เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๒๕ สินค้าชิ้นงาม ๑/๓
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงดังติดต่อกันนานพอสมควร แพรวาพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นรับแสงตะวันยามสายที่ทอดลำเข้ามาทางหน้าต่าง หญิงสาวนอนไม่หลับมาหลายคืน ส่งผลให้หล่อนตื่นค่อนข้างสายกว่าปกติในสัปดาห์นี้ ไม่มีแก่ใจออกไปดูงานที่ห้องเสื้อ ทั้งที่กิจการเพิ่งจะเปิดตัว และกำลังไปได้สวย อย่าว่าแต่เรื่องงานเลย เพื่อนฝูงซึ่งเคยคบหาพาเที่ยวหล่อนก็หมดสนุกจะนึกถึงพวกเขา
ดีไซเนอร์สาวยันตัวให้ลุกขึ้นพิงกรอบไม้ตรงหัวเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะโคมไฟขึ้นมาอย่างรู้สึกฝืดฝืน
“โทรมาทำไมแต่เช้า..ยายหวาน”
น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย ไม่สดใสเหมือนแพรวาคนเก่าทำให้มานิตาตอบกลับอย่างไม่เชื่อหู
“อะไร..นั่นเธอจริงๆหรือ เสียงดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
แพรวาทำเสียงในลำคอเหมือนไม่พอใจคำทักนั้น มานิตายังเอ่ยต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ไม่เช้าแล้วย่ะหล่อน..อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยง ไม่ไปทำงานทำการรึยังไง แม่ดีไซเนอร์คนเก่ง”
“โทรมาเพื่อจะยั่วฉันแค่นี้ใช่ไหม..จะได้วางสาย”
มานิตารีบส่งเสียงแหลมปรี๊ดเป็นเชิงห้าม ก่อนจะเข้าประเด็น
“อย่าเพิ่งโมโหซีจ๊ะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก..เธอจำเสี่ยวิฑูรย์ได้ไหม”
แพรวาถอนหายใจ อย่างไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน
“อื้อ..แล้วยังไง”
“จำได้อีกรึเปล่า ว่าเธอเคยเกือบถูกเขาลวนลามในร้านอาหารแถวประตูน้ำ”
ดีไซเนอร์สาวทำเสียงรำคาญใส่หูโทรศัพท์อย่างเหลืออด
“เรื่องบ้าๆแบบนั้น เธอจะพูดถึงมันอีกทำไม ฉันไม่อยากฟัง!”
“ใจเย็นก่อนซี..ฉันกำลังจะเข้าเรื่องอยู่นี่ไง คือลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นตำรวจเคยบอกว่า ไอ้หมอนี่มันทำธุรกิจอาบอบนวด แถมยังค้ามนุษย์ ชอบหลอกเด็กผู้หญิงส่งออกนอกไปกับเรือสินค้า”
มานิตาเริ่มทำเสียงเครียดเป็นการเป็นงาน ผิดกับเมื่อแรกคุย
“กองตำรวจเขาพยายามจะเปิดโปงมันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะความเหลี่ยมจัด และก็อิทธิพลบิ๊กบึ้มของมันนั่นแหละ”
