เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 30

ตอนที่ 30


สองสัปดาห์ผ่านไป ณ ไร่แสงตะวัน จ.ชุมพร


นายหัวเมฆามีท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดผ่านห้องพยาบาลหลายรอบแล้วในวันนี้ พร้อมกับลอบมองเข้าไปในห้องพยาบาลอยู่หลายครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น


“จะป่วยอะไรกันนักกันหนาทำไมต้องป่วยกันเฉพาะวันพุธ กับวันศุกร์ด้วย เห็นพยาบาลหน้าตาสวยๆมาเข้าเวรหน่อยล่ะไม่ได้เชียว ไอ้พวกนี้ต้องป่วยทุกทีไป เดี๋ยวพ่อจะหักเงินเดือนให้เข็ด”

“นายหัวคะ นายหัว”


เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลังเขาจึงหันกลับไปมอง


“เป็นอะไรไปคะนายหัว แล้วนายหัวมาทำอะไรแถวนี้คะ” เลขาแก้มถาม และมองเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาสงสัย ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ รู้สึกนายของเธอจะป่วยบ่อยชอบเรียกหาพยาบาลอยู่เรื่อย


“เปล่านี่ ผมก็แค่ปวดหัว กะจะมาขอยาพยาบาลกินสักหน่อย”


เลขาสาวสบตาเจ้านาย “แน่ใจเหรอคะนายหัว แล้วทำไมไม่บอกแก้มคะ แก้มจะได้มาเอายาให้ ไม่เห็นต้องลงมาเอง”


“ก็ผมเห็นคุณงานยุ่งก็เลยไม่กล้ารบกวน”


“แก้มยุ่งตรงไหนวันนี้ออกจะว่าง และคนอย่างนายหัวน่ะเหรอคะที่ไม่กล้าใช้งานแก้ม” เลขาสาวแสดงสายตาไม่เชื่อ


“ตกลงว่างมากใช่ไหมคุณแก้ม ไปเลยไปหาเอกสารเกี่ยวกับยอดผลิตและยอดส่งออกตั้งแต่ปี่ 2525 จนถึง ปี2555 ว่าไร่ของเราผลิตได้เท่าไหร่ ส่งขายในแต่ละปีเป็นจำนวนกี่ตัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขายให้กับที่ไหนไปบ้างขอข้อมูลด่วนก่อนห้าโมงเย็น”


“อะไรนะคะ! นายหัวขาให้หาข้อมูลเยอะขนาดนี้ให้เวลาแค่ครึ่งวันมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอคะ แก้มจะทำทันได้ยังไง”


“ก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าว่าง ตอนนี้ไม่ว่างแล้วใช่ไหมรีบไปเลย ไปทำงาน” นายหัวเมฆาจับเลขาสาวพลิกหันหลังและดันให้เดินกลับไปทำงาน

แต่ภาพที่พยาบาลสาวมองลอดออกมาจากหน้าต่างห้องพยาบาลเป็นภาพนายหัวเมฆากำลังกอดเลขาสาว จากทางด้านหลัง วูบหนึ่งสายตาของพยาบาลคนสวยแสดงสายตาตะลึงปนน้อยใจ ก่อนจะรู้สึกว่าคนไข้กำลังมองเธอยู่จึงรีบหันไปจ่ายยา


“ขอโทษนะคะ นี่ค่ะ ยาแก้ปวดท้องของคุณ” พยาบาลสาวส่งยาให้


“คือผมปวดหัวครับนางพยาบาล แต่ไม่เป็นไรผมกินได้” คนไข้ผิวเข้มพูดภาษาทองแดงเขาไม่ได้ปวดหัวจริงๆ แค่อยากมานั่งมองหน้าพยาบาลคนสวยเท่านั้น ก่อนจะยื่นมือมารับซองยาแก้ปวดท้อง


พยาบาลสาวดึงซองยาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้นะคะ จะกินเข้าไปได้ยังไงคะยามันไม่ตรงกับโรคที่คุณเป็น” สุชาวีตำหนิตัวเองที่ใจลอยเพราะมองนายหัวเมฆา จนเกือบจะจ่ายยาผิดให้คนไข้


“ยาอะไรก็กินได้หากได้รับจากมือคุณพยาบาล”


“เอ็งแกล้งป่วยนี่หว่า” ชายหนุ่มผิวคล้ำกร้านแดดที่นั่งอยู่ติดกันหันมาส่งภาษาใต้ต่อว่าเพื่อนต่อหน้าพยาบาลสาว

“เอ็งก็ด้วยไอ้แหวง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเอ็งเป็นไข้”คนถูกหาว่าแกล้งป่วยก็โต้กลับเพื่อนที่มาจับผิด


“ข้าเป็นไข้จริงๆนะเว้ยไอ้ไข่นุ้ย เป็นไข้ใจนะครับพยาบาลคนสวย” คนพูดทำหน้าตาเคลิ้มสบตาพยาบาล สุชาวีขำท่าทางของเขาแต่ไม่กล้าหัวเราะกลัวจะเสียมารยาท


