพสามีภรรยาเดินจูงมือกันมาถึงเชิงบันไดหน้าเรือนใหญ่ ฝ่ายชายพรมจูบลงบนหน้าผากมนงามของฝ่ายหญิงด้วยความรักและทะนุถนอม ช่างเป็นภาพบาดตาบาดใจสำหรับผู้ที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นยิ่งนัก
พุดซ้อนยืนหลบอยู่หลังเสาเอกของเรือน หล่อนกำมือแน่นจนเล็บยาวจิกเนื้อนุ่มนิ่มบนฝ่ามือ แม้หนังปริแตกจนเลือดซิบ หล่อนก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใด ใบหน้าซีดเซียว แลเห็นใต้ขอบตาบวมช้ำ ไม่มีหยาดน้ำสักหยดไหลรินลงมาจากกรอบตารูปหงส์ มีเพียงประกายแข็งกร้าวบอกความเจ็บร้าวล้ำลึกจนยากบรรยาย
“คุณเกลียดน้องสาวใช่ไหม..คุณพุดซ้อน?”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงห้าวของพัลลภดังข้างหู หล่อนหันไปมองญาติผู้ภักดีด้วยท่าทีเลื่อนลอย เอ่ยตอบเบาแทบเป็นกระซิบเหมือนรำพึงกับตัวเอง
“เกลียดมาก..มากที่สุด”
พัลลภยกยิ้มด้วยความพึงใจกับคำตอบที่ได้ฟัง
“คุณอยากได้สามีคืนมาหรือไม่?”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ แววตายังคงเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
“ผมรักและภักดีกับคุณมาตลอด จนบัดนี้ก็ยังรัก..”
ชายหนุ่มทอดมองหล่อนอย่างมีความหมายลึกซึ้ง พุดซ้อนเกือบจะเหยียดริมฝีปาก ด่าทอให้เขาสำเหนียกถึงฐานะของตัวเอง แต่หล่อนก็ต้องหยุดกึก เมื่อเขาขยายต่อ
“ยังอยากเห็นคุณมีความสุข ได้สมหวังกับคนที่คุณรัก..ผมทนไม่ได้จริงๆที่เห็นคุณเป็นแบบนี้”
พุดซ้อนมองเขาด้วยสายตาคำถามทำนองว่า..แล้วนายมีทางช่วยให้ฉันสมหวังหรืออย่างไร
“มีครับ..ผมมีทางออก”
เขารีบบอกอย่างเดาใจหล่อนได้
“หากไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ..มะลิ อยู่ในโลก คุณปรัชก็ต้องกลับมาหาคุณ..เชื่อผมสิ”
พุดซ้อนเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
“นายหมายความว่า..”
“ใช่ครับ..ต้องฆ่าเธอซะ แล้วเธอจะหายไปจากชีวิตรักของคุณ”
พุดซ้อนรีบสั่นศีรษะ ถอยห่างจากพัลลภ กลอกตามองเขาด้วยความระแวง
“นายคิดได้ยังไงกัน..เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจคออำมหิตถึงปานนั้น”
“เฮ้อ..” พัลลภแสร้งถอนหายใจยาว มองหล่อนอย่างผู้เจนโลกมาก่อน
“กระนั้นคุณก็ต้องทำใจล่ะนะ..จนตัวตายก็ไม่มีวันได้คุณปรัชคืนมาดอก เขาไม่มีทางเหลียวมองคุณแม้แต่หางตา”
พุดซ้อนมีท่าทีลังเลเมื่อนึกถึงข้อนี้ ใจหล่อนเต้นระรัว สับสนระหว่างความคิดฝ่ายสำนึกผิดชอบชั่วดี กับความคิดพยาบาทน้องสาว
“คุณไม่ต้องกังวลดอก คุณพุดซ้อน ผมไม่ปล่อยให้มือคุณเปื้อนเลือด แค่เปิดช่องทางให้ผมจัดการตามแผนก็พอ”
พัลลภรีบหยอดข้อเสนอ เมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนของหญิงสาว เขาบอกเสียงยืนยันหนักแน่น
“หากผิดพลาด..เรื่องถึงตำรวจ ผมจะรับผิดทั้งหมดเอง ไม่พาดพิงถึงคุณ..สาบานด้วยความจงรักภักดีขอรับ”
พุดซ้อนสั่นศีรษะ เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ ทว่าไม่ได้ออกปากปฏิเสธชายหนุ่ม พัลลภยิงประโยคเด็ดทิ้งท้าย พร้อมอธิบายถึงแผนการคร่าวๆแบบมัดมือชก
“เลือกเอา ระหว่างความรัก ความแค้น กับความดีที่ไร้ประโยชน์...พรุ่งนี้คุณปรัชมีกำหนดการออกตรวจหัวเมือง จะไม่กลับบ้านสองวัน ผมจะทำจดหมายปลอมลายมือเขา ขอให้คุณช่วยส่งให้น้องสาว เนื้อความในนั้นจะหลอกล่อให้คุณมะลิเดินทางไปรอพบคุณปรัชที่บ้านพัก ปราณบุรี คุณแค่ส่งจดหมายให้ถึงมือ ขั้นตอนหลังจากนั้นผมจัดการเอง...หากตัดสินใจแน่แล้ว พรุ่งนี้ตอนตีห้าไปรอผมตรงศาลาริมน้ำ ผมจะเอาจดหมายนั้นมาให้”
แววตาอ่อนลงของหญิงสาว ทำให้พัลลภยิ้มสมใจ เขาไม่ได้บอกรายละเอียดหล่อนทั้งหมด ปิดส่วนสำคัญที่ว่า..จดหมายปลอมมีอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งจะเป็นลายมือของมะลิ ส่งถึงปรัชเพื่อให้ทั้งสองคนมาพบกันในบ้านพักริมหาดแห่งนั้น...เขาจะจัดการให้หายไปจากโลกทั้งผัวทั้งเมีย
ความรักระหว่างตน กับ คุณพุดซ้อน จักได้สมหวังเสียที!
