เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๒๔ จุดจบของอารมณ์ชั่ววูบ ๒/๒
ไพลินเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ หลังจากเห็นภาพบางอย่างในสมาธิ เหงื่อเม็ดผุดพราวเต็มหน้าผากเหนือกรอบแว่นอันใหญ่ เช้ามืดเช่นนี้ หล่อนเข้ามาสวดมนต์ นั่งสมาธิ หน้าโต๊ะหมู่บูชา ในห้องพระตามกิจวัตรที่ทำเป็นประจำตลอดสามปีที่ผ่านมา
ความต่อเนื่อง และเพียรพยายามในการฝึกฝน ทำให้หญิงสาวเริ่มมีความสงบ แน่วแน่พอจนเกิดฌานได้เป็นลำดับขั้น นานๆครั้งจะเกิดนิมิตเห็นเรื่องราวบางอย่างของคนใกล้ตัว แต่ละครั้งล้วนเป็นเรื่องน่าใจหาย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับนักเรียน และเพื่อนร่วมงานที่หล่อนสนิท พูดคุยเล่นหัวด้วยบ่อยๆ หล่อนเคยคิดว่าภาพเหล่านั้นเกิดจากความฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งขึ้นมาเอง ภาวนาให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหก ทว่านิมิต หรือลางสังหรณ์เหล่านั้นได้เกิดขึ้นจริงมาแล้ว..ถึงสามครั้ง
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ นับแต่หล่อนฝึกนั่งสมาธิตามคำชี้แนะของอาจารย์ทางธรรมสายปฏิบัติผู้หนึ่ง ไพลินภาวนาด้วยความหวังอันเลือนรางอีกครั้ง เพราะคราวนี้มันหมายถึงความเป็นความตายของน้องสาวคนเล็กเลยทีเดียว
“โธ่! ไข่มุก..ขออย่าให้เป็นอย่างที่พี่เห็นเลยนะ”
ไพลินยกมือประนมจรดหน้าผาก รำพึงกับตัวเอง หล่อนไม่คิดว่าผู้ที่กำลังเป็นห่วง จะแอบย่องเข้ามาเกาะเอวแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
“กำลังอธิษฐานอะไรอยู่หรือคะพี่ลิน ไข่มุกเหมือนได้ยินชื่อตัวเอง เกี่ยวกับไข่มุกรึเปล่าเอ่ย”
มุกดาชะโงกหน้ามายิ้มรื่นให้พี่สาว ไพลินเห็นน้องเล็กแล้วรู้สึกวูบขึ้นมาในหัวอก หล่อนชะงักครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่..ไข่มุก”
หญิงสาวยกมือลูบกลุ่มผมไหมละเอียดนุ่มของมุกดาด้วยความเอ็นดูระคนห่วงใย
“ตื่นแต่เช้าเชียว นึกยังไงถึงมาห้องพระล่ะจ๊ะ?”
มุกดาถอนหายใจพรืดใหญ่ หล่อนกระชับอ้อมแขนกอดพี่สาวแน่น แนบหน้าเสี้ยวหนึ่งลงบนไหล่แบบบางอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว
“เคยแต่ได้ยินเขาพูดกันว่า..คนเรา หากไม่มีทุกข์ ก็ไม่คิดเข้าหาวัด ศึกษาธรรมะ..ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม..เพิ่งรู้ด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้แหละ ว่ามันถูกทั้งหมด”
นัยน์ตาหม่นมัวราวนิลเจียระไนอับแสง ทำให้ไพลินมองน้องสาวด้วยความกังวลยิ่งกว่าเก่า มุกดาบอกเสียงสลดที่สุดในชีวิต
“ไข่มุกเห็นอดีตตัวเองหมดแล้ว..ไข่มุกทำร้ายพี่แพรได้ลงคอ เวรกรรมถึงตามทัน”
หางเสียงเริ่มสั่นเครือ น้ำตาคลอเต็มสองหน่วย
ไพลินกระชับต้นแขนน้องสาวแล้วดันให้ยืดตัวขึ้นนั่งตรง หล่อนส่งกระแสความอิ่มเย็นจากการทำสมาธิผ่านนัยน์ตาคู่สวย พร้อมกับมองตรงไปยังน้องสาวด้วยความแน่วแน่ ราวกับจะเผื่อแผ่ความเข้มแข็ง