“เอาล่ะค่ะ หยุดเถียงกันได้แล้วทั้งสองคน เดี๋ยวพยาบาลจะฉีดยาให้คนละสองเข็ม รับรองว่าหายทุกโรค” พยาบาลยิ้มหวานให้พร้อมกับหันไปหยิบเข็มฉีดยา


คนไข้ทั้งสองทำหน้าเหวอและมองหน้ากัน


“มันน้อยไปฉีดยาไม่หายหรอก มันต้องแบบนี้ถึงจะหาย ไอ้พวกแกล้งป่วยทั้งหลายมาให้เตะสักทีสิ”นายหัวเมฆาที่เปิดประตูเข้ามาไร่เตะลูกน้อง แต่ไม่มีใครในไร่นี้ที่คิดจะโกรธนายหัวของพวกเขาหรอก ชายสองคนจึงรีบวิ่งหนีนายหัวหนีกลับไปทำงานในไร่เหมือนเดิม


“ผมหายแล้วครับนายหัว”ชายทั้งสองรีบบอกพร้อมกับวิ่งหนีเจ้านายกันจ้าละหวั่น


“ผมกลัวแล้วครับนาย”


“ไปให้พ้นหน้าเลยนะโว้ย ไอ้พวกสำออย งานมีไม่ทำเอาแต่มานั่งเฝ้าพยาบาล”


“ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะนายหัว”พยาบาลทำเสียงดุใส่


“น้อยไป ไอ้พวกนี้มันป่วยจริงๆที่ไหนคุณก็รู้”


“ก็เหมือนคนบางคนแถวๆนี้ใช่ไหมคะ มาหาที่ไรไม่เห็นจะป่วยสักที ก็ป่วยการเมืองเหมือนกันนั่นแหละทั้งเจ้านายและลูกน้อง”


“ผมโกหกตรงไหน ก็ผมไม่ได้ป่วยกาย แต่ป่วยที่ใจต่างหาก”นายหัวเมฆาจิ้มไปที่หน้าอกตัวเอง จนพยาบาลสาวหน้าแดง


จากนั้นนายหัวเมฆาก็รีบเดินไปล็อคประตูห้องพยาบาล และเอาม่านที่หน้าต่างลงทันทีกันสายตาคนที่ชอบแอบมองพยาบาลผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง


“จะทำอะไรคะ”


“ไม่ปล้ำคุณในนี้หรอกเตียงมันแคบและไม่นุ่มพอ สปริงก็ไม่มี”


“นายหัว!”สุชาวีทำหน้าดุใส่ พร้อมทั้งตีที่แขน“พูดอะไรน่าเกลียดจริง”


“ สุชาวีผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะทำไมไม่บอกทุกคนไปว่าเราคบกันเป็นแฟน” นายหัวเมฆานั่งที่เก้าอี้สำหรับผู้ป่วยด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์


“ฉันไม่อยากให้คนอื่นเขามองว่าฉันมาจับคุณ เวลามันสั้นเกินไปค่ะแค่ไปกรุงเทพฯด้วยกันไม่กี่อาทิตย์กลับมาเป็นแฟนกันเสียแล้ว”


“ใครจะไปสนใจล่ะ ใครจะมองจะเมาท์ก็ช่างหัวมัน ผมไม่แคร์”เขายักไหล่


“ใจเย็นๆสิคะ นายหัวเราไม่เห็นจะต้องรีบร้อนไปบอกใครว่าเราคบกัน”


“ไม่ได้รีบร้อนแต่ผมรีบเร่ง นี่ก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ลูกเต้าผมก็ยังไม่มี กว่าลูกจะโตไม่แก่เลยเหรอ”ทั้งที่เมื่อก่อนเขากลัวที่สุดว่าจะมีหญิงสาวมาอ้างว่าเป็นพ่อของลูกจนเขาต้องพกถุงยางอนามัยติดเอาไว้เสมอ


พยาบาลสาวหน้าแดงจัด กลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้ว่านายหัวเมฆาวางโครงการเอาไว้ไกลแค่ไหน

“คุณคิดไกลถึงขั้นแต่งงานกับฉันแล้วเหรอคะ”


เหมือนคำพูดของเธอจะสร้างความไม่พอใจให้กับเขาอย่างมากจากสีหน้าที่แสดงออก นายหัวเมฆาลุกขึ้นเต็มความสูง

“ผมจริงใจกับคุณ และคุณล่ะจริงจังกับผมบ้างไหม ทำไมถึงได้ถามออกมาแบบนี้”จากนั้นร่างสูงก็หยิบหมวกเปิดประตูเดินออกไปทันทีสร้างความมึนงงให้กับหญิงสาว

