เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 29

ตอนที่ 29

ความรักที่เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อวันที่เกือบจะเสียสุชาวีไปมันทำให้นายหัวเมฆาออกจะรีบร้อนที่จะบอกรักเธอมากไป จนทำให้หญิงสาวอยู่ในอาการตั้งรับไม่ทัน อุณหภูมิภายในห้องร้อนขึ้นมากในความรู้สึกของสุชาวีเมื่อนายหัวเมฆามายืนอยู่ตรงหน้าเธอ และสายตาของเขาจับจ้องมองมาที่เธอแทบจะไม่กระพริบตา เม็ดเหงื่อเริ่มแย่งกันผุดซึมขึ้นบนหน้าผากมน ทุกอย่างเงียบสงัดสุชาวีรับรู้ถึงเสียงหายใจของเขาและคนตรงหน้าที่ดังสลับกันไปมา

“ทำไมคุณยืนตัวแข็งแบบนี้ เป็นอะไรไปหรือเปล่า”สายตาแสดงความห่วงใย

สุชาวีพยักหน้า “ฉันรู้สึก หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม” เธอพูดไปอย่างนั้นแต่ที่จริงเหตุผลคือกำลังอึ้ง เพราะถูกบอกรักแบบไม่มีเวลาให้เธอได้เตรียมตัว เตรียมใจเลย


“อย่างนั้นเหรอ” นายหัวมาดเข้มรีบเดินเข้าไปใกล้เธอเพราะห่วงว่าสุชาวีจะเป็นลมล้มพับลงไป เพราะสีหน้าของเธอดูซีดกว่าปกติ


“อย่าเข้ามาใกล้ฉันมากกว่านี้นะ ถอยออกไปค่ะ ห่างๆกันหน่อยก็ได้” สุชาวียกมือห้ามปรามและเป็นฝ่ายถอยออกห่างเขาเองไปอีกสองก้าว

นายหัวเมฆาจึงหยุดอยู่กับที่ไม่ขยับเข้าไปใกล้เธออีก“คุณรังเกียจผมอย่างนั้นเหรอ” แววตาคมสลดวูบ


“เปล่าค่ะแต่ขอพื้นที่ให้ฉันได้หายใจ และตั้งรับหน่อยจ้ะได้ไหม” สุชาวีสูดหายใจเข้าไปในปอดแรงๆ นายหัวเมฆามองด้วยแววตาฉงน


นายหัวหนุ่มไหวไหล่


จากนั้นทั้งสองก็ยืนมองหน้ากันต่อไปเกือบอีกสิบนาที แต่ในความรู้สึกของคนทั้งคู่มันช่างนานเหลือเกินจนนายหัวเมฆาไม่สามารถจะทนต่อไปได้จึงเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน

“ที่คุณไม่ตอบผมว่าจะให้โอกาสผมได้ไหม เพราะคุณมีใครอยู่ในใจแล้วใช่หรือเปล่าสุชาวี”เขามองทะลุเข้าไปนัยน์ตากลมโตสีนิล สุชาวีเบือนสายตาหลบเขา


“คุณมีใครหรือเปล่า ถ้าคุณมีใครที่คุณรักอยู่แล้วผมก็จะไม่บังคับใจคุณ เพราะผมไม่นิยมการฝืนใจใคร”เขาถามย้ำและรอฟังคำตอบ


“คุณจะให้ฉันตอบคุณจริงๆเหรอคะ ในเมื่อฉันเองยังไม่หายตกใจกับการบอกรักของคุณเลย”


นายหัวเมฆมีสีหน้าสงสัย “มันน่าตกใจมากนักเหรอ กับคำสารภาพรักจากใจของผม”


“มันรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด และคุณก็จู่โจมจะเอาคำตอบจนฉันตั้งตัวไม่ทัน คุณรวดเร็วยิ่งกว่า กว่าพายุทอร์นาโดว์เสียอีก” ท่าทีที่เธอมองเขาดูสับสนและตื่นตระหนก


“คนแบบผมก็เป็นแบบนี้ ชอบพูดตรงๆ ไม่ชอบสร้างภาพ ไม่อยากอ้อมค้อม รักก็บอกว่ารัก ไม่รักก็บอกว่าไม่รัก ว่าแต่คุณชอบผมหรือเปล่าล่ะ” เขาถามตรงๆห้วนๆ


เมื่อหญิงสาวมีสีหน้านิ่งยังไม่ยอมตอบอะไร นายหัวหนุ่มหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันทีเขาถอนใจเฮือกใหญ่ หรือว่าความรักของเขาชาตินี้มันจะไม่มีโอกาสสมหวัง นี่ละมั้งเวรกรรมของคนเจ้าชู้นายหัวหน้าคมคิด เขาค่อยๆปล่อยมือเรียวบางลงอย่างช้าๆ และหันหลังกลับเดินไปยังห้องนอนของตนในใจรู้สึกปวดแปลบๆราวกับเข็มนับพันนับหมื่นมาทิ่มแทงหัวใจ ยิ่งกว่าตอนที่ถูกพีระดาปฏิเสธหลายสิบเท่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้หญิงที่เขาไม่เคยมอง ไม่เคยให้ความสนใจจะทำให้เขารู้สึกวูบไหวภายใจได้มากถึงเพียงนี้

สุชาวีรู้สึกสมองอื้ออึงไปหมด นึกถึงครั้งแรกที่ตนเองไปสมัครทำงานเป็นพยาบาลพิเศษของไร่นอกจากสาเหตุเรื่องการเงินแล้ว อีกเรื่องที่ถูกซ่อนเอาไว้โดยไม่มีใครรู้มาก่อนและเจ้าตัวเองก็พยายามปฏิเสธมันว่าไม่เป็นความจริง เธอไปทำงานที่ไร่เพราะอยากแอบมองเขาในระยะใกล้ๆแต่ไม่อยากเอาตัวเข้าไปวุ่นวายในชีวิตเขา เธอไม่คิที่จะเข้าใกล้เขาเพราะรู้ถึงกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ การเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น เธออยากแค่แอบมองเขาอยู่ในมุมของเธอก็เท่านั้น


