ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เรื่องย่อ...
พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
เรื่องย่อ...
พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy
ตอน: จุดเริ่มต้น (ภาคพิเศษ)
เป็นตอนพิเศษที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวกับลำดับตอนว่าต่อจากตรงไหนนะคะ ขอบคุณค่ะ
อ้อ ยังเหลือตอนพิเศษอีกตอนที่เคยแต่งให้ผู้อ่านช่วงปีใหม่ เดี๋ยวจะเอามาลงให้ค่ะ
สวัสดีครับ ผมชื่อ นรินทร์ นราธร ผมทำงานเป็นประธานบริษัทนราธร กรุ๊ป รุ่นที่ 4 ต่อจากคุณพ่อของผมที่มีชื่อเดียวกัน งานประจำของผมคือบริหารโรงแรมในเครือนราธรทั่วประเทศกว่าสิบสาขา…
สำหรับนิสัยส่วนตัวของผม คนภายนอกมักจะมองว่าผมหงุดหงิดง่าย ขี้โมโห เอาจริงเอาจังเกินไป และไม่ยอมคน ก็ถูกในส่วนหนึ่ง…เพราะที่ผมเป็นอย่างนั้นก็เนื่องด้วยหน้าที่การงาน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าผมเป็นคนสบายๆ อาจจะดูขรึม ไม่ค่อยพูดแต่บางครั้งก็กวนประสาทบ้าง ที่สำคัญ…ใครบอกว่าผมไม่ยอมคน ผมมักยอมคำสั่งของคุณพ่อและคุณแม่เสมอๆ และยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมมักจะยอมโดยที่ไม่รู้ตัว…
ส่วนงานอดิเรกของผม ผมมักจะเล่นเทนนิสกับจิทัศน์เกือบทุกเย็น ไม่ก็ว่ายน้ำที่บ้านบ้าง นอกจากนั้นผมก็เป็นนักอ่านตัวยง แล้วก็ชอบดูหนัง…เท่านั้นล่ะครับ…
ไลฟ์สไตล์ของผมก็เหมือนคนทั่วๆไป คือตื่นเช้าไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับมาทานข้าวที่บ้าน สุดสัปดาห์ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย แต่อาจจะต่างจากนักธุรกิจคนอื่นเสียหน่อย เพราะผมไม่นิยมดื่มกาแฟ นอกจากจำเป็นต้องพึ่งมันจริงๆ ผมไม่ค่อยออกงานสังคม หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมากนัก (พวกเขาเลยบอกว่าผมหยิ่ง) แต่จริงๆแล้ว เพราะผม…เอ่อ…ขี้อายต่างหาก นอกจากนั้นคุณแม่เคยบอกว่าผมเป็นคนขี้เหนียว ไม่ยอมซื้อรถเป็นของตัวเอง แต่ใช้รถเบนซ์ เอส-คลาส คันเก่า ที่เคยเป็นรถประจำตำแหน่งของคุณพ่อ แถมใช้ไม่คุ้ม เพราะผมมักจะขับมันออกจากบ้านไปเฉพาะอังคารกับศุกร์ ส่วนนอกนั้นผมมักจะใช้รถไฟฟ้าแทน เสื้อผ้าของผมก็ไม่เคยซื้อเองจนคุณแม่เห็นว่าเริ่มเก่าจึงจะจูงมือผมออกไปซื้อสักที กระเป๋าเงินของผม ก็ใช้จนขาด…จนมีคนคนหนึ่งซื้อให้ผมใหม่…
หลายคนคงอยากทราบว่า ทำไมผมต้องเป็นนรินทร์ นราธร รุ่นที่ 4 ทำไมผมต้องยอม ทำไมผมไม่แหกกฎและสร้างบรรทัดฐานอะไรเสียใหม่ ผมเก็บกดบ้างหรือเปล่า…เอาล่ะครับ ผมอยากจะบอกพวกคุณทุกคนตรงนี้ว่า…ผมไม่เก็บกดเพราะผมถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ ผมอาจจะมีหงุดหงิดบ้างที่ไม่สามารถกำหนดชีวิตตัวเองได้ แต่ที่ผมไม่ต่อต้านนั่นก็เพราะผมเคารพคุณพ่อของผม…ก็เท่านั้นเองครับ…
เอาล่ะ มีใครอยากจะรู้อะไรเพิ่มอีกไหมครับ? สเป็กสาวในฝัน? คือ…เอ่อ…ไม่มีหรอกครับ
ตอนนี้ผมโสดหรือเปล่า?...ผมแต่งงานแล้วครับ
ผมมีลูกหรือยัง?...ผมอยากจะบอกพวกคุณทุกคนว่า…นั่นละครับปัญหาของผม
“ตาริน! เกือบปีแล้วนะ ไม่เห็นเมียแกจะป่องสักที” คุณพ่อสวดผมยับในวันประชุมเครียด
ผมอ้าปากจะอธิบาย แต่ท่านก็ขัดเสียก่อน “บอกพ่อซิว่าแกจะให้เวลาพ่ออีกกี่เดือน พ่อถึงจะได้เห็นหน้าหลาน”
เวลาประชุมเครียดคุณพ่อมักจะดุจนน่ากลัว ผิดกับวันธรรมดา ท่านจะใจดี ตามใจพวกเรา และเคารพในความคิดของผมและน้องเสมอๆ แน่ล่ะครับ…ยกเว้นเรื่องทายาทบริษัท
ผมนึกย้อนถึงตอนเด็กๆ เวลาผมกับรันถูกเรียกไป ปอคอ เราสองคนจะโดนดุจนกลัวหงอ และเวลาคุณพ่อยื่นคำขาดว่าต้องให้ทำหรือแก้ไขอะไร พวกเรามักจะไม่เคยทำไม่สำเร็จ เพราะคุณพ่อชอบพูดว่า
“รู้ไหมริน ถ้าลูกไม่เลิกเล่นเกมจนดึกดื่นลูกจะโดนอะไร”
ผมในวัย 9 ขวบ นั่งสายศีรษะตัวเล็กลีบด้วยความกลัว
คุณพ่อยิ้มน่ากลัว แล้วพูดเสียงเหี้ยม “ลูกไม่มีวันรู้หรอก”
นั่นล่ะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร และดูจากสีหน้าของคุณพ่อแล้วเลยคิดไปเองว่าคงจะน่ากลัวมากๆ ผมเลยไม่กล้าดื้อ แต่หลังจากนั้นมาผมก็แทบจะเลิกเล่นเกมไปเลย…ต้องขอบคุณคุณพ่อ เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกับผมหลายคนสายตาสั้นหลายร้อย เพราะเอาแต่เล่นเกมนี่แหละ
อ่า…ลืมไป…รันบอกว่า มันเคยไม่ยอมเลิกแอบกินขนมสุดโปรดของคุณพ่อ เพราะอยากรู้ว่าจะโดนอะไร พอผมถามว่าแกโดนอะไรล่ะ มันกลับยิ้มเยาะ ‘พี่รินต้องโดนเอง’ เอากับมันสิ…
“ผมว่า…เรื่องนี้มันขึ้นกับสิดีด้วยนะครับ จะให้ผมกำหนดคนเดียวคงไม่ได้”
คุณพ่อทำหน้าละเหี่ยใจ “แกก็เป็นของแกอย่างนี้ล่ะน้า…รู้จักรุกบ้าง เข้าใจไหม รอ อุ กอ รุก น่ะที่แปลว่า….”
“ผมเข้าใจครับคุณพ่อ” ผมรีบตอบ
แล้วท่านก็จ้องผมสักพักหนึ่ง “นี่ริน…แกน่ะ ทำแต่งาน ไม่ค่อยโรแมนติก พ่อจะแนะนำอะไรให้นะ…แกลองไปเรียกเมียแกว่า ที่รัก สิ เผลอๆ ได้แฝดสาม” แล้วคุณพ่อก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเครียดเหมือนเดิม
“ไปได้แล้ว! รีบมีลูกซะ! อย่าลืมที่พ่อสอนด้วย!”
ครับ…แล้วผมก็เดินหนักใจออกมาจากห้องทำงาน
หลังจากนั้นก็ผมพยายามคุยกับสิดีเรื่องนี้ พยายามเรียกเธอว่าที่รัก…แต่เธอบอกผมว่า…เธอยังไม่พร้อม…คุณพ่อให้เวลาเราหกเดือน ดังนั้นผมต้องให้เวลาเธอบ้าง…
โอเค ครับ…ให้เวลา…โอ๊ย!!! อีกนานเท่าไรล่ะ…ผม…ผมเป็นผู้ชายนะ…นี่มันห้องนอนของผม ผมรักเธอ แล้วเธอก็…แต่งกับผมแล้ว…โถ่ว้อย!!!
“เฮ้ย! ไอ้ริน ทำไมวันนี้ตีไม่ดีเลยวะ” เสียงจิทัศน์ตะโกนด่าข้ามเน็ตมา
ผมได้สติ “อ่า…โทษทีๆ พอก่อนดีไหม เกือบทุ่มแล้ว”
จิทัศน์พยักหน้าแล้วตีลูกเทนนิสส่งมา
มันเดินมาเกาะไหล่ผม เหงื่อท่วมตัว
“เป็นไรวะ”
เออ…มันสมเป็นเพื่อนสนิทที่สุด ขนาดไม่พูดกันมาตั้งนาน มันก็ยังรู้ใจผมอยู่ดี
ผมปาดเหงื่อ…จะบอกมันดีไหม…
“คือ…แกกับหนูเล็กไปกันถึงไหนแล้ว”
ทัศน์มองผมงงๆ แล้วตบหลังดังอั้ก “เฮ้ย อยู่ดีดีมาถามอะไรวะ ก็…เธอทำให้ฉันหัวเราะเสมอ..มีความสุขดี ถามทำไมวะ…เอ๊ะ…หรือว่า…แกกับคุณสิดี…”
มันมองผมเหมือนเข้าใจทุกอย่าง
ผมมองซ้ายมองขวา “เฮ้ย! อย่าดังไป คือ…เออช่างเหอะ”
ผมเปลี่ยนใจที่จะบอกเพื่อน ทัศน์มันไม่เคยรู้ว่าผมกับสิดีเคยแต่งงานกันหลอกๆ แล้วถ้าผมถามว่าจะเริ่มต้นเรื่องอย่างนั้นยังไง มันคงสงสัยไม่หยุด
แต่ทัศน์ยังคงไม่เชื่อ “เอาน่า บอกมาเถอะ จะแนะนำให้ ความรักมันจืดจางเหรอรินนี่”
เราเดินเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อ ผมยังคงอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ
จิทัศน์เข้าไปอาบน้ำ เปิดฝักบัวดังซ่า…จริงๆแล้วเพื่อนผมคนนี้ก็โชกโชนเรื่องความรักมาพอสมควร เอาวะ…
“ทัศน์…ถ้าเมียแกไม่ยอม…เอ่อ…มีอะไรด้วย…แกจะทำไงวะ” ผมตะโกนถามแข่งเสียงน้ำดังซ่า พร้อมๆกับที่ลุงวัยกลางคนสองคนเดินเข้ามา
จิทัศน์ตะโกนกลับมาเสียงดัง “เมียฉันทำไมนะ!!!”