“อะไรของเขา นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป นายหัวเองนั่นแหละที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังรอบตัวไปหมดทำให้ฉันไม่กล้าคิดไกลไปถึงขั้นนั้น”แม้สุชาวีอยากจะให้มีวันนั้นก็ตาม

+++++++++++++++++

ข่าวประกาศแต่งงานของนางแบบสุดฮ็อตกับนักเขียนหนุ่มคนดังเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน และตอนนี้นายหัวเมฆาก็กำลังนั่งอ่านอยู่ ยิ่งเห็นว่าใครที่เขาให้คนงานไปตามกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาก็รีบกดโทรศัพท์มือถือและหันหลังให้ทันทีแบบมีแผนการ


“ผมยินดีด้วยนะครับที่คุณกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่คุณรัก เขาเป็นผู้ชายที่โชคดีมากและน่าอิจฉาที่สุด”


ปลายสายยิ้มสดใส และชำเรืองมองแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่


“ขอบคุณมากค่ะ แล้วไม่ทราบว่านายหัวจะมาร่วมงานแต่งงานของฉันได้หรือเปล่าคะ การ์ดเชิญฉันส่งไปให้แล้วนะคะ”


“ผมได้รับแล้วนะเมื่อวานนี้เอง การ์ดสวยมาก แอบอิจฉาเจ้าบ่าวที่โชคดีได้แต่งงานกับผู้หญิงที่น่ารักแบบคุณ”


“วันนี้เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะนายหัว” ปกติเขาไม่เคยหยอดคำหวานกับเธอมานานแล้ว


“สุชาวีมา” เขากระซิบเบาๆกรอกเข้าไปในโทรศัพท์


“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ระวังนะคะยั่วเขามากเขาหนีไปและจะมานั่งเสียใจที่หลัง”


“ลูกไก่ในกำมือ”นายหัวตอบ สุชาวีได้ยินแต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน


หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นนายหัวเมฆา เมื่อหมดสิทธิ์จะเป็นเจ้าของหัวใจของหญิงสาว และเขาเองก็เริ่มรู้ตัวว่าเขารักใครกันแน่ ไม่ได้ทำให้นายหัวเมฆาเลิกติดต่อหรือเฉยเมยกับพีระดา เพราะเขาเปลี่ยนสถานะเธอเป็นเพื่อนที่ดี เขาชอบที่จะมีเพื่อนน่ารัก พูดตรงไปตรงมาแบบเธอ ทั้งสองยังติดต่อกัน ทางอีเมลล์บ้าง โทรศัพท์บ้าง ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาเพื่อนที่รู้จักกัและมีสัมพันธ์ภาพที่ดี


“อันที่จริงผมอยากไปแสดงความยินดีกับคุณมากนะพีระดา แต่ว่างานในไร่มันรัดตัวจริงๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต และที่สำคัญบริษัทต่างชาติลูกค้ารายใหม่ของเรา ขอเข้ามาเยี่ยมที่ไร่บางทีผมอาจจะไม่ได้ไปงานแต่งงานของคุณ แต่ผมอยากจะชวนคุณมาฮันนีมูลที่ไร่ของผม คุณเคยชมว่ามันสวยไม่ใช่เหรอ” เขาพูดทุกอย่างจากใจเพราะเห็นพีระดาเป็นเพื่อนไม่ได้คิดเกินเลยกว่านั้นแล้ว แต่จงใจให้คนที่ยืนฟังอยู่ได้ยินเพราะหวังผลอะไรบางอย่าง


ที่ไม่ไปร่วมงานแต่งของคุณพีระดาคงเพราะยังทำใจไม่ได้ล่ะสิ พยาบาลสาวแอบค้านในใจ น้อยใจอยู่ลึกๆขนาดเขารับรู้การเข้ามาของเธอยังไม่หันกลับมามอง เอาแต่คุยกับคนไกลตัว


“ฉันจะลองปรึกษากับภาคินัยเขาดูนะคะ ฉันยอมรับว่าชอบไร่ของคุณมากและตั้งใจจะฮันนีมูลที่เมืองไทยค่ะ”


“ผมจะยินดีอย่างยิ่ง หากคุณมาฮันนีมูลที่ไร่ของผม และขออาสาเป็นไกด์ให้พวกคุณเอง”


สุชาวีที่ยืนอยู่นานแล้วและไม่เห็นว่านายหัวเมฆาจะมีสายตามามองเธอเลย ถอยหลังเตรียมจะเดินกลับอารามน้อยใจ นายหัวเมฆาใช้หางตาชำเรืองมองและยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างมีแผน


“แค่นี้ก่อนนะครับพีระดา คนงานในไร่มารอพบผมขอทำธุระก่อน หวังว่าเราคงได้พบกันเร็วๆนี้” เขารีบวางสายและหันกลับมามองสุชาวีที่กำลังเปิดประตูออกไป


“จะไปไหน มานั่งนี่ก่อน”