สุชาวีได้พบหน้านายหัวเมฆาครั้งแรกเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำตกหน้าผา และนายหัวเมฆาก็ได้รับฉายาว่านายหัวกระดูกเหล็ก เขาไม่เป็นอะไรทั้งที่สภาพรถยนต์พังยับเยินเป็นข่าวดังไปทั่วทั้งจังหวัดส่งผลให้พระเครื่องที่นายหัวคนดังแขวนคออยู่ราคาเช่าในตลาดพระเครื่องพุ่งพรวดสูงขึ้นหลายเท่าตัว เธอนี่แหละคือพยาบาลพิเศษที่ได้รับการว่าจ้างให้มาเฝ้าไข้เขาในเวลากลางคืนรวมถึงกันพวกสาวๆที่พากันมาเยี่ยมคนไข้จนโรงพยาบาลเต็มไปด้วยสาวสวยเซ็กซี่


เธอเฝ้าไข้เขาอยู่สามวันเต็มๆ ในช่วงที่เขาสลบไป แต่นายหัวเมฆาคงไม่รู้เรื่องนี้สามวันนั้นเธอต้องหน้าแดงทุกครั้งเวลาที่ต้องเช็ดตัวให้เขาเธอยังจำรูปร่างกำยำล่ำสันกับผิวสีทองแดงของเขาได้ดี ยามที่เขาสลบหลับใหลเธอถือโอกาสนั้นจ้องมองเขา นายหัวเมฆามีใบหน้าหล่อละม้ายคล้ายชาวอาหรับ มันทำให้หัวใจเธอเต้นแรงทุกครั้งเวลามองเขา แต่เธอเองพยายามปฏิเสธมันมาโดยตลอด และทำเป็นไม่รู้จัก ไม่สนใจในตัวเขาเรื่อยมา แต่พอเขาเผลอเธอก็จะแอบมองตามหลังทุกครั้งไปและโกหกตัวเองว่า ไม่เคยชอบ ไม่สนใจ ไม่อยากอยู่ใกล้ สารพัดที่จะจินตนาการตั้งป้อมกีดกันความรู้สึกของตนเอง

“ว่ายังไงล่ะ คุณจะให้คำตอบกลับผมได้หรือยัง”


หญิงสาวสบตากับเขาแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว


“ถ้าอย่างนั้นคุณไปนอนซะเถอะ สุชาวีผมจะไม่พูดเรื่องนี้ให้คุณต้องเสียความรู้สึกอีก” ท่าทีของเธอทำให้เขาคิดว่าพยาบาลสาวคงจะไม่มีใจให้ เขาจึงวางแผนจะถอยไปก่อนและค่อยๆ อ้อมๆ มาจู่โจมเธอวันหลัง คนแผนสูงไม่ได้คิดว่าจะถอยทัพกลับเลยสักนิดคิดจะพุ่งชนอย่างเดียวแต่ต้องบุกอย่างมีชั้นเชิง

“เดี๋ยวค่ะ นายหัว ”สุชาวีเดินเข้าไปหาเขาแขนเรียวเอื้อมไปจับไหล่หนา

นายหัวเมฆาจึงหมุนร่างกลับมาเผชิญกับเธออีกครั้ง


“เรียกผมทำไมเหรอสุชาวี เรียกผมเพื่อจะบอกว่าคุณมีคนอื่นอยู่ในใจอย่างนั้นรึเปล่า ถ้าจะบอกแบบนั้นผมขอไม่ฟังมันได้ไหม” ใบหน้านิ่งไม่แสดงออกแต่ในใจคิดว่าถ้าเธอมีแฟนก็ไม่เป็นไร เขาจะลงสนามแข่งรักดูซักตั้งเพราะรู้แล้วว่าเวลานี้ความรู้สึกที่มีต่อพีระดา มันไม่ได้เหมือนความรู้สึกที่มีต่อสุชาวีเลยเขาแค่หลงไปเท่านั้น


“เปล่าเรียก เอ่อ...” เธอก้มหน้าลงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหน้าแดง “เรียกก็ได้ ฉันเรียกคุณ”

“เอาให้แน่ๆ ตกลงจะเรียกหรือไม่เรียก” เขาทำทีจะเดินหนี


“เรียกก็ได้ค่ะ” สุชาวีรั้งแขนแข็งแรงเอาไว้ “อย่าเพิ่งไป”


“ถ้าอย่างนั้นคุณจะบอกอะไรกับผม รีบบอกมาสิ”

“ยังไม่บอกจนกว่าฉันจะถามมันให้แน่ใจก่อน”

“อะไรเหรอ”นายหัวเมฆาขมวดคิ้วสงสัย


เธอโน้มศีรษะเข้าไปที่หน้าอกกว้างได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเขามันหอมจนเธออยากจะสูดดมเข้าไปแต่มันคงน่าเกลียดพิลึก สุชาวีจึงได้แต่เอนศีรษะไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเขาและแนบหูฟังจังหวะการเต้นของหัวใจ


“คุณกำลังทำอะไรของคุณสุชาวี”นายหัวหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจ นึกอยากจะหัวเราะแต่กลัวเสียฟอร์ม


“อยู่นิ่งๆ แล้วอย่าขยับฉันจะจับจังหวะการเต้นของหัวใจคุณดูว่ามันเต้นแรงผิดปกติจริงหรือเปล่าเวลาอยู่ใกล้ฉัน คุณรู้ไหมว่าหัวใจของคนเราจะเต้นในจังหวะที่เร็วและแรงขึ้นมากเมื่อได้พบกับสิ่งที่ถูกใจ”เธอพูดไปฟังเสียงหัวใจไป


“และหัวใจผมมันเต้นแรงหรือเปล่าล่ะ” เขาถามเธอฝ่ามือหนาโอบรัดร่างบางเอาไว้รู้สึกถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากหญิงสาวเช่นกัน นี่หรือกลิ่นสาปสาวที่บริสุทธิ์ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งจริตจกร้านมันชวนให้หลงไหลแบบนี้นี่เองผู้หญิงแบบนี้เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน น่าหยิก น่ารัก น่าฟัดชมัดเลย นายหัวเมฆารีบเบรคความคิดสุดท้ายเอาไว้


“แล้วหัวใจผมมันเต้นแรงมากไหมสุชาวี”


หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาและพยักหน้าให้


นายหัวหนุ่มยิ้มแก้มแทบปริ “นอกจากหัวใจผมมันจะเต้นแรงตอนที่คุณเอาหน้ามาซบอกผมแบบนี้แล้ว มันยังทำให้ส่วนอื่นๆในร่างกายของผมเต้นตุบตับๆไปด้วยรู้ตัวบ้างไหม อวัยวะบางอย่างมันก็แข็งขึ้นด้วย”เข้ายิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อรู้ว่ารักครั้งนี้เริ่มมีหวัง