“เธอเคยเล่าให้ฉันฟังแล้วนี่ เรื่องเลวๆของมัน ชาวบ้านเขาก็รู้..แต่ไม่เคยมีใครเอามันเข้าคุกได้สักที”
น้ำเสียงแพรวาเริ่มขุ่นขึ้นมาบ้าง
“ตั้งใจฟังดีๆนะแพร เมื่อเช้าฉันเจอคุณกฤษดาเดินออกมาจากร้านกาแฟแถวบ้าน”
“เอ๊ะ..เธอนี่ยังไงนะหวาน เปลี่ยนเรื่องโน้นเรื่องนี้ ฉันไม่เห็นจะมีประเด็นอะไรน่าฟัง”
ดีไซเนอร์สาวขัดขึ้นด้วยเสียงหงุดหงิดอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนเรื่องนะแพร..คือกำลังจะบอกว่า ฉันเห็นไข่มุก น้องสาวของเธอเดินตามเขาออกมาด้วยนะซี ตอนแรกจะเข้าไปทักอยู่แล้วเชียว จู่ๆก็มีรถตู้ติดฟิล์มดำเกือบทั้งคันมาจอดหน้าร้าน พอคนขับรถลงมาเลื่อนประตูให้ ฉันงี้ใจหายแวบเลย..ไอ้เสี่ยวิฑูรย์มันนั่งยิ้มรออยู่ในนั้น ถึงมันจะใส่แว่นดำนะ แต่ฉันก็จำมันได้ น้องเธอน่ะยกมือไหว้ เดินขึ้นไปนั่งหน้าตาไร้เดียงสาเชียวล่ะ คุณกฤษดาก็เพลย์บอยตัวพ่อ ส่วนหมอนั่นก็มีข่าวไม่น่าไว้วางใจ..ฉันเป็นห่วงยายไข่มุกน้องน้อยของเธอจริงๆ”
มานิตาเล่ายาวเหยียดแทบไม่หยุดพักหายใจ พอเพื่อนสาวตะคอกถามเสียงดังกลับไปหล่อนก็แทบตั้งรับไม่ทัน
“อะไรนะ!..เธอล้อฉันเล่นใช่ไหมหวาน”
“ยายบ้า เรื่องแบบนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นยะ!” มานิตาเริ่มเป็นฝ่ายเหลือทนขึ้นมาบ้าง หล่อนนับหนึ่งถึงสิบ ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างใจเย็นที่สุด
“ถึงฉันจะเคยเขม่นกับน้องเธอเรื่องคุณวิน แล้วก็เรื่องชุดฟินาเล่นั่น แต่ฉันก็แยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร ฉันทนไม่ได้หรอก ถ้าหากน้องเธอต้อง..”
เสียงมานิตาขาดหายไปแค่นั้น แพรวารู้ดีว่าหากเพื่อนสาวทำเสียงจริงจังแบบนี้ รับรองไม่ใช่เรื่องล้อเล่น โทรศัพท์มือถือของหล่อนหลุดร่วงจากมือลงมากองกับพื้นในวินาทีนั้น สัญญาณถูกตัดขาดไปโดยปริยาย แพรวารีบผุดลุกจากเตียง สาวเท้าออกไปจากห้องด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
สติอันกระเจิดกระเจิงเริ่มกลับเข้าที่เมื่อเดินผ่านห้องรับแขก พบกวินกำลังนั่งคุยกับเพทายด้วยท่าทีสนิทสนม แพรวารู้สึกราวกับพบแสงสว่างปลายทางอุโมงค์โดยบังเอิญ ความหวังจุดประกายขึ้นมาทันที หล่อนตัดสินใจก้าวเข้าไปหาเขาทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนเนื้อบาง
“ผมหาคำตอบมาให้อาจารย์ได้แล้วนะขอรับ เรื่องพันธุ์กุหลาบ ฟลอริบันด้า...”