สุชาวีหันกลับมามอง “ฉันคิดว่าคุณกำลังติดธุระคงไม่เหมาะหากฉันมายืนฟังอยู่แบบนี้”


“แค่นั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วเข้ม


พยาบาลสาวถอนหายใจ พยายมปรับสีหน้าที่หม่นเศร้าให้เป็นปกติ “คุณเรียกฉันขึ้นมาพบที่นี่มีอะไรหรือเปล่า”


“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมไม่มีสิทธิ์จะพบหน้าคุณเลยใช่ไหม” ตั้งแต่ที่มีเรื่องผิดใจกันที่ห้องพยาบาล ทั้งสองก็ยังไม่ได้คุยกันดีๆ เลยสักครั้ง เหมือนนายหัวกำลังมีอาการน้อยใจสุชาวีอยู่แต่ซ่อนเอาไว้ไม่ยอมเปิดเผย


“ก็ปกติก็ไม่มีอะไรจะคุยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” สุชาวีมีสีหน้าหมางเมิน


“ใช่น่ะสิ คุณพยาบาลคงไม่มีเวลามากนักรอก ก็วันๆมีแต่คนไข้ป่วยเป็นโรคหัวใจอ่อนแอ ต่อคิวมาให้ดูอการไม่รู้เท่าไหร่” คนพูดไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองรวมอยู่ในนั้นด้วย


“ค่ะ”เธอตอบสั้นๆไม่อยากโต้เถียง


ตั้งแต่กลับมาที่ไร่ นายหัวเมฆาไม่ค่อยมีโอกาสใกล้ชิดสุชาวีเลย ทำให้หงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง


“ถ้าเวลาน้อยนักก็ลาออกจากงานประจำมาทำงานที่ไร่ของผมอย่างเดียวก็พอ ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่จะกี่แสนผมก็มีเงินจ้างคุณ” เขาเลิกคิ้วสูง


พูดเรื่องเงินแบบนี้สุชาวีเริ่มไม่พอใจ อีกอย่างเธอก็ใช้หนี้บัตรเครดิตที่แฟนเก่าแอบขโมยไปกดเล่นพนันบอลหมดแล้ว เพราะได้รับเช็คค่าเดินแบบที่ส่งมาให้เมื่อหลายวันก่อน แถมสุชาวียังถูกคุณมาเรีย ดีไซน์เนอร์ดังที่ไปเดินแบบให้ มาเรียชวนให้เธอไปเป็นนางแบบอาชีพเพราะเห็นว่าหน่วยการของเธอเหมาะที่จะ เป็นนางแบบอาชีพได้สบายมีแวรุ่ง มาเรียจะฝากเธอให้เข้าสังกัดของเพื่อนสนิท ที่นางแบบดังหลายคนสังกัดอยู่ แต่สุชาวีปฏิเสธไปแล้ว


“ถ้านายหัวไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวพอดีมีคนไข้มานอนที่ห้องพยาบาล มีไข้สูงด้วยฉันจะรีบไปดู”


คนตัวใหญ่ แต่ขี้ใจน้อยในเรื่องความรักไม่พอใจมาก แต่เก็บอาการ และสีหน้า


“เบื่อหน้าผมมากนัก ก็รีบไปเถอะ”ใครวะใครแอบไปนอนห้องพยาบาล ถ้าป่วยการเมื่องเพ่อจะเตะให้ลืมโลกเลยเขากำลังอาละวาดโวยวายอยู่ในใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ภาคินัยหยุดมือจากการเขียนนิยาย เขาเดินมาโอบไหล่พีระดาและดึงร่างบางเข้าหาตัวกอดกระชับเอาไว้และทอดสายตาอบอุ่นมองเธอ


“เมื่อครู่คุณคุยกับใคร แว่วๆว่าพูดถึงเรื่องฮันนีมูนของเราด้วย ตกลงคุณเลือกได้หรือยังว่าอยากไปฮันนีมูลที่ไหนหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งงานของเรา”


หญิงสาวกอดตอบแขนเรียวกอดเอวของเขา“ฉันคุยกับนายหัวเมฆาค่ะ เขาชวน

ให้เราไปฮันนีมูลที่ไร่ของเขา และจะอาสาเป็นไกด์ให้ด้วย”


ภาคินัยหยักยิ้ม “ไอ้ล่ำ มันมายุ่งกับคุณอีกแล้วเหรอ” ถึงแม้เขาจะไม่ได้โกรธเคื่องนายหัวเมฆาเท่ากับเมื่อก่อนเมื่อรู้จากปากของพีระดาว่าตลอดเวลาที่ไปอยู่ที่นั่นนายหัวเมฆาไม่เคยล่วงเกินเธอเลย ที่เขาลักพาตัวเธอไปเพราะเข้าใจผิด แต่จะให้รักให้ชอบเห็นทีเขาคงทำใจยาก