ตาลุงสองคนนั้นมองผมแปลกๆ…เอ่อ...พอแค่นี้ก่อนดีกว่า
ไม่นานนักผมก็ติดรถจิทัศน์กลับบ้าน ผมเลยถามมันอีกที
จิทัศน์ทำท่าตกใจ “แก…ยังไม่เคยมีอะไรกับเธอเหรอ…เกือบปีแล้วนะ…”
ผมหันหลังตอบ ทำท่ามองออกไปนอกหน้าต่าง เนื่องจากว่าโกหกไม่เก่ง
“เปล่า…เคย…แต่…ตอนนี้ต้องมีลูก…แล้วเธอกลับไม่ยอม…”
ให้ตายสิ…ทำไมคนอย่างผมต้องเอาเรื่องในห้องนอนมาพูดด้วยนะ
ไอ้ทัศน์ขำกลิ้ง ก่อนมันจะมีโทรศัพท์เข้ามา
“จ้า…หนูเล็ก…ผมขับรถอยู่ กำลังจะไปส่งรินนี่ที่บ้านน่ะ…คร้าบ…ผมจะโทรกลับนะที่รัก..หืม?...ไม่ให้ผมโทรเหรอ…ไม่เอาน่า ก็ผมจะโทร…หึหึ…รักนะครับ”
มันคุยกับแฟนหวานจัง ไม่เหมือนผมกับสิดี จะหวานอยู่แล้ว หล่อนก็ทำพังหมด
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ? เธอไม่ยอม…แกไปทำอะไรไม่ดีเข้าล่ะสิ”
“เปล่า…” แล้วผมก็เงียบอีกนาน จนในที่สุด ทัศน์ก็พาผมมาส่งบ้าน
มันพูดเสียงหล่อ “ฉันช่วยได้ แต่…แกใจถึงพอไหมล่ะ”
ผมเลิกคิ้ว “บอกมาสิ”
แล้วเราสองคนก็ซุบซิบกัน
เช้าวันต่อมา ผมไม่ค่อยมีสมาธิทำงานมากนัก เนื่องจากหนักใจกับแผนของจิทัศน์
มันหัวใสจริงๆ ให้ตายสิ
“คุณนรินทร์คะ ฝ่ายบัญชีขอพบค่ะ” เสียงสิดีดังมาตามสาย ผมสะดุ้ง ขณะเซ็นต์เอกสาร
“เข้ามาได้….เอ่อ…สิดี…หลังจากฝ่ายขายออกไปคุณเข้ามาหาผมหน่อยนะ” ผมพยายามพูดเสียงหล่อ เริ่มทำตามแผนของจิทัศน์
“เชิญค่ะ คุณพิณ อะไรนะคะ? อ่อ...ฉันไม่ว่างค่ะ คุณมีอะไรสำคัญหรือเปล่า ต๊าย! ฉันพิมพ์ผิดไปเกือบหน้าแน่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” เธอรีบตัดสาย พร้อมๆกับที่คุณพิณเดินเครียดเข้ามา
น่ะ…ก็เธอเป็นอย่างนี้…ผมจะหวานได้ขนาดไหน
คุณพิณออกไปแล้ว ผมชักโมโห…นี่ผม…เป็นสามีเธอนะ…เธอเห็นงานสำคัญกว่าผมเหรอ ผมเปิดประตูห้องทำงานออก เห็นสิดีพิมพ์งานอย่างขยันขันแข็ง
แล้วผมก็ฉุดเธอลุกขึ้น
“อะไรคะ?” เธอตกใจ ถามเสียงดัง พนักงานแถวนั้นมองกันเป็นแถว แต่ผมไม่สน แล้วทำหน้าดุ บีบแขนเธอแรงขึ้น “มากับผม” แล้วผมก็พาเธอเข้าห้องทำงาน
สิดีพยายามแกะมือผมออก “อะไรของคุณเนี่ย ตั้งแต่เช้ามา ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ ยกเว้นงานที่พิมพ์เมื่อกี้”
ผมจับเธอนั่งบนโซฟาอย่างเบามือ แล้วหย่อนตัวลงข้างๆเธอ
“ผมอยากทานข้าวเที่ยงในนี้กับคุณสองคน ผมสั่งไว้แล้ว เดี๋ยวคงมาส่ง”
เธอมองผมแปลกๆ เอ่อ…จิทัศน์บอกว่าขั้นแรก…ทำหวานและอ่อยเหยื่อ
ผมพยายามส่งสายตาหวานซึ้งไปให้เธอ แล้วลูบผมเธอเบาๆ “ผม…เหนื่อย ให้กำลังใจผมหน่อยสิ”
สิดี เริ่มเขิน…ได้ผล… “จะให้…ฉันทำยังไงล่ะคะ”
ผมปัดเส้นผมเธออกจากหน้า แล้วก้มลงเข้าใกล้ใบหน้าเธอ จนลมหายใจของเราสองคนรดกัน แล้วผมก็จูบเธออย่างเบาๆ แล้วค่อยหนักหน่วงขึ้น…สิดีสนองตอบด้วยความเต็มใจ เธอโอบรอบคอผม ส่วนผมก็โอบตัวเธอไว้…หึหึ ติดกับผมแล้วล่ะสิ
ริมฝีปากผมเริ่มรุกเร้าเธอมากขึ้น สิดีตอบสนองไม่ค่อยเก่งนักแต่ก็ดูจะติดใจ แล้วผมก็คลายริมฝีปากออกอย่างกะทันหัน ขณะที่สิดีไม่ทันตั้งตัว เหมือนเธอยังเคลิ้มอยู่….
ขั้นที่สอง…อ่อยให้เธออยากแล้วจากไป
“อืม…อาหารมาส่งแล้วล่ะ” ผมบอกเธอเบาๆ สิดีค่อยๆลืมตา ก่อนจะรีบคลายอ้อมแขน แล้วหลบสายตาผม…
ผมใจเต้นรัว…นี่คงเป็นสัญญาณที่ดีแล้วสินะ…
แล้วเราก็นั่งทานอาหารกลางวันกันสองคน ดูสิดีจะเงียบไปมาก เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทาน
“คุณเป็นไร เอานี่ บรอคโคลี่ที่คุณชอบ” ผมตักกับข้าวใส่จานเธอ
สิดีพึมพำว่าขอบคุณ แล้วตักข้าวในจานเธอใส่จานผม “ฉันกินไม่หมดหรอกค่ะ คุณกินเยอะใช่ไหม”
แล้วเธอก็เงียบต่อไป ไม่สบตาผมเลยด้วย ผมเริ่มอึดอัดแล้วแฮะ…นี่ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า
“สิดี…คุณเป็นไร ทำไมเงียบจัง” ผมถามแล้วเอื้อมมือพร้อมทิชชู่ไปเช็ดมุมปากของเธอที่มีเศษอาหารติดอยู่
เธอมองผมเขินๆ แล้วหยิบทิชชู่ไปเช็ดเอง
ผมเริ่มขัดใจ “นี่คุณจะเงียบอีกนานไหม”
เธอขมวดคิ้ว ก้มหน้าเคี้ยวข้าว แล้วหันมามองผมหน้าแดง
“ฉัน…โถ่เอ๊ย” แล้วเธอก็ลุกขึ้นพรวด ผมตกใจ
เธอเสมองไปทางอื่น หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “ฉัน…กลับไปทำงานก่อนนะคะ”
ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวจะออกจากห้องผมไป ผมรีบตามไปรั้งตัวเธอเอาไว้
“คุณไม่พอใจอะไรล่ะ”
เธอดิ้นขณะที่ผมกำลังกอดเธอจากด้านหลัง “ปล่อยนะ!!!”
ผมล็อคตัวเธอไว้อย่างสุดความสามารถ นี่เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย แน่นอนสิดีดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเป็นอะไรของคุณ ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ”
แล้วจู่ เธอก็หยุดดิ้น ปล่อยให้ผมกอดเธอไว้อย่างนั้น
สิดีค่อยๆหมุนตัวมาหาผม ใบหน้าเธอแดงก่ำ สายตาส่อแววกึ่งโมโห กึ่งอาย
ผมพยายามยิ้มหล่อๆให้ “ว่าไงจ๊ะที่…อ๊ากกกกกกกกกก!!!”
บ้าชิบ! เธอเตะหว่างขาผมทำไม ผมไปทำอะไรให้เธอเนี่ย!!!
“ฉัน…ฉัน…คุณนั่นล่ะผิด!! อยู่ดีดีมาจูบฉันในห้องทำงาน แล้วก็หยุดซะยังงั้น ฉันอายนะคะ เห็นฉันเป็นของเล่นหรือยังไง จะทำอะไรฉันเมื่อไรก็ได้เหรอ” เธอพูดน้ำเสียงร้อนรน แล้วเผ่นออกจากห้องไป…
โอ๊ย!!! ผมไม่เข้าใจเธอเลย เธอโมโหอะไรของเธอเนี่ย แค่ผมจูบเธอในห้องทำงานของผมเนี่ยนะ…มันผิดตรงไหน…สงสัยแผนคืนนี้คงล่มไม่เป็นท่า
มือถือผมดัง จิทัศน์คงโทรมาถามความคืบหน้า
“สำเร็จไหมวะ” มันถาม
ผมจุก พูดไม่ออก “ล้มเหลว แผนการล้มเหลว” ผมตอบไปอย่างนั้น
แล้วตลอดบ่ายผมก็ไม่ได้เจอสิดีอีกเลย เพราะผมมีเอกสารด่วนจากฝ่ายบัญชีเข้ามาให้พิจารณาและเซ็นอนุมัติ จะได้เจอก็แต่คุณพิณฝ่ายบัญชี สาวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้านี่แหละ
แล้วเอกสารชิ้นสุดท้ายของผมสำหรับวันนี้ก็เสร็จสิ้น ผมคุยกับคุณพิณเรื่องธุระสักเล็กน้อย ไม่นานนัก ผู้ร่วมแผนการของผมอีกสองคนก็เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา
“สวัสดีครับพี่ริน ผมมาแล้ว พี่รินฮะสาวหน้าห้องคนนั้นคือใคร…” รันทักผมแล้วหยุดกึก เมื่อเห็นว่าผมมีแขก
“hello brother ผม hungry มากๆ โอ๊ะ!!!!” แล้วนี่ก็แจ๊กกี้ มันดูอึ้งมากที่ได้เห็นคุณพิณ
คุณพิณมองเจ้าตัวประหลาดสองคนนั้นแปลกๆ ก่อนจะเก็บเอกสรแล้วลาผมออกไป
ผมเห็นแจ๊กกี้มองคุณพิณไม่วางตา แต่ดูคุณพิณไม่ได้สนใจ เพราะเธอคงไม่เห็นว่าแจ๊กกี้ยื่นเท้าออกไปสกัดเธอไว้
“ว้าย!!!” พิณร้องลั่น เอกสารหลุดจากมือ ขณะที่ตัวเธอกำลังจะล้มลง แต่แล้ว พระเอกวายร้าย มีหนวดเคราด้วย ก็ยื่นมือไปรับตัวเธอไว้ในอ้อมแขน
สำหรับแจ๊กกี้แล้ว ราวกับว่าโลกหยุดลงชั่วขณะ “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” มันถามเสียงหล่อ
ผมกับรันมองหน้ากันขำขำ แต่ที่ผมขำ เพราะผมรู้จักคุณพิณดีพอ เธอเป็นคนดุ และหวงเนื้อหวงตัวมาก
พิณรีบสะบัดตัวออกจากเงื้อมมือมัจจุราชของแจ๊กกี้ แล้วทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ขอบคุณนะคะ แต่ทีหลังไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน” แล้วเธอก็กระวีกระวาดเก็บเอกสาร ก่อนจะเชิดหน้าสะบัดเดินจากแจ๊กกี้ไป
แจ๊กกี้มองเธอด้วยแววตาแสนประทับใจ แล้วหันมามองผมเหมือนต้องการความช่วยเหลือ
“โอ้ววว พี่รินฮะ ฮู อิส ชี เธอคือใคร ผม ฟอลลิ่ง อิน เลิฟ วิธ เฮอ เสียแล้ว”
ผมกุมขมับ จะบอกแจ๊กกี้ดีไหมว่าอย่าไปยุ่งกับเธอเลย ไลฟ์สไตล์ของทั้งสองคนต่างกันมาก คุณพิณเป็นคนเนี้ยบ สะอาดสะอ้าน และเจ้าระเบียบมาก ส่วนแจ๊กกี้…ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่
รันนั่งลงตรงหน้าผม ทำท่าตื่นเต้น “ผมด้วยๆ พี่ริน ผมชอบสาวหน้าห้องพี่”
ไอ้รันเอาบ้าง หา? อะไรนะ “แกชอบสิดีเหรอ!!!” ผมถามเสียงโหด
รันทำหน้าตกใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ ใครบอก สาวตัวเล็ก น่ารักๆ ที่นั่งตรงข้ามกับคุณสิดีต่างหาก”
ผมนึก “อ้อ คุณนลินล่ะสิ”
ไอ้รันยิ้มกว้าง ส่วนแจ๊กกี้กำลังพร่ำเพ้อถึงคุณพิณ “ชื่อเพราะจัง ขอเบอร์ให้ผมหน่อยสิ”
ผมถอนหายใจเฮือก เก็บเอกสารบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้น “ไปกินเหล้ากับพี่คืนนี้ก่อน แล้วพี่จะช่วยทั้งสองคนนั่นแหละ”
รันกับแจ๊กกี้ทำสายตาแพรวพราว ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน “ได้เลยครับ!”