มะลิแทบจะกระโดดกอดพี่สาวด้วยความดีใจสุดขีด เมื่อเห็นใบหน้าสดใสและรอยยิ้มหวานหยดจากพุดซ้อนที่หน้าประตูห้องของตน ในยามสาย
“มีอะไรหรือคะคุณพี่?”
มะลิถามทั้งที่ยังยิ้มกว้าง พุดซ้อนยื่นซองจดหมายฉบับนั้นให้น้องสาว ใจเต้นรัวผิดกับสีหน้าแย้มเยื้อนที่แสดงออกมา หล่อนไม่ได้เต็มใจทำตามแผนการของพัลลภเสียทีเดียว แต่จำต้องยอมรับว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ หล่อนยังห่วงความสุขของตัวเอง มากกว่าชีวิตน้องสาว
“พี่ปรัชฝากจดหมายมา พี่เพิ่งรับจากเลขาหน้าห้องของเขาเมื่อครู่นี้เอง”
หล่อนบอกมะลิเท่านั้น แล้วก็รีบหมุนตัวกลับไป เดินหายลับลงบันไดอย่างรวดเร็ว จนมะลิรั้งไว้ไม่ทัน หญิงสาวยังอยากพูดคุยเรื่องอื่นกับพี่สาว อย่างน้อยก็ได้ขอขมาเรื่องที่ยังค้างคาใจ
มะลิเดินคอตกปิดประตูกลับเข้าห้องด้วยความเสียดาย
จดหมายในซองถูกเปิดอ่านอีกไม่กี่นาทีถัดจากนั้น
เวลาบ่ายแก่ๆ มะลิก็ให้คนขับรถพาหล่อนออกจากเรือนกุหลาบ มีเป้าหมายคือ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ ตามที่สามีขอร้องในจดหมาย หล่อนจำได้ดีว่าพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา ทว่าความที่ต้องออกราชการ หญิงสาวจึงไม่กล้ารั้งเขาไว้ ได้แต่เตรียมของขวัญไว้ให้ยามเขากลับมา..ไม่นึกว่าปรัชจะส่งจดหมายมาขอร้องให้หล่อนไปร่วมรับประทานมื้อค่ำ ฉลองวันเกิดที่บ้านพักริมหาด หญิงสาวทั้งดีใจ และนึกประหลาดใจในคราวเดียว เพราะปกติชายหนุ่มจะห่วงเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว
“ออกไปแล้วหรือ..น้องสาวฉัน”
พุดซ้อนถามเด็กต้นห้องเพื่อความแน่ใจ เมื่อได้รับคำตอบตามที่คิดไว้ หล่อนก็ปิดประตู กลับเข้ามาสงบจิตใจบนเตียงเบาะนุ่ม
หญิงสาวเอนกายลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ แต่ว่าทำไม่ได้จนแล้วจนรอด ในใจหล่อนมันร้อนรุ่มยิ่งกว่าสุมไฟ ภาพวันคืนเก่าๆตั้งแต่วัยเยาว์ตามมาหลอกหลอน และตอกย้ำความโหดเหี้ยมที่ได้กระทำกับน้องสาวเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน
“คุณพี่ต้องพักผ่อนมากๆนะคะ จะได้หายไข้..ประเดี๋ยวน้องเช็ดตัวให้เอง นอนสบายๆเถิดค่ะ”
คำพูดเอาอกเอาใจ แสดงความห่วงใยจากน้องสาวดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับภาพในวันวาน ยามที่หล่อนเจ็บไข้ พ่อแม่ไปออกงานราชการ มีเพียงหล่อนกับน้องอยู่ในเรือน บ่าวไพร่ล้อมหน้าล้อมหลัง
หญิงสาวนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ หล่อนจำได้ดีว่ามะลิไม่ห่างกายเลยแม้แต่นาทีเดียว น้องสาวดูแลหล่อนอย่างดี ไม่ได้หลับนอนจนกระทั่งรุ่งสาง อาการหล่อนดีขึ้น ทว่าน้องสาวนั่งหลับพับอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ในมือยังถือผ้าชุบน้ำเปียกหมาดๆ
“พี่ใจร้ายกับเธอเกินไป..พี่ทำไม่ได้!”