เสียงชายหนุ่มขาดหายไป เมื่อพบหน้าหญิงสาวที่เข้ามาแทรกกลางวงสนทนาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพทายกำลังจะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบก็ต้องชะงักค้างอยู่ท่านั้น เมื่อเห็นพี่สาวนอกไส้ยืนนิ่งใบหน้าเผือดสี เผ้าผมรุงรัง ในชุดนอนแพรแนบเรือนร่าง
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ..แต่ฉันมีเรื่องด่วนจริงๆ”
เพทายกลอกตามองดีไซเนอร์สาวอย่างไม่ไว้วางใจ ส่งสายตาเป็นเชิงถามว่า..เรื่องด่วนอะไรของเธอ กวินก็นิ่งอึ้ง ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่รอฟังโดยปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า
“ไข่มุกกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
สายตาที่มองตรงและแน่วแน่อยู่กับชายหนุ่ม ทำให้เพทายรู้สึกเหมือนเป็นอากาศธาตุ หล่อนได้ยินลูกศิษย์ชั่วคราวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แฝงความขุ่นมัวอย่างสุดกลั้นทั้งแววตาและคำพูด
“หยุดเสียทีเถอะแพร..หยุดวางแผนทำร้ายไข่มุก มันไม่ได้ผลหรอก”
แพรวาชาไปทั้งหน้า หล่อนรู้สึกเย็นเฉียบและแข็งเกร็งทั้งร่างเหมือนถูกสาป หล่อนสูดลมหายใจลึกเพื่อขับไล่ความเจ็บปลาบทั้งมวลออกไปโดยเร็ว ไม่ละความพยายามที่จะบอกเขา
“แพรพูดจริงๆนะคะ ไข่มุกกำลังจะแย่ วินต้องเชื่อแพร”
“ผมไม่อยากฟังคำโกหก หลอกลวง ของคุณแล้วนะแพร เราอย่าพูดกันอีกเลย”
กวินบอกเสียงราบเรียบไม่ต่างจากครั้งแรก เขาเสมองไปอีกทาง ราวกับรังเกียจใบหน้าหญิงสาวเสียเต็มประดา เพทายรู้สึกว่าบรรยากาศแถวนั้นอบอ้าวจนแถบหายใจไม่ออก เงาในกรอบตารูปหงส์มีบางอย่างผิดแปลกไปกว่าทุกครั้ง ทำให้หล่อนสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล หญิงสาวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้เบาะหนัง เอามือแตะบ่าชายหนุ่มเบาๆ
“ฟังเธอหน่อยซี ลูกศิษย์ รู้จักให้โอกาสคนเสียมั่ง..คุยกันให้เคลียร์นะ เสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปหาฉันที่ศาลาริมน้ำ”
กวินกำลังจะขยับปากเถียง อาจารย์ร่างบางก็รีบผลุนผลันออกไปเป็นเชิงตัดบท เพทายหันมาชี้นิ้วบอกเขาเป็นเชิงเตือนครั้งสุดท้าย
“คุยกันให้จบ ถ้าไม่จบฉันไม่สอน..”
พอเพทายเดินออกไป แพรวาก็รีบอธิบายต่ออย่างไม่ละความพยายาม
“เมื่อเช้าไข่มุกออกไปกับคุณกฤษดา..”
กวินชักสีหน้าขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินชื่อกฤษดา เขาเบิกตามองหล่อนด้วยความสนใจกว่าเก่า แพรวาจึงรีบขยาย
“สองคนนั้นขึ้นรถตู้ไปกับเสี่ยวิฑูรย์ นักธุรกิจที่คนในวงการตำรวจกำลังสงสัยว่าค้ามนุษย์ หลอกเด็กผู้หญิงไปขายต่างประเทศ กับเรือสินค้า..”
“เหนื่อยไหมแพร..อย่าพยายามอีกเลย เสี่ยวิฑูรย์อะไร คุณแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งนั้น อย่านึกว่าผมไม่รู้ทัน”
แพรวาชะงักกึก มองหน้าเขาอย่างนึกไม่ถึง คำอธิบายของหล่อนหยุดลงแค่นั้น เมื่อเขาประกาศิตส่งท้าย
“เราไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้ว..แพรวา”
ชายหนุ่มลุกออกไป ทิ้งให้ดีไซเนอร์สาวจนคำพูดอยู่แค่นั้น หล่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับเขาอย่างจนปัญญา ความหวังที่เหลืออยู่มลายหายวับไปต่อหน้า
ลลิตพรรณค่อยๆก้าวเข้ามานั่งข้างพี่สาวเพื่อนซี้ หล่อนเพิ่งมาถึงไม่นาน และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งสีหน้าเฉยชา ทั้งคำพูดปราศจากความไยดี แม้หล่อนจะเคยเกลียดแพรวาเพียงไหน ทว่าตอนนี้หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารจับใจ
ลลิตพรรณเอ่ยถามเสียงเบา
“มีเรื่องอะไรกันหรือคะ..พี่แพร?”