แล้วรันก็มองผมแปลกๆ “เอ…พี่รินไปกินเหล้าเนี่ยนะ”
ผมเริ่มกระอักกระอ่วน คือผมไม่ได้บอกแผนนี้กับรันหรอก
“ก็…ทัศน์มันชวน ไปกันสักที” ผมหยิบสูทพาดบ่า แล้วเดินทำท่าหล่อออกไป กะว่าจะไปเก๊กต่อหน้าสิดี
เธอทำหน้ายุ่งๆ สงสัยวันนี้งานคงหนักมาก ผมให้เธอพิมพ์งานแค่สองเรื่องเองนะ
ผมควงกุญแจรถแก้ประหม่า นี่เธอจะหายอารมณ์เสียหรือยัง “ผมไปสังสรรค์กับพวกนี้ก่อนนะ คงกลับดึกหน่อย คุณกลับเองได้ใช่ไหม”
เธอหันไปพยักหน้ากับคอมพิวเตอร์
“ลาก่อนคุณสิดี” รันพูด
“กู๊ดบายมายสะติ๊วเด้น” แจ๊กกี้โบกมือ
เธอตอบสองคนนั้นเรียบๆ “ลาก่อนคุณรัน ลาก่อนแจ๊กกี้”
ตอนเธอโกรธนี่น่ากลัวจริงๆ…แต่เธอโกรธเรื่องไร้สาระจังแฮะ!!! หึ รอดูคืนนี้ก่อนเถอะ แล้วเธอจะพูดไม่ออก
ผมก้มหน้าจ๋อยๆเดินไปขึ้นลิฟท์ มีแจ๊กกี้ตามหลัง แต่เจ้ารันไม่วายไปยุ่งกับคุณนลิน มันทำท่าเหมือนอยากจะทักเธอ แต่คุณนลินก็ยุ่งกับงานไม่แพ้สิดี
แล้วผมก็เห็นน้องชายที่เจ้าเล่ห์ไม่แพ้เพื่อนมัน รันหยิบอะไรกุกกักจากกางเกง ก่อนจะแกล้งทำหล่นลงพื้น เล็งรัศมีให้ของนั้นกลิ้งไปอยู่แทบเท้าคุณนลิน
ได้ผลเธอมองเหรียญห้าบาทแล้วหยิบมันขึ้น
“ของผมเองฮะ” รันเก๊กหน้าหล่อ แล้วเดินเข้าไปหาเธอ
นลินมองรันงงๆ แต่เหมือนจะจำได้ว่าเป็นน้องชายผม เธอวางเหรียญนั้นบนมือรัน ยิ้มให้นิดๆ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ผมกับแจ๊กกี้มองกันเหมือนสมน้ำหน้า มุกเหรียญหล่นใช้ไม่ได้เสียแล้ว
รันรับเหรียญมา แล้วมองเธอที่ก้มหน้าก้มตายุ่งกับเอกสารอย่างผิดหวัง
“อ่า…ขอบคุณะนะฮะ…” แล้วมันก็เดินจ๋อยกลับมาสมทบกับพวกเรา
ผมตบหลังน้องชายด้วยความรักใคร่ เป็นเชิงปลอบใจ “เอาน่า แกก็มาหาพี่บ่อยๆซิ”
กลุ่มชายโฉดของพวกผมซึ่งประกอบด้วยผม รัน จิทัศน์ และแจ๊กกี้ เราเข้ามาในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง สั่งอาหารสองสามอย่างมากิน ตามด้วยเหล้าเบียร์และกับแกล้ม รันกับแจ๊กกี้ไม่ได้สงสัยอะไรมาก แค่มีของกินและได้ร้องเพลงก็พอใจแล้ว
ส่วนผมกับจิทัศน์ก็สุมหัวกันพูดถึงแผนของคืนนี้แข่งกับเสียงร้องคู่ดูโอ้ของรันและแจ๊กกี้
“ฮ่าๆๆๆๆ” จิทัศน์ขำ เมื่อผมเล่าเรื่องตอนกลางวันให้ฟัง
มันกระดกเบียร์หนึ่งอึก “เธอกำลังอยู่ในช่วงสับสนน่ะซิ แบบว่า…ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ” แล้วมันก็มองผมด้วยความสงสาร
“ริน…สงสัยแกทำการบ้านน้อยไป ผู้หญิงเขาต้องการความมั่นคง นี่ถ้ามีลูก คงไม่งอนอะไรแบบนี้หรอก”
ผมคิดในใจ…ทัศน์มันจะมารู้ความรู้สึกสิดีได้ยังไงฮะ!
“เอาล่ะๆ บอกแผนขั้นที่สามมาเลย นี่ก็มานั่งกินตั้งนานแล้ว” ผมมองนาฬิกา เหลือบเห็นแจ๊กกี้นั่งเดาะถั่วเข้าปาก รันร้องเพลงเศร้าอยู่ข้างๆ
เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว…
ทัศน์รินเหล้าให้ผมเต็มๆ 1 แก้ว “ดื่มซะ ไม่เมา ไม่ต้องกลับ”
ผมตกใจ นี่มันฟังข่าวบ้างหรือเปล่า รัฐบาลเขารณรงค์ เมาไม่ขับ อยู่
“จะบ้าเหรอ เมาแล้วจะขับรถได้ยังไงล่ะ…แล้ว…แล้วแผนคืนนี้จะ…”
จิทัศน์ทำหน้ามองผมเหมือนโง่เต็มทน “ให้รันขับกลับซิ แล้วนี่…”
มันมองสองคนนั้นว่าไม่ได้ฟังพวกเราอยู่ แล้วกระซิบใกล้ๆผม “แกก็ไม่ต้องเมามาก เอาให้มีกลิ่นเหล้าเหม็นอุบหน่อย แล้วก็เดินเซๆ แต่สติแกต้องอยู่เกือบครบนะเว้ย เอ้า! ดื่มซะ แก้วเดียวแกไม่เมามากหรอกน่า คอแข็งพอใช้ไม่ใช่เรอะ”
ผมรับแก้วอย่างลังเล แล้วมองเพื่อนรัก “แกจะให้ฉันหลอกสิดีว่าเมา แล้ว…” ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ทัศน์ยักคิ้ว “เออสิวะ”
ผมไม่ลังเล แล้วกระดกเหล้าจนหมดแก้ว….
ขั้นที่สาม…หลอกว่าเมา แล้วจัดการซะ!!!
ผมแกล้งเมา ทำเป็นพูดไม่รู้เรื่อง เดินไม่ไหว แล้วให้รันพยุงขึ้นมาบนห้องนอนในเวลาเกือบห้าทุ่ม ท่ามกลางเสียงบ่นของคุณพ่อ คุณแม่ และป้าเนียร
เฮอะ…บ่นไปเถอะคุณพ่อ แล้วคอยดูละกัน
รันเปิดประตูห้องแล้ววางผมลงบนเตียงโดยแรง
“หนักชะมัด” มันบ่น แล้วปิดประตูห้องจากไป
ผมนอนอยู่อย่างนั้นสักพัก มีอะไรผิดปกติแฮะ…ผมค่อยๆลืมตา…
สิดีไม่อยู่…เธอหายไปไหน ผมลุกขึ้นมา เดินตามหาเธอทั่วห้อง ทั้งในห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง แต่ก็ไม่เจอ นี่เธอไม่ได้กลับบ้านหรือไง หรือว่าโกรธผมจนกลับไปนอนกับแม่ตัวเองที่บ้าน
ไม่นะ!!! แล้วแผนของผมล่ะ!!!