พุดซ้อนดีดตัวขึ้นจากเตียง เมื่อสามัญสำนึกวินาทีสุดท้ายร้องเตือนให้หล่อนเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง หล่อนแหงนมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังห้อง คำนวณเวลาแล้วมะลิน่าจะเพิ่งไปถึงบ้านพักที่ปราณบุรีไม่เกินครึ่งชั่วโมง หญิงสาวรีบตะโกนสั่งให้บ่าวตามคนขับรถอย่างด่วนที่สุด หล่อนแทบไม่ได้เตรียมอะไรติดตัวไปเลย มีเพียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วยิ่งกว่าครั้งไหน..รถอีกคันเคลื่อนตัวออกจากเรือนกุหลาบ มุ่งสู่เป้าหมายในยามพลบค่ำ
มะลิต้องประหลาดใจเป็นคำรบสอง เมื่อเลื่อนประตูกระจกเข้ามาในบ้าน พบปรัชนั่งรออยู่ก่อนแล้วบนเก้าอี้ไม้รับรองแขก เขาผุดลุกขึ้นด้วยความร้อนใจ รีบเอ่ยปากถามหล่อนพลางคว้าข้อมือมากุมไว้
“มีเรื่องอะไรด่วนหรือ..ถึงต้องออกมาพบพี่ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
มะลิทำหน้าเหวอ เลิกคิ้วฉงนกับคำถามของเขา
“เรื่องด่วนอะไรคะ..ก็คุณพี่นั่นแหละ ส่งจดหมายให้น้องมาร่วมรับทานมื้อค่ำ”
แววตาของเขาบอกความประหลาดใจยิ่งกว่า ปรัชเริ่มสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล
“จดหมายอะไร พี่ไม่ได้ส่ง..น้องต่างหาก ส่งจดหมายให้พี่มาพบที่นี่ มีเรื่องสำคัญจะคุย..พี่ก็ร้อนใจ ว่าเรื่องอะไร เหตุใดจึงบอกในจดหมายไม่ได้”
มุกดาไม่ทันได้ยินคนทั้งสองพูดคุยอะไรกันต่อ ไฟสลัวรางในบ้านดับพรึบลงหมดทุกดวง แม้แต่ตะเกียงด้านหน้า หล่อนเห็นฝ่าความมืดออกไปว่ามีชายชุดไอ้โม่งสองสามคนวิ่งมาจากหลังพุ่มไม้รอบตัวบ้าน ทำอะไรกันตรงหน้าประตูสามบาน
เสียงล็อกกุญแจดังขึ้นถี่ๆ มุกดาถึงบางอ้อทันที ว่าสองสามีภรรยากำลังจะถูกกักขังในบ้านพักของตัวเองเสียแล้ว
ภาพเหตุการณ์ไม่คาดฝันบังเกิดขึ้นราวกับแผ่นฟิล์มภาพยนตร์ทยอยติดกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว มุกดาเริ่มประจักษ์ว่า เหตุการณ์นี้หล่อนเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง..ในฝันสมจริง!
เปลวร้อนระอุขยับขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ มุกดาเห็นผู้หญิงหน้าตาเหมือนหล่อน นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นกระดานเบื้องหน้า ห้องโล่งสีขาวที่หล่อนคุ้นตาเมื่อครั้งไปเก็บรายละเอียดที่บ้านพักริมหาดของกวิน กลายเป็นม่านบังตาลายลูกไม้ติดเปลวเพลิงโดยรอบ คงเป็นแผนการของนายพัลลภคนนั้น ที่หลอกล่อให้สามีภรรยามาพบกัน และลอบวางเพลิงคนทั้งสองผู้ถูกขังตายอยู่ในบ้านหลังนี้ หล่อนเห็นมะลิกำลังกรีดร้องเสียงแหลม
ความหวาดกลัว ความเจ็บปวดถาโถมกระหน่ำ เรียวขาที่โผล่พ้นเครื่องแต่งกายคล้ายผ้าซิ่นสีแดงสดมีรอยแผลเหวอะหวะ หล่อนคงสะดุดเข้ากับของมีคมบางชนิด ที่หล่นเกลื่อนกระจัดกระจายไปทั่ว บนพื้นพรม...
ปรัชคนกระโดดข้ามเก้าอี้ไม้จากทางด้านหลัง เขาพยายามช่วยพยุงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ทำท่าเหมือนจะแบกขึ้นบ่า เสียงเล็กใสพิมพ์เดียวกับหล่อนเอ่ยขึ้นว่า..