หญิงสาวรีบผละออกจากอ้อมกอดของนายหัวหนุ่มทันที “คนบ้า น่าเกลียด พูดออกมาได้ ยี้ๆๆ ” สุชาวีรีบถอยห่างแต่นายหัวเมฆารัดเอวขอดกิ่วเข้ามาสู่อ้อมอกของเขาอีกครั้ง


“ผมพูดผิดตรงไหนล่ะ ก็ผมดีใจจนเนื้อเต้น และหัวใจของผมมันก็แข็งแรงขึ้นเพราะมีแววว่าผมจะสมหวัง”เขายิ้มเจ้าเล่ห์และมองเธอด้วยสายตาแวววาว

“แน่ใจนะคะที่พูด นึกว่า…”หญิงสาวหายใจอย่างโล่งอก

“แน่ใจสิ นี่คุณกำลังคิดลึกกับผมอยู่หรือเปล่า”

สุชาวีรีบส่ายหน้า “เปล่าเลยฉันก็คิดเหมือนคุณเป๊ะเลย”


“งั้นเหรอ น่าเชื่อและผมควรจะเชื่ออย่างนั้นซิ” เขายิ้มน้อยๆและสบตาเธอสื่อความหมายว่าไม่เชื่อ
สภาพภายนอกโรงแรมที่พายุกำลังโหมกระหน่ำส่งผลให้หม้อแปลงบริวเณใกล้โรงแรมเกิดระเบิดขึ้น เครื่องปั่นไฟที่ใช้ในโรงแรมทำงานหนักปั่นกระแสไฟฟ้าไม่ทันเพราะภายในโรงแรมใช้ไฟในปริมาณที่มาก ทำให้จู่ๆไฟก็ดับลงทันทีทั่วทั้งโรงแรมดีที่เป็นเวลาดึกสงัดซึ่งแขกบ้างห้องกำลังหลับสนิทไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไฟดับ

“ว้าย! เกิดอะไรขึ้นคะนายหัว” หญิงสาวผวากอดนายหัวหนุ่มเอาไว้แน่นตามสัญชาติญาณ


“ผมไม่รู้เหมือนกันก็ยืนอยู่กับคุณตรงนี้ แต่ถ้าให้เดาผมว่าฝนข้างนอกมันตกหนักมาก หม้อแปลงแถวๆนี้อาจจะระเบิดก็ได้”

“กวนประสาตที่สุด” สุชาวีแอบบ่นในใจ


“แต่ทางโรงแรมเขาต้องมีไฟสำรองไม่ใช่เหรอคะ ทำไมมันดับทั้งห้องแบบนี้ด้วย”

“โรงแรมนี้มีตั้งหลายร้อยห้องนะคุณคงจะใช้ไฟมากเกินไป มันคงจะดับสักพักหนึ่งคุณไม่ต้องกลัวนะผมอยู่กับคุณทั้งคน หมดกังวลทุกเรื่อง”เขาหัวเราะหึหึ


“ฉันไม่ได้กลัวไฟดับแล้วค่ะตอนนี้” เธอแกะมือของเขาที่โอบเอวเธอเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็ทำเนียนลูบหลังเธอเล่น

“แล้วกลัวอะไร”

“กลัวอะไรที่มันชอบเกิดตอนไฟดับต่างหาก”

หากตอนนี้แสงไฟสว่างขึ้นคงเห็นว่าหญิงสาวหน้าแดงเพียงใด นายหัวเมฆารับรู้ถึงความรู้สึกและคำพูดของหญิงสาวเขาหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี

“ผมรู้แล้วล่ะว่าคุณกลัวอะไรตอนไฟดับ” ใบหน้าคมหล่อเข้มทอดสายตาอบอุ่นมองไปที่หญิงสาวเสียดายที่อยู่ในความมืดสุชาวีจึงไม่ได้เห็นมัน ได้ยินเพียงเสียงที่อบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด ฝ่ามืออุ่นเลื่อนไปลูบที่เลือนผมของเธอเบาๆ

“ผมสัญญาว่าจะไม่ฉวยโอกาสกับคุณโดยเด็ดขาด ด้วยคำพูดของผู้ชายใต้ตัวดำๆ คุณพอจะเชื่อผมได้ไหม”

คำพูดของเขามันทำให้สุชาวีรู้สึกเขินและตื้นตันอย่างประหลาดเพราะมันออกมาจากใจจริงโดยไม่ได้ผ่านการปรุงแต่ง สุชาวีค่อยๆซบใบหน้าลงไปหาอกอุ่นรู้สึกว่ามันอบอุ่นมากขึ้นทุกครั้งที่ได้ซบ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ไฟดับและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ห้องนี้สว่างขึ้นในเมื่อทั้งสองคนนอนหลับในท่ากอดกัน ซบไหล่กันหลับสนิทอยู่บนโซฟา จะเป็นครั้งแรกในชีวิตของนายหัวเมฆาก็ว่าได้ที่อยู่กับผู้หญิงได้ทั้งคืนโดยที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอและปล่อยให้เธอมีเสื้อผ้าติดตัว แค่เพียงกอดกันและหลับไปพร้อมกันมันกลับทำให้คนทั้งคู่มีความสุขอย่างท่วมท้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++

นอกจากกรุงเทพฯ ฝนจะตกหนักทั้งคืนแล้ว ภาคตะวันออกของประเทศไทยอย่างชลบุรีพายุก็กำลังโหมเข้าใส่ทำให้ฝนกระหน่ำฟ้าคะนองย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นกัน คลื่นกระแทกเข้าหาชายฝั่งฟังดูน่ากลัว เสียงลมแรงจากภายนอกอาคารทำให้พีระดาและภาคินัยช่วยกันปิดหน้าต่างกระจกบานเลื่อนจนหมดทุกห้อง

“ฝนตกหนักจริงๆนะคะคืนนี้”

“พายุคงกำลังเข้า”

“ตกลงคุณหายงอนฉันแล้วเหรอคะ ไม่ลงโทษฉันแล้วเหรอ”หญิงสาวยิ้มหวานรู้ดีว่าคนตรงหน้าหายโกรธเธอนานแล้ว

“ถามแบบนี้แสดงว่าติดใจในบทลงโทษของผม ถ้าต้องการอีกก็ได้มีงานให้ทำเพียบ” เขาแกล้งปรายตาไปทางห้องรับแขกที่ยังมีหนังสือวางเกะกะไม่เข้าที่