แต่แล้วเสียงบิดประตูห้องก็ทำเอาผมแทบจะสานต่อแผนขั้นที่สามไม่ทัน ผมรีบฟุบลงไปกับพื้น ไม่นานนักสิดีก็เข้ามาเห็นว่าผมนอนแอ้งแม้งหมดสติอยู่ใกล้ห้องน้ำ
“ว้าย!!! คุณนรินทร์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอโวยวายเสียงดัง ก่อนจะเข้ามาจับตัวผม ผมแกล้งหลับต่อไป
“อี๋ เหม็นกลิ่นเหล้าอึบเลย…ไปทำอะไรกันมาเนี่ย…” เธอบ่น แล้วค่อยๆพยุงผมลากไปที่เตียง
เยี่ยม!!! ผมจะเริ่มแผนการล่ะนะ ขณะที่สิดีพยายามพยุงผมให้ลุกขึ้น ผมก็แกล้งลุกแล้วเดินเซนิดๆหน่อยๆ ก่อนจะกอดตัวเธอไว้แล้วกลิ้งนอนทับตัวเธอบนเตียง
เธอโวยวายบ่นว่าผมเมามากแล้ว จากนั้นก็ดิ้นพรวดๆ
ผมเล่นบทน้ำเน่า ด้วยการพูดเลียนเสียงคนเมา “ผมม่ายด้ายมาววววววว”
ก่อนจะกอดเธอแน่นกว่าเดิม ตัวเธอนุ่มนิ่มจังผมซุกหน้าลงไปที่ซอกคอหอมกรุ่น…แล้วผมก็เริ่มรู้สึก…ว่ารักเธอเหลือเกิน
เธอยิ่งดิ้นแรงเข้าไปอีก ทั้งถีบ ทั้งทุบตีผม บ่นว่าผมเมาแล้วทำอะไรไม่รู้เรื่อง
ผมไม่ยอมอีกแล้ว…ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ…อีกแล้ว
มือไม่รักดีของผมค่อยๆ เลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อของเธอ ริมฝีปากของผมเริ่มจูบไล่ตั้งแต่ซอกคอเรื่อยไปจนทาบทับกับริมฝีปากที่ร้องไม่ยอมหยุดของสิดี ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว…
เธอจะรังเกียจผมไปถึงไหน…
ผมจูบเธออย่างหนักหน่วง แล้วกอดเธอไม่ยอมปล่อย สิดีที่ตอนแรกแข็งขืน ค่อยๆหยุดดิ้น แล้วเธอก็ตัวแข็งทื่อ…พร้อมกับสะอื้นเบาๆ
ผมชะงัก ผม…ผม...ทำอะไรลงไป…ผมทำร้ายเธอหรือเปล่า
ผมค่อยๆหยุดทุกอย่างลงอย่างห้ามใจ แล้วจองใบหน้าซีดเผือดของเธอที่หลับตาปี๋และเต็มไปด้วยน้ำตานองหน้า
“สิดี…” ผมเรียกเธอเบาๆ รู้สึกผิดจับใจ โถ่เอ๊ย! ผมน่าจะรอให้เธอพร้อมก่อนก็ได้…
สิดีค่อยๆลืมตามองผมด้วยความหวาดกลัว…ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ แล้วยกมือลูบใบหน้าผม
“คุณ…หายเมาแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามซื่อๆ ไม่ได้รู้เลยว่าผมพึ่งโกหกเธออยู่หยกๆ
ผมยิ้มให้เธอด้วยความรู้สึกผิด แล้วลูบใบหน้าซีดเผือดของเธอที่เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย
“ผม…ไม่ได้เมา” ผมพูดด้วยอาการของคนปกติ สิดีส่งสายตาไม่เข้าใจ
เฮ้อ…ช่างเถอะ…ไม่ใช่คืนนี้ก็ต้องสักคืนล่ะน่า…
แล้วผมก็สารภาพ…”ผม…ผม…แค่ต้องการคุณ ขอโทษด้วยนะ” แล้วผมก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากร่างของเธอ
“เดี๋ยวค่ะ” สิดีรั้งแขนผมเอาไว้ ผมหันไปมองเธอ เธอจะว่าอะไรผมก็เชิญเถิด ผมยอมทั้งนั้น ผมไม่ดีเอง ทำไมต้องทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักด้วย…
แต่แล้วผมก็ต้องตกใจ เมื่อเธอโอบแขนรอบคอผม แล้วทาบริมฝีปากสั่นระริกของตัวเองบนริมฝีปากของผม
เธอจูบไม่เก่งหรอก…แต่พยายามน่าดู…
“ฉัน…เข้าใจค่ะ” เธอบอกผมเบาๆ “ฉันไปหาแม่มา แม่บอกว่า…ฉันต้องเข้าใจคุณมากกว่านี้”
ผมมองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน หอมผมยุ่งๆของเธอเบาๆ…แล้วยิ้ม…ยิ้มให้เรา…ยิ้มให้ความรักของเรา และอนาคตของเราทั้งสองคน…
หลายเดือนต่อมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ ตอนนี้สิดีเริ่มมีอาการอ่อนเพลียบ่อยๆ ได้กลิ่นอะไรแปลกๆก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำ แถมอยากทานข้องเปรี้ยว…
เอ่อ…ผมรู้ว่าพวกคุณอยากรู้เรื่องอื่นบ้าง อย่างเช่น
จิทัศน์กับหนูเล็กจะหมั้นกันเดือนหน้าครับ จากนั้นค่อยแต่งหลังหนูเล็กเสร็จโปรเจ็คใหญ่ที่ปารีสแฟชั่นวีค
แกลเลอรี่ที่ผมไปเป็นประธานเปิดให้รันและแจ๊กกี้ ตอนนี้มีต่างชาติสนใจงานของทั้งสองคนมาก แจ๊กกี้เลยได้ใช้ทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองเต็มที่
ส่วนเรื่องความรักของสองคนนั่น…รันเพิ่งไปเดทกับคุณนลินเมื่อสองวันที่แล้ว
ส่วนแจ๊กกี้…อยากหน่อยนะถ้าจะจีบคุณพิณ
แม่ยายผมตอนนี้จะออกหนังสือเล่มใหม่อีกแล้ว ได้ข่าวว่ายิ่งใหญ่กว่าเดิม คุณแม่ผมที่ช่วงนี้เบื่อออกงานสังคม เลยขออาสาติดตามไปทัวร์โปรโมทหนังสือทั่วประเทศด้วย
ส่วนคุณพ่อ…ท่านดีใจมากครับทีสิดีท้องแล้ว และรันมีแฟนสักที
เป็นอันว่า ผมก็ไม่ได้รู้สักที ว่าถ้าผมแหกกฎ ปอคอ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ผมแอบถามรันในวันหนึ่งที่เราแข่งบาสกันอยู่หลังบ้าน ผมพนันกับมันว่า ถ้าผมชนะ มันต้องยอมบอก รันหัวเราะร่า เพราะฝีมือแข่งบาสมันเก่งกว่าผมอยู่แล้ว
หึ…แต่ผมมีวิธีฮะ
ผมเกือบจะชู้ตลูกสุดท้ายที่จะทำคะแนนชนะน้องชาย รันกระโดดป้องกันชัยชนะของตัวเองเต็มที่ ยังไงผมก็ไม่มีทางชู้ตลงอยู่แล้ว ถ้าสิดีไม่ช่วย
เธอนั่งเคี้ยวมะม่วงดองเชียร์เราสองคน ก่อนจะตะโกนเสียงดัง เมื่อผมให้สัญญาณ
“ว้าย! นลินมาค่ะ”
ได้ผลรันชะงักแล้วมองออกไปทางประตูบ้าน ผมได้โอกาส เลยดั๊งค์เต็มแรง
ส่วนสิดีก็แกล้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “นลินโทรมาน่ะค่ะ” แล้วเธอก็แกล้งแอบเข้าไปคุยโทรศัพท์ในบ้าน
รันมองลูกบาสที่ผมพึ่งทำคะแนนอย่างอารมณ์เสีย…
ผมตบบ่าน้องชาย “แกต้องบอกพี่ตามสัญญา”
รันเบ้ปากใส่ผม “อยากรู้เหรอ…”
“เออสิวะ” ผมตอบ
มันยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ “ไม่รู้” มันพูดเสียงอู้อี้
“หา? อะไรนะ” ผมได้ยินไม่ถนัด
แล้วรันก็ยิ้มให้ผมอย่างสะใจ “พี่ไม่มีวันรู้หรอก เพราะผมก็ไม่มีวันรู้เหมือนกัน เพราะวันนั้นผมเลิกกินขนมของคุณพ่ออย่างเด็ดขาด ฮ่าๆๆๆๆๆ พี่ถูกผมหลอกแล้วล่ะ ผมก็แค่อยากแกล้งพี่นิดหน่อย”
แล้วมันก็เดินระเริงไปอ่อยป้าเนียรในครัว
เอากับมันสิ…สรุป ไม่มีใครกล้าขัดใจคุณพ่อ เลยไม่ต้องรู้กันพอดีว่า โทษทัณฑ์ของปอคอ คืออะไร ผมว่านะ…แม้แต่คุณพ่อยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าเราต้องขัดคำสั่งคนที่เรารักและเคารพ
เอาล่ะครับ…ผมขอจบเรื่องราวของผมลงตรงนี้ เดี๋ยวผมต้องพาสิดีไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล อีกไม่นาน ผมก็จะมีนรินทร์ นราธร รุ่นที่ 5 แล้ว ผมเห็นว่ามันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแหกกฎของครอบครัว…ตราบใดที่กฎนั้น…ไม่ได้ทำร้ายผมและผู้อื่น…
ความรักของผมอาจจะดูราบเรียบไปหน่อย และมีความสุขในตอนสุดท้ายเหมือนนิยายทั่วๆไป แต่ผมอยากบอกพวกคุณนะครับ ว่าจริงๆแล้ว ทุกอย่างพึ่งเริ่มต้น ทั้งความสุข ความทุกข์ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา คงจะเกิดขึ้นอีกมากมายในการครองชีวิตคู่ เราอาจจะหวานแหววให้กันน้อยลง อยู่ด้วยกันเพราะเหตุผลมากกว่าความรู้สึก
