ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: ส่งท้าย






"คุณปฏิเสธไม่ได้เหรอคะ” ฉันถามคุณนรินทร์เสียงอ่อย เมื่อเขาบอกว่านิตยสารชื่อดังแห่งหนึ่งติดต่อขอสัมภาษณ์เขาและภรรยา

เอ่อ…ก็ฉันนี่แหละ

เขาพิมพ์งานมือเป็นระวิง “อืม…ผมปฏิเสธมาเยอะแล้วนะ”

ก็นะ…มันก็จริง แต่ฉันไม่อยากถ่ายรูปลงนิตยสารนี่นา! ธุระอะไร!

“หรือเอาแบบว่า…สัมภาษณ์แต่ไม่ต้องถ่ายรูปได้ไหมล่ะคะ” ฉันยังคงมีความหวังต่อไป

เขาขำ “ถ้าอย่างนั้นเขาจะสัมภาษณ์ไปทำไมล่ะ”

เอ๊า! “แต่คุณนรินทร์คะ คุณก็เป็นพวกรักสงบไม่สยบเท้าใครไม่ใช่เหรอ คุณคงไม่อยากให้สัมภาษณ์หรอกนะ”

คุณนรินทร์ยังคงไม่ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ “สิดี…ผมเข้าใจ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่เราเลี่ยงตลอดไปไม่ได้หรอก อย่าลืมสิว่าผมเป็นนักธุรกิจ”

ฉันถอนหายใจ ความจริงฉันก็ไม่ได้กังวลอะไรมากหรอก เรื่องให้สัมภาษณ์น่ะ ฉันกังวลเรื่องอื่นมากกว่า “จริงๆแล้วฉันกลัวว่าจะทำอะไรเปิ่นๆ ต่อหน้าคนสัมภาษณ์น่ะค่ะ เดี๋ยวคุณจะเสียภาพลักษณ์ไปด้วย”

คุณนรินทร์พิมพ์งานต่อสักพัก ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉัน “ไม่ต้องห่วง เป็นตัวของตัวเองน่ะดีแล้ว”

“แล้ว…ถ้าเกิดอะไรขึ้น…” ฉันถามหยั่งเชิง

“ไม่หรอก ผมบอกแล้วไง ทำตัวตามสบายดีกว่านะ” เขามองนาฬิกาข้อมือ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย”

แล้วฉันกับคุณนรินทร์ก็ออกจากที่ทำงาน มุ่งหน้าสู่สปอร์ตคลับที่นัดหนูเล็กกับคุณจิทัศน์ไว้ เรามาก่อนเวลานิดหน่อย คุณนรินทร์จึงพอมีเวลาเปลี่ยนจากชุดทำงานเป็นชุดตีเทนนิส ส่วนฉันนั้นเล่นไม่เป็นอยู่แล้ว แค่เขาชวนให้มานั่งเชียร์ เพราะวันนี้เขาจะแข่งกับคุณจิทัศน์ ถ้าใครแพ้ต้องเลี้ยงข้าว
ไม่นานนัก หนูเล็กก็เดินนวยนาดพร้อมแว่นกันแดดทรงเฉียบเข้ามาพร้อมคุณจิทัศน์ ทั้งๆที่ตอนนี้ไม่มีแดดเลยสักนิด

“ไงไอ้ริน เตรียมเงินมาหรือเปล่า สวัสดีครับคุณสิดี” คุณจิทัศน์จิกเพื่อน ก่อนจะหันมาทักฉันอย่างสุภาพ

คุณนรินทร์พยักหน้าให้เขา “ไม่ได้เตรียมว่ะ รอแกเลี้ยง แว่นสวยนะฮะหนูเล็ก”

หนูเล็กแกล้งถอดแว่นทำท่าเหมือนนางแบบ แล้วเราก็หัวเราะกัน

พอสองหนุ่มขอตัวไปเข้าคอร์ต และสั่งให้เราสองคนคอยนับคะแนนข้างๆสนาม หนูเล็กก็ตบก้นฉัน “เธอต้องเล่าให้หมด”

ฉันกระซิบกลับ “เรื่องอะไร”

เธอกลอกตาไปที่คุณรินและคุณทัศน์ซึ่งกำลังวอร์มร่างกาย “เรื่องเธอกับคุณนรินทร์น่ะซิ”
“ทำไม”

“ก็…เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอสองคนถึง…เอ่อ…รักกันแล้วใช่ไหม?”

ฉันหัวเราะ “อยากรู้เหรอ” แล้วทำหน้ามีเล่ห์เหลี่ยม

“ใช่น่ะสิ!”

แล้วฉันก็หันไปมองคุณจิทัศน์ “งั้นฉันขอรู้เรื่องของเธอบ้าง ว่าอยู่ๆ ทำไมมาคบกัน”

หนูเล็กทำท่าอายม้วน “ก็ได้…”

ฉันเลยเล่าเรื่องของฉัน หนูเล็กทำท่ากระดี๊กระด๊า ดีใจเวอร์มาก และชมเปาะ ว่าคุณนรินทร์น่ารักที่สุด แหยะ…เอ่อ…ก็จริงมั้ง

“เขาคงแอบรักเธอมานานแล้วสิ! บอกแล้วสิดี นี่แหละผลพลอยได้! ”

ฉันโบกมือให้เปลี่ยนเรื่อง “พอๆ เรื่องของเธอบ้าง แล้วเธอยังไม่ได้บอกความลับของฉันกับแฟนเธอใช่ไหม”

หนูเล็กส่ายหน้าอย่างภูมิใจ “เราเป็นเพื่อนรักกันนะยะ!”

ช่าย เราคบกันตั้งแต่ประถม เนื่องจากฉันมันตลกเกินเลยไม่มีใครคบ ส่วนหนูเล็กก็เป็นพวกจี๊ดจ๊าดเกิน จนผู้หญิงส่วนมากหมั่นไส้

เออ…แต่เรากลับเข้ากันได้ดี

“เรื่องของฉันน่ะ….คือ…หลังจากเราได้คุยกันมากขึ้นเนื่องจากแม่คุณจิทัศน์มาตัดเสื้อผ้าที่ร้านฉันบ่อย อยู่ๆ เขาก็ขอเบอร์มือถือฉัน แล้วเราก็สนิทกัน จากนั้นก็เดท…รู้อะไรไหมสิดี…”

หนูเล็กจับไหล่ฉันแล้วทำสายตาเหมือนมีความสุขมาก

“ไม่รู้หรอก…บอกมาสิ”

“เขาบอกว่าที่เขาชอบฉัน เพราะฉันทำให้เขามีความสุข ทำให้เขาหัวเราะ แล้วก็…ฉันตลกดี…น่ารักเนอะ!!”