“ไม่เอา ไม่เอาแล้ว” พีระดารีบยกมือห้าม “คนใจร้ายคุณใช้ฉันทำงานบ้านจนถึงตีหนึ่งตีสองจะไม่ให้นอนกันเลยหรือไง”

“ใช่สินะ เวลาตีหนึ่ง ตีสอง ใครเขาทำงานบ้านแบบนี้กัน เขาต้องทำอย่างอื่น” เขาแกล้งทำตาวาวและเดินเข้าหาเธอ

“จะทำอะไร” พีระดาถอยหนี

“จับคุณไปอาบน้ำยังไงล่ะ”

จากนั้นทั้งคู่ก็ไล่จับกันราวกับเป็นคู่แต่งงานที่กำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน จนเมื่อภาคินัยจับตัวพีระดาได้ก็เล่นเอาหอบเหนื่อยไปด้วยกันทั้งคู่

“จะไปอาบน้ำได้หรือยังที่รัก หรือจะให้ผมอาบให้ก็ได้นะ”แววตาเขามองเธอแบบซุกซนจนคนในอ้อมกอดต้องตี่ที่แขนเขา

“ไม่เอานะ ฉันไม่ใช่เด็กฉันอาบเองได้ค่ะ”


ภาคินัยแกล้งมองเธอด้วยแววตาหื่นกระหาย“ก็เพราะคุณไม่ใช่เด็กน่ะสิผมถึงอยากอาบให้”
พีระดาหน้าแดงจัดตั้งแต่โหนกแก้มไปถึงใบหู “คนบ้า หน้าไม่อายพูดออกมาได้ยังไง”พร้อมทั้งผละหนี


ภาคินัยหัวเราะ“เอาล่ะ ตอนนี้คุณไปอาบน้ำได้แล้วคุณจะได้นอนพัก”


“แล้วฉันจะนอนที่ไหน” เธอเห็นว่าทั้งห้องมีอยู่เตียงเดียวเท่านั้น


“ผมนอนข้างล่าง คุณนอนอยู่ข้างบนตกลงไหม”


“ฮะ!...อะไรนะ”หญิงสาวอ้าปากค้างไปเล็กน้อย


“ผมหมายความว่าคุณนอนบนเตียง ผมนอนที่พื้น ผมรู้นะคุณคิดลึก”


“คุณนั่นแหละคิดฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่หน้าแดงจัด


“นี่ฉันรู้ทันคุรนะพอคืนนี้ฉันนอนหลับคุณก็จะค่อยๆไต่ขึ้นมาบนเตียงใช่ไหม”พีระดาแกล้งทำปูไต่ที่แขนเขา


“ถ้าอย่างนั้นก็นอนเตียงเดียวกันไปเลย คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าผมจะไต่ขึ้นมาบนเตียงตอนไหน” คนเจ้าเล่ห์สบตาหญิงสาวหูตาแพรวพราว


“เจ้าเล่ห์จริงๆเลยนะคุณเนี่ย ไม่ได้นะเรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อยเห็นหน้าตาทันสมัยแต่หัวใจไทยแท้นะคะ”


ภาคินัยหัวเราะเสียงดังขำหญิงสาวตรงหน้า ยามที่คนเราหมดเรื่องกินแหนงแคลงใจกันความรักก็มักจะเบ่งบานไม่ว่าคนรักจะทำอะไรก็ดูจะถูกอกถูกใจไปเสียหมด

“ก่อนที่ผมจะเจ้าเล่ห์จริงๆ แบบที่คุณว่าตอนนี้คุณไปอาบน้ำได้แล้วมันดึกมากแล้วนะ”


พีระดาไหวไหล่ “ก็ได้ค่ะ ฉันเองก็เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้วได้อาบน้ำสักทีก็ดีเหมือนกัน” เธอส่งยิ้มหวานให้เขาและเดินไปทางห้องน้ำแต่แอบแวะที่ห้องครัวก่อน


เรื่องกินแหนงแคลงใจที่พีระดาเข้าใจผิดว่าภาคินัยพาเขมมิกามาทำอะไรไม่เหมาะสมในห้องนี้ซึ่งเป็นการไม่ให้เกียรติเธอในฐานะคู่หมั้นเมื่อความจริงได้เปิดเผยแล้วว่าเขาบริสุทธิ์พีระดาจึงกลับมาเป็นหญิงสาวที่น่ารักของภาคินัยอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญซึ่งหญิงสาวตั้งใจแล้วว่าจะไม่เป็นคนหูเบาและใช้ทิฐฐิมากจนเกินไปอย่างที่ผ่านมาอีก


ภาคินัยอมยิ้มให้กับร่างบางที่เดินหายไปในห้องน้ำจากนั้นจัดที่นอนให้เรียบร้อยเพื่อหญิงสาวจะได้พักผ่อน เขายิ้มกับเตียงหรูเรียบขนาดใหญ่ที่รอคอยวันที่พีระดาจะมานอนเป็นเพื่อนเขาทุกค่ำคืนในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เขาให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ล่วงเกินหญิงสาวเป็นอันขาด ในเมื่อทนได้มาตั้งนานทำไมเขาจะทนต่อไปถึงวันแต่งงานอีกไม่ได้


กรี๊ด!

เสียงหญิงสาวกรีดร้องดังออกมาจากห้องน้ำนั่นเป็นเพราะจู่ๆไฟก็ติดๆดับซึ่งหญิงสาวกำลังสระผมอยู่ ฟองของยาสระผมไหลลื่นเปื้อนบนใบหน้า ภาคินัยรีบคว้าไฟฉายและวิ่งตามเข้าไป เขามั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องของไฟในห้องน้ำอย่างแน่นอนเมื่อหลายวันก่อนมันติดๆดับๆเขาเป็นคนสั่งให้ช่างเข้ามาเปลี่ยนในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ไม่คิดว่ามันจะมีอาการขึ้นมาอีก

“พีระดาคุณไม่ต้องห่วงนะ หลอดไฟมันมีปัญหา ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัวนะครับผมจะยืนรออยู่หน้าห้องน้ำจนกว่าคุณจะอาบน้ำเสร็จ” เขาไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้ดีว่าคนกำลังอาบน้ำคงไม่มีเสื้อผ้าติดกาย