“อย่าเรียกเพื่อนฉันแบบนั้นได้ไหมคะ ไหนว่าเข้าใจดีแล้ว”


“เข้าใจ แต่จะให้ชอบหน้ามันด้วยสงสัยจะยาก”


“ที่จริงเขาเป็นคนดีมากนะคะ อีกอย่างเขาก็เป็นแฟนกับพยาบาลสาวคนนั้น ที่ชื่อสุชาวี แฟนคลับตัวยงของคุณไม่ใช่เหรอ”


ภาคินัยนึกถึงใบหน้าพยาบาลสาวตาหวาน หน้าคม คนสวย “จริงสินะเดือนนี้ยังไม่ได้ส่งนิยายไปให้อ่านเดี๋ยวคงได้โทรมาทวง” เขาเองเห็นเธอเป็นเพื่อนมากกว่าแฟนคลับทั่วไป ยอมรับว่าถูกใจนิสัยของเธอ


“เธอไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยว่าคบหาดูใจกับไอ้ล่ำอยู่ ว่าแต่สุชาวีคิดดีแล้วเหรอไปเป็นแฟนกับมัน อารมณ์ไม่ดีมันอาจจะกระโดดกัดคอเอาก็ได้ ผมว่ามันดูบ้าๆนะคุณ”


“ภาคินัยคะ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าวิจารณ์เพื่อนฉันในแง่ลบอีก” พีระดาทำสีหน้างอน ภาคินัยจึงต้องฉีกยิ้มยอมเลิกพูดเรื่องนี้ไป


“ก็ได้ผมไม่ว่ามัน...เอ้ย...เขาก็ได้แต่ถ้ามันคิดกับคุณมากกว่าเพื่อนอีกเมื่อไหร่ มันตายแน่....”


หญิงสาวส่ายหน้า “มันไม่ทางจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกค่ะ เขาเจอคนที่เขารักจริงและอยากอยู่ด้วยแล้วสำหรับฉันเขาแค่หลงรัก แต่ไม่ได้รักจริงๆหรอก”


“คุณรู้ใจมันได้ยังไง”


“ฉันไม่รู้ใจเขาหรอกค่ะที่รัก แต่สัญชาติญาณของผู้หญิงจะบอกเราได้ว่าผู้ชายคนในรักเราจริง”


“และคนไหนล่ะ” ภาคินัยก้มหน้ามาสบตาหวาน


“ก็คนที่กำลังมองหน้าฉันอยู่ตอนนี้ไง” ภาคินัยยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะกดริมฝีปากหยักร้อนบดเบียดกับริมฝีปากนุ่มของคนรัก พร้อมกระซิบคำว่า ผมรักคุณที่ข้างหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรักและความจริงใจ


“ภาคินัยคะ เราไปเยี่ยมคุณเขมมิกากันดีไหม”


“ผมสารภาพตามตรงว่าอยากไปเยี่ยมเขมมิกาจริงๆ เธอน่าสงสารมากอย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่ผมเคยรู้จัก”


“เมื่อก่อนฉันยอมรับตามตรงว่าไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นข่าวของเธอมันก็ทำให้ฉันรู้สึกสงสารเธอค่ะ เรื่องแบบนี้มันหนักมากสำหรับผู้หญิง”


“แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขมมิกาทำตัวเอง แต่ยังไงซะผมก็อยากไปให้กำลังใจเขมมิกาอยู่ดี เพราะผมคิดว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรจะดีกว่าการให้กำลังใจเพื่อที่เธอจะยืนหยัดลุกขึ้นมาและก้าวผ่านมันไป”


“ฉันจะไปเยี่ยมเธอพร้อมกับคุณค่ะ”สายตาของพีระดามองคนรักอย่างชื่นชม ไม่ได้มีความรู้สึกหึงหวง


มีข่าวลือว่าเธอเป็นภรรยาลับๆของนักการเมืองดังและถูกภรรยาหลวงตามไปพบและปลิดชีพสามีตัวเองด้วยการจ่อยิงอย่างเหี้ยมโหดเพราะบันดาลโทสะ จนนักการเมืองคนดังเสียชีวิตซึ่งก็เป็นข่าวใหญ่แต่ในข่าวไม่ได้ระบุชื่อของหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นภรรยาอย่างลับๆมีเพียงข่าวลือหนาหูว่าผู้หญิงคนนั้นคือเขมมิกานางแบบชื่อดังอีกคนของเมืองไทย


แต่ข่าวฉาวกว่านั้นคือคลิปหลุดของเขมมิกาถูกมือดีที่ไหนก็ไม่รู้เอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว คลิปนั้นเห็นหน้าตาของนางแบบสาวชัดเจนมากกำลังมีสัมพันธ์สวาทเผ็ดร้อนกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนชื่อดังแถบตะเข็บชายแดน สร้างความเสื่อมเสียให้หญิงสาวจนถูกยกเลิกงานเดินแบบเกือบทั้งหมด รวมถึงพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเธอก็ถูกถอนตัวออกเขมมิกาจึงอยู่ในสภาพกำลังตกอัพ เพื่อนฝูงในวงการพากันหนีหน้า แม่แต่นีรนารถเพื่อนสนิทที่สุดของเขมมิกาที่เป็นสาวไฮโซตระกูลดังก็ออกข่าวว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของเธอและขอตัดสัมพันธ์กับเขมมิกาอย่างถาวร