แต่ทุกข์อย่างไม่สำคัญหรอกครับ…ถ้าเราใส่ใจกันและกัน
ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ให้กำลังใจผมตลอดมา
นรินทร์ นราธร รุ่นที่ 4
อ้อ ยังเหลือตอนพิเศษอีกตอนที่เคยแต่งให้ผู้อ่านช่วงปีใหม่ เดี๋ยวจะเอามาลงให้ค่ะ
สวัสดีครับ ผมชื่อ นรินทร์ นราธร ผมทำงานเป็นประธานบริษัทนราธร กรุ๊ป รุ่นที่ 4 ต่อจากคุณพ่อของผมที่มีชื่อเดียวกัน งานประจำของผมคือบริหารโรงแรมในเครือนราธรทั่วประเทศกว่าสิบสาขา…
สำหรับนิสัยส่วนตัวของผม คนภายนอกมักจะมองว่าผมหงุดหงิดง่าย ขี้โมโห เอาจริงเอาจังเกินไป และไม่ยอมคน ก็ถูกในส่วนหนึ่ง…เพราะที่ผมเป็นอย่างนั้นก็เนื่องด้วยหน้าที่การงาน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าผมเป็นคนสบายๆ อาจจะดูขรึม ไม่ค่อยพูดแต่บางครั้งก็กวนประสาทบ้าง ที่สำคัญ…ใครบอกว่าผมไม่ยอมคน ผมมักยอมคำสั่งของคุณพ่อและคุณแม่เสมอๆ และยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมมักจะยอมโดยที่ไม่รู้ตัว…
ส่วนงานอดิเรกของผม ผมมักจะเล่นเทนนิสกับจิทัศน์เกือบทุกเย็น ไม่ก็ว่ายน้ำที่บ้านบ้าง นอกจากนั้นผมก็เป็นนักอ่านตัวยง แล้วก็ชอบดูหนัง…เท่านั้นล่ะครับ…
ไลฟ์สไตล์ของผมก็เหมือนคนทั่วๆไป คือตื่นเช้าไปทำงาน ตอนเย็นก็กลับมาทานข้าวที่บ้าน สุดสัปดาห์ก็พักผ่อนตามอัธยาศัย แต่อาจจะต่างจากนักธุรกิจคนอื่นเสียหน่อย เพราะผมไม่นิยมดื่มกาแฟ นอกจากจำเป็นต้องพึ่งมันจริงๆ ผมไม่ค่อยออกงานสังคม หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมากนัก (พวกเขาเลยบอกว่าผมหยิ่ง) แต่จริงๆแล้ว เพราะผม…เอ่อ…ขี้อายต่างหาก นอกจากนั้นคุณแม่เคยบอกว่าผมเป็นคนขี้เหนียว ไม่ยอมซื้อรถเป็นของตัวเอง แต่ใช้รถเบนซ์ เอส-คลาส คันเก่า ที่เคยเป็นรถประจำตำแหน่งของคุณพ่อ แถมใช้ไม่คุ้ม เพราะผมมักจะขับมันออกจากบ้านไปเฉพาะอังคารกับศุกร์ ส่วนนอกนั้นผมมักจะใช้รถไฟฟ้าแทน เสื้อผ้าของผมก็ไม่เคยซื้อเองจนคุณแม่เห็นว่าเริ่มเก่าจึงจะจูงมือผมออกไปซื้อสักที กระเป๋าเงินของผม ก็ใช้จนขาด…จนมีคนคนหนึ่งซื้อให้ผมใหม่…
หลายคนคงอยากทราบว่า ทำไมผมต้องเป็นนรินทร์ นราธร รุ่นที่ 4 ทำไมผมต้องยอม ทำไมผมไม่แหกกฎและสร้างบรรทัดฐานอะไรเสียใหม่ ผมเก็บกดบ้างหรือเปล่า…เอาล่ะครับ ผมอยากจะบอกพวกคุณทุกคนตรงนี้ว่า…ผมไม่เก็บกดเพราะผมถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ ผมอาจจะมีหงุดหงิดบ้างที่ไม่สามารถกำหนดชีวิตตัวเองได้ แต่ที่ผมไม่ต่อต้านนั่นก็เพราะผมเคารพคุณพ่อของผม…ก็เท่านั้นเองครับ…
เอาล่ะ มีใครอยากจะรู้อะไรเพิ่มอีกไหมครับ? สเป็กสาวในฝัน? คือ…เอ่อ…ไม่มีหรอกครับ
ตอนนี้ผมโสดหรือเปล่า?...ผมแต่งงานแล้วครับ
ผมมีลูกหรือยัง?...ผมอยากจะบอกพวกคุณทุกคนว่า…นั่นละครับปัญหาของผม
“ตาริน! เกือบปีแล้วนะ ไม่เห็นเมียแกจะป่องสักที” คุณพ่อสวดผมยับในวันประชุมเครียด
ผมอ้าปากจะอธิบาย แต่ท่านก็ขัดเสียก่อน “บอกพ่อซิว่าแกจะให้เวลาพ่ออีกกี่เดือน พ่อถึงจะได้เห็นหน้าหลาน”
เวลาประชุมเครียดคุณพ่อมักจะดุจนน่ากลัว ผิดกับวันธรรมดา ท่านจะใจดี ตามใจพวกเรา และเคารพในความคิดของผมและน้องเสมอๆ แน่ล่ะครับ…ยกเว้นเรื่องทายาทบริษัท
ผมนึกย้อนถึงตอนเด็กๆ เวลาผมกับรันถูกเรียกไป ปอคอ เราสองคนจะโดนดุจนกลัวหงอ และเวลาคุณพ่อยื่นคำขาดว่าต้องให้ทำหรือแก้ไขอะไร พวกเรามักจะไม่เคยทำไม่สำเร็จ เพราะคุณพ่อชอบพูดว่า
“รู้ไหมริน ถ้าลูกไม่เลิกเล่นเกมจนดึกดื่นลูกจะโดนอะไร”
ผมในวัย 9 ขวบ นั่งสายศีรษะตัวเล็กลีบด้วยความกลัว
คุณพ่อยิ้มน่ากลัว แล้วพูดเสียงเหี้ยม “ลูกไม่มีวันรู้หรอก”
นั่นล่ะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร และดูจากสีหน้าของคุณพ่อแล้วเลยคิดไปเองว่าคงจะน่ากลัวมากๆ ผมเลยไม่กล้าดื้อ แต่หลังจากนั้นมาผมก็แทบจะเลิกเล่นเกมไปเลย…ต้องขอบคุณคุณพ่อ เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกับผมหลายคนสายตาสั้นหลายร้อย เพราะเอาแต่เล่นเกมนี่แหละ
อ่า…ลืมไป…รันบอกว่า มันเคยไม่ยอมเลิกแอบกินขนมสุดโปรดของคุณพ่อ เพราะอยากรู้ว่าจะโดนอะไร พอผมถามว่าแกโดนอะไรล่ะ มันกลับยิ้มเยาะ ‘พี่รินต้องโดนเอง’ เอากับมันสิ…
“ผมว่า…เรื่องนี้มันขึ้นกับสิดีด้วยนะครับ จะให้ผมกำหนดคนเดียวคงไม่ได้”
คุณพ่อทำหน้าละเหี่ยใจ “แกก็เป็นของแกอย่างนี้ล่ะน้า…รู้จักรุกบ้าง เข้าใจไหม รอ อุ กอ รุก น่ะที่แปลว่า….”
“ผมเข้าใจครับคุณพ่อ” ผมรีบตอบ
แล้วท่านก็จ้องผมสักพักหนึ่ง “นี่ริน…แกน่ะ ทำแต่งาน ไม่ค่อยโรแมนติก พ่อจะแนะนำอะไรให้นะ…แกลองไปเรียกเมียแกว่า ที่รัก สิ เผลอๆ ได้แฝดสาม” แล้วคุณพ่อก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเครียดเหมือนเดิม
“ไปได้แล้ว! รีบมีลูกซะ! อย่าลืมที่พ่อสอนด้วย!”
ครับ…แล้วผมก็เดินหนักใจออกมาจากห้องทำงาน
หลังจากนั้นก็ผมพยายามคุยกับสิดีเรื่องนี้ พยายามเรียกเธอว่าที่รัก…แต่เธอบอกผมว่า…เธอยังไม่พร้อม…คุณพ่อให้เวลาเราหกเดือน ดังนั้นผมต้องให้เวลาเธอบ้าง…
โอเค ครับ…ให้เวลา…โอ๊ย!!! อีกนานเท่าไรล่ะ…ผม…ผมเป็นผู้ชายนะ…นี่มันห้องนอนของผม ผมรักเธอ แล้วเธอก็…แต่งกับผมแล้ว…โถ่ว้อย!!!
“เฮ้ย! ไอ้ริน ทำไมวันนี้ตีไม่ดีเลยวะ” เสียงจิทัศน์ตะโกนด่าข้ามเน็ตมา
ผมได้สติ “อ่า…โทษทีๆ พอก่อนดีไหม เกือบทุ่มแล้ว”
จิทัศน์พยักหน้าแล้วตีลูกเทนนิสส่งมา
มันเดินมาเกาะไหล่ผม เหงื่อท่วมตัว
“เป็นไรวะ”
เออ…มันสมเป็นเพื่อนสนิทที่สุด ขนาดไม่พูดกันมาตั้งนาน มันก็ยังรู้ใจผมอยู่ดี
ผมปาดเหงื่อ…จะบอกมันดีไหม…
“คือ…แกกับหนูเล็กไปกันถึงไหนแล้ว”
ทัศน์มองผมงงๆ แล้วตบหลังดังอั้ก “เฮ้ย อยู่ดีดีมาถามอะไรวะ ก็…เธอทำให้ฉันหัวเราะเสมอ..มีความสุขดี ถามทำไมวะ…เอ๊ะ…หรือว่า…แกกับคุณสิดี…”
มันมองผมเหมือนเข้าใจทุกอย่าง
ผมมองซ้ายมองขวา “เฮ้ย! อย่าดังไป คือ…เออช่างเหอะ”
ผมเปลี่ยนใจที่จะบอกเพื่อน ทัศน์มันไม่เคยรู้ว่าผมกับสิดีเคยแต่งงานกันหลอกๆ แล้วถ้าผมถามว่าจะเริ่มต้นเรื่องอย่างนั้นยังไง มันคงสงสัยไม่หยุด
แต่ทัศน์ยังคงไม่เชื่อ “เอาน่า บอกมาเถอะ จะแนะนำให้ ความรักมันจืดจางเหรอรินนี่”
เราเดินเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อ ผมยังคงอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ
จิทัศน์เข้าไปอาบน้ำ เปิดฝักบัวดังซ่า…จริงๆแล้วเพื่อนผมคนนี้ก็โชกโชนเรื่องความรักมาพอสมควร เอาวะ…
“ทัศน์…ถ้าเมียแกไม่ยอม…เอ่อ…มีอะไรด้วย…แกจะทำไงวะ” ผมตะโกนถามแข่งเสียงน้ำดังซ่า พร้อมๆกับที่ลุงวัยกลางคนสองคนเดินเข้ามา
จิทัศน์ตะโกนกลับมาเสียงดัง “เมียฉันทำไมนะ!!!”