“หนีไปเถิดคุณพี่ น้องขอตายคนเดียว”
ชายหนุ่มในชุดราชปะแตนนุ่งกางเกงผ้าม่วงส่ายศีรษะรัวกอดหญิงสาวไว้แน่น
“ไม่ได้..พี่ทิ้งหนูลิไว้ไม่ได้ ลองดูอีกสักหน่อยเถิด เกาะหลังพี่ไว้แน่นๆ”
มะลิ ส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม
“น้องลุกไม่ไหวแล้วคุณพี่ หนีไปเร็วไม่เช่นนั้นเราต้องตายกันทั้งคู่”
“ถ้าน้องตายพี่ก็ขอตายร่วมกัน”
มุกดายืนมองเหตุการณ์อันแสนซาบซึ้งอยู่ในมุมหนึ่ง..มุมซึ่งหล่อนก็มองไม่เห็นว่าตัวเองอยู่ตรงไหนเช่นกัน เปลวเพลิงถาโถมหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นช่องทางที่จะหลุดพ้นออกจากกรงเล็บมัจจุราชไปได้..นี่เองกระมังที่ทำให้ “คุณพี่” ของ “มะลิ” ถอดใจ ทรุดตัวลงนั่งตระกองกอดคนรักไว้แน่นก้มหน้ารับความตายที่รุกคืบเข้ามาอย่างไม่ปราณี
ฉากสลับมาเป็นหน้าบ้านริมหาดแห่งนั้น ที่บัดนี้กำลังจะกลายเป็นซากในเพลิง มุกดาเห็นเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งพยายามสาดน้ำเพื่อดับไฟ แต่คงสายเกินไปเสียแล้ว มอดเป็นจุลเสียขนาดนั้น หล่อนไม่หวังหรอกว่า ปรัช กับ มะลิ จะรอดชีวิตออกมาได้
ภาพสุดท้ายก่อนลืมตาตื่นสู่โลกแห่งความจริง คือ ภาพคุณพุดซ้อน ยืนร่ำไห้ฟูมฟายจนตัวโยน อยู่หน้าเปลวเพลิงนั้นเอง หล่อนตะโกนซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนเสียสติ
“ไม่จริง..ไม่จริง ฉันไม่ได้ตั้งใจ..พี่ปรัช ..หนูลิ ฉันขอโทษ..ไอ้พัลลภ ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว แกทำลายชีวิตฉัน...”
“หนูลิ..พี่ดีใจกับเรื่องของเราเพียงไหน ก็ขอให้รู้ว่าพี่สำนึกผิด และเสียใจกับเรื่องของพุดซ้อนมากไม่แพ้กัน”
ปรัชเอื้อมมือมาแตะหลังมือมะลิอย่างจะถ่ายทอดความรู้สึกหลากหลายที่มี ให้หล่อนได้รับรู้ หญิงสาวหันเสี้ยวหน้ามามองเขาด้วยแววตาบอกความเข้าใจ
“เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมาก น้องตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่มีใครได้แก้ตัว..ไม่มีใครพร้อมจะรับฟังความจริงของเรา”
มะลิเลื่อนสายตากลับมาทอดมองพระปฏิมาองค์ใหญ่ ขนาดเป็นสองเท่าของคนจริง นัยน์ตาหล่อนมีกระแสความเศร้าหมอง และสำนึกผิดซ่อนอยู่ในเงาระยับ
“น้องตั้งใจจะขอขมาพี่พุดซ้อนหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นผล คุณพี่ใจแข็งมากค่ะ เก็บตัวอยู่ในห้องสองสามวันแล้ว หลังจากงานแต่งเราสองคน”
“พี่ว่าปล่อยให้เวลาเยียวยาเขาจะดีกว่า คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ คนอย่างพุดซ้อนไม่อภัยใครง่ายๆดอก”
มะลิเหลือบตามองเขาด้วยแววตัดพ้อ ชายหนุ่มอ่านใจคนรักออก จึงบอกอย่างยอมจำนน
“พี่รู้..พี่ผิดเอง ผิดมาตั้งแต่ต้น พี่ไม่ควรให้ความหวังเขา แต่ขอให้หนูลิรู้ไว้ ว่าพี่ไม่เคยเต็มใจสักนิด ที่ผ่านมาทั้งหมดก็ทำตามมารยาท ด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่”
ปรัชหันไปมองพักตร์อ่อนโยนของพระประธานบ้างด้วยความสำนึกผิด
“อย่าว่าแต่หนูลิเลย..พี่เองยังเข้าหน้าพุดซ้อนไม่ติด ไม่มีโอกาสได้อธิบายสิ่งใดจนคำเดียว”
เงียบกันไปพักใหญ่ ปล่อยให้ความสงบและกลิ่นอายธูปเทียนทำหน้าที่ลดทอนความเจ็บปวด โศกเศร้าของทั้งสองฝ่าย ลมเย็นพัดโชยเข้ามาราวกับจะปลอบโยนสองหนุ่มสาวให้คลายจากทุกข์ที่กำลังเผชิญ ปรัชมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อระลึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านร้อนหนาวมาด้วยกันกับคนรัก
“เราอย่าพูดถึงเรื่องที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลย..หนูลิ”
มะลิผ่อนลมหายใจยาว พยายามทำใจให้ยอมรับกับความเป็นจริง ณ ปัจจุบันขณะ
“เราผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก หลายครั้งที่พบกัน ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเจ็บตัว ไม่พี่..ก็หนูลิ จำได้ใช่ไหม”
มะลิพยักหน้าแทนคำตอบ น้ำตาเริ่มซึมคลอหน่วยตา คราวนี้เกิดจากความซึ้งใจ แทนที่ความโศกเศร้า เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวน่าประทับใจในอดีต
“ถึงจะเจ็บตัว แต่พี่ก็สุขใจทุกครั้ง ที่มีหนูลิอยู่เคียงข้าง..พี่คงทำใจไม่ได้ หากมีสิ่งใดมาพรากเราสองคนออกจากกัน”
“หนูลิรักพี่ปรัชค่ะ..”