++++++++++++++++++++++


ที่คอนโดเก่าๆที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยลึกย่านสาธร ภาคินัยสืบทราบมาว่าเขมมิกาย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดหรูที่เธอเคยพักอาศัย


“แน่ใจเหรอคะภาคินัยว่ามันเป็นที่นี่จริงๆ” สภาพแวดล้อมบริเวณคอนโดเสื่อมโทรมมาก มันดูเหมือนชุมชนแออัดสายตาหลายคู่มองมาที่พีระดาราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่หล่นมาจากฟ้า ภาคินัยคิดว่าหากหญิงสาวมาที่นี่เพียงคนเดียวคงต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน โชคดีที่เธอชวนเขามาไม่ได้แอบมาคนเดียว และทำให้คิดถึงเขมมิกาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่


ด้วยความที่เป็นเสือยิ้มยากหากไม่ได้อยู่กับคนสนิททำให้บุคลิกของเขาหากไม่ยิ้มจะดูเคร่งขรึม ดูน่าเกรงขามและภาคินัยก็ใจนักเลงพอตัวผู้ชายหลายคน ผู้ชายหลายคนที่นั่งอยู่ตามราวบันไดทางขึ้นคอนโดเก่าๆแห่งนี้จึงได้แต่มองตามพีระดาไปอย่างเสียดายแต่ไม่กล้าทำอะไรมากกว่าการมอง


“เขมมิกาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันน่ากลัวเหลือเกิน”


“นั่นน่ะสิ” ภาคินัยขมวดคิ้วเข้มรู้สึกสงสารในโชคชะตาหญิงสาว


ห้องพักหมายเลข 415 ภาคินัยทราบมาว่าคือห้องที่เขมมิกามาพักอยู่


“นีรานารถได้โปรดเถอะนะเพื่อนรัก ฉันมีเมื่อไหร่จะหามาคืนเธอทันที เธอก็รู้นี่ตอนนี้ไม่มีใครจ้างฉันเดินแบบเลย” เสียงอ้อนวอนของหญิงสาวดังแว่วออกมาพีระดาสบตากับภาคินัย


จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกเบาๆออกมา ทั้งสองคนจึงตัดสินใจเคาะประตู สักพักหนึ่งประตูถูกเปิดออกอย่างแง้มๆและเมื่อเขมมิกาเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบปิดประตูทันทีด้วยความอายที่ตนเองตกต่ำถึงขีดสุด แต่ว่าภาคินัยกับกระชากประตูเอาไว้ได้ทันและแทรกตัวเข้าไป และดึงมือพีระดาตามเข้าไปด้วย


สภาพที่เห็นไม่น่าเชื่อในเวลาไม่ถึงเดือนผู้หญิงที่เคยสวยจัดอย่างเขมมิกาจะโทรมได้รวเร็วขนาดนี้ ความเป็นอยู่เธอแย่มากเขาพอรู้ว่าเธอเล่นการพนัน แต่ไม่คิดว่าตอนนี้จะไม่เหลืออะไรเลยภายในห้องนั้นกวาดตาทีเดียวก็เห็นทั้งหมดมันเป็นห้องโล่งๆสีผนังเหลืองอ่อนๆซีดจางและร่อนออกเป็นแผ่น ไม่มีห้องนอนมีเพียงห้องน้ำเล็กๆเท่านั้น


เขมมิกาทรุดตัวลงก้มหน้าและร้องไห้อย่างหมดอาย “มาสมน้ำหน้าฉันถึงที่นี่เลยเหรอ”


“เขมมิกาผมไม่ได้มาสมน้ำหน้าคุณ แต่ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกว่าผมเชื่อว่าคุณจะต้องผ่านมันไปได้ คุณยังมีผมที่เป็นห่วงและพร้อมจะเป็นเพื่อนคุณตลอดไป”


สายตาของชายหนุ่มแสดงถึงความจริงใจอย่างชัดเจน เขมมิกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เธอหลงรักมาตลอดแต่รู้ดีว่าเขาช่างห่างไกลเธอไปทุกทีจนตอนนี้เธอล้มเลิกความคิดที่จะดึงเขากลับมาแล้ว


“คุณช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก กลับไปเสียเถอะ พีระดาเธอคงซะใจที่เห็นสภาพฉันเป็นแบบนี้”เขมมิกามองหน้าพีระดาอย่างไม่พอใจ และกลับมามองตัวเองจากนั้นน้ำตาของเธอก็เอ่อล้นไหลออกมา


“เขมมิกาฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนฉันไม่ชอบเธอ จะว่าเกลียดก็ได้นะ”


“พีระดา!”ภาคินัยสะกิดแฟนสาว


“ช่างเถอะน่า คนบางคนมันก็ต้องโดนซะบ้างจะได้เลิกเอาแต่หนี และลุกขึ้นมาสู้ เพราะเคยสบายจนเคยตัวพอลำบากหน่อยก็คิดว่าตัวเองลำบากที่สุดในโลกแล้ว แต่ไม่เคยมองว่ามีคนอีกมากที่ลำบากกว่า ทุกข์กว่า”


“ให้มาช่วยปลอบไม่ได้ให้มาด่าเขา”ภาคินัยกระซิบ


“วันนี้ฉันขอสักวันนะคะ”


“ถ้าเธอจะมาซ้ำกลับไปเถอะ ก็เธอมันโชคดีทุกอย่างนี่พีระดา ทั้งความรัก ทั้งเรื่องงาน เธอไม่ได้เป็นเหมือนฉัน เธอยังใจดำมาด่าว่าฉันอีกเหรอ” เขมมิการ้องไห้อย่างหนัก


พีระดาเดินเข้าไปกระชากแขนเขมมิกาให้ลุกขึ้นยืนจากนั้นฉุดรั้งเขมมิกาให้ออกไปยืนที่หน้าต่าง


“นี่ปล่อยฉันนะ เธอจะทำอะไรฉัน จะฆ่ากันเหรอ”เขมมิกากรีดร้องสะบัดข้อมือจากพีระดา ส่วนภาคินัยก็ตะลึงกับอาการของแฟนสาว


“พีระดา คุณจะทำอะไรเขา”


“ฉันไม่ได้จับผู้หญิงขี้แยคนนี้โยนออกหน้าต่างหรอก แต่อยากให้มองออกไปข้างนอกบ้างว่ามีคนที่ทุกข์และลำบากกว่าเธอมากเท่าไหร่ไม่ใช่เอาแต่หมกตัวร้องไห้ เห็นแล้วรำคาญตา” พีระดาจับใบหน้าของอดีตนางแบบเคยดังให้มองออกไปที่นอกหน้าต่าง


เขมมิกาเห็นภาพผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งแต่งตัวมอซอ ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับไม่ได้อาบน้ำมาเนิ่นนานเดินเก็บขยะอยู่ข้างทาง ผู้หญิงคนนั้นพยายามหากิ่งไม้ยาวๆเขี่ยกระป๋องน้ำอัดลมที่คนกินหมดแล้วโยทิ้งขึ้นมา เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมาได้แวบหนึ่งกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้าคล้ำเหี่ยวย่นก่อนจะใส่กระซอบเก่าๆและก้าวเดินต่อไป


“ผู้หญิงคนนั้นเขาเก็บขยะขายเขาลำบากกว่าเธอมาก อายุก็มากแล้วไม่ได้สาวสวยเหมือนเธอ ความรู้คงจะไม่มีจะไปสมัครงานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ และเธอล่ะเขมมิกา เธอยังสาว ยังสวย อย่างน้อยเธอก็จบปริญญาตรีมาไม่ใช่เหรอ เธอทำได้มากกว่าการเก็บขยะขายจะกลัวอะไรนักหนา ดูผู้ชายคนนั้นสิ”พีระดาชี้ไปที่ผู้ชายขาด้วนกำลังเดินขายล็อตตาลี่มีเพียงไม้เท้าเก่ากับแผงล็อตตาลี่ที่เขาถือเอาไว้ราวกับเป็นสมบัติอันมีค่าเดินเร่ขายไปตามซอย หน้าตาของเขายิ้มแย้มแจ่มใส


“เขามีขาแค่ข้างเดียว แล้วเธอล่ะมีขากี่ข้างเรื่องที่เธอเจอครั้งนี้มันทำให้ขาของเธอขาดด้วยหรือเปล่า”


เขมมิกก้มมองสองขาของตนพร้อมส่ายหน้า มือเรียวปาดหยดน้ำตา


“ขาเธอไม่ได้ขาด และขาเธอยังดีอยู่และขาของเเธอก็สวยกว่าคนทั่วไปอีกมากจะกลัวอะไรกับการก้าวเดินต่อไป คนพวกนั้นเขาทุกข์มากกว่าเธอไม่รู้กี่ร้อยเท่า”


“แต่ฉัน... เธอไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก”


“แน่นอนฉันไม่อยากเป็นเธอหรอก แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ได้เขมมิกา”


“จะมีใครให้งานฉันทำ แม้แต่เพื่อนรักยังตัดขาดฉัน แค่ฉันขอยืมเงินสักห้าร้อยเขายังไม่ยอม”