ตาลุงสองคนนั้นมองผมแปลกๆ…เอ่อ...พอแค่นี้ก่อนดีกว่า
ไม่นานนักผมก็ติดรถจิทัศน์กลับบ้าน ผมเลยถามมันอีกที
จิทัศน์ทำท่าตกใจ “แก…ยังไม่เคยมีอะไรกับเธอเหรอ…เกือบปีแล้วนะ…”
ผมหันหลังตอบ ทำท่ามองออกไปนอกหน้าต่าง เนื่องจากว่าโกหกไม่เก่ง
“เปล่า…เคย…แต่…ตอนนี้ต้องมีลูก…แล้วเธอกลับไม่ยอม…”
ให้ตายสิ…ทำไมคนอย่างผมต้องเอาเรื่องในห้องนอนมาพูดด้วยนะ
ไอ้ทัศน์ขำกลิ้ง ก่อนมันจะมีโทรศัพท์เข้ามา
“จ้า…หนูเล็ก…ผมขับรถอยู่ กำลังจะไปส่งรินนี่ที่บ้านน่ะ…คร้าบ…ผมจะโทรกลับนะที่รัก..หืม?...ไม่ให้ผมโทรเหรอ…ไม่เอาน่า ก็ผมจะโทร…หึหึ…รักนะครับ”
มันคุยกับแฟนหวานจัง ไม่เหมือนผมกับสิดี จะหวานอยู่แล้ว หล่อนก็ทำพังหมด
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ? เธอไม่ยอม…แกไปทำอะไรไม่ดีเข้าล่ะสิ”
“เปล่า…” แล้วผมก็เงียบอีกนาน จนในที่สุด ทัศน์ก็พาผมมาส่งบ้าน
มันพูดเสียงหล่อ “ฉันช่วยได้ แต่…แกใจถึงพอไหมล่ะ”
ผมเลิกคิ้ว “บอกมาสิ”
แล้วเราสองคนก็ซุบซิบกัน
เช้าวันต่อมา ผมไม่ค่อยมีสมาธิทำงานมากนัก เนื่องจากหนักใจกับแผนของจิทัศน์
มันหัวใสจริงๆ ให้ตายสิ
“คุณนรินทร์คะ ฝ่ายบัญชีขอพบค่ะ” เสียงสิดีดังมาตามสาย ผมสะดุ้ง ขณะเซ็นต์เอกสาร
“เข้ามาได้….เอ่อ…สิดี…หลังจากฝ่ายขายออกไปคุณเข้ามาหาผมหน่อยนะ” ผมพยายามพูดเสียงหล่อ เริ่มทำตามแผนของจิทัศน์
“เชิญค่ะ คุณพิณ อะไรนะคะ? อ่อ...ฉันไม่ว่างค่ะ คุณมีอะไรสำคัญหรือเปล่า ต๊าย! ฉันพิมพ์ผิดไปเกือบหน้าแน่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” เธอรีบตัดสาย พร้อมๆกับที่คุณพิณเดินเครียดเข้ามา
น่ะ…ก็เธอเป็นอย่างนี้…ผมจะหวานได้ขนาดไหน
คุณพิณออกไปแล้ว ผมชักโมโห…นี่ผม…เป็นสามีเธอนะ…เธอเห็นงานสำคัญกว่าผมเหรอ ผมเปิดประตูห้องทำงานออก เห็นสิดีพิมพ์งานอย่างขยันขันแข็ง
แล้วผมก็ฉุดเธอลุกขึ้น
“อะไรคะ?” เธอตกใจ ถามเสียงดัง พนักงานแถวนั้นมองกันเป็นแถว แต่ผมไม่สน แล้วทำหน้าดุ บีบแขนเธอแรงขึ้น “มากับผม” แล้วผมก็พาเธอเข้าห้องทำงาน
สิดีพยายามแกะมือผมออก “อะไรของคุณเนี่ย ตั้งแต่เช้ามา ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ ยกเว้นงานที่พิมพ์เมื่อกี้”
ผมจับเธอนั่งบนโซฟาอย่างเบามือ แล้วหย่อนตัวลงข้างๆเธอ
“ผมอยากทานข้าวเที่ยงในนี้กับคุณสองคน ผมสั่งไว้แล้ว เดี๋ยวคงมาส่ง”
เธอมองผมแปลกๆ เอ่อ…จิทัศน์บอกว่าขั้นแรก…ทำหวานและอ่อยเหยื่อ
ผมพยายามส่งสายตาหวานซึ้งไปให้เธอ แล้วลูบผมเธอเบาๆ “ผม…เหนื่อย ให้กำลังใจผมหน่อยสิ”
สิดี เริ่มเขิน…ได้ผล… “จะให้…ฉันทำยังไงล่ะคะ”
ผมปัดเส้นผมเธออกจากหน้า แล้วก้มลงเข้าใกล้ใบหน้าเธอ จนลมหายใจของเราสองคนรดกัน แล้วผมก็จูบเธออย่างเบาๆ แล้วค่อยหนักหน่วงขึ้น…สิดีสนองตอบด้วยความเต็มใจ เธอโอบรอบคอผม ส่วนผมก็โอบตัวเธอไว้…หึหึ ติดกับผมแล้วล่ะสิ
ริมฝีปากผมเริ่มรุกเร้าเธอมากขึ้น สิดีตอบสนองไม่ค่อยเก่งนักแต่ก็ดูจะติดใจ แล้วผมก็คลายริมฝีปากออกอย่างกะทันหัน ขณะที่สิดีไม่ทันตั้งตัว เหมือนเธอยังเคลิ้มอยู่….
ขั้นที่สอง…อ่อยให้เธออยากแล้วจากไป
“อืม…อาหารมาส่งแล้วล่ะ” ผมบอกเธอเบาๆ สิดีค่อยๆลืมตา ก่อนจะรีบคลายอ้อมแขน แล้วหลบสายตาผม…
ผมใจเต้นรัว…นี่คงเป็นสัญญาณที่ดีแล้วสินะ…
แล้วเราก็นั่งทานอาหารกลางวันกันสองคน ดูสิดีจะเงียบไปมาก เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทาน
“คุณเป็นไร เอานี่ บรอคโคลี่ที่คุณชอบ” ผมตักกับข้าวใส่จานเธอ
สิดีพึมพำว่าขอบคุณ แล้วตักข้าวในจานเธอใส่จานผม “ฉันกินไม่หมดหรอกค่ะ คุณกินเยอะใช่ไหม”
แล้วเธอก็เงียบต่อไป ไม่สบตาผมเลยด้วย ผมเริ่มอึดอัดแล้วแฮะ…นี่ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า
“สิดี…คุณเป็นไร ทำไมเงียบจัง” ผมถามแล้วเอื้อมมือพร้อมทิชชู่ไปเช็ดมุมปากของเธอที่มีเศษอาหารติดอยู่
เธอมองผมเขินๆ แล้วหยิบทิชชู่ไปเช็ดเอง
ผมเริ่มขัดใจ “นี่คุณจะเงียบอีกนานไหม”
เธอขมวดคิ้ว ก้มหน้าเคี้ยวข้าว แล้วหันมามองผมหน้าแดง
“ฉัน…โถ่เอ๊ย” แล้วเธอก็ลุกขึ้นพรวด ผมตกใจ
เธอเสมองไปทางอื่น หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “ฉัน…กลับไปทำงานก่อนนะคะ”
ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวจะออกจากห้องผมไป ผมรีบตามไปรั้งตัวเธอเอาไว้
“คุณไม่พอใจอะไรล่ะ”
เธอดิ้นขณะที่ผมกำลังกอดเธอจากด้านหลัง “ปล่อยนะ!!!”
ผมล็อคตัวเธอไว้อย่างสุดความสามารถ นี่เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย แน่นอนสิดีดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเป็นอะไรของคุณ ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ”
แล้วจู่ เธอก็หยุดดิ้น ปล่อยให้ผมกอดเธอไว้อย่างนั้น
สิดีค่อยๆหมุนตัวมาหาผม ใบหน้าเธอแดงก่ำ สายตาส่อแววกึ่งโมโห กึ่งอาย
ผมพยายามยิ้มหล่อๆให้ “ว่าไงจ๊ะที่…อ๊ากกกกกกกกกก!!!”
บ้าชิบ! เธอเตะหว่างขาผมทำไม ผมไปทำอะไรให้เธอเนี่ย!!!
“ฉัน…ฉัน…คุณนั่นล่ะผิด!! อยู่ดีดีมาจูบฉันในห้องทำงาน แล้วก็หยุดซะยังงั้น ฉันอายนะคะ เห็นฉันเป็นของเล่นหรือยังไง จะทำอะไรฉันเมื่อไรก็ได้เหรอ” เธอพูดน้ำเสียงร้อนรน แล้วเผ่นออกจากห้องไป…
โอ๊ย!!! ผมไม่เข้าใจเธอเลย เธอโมโหอะไรของเธอเนี่ย แค่ผมจูบเธอในห้องทำงานของผมเนี่ยนะ…มันผิดตรงไหน…สงสัยแผนคืนนี้คงล่มไม่เป็นท่า
มือถือผมดัง จิทัศน์คงโทรมาถามความคืบหน้า
“สำเร็จไหมวะ” มันถาม
ผมจุก พูดไม่ออก “ล้มเหลว แผนการล้มเหลว” ผมตอบไปอย่างนั้น
แล้วตลอดบ่ายผมก็ไม่ได้เจอสิดีอีกเลย เพราะผมมีเอกสารด่วนจากฝ่ายบัญชีเข้ามาให้พิจารณาและเซ็นอนุมัติ จะได้เจอก็แต่คุณพิณฝ่ายบัญชี สาวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้านี่แหละ
แล้วเอกสารชิ้นสุดท้ายของผมสำหรับวันนี้ก็เสร็จสิ้น ผมคุยกับคุณพิณเรื่องธุระสักเล็กน้อย ไม่นานนัก ผู้ร่วมแผนการของผมอีกสองคนก็เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา
“สวัสดีครับพี่ริน ผมมาแล้ว พี่รินฮะสาวหน้าห้องคนนั้นคือใคร…” รันทักผมแล้วหยุดกึก เมื่อเห็นว่าผมมีแขก
“hello brother ผม hungry มากๆ โอ๊ะ!!!!” แล้วนี่ก็แจ๊กกี้ มันดูอึ้งมากที่ได้เห็นคุณพิณ
คุณพิณมองเจ้าตัวประหลาดสองคนนั้นแปลกๆ ก่อนจะเก็บเอกสรแล้วลาผมออกไป
ผมเห็นแจ๊กกี้มองคุณพิณไม่วางตา แต่ดูคุณพิณไม่ได้สนใจ เพราะเธอคงไม่เห็นว่าแจ๊กกี้ยื่นเท้าออกไปสกัดเธอไว้
“ว้าย!!!” พิณร้องลั่น เอกสารหลุดจากมือ ขณะที่ตัวเธอกำลังจะล้มลง แต่แล้ว พระเอกวายร้าย มีหนวดเคราด้วย ก็ยื่นมือไปรับตัวเธอไว้ในอ้อมแขน
สำหรับแจ๊กกี้แล้ว ราวกับว่าโลกหยุดลงชั่วขณะ “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” มันถามเสียงหล่อ
ผมกับรันมองหน้ากันขำขำ แต่ที่ผมขำ เพราะผมรู้จักคุณพิณดีพอ เธอเป็นคนดุ และหวงเนื้อหวงตัวมาก
พิณรีบสะบัดตัวออกจากเงื้อมมือมัจจุราชของแจ๊กกี้ แล้วทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ “ขอบคุณนะคะ แต่ทีหลังไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน” แล้วเธอก็กระวีกระวาดเก็บเอกสาร ก่อนจะเชิดหน้าสะบัดเดินจากแจ๊กกี้ไป
แจ๊กกี้มองเธอด้วยแววตาแสนประทับใจ แล้วหันมามองผมเหมือนต้องการความช่วยเหลือ
“โอ้ววว พี่รินฮะ ฮู อิส ชี เธอคือใคร ผม ฟอลลิ่ง อิน เลิฟ วิธ เฮอ เสียแล้ว”
ผมกุมขมับ จะบอกแจ๊กกี้ดีไหมว่าอย่าไปยุ่งกับเธอเลย ไลฟ์สไตล์ของทั้งสองคนต่างกันมาก คุณพิณเป็นคนเนี้ยบ สะอาดสะอ้าน และเจ้าระเบียบมาก ส่วนแจ๊กกี้…ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่
รันนั่งลงตรงหน้าผม ทำท่าตื่นเต้น “ผมด้วยๆ พี่ริน ผมชอบสาวหน้าห้องพี่”
ไอ้รันเอาบ้าง หา? อะไรนะ “แกชอบสิดีเหรอ!!!” ผมถามเสียงโหด
รันทำหน้าตกใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ ใครบอก สาวตัวเล็ก น่ารักๆ ที่นั่งตรงข้ามกับคุณสิดีต่างหาก”
ผมนึก “อ้อ คุณนลินล่ะสิ”
ไอ้รันยิ้มกว้าง ส่วนแจ๊กกี้กำลังพร่ำเพ้อถึงคุณพิณ “ชื่อเพราะจัง ขอเบอร์ให้ผมหน่อยสิ”
ผมถอนหายใจเฮือก เก็บเอกสารบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้น “ไปกินเหล้ากับพี่คืนนี้ก่อน แล้วพี่จะช่วยทั้งสองคนนั่นแหละ”
รันกับแจ๊กกี้ทำสายตาแพรวพราว ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกัน “ได้เลยครับ!”