“ตั้งสติดีๆก่อน เล่าให้พี่ฟังหน่อยซิ..มันเกิดอะไรขึ้น”
มุกดาได้เข้ามาอยู่ในห้องพระอันสงบสงัด ได้เห็นใบหน้าอ่อนหวาน มีเมตตาของพี่สาว ใจหล่อนก็ชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิ้วเริ่มคลายจากปมขมวด
“พี่ลินจำได้ไหม..เรื่องความฝัน ที่เราเคยคุยกันว่าเกี่ยวกับอดีตชาติของไข่มุก”
แล้วเรื่องราวในแผ่นฟิล์มความฝันของคืนวันนั้น ก็ค่อยๆถูกเปิดเผยให้พี่สาวได้รับรู้จนหมดเปลือก ละเอียดยิบ ไพลินนั่งฟังอย่างสงบ ไม่เอ่ยแทรกสักคำเดียว หล่อนสังเกตว่าสีหน้าและแววตาน้องสาวเริ่มหม่นหมองลงเรื่อยๆ บางทีก็มีน้ำใสเอ่อขึ้นมาปริ่มขอบตา เมื่อเล่าถึงฉากสะเทือนใจในห้วงนิทรารมย์ หล่อนรอจนน้องเล็กเล่าจบ จึงค่อยออกความเห็น
“ไข่มุก ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนั้นนี่นา..อย่าคิดมากเลยนะคนดี”
มุกดาสั่นศีรษะระรัว ความรู้สึกผิดยังซึมลึกในจิตใจ
“แต่ไข่มุกก็น่าจะทำอะไรบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องมันเลยตามเลย เห็นแก่ความสุขของตัวเองแบบนั้น”
ไพลินแตะหลังมือน้องสาวเบาๆ นึกสงสารมุกดาขึ้นมาจับใจ
“แล้วไปแล้วนะเด็กน้อย ถือเสียว่าพี่แพรกับเธอมีเวรกรรมผูกพันกันมา..อาจจะเป็นห่วงโซ่ยืดยาวมาก่อนชาติที่แล้วก็ได้ คนเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นแดนเกิด อดีตล่วงไปแล้วอย่าเอามาคิดให้เสียเวลา มันไม่ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย เราเลือกที่จะทำปัจจุบัน ให้เป็นอดีตที่ดีของอนาคตได้ สร้างเหตุปัจจัยใหม่ได้.. อภัยในสิ่งที่เขาทำกับเราทั้งชาตินี้ และชาติก่อน จะได้ไม่ต้องผูกเวรต่อไปอีกมิรู้จบ”
มุกดารู้สึกราวกับมีน้ำตกใสเย็นรินรดผ่านกลางใจ หล่อนมองพี่สาวด้วยสายตาบอกความทึ่ง
“พี่ลินพูดดีจังค่ะ..ยังไงก็ไม่รู้นะคะ พี่ลินมีมากกว่าคำพูด พี่ลินมีพลังบางอย่างทำให้ไข่มุกรู้สึกดีกว่าเก่ามาก บอกไม่ถูกเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
ไพลินส่ายหน้า นัยน์ตามีเงาประหลาดจุดขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง
“พี่ไม่ได้มีพลังอะไรเลย..แค่ผ่านปัญหา เจอความทุกข์มามากกว่าเรา ที่พูดก็จากประสบการณ์ชีวิตล้วนๆ”
มุกดานั่งมองพี่สาวจนเพลิน เกือบลืมความทุกข์ของตัวเองไปชั่วขณะ ดวงตาใต้กรอบแว่นคู่นั้นมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้หล่อนไม่สามารถถอนสายตาออกไปจากพี่สาวได้เลย ทั้งที่ไพลินไม่ใช่คนสวยจัดอย่างแพรวาจนนิดเดียว
“พี่ลินเคยเห็นอะไรในสมาธิบ้างไหมคะ..อย่างเห็นอดีตชาติ เห็นผีสางเทวดา?”
จู่ๆมุกดาก็นึกสงสัยขึ้นมาฉับพลัน ไพลินกำลังจะลืมภาพที่เห็นในสมาธิเมื่อครู่อยู่แล้วเชียว เมื่อน้องสาวมากระตุ้นต่อมความทรงจำ หญิงสาวก็รู้สึกใจหายขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง
“เคยสิ..แต่บางเรื่อง พี่ก็ไม่ได้อยากจะเห็น..ไม่ได้อยากให้มันจริงขึ้นมาเลย”
มุกดาเลิกคิ้วฉงน
“พี่ลินเห็นอะไรคะ?”
ไพลินเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเตือนน้องสาวแบบอ้อมๆ
“ไข่มุก..พี่ขอร้องล่ะ เดือนนี้อย่าเพิ่งไปไหนกับคนแปลกหน้า ใครมาชวนก็ไม่ต้องไป..ถ้าจำเป็นจริงๆขอให้บอกพี่ก่อน”
เช้าวันทำงานของสัปดาห์ใหม่ มุกดามาถึงอาคารทรงสี่เหลี่ยมคางหมูช้ากว่าปกติไปสิบนาที หล่อนรีบสาวเท้ายาวและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อพนักงานชายผู้นั้นเปิดประตูออกต้อนรับ
หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปยังลิฟท์ พอประตูลิฟท์เปิดก็มุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจใคร หล่อนจึงไม่ทันระวังผู้ที่กำลังเดินสวนออกมาในทิศทางเดียวกัน หญิงสาวชนเข้ากับแผงอกกว้างของชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง กำลังจะเงยหน้าขยับปากขอโทษ ก็พบกวินยืนยิ้มมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน
“เจ็บรึเปล่าไข่มุก..”
เสียงทุ้มนุ่มของเขาอ่อนโยนไม่แพ้ใบหน้า มุกดารู้สึกเหมือนความรู้สึกเก่าๆ เมื่อครั้งก่อนจะเกิดเรื่องบาดหมางต่างๆนานาย้อนกลับมาอีกครั้ง ทว่าหล่อนต้องจำฝืนใจ ทำหน้าเรียบเฉย แทนที่จะยิ้มให้เขาอย่างที่ควรเป็น
“ไม่เป็นไรค่ะ..”
เสียงเรียบเฉยในท่าทีสำรวมทำให้กวินชะงัก นัยน์ตาหม่นแสงลง มุกดาเห็นแล้วรู้สึกเจ็บร้าวในหัวอก ทว่าหล่อนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว..ว่าชาตินี้จะไม่เป็นมือที่สาม ระหว่างเขากับแพรวา หล่อนจะไม่ทำร้ายจิตใจพี่สาวอีก
“ดิฉันขอตัวไปทำงานนะคะ มีแปลนค้างไว้มากพอควร”
มุกดาก้มหน้าตาหลุบต่ำไม่มองปฏิกิริยาของเขาจนกระทั่งลิฟท์ปิดสนิท หล่อนบอกตัวเองให้ใจแข็งเอาไว้ ทว่าขอบตากับร้อนผ่าวขึ้นมาอีกอย่างยากจะควบคุม
ประตูลิฟท์แยกออกจากกันอีกครั้ง หล่อนเงยหน้า สูดลมหายใจลึก พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่าน กับอารมณ์ปั่นป่วนในใจออกไป เพื่อให้พร้อมสำหรับการทำงานในวันนี้
หลังม่านน้ำตาซึ่งเริ่มเหือดหาย ภาพเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น กฤษดายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดเรียงสวย เมื่อพบหล่อนเดินตรงเข้ามา
“ดีใจที่ได้พบคุณแต่เช้านะครับ..”
มุกดาฝืนยิ้ม ทำหน้าตาสดใส ทั้งที่ในใจไม่มีความสุขเลยสักนิด
“ไม่เช้าแล้วค่ะคุณกฤษดา..ไข่มุกมาสายไปตั้งสิบนาที”
ชายหนุ่มยังยิ้มให้หล่อนทั้งปากและตา แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เสาร์นี้ว่างไหมครับ ไข่มุก...ผมอยากชวนคุณไปทำบุญที่หัวหิน”
มุกดาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำชวนของเขา
หล่อนอุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณกฤษดาเนี่ยนะคะ..จะไปทำบุญ”
ความต่อเนื่อง และเพียรพยายามในการฝึกฝน ทำให้หญิงสาวเริ่มมีความสงบ แน่วแน่พอจนเกิดฌานได้เป็นลำดับขั้น นานๆครั้งจะเกิดนิมิตเห็นเรื่องราวบางอย่างของคนใกล้ตัว แต่ละครั้งล้วนเป็นเรื่องน่าใจหาย โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับนักเรียน และเพื่อนร่วมงานที่หล่อนสนิท พูดคุยเล่นหัวด้วยบ่อยๆ หล่อนเคยคิดว่าภาพเหล่านั้นเกิดจากความฟุ้งซ่าน ปรุงแต่งขึ้นมาเอง ภาวนาให้มันเป็นเพียงเรื่องโกหก ทว่านิมิต หรือลางสังหรณ์เหล่านั้นได้เกิดขึ้นจริงมาแล้ว..ถึงสามครั้ง
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สี่ นับแต่หล่อนฝึกนั่งสมาธิตามคำชี้แนะของอาจารย์ทางธรรมสายปฏิบัติผู้หนึ่ง ไพลินภาวนาด้วยความหวังอันเลือนรางอีกครั้ง เพราะคราวนี้มันหมายถึงความเป็นความตายของน้องสาวคนเล็กเลยทีเดียว
“โธ่! ไข่มุก..ขออย่าให้เป็นอย่างที่พี่เห็นเลยนะ”
ไพลินยกมือประนมจรดหน้าผาก รำพึงกับตัวเอง หล่อนไม่คิดว่าผู้ที่กำลังเป็นห่วง จะแอบย่องเข้ามาเกาะเอวแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
“กำลังอธิษฐานอะไรอยู่หรือคะพี่ลิน ไข่มุกเหมือนได้ยินชื่อตัวเอง เกี่ยวกับไข่มุกรึเปล่าเอ่ย”
มุกดาชะโงกหน้ามายิ้มรื่นให้พี่สาว ไพลินเห็นน้องเล็กแล้วรู้สึกวูบขึ้นมาในหัวอก หล่อนชะงักครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่..ไข่มุก”
หญิงสาวยกมือลูบกลุ่มผมไหมละเอียดนุ่มของมุกดาด้วยความเอ็นดูระคนห่วงใย
“ตื่นแต่เช้าเชียว นึกยังไงถึงมาห้องพระล่ะจ๊ะ?”
มุกดาถอนหายใจพรืดใหญ่ หล่อนกระชับอ้อมแขนกอดพี่สาวแน่น แนบหน้าเสี้ยวหนึ่งลงบนไหล่แบบบางอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว
“เคยแต่ได้ยินเขาพูดกันว่า..คนเรา หากไม่มีทุกข์ ก็ไม่คิดเข้าหาวัด ศึกษาธรรมะ..ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม..เพิ่งรู้ด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้แหละ ว่ามันถูกทั้งหมด”
นัยน์ตาหม่นมัวราวนิลเจียระไนอับแสง ทำให้ไพลินมองน้องสาวด้วยความกังวลยิ่งกว่าเก่า มุกดาบอกเสียงสลดที่สุดในชีวิต
“ไข่มุกเห็นอดีตตัวเองหมดแล้ว..ไข่มุกทำร้ายพี่แพรได้ลงคอ เวรกรรมถึงตามทัน”
หางเสียงเริ่มสั่นเครือ น้ำตาคลอเต็มสองหน่วย
ไพลินกระชับต้นแขนน้องสาวแล้วดันให้ยืดตัวขึ้นนั่งตรง หล่อนส่งกระแสความอิ่มเย็นจากการทำสมาธิผ่านนัยน์ตาคู่สวย พร้อมกับมองตรงไปยังน้องสาวด้วยความแน่วแน่ ราวกับจะเผื่อแผ่ความเข้มแข็ง
“ตั้งสติดีๆก่อน เล่าให้พี่ฟังหน่อยซิ..มันเกิดอะไรขึ้น”
มุกดาได้เข้ามาอยู่ในห้องพระอันสงบสงัด ได้เห็นใบหน้าอ่อนหวาน มีเมตตาของพี่สาว ใจหล่อนก็ชื้นขึ้นมาเป็นกอง คิ้วเริ่มคลายจากปมขมวด
“พี่ลินจำได้ไหม..เรื่องความฝัน ที่เราเคยคุยกันว่าเกี่ยวกับอดีตชาติของไข่มุก”
แล้วเรื่องราวในแผ่นฟิล์มความฝันของคืนวันนั้น ก็ค่อยๆถูกเปิดเผยให้พี่สาวได้รับรู้จนหมดเปลือก ละเอียดยิบ ไพลินนั่งฟังอย่างสงบ ไม่เอ่ยแทรกสักคำเดียว หล่อนสังเกตว่าสีหน้าและแววตาน้องสาวเริ่มหม่นหมองลงเรื่อยๆ บางทีก็มีน้ำใสเอ่อขึ้นมาปริ่มขอบตา เมื่อเล่าถึงฉากสะเทือนใจในห้วงนิทรารมย์ หล่อนรอจนน้องเล็กเล่าจบ จึงค่อยออกความเห็น
“ไข่มุก ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนั้นนี่นา..อย่าคิดมากเลยนะคนดี”
มุกดาสั่นศีรษะระรัว ความรู้สึกผิดยังซึมลึกในจิตใจ
“แต่ไข่มุกก็น่าจะทำอะไรบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องมันเลยตามเลย เห็นแก่ความสุขของตัวเองแบบนั้น”
ไพลินแตะหลังมือน้องสาวเบาๆ นึกสงสารมุกดาขึ้นมาจับใจ
“แล้วไปแล้วนะเด็กน้อย ถือเสียว่าพี่แพรกับเธอมีเวรกรรมผูกพันกันมา..อาจจะเป็นห่วงโซ่ยืดยาวมาก่อนชาติที่แล้วก็ได้ คนเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นแดนเกิด อดีตล่วงไปแล้วอย่าเอามาคิดให้เสียเวลา มันไม่ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย เราเลือกที่จะทำปัจจุบัน ให้เป็นอดีตที่ดีของอนาคตได้ สร้างเหตุปัจจัยใหม่ได้.. อภัยในสิ่งที่เขาทำกับเราทั้งชาตินี้ และชาติก่อน จะได้ไม่ต้องผูกเวรต่อไปอีกมิรู้จบ”
มุกดารู้สึกราวกับมีน้ำตกใสเย็นรินรดผ่านกลางใจ หล่อนมองพี่สาวด้วยสายตาบอกความทึ่ง
“พี่ลินพูดดีจังค่ะ..ยังไงก็ไม่รู้นะคะ พี่ลินมีมากกว่าคำพูด พี่ลินมีพลังบางอย่างทำให้ไข่มุกรู้สึกดีกว่าเก่ามาก บอกไม่ถูกเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ”
ไพลินส่ายหน้า นัยน์ตามีเงาประหลาดจุดขึ้นวูบหนึ่ง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง
“พี่ไม่ได้มีพลังอะไรเลย..แค่ผ่านปัญหา เจอความทุกข์มามากกว่าเรา ที่พูดก็จากประสบการณ์ชีวิตล้วนๆ”
มุกดานั่งมองพี่สาวจนเพลิน เกือบลืมความทุกข์ของตัวเองไปชั่วขณะ ดวงตาใต้กรอบแว่นคู่นั้นมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้หล่อนไม่สามารถถอนสายตาออกไปจากพี่สาวได้เลย ทั้งที่ไพลินไม่ใช่คนสวยจัดอย่างแพรวาจนนิดเดียว
“พี่ลินเคยเห็นอะไรในสมาธิบ้างไหมคะ..อย่างเห็นอดีตชาติ เห็นผีสางเทวดา?”
จู่ๆมุกดาก็นึกสงสัยขึ้นมาฉับพลัน ไพลินกำลังจะลืมภาพที่เห็นในสมาธิเมื่อครู่อยู่แล้วเชียว เมื่อน้องสาวมากระตุ้นต่อมความทรงจำ หญิงสาวก็รู้สึกใจหายขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง
“เคยสิ..แต่บางเรื่อง พี่ก็ไม่ได้อยากจะเห็น..ไม่ได้อยากให้มันจริงขึ้นมาเลย”
มุกดาเลิกคิ้วฉงน
“พี่ลินเห็นอะไรคะ?”
ไพลินเรียบเรียงคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเตือนน้องสาวแบบอ้อมๆ
“ไข่มุก..พี่ขอร้องล่ะ เดือนนี้อย่าเพิ่งไปไหนกับคนแปลกหน้า ใครมาชวนก็ไม่ต้องไป..ถ้าจำเป็นจริงๆขอให้บอกพี่ก่อน”
เช้าวันทำงานของสัปดาห์ใหม่ มุกดามาถึงอาคารทรงสี่เหลี่ยมคางหมูช้ากว่าปกติไปสิบนาที หล่อนรีบสาวเท้ายาวและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อพนักงานชายผู้นั้นเปิดประตูออกต้อนรับ
หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปยังลิฟท์ พอประตูลิฟท์เปิดก็มุ่งเข้าไปโดยไม่สนใจใคร หล่อนจึงไม่ทันระวังผู้ที่กำลังเดินสวนออกมาในทิศทางเดียวกัน หญิงสาวชนเข้ากับแผงอกกว้างของชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง กำลังจะเงยหน้าขยับปากขอโทษ ก็พบกวินยืนยิ้มมองมาด้วยแววตาอ่อนโยน
“เจ็บรึเปล่าไข่มุก..”
เสียงทุ้มนุ่มของเขาอ่อนโยนไม่แพ้ใบหน้า มุกดารู้สึกเหมือนความรู้สึกเก่าๆ เมื่อครั้งก่อนจะเกิดเรื่องบาดหมางต่างๆนานาย้อนกลับมาอีกครั้ง ทว่าหล่อนต้องจำฝืนใจ ทำหน้าเรียบเฉย แทนที่จะยิ้มให้เขาอย่างที่ควรเป็น
“ไม่เป็นไรค่ะ..”
เสียงเรียบเฉยในท่าทีสำรวมทำให้กวินชะงัก นัยน์ตาหม่นแสงลง มุกดาเห็นแล้วรู้สึกเจ็บร้าวในหัวอก ทว่าหล่อนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว..ว่าชาตินี้จะไม่เป็นมือที่สาม ระหว่างเขากับแพรวา หล่อนจะไม่ทำร้ายจิตใจพี่สาวอีก
“ดิฉันขอตัวไปทำงานนะคะ มีแปลนค้างไว้มากพอควร”
มุกดาก้มหน้าตาหลุบต่ำไม่มองปฏิกิริยาของเขาจนกระทั่งลิฟท์ปิดสนิท หล่อนบอกตัวเองให้ใจแข็งเอาไว้ ทว่าขอบตากับร้อนผ่าวขึ้นมาอีกอย่างยากจะควบคุม
ประตูลิฟท์แยกออกจากกันอีกครั้ง หล่อนเงยหน้า สูดลมหายใจลึก พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่าน กับอารมณ์ปั่นป่วนในใจออกไป เพื่อให้พร้อมสำหรับการทำงานในวันนี้
หลังม่านน้ำตาซึ่งเริ่มเหือดหาย ภาพเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น กฤษดายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดเรียงสวย เมื่อพบหล่อนเดินตรงเข้ามา
“ดีใจที่ได้พบคุณแต่เช้านะครับ..”
มุกดาฝืนยิ้ม ทำหน้าตาสดใส ทั้งที่ในใจไม่มีความสุขเลยสักนิด
“ไม่เช้าแล้วค่ะคุณกฤษดา..ไข่มุกมาสายไปตั้งสิบนาที”
ชายหนุ่มยังยิ้มให้หล่อนทั้งปากและตา แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เสาร์นี้ว่างไหมครับ ไข่มุก...ผมอยากชวนคุณไปทำบุญที่หัวหิน”
มุกดาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำชวนของเขา
หล่อนอุทานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณกฤษดาเนี่ยนะคะ..จะไปทำบุญ”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2555, 01:19:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2555, 01:19:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 1771
<< บทที่๒๔ จุดจบของอารมณ์ชั่ววูบ ๑/๒ | บทที่ ๒๕ สินค้าชิ้นงาม ๑/๓ >> |
แล่นแต๊ 17 ก.ค. 2555, 01:46:47 น.
พี่วินผีเข้ารึเปล่าทำไมวันนี้มาแนวอ่อนโยนได้เนี่ย
พี่วินผีเข้ารึเปล่าทำไมวันนี้มาแนวอ่อนโยนได้เนี่ย
zilvermoon 17 ก.ค. 2555, 01:53:24 น.
หรือว่ากฤษฎาคือพัลลภ..คนอ่านเริ่มประสาทกลับ :P
หรือว่ากฤษฎาคือพัลลภ..คนอ่านเริ่มประสาทกลับ :P
ศิลาริน 17 ก.ค. 2555, 02:08:22 น.
รู้สึกช่วงนี้จะมีคนสนใจ พัลลภ เป็นพิเศษ^^
รู้สึกช่วงนี้จะมีคนสนใจ พัลลภ เป็นพิเศษ^^