มะลิเอ่ยสั้นๆ ทว่าหนักแน่น ยืนยันความจริงใจผ่านดวงตาคู่สวย
“พี่รู้จ้ะ..หนูลิคือรักแท้ของพี่ เราจะรักกันทุกภพทุกชาติ พี่สัญญา”
มุกดาเห็นน้ำตามะลิร่วงรินลงมาเต็มสองพวงแก้ม ขณะที่ปรัชเอ่ยชวนให้หล่อนประนมมืออธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป
“ด้วยความดีที่เคยทำร่วมกันทั้งหมดทั้งสิ้น ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงเป็นพยาน และขอให้เราไม่ลืมความทรงจำที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข แม้ตายจากกันก็ขอให้ยังระลึกถึง”
มะลิเอ่ยตามสามีจนจบประโยคนั้น แล้วทั้งสองก็ก้มกราบพระประธานในท่าเบญจางคประดิษฐ์จนครบสามครั้ง ก่อนที่ภาพในโบสถ์จะค่อยๆเลือนรางไปจากครรลองสายตาของมุกดา แล้วเปลี่ยนเป็นฉากใหม่ซ้อนเข้ามาแทนที่
ภาพสามีภรรยาเดินจูงมือกันมาถึงเชิงบันไดหน้าเรือนใหญ่ ฝ่ายชายพรมจูบลงบนหน้าผากมนงามของฝ่ายหญิงด้วยความรักและทะนุถนอม ช่างเป็นภาพบาดตาบาดใจสำหรับผู้ที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นยิ่งนัก
พุดซ้อนยืนหลบอยู่หลังเสาเอกของเรือน หล่อนกำมือแน่นจนเล็บยาวจิกเนื้อนุ่มนิ่มบนฝ่ามือ แม้หนังปริแตกจนเลือดซิบ หล่อนก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใด ใบหน้าซีดเซียว แลเห็นใต้ขอบตาบวมช้ำ ไม่มีหยาดน้ำสักหยดไหลรินลงมาจากกรอบตารูปหงส์ มีเพียงประกายแข็งกร้าวบอกความเจ็บร้าวล้ำลึกจนยากบรรยาย
“คุณเกลียดน้องสาวใช่ไหม..คุณพุดซ้อน?”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงห้าวของพัลลภดังข้างหู หล่อนหันไปมองญาติผู้ภักดีด้วยท่าทีเลื่อนลอย เอ่ยตอบเบาแทบเป็นกระซิบเหมือนรำพึงกับตัวเอง
“เกลียดมาก..มากที่สุด”
พัลลภยกยิ้มด้วยความพึงใจกับคำตอบที่ได้ฟัง
“คุณอยากได้สามีคืนมาหรือไม่?”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ แววตายังคงเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
“ผมรักและภักดีกับคุณมาตลอด จนบัดนี้ก็ยังรัก..”
ชายหนุ่มทอดมองหล่อนอย่างมีความหมายลึกซึ้ง พุดซ้อนเกือบจะเหยียดริมฝีปาก ด่าทอให้เขาสำเหนียกถึงฐานะของตัวเอง แต่หล่อนก็ต้องหยุดกึก เมื่อเขาขยายต่อ
“ยังอยากเห็นคุณมีความสุข ได้สมหวังกับคนที่คุณรัก..ผมทนไม่ได้จริงๆที่เห็นคุณเป็นแบบนี้”
พุดซ้อนมองเขาด้วยสายตาคำถามทำนองว่า..แล้วนายมีทางช่วยให้ฉันสมหวังหรืออย่างไร
“มีครับ..ผมมีทางออก”
เขารีบบอกอย่างเดาใจหล่อนได้
“หากไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ..มะลิ อยู่ในโลก คุณปรัชก็ต้องกลับมาหาคุณ..เชื่อผมสิ”
พุดซ้อนเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
“นายหมายความว่า..”