“เพราะคนๆนั้นเขาไม่ใช่เพื่อนแท้ของเธอ นี่ไงความโชคดีที่มาพร้อมกับความโชคร้าย อย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนั้นเขาไม่ได้จริงใจกับเธอ”


เขมมิกาหยุดฟังก่อจะสะอื้นไห้และกอดพีระดาเอาไว้แน่น หญิงสาวจึงลูบหลังเขมมิกาเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ


“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมากอดกับเธอได้เขมมิกา”พีระดาระบายยิ้มหวานไม่เคยคิดว่าตัวเองเอาชนะเขมมิกาได้เลยสิ่งที่เธอชนะคือชนะใจตัวเอง


“พีระดา ก่อนหน้านี่ฉันก็เกลียดเธอมากและคิดร้ายกับเธอ ไม่คิดเลยว่าคนที่เกลียดเข้าใส่อย่างเธอจะทำให้ฉันได้สติ”จากนั้นเขมมิกาก็ร้องไห้ซบไหล่พีระดาโดยที่อีกฝ่ายตบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ


ภาคินัยอมยิ้มเขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆเขาหยิบเช็คใบหนึ่งขึ้นมาเซ็นเงินจำนวนนี้พอจะให้เพื่อนของเขาคนหนึ่งลุกขึ้นมาตั้งหลักประกอบอาชีพสุจริตได้ไม่ยากนัก เขาคิดว่าเขมมิกาต้องเข้าใจความหวังดีของเขา
+++++++++++++++++++++++++++++++++














อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2555, 15:25:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2555, 15:25:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 4155





<< ตอนที่ 29   ตอนที่ 31 >>
อัปสรา 19 ก.ค. 2555, 15:36:25 น.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเขียนโดยไม่มีบทเลิฟซีนเลยค่ะ อยากรู้ว่าคนอ่านรู้สึกอย่างไรบ้าง


Canopus 19 ก.ค. 2555, 15:59:55 น.
เนื้อเรื่องก็โรแมนติค น่ารักดีเลิฟซีนบางครั้งก็ไม่จำเป็นนะถ้าอ่านแล้วสนุกน่าติดตาม ที่สำคัญถ้าเดาตอนจบยากยิ่งดี


สิรินภา 19 ก.ค. 2555, 16:03:15 น.
สนุก


tam 19 ก.ค. 2555, 16:14:01 น.
นายหัวซื่อบื้อ ใครเป็นลูกไก่กันแน่^^
นิยายดีๆอ่านสนุกไม่จำเป็นต้องมีเลิฟซีนค่ะ แบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้วค่ะ ชอบๆ^^


Pampam 19 ก.ค. 2555, 16:29:10 น.
อ่านสนุกดีค่ะชอบคู่นายหัวกับคุณพยาบาลตลกดี


goldensun 19 ก.ค. 2555, 16:40:53 น.
ไม่เป็นไรเลย สำหรับเลิฟซีน เนื้อเรื่องสนุก ก็ตามติดหนึบแล้วค่ะ
ขำๆ กับปากภาคินัย ปากหยักร้อน ปากร้อนหรือคะ
นายหัวตรงขนาดนี้ คุณพยาบาลยังไม่ยอมเชื่ออีก แถมมีคิดเอาเอง มีงอน
ข้างนายหัวก็เจ้าเล่ห์ซะด้วย
ชอบที่พีระดาชี้ให้เขมมิกาเห็นความจริงของชีวิตจัง ในความโชคร้ายของเขมซึ่งตัวเขมเองมีส่วนทำให้เกิด ก็ยังถือว่าเป็นโชคดีที่ภาคินัยและพีระดาไม่ถือโทษ พร้อมที่จะเป็นเพื่อนและเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อ


คิมหันตุ์ 19 ก.ค. 2555, 17:41:12 น.
สงสารนายหัวจริงๆ...ห้าห้า


konhin 19 ก.ค. 2555, 18:14:56 น.
นายหัวก็ต้องพิสูจน์ต่อไป ก็ประวัติมันฟ้อง


lovemuay 19 ก.ค. 2555, 19:22:13 น.
น่ารักออกค่ะ เลิฟซีนเท่านี้เราว่าพอแล้วค่ะ อิอิ


invisible 19 ก.ค. 2555, 20:05:34 น.
สนุกดีค่ะ


wane 19 ก.ค. 2555, 22:51:41 น.
เนื้อเรื่องสนุกมากค๊า ...น่ารักกุ๊กกิ๊ก ฮาจิกกัด ..มันก็เลยทำให้ลงตัวดีแล้วค๊า


อัปสรา 19 ก.ค. 2555, 22:56:10 น.
ขอบคุณมากค่ะ


violette 19 ก.ค. 2555, 23:06:55 น.
ดีออกค่ะ ไม่ต้องมีก็ได้เนอะเลิฟซีน
ปล.ฮันนีมูน นะคะ


แพม 19 ก.ค. 2555, 23