“ฉันไม่กลัวหรอกเรื่องที่ไฟมันติดๆดับๆ แต่ตอนนี้ยาสระผมมันเข้าตาฉันและน้ำมันก็เกิดไม่ไหล แสบตาจะแย่อยู่แล้วอีกอย่างทำไมฉันถึงรู้สึกว่าร่างกายของฉันมันร้อนจัดจนแทบจะทนไม่ได้ก็ไม่รู้ คุณช่วยฉันหน่อยสิ ฉันมองอะไรไม่เห็นฉันอยากได้น้ำมาล้างคราบยาสระผมออก” เสียงหญิงสาวตะโกนออกมาขอความช่วยเหลือ

“น้ำไม่ไหลด้วยเหรอ แย่จริงเชียว” เมื่อรู้ว่าแฟนสาวกำลังแสบตาเขาเข้าใจความทรมานของเธอดีในเมื่อเขาไม่ได้คิดไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนี่ ชายหนุ่มรีบผลักประตูเข้าไป ในความมืดมิดเขาเห็นเพียงร่างขาวหยวกเด่นอยู่ท่ามกลางความมืด เขาสะกดกั้นความรู้สึกพลุ่งพล่านภายในร่างกายซึ่งมันกำลังแสดงตัวตนออกมา

“ทางนี้ครับ” เขาพยายามไม่สนใจกับหุ่นงดงามราวกับรูปสลักเทพีกับผิวขาวหยวกของพีระดาทีความขาวของเธอมันแหวกความมืดมิดออกมาโชว์ความเด่นท้าท้ายสายตาเขา ภาคินัยช่วยตักน้ำสะอาดจากในอ่างน้ำสำรองที่ทำด้วยหินอ่อนชั้นดีล้างหน้าล้างตาให้เธอคลายความแสบ จากนั้นช่วยตักน้ำราดบนเส้นผมยาวอ่อนนุ่มล้างผมให้เธอจนหมดฟองเขารู้สึกว่าเธอเงียบผิดปกติไปในความมือเขาช่วยเอาน้ำราดไปบนเรือนร่างหญิงสาวจนคิดว่าสะอาดดี


“เสร็จแล้วผมออกไปรอข้างนอกนะครับ”ถ้าขืนเขาอยู่นานกว่านี้คงต้องมีอันต้องตบะแตกอย่างแน่นอนภาคินัยจึงรีบขอปลีกตัวออกไป ขณะที่เขากำลังก้าวเท่าเดินออกไปเป็นเวลาประจวบเหมาะกับไฟในห้องน้ำติดขึ้นมาราวกับจงใจทุกอย่างจึงมองเห็นได้อย่างแจ่มชัด


“เดี๋ยวสิคะภาคินัย” เสียงหวานที่เรียกน้ำเสียงฟังแปลกไป ภาคินัยคิดว่าคงเป็นบททดสอบจิตใจจากว่าที่เจ้าสาว


เขาก้าวเท้าต่อไปไม่คิดจะหันกลับไปมอง “ผมรอคุณข้างนอกจะดีกว่า”


“อย่าเพิ่งไปค่ะภาคินัย ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้มันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งเนื้อทั้งตัว ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไป”เธอรู้สึกสมองมึนเบลอไปหมดราวกับว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ผิวทั่วทั้งเรือนร่างรู้สึกร้อนวาบ

“จะลองใจเราล่ะสิ รู้ทันหรอกนะ” เขาพูดเบาๆและไหวไหล่อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินต่อไป

“อย่าเพิ่งไปค่ะภาคินัย ฉันต้องการคุณ ได้โปรด ตอนนี้ฉันรู้สึก...” พีระดาพยายามจะสะกดกั้นอารมณ์ฝ่ายต่ำแต่มันช่างทำได้ยาก

“รู้สึกอะไร”เขายังคงยืนหันหลังให้กับเธอ แต่สัมผัสน้ำเสียงของหญิงสาวได้ว่ามันกระเซ่าอย่างประหลาด ไม่ว่าเธอจะลองใจเขาอย่างไร่พีระดาก็ไม่น่าจะต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้เลย

“คุณเป็นอะไรมากไหม ต้องการให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า

“ฉันต้องการ.....คุณ”


“เฮ้ย!” เขาตกตะลึงกับคำพูดที่ออกจากปากหญิงสาว มั่นใจแล้วว่าเกิดความรผิดปกติกับเธออย่างแน่นอนมันทำให้เขาต้องหันกลับไปมองและพบว่าตัวเองแทบจะเลือดกำเดาพุ่งออกมา เมื่อพีระดาไม่ได้มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักนิด

สรีระงดงามยืนอยู่ตรงหน้าและกำลังย่างกรายเข้ามาหาเขา ใบหน้าเธอแดงจัด “ฉันทรมานค่ะภาคินัย มันร้อนไปหมด มันรู้สึกวูบๆวาบๆไปทั้งตัว”น้ำเสียงบ่งบอกถึงความทรมานอย่างสุดขีดเธอไม่ได้ลองใจไม่ได้เล่นละคร

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พีระดาทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนี้”เขาเขย่าร่างเธอและสังเกตอาการ
“ตายล่ะ!” ภาคินัยนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

“ก่อนอาบน้ำคุณกินอะไรเข้าไปบ้างรึเปล่า” หญิงสาวไม่ตอบ ภาคินัยเขย่าร่างบางเปล่าเปลือยที่ดูยั่วยวนทำตาหวานเยิ้มใส่เขาแต่ดูไม่ได้สติ

“กินอะไรเข้าไปหรือเปล่า บอกผมมาเร็วๆเข้า”เธอยังไม่ตอบจนภาคินัยเริ่มแน่ใจ เขาคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนนุ่มมาพันเรือนร่างบางที่กำลังยั่วกิเลศในตัวเขา

“คุณรอผมอยู่ที่นี่ก่อนนะเดี๋ยวผมมา” เขาปิดประตูห้องน้ำล็อคด้านนอกเอาไว้ และรีบวิ่งเข้าไปในครัวและพบว่าเป็นแบบที่ตัวเองคิดไว้ไม่ผิด

เขายกมือขวาขึ้นไปบีบคลึงขมับ พร้อมส่ายศีรษะ “ตายล่ะ คุณกินมันไปจริงๆด้วยซวยแล้วงานนี้”