“ใช่ครับ..ต้องฆ่าเธอซะ แล้วเธอจะหายไปจากชีวิตรักของคุณ”
พุดซ้อนรีบสั่นศีรษะ ถอยห่างจากพัลลภ กลอกตามองเขาด้วยความระแวง
“นายคิดได้ยังไงกัน..เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจคออำมหิตถึงปานนั้น”
“เฮ้อ..” พัลลภแสร้งถอนหายใจยาว มองหล่อนอย่างผู้เจนโลกมาก่อน
“กระนั้นคุณก็ต้องทำใจล่ะนะ..จนตัวตายก็ไม่มีวันได้คุณปรัชคืนมาดอก เขาไม่มีทางเหลียวมองคุณแม้แต่หางตา”
พุดซ้อนมีท่าทีลังเลเมื่อนึกถึงข้อนี้ ใจหล่อนเต้นระรัว สับสนระหว่างความคิดฝ่ายสำนึกผิดชอบชั่วดี กับความคิดพยาบาทน้องสาว
“คุณไม่ต้องกังวลดอก คุณพุดซ้อน ผมไม่ปล่อยให้มือคุณเปื้อนเลือด แค่เปิดช่องทางให้ผมจัดการตามแผนก็พอ”
พัลลภรีบหยอดข้อเสนอ เมื่อเห็นท่าทีโอนอ่อนของหญิงสาว เขาบอกเสียงยืนยันหนักแน่น
“หากผิดพลาด..เรื่องถึงตำรวจ ผมจะรับผิดทั้งหมดเอง ไม่พาดพิงถึงคุณ..สาบานด้วยความจงรักภักดีขอรับ”
พุดซ้อนสั่นศีรษะ เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ ทว่าไม่ได้ออกปากปฏิเสธชายหนุ่ม พัลลภยิงประโยคเด็ดทิ้งท้าย พร้อมอธิบายถึงแผนการคร่าวๆแบบมัดมือชก
“เลือกเอา ระหว่างความรัก ความแค้น กับความดีที่ไร้ประโยชน์...พรุ่งนี้คุณปรัชมีกำหนดการออกตรวจหัวเมือง จะไม่กลับบ้านสองวัน ผมจะทำจดหมายปลอมลายมือเขา ขอให้คุณช่วยส่งให้น้องสาว เนื้อความในนั้นจะหลอกล่อให้คุณมะลิเดินทางไปรอพบคุณปรัชที่บ้านพัก ปราณบุรี คุณแค่ส่งจดหมายให้ถึงมือ ขั้นตอนหลังจากนั้นผมจัดการเอง...หากตัดสินใจแน่แล้ว พรุ่งนี้ตอนตีห้าไปรอผมตรงศาลาริมน้ำ ผมจะเอาจดหมายนั้นมาให้”
แววตาอ่อนลงของหญิงสาว ทำให้พัลลภยิ้มสมใจ เขาไม่ได้บอกรายละเอียดหล่อนทั้งหมด ปิดส่วนสำคัญที่ว่า..จดหมายปลอมมีอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งจะเป็นลายมือของมะลิ ส่งถึงปรัชเพื่อให้ทั้งสองคนมาพบกันในบ้านพักริมหาดแห่งนั้น...เขาจะจัดการให้หายไปจากโลกทั้งผัวทั้งเมีย
ความรักระหว่างตน กับ คุณพุดซ้อน จักได้สมหวังเสียที!
มะลิแทบจะกระโดดกอดพี่สาวด้วยความดีใจสุดขีด เมื่อเห็นใบหน้าสดใสและรอยยิ้มหวานหยดจากพุดซ้อนที่หน้าประตูห้องของตน ในยามสาย
“มีอะไรหรือคะคุณพี่?”
มะลิถามทั้งที่ยังยิ้มกว้าง พุดซ้อนยื่นซองจดหมายฉบับนั้นให้น้องสาว ใจเต้นรัวผิดกับสีหน้าแย้มเยื้อนที่แสดงออกมา หล่อนไม่ได้เต็มใจทำตามแผนการของพัลลภเสียทีเดียว แต่จำต้องยอมรับว่าตนไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ หล่อนยังห่วงความสุขของตัวเอง มากกว่าชีวิตน้องสาว
“พี่ปรัชฝากจดหมายมา พี่เพิ่งรับจากเลขาหน้าห้องของเขาเมื่อครู่นี้เอง”
หล่อนบอกมะลิเท่านั้น แล้วก็รีบหมุนตัวกลับไป เดินหายลับลงบันไดอย่างรวดเร็ว จนมะลิรั้งไว้ไม่ทัน หญิงสาวยังอยากพูดคุยเรื่องอื่นกับพี่สาว อย่างน้อยก็ได้ขอขมาเรื่องที่ยังค้างคาใจ
มะลิเดินคอตกปิดประตูกลับเข้าห้องด้วยความเสียดาย
จดหมายในซองถูกเปิดอ่านอีกไม่กี่นาทีถัดจากนั้น
เวลาบ่ายแก่ๆ มะลิก็ให้คนขับรถพาหล่อนออกจากเรือนกุหลาบ มีเป้าหมายคือ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธุ์ ตามที่สามีขอร้องในจดหมาย หล่อนจำได้ดีว่าพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเขา ทว่าความที่ต้องออกราชการ หญิงสาวจึงไม่กล้ารั้งเขาไว้ ได้แต่เตรียมของขวัญไว้ให้ยามเขากลับมา..ไม่นึกว่าปรัชจะส่งจดหมายมาขอร้องให้หล่อนไปร่วมรับประทานมื้อค่ำ ฉลองวันเกิดที่บ้านพักริมหาด หญิงสาวทั้งดีใจ และนึกประหลาดใจในคราวเดียว เพราะปกติชายหนุ่มจะห่วงเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว
“ออกไปแล้วหรือ..น้องสาวฉัน”
พุดซ้อนถามเด็กต้นห้องเพื่อความแน่ใจ เมื่อได้รับคำตอบตามที่คิดไว้ หล่อนก็ปิดประตู กลับเข้ามาสงบจิตใจบนเตียงเบาะนุ่ม
หญิงสาวเอนกายลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ แต่ว่าทำไม่ได้จนแล้วจนรอด ในใจหล่อนมันร้อนรุ่มยิ่งกว่าสุมไฟ ภาพวันคืนเก่าๆตั้งแต่วัยเยาว์ตามมาหลอกหลอน และตอกย้ำความโหดเหี้ยมที่ได้กระทำกับน้องสาวเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน
“คุณพี่ต้องพักผ่อนมากๆนะคะ จะได้หายไข้..ประเดี๋ยวน้องเช็ดตัวให้เอง นอนสบายๆเถิดค่ะ”
คำพูดเอาอกเอาใจ แสดงความห่วงใยจากน้องสาวดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับภาพในวันวาน ยามที่หล่อนเจ็บไข้ พ่อแม่ไปออกงานราชการ มีเพียงหล่อนกับน้องอยู่ในเรือน บ่าวไพร่ล้อมหน้าล้อมหลัง
หญิงสาวนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ หล่อนจำได้ดีว่ามะลิไม่ห่างกายเลยแม้แต่นาทีเดียว น้องสาวดูแลหล่อนอย่างดี ไม่ได้หลับนอนจนกระทั่งรุ่งสาง อาการหล่อนดีขึ้น ทว่าน้องสาวนั่งหลับพับอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ในมือยังถือผ้าชุบน้ำเปียกหมาดๆ
“พี่ใจร้ายกับเธอเกินไป..พี่ทำไม่ได้!”