ดีไซเนอร์สาวยันตัวให้ลุกขึ้นพิงกรอบไม้ตรงหัวเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะโคมไฟขึ้นมาอย่างรู้สึกฝืดฝืน
“โทรมาทำไมแต่เช้า..ยายหวาน”
น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย ไม่สดใสเหมือนแพรวาคนเก่าทำให้มานิตาตอบกลับอย่างไม่เชื่อหู
“อะไร..นั่นเธอจริงๆหรือ เสียงดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
แพรวาทำเสียงในลำคอเหมือนไม่พอใจคำทักนั้น มานิตายังเอ่ยต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ไม่เช้าแล้วย่ะหล่อน..อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยง ไม่ไปทำงานทำการรึยังไง แม่ดีไซเนอร์คนเก่ง”
“โทรมาเพื่อจะยั่วฉันแค่นี้ใช่ไหม..จะได้วางสาย”
มานิตารีบส่งเสียงแหลมปรี๊ดเป็นเชิงห้าม ก่อนจะเข้าประเด็น
“อย่าเพิ่งโมโหซีจ๊ะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก..เธอจำเสี่ยวิฑูรย์ได้ไหม”
แพรวาถอนหายใจ อย่างไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน
“อื้อ..แล้วยังไง”
“จำได้อีกรึเปล่า ว่าเธอเคยเกือบถูกเขาลวนลามในร้านอาหารแถวประตูน้ำ”
ดีไซเนอร์สาวทำเสียงรำคาญใส่หูโทรศัพท์อย่างเหลืออด
“เรื่องบ้าๆแบบนั้น เธอจะพูดถึงมันอีกทำไม ฉันไม่อยากฟัง!”
“ใจเย็นก่อนซี..ฉันกำลังจะเข้าเรื่องอยู่นี่ไง คือลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นตำรวจเคยบอกว่า ไอ้หมอนี่มันทำธุรกิจอาบอบนวด แถมยังค้ามนุษย์ ชอบหลอกเด็กผู้หญิงส่งออกนอกไปกับเรือสินค้า”
มานิตาเริ่มทำเสียงเครียดเป็นการเป็นงาน ผิดกับเมื่อแรกคุย
“กองตำรวจเขาพยายามจะเปิดโปงมันอยู่หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะความเหลี่ยมจัด และก็อิทธิพลบิ๊กบึ้มของมันนั่นแหละ”
“เธอเคยเล่าให้ฉันฟังแล้วนี่ เรื่องเลวๆของมัน ชาวบ้านเขาก็รู้..แต่ไม่เคยมีใครเอามันเข้าคุกได้สักที”
น้ำเสียงแพรวาเริ่มขุ่นขึ้นมาบ้าง
“ตั้งใจฟังดีๆนะแพร เมื่อเช้าฉันเจอคุณกฤษดาเดินออกมาจากร้านกาแฟแถวบ้าน”
“เอ๊ะ..เธอนี่ยังไงนะหวาน เปลี่ยนเรื่องโน้นเรื่องนี้ ฉันไม่เห็นจะมีประเด็นอะไรน่าฟัง”
ดีไซเนอร์สาวขัดขึ้นด้วยเสียงหงุดหงิดอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนเรื่องนะแพร..คือกำลังจะบอกว่า ฉันเห็นไข่มุก น้องสาวของเธอเดินตามเขาออกมาด้วยนะซี ตอนแรกจะเข้าไปทักอยู่แล้วเชียว จู่ๆก็มีรถตู้ติดฟิล์มดำเกือบทั้งคันมาจอดหน้าร้าน พอคนขับรถลงมาเลื่อนประตูให้ ฉันงี้ใจหายแวบเลย..ไอ้เสี่ยวิฑูรย์มันนั่งยิ้มรออยู่ในนั้น ถึงมันจะใส่แว่นดำนะ แต่ฉันก็จำมันได้ น้องเธอน่ะยกมือไหว้ เดินขึ้นไปนั่งหน้าตาไร้เดียงสาเชียวล่ะ คุณกฤษดาก็เพลย์บอยตัวพ่อ ส่วนหมอนั่นก็มีข่าวไม่น่าไว้วางใจ..ฉันเป็นห่วงยายไข่มุกน้องน้อยของเธอจริงๆ”