ดูภายนอกมันคงเหมือนซองชาธรรมดาและวางอยู่ตรงข้างกระติกน้ำร้อนภายในห้องครัว เขาเข้าใจว่าพีระดาคงเห็นมันตอนเข้ามาทำความสะอาดในครัวเธอคงเหนื่อยจากงานที่เขาแกล้งให้เธอทำ จึงดื่มชาร้อนๆก่อนที่จะไปอาบน้ำสักพักหวังจะเรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย แต่เรื่องที่ร้ายก็คือมันไม่ใช่ชาแต่คือยาปลุกเซ็กในรูปแบบซองชา ซึ่งเขาได้มาเป็นของขวัญจากเขมมิกาเธอมักจะมีของเล่นแปลกๆ อาหารเสริมเพิ่มพลังมาให้เขาเป็นของกำนัลเสมอในช่วงที่เขาคบหากับเธอ ภาคินัยเคยจะจับมันโยนทิ้งขยะหลายครั้งแล้วแต่ก็ลืมจนเกิดเรื่องขึ้น

“ทำยังไงดีเนี่ย” เขารู้ดีว่าฤทธิ์ของมันจะมีผลอยู่ราวๆสักสามชั่วโมง เธอคงทรมานอย่างหนักหน่วงหากไม่ได้รับการตอบสนอง

เสียงประตูที่ถูกทุบอย่างหนักคงเป็นผลมาจากยาที่คนในห้องน้ำดื่มมันเข้าไป

“ดื่มหมดแก้วซะด้วย โธ่! ที่รัก” ภาคินัยมองแก้วชาที่ว่างเปล่าเหลือเพียงคราบน้ำติดขอบแก้วรู้สึกสงสารพีระดาขึ้นมาจับใจ

เสียงประตูทีถูกทุบถี่ๆ และดังขึ้นเรื่อยๆหมือนกับขู่ว่าถ้าเขาไม่เปิดเธอจะพังออกมา

“พีระดา!” เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก กำลังคิดแก้ปัญหา


“ถ้าผมมัดคุณไว้จนหมดฤทธิ์ยาล่ะ” เขาหันไปมองเชือกเส้นหนาเส้นหนึ่งที่วางอยู่ในครัว เขาหยิบมันขึ้นมาและเดินตรงไปที่ห้องน้ำทันที

เมื่อเขาเปิดประตูร่างบางก็โผเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วเขาสัมผัสได้ถึงผิวกายที่ร้อนของเธอ “ช่วยฉันด้วยค่ะ ฉันเป็นอะไรไปก็ไม่รู้มันทรมานเหลือเกิน”


“ทนหน่อยนะพีระดาของผม ผมจะช่วยคุณเอง” เชือกไนลอนในมือถูกยกสูงขึ้นภาคินัยตั้งใจจะจับเธอมัดไว้สักพักหนึ่งให้คลายฤทธิ์ยา หรือไม่ก็จับเธอแช่ในอ่างน้ำบางทีอาการทรมานเพราะต้องการบางอย่างเพื่อตอบสนองของเธอคงจะดีขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องน้ำปิดลง

เสียงโวยวาย และตัดพ้อต่อว่าของหญิงสาวที่กำลังจะถูกเชือกมัดมือ ดังออกมาจากในห้องน้ำสลับกับเสียงชายหนุ่มซึ่งกำลังอธิบายบางอย่างให้หญิงสาวฟังดังสลับกันไปมา


“ไม่ได้นะพีระดา คุณอาจจะเสียใจที่หลังก็ได้”

“ฉันทรมานค่ะภาคินัย”


“ผมไม่ตกลง มันเป็นเพราะฤทธิ์ของยาต่างหากสิ่งที่คุณต้องการไม่ได้เกิดจากความต้องการของตัวคุณเอง”


“ทำไมจะไม่ใช่ก็ฉันบอกคุณอยู่นี่ไง”

เสียงหญิงชายโต้เถียงกันยังดังแว่วออกมาจากห้องน้ำ


ภายนอกฝนยังตกไม่หยุดแม้จะเป็นเวลาดึกสงัด ห้องชุดสุดหรูซึ่งในเวลานี้มีแต่ความเงียบสงบไม่มีเสียงโต้เถียงกัน จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพักกลับได้ยินเสียงกระเซ่าของชายหญิงดังออกมาจากห้องน้ำ บางครั้งเป็นเสียงครวญครางอย่างสุขสมเหมือนกับเจ้าของเสียงจะพอใจกับอะไรบางอย่าง ตลอดจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อเบาๆดังออกมาราวกับมันเบียดบดกันจนไม่มีพื้นที่ให้อากาศได้แทรกผ่านนานนับชั่วโมงกว่าเสียงนั้นจะเงียบลงไปพร้อมกับน้ำหยดสุดท้ายในห้องน้ำหยดไหลไปตามของมันอย่างที่ควรจะเป็น


สายฝนภายนอกตัวอาคารเริ่มค่อยๆซาไปจนหยุดตกในที่สุด เช่นเดียวพายุที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ภายในห้องน้ำก็สงบเงียบจนกระทั่งถึงรุ่งเช้า ร่างบางเปลือยเปล่าของนางแบบคนดังที่แทบจะหมดเรี่ยวแรงก็ขยับกายลุกขึ้นจากโซฟาชั้นดีพร้อมกับปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ รู้สึกเมื่อยขบและเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างกายโดยเฉพาะส่วนนั้นที่แสดงถึงความเป็นหญิงเมื่อสมองประมวลภาพเหตุการณ์เมื่อคืนแม้เจ้าตัวจะจำได้ไม่ไทั้งหมด บางช่วงบางตอนอาจจะจำได้ว่าได้ทำอะไรลงไปบ้างอย่างลางเลือน แต่ก็พอจำได้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอกับภาคินัยตกเป็นของกันและกันอย่างที่เขาเป็นฝ่ายต้องสมยอมให้กับเธอ สองแก้มร้อนผ่าว และเมื่อมองลงมาที่ร่างเปล่าเปลือยของตนเองกับชายหนุ่มที่หลับสนิทราวกับคนหมดแรงพีระดาก็ยิ่งอายที่เมื่อคืนได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไปจนต้องรีบคว้าผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นมาปิดบังร่างกาย ภาพต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นแจ่มชัดขึ้นมาในสมองราวกับดูภาพยนต์


“นี่เราทำอะไรลงไปน่าละอายที่สุด” ฝ่ามือเรียวสองข้างยกขึ้นปิดหน้าสวยที่แดงจัดเพราะความกระดากอาย และก้มหน้าลงไปเหมือนปลงกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและหันไปมองคนที่หลับสนิทบนโซฟา

“นี่คุณ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”ฝ่ามือของหญิงสาวฟาดไปที่ต้นแขนของคนหลับอย่างเป็นสุขดังเพี้ยะทำให้คนกำลังฝันดีสะดุ้งตื่น เมื่อเขาเห็นว่าพีระดาตื่นอยู่ก่อนแล้วและเธอกำลังนั่งมองหน้าเขาตาแป๋ว ภาคินัยก็รีบลุกขึ้นมานั่งด้วยทันทีอย่างอัติโนมัติ