พุดซ้อนดีดตัวขึ้นจากเตียง เมื่อสามัญสำนึกวินาทีสุดท้ายร้องเตือนให้หล่อนเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง หล่อนแหงนมองนาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังห้อง คำนวณเวลาแล้วมะลิน่าจะเพิ่งไปถึงบ้านพักที่ปราณบุรีไม่เกินครึ่งชั่วโมง หญิงสาวรีบตะโกนสั่งให้บ่าวตามคนขับรถอย่างด่วนที่สุด หล่อนแทบไม่ได้เตรียมอะไรติดตัวไปเลย มีเพียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วยิ่งกว่าครั้งไหน..รถอีกคันเคลื่อนตัวออกจากเรือนกุหลาบ มุ่งสู่เป้าหมายในยามพลบค่ำ
มะลิต้องประหลาดใจเป็นคำรบสอง เมื่อเลื่อนประตูกระจกเข้ามาในบ้าน พบปรัชนั่งรออยู่ก่อนแล้วบนเก้าอี้ไม้รับรองแขก เขาผุดลุกขึ้นด้วยความร้อนใจ รีบเอ่ยปากถามหล่อนพลางคว้าข้อมือมากุมไว้
“มีเรื่องอะไรด่วนหรือ..ถึงต้องออกมาพบพี่ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
มะลิทำหน้าเหวอ เลิกคิ้วฉงนกับคำถามของเขา
“เรื่องด่วนอะไรคะ..ก็คุณพี่นั่นแหละ ส่งจดหมายให้น้องมาร่วมรับทานมื้อค่ำ”
แววตาของเขาบอกความประหลาดใจยิ่งกว่า ปรัชเริ่มสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล
“จดหมายอะไร พี่ไม่ได้ส่ง..น้องต่างหาก ส่งจดหมายให้พี่มาพบที่นี่ มีเรื่องสำคัญจะคุย..พี่ก็ร้อนใจ ว่าเรื่องอะไร เหตุใดจึงบอกในจดหมายไม่ได้”
มุกดาไม่ทันได้ยินคนทั้งสองพูดคุยอะไรกันต่อ ไฟสลัวรางในบ้านดับพรึบลงหมดทุกดวง แม้แต่ตะเกียงด้านหน้า หล่อนเห็นฝ่าความมืดออกไปว่ามีชายชุดไอ้โม่งสองสามคนวิ่งมาจากหลังพุ่มไม้รอบตัวบ้าน ทำอะไรกันตรงหน้าประตูสามบาน
เสียงล็อกกุญแจดังขึ้นถี่ๆ มุกดาถึงบางอ้อทันที ว่าสองสามีภรรยากำลังจะถูกกักขังในบ้านพักของตัวเองเสียแล้ว
ภาพเหตุการณ์ไม่คาดฝันบังเกิดขึ้นราวกับแผ่นฟิล์มภาพยนตร์ทยอยติดกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว มุกดาเริ่มประจักษ์ว่า เหตุการณ์นี้หล่อนเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง..ในฝันสมจริง!
เปลวร้อนระอุขยับขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ มุกดาเห็นผู้หญิงหน้าตาเหมือนหล่อน นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นกระดานเบื้องหน้า ห้องโล่งสีขาวที่หล่อนคุ้นตาเมื่อครั้งไปเก็บรายละเอียดที่บ้านพักริมหาดของกวิน กลายเป็นม่านบังตาลายลูกไม้ติดเปลวเพลิงโดยรอบ คงเป็นแผนการของนายพัลลภคนนั้น ที่หลอกล่อให้สามีภรรยามาพบกัน และลอบวางเพลิงคนทั้งสองผู้ถูกขังตายอยู่ในบ้านหลังนี้ หล่อนเห็นมะลิกำลังกรีดร้องเสียงแหลม
ความหวาดกลัว ความเจ็บปวดถาโถมกระหน่ำ เรียวขาที่โผล่พ้นเครื่องแต่งกายคล้ายผ้าซิ่นสีแดงสดมีรอยแผลเหวอะหวะ หล่อนคงสะดุดเข้ากับของมีคมบางชนิด ที่หล่นเกลื่อนกระจัดกระจายไปทั่ว บนพื้นพรม...