มานิตาเล่ายาวเหยียดแทบไม่หยุดพักหายใจ พอเพื่อนสาวตะคอกถามเสียงดังกลับไปหล่อนก็แทบตั้งรับไม่ทัน
“อะไรนะ!..เธอล้อฉันเล่นใช่ไหมหวาน”
“ยายบ้า เรื่องแบบนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นยะ!” มานิตาเริ่มเป็นฝ่ายเหลือทนขึ้นมาบ้าง หล่อนนับหนึ่งถึงสิบ ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างใจเย็นที่สุด
“ถึงฉันจะเคยเขม่นกับน้องเธอเรื่องคุณวิน แล้วก็เรื่องชุดฟินาเล่นั่น แต่ฉันก็แยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร ฉันทนไม่ได้หรอก ถ้าหากน้องเธอต้อง..”
เสียงมานิตาขาดหายไปแค่นั้น แพรวารู้ดีว่าหากเพื่อนสาวทำเสียงจริงจังแบบนี้ รับรองไม่ใช่เรื่องล้อเล่น โทรศัพท์มือถือของหล่อนหลุดร่วงจากมือลงมากองกับพื้นในวินาทีนั้น สัญญาณถูกตัดขาดไปโดยปริยาย แพรวารีบผุดลุกจากเตียง สาวเท้าออกไปจากห้องด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ
สติอันกระเจิดกระเจิงเริ่มกลับเข้าที่เมื่อเดินผ่านห้องรับแขก พบกวินกำลังนั่งคุยกับเพทายด้วยท่าทีสนิทสนม แพรวารู้สึกราวกับพบแสงสว่างปลายทางอุโมงค์โดยบังเอิญ ความหวังจุดประกายขึ้นมาทันที หล่อนตัดสินใจก้าวเข้าไปหาเขาทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนเนื้อบาง
“ผมหาคำตอบมาให้อาจารย์ได้แล้วนะขอรับ เรื่องพันธุ์กุหลาบ ฟลอริบันด้า...”
เสียงชายหนุ่มขาดหายไป เมื่อพบหน้าหญิงสาวที่เข้ามาแทรกกลางวงสนทนาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพทายกำลังจะยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบก็ต้องชะงักค้างอยู่ท่านั้น เมื่อเห็นพี่สาวนอกไส้ยืนนิ่งใบหน้าเผือดสี เผ้าผมรุงรัง ในชุดนอนแพรแนบเรือนร่าง
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ..แต่ฉันมีเรื่องด่วนจริงๆ”
เพทายกลอกตามองดีไซเนอร์สาวอย่างไม่ไว้วางใจ ส่งสายตาเป็นเชิงถามว่า..เรื่องด่วนอะไรของเธอ กวินก็นิ่งอึ้ง ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่รอฟังโดยปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้า
“ไข่มุกกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
สายตาที่มองตรงและแน่วแน่อยู่กับชายหนุ่ม ทำให้เพทายรู้สึกเหมือนเป็นอากาศธาตุ หล่อนได้ยินลูกศิษย์ชั่วคราวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แฝงความขุ่นมัวอย่างสุดกลั้นทั้งแววตาและคำพูด
“หยุดเสียทีเถอะแพร..หยุดวางแผนทำร้ายไข่มุก มันไม่ได้ผลหรอก”
แพรวาชาไปทั้งหน้า หล่อนรู้สึกเย็นเฉียบและแข็งเกร็งทั้งร่างเหมือนถูกสาป หล่อนสูดลมหายใจลึกเพื่อขับไล่ความเจ็บปลาบทั้งมวลออกไปโดยเร็ว ไม่ละความพยายามที่จะบอกเขา
“แพรพูดจริงๆนะคะ ไข่มุกกำลังจะแย่ วินต้องเชื่อแพร”