แล้วรันก็มองผมแปลกๆ “เอ…พี่รินไปกินเหล้าเนี่ยนะ”
ผมเริ่มกระอักกระอ่วน คือผมไม่ได้บอกแผนนี้กับรันหรอก
“ก็…ทัศน์มันชวน ไปกันสักที” ผมหยิบสูทพาดบ่า แล้วเดินทำท่าหล่อออกไป กะว่าจะไปเก๊กต่อหน้าสิดี
เธอทำหน้ายุ่งๆ สงสัยวันนี้งานคงหนักมาก ผมให้เธอพิมพ์งานแค่สองเรื่องเองนะ
ผมควงกุญแจรถแก้ประหม่า นี่เธอจะหายอารมณ์เสียหรือยัง “ผมไปสังสรรค์กับพวกนี้ก่อนนะ คงกลับดึกหน่อย คุณกลับเองได้ใช่ไหม”
เธอหันไปพยักหน้ากับคอมพิวเตอร์
“ลาก่อนคุณสิดี” รันพูด
“กู๊ดบายมายสะติ๊วเด้น” แจ๊กกี้โบกมือ
เธอตอบสองคนนั้นเรียบๆ “ลาก่อนคุณรัน ลาก่อนแจ๊กกี้”
ตอนเธอโกรธนี่น่ากลัวจริงๆ…แต่เธอโกรธเรื่องไร้สาระจังแฮะ!!! หึ รอดูคืนนี้ก่อนเถอะ แล้วเธอจะพูดไม่ออก
ผมก้มหน้าจ๋อยๆเดินไปขึ้นลิฟท์ มีแจ๊กกี้ตามหลัง แต่เจ้ารันไม่วายไปยุ่งกับคุณนลิน มันทำท่าเหมือนอยากจะทักเธอ แต่คุณนลินก็ยุ่งกับงานไม่แพ้สิดี
แล้วผมก็เห็นน้องชายที่เจ้าเล่ห์ไม่แพ้เพื่อนมัน รันหยิบอะไรกุกกักจากกางเกง ก่อนจะแกล้งทำหล่นลงพื้น เล็งรัศมีให้ของนั้นกลิ้งไปอยู่แทบเท้าคุณนลิน
ได้ผลเธอมองเหรียญห้าบาทแล้วหยิบมันขึ้น
“ของผมเองฮะ” รันเก๊กหน้าหล่อ แล้วเดินเข้าไปหาเธอ
นลินมองรันงงๆ แต่เหมือนจะจำได้ว่าเป็นน้องชายผม เธอวางเหรียญนั้นบนมือรัน ยิ้มให้นิดๆ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
ผมกับแจ๊กกี้มองกันเหมือนสมน้ำหน้า มุกเหรียญหล่นใช้ไม่ได้เสียแล้ว
รันรับเหรียญมา แล้วมองเธอที่ก้มหน้าก้มตายุ่งกับเอกสารอย่างผิดหวัง
“อ่า…ขอบคุณะนะฮะ…” แล้วมันก็เดินจ๋อยกลับมาสมทบกับพวกเรา
ผมตบหลังน้องชายด้วยความรักใคร่ เป็นเชิงปลอบใจ “เอาน่า แกก็มาหาพี่บ่อยๆซิ”
กลุ่มชายโฉดของพวกผมซึ่งประกอบด้วยผม รัน จิทัศน์ และแจ๊กกี้ เราเข้ามาในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง สั่งอาหารสองสามอย่างมากิน ตามด้วยเหล้าเบียร์และกับแกล้ม รันกับแจ๊กกี้ไม่ได้สงสัยอะไรมาก แค่มีของกินและได้ร้องเพลงก็พอใจแล้ว
ส่วนผมกับจิทัศน์ก็สุมหัวกันพูดถึงแผนของคืนนี้แข่งกับเสียงร้องคู่ดูโอ้ของรันและแจ๊กกี้
“ฮ่าๆๆๆๆ” จิทัศน์ขำ เมื่อผมเล่าเรื่องตอนกลางวันให้ฟัง
มันกระดกเบียร์หนึ่งอึก “เธอกำลังอยู่ในช่วงสับสนน่ะซิ แบบว่า…ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ” แล้วมันก็มองผมด้วยความสงสาร
“ริน…สงสัยแกทำการบ้านน้อยไป ผู้หญิงเขาต้องการความมั่นคง นี่ถ้ามีลูก คงไม่งอนอะไรแบบนี้หรอก”
ผมคิดในใจ…ทัศน์มันจะมารู้ความรู้สึกสิดีได้ยังไงฮะ!
“เอาล่ะๆ บอกแผนขั้นที่สามมาเลย นี่ก็มานั่งกินตั้งนานแล้ว” ผมมองนาฬิกา เหลือบเห็นแจ๊กกี้นั่งเดาะถั่วเข้าปาก รันร้องเพลงเศร้าอยู่ข้างๆ
เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว…
ทัศน์รินเหล้าให้ผมเต็มๆ 1 แก้ว “ดื่มซะ ไม่เมา ไม่ต้องกลับ”
ผมตกใจ นี่มันฟังข่าวบ้างหรือเปล่า รัฐบาลเขารณรงค์ เมาไม่ขับ อยู่
“จะบ้าเหรอ เมาแล้วจะขับรถได้ยังไงล่ะ…แล้ว…แล้วแผนคืนนี้จะ…”
จิทัศน์ทำหน้ามองผมเหมือนโง่เต็มทน “ให้รันขับกลับซิ แล้วนี่…”
มันมองสองคนนั้นว่าไม่ได้ฟังพวกเราอยู่ แล้วกระซิบใกล้ๆผม “แกก็ไม่ต้องเมามาก เอาให้มีกลิ่นเหล้าเหม็นอุบหน่อย แล้วก็เดินเซๆ แต่สติแกต้องอยู่เกือบครบนะเว้ย เอ้า! ดื่มซะ แก้วเดียวแกไม่เมามากหรอกน่า คอแข็งพอใช้ไม่ใช่เรอะ”
ผมรับแก้วอย่างลังเล แล้วมองเพื่อนรัก “แกจะให้ฉันหลอกสิดีว่าเมา แล้ว…” ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ทัศน์ยักคิ้ว “เออสิวะ”
ผมไม่ลังเล แล้วกระดกเหล้าจนหมดแก้ว….
ขั้นที่สาม…หลอกว่าเมา แล้วจัดการซะ!!!
ผมแกล้งเมา ทำเป็นพูดไม่รู้เรื่อง เดินไม่ไหว แล้วให้รันพยุงขึ้นมาบนห้องนอนในเวลาเกือบห้าทุ่ม ท่ามกลางเสียงบ่นของคุณพ่อ คุณแม่ และป้าเนียร
เฮอะ…บ่นไปเถอะคุณพ่อ แล้วคอยดูละกัน
รันเปิดประตูห้องแล้ววางผมลงบนเตียงโดยแรง
“หนักชะมัด” มันบ่น แล้วปิดประตูห้องจากไป
ผมนอนอยู่อย่างนั้นสักพัก มีอะไรผิดปกติแฮะ…ผมค่อยๆลืมตา…
สิดีไม่อยู่…เธอหายไปไหน ผมลุกขึ้นมา เดินตามหาเธอทั่วห้อง ทั้งในห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง แต่ก็ไม่เจอ นี่เธอไม่ได้กลับบ้านหรือไง หรือว่าโกรธผมจนกลับไปนอนกับแม่ตัวเองที่บ้าน
ไม่นะ!!! แล้วแผนของผมล่ะ!!!
แต่แล้วเสียงบิดประตูห้องก็ทำเอาผมแทบจะสานต่อแผนขั้นที่สามไม่ทัน ผมรีบฟุบลงไปกับพื้น ไม่นานนักสิดีก็เข้ามาเห็นว่าผมนอนแอ้งแม้งหมดสติอยู่ใกล้ห้องน้ำ
“ว้าย!!! คุณนรินทร์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เธอโวยวายเสียงดัง ก่อนจะเข้ามาจับตัวผม ผมแกล้งหลับต่อไป
“อี๋ เหม็นกลิ่นเหล้าอึบเลย…ไปทำอะไรกันมาเนี่ย…” เธอบ่น แล้วค่อยๆพยุงผมลากไปที่เตียง
เยี่ยม!!! ผมจะเริ่มแผนการล่ะนะ ขณะที่สิดีพยายามพยุงผมให้ลุกขึ้น ผมก็แกล้งลุกแล้วเดินเซนิดๆหน่อยๆ ก่อนจะกอดตัวเธอไว้แล้วกลิ้งนอนทับตัวเธอบนเตียง
เธอโวยวายบ่นว่าผมเมามากแล้ว จากนั้นก็ดิ้นพรวดๆ
ผมเล่นบทน้ำเน่า ด้วยการพูดเลียนเสียงคนเมา “ผมม่ายด้ายมาววววววว”
ก่อนจะกอดเธอแน่นกว่าเดิม ตัวเธอนุ่มนิ่มจังผมซุกหน้าลงไปที่ซอกคอหอมกรุ่น…แล้วผมก็เริ่มรู้สึก…ว่ารักเธอเหลือเกิน
เธอยิ่งดิ้นแรงเข้าไปอีก ทั้งถีบ ทั้งทุบตีผม บ่นว่าผมเมาแล้วทำอะไรไม่รู้เรื่อง
ผมไม่ยอมอีกแล้ว…ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ…อีกแล้ว
มือไม่รักดีของผมค่อยๆ เลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อของเธอ ริมฝีปากของผมเริ่มจูบไล่ตั้งแต่ซอกคอเรื่อยไปจนทาบทับกับริมฝีปากที่ร้องไม่ยอมหยุดของสิดี ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว…
เธอจะรังเกียจผมไปถึงไหน…
ผมจูบเธออย่างหนักหน่วง แล้วกอดเธอไม่ยอมปล่อย สิดีที่ตอนแรกแข็งขืน ค่อยๆหยุดดิ้น แล้วเธอก็ตัวแข็งทื่อ…พร้อมกับสะอื้นเบาๆ
ผมชะงัก ผม…ผม...ทำอะไรลงไป…ผมทำร้ายเธอหรือเปล่า
ผมค่อยๆหยุดทุกอย่างลงอย่างห้ามใจ แล้วจองใบหน้าซีดเผือดของเธอที่หลับตาปี๋และเต็มไปด้วยน้ำตานองหน้า
“สิดี…” ผมเรียกเธอเบาๆ รู้สึกผิดจับใจ โถ่เอ๊ย! ผมน่าจะรอให้เธอพร้อมก่อนก็ได้…
สิดีค่อยๆลืมตามองผมด้วยความหวาดกลัว…ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ แล้วยกมือลูบใบหน้าผม
“คุณ…หายเมาแล้วใช่ไหมคะ” เธอถามซื่อๆ ไม่ได้รู้เลยว่าผมพึ่งโกหกเธออยู่หยกๆ
ผมยิ้มให้เธอด้วยความรู้สึกผิด แล้วลูบใบหน้าซีดเผือดของเธอที่เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อย
“ผม…ไม่ได้เมา” ผมพูดด้วยอาการของคนปกติ สิดีส่งสายตาไม่เข้าใจ
เฮ้อ…ช่างเถอะ…ไม่ใช่คืนนี้ก็ต้องสักคืนล่ะน่า…