ปรัชคนกระโดดข้ามเก้าอี้ไม้จากทางด้านหลัง เขาพยายามช่วยพยุงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ทำท่าเหมือนจะแบกขึ้นบ่า เสียงเล็กใสพิมพ์เดียวกับหล่อนเอ่ยขึ้นว่า..
“หนีไปเถิดคุณพี่ น้องขอตายคนเดียว”
ชายหนุ่มในชุดราชปะแตนนุ่งกางเกงผ้าม่วงส่ายศีรษะรัวกอดหญิงสาวไว้แน่น
“ไม่ได้..พี่ทิ้งหนูลิไว้ไม่ได้ ลองดูอีกสักหน่อยเถิด เกาะหลังพี่ไว้แน่นๆ”
มะลิ ส่ายหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม
“น้องลุกไม่ไหวแล้วคุณพี่ หนีไปเร็วไม่เช่นนั้นเราต้องตายกันทั้งคู่”
“ถ้าน้องตายพี่ก็ขอตายร่วมกัน”
มุกดายืนมองเหตุการณ์อันแสนซาบซึ้งอยู่ในมุมหนึ่ง..มุมซึ่งหล่อนก็มองไม่เห็นว่าตัวเองอยู่ตรงไหนเช่นกัน เปลวเพลิงถาโถมหนักขึ้นเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นช่องทางที่จะหลุดพ้นออกจากกรงเล็บมัจจุราชไปได้..นี่เองกระมังที่ทำให้ “คุณพี่” ของ “มะลิ” ถอดใจ ทรุดตัวลงนั่งตระกองกอดคนรักไว้แน่นก้มหน้ารับความตายที่รุกคืบเข้ามาอย่างไม่ปราณี
ฉากสลับมาเป็นหน้าบ้านริมหาดแห่งนั้น ที่บัดนี้กำลังจะกลายเป็นซากในเพลิง มุกดาเห็นเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งพยายามสาดน้ำเพื่อดับไฟ แต่คงสายเกินไปเสียแล้ว มอดเป็นจุลเสียขนาดนั้น หล่อนไม่หวังหรอกว่า ปรัช กับ มะลิ จะรอดชีวิตออกมาได้
ภาพสุดท้ายก่อนลืมตาตื่นสู่โลกแห่งความจริง คือ ภาพคุณพุดซ้อน ยืนร่ำไห้ฟูมฟายจนตัวโยน อยู่หน้าเปลวเพลิงนั้นเอง หล่อนตะโกนซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนเสียสติ
“ไม่จริง..ไม่จริง ฉันไม่ได้ตั้งใจ..พี่ปรัช ..หนูลิ ฉันขอโทษ..ไอ้พัลลภ ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว แกทำลายชีวิตฉัน...”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2555, 00:27:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2555, 00:27:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 1816
<< บทที่๒๓ วิวาห์จำนน ๒/๒ | บทที่ ๒๔ จุดจบของอารมณ์ชั่ววูบ ๒/๒ >> |
wane 15 ก.ค. 2555, 09:26:40 น.
พุดซ้อนก็ดูเหมือนจะสำนึกได้ ..ทำไมชาตินี้ถึงยังได้ร้ายเหมือนเดิมหล่ะ
พุดซ้อนก็ดูเหมือนจะสำนึกได้ ..ทำไมชาตินี้ถึงยังได้ร้ายเหมือนเดิมหล่ะ
sirynth 15 ก.ค. 2555, 12:54:23 น.
Let's hope the present is not as tragic as the past.
Let's hope the present is not as tragic as the past.
เดิมเดิม 15 ก.ค. 2555, 22:21:12 น.
พี่วินไม่เคยฝันบ้างหรือ
พี่วินไม่เคยฝันบ้างหรือ
ศิลาริน 17 ก.ค. 2555, 01:35:04 น.
พัลลภคือใคร..
พี่วินเคยฝันรึเปล่า..
รอติดตามตอนต่อๆไปนะคะ เหลืออีกสามสี่ตอนก็จะอวสานแล้วค่ะ
ขอบคุณนักอ่านที่ติดตากันมาตลอดนะคะ^^
พัลลภคือใคร..
พี่วินเคยฝันรึเปล่า..
รอติดตามตอนต่อๆไปนะคะ เหลืออีกสามสี่ตอนก็จะอวสานแล้วค่ะ
ขอบคุณนักอ่านที่ติดตากันมาตลอดนะคะ^^
ศิลาริน 17 ก.ค. 2555, 01:37:17 น.
เพิ่มอีกอย่างคือ..ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมรึเปล่า
ติดตามตอนต่อไปค่ะ
เพิ่มอีกอย่างคือ..ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมรึเปล่า
ติดตามตอนต่อไปค่ะ