“ผมไม่อยากฟังคำโกหก หลอกลวง ของคุณแล้วนะแพร เราอย่าพูดกันอีกเลย”
กวินบอกเสียงราบเรียบไม่ต่างจากครั้งแรก เขาเสมองไปอีกทาง ราวกับรังเกียจใบหน้าหญิงสาวเสียเต็มประดา เพทายรู้สึกว่าบรรยากาศแถวนั้นอบอ้าวจนแถบหายใจไม่ออก เงาในกรอบตารูปหงส์มีบางอย่างผิดแปลกไปกว่าทุกครั้ง ทำให้หล่อนสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล หญิงสาวผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้เบาะหนัง เอามือแตะบ่าชายหนุ่มเบาๆ
“ฟังเธอหน่อยซี ลูกศิษย์ รู้จักให้โอกาสคนเสียมั่ง..คุยกันให้เคลียร์นะ เสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปหาฉันที่ศาลาริมน้ำ”
กวินกำลังจะขยับปากเถียง อาจารย์ร่างบางก็รีบผลุนผลันออกไปเป็นเชิงตัดบท เพทายหันมาชี้นิ้วบอกเขาเป็นเชิงเตือนครั้งสุดท้าย
“คุยกันให้จบ ถ้าไม่จบฉันไม่สอน..”
พอเพทายเดินออกไป แพรวาก็รีบอธิบายต่ออย่างไม่ละความพยายาม
“เมื่อเช้าไข่มุกออกไปกับคุณกฤษดา..”
กวินชักสีหน้าขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินชื่อกฤษดา เขาเบิกตามองหล่อนด้วยความสนใจกว่าเก่า แพรวาจึงรีบขยาย
“สองคนนั้นขึ้นรถตู้ไปกับเสี่ยวิฑูรย์ นักธุรกิจที่คนในวงการตำรวจกำลังสงสัยว่าค้ามนุษย์ หลอกเด็กผู้หญิงไปขายต่างประเทศ กับเรือสินค้า..”
“เหนื่อยไหมแพร..อย่าพยายามอีกเลย เสี่ยวิฑูรย์อะไร คุณแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งนั้น อย่านึกว่าผมไม่รู้ทัน”
แพรวาชะงักกึก มองหน้าเขาอย่างนึกไม่ถึง คำอธิบายของหล่อนหยุดลงแค่นั้น เมื่อเขาประกาศิตส่งท้าย
“เราไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้ว..แพรวา”
ชายหนุ่มลุกออกไป ทิ้งให้ดีไซเนอร์สาวจนคำพูดอยู่แค่นั้น หล่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกับเขาอย่างจนปัญญา ความหวังที่เหลืออยู่มลายหายวับไปต่อหน้า
ลลิตพรรณค่อยๆก้าวเข้ามานั่งข้างพี่สาวเพื่อนซี้ หล่อนเพิ่งมาถึงไม่นาน และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งสีหน้าเฉยชา ทั้งคำพูดปราศจากความไยดี แม้หล่อนจะเคยเกลียดแพรวาเพียงไหน ทว่าตอนนี้หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารจับใจ
ลลิตพรรณเอ่ยถามเสียงเบา
“มีเรื่องอะไรกันหรือคะ..พี่แพร?”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2555, 02:08:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2555, 02:08:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1588
<< บทที่ ๒๔ จุดจบของอารมณ์ชั่ววูบ ๒/๒ | บทที่ ๒๕ สินค้าชิ้นงาม ๒/๓ >> |
แล่นแต๊ 19 ก.ค. 2555, 02:20:29 น.
อ้าว ถ้าพี่วินไม่ฟังแล้วใครจะไปช่วยไข่มุกน้อยละนั่น
อ้าว ถ้าพี่วินไม่ฟังแล้วใครจะไปช่วยไข่มุกน้อยละนั่น