“พีระดา! คุณตื่นแล้วเหรอ” เขารู้สึกเขินและประหม่าเมื่อรู้ว่าบัดนี้หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้อยู่ในฐานะคนรักอีกต่อไป เธอสำคัญมากกว่านั้นต่อไปนี้เขาและพีระดาถือได้ว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันแล้วในทางพฤตินัยแค่ขาดเอกสารและพิธีการที่ถูกต้องเธอก็จะเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ




“ฉันตื่นก่อนก็เลยปลุกคุณขึ้นมา ฉันรู้สึกว่าปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว แล้วคุณล่ะคะรู้สึกเหมือนฉันหรือเปล่า”


“ไม่นะ รู้สึกกระชุ่มกระชวย”เมื่อพูดจบก็สังเกตสีหน้าหญิงสาว


เมื่อเผชิญหน้ากันแบบนี้ภาคินัยลอบคิดในใจว่าคนตรงหน้าจะต้องโกรธจัดและเหวี่ยงใส่เขาอย่างแน่นอน นี่เธอคงกำลังจะหยั่งเชิงเรื่องเมื่อคืนดู เพราะบางทีเธออาจจะจำได้แบบเลือนลาง แต่ไม่สิเธอต้องรู้ตัวว่ามันเป็นเรื่องจริงเธอตื่นก่อนคงเห็นแล้วว่าสิ่งที่ปิดกายคือผ้าห่มผืนใหญ่ที่ห่มร่วมกันสองคน


“เรื่องระหว่างเราเมื่อคืนนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ พีระดา ผมขอโทษ....” สายตาลุแก่โทษของคนของภาคินัยจ้องไปในดวงตาวหวาน


ใบหน้าสวยระบายยิ้มและยกฝ่ามือขึ้นปิดปากเขาด้วยกิริยาน่ารัก “ช่างมันเถอะค่ะ คุณไม่ผิดหรอกจะว่าไปฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษก็เมื่อคืนนี้ฉันต่างหากที่เป็นคนเริ่มก่อน…”


“คุณจำเรื่องเมื่อคืนได้หมดเหรอ”


“แค่บางส่วนค่ะ แต่ก็มากพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”


ภาพเมื่อคืนผุดขึ้นในสมองของหญิงสาว พีระดาจำได้ว่าภาคินัยถือเชือกเส้นหนึ่งเตรียมจะมามัดมือเธอแต่เธอเองปัดมันทิ้ง จากนั้นร่างกายและจิตใจของเธอมันก็บอกเพียงแต่ว่าเธอต้องการเขามากเหลือเกิน เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายผลักเขาล้มลงไปที่พื้นห้องน้ำจากนั้นก็เล่นบทนางยั่ว ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจ ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงให้เธอใจกล้าได้แบบนั้นเหมือนกัน


“ฉันต่างหากที่หน้าด้านไร้ยางอายเกินหญิงทั่วไป ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ”

ฝ่ามือร้อนกระชับมือเรียวเอาไว้และยกขึ้นมาจุมพิตบางเบา ก่อนจะสบตาหวาน“แต่ผมรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ คุณเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อมอย่าเสียใจไปเลยนะพีระดา เหตุการณ์เมื่อคืนมันเป็นเพราะฤทธิ์ยามันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคุณ”


ภาคินัยจึงค่อยๆเล่าเรื่องของขวัญจากต่างแดนที่เขมมิกาหิ้วมาฝากตอนไปเดินแบบที่ต่างประเทศ และพีระดาก็กินมันเข้าไปด้วยความไม่รู้ เขาสังเกตอาการของหญิงสาวว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะวีนขึ้นมาแต่ไม่เลย เธอกับฟังเงียบๆ และพยักหน้ารับรู้


“สิ่งที่คุณดื่มก่อนจะไปอาบน้ำมันไม่ใช่ชาธรรมดา แต่มันคือชาปลุกเซ็กส์”


พีระดาสิ้นความสงสัยกับอาการของตนเองเมื่อคืนนี้ “ให้ตายเถอะยัยเขมมิกาตัวร้าย ถึงตัวเธอจะไม่อยู่ยังอุตสาห์คายพิษเอาไว้ให้ฉันอีก”หญิงสาวแอบบ่น


“คุณเสียใจหรือเปล่า”เขาลูบผมยาวสลวยของเธออย่างทะนุถนอม


“ทำไมต้องเสียใจคะในเมื่อสักวัน ฉันก็ต้องเป็นของคุณอยู่ดี” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อและเบือนหน้าหนี


ภาคินัยรู้สึกแปลกใจอะไรบางอย่างที่ผิดคาดไปจากเดิม “ผมคิดว่าคุณจะฟาดหัวฟาดหาง และผมกลัวว่าคุณจะหาว่าผมแอบใส่ยาลงไปให้คุณกินเสียอีก”


สายตาหวานช้อนมองตาคู่คมของคนที่เธอมอบหัวใจฝากไว้นานแล้ว “เพราะฉันเชื่อใจคุณ หลังจากเรื่องของเขมมิกาฉันได้เรียนรู้แล้วว่าความรักอย่างเดียวไม่อาจทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ ความรักต้องเดินไปพร้อมกับความเชื่อใจ คุณไม่จำเป็นต้องวางยาฉันก็ได้เพราะคุณมีโอกาสตลอดเวลาจริงไหมคะ” แววตาแสดงความเชื่อมั่นออกมาอย่างชัดเจน


ภาคินัยโอบร่างบางมากอดเอาไว้แน่น คำพูดของเธอมันทำให้เขารู้สึกตื้นตั้นสิ่งนี้ที่เขาต้องการจากเธอความเชื่อใจกัน


ใบหน้าหล่อคมระบายยิ้ม สีหน้าเบิกบานขึ้นมาทันที “ผมดีใจมากรู้ไหมพีระดาที่คุณเชื่อใจผม ความเชื่อใจกันมันจะทำให้เราครองรักกันไปตลอดรอดฝั่ง”


หญิงสาวกอดตอบและซุกหน้าไปยังอ้อมอกอุ่น รู้สึกถึงกลิ่นไอความรักที่ลอยอบอวลอยู่ทั่วห้อง ความรักที่เดินไปพร้อมกับความเข้าใจ เชื่อใจกัน มันทำให้มีความสุขมากถึงเพียงนี้