แล้วผมก็สารภาพ…”ผม…ผม…แค่ต้องการคุณ ขอโทษด้วยนะ” แล้วผมก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากร่างของเธอ
“เดี๋ยวค่ะ” สิดีรั้งแขนผมเอาไว้ ผมหันไปมองเธอ เธอจะว่าอะไรผมก็เชิญเถิด ผมยอมทั้งนั้น ผมไม่ดีเอง ทำไมต้องทำร้ายจิตใจคนที่ผมรักด้วย…
แต่แล้วผมก็ต้องตกใจ เมื่อเธอโอบแขนรอบคอผม แล้วทาบริมฝีปากสั่นระริกของตัวเองบนริมฝีปากของผม
เธอจูบไม่เก่งหรอก…แต่พยายามน่าดู…
“ฉัน…เข้าใจค่ะ” เธอบอกผมเบาๆ “ฉันไปหาแม่มา แม่บอกว่า…ฉันต้องเข้าใจคุณมากกว่านี้”
ผมมองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน หอมผมยุ่งๆของเธอเบาๆ…แล้วยิ้ม…ยิ้มให้เรา…ยิ้มให้ความรักของเรา และอนาคตของเราทั้งสองคน…
หลายเดือนต่อมา ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีครับ ตอนนี้สิดีเริ่มมีอาการอ่อนเพลียบ่อยๆ ได้กลิ่นอะไรแปลกๆก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำ แถมอยากทานข้องเปรี้ยว…
เอ่อ…ผมรู้ว่าพวกคุณอยากรู้เรื่องอื่นบ้าง อย่างเช่น
จิทัศน์กับหนูเล็กจะหมั้นกันเดือนหน้าครับ จากนั้นค่อยแต่งหลังหนูเล็กเสร็จโปรเจ็คใหญ่ที่ปารีสแฟชั่นวีค
แกลเลอรี่ที่ผมไปเป็นประธานเปิดให้รันและแจ๊กกี้ ตอนนี้มีต่างชาติสนใจงานของทั้งสองคนมาก แจ๊กกี้เลยได้ใช้ทักษะภาษาอังกฤษของตัวเองเต็มที่
ส่วนเรื่องความรักของสองคนนั่น…รันเพิ่งไปเดทกับคุณนลินเมื่อสองวันที่แล้ว
ส่วนแจ๊กกี้…อยากหน่อยนะถ้าจะจีบคุณพิณ
แม่ยายผมตอนนี้จะออกหนังสือเล่มใหม่อีกแล้ว ได้ข่าวว่ายิ่งใหญ่กว่าเดิม คุณแม่ผมที่ช่วงนี้เบื่อออกงานสังคม เลยขออาสาติดตามไปทัวร์โปรโมทหนังสือทั่วประเทศด้วย
ส่วนคุณพ่อ…ท่านดีใจมากครับทีสิดีท้องแล้ว และรันมีแฟนสักที
เป็นอันว่า ผมก็ไม่ได้รู้สักที ว่าถ้าผมแหกกฎ ปอคอ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
ผมแอบถามรันในวันหนึ่งที่เราแข่งบาสกันอยู่หลังบ้าน ผมพนันกับมันว่า ถ้าผมชนะ มันต้องยอมบอก รันหัวเราะร่า เพราะฝีมือแข่งบาสมันเก่งกว่าผมอยู่แล้ว
หึ…แต่ผมมีวิธีฮะ
ผมเกือบจะชู้ตลูกสุดท้ายที่จะทำคะแนนชนะน้องชาย รันกระโดดป้องกันชัยชนะของตัวเองเต็มที่ ยังไงผมก็ไม่มีทางชู้ตลงอยู่แล้ว ถ้าสิดีไม่ช่วย
เธอนั่งเคี้ยวมะม่วงดองเชียร์เราสองคน ก่อนจะตะโกนเสียงดัง เมื่อผมให้สัญญาณ
“ว้าย! นลินมาค่ะ”
ได้ผลรันชะงักแล้วมองออกไปทางประตูบ้าน ผมได้โอกาส เลยดั๊งค์เต็มแรง
ส่วนสิดีก็แกล้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “นลินโทรมาน่ะค่ะ” แล้วเธอก็แกล้งแอบเข้าไปคุยโทรศัพท์ในบ้าน
รันมองลูกบาสที่ผมพึ่งทำคะแนนอย่างอารมณ์เสีย…
ผมตบบ่าน้องชาย “แกต้องบอกพี่ตามสัญญา”
รันเบ้ปากใส่ผม “อยากรู้เหรอ…”
“เออสิวะ” ผมตอบ
มันยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ “ไม่รู้” มันพูดเสียงอู้อี้
“หา? อะไรนะ” ผมได้ยินไม่ถนัด
แล้วรันก็ยิ้มให้ผมอย่างสะใจ “พี่ไม่มีวันรู้หรอก เพราะผมก็ไม่มีวันรู้เหมือนกัน เพราะวันนั้นผมเลิกกินขนมของคุณพ่ออย่างเด็ดขาด ฮ่าๆๆๆๆๆ พี่ถูกผมหลอกแล้วล่ะ ผมก็แค่อยากแกล้งพี่นิดหน่อย”
แล้วมันก็เดินระเริงไปอ่อยป้าเนียรในครัว
เอากับมันสิ…สรุป ไม่มีใครกล้าขัดใจคุณพ่อ เลยไม่ต้องรู้กันพอดีว่า โทษทัณฑ์ของปอคอ คืออะไร ผมว่านะ…แม้แต่คุณพ่อยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้าเราต้องขัดคำสั่งคนที่เรารักและเคารพ
เอาล่ะครับ…ผมขอจบเรื่องราวของผมลงตรงนี้ เดี๋ยวผมต้องพาสิดีไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล อีกไม่นาน ผมก็จะมีนรินทร์ นราธร รุ่นที่ 5 แล้ว ผมเห็นว่ามันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแหกกฎของครอบครัว…ตราบใดที่กฎนั้น…ไม่ได้ทำร้ายผมและผู้อื่น…
ความรักของผมอาจจะดูราบเรียบไปหน่อย และมีความสุขในตอนสุดท้ายเหมือนนิยายทั่วๆไป แต่ผมอยากบอกพวกคุณนะครับ ว่าจริงๆแล้ว ทุกอย่างพึ่งเริ่มต้น ทั้งความสุข ความทุกข์ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา คงจะเกิดขึ้นอีกมากมายในการครองชีวิตคู่ เราอาจจะหวานแหววให้กันน้อยลง อยู่ด้วยกันเพราะเหตุผลมากกว่าความรู้สึก
แต่ทุกข์อย่างไม่สำคัญหรอกครับ…ถ้าเราใส่ใจกันและกัน
ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ให้กำลังใจผมตลอดมา
นรินทร์ นราธร รุ่นที่ 4
ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2555, 09:41:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2555, 09:41:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 2859
<< ส่งท้าย | แถม >> |
ling 17 ก.ค. 2555, 10:35:54 น.
สนุกมากค่ะ ในที่สุดสิดีก็ท้องแล้วววว
สนุกมากค่ะ ในที่สุดสิดีก็ท้องแล้วววว
agentaja 17 ก.ค. 2555, 12:27:41 น.
เดี๋ยวคุณนรินทร์รุ่นที่ 4 ก็จะรู้ว่าปค คืออะไรตอนที่คุณนรินทร์รุ่นที่ 5 ออกมารับกฏต่อไป
เดี๋ยวคุณนรินทร์รุ่นที่ 4 ก็จะรู้ว่าปค คืออะไรตอนที่คุณนรินทร์รุ่นที่ 5 ออกมารับกฏต่อไป
คิมหันตุ์ 17 ก.ค. 2555, 13:23:13 น.
ในที่สุด....เย้ๆๆ
ในที่สุด....เย้ๆๆ
goldensun 17 ก.ค. 2555, 15:41:58 น.
ไม่ราบเรียบหรอกค่ะ เจอลูกโก๊ะของสิดีแล้ว เลิกเรียบไปเลย
ได้ตอนพิเศษแบบนี้ ปิดประเด็นเลยค่ะ สนุก ฮาดี ขอบคุณค่ะ
ขัดคำส่ั่ง ปอคอ จะโดนทำโทษอะไร คงไม่มีใครรู้มั้งคะ คุณนรินทร์รุ่น 3 ก็น่าจะไม่รู้ด้วย
ไม่ราบเรียบหรอกค่ะ เจอลูกโก๊ะของสิดีแล้ว เลิกเรียบไปเลย
ได้ตอนพิเศษแบบนี้ ปิดประเด็นเลยค่ะ สนุก ฮาดี ขอบคุณค่ะ
ขัดคำส่ั่ง ปอคอ จะโดนทำโทษอะไร คงไม่มีใครรู้มั้งคะ คุณนรินทร์รุ่น 3 ก็น่าจะไม่รู้ด้วย
Pat 17 ก.ค. 2555, 17:55:55 น.
สำเร็จจนได้นะคะ คุณนรินทร์ยินดีด้วยค่า
สำเร็จจนได้นะคะ คุณนรินทร์ยินดีด้วยค่า
PiNVE 17 ก.ค. 2555, 18:17:59 น.
ชอบมากค่ะ
ชอบมากค่ะ
konhin 17 ก.ค. 2555, 18:39:37 น.
ต้องจริงใจถึงจะได้ลูก ฮ่าๆๆ แผนไหนๆก็ล่ม
ต้องจริงใจถึงจะได้ลูก ฮ่าๆๆ แผนไหนๆก็ล่ม
คนเหงา 17 ก.ค. 2555, 19:11:11 น.
สนุกค่ะ
สนุกค่ะ
เคสิยาห์ 17 ก.ค. 2555, 22:30:49 น.
อยากใ้ห้เขียนแนวนี้ออกมาอีกค่ะ ใส ๆ แจ่มๆ ไม่มีพิษไม่มีภัย ดีต่อทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดเรท อ่านแล้วมีรอยยิ้ม หัวเราะ เศร้าเล็กน้อย ดูเข้าใจชีวิตดีขึ้น
อยากใ้ห้เขียนแนวนี้ออกมาอีกค่ะ ใส ๆ แจ่มๆ ไม่มีพิษไม่มีภัย ดีต่อทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดเรท อ่านแล้วมีรอยยิ้ม หัวเราะ เศร้าเล็กน้อย ดูเข้าใจชีวิตดีขึ้น
ลายเส้น 17 ก.ค. 2555, 22:34:15 น.
ขอบคุณทุกคนค่าาา
ขอบคุณทุกคนค่าาา
ลูกกวาดสีส้ม 18 ก.ค. 2555, 08:07:38 น.
สิดีเป็นแม่คนแล้วจะเป็นไงนะ
สิดีเป็นแม่คนแล้วจะเป็นไงนะ