ฉันกำลังคุ้นๆกับประโยคนี้ แต่แล้วลูกเทนนิสก็กระดอนมาอยู่แทบเท้าเราสองคน

“สิดี…เก็บให้ผมหน่อย” คุณนรินทร์ตะโกนมา

ฉันมองลูกกลมๆที่กลิ้งอยู่ที่พื้น หยิบมันขึ้นแล้วเขวี้ยงออกไป ด้วยความมั่นใจ

คุณนรินทร์กับคุณจิทัศน์กำลังเล็งทิศทางเพื่อจะรับ แต่แล้วลูกเทนนิสไม่รักดี ก็ลอยข้ามหัวเขาสองคนไปก่อนจะ…

ตุ้บ!

และ

“กรี๊ด!!!!”

ฉันกับหนูเล็กมองภาพที่อยู่ไกลข้ามอีกคอร์ตหนึ่งด้วยความตกใจ ก็ลูกเทนนิสงี่เง่า ดันไปโดนศีรษะสาวกางเกงขาสั้นจู๊ด ที่กำลังตีเทนนิสอยู่น่ะสิ!

เธอนั่งกุมศีรษะตัวเอง ก่อนจะโวยวายกับผู้ชายคนหนึ่งที่เข้าไปประคองว่าใครไม่มีมารยาทโยนมาได้!!!

อ้าว! แม่คุณ! เวลาโยนต้องมีมารยาทด้วยเหรอ ใครเขาจะรู้ว่าจะไปโดนกระหม่อมใครกันล่ะ

คุณนรินทร์มองฉันด้วยความละเหี่ยใจ ก่อนที่เราทั้งสี่จะวิ่งเข้าไปหาสาวกางเกงขาสั้นคนนั้น

“ฉะ…ฉันปาเองค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ คงขว้างแรงไปหน่อย”

เธอยังคงกุมศีรษะหันหลังให้ฉัน แต่หนุ่มที่คอยโอ๋เธอกลับยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นไร

“ผมขอโทษแทนแฟนด้วยนะฮะ คุณเจ็บมากหรือเปล่า” คุณนรินทร์ออกโรงบ้าง

คราวนี้แม่นั่นโวยวายเสียงดังกว่าเดิม “เจ็บน่ะสิยะ!!! ถามได้!!!” แล้วเธอก็หันมา ก่อนจะหยุดกึกเมื่อเห็นคุณนรินทร์

“อ้าว…” คุณจิทัศน์ทำเสียงประหลาดใจ ฉันกับหนูเล็กมองเขา

“คุณดาใช่ไหมครับ คุณดาที่เรียน NYU” คุณจิทัศน์พล่ามต่อ

“อ้าว…ดานั่นเอง” คุณนรินทร์พูด

สาวขาสั้นที่ตอนนี้มองคุณนรินทร์และคุณจิทัศน์ ด้วยดวงหน้าสวยทันสมัย ก็ฉีกยิ้มกว้าง

“รินนี่กับทัชชี่ใช่ไหมคะ!!!”

จากนั้นฉันกับหนูเล็กก็นั่งมองคุณนรินทร์กับคุณจิทัศน์อย่างเซ็งๆ สองหนุ่มคุยกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนอเมริกาอย่างสนิทสนมที่บาร์เครื่องดื่ม ส่วนเราสองสาวขอแยกตัวออกมานั่งสังเกตการณ์ เอ่อ…แต่ฉันแอบรู้สึกว่า หล่อนมองมาทางฉันกับหนูเล็กบ่อยๆ

“ฉันไม่ชอบแม่นี่” หนูเล็กพูดขณะกระดกน้ำแดงดังเอื๊อก

“คิดมากน่า” ฉันพยายามมองโลกในแง่ดี ทั้งๆที่ก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน ก็หล่อนเล่นไม่ทักทายเราสองคนเลย ขนาดคุณนรินทร์แนะนำฉันว่าเป็นภรรยาแล้วนะ

“เธอก็ทำเฉยได้นี่ เธอแต่งงานแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะ” เธอพูดเดือดๆ

“เอาน่า…นั่นไง เขาเลิกคุยกันแล้ว ทำตัวปกติดีกว่านะ”

สาวเปรี้ยวที่ชื่อ ดา เดินจากไปอีกทาง ไม่วายส่งสายตาแปลกๆมาที่เราสองคน ก่อนที่ รินนี่ และ ทัชชี่ จะเดินมาหาเรา

“ไงคะ ทัชชี่” หนูเล็กทำเสียงล้อแฟน

คุณจิทัศน์ยิ้มมองเธออย่างรู้ทัน “หึงผมล่ะซิ ไม่ต้องห่วง เธอไม่ชอบผมหรอก”

แล้วเขาก็มองฉันทำท่าเป็นห่วง “ดูแลนรินทร์ดีดีนะฮะคุณสิดี”

คุณนรินทร์ทุบไหล่เพื่อนดังอั้ก!

ฉันขำ แม้จะแอบคิดนิดหน่อย “ฉันไม่หึงเขาหรอกค่ะ”




คุณนรินทร์จอดรถในบ้านดังเอี๊ยด หลังจากเรากลับมาจากทานข้าวกับหนูเล็กและคุณจิทัศน์

ฉันรีบปลดเข็มขัดนิรภัยจะออกไปเข้าห้องน้ำ

“เดี๋ยว!” คุณนรินทร์พูดเสียงเข้ม แล้วล็อกประตูไว้

“อะไรคะคุณนรินทร์ ฉันต้องชิ้งฉ่อง” ฉันบิดตัวไปมา อย่าให้ฉันทำน้ำท่วมในรถเลยน่า

เขาเสมองออกไปนอกหน้าต่าง เอามือกอดพวงมาลัย “คุณไม่หึงผมเลยเหรอ”

“คะ?” อะไรของเขา ถ่วงเวลาอยาได้

“นี่คุณจะพูดอะไรฉันต้องเข้าห้องน้ำ…อ๋อ”

เข้าใจละ ฉันมองเขากลับอย่างขันๆ “ทำไมคะ? อยากให้ฉันหึง?”

เขาหลบสายตาแล้วปลดล็อกประตู “ช่างเฮอะ”

แล้วคุณนรินทร์ก็เปิดประตู ทำท่าจะลุกออกไป และฉันคิดว่า ฉันจำเป็นต้องพูด

“ฉันหึงค่ะ” ฉันพูดเสียงดัง ได้ผล เขาชะงักแล้วค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงเหมือนเดิม

“จริงๆแล้ว…ฉันว่าคุณดาสวยดี และที่คุณจิทัศน์พูดก็….”

“เธอเคยชอบผม”

ฉันตกใจ

“เอ่อ…สมัยเรียนอเมริกาน่ะ แต่ไม่มีอะไรหรอก ทัศน์ก็ล้อเล่นไปเรื่อย ผมอยากบอกคุณไว้ก่อน มีอะไรเราก็ควรพูดกันตรงๆจริงไหม…อีกอย่าง…”

เขายังคงไม่สบตาฉัน “ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณหวงผมบ้างหรือเปล่า”

ฉันมองผู้ชายตัวโตตรงหน้า…คนที่ชอบโมโห ชอบอารมณ์เสีย แต่จริงๆแล้ว…เขาก็ยังมีนิสัยของความเป็นเด็กอยู่นั่นเอง

ฉันอมยิ้ม

“ฉัน…ฉันก็รู้สึกทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ที่ฉันอยากจะบอกคือ…ฉันมั่นใจในตัวคุณมากกว่า”

คุณนรินทร์มองฉันเหมือนจะเขินๆ เอ่อ…ฉันปวดฉี่แล้วนะคะ

“ขอบคุณครับ…” แล้วเดาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดี

“แต่อีกอย่างที่ผมควรบอกคุณตรงๆ คือ…ดาเขาเป็น stylist ของนิตยสารที่เราต้องสัมภาษณ์ แล้วเธอจะแต่งตัวให้เราด้วย”

อ่า…รู้สึกตะหงิดๆ แล้วสิ




หลายวันต่อมาฉันยังคงมีเรื่องรบกวนจิตใจเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์บวกกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับยัยดาขาสั้น (อันนี้หนูเล็กเรียก) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ สงสัยคุณนรินทร์คงรับรู้ได้ เพราะเขามักพูดบ่อยๆว่า “อย่าคิดมากน่า พูดๆไปเดี๋ยวก็เสร็จ”

นั่นสิ…จริงๆแล้วฉันจะเอาเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นมาเป็นกังวลทำไม ในเมื่อฉันมั่นใจในตัวคุณนรินทร์มากกว่า

แล้ววันนี้ฉันก็ได้หยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องไว้ก่อน เพราะหนูเล็กชวนไปช็อปปิ้ง แถมยังกำชับอีกว่าให้ชวนแก๊งห้าสาวที่ทานข้าวเย็นบ้านฉันไปด้วย ฉันเลยรีบไปแจ้งคุณแม่ที่กำลังเต้นแอโรบิกยามเช้าตามทีวี โทรบอกนลิน และสุดท้ายก็บ้านฉันเอง

“แม่คะ หนูเล็กชวนไปช็อปปิ้ง แม่วางไหมคะ?”

แม่รีบตอบรับกลับมา “ดีเลยลูก แม่กำลังเซ็งๆอยู่พอดี พึ่งปิดต้นฉบับหนังสือเรื่องใหม่ไปเลยไม่มีอะไรทำ”

นั่นล่ะ ไม่นานนักห้าสาวต่างวัยก็มารวมตัวกันที่ย่านช็อปปิ้งกลางกรุง จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้ช็อปเก่งหรอก แค่ซื้อเฉพาะที่เห็นว่าอันเก่าเริ่มพัง ไม่ก็สวยดี แต่ส่วนมากแล้วชอบเดินดูมากกว่า

“อู๊ย! คุณแม่ขา คู่นี้สวยนะคะ เหมาะกับคุณแม่มากๆ” นลินรีบเชียร์รองเท้าคู่หนึ่งที่คุณตุ๋มลองสวม

“ต๊าย! จริงด้วยค่ะ คุณนลินนี่รสนิยมดีนะคะ” หนูเล็กผสมโรง

คุณตุ๋มมองเท้าตัวเองอย่างพอใจ “จริงเหรอจ๊ะ งั้นซื้อเลยแล้วกัน” แล้วหล่อนก็ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานขายไปรูดปื๊ดๆ

“ตุ๋มจ๊ะมาดูนาฬิกาเรือนนี้สิ ดีไซน์เก๋มากๆ” แม่ฉันรีบตรงเข้าไปดูเรือนที่เตะตา ขณะเราเดินผ่านบริเวณขายนาฬิกา

“คุณแม่ขา เดี๋ยวหนูเล็กขอตัวไปดูเสื้อผ้าแถบนู้นก่อนนะคะ” หนูเล็กบอกสาวใหญ่ทั้งสอง แล้วเราสามสาวเล็กก็เดินตรงมาที่แผนกเสื้อผ้าสตรี

เราทั้งสามเดินดูเสื้อตัวนู้นตัวนี้ เอามาทาบกับตัวบ้าง ไม่ก็วิจารณ์บ้างว่าตัวไหนเหมาะกับใคร จนในที่สุดนลินกับฉันก็ถูกใจเสื้อตัวหนึ่ง

“ฉันชอบตัวนี้จัง” ฉันพูด พลางพลิกป้ายมองหาราคา แต่ก็ไม่เจอ

“ไหน อื้อ สวยดี ฉันว่าเหมาะกับเธอด้วยนะ” หนูเล็กบอก “เออ แต่ไม่ยักบอกราคา”

นลินส่ายตามองหาพนักงานขาย แต่ก็ไม่เจอสักคน

“อ้า…นั่นไง เดี๋ยวฉันไปถามคนพนักงานคนนั้นดู” ฉันชี้ไปที่ผู้หญิงชุดดำที่ห่างจากพวกเราไปไม่ไกล

“คุณคะ” ฉันเรียกเธอจากด้านหลังพร้อมกับยกเสื้อให้ดู “ช่วยเช็คราคาเสื้อตัวนี้ให้หน่อยค่ะ”

แล้วพนักงานขายก็หันมามองฉันงงๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่พนักงาน” แล้วก็เดินเชิดจากไป

ตลกร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ…อยู่ดีดีพวกพนักงานขายก็โผล่มา แถมมาทันเหตุการณ์อีกนะ พวกหล่อนเลยยืนขำฉัน ก่อนจะรีบเสนอตัวมาเช็คราคาให้

โอ๊ย!!!! ใครกันแน่ยะที่ผิด พวกหล่อนนั่นแหละ หายหน้าแอบอู้กันล่ะสิ รู้อย่างนี้แม่จะขู่ว่าจะฟ้องผู้จัดการให้ไล่ออก ถ้าไม่ยอมลดราคาให้ 80% เลยดีไหม

“2700ค่ะ ขณะนี้ไม่มีลดราคานะคะ” พนักงานขายคนเดิมรีบแจ้ง

อุ๊ย! แพงหูฉี่อีกต่างหาก นี่อยากรู้จริงๆว่าใส่แล้วมันเหาะได้หรือไง ฉันจะได้รีบซื้อ

ฉันจับเสื้อตัวนี้อีกครั้ง เหมือนเป็นการอำลา “ไม่ซื้อล่ะค่ะ ถูกไป ขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็รีบชิ่งออกมา

สรุปคือเกือบทั้งวันฉันได้แค่รองเท้าคู่เดียว ก็มันไม่รู้จะซื้ออะไรจริงๆ ขณะที่ทุกคนโดยเฉพาะนลิน ราวกับว่าหอบของย้ายบ้านเลยทีเดียว แล้วเราก็แวะมาที่แผนกเครื่องหนังเป็นที่สุดท้าย

หนูเล็กกับแม่ฉันวี้ดว้ายกระตู้วู้กับกระเป๋าคอลเล็คชันใหม่ ส่วนฉันก็ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรอยู่แล้วเลยมองไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดตากับกระเป๋าตังใบหนึ่ง

ฉันนึกออกเลยว่ากระเป๋าตังของคุณนรินทร์ที่ใช้อยู่ทุกวันนั้น ทั้งเก่าและขาดด้วยนิดหนึ่ง เขาเคยบอกอย่างภูมิใจว่า เขาใช้มันมา 5 ปีแล้ว เป็นของขวัญจากคุณพ่อในวันเกิด

ฉันหยิบกระเป๋าใบที่ฉันเห็นขึ้นมาดู ขนาดกำลังดี ดูทนทาน และเรียบๆแต่แอบเท่ห์ เหมาะกับผู้ชายอย่างเขา

คราวนี้ฉันไม่เรียกพนักงานผิดคนแล้ว “คุณคะ ใบนี้ราคาเท่าไรคะ?”





สถานที่ที่ฉันชอบที่สุดในโลกก็คือที่บ้าน และช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของฉันก็คือ ทุกๆวันที่ฉันได้อยู่กับแม่นั่นเอง และถึงแม้ตอนนี้ฉันต้องแยกตัวออกมา แต่ความรู้สึกเหล่านั้นของฉันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม อาจจะเพิ่มเติมขึ้นมาหน่อยว่า สถานที่อันดับสองที่ฉันชอบก็คือห้องนอนบ้านนราธร และช่วงเวลาที่มีความสุขเป็นอันดับสอง ก็คือช่วงเวลาที่ฉันได้คุยกับคุณนรินทร์ในอิริยาบถสบายๆนั่นเอง

สำหรับวันนี้ก็เป็นเช่นเดิม ในยามค่ำคืนที่ฉันกำลังพับผ้าและเก็บเข้าตู้ ส่วนเขาที่พึ่งเล่นหมากรุกชนะคุณพ่อมาสดๆร้อน เลยโดนบ่นว่าเล่นขี้โกง จึงอารมณ์เสียนิดๆ ก่อนจะหันไปอ่านหนังสือแก้เซ็ง

เขาคงสังเกตเห็นอะไรแปลกๆบนหัวเตียง “นี่ถุงอะไร” เขาถาม

ฉันยังคงนั่งพับผ้าหันหลังให้ “ดูเองสิคะ”

แล้วฉันก็ได้ยินเสียงเขาเปิดถุงและแกะห่อกระดาษ ก่อนจะนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง

“…ของผมเหรอ?” เขาเอ่ยด้วยความไม่แน่ใจ

ฉันวางเสื้อกล้ามตัวสุดท้ายของเขาบนชั้น ก่อนจะหันมาทำท่าเฉยๆ “ใช่ค่ะ ฉันซื้อมาให้”

เขามองกระเป๋าตังในมือราวกับเป็นสิ่งมีค่ามากกว่านั้น “ผมชอบมาก ขอบคุณนะ…ที่รัก”

แล้วเราก็สบตากันสั้นๆด้วยความเขิน ฉันเลยยิ่งทำท่าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้มากกว่าเดิม ก็มันอายนี่นา ฉันเคยทำหวานๆกับใครเสียที่ไหน

“เอ่อ…ไม่เป็นไรคะ เห็นว่าของคุณอันเก่าขาดแล้ว” ฉันพูดแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ

แล้วเขาก็รวบตัวฉันไปกอด “อือ…เราเริ่มเหมือนคู่สามี-ภรรยา เต็มตัวแล้วจริงไหม”

ฉันเขิน แล้วเอาหน้าซุกกับตัวเขา ก็ใช่น่ะสิคะ ฉันพยายามที่จะอ่อนโยนและทำตัวให้กลัวคุณเวลาเข้าใกล้น้อยลง

เขาเชยคางฉันขึ้นมาสบตากัน “คุณ…เอ่อ…จะว่ายังไง ถ้าผม…เอ่อ” คุณนรินทร์พูดตะกุกตะกัก

“จะจูบ…”

ฉันรู้ทันทีว่าตัวเองหน้าแดงแปร๊ด ฉันไม่ได้ตอบอะไรหรอก แค่พยายามทำใจให้สงบแล้วหลับตาลง จากนั้น…ริมฝีปากอุ่นๆของเขาก็ทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยน

“อือ…” เหมือนคุณนรินทร์พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง

“ผม…อืม…คุณพร้อม…นะ”

ฉันรีบตอบทั้งๆที่ยังจูบอยู่ “มะ…ไม่พร้อมค่ะ…”

“ผมหมายถึง…อืม…สัมภาษณ์พรุ่งนี้…ต่างหาก…โอ๊ย!!!!”

แล้วเราก็ถอนริมฝีปากออกจากกันอย่างรวดเร็ว

ให้ตายสิ! ให้ตายสิ!! ให้ตายสิ!!!! ฉันตกใจ เนื่องจากเกือบลืมไปแล้วว่าต้องสัมภาษณ์ลงนิตยสารพรุ่งนี้ เลยกัดริมฝีมากล่างเขาไปเต็มๆ!!!

คุณนรินทร์เอามือกุมปากด้วยความเจ็บ

“ฉะ…ฉันขอโทษค่ะ” เฮ้อ…นี่ฉันทำร้ายเขาไปมากขนาดไหนแล้วเนี่ย!




วันต่อมา คุณนรินทร์และฉันเดินทางไปที่สตูดิโอของกอง บ.ก. นิตยสารตามนัดหมาย ทั้งๆที่เขายังเจ็บริมฝีปากอยู่

“ตอบให้เลิศๆนะจ๊ะสิดี” คุณตุ๋มรีบเชียร์ก่อนเราสองคนออกจากบ้าน

“อ้าวสวัสดีครับ เชิญเข้าไปแต่งตัวข้างในนี้เลยครับคุณนรินทร์ และคุณทรัพย์สิดี”

เรานั่งให้ช่างทำผมแต่งตัวและแต่งหน้านิดๆ มีช่างคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าปากคุณนรินทร์มีแผล เลยถามว่าไปโดนอะไรมา

“ผมลมฟาดพื้นเมื่อวานน่ะครับ” เขาตอบแล้วมองฉันขำๆ

ส่วนฉันก็นั่งหัวเราะ หึหึ ยอมให้ช่างผมทำทรงอะไรไม่รู้ นี่ฉันมาถ่ายแฟชั่นหรือสัมภาษณ์กันแน่

“อะ…โอ๊ย! เบาๆหน่อยค่ะ” ฉันร้องเมื่อหล่อนดึงผมฉันแรง

จากนั้นช่างแต่งหน้าก็มะรุมมะตุ้มกับตัวฉัน จนในที่สุดก็เสร็จ แล้วฉันกับคุณนรินทร์ก็มองกันแปลกๆ

“คุณเหมือนนางเอกงิ้วเลยแฮะ” เขาชิงข่มก่อน

“ฉันก็ว่าคุณเหมือนพระเอกลิเกนะคะ”

จากนั้นเสียงส้นสูงกระทบพื้นดังก๊อกแก็ก ก็ทำให้เราสองคนหันหลังไปมองพร้อมกัน

โอ้ว…..ยัยดาขาสั้น กลายเป็นยัยดามินิสเกิร์ตไปแล้ว

“ไฮ รินนี่ รอนานไหมคะ” หล่อนเดินเข้ามาโน้มตัวหอมแก้มคุณนรินทร์สองข้างเหมือนทักทายแบบฝรั่ง

ฉันเริ่มรู้สึกตัวเองใจเต้นรัว

แล้วเธอก็ยิ้มเหมือนนางร้ายมองฉันก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ แล้วเอานิ้วชี้แตะปากฉัน เฮอะ…

“สา ปากเธอแดงน้อยไป เอาลิปมาเติมอีกซิ” ก่อนจะใช้ดวงตาภายใต้ขนตางอนยาวจิกฉัน แล้วหันไปเจ๊าะแจ๊ะกับแฟนฉันแทน

“ไปค่ะรินนี่ ไปแต่งตัวกัน” หล่อนฉุดคุณนรินทร์ลุกขึ้น คุณนรินทร์มองฉันด้วยความมั่นคงแล้วเดินตามหล่อนไป

ฉันมองตัวเองในกระจก นี่หรือแดงน้อยไป ฉันเหมือนนางเอกลิเกอย่างที่คุณนรินทร์บอกจริงด้วย

แม่สาช่างแต่งหน้าวัยกระเตาะเดินเข้ามาพร้อมลิปสติกแท่งโตจะป้ายลงบนริมฝีปากฉัน

ฉันยั้งมือเธอไว้ “ไม่ล่ะค่ะขอบใจ”

แต่เธอไม่ยอม “ทาอีกหน่อยนะคะ คุณดาสั่งมา”

ฉันยังยืนยันคำเดิม “ไม่ต้องหรอกค่ะ”

แต่แม่นี่ก็ตื๊อไม่เลิกพูดอยู่แต่ว่า ต้องทาค่ะ คุณดาส่ง แล้วก็พยายามจะเอาลิปมาแปะบนปากฉันให้ได้

“ทาค่ะ! คุณดาสั่ง!” หล่อนเริ่มตะโกนเสียงดัง เมื่อฉันยันมือเออกไปให้พ้นใบหน้า

“ฉันบอกว่าไม่ทาก็ไม่ทาสิ!” ตอนนี้เราสองคนเหมือนกำลังแย่งลิปสติกกัน ทีมงานทั้งหมดมองพวกเราด้วยความตกใจ แต่ก่อนที่จะมีใครมาห้ามทันก็….ปื้ด…

โอเค…ยัยสาชนะ ไม่สิ…ยัยดามินิสเกิร์ตนั่นต่างหาก เพราะตอนนี้ยัยสาได้ทาลิปติกลงบนริมฝีปากเลยไปทั่วใบหน้าฉันจริงๆ

เหล่าทีมงานฮือฮา บางคนซุบซิบกันแล้วแอบขำด้วยซ้ำ

“สะ…สา ขอโทษค่ะ” หล่อนพร่ำอ้อนวอน

ฉันมองตัวเองในกระจก อืม…ฉันไม่ใช่นางเอกลิเกแล้วล่ะ ฉันเป็นตัวตลกต่างหาก

“สา ใครใช้ให้เธอทำอะไรอย่างนี้ ไป๊ ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะยะ” เจ๊ไฮโซคนหนึ่งตะโกนด่าฉอดๆ สงสัยเป็นหัวหน้าช่างแต่งหน้า

สาเริ่มร้องไห้ ฉันรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดหน้าตัวเอง แต่มันยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่

“อย่าไปว่าเธอเลยค่ะ เธอไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็ผิดด้วยค่ะ”

เจ๊คนเดิมพูดเสียงสูง “ไม่ได้นะคะคุณทรัพย์สิดี ยัยสาล่วงเกินคุณขนาดนี้ ไปเลยนะ ฉันไล่เธออก ไป๊!”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ต้อง!!! เธอไม่ได้ผิดอะไร หน้าฉันแค่เช็ดก็ออกแล้วค่ะ”

ยัยสามองฉันเหมือนขอบคุณด้วยน้ำตานองหน้า

เจ๊ยังไม่ยอม “ไม่ได้นะคะ หล่อนล่วงเกินแขกวีไอพีอย่างคุณ”

“โวยวายอะไรกัน” เสียงแหลมปรี๊ดของยัยดาดังเข้ามา เธอเดินควงแขนแฟนฉันในชุดเสื้อเชิร์ตกับกางเกงยีนสุดเท่ห์

แม่นี่ล่ะที่ผิด…

เจ๊ไฮโซรีบฟ้อง คุณนรินทร์มองเหตุการณ์ตรงหน้างงๆ ฉันบอกแล้ว…บางครั้งเรื่องมันก็เกิดขึ้นกับฉันอย่างไม่รู้ตัว

ยัยดารับทราบทุกอย่าง เธอมองหน้าตลกๆของฉันที่เปื้อนลิปสติก และมองยัยสาที่ร้องไห้ไม่หยุด ด้วยดวงตาเรียบเฉย

“ไล่ออก สาฉันไล่เธอออก” ยัยดามีอิทธิพลมากเลยเรอะ

สิ้นเสียงเฉียบของสาวเปรี้ยว สาร้องไห้หนักกว่าเดิม ไม่มีทีมงานคนไหนเข้ามาช่วย ทุกคนดูเหมือนจะกลัวยัยดามาก ขนาดเจ๊ไฮโซยังพินอบพิเทาหล่อนขนาดนั้น

“อย่าไล่เธอออกเลยนะคะ เรื่องนิดเดียว” ฉันบอกคุณดาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

เธอมองฉันจิกๆ “เธอทำหน้าคุณตลกเสียขนาดนี้ยังจะช่วยอีกเหรอคะ ส่องกระจกดูหรือยังล่ะ”

หยิ่งยโสจริงๆ ผู้หญิงของคุณนรินทร์แต่ละคน ดีดี ทั้งนั้น!!!

ฉันลุกขึ้น คุณนรินทร์ดูท่าไม่ดี เลยจะเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่ฉันทำสายตาประมาณว่า งานนี้เคลียร์เอง

“แค่ลิปสติก เช็ดก็ออก แต่งานสมัยนี้ลาออกแล้วหายากกว่านะคะ ฉันไม่ให้คุณไล่เธอออก”

ทีมงานทั้งคณะจะมองเราสองคนเหมือนกำลังอยู่บนสังเวียนมวยปล้ำ

คุณดามองฉันอย่างหยิ่งผยองยิ่งกว่าเดิม

“ขอโทษนะคะ คุณมีสิทธิ์อะไร รู้อะไรไหม พ่อฉัน เป็นเจ้าของนิตยสารฉบับนี้”

อ๋อ…มิน่าล่ะ

ฉันพยายามทำเชิดข่มเธอบ้าง เพราะเตี้ยกว่า แต่ดูจะไม่ได้ผล “ค่ะ…แล้วไงคะ ถ้าคุณไล่สาออก ฉันจะไม่ให้สัมภาษณ์”

หล่อนขำเหมือนดูถูก “ก็ดี ฉันให้เขาสัมภาษณ์รินนี่คนเดียวก็ได้”

ฉันมองแฟนตัวเองด้วยสายตาดุที่สุดที่เคยทำมา ได้ผล คุณนรินทร์ค่อยๆเขยิบมายืนข้างฉัน

“เอาน่าดา อย่าไล่เธอเลย ถ้าสิดีไม่ให้สัมภาษณ์ ผมก็จะพาเธอกลับเหมือนกัน”

คุณดามองรินนี่ด้วยความไม่พอใจ ฉันได้ยินเจ๊ไฮโซพูดกระซิบกับหล่อนประมาณว่า อย่านะคะ เราโฆษณาไปแล้วว่าจะสัมภาษณ์นักธุรกิจหนุ่มมาดเท่ห์ ไม่อย่างนั้นยอดตกฮวบค่า
คุณดามองฉันเหมือนเราเป็นศัตรูกัน “ยัยสา แต่งหน้าให้คุณคนนี้ใหม่”

เยี่ยม! ยกแรกฉันก็ชนะแล้ว…เฮ้อ เมื่อไหร่จะสัมภาษณ์ให้เสร็จๆไปเสียที

ไม่นานนักฉันก็ได้แต่งหน้าใหม่ที่ไม่ออกงิ้ว ก่อนจะไปแต่งตัว ซึ่งความจริงต้องเป็นคุณดาแต่งให้ แต่ตอนนี้เธอไม่ยอมเฉียดเข้าใกล้ฉันเลย เอาแต่ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคุณนรินทร์ซึ่งดูจะสุภาพกับผู้หญิงทุกคนเสียจริง เจ๊ไฮโซเลยต้องมาแต่งให้ฉันเอง

ไม่นานนักฉันก็พร้อมแล้วที่จะให้สัมภาษณ์และถ่ายรูปลงนิตยสารในชุดกระโปรงสีหวานและเสื้อตัวสวย กับรองเท้าส้นเข็มในมาดเจ้าสาวผู้โชคดีหมาดๆ

เรอะ…แต่พอฉันนึกถึงคุณถวิกา และยัยดา ฉันกลับไม่คิดว่าฉันโชคดีเท่าไร

ยัยดามองฉันหัวจรดเท้าด้วยแววตาไร้ความเป็นมิตร ก่อนจะจัดปกเสื้อให้คุณนรินทร์แล้วพามานั่งสัมภาษณ์ข้างๆฉัน

แฟนใครกันแน่ฮะ?

คนสัมภาษณ์เป็นหนุ่มวัยสามสิบต้นๆที่ดูเป็นมิตรและทันสมัย เขากล่าวแนะนำตัวเอง ก่อนจะทักทายเราพอคุ้นเคยแล้วค่อยๆถามนู่นถามนี่

เขาเริ่มถามถึงธุรกิจของคุณนรินทร์ก่อนว่าเริ่มต้นอย่างไร มีอุปสรรคและความสำเร็จที่น่าภูมิใจอะไรบ้าง ก่อนจะเจียดคำถามให้ฉันว่ามีส่วนช่วยเหลือเขาบ้างไหม

“ค่ะ ก็มีส่วนช่วยเยอะนะคะ เพราะดิฉันก็เป็นเลขาของเขาเอง” ฉันตอบตามความจริง ไม่ได้โม้นะ แต่เพราะฉันไม่ใช่เหรอ งานเขาส่วนมากเลยราบรื่น

“ที่จริง…เธอสร้างปัญหาให้ผมบ่อยนะฮะ” คุณนรินทร์แทรกขึ้นอย่างขำๆ ฉันหน้าเจื่อน

คนสัมภาษณ์หัวเราะเบาๆ “ด้วยความใกล้ชิดเริ่มจากการเป็นเลขาหน้าห้องหรือเปล่าครับ คุณสองคนเลยรักกัน”

ฉันหันไปมองเขา เอาไงดีล่ะ…ฉันไม่ตอบหรอกนะ…เขิน

“เอ่อ…เปล่าครับ” คุณนรินทร์ตอบจริงจัง อ่าว…ไหงงี้ล่ะ ฉันรู้สึกใจแป้ว

คนสัมภาษณ์เหมือนอยากถามต่อ แต่ปากกาเขาดันตกพื้นมาโดนเท้าฉัน

ฉันรีบก้มเก็บให้ แต่พอจะเงยหน้าขึ้นมาก็รู้สึกว่า…ผมติด!

ติดอะไรไม่รู้แฮะ แต่ฉันพยายามดึงๆๆๆๆ แต่ก็ไม่ออก จนคุณนรินทร์พูดขึ้นนั่นแหละ

“เดี๋ยวๆสิดี ผมคุณพันกับเข็มขัดผม” ดูเสียงเขาไม่ค่อยสบายใจเท่าไร

ฉันรู้สึกได้ว่าพนักงานแถวนั้นหัวเราะคิกคัก

คุณคนสัมภาษณ์มีน้ำใจเข้ามาช่วยดึงผมฉันด้วย

“โอ๊ย! เจ็บค่ะ” ฉันร้อง

“ใจเย็นๆสิดี” คุณนรินทร์ยังให้กำลังใจ

ตอนนี้ท่าฉันกับคุณนรินทร์คงตลกมาก

และแล้วหนุ่มสัมภาษณ์ก็แยกผมฉันออกจากเข็มขัดเขาได้

พลั่ก! ฉันเด้งตัวออกมาตกโซฟา ผมเผ้ายุ่งเหยิง

คุณนรินทร์และคนสัมภาษณ์ทำท่าหอบ

“เอ่อ…พักสักครู่ดีไหมฮะ” คนสัมภาษณ์มองฉันยิ้มๆอย่างสุภาพ คนแถวนั้นขำกันต่อ แล้วที่สำคัญ ฉันสบตาคุณดาด้วย

แน่นอน…เธอยิ้มเยาะ

ฉันลุกขึ้น “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” คุณนรินทร์พยักหน้าตอบ ฉันเลยเดินไปเข้าห้องน้ำด้วยความทุลักทุเล ก็เพราะรองเท้าส้นเข็มนี่ล่ะ

ฉันเกือบจะถึงห้องน้ำอยู่แล้ว แต่ดันไปเหยียบอะไรเข้าไม่รู้ เลยล้มเผละไม่เป็นท่า

นี่มันวันอะไรกันเนี่ย!!!!!

…..ฉันทำเขาขายหน้าสินะ….ฉันบอกแล้ว….

ฉันรีบเข้าไปหวีผมที่ยุ่งจนดูไม่ได้ในห้องน้ำ ก่อนจะให้กำลังใจตัวเองแล้วออกมา

ฉันเดิมผ่านห้องพักที่สาวๆทีมงานกำลังเม้าและชงกาแฟกันอยู่ กำลังจะเดินเข้าไปขอสักถ้วย แต่ก็ต้องชะงัก

“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนคุณนรินทร์ ปั้มๆเป๋อๆ ไม่สมเลยสักนิดเดียว”

แล้วใครก็ไม่รู้ ผสมโรง “คุณดาเหมาะกว่าเยอะค่ะ”

แล้วฉันก็ได้ยินยัยดาหัวเราะชอบใจแบบหยิ่งๆ

“อายแทนคุณนรินทร์นะคะ” ใครไม่รู้พูดออกมา แต่มัน…กระทบจิตใจฉันเหลือเกิน

แล้วอะไรก็ไม่รู้สั่งให้ฉันเดินเข้าไป พวกหล่อนมองฉันปากหวอแล้วรีบสลายตัว ยัยดาทำท่าเฉยๆ

ฉันแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้อะไร

“ฉันกำลังชงกาแฟไปให้รินนี่น่ะ คุณอยากดื่มสักถ้วยไหม” ยัยดาถาม

ฉันมองกาแฟที่เธอถือ แล้วทำท่ายิ้มเยาะเลียนแบบเธอบ้าง

“คุณคงไม่สนิทกับนรินทร์พอที่จะรู้ว่าเขาไม่ดื่มกาแฟสินะคะ ขอฉันแล้วกัน ขอบใจ” แล้วฉันก็คว้าแก้วกาแฟจากมือเธอมาแล้วดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนจะส่งคืนมือเธอตามเดิม เหมือนเธอจะตกใจนิดๆ แล้วฉันก็สะบัดหลังให้เดินจากไป

ฉันกลับมาให้สัมภาษณ์เช่นเดิมด้วยตัวเล็กลีบ อืม…ฉันทำให้เขาขายหน้าบ่อยๆ ฉันอาจจะไม่เหมาะกับเขาก็เป็นได้ เฮ้อ…

เราสองคนยังคงถูกสัมภาษณ์ด้วยเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว บางครั้งฉันก็ไม่ได้อยากตอบเท่าไร เช่น

“ช่วงแรกๆที่จีบกัน มีอะไรสวีทๆบ้างไหมครับ เห็นคุณนรินทร์ดูขรึมๆ”

ก็เราไม่เคยมีช่วงนั้นเลยแฮะ น่าแปลกไหมล่ะ

“เอ่อ…ไม่มีครับ” คุณนรินทร์ตอบไปอย่างนั้น และดูท่าคุณคนสัมภาษณ์จะผิดหวังอีกหลายครั้ง เพราะเวลาเขาถามอะไรเกี่ยวกับว่าเรารักกันได้อย่างไร เราสองคนก็ไม่มีข้อมูลหวานแหววให้เขาได้ทำเป็นจุดขายเลย

ยัยดาคงแอบฟังด้วยเป็นแน่ เพราะเธอนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเรา

“ดูคุณสองคนไม่สวีทกันเท่าไรเลย น่าแปลกนะฮะ” คนสัมภาษณ์บ่นลอยๆ เขาคงขัดใจเกี่ยวกับความรักที่เรามีให้ต่อกัน แน่ละ ยิ่งเวลาคุณนรินทร์อยู่ข้างนอก เขาไม่ทำสวีทกับฉันอยู่แล้ว

“ครับ…เราไม่ค่อยสวีทกัน…”

อืม…ฉัน…รู้สึกแปลกๆแฮะ แล้วจู่ๆ สายตาพิฆาตของยัยดา ก็มองฉันเหมือนสมน้ำหน้า

“เราเข้าใจกันมากพอน่ะฮะ ไม่ต้องพูดอะไรมาก บางครั้งเธอยังไม่ได้พูด แค่ผมมองตาเธอก็เข้าใจแล้ว”

ฉันหันไปมองคุณนรินทร์ เขายิ้มให้ พร้อมกับลูบมือฉันเบาๆ แล้วฉันก็รู้สึกได้ว่าคนสัมภาษณ์ก็เริ่มยิ้มออก

“แล้วอะไรในตัวคุณทรัพย์สิดี ที่ทำให้คุณประทับใจครับ”

คุณนรินทร์เอ่ยอย่างมั่นคง “ทุกอย่างครับ”

ฉันยิ่งจ้องเขาด้วยความประหลาดใจเข้าไปอีก

“อย่างที่บอกตอนแรก ผมไม่ได้รักเธอเพราะเราสนิทกันในฐานะเลขากับลูกน้อง แต่ผมรักเธอเพราะเธอเป็นของเธออย่างนี้ เธอทำให้ผมหัวเราะเสมอ และทำให้ผมมีความสุข เพราะอย่างนี้ต่างหากล่ะครับ”

คนสัมภาษณ์ฉีกยิ้มแสนประทับใจ ฉันหันไปมองยัยดา เธอหายไปไหนแล้วไม่รู้

จากนั้นเราก็ให้สัมภาษณ์กันอีกสักพัก พร้อมกับถ่ายรูปคู่หวานแหววนิดหน่อย ก็เป็นอันเสร็จ เราสองคนและทีมงานกล่าวล่ำลาและขอบคุณกัน ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาหาคุณนรินทร์ แต่เขาหายไปไหนไม่รู้ ฉันเดินตามหาจนทั่วก่อนจะแอบเห็นเขากับคุณดาคุยกันสองคนที่มุมอับแห่งนึ่ง

เอาอีกแล้ว!!!!

“รสนิยมคุณเปลี่ยนไปนะคะนรินทร์ คุณชอบคนเอ๋อๆอย่างนั้นได้ยังไง ไม่สมกับคุณสักนิดเดียว”

ฉันฟังอย่างสงบ

คุณนรินทร์เงียบไปนานก่อนจะเอ่ยขึ้นสั้นๆ “ผมไม่ได้ชอบเธอ”

ฉันใจหายวาบ….อะไรเนี่ย!!! แอบเห็นสีหน้ายัยดายิ้มอย่างมีชัย ขณะมือยังซุกซนจับปกเสื้อเขาไม่หยุด

“แต่ผมรักเธอ รักที่เธอเป็นของเธออย่างนั้น ผมไปก่อนนะ” เขาจับแขนเธออกให้พ้นตัว ขณะยัยดาทำท่างงๆ แล้วคุณนรินทร์ก็รีบออกมา ส่วนฉันก็รีบเผ่นไปยืนรอแถวห้องพัก ทำท่าเหมือนไม่ได้เห็นไม่ได้ยินอะไร แต่ในใจฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกเปี่ยมล้น

เขาเดินมาจับแขนฉันเบาๆ “กลับกันเถอะ ผมหิวแล้ว”

ฉันยิ้มให้ แล้วเราก็เดินไปด้วยกัน

สา ช่างแต่งหน้าวัยกระเตาะเดินมาจากไหนไม่รู้ วิ่งเข้ามายื่นนามบัตรให้ฉัน

“คุณคะ หนูขอบคุณคุณมาก คุณเป็นแขกที่ใจดีที่สุดเลยค่ะ เรียกใช้หนูแต่งหน้าได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ” แล้วก็วิ่งจู๊ดหายไป

ฉันกับคุณนรินทร์มองกันยิ้มๆ แล้วเราก็ออกมาจากที่แห่งนั้น


ตอนกลับมาบ้าน คุณตุ๋มรีบถามใหญ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเล่าตอนตัวเองไปให้สัมภาษณ์กับคุณพ่อสมัยสาวๆใหญ่จนคุณพ่อต้องรีบห้าม

“คราวนี้สวีทออกสาธารณชนเลยนะฮะ” คุณรันยังแซวเช่นเดิม

คุณนรินทร์เริ่มรำคาญสมาชิกในบ้านเลยชวนฉันขึ้นข้างบน

“หกเดือน….” คุณพ่อแกล้งบ่นเสียงดังไล่หลังเรา น่าอายชะมัด!

พอถึงห้อง เขาก็นอนแผ่หราเหมือนเหนื่อยมาทั้งวัน

“เฮ้อ…คุณนี่จริงๆเล้ย ทำเรื่องตลกๆอีกแล้ว”

ฉันนึกย้อนวันนี้ แล้วก็ขำตัวเอง “ฉันบอกแล้วไงคะ บางครั้งมันก็เกิดขึ้นเอง” ฉันพูดพลางถอดต่างหู

“ฉันทำให้คุณขายหน้าบ่อยๆ ขอโทษนะคะ” ฉันเงียบไปนิดหนึ่ง “คนภายนอกคงรู้สึกว่าเราไม่ค่อยสมกัน”

คุณนรินทร์นอนตะแคงจ้องฉันที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสักพัก แล้วเขาก็ลุกขึ้นมาโอบฉันจากด้านหลัง แล้วหอมผมฉันเบาๆ

“ใช้อะไรตัดสินล่ะว่าเราไม่เหมาะกัน หือ?” แล้วเขาก็เริ่มซุกไซ้ที่แก้ม

ฉันเบี่ยงตัวหลบนิดหนึ่ง

“มันก็แค่เปลือกนอก มันอยู่ที่ว่าเรารักกันหรือเปล่า…จริงไหม”

ฉันยิ้ม แล้วเราก็เริ่มจูบกันอีกครั้ง…

“อย่ากัดปากผมอีกนะ” นั่นเป็นเสียงเตือนครั้งสุดท้าย แล้วฉันก็ไม่ได้ยินอะไรอีก

บางวันฉันก็นั่งนึกๆดู ทบทวนถึงอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่ฉันเข้ามาทำงานที่บริษัทนราธร ชีวิตของฉันมีเรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามามากมาย และทุกเรื่องเลยนั่นแหละ ที่ฉันคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง…ทั้งการได้เป็นเลขาผู้บริหารบริษัทใหญ่ ได้แต่งงานหลอกๆกับเจ้านาย และในที่สุด คนอย่างฉัน…ก็มีความรัก แม้ว่าตอนนี้ชีวิตของฉันอาจจะไม่เหมือนเดิมเท่าไรนัก แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยน นั่นก็คือ ตัวฉันเอง….ฉันยังคงเป็นทรัพย์สิดี ดีแต่เกิด คนเดิม….อ้อ! ลืมไป ฉันกลายเป็น ทรัพย์สิดี นราธร แล้วนี่นา
แต่นั่นล่ะ…ฉันหมายถึง…ก็คุณนรินทร์รักที่ฉันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ




จบบริบูรณ์

ขอบคุณมากนะคะ


อ้อ ตอนนี้ผู้เขียนแอบแบไต๋ความลับของตัวละครตัวหนึ่งออกมาด้วย ถ้าใครรู้ลองตอบทีนะคะ แล้วจะมาเฉลย



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2555, 17:45:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2555, 17:45:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2559





<< ปอคอ   จุดเริ่มต้น (ภาคพิเศษ) >>
sunflower 15 ก.ค. 2555, 19:46:38 น.
คุณนรินทร์ กับ คุณจิทัศน์ บอกรักสาวเหมือนกันเดะเลยจำได้ว่าคุณนรินทร์ ก้อเคยบอกสิดีเหมือนกับที่คุณจิทัศน์บอกหนูเล็ก^^


wind 15 ก.ค. 2555, 20:34:59 น.
สมเป็นเพื่อนกันจริงๆ แต่ละคน เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้ว feel good ^^


konhin 15 ก.ค. 2555, 21:53:30 น.
ขอตอนพิเศษๆซักตอนเทิดดดดดดดดดดดดด ฮ่าๆๆ นางเอกยังโก๊ะจนจบเรื่องเลย


wii 15 ก.ค. 2555, 23:48:32 น.
ขอทายว่ายัยดาจอมเเร่ดนั่นคือตัวละครที่ผู้เขียนเเบใต๋ออกมา สงสัยยัยนี่อยากกินนํ้าใด้ศอกของสิดีสินะ เเต่คงใด้ศอกของสิดีไปเรียกเลือดเเร่ดออกมาล้างศอกสิดีซะก่อนนะสิ


Kapoh 16 ก.ค. 2555, 00:04:50 น.
สิดียังคงความเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ น่ารัก ฮ่าๆๆ


คิมหันตุ์ 16 ก.ค. 2555, 00:16:17 น.
ฮ่าฮ่า น่ารักดี


Pat 16 ก.ค. 2555, 08:00:19 น.
555 โก๊ะตลอดเลยนะสิดี


คนเหงา 16 ก.ค. 2555, 08:32:00 น.
สนุกค๊า...
จะมีตอนพิเศษไหมน้อ



goldensun 16 ก.ค. 2555, 08:38:35 น.
สาวชุดดำใช่มั้ยคะ อยู่ดีๆ ก็โผล่มา แล้วก็เชิดจากไป
สิดียังคงฮาตลอด แต่ก็ยังใจดี กล้าลุยถ้าเห็นว่าไม่ยุติธรรมเหมือนเดิม โก๊ะแต่น่ารัก
ว่าแต่ผมของสิดีไปติดเข็มขัดนรินทร์ได้ยังไง ไม่น่าเฉียดไปติดได้เลยนะคะ
สิดียังไม่ท้องเลย จะจบได้ยังไงคะ


ling 16 ก.ค. 2555, 11:12:02 น.
ขอตอนพิเศษด้วยคนค่ะ


ใบบัวน่ารัก 16 ก.ค. 2555, 18:14:41 น.
ไงก็ต้องโผล่มาอยู่ดี ให้เค้านั่งอ่านบทไปก่อนเถอะ
อีก 6เดือนข้างหน้าจะเป็นไงบ้าง
น้ำจะท่วม โลกจะแตก คุณริน จะทำได้ไหม
สิดีหละสู้ไม่สู้ เพื่อทายาทิอสูร เดี๋ยว ก็ปอคอ อีก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account