ร่างบางผละออกจากการซบอกแกร่งเพื่อมองหน้าเขาได้อย่างถนัด มือเรียวลูบโหนกแก้มของเขารู้สึกพอใจกับใบหน้าหล่อคม เขาจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของเธอ

“เมื่อคืนคุณเองก็คงจะรู้ว่าฉันได้เคยหลอกอะไรคุณเอาไว้”พีระดาหน้าแดง เธอจำฉากเมื่อคืนได้เมื่อเขาแทรกผ่านเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเธอจนแทบจะรวมหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน เธอยังจำสีหน้าตกใจของเขาได้เมื่อรู้ว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์ เรื่องที่เธอหลอกว่าตกเป็นของนายหัวเมฆาเป็นเรื่องโกหก ซึ่งเขาควรจะโกรธเธอที่หลอกลวงเขา เพราะคนอย่างภาคินัยเกลียดที่สุดคือคนโกหกเขาเองกับไม่ได้โวยวายใส่เธอ และเป็นฝ่ายขอโทษเรื่องเมื่อคืนนี้ก่อนด้วยซ้ำไป


“ผมควรจะดีใจที่ได้เป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตคุณไม่ใช่เหรอ ผมคิดว่าผมเข้าใจที่คุณโกหกผมคงเป็นเพราะคุณอยากจะลองใจผมว่ารับคุณได้ไหม และคุณเองก็คงได้รับคำตอบไปแล้ว แต่ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมที่คุณจะโกหกผม”


พีระดารู้สึกตื้นตันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอกังวลมาตลอดว่าหากเขารู้ความจริงว่าเธอโกหกเพื่อลองใจเขาอะไรจะเกิดขึ้น เขาอาจจะโกรธและเกลียดเธอก็ได้

“ฉันสัญญาค่ะภาคินัยว่าต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำลายความรักระหว่างเรา ด้วยการโกหก หลอกลวงคุณอีก”


“ผมรักคุณที่สุดรู้ไหมพีระดา แม้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก แต่จะพยายามทำตัวให้เป็นสามีที่ดีสำหรับคุณ”


กลิ่นไอของความรักโอบล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ เมื่อทั้งสองซบเข้าหากันและกอดกันนิ่งราวกับว่าโลกใบนี้มีเพียงเขาสองคนเท่านั้น

++++++++++++++++++++++++++++













อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2555, 13:24:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2555, 13:24:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 4204





<< ตอนที่ 28   ตอนที่ 30 >>
อัปสรา 18 ก.ค. 2555, 13:58:00 น.
เรื่องนี้ใกล้จบแล้วแต่ยังต้องรีไรต์อีกมากเลยค่ะ ที่สำคัญยังหาชื่อเรื่องเหมาะไม่ได้เลย ใครว่างๆช่วยคิดให้ทีนะคะ


อัปสรา 18 ก.ค. 2555, 13:59:53 น.
แต่ยังไม่ได้จบตอนหน้านะยังต้องมีอุปสรรคอีก ง่ายๆได้ไง


Pampam 18 ก.ค. 2555, 14:16:59 น.
พีระดามาแล้ว ตอนนี้มาสองคู่เลย


Canopus 18 ก.ค. 2555, 14:32:25 น.
อุปสรรคเยอะจัง


กาซะลองพลัดถิ่น 18 ก.ค. 2555, 14:42:22 น.
น่ารักอ่ะ ทั้งสองคู่เลย .....


kaero 18 ก.ค. 2555, 15:14:48 น.
อุปสรรคเพียบบบบบบบบบบบบบ น๊ะคุงนก


อัปสรา 18 ก.ค. 2555, 15:18:07 น.
555 แหม...คุณกบก็ ยากๆหน่อยจะได้เห็นคุณค่ะของความรัก


หมูบูลิน 18 ก.ค. 2555, 15:20:43 น.
น่ารักทั่งสองคู่เลย


อัปสรา 18 ก.ค. 2555, 15:31:45 น.
อยากให้ทั้งสองคู่จบยังไงเสนอความคิดได้นะคะ เพื่อความคิดของคุณนักอ่านที่น่ารักอาจจะไปอยู่ในนิยายก็ได้ค่ะ


konhin 18 ก.ค. 2555, 18:04:44 น.
หวานจริงๆเลยยยยยยย


goldensun 18 ก.ค. 2555, 19:12:34 น.
ลงตัวด้วยดีทั้งสองคู่เลย จบแบบมีเด็กๆ ก็ดูอบอุ่นดีนะคะ ของสองครอบครัวเลยก็ได้


wind 18 ก.ค. 2555, 20:56:37 น.
คู่นายหัวฮามากค่ะ


tam 18 ก.ค. 2555, 21:45:02 น.
อยากเห็นนายหัวมีลูกยั้วเยี้ยค่ะ คงดูน่ารักสุดๆ


อัปสรา 18 ก.ค. 2555, 21:48:18 น.
มารับความคิดเห็นที่เสนอมาน่าสนใจมากนะ แต่ลูกยั้วเยี้ยนี่ 555 สักครึ่งโหลพอไหม


violette 18 ก.ค. 2555, 21:56:48 น.
คู่หลักน่ารัก คู่รองฮาาาาาน่าหยิก อยากเห็นลูกนายหัวด้วยค่ะ คงน่ารักน่าฟัดดี (เอ่อเค้ายังไม่ได้มีอะไรกัน


คิมหันตุ์ 19 ก.ค. 2555, 00:07:22 น.
บร๊ะ คู่รองโรแมนติกดีจัง ฮ่าฮ่า


อัปสรา 19 ก.ค. 2555, 08:12:49 น.
ความคิดที่เสนอมาน่าสนใจมากค่ะจะรวมถขากหลายๆความคิดและจะพยายามเขียนเป็นบทส่งท้ายให้ค่ะ


ยุพากร 19 ก.ค. 2555, 09:45:39 น.
อ่านไปก็เขินไปค่ะ หวานซะ...


lovemuay 19 ก.ค. 2555, 10:28:25 น.
หวานน่ารักกันทั้งสองคู่เลยค่ะ แต่แอบเทใจให้คู่รองเป็นพิเศษ อิอิ


อัปสรา 19 ก.ค. 2555, 10:48:47 น.
อย่าลืมไปลงชื่อลุ้นรับนิยายฟรีกันนะคะ ตอนนี้แจกอยู่ค่ะ


สิรินภา 19 ก.ค. 2555, 14:24:07 น.
น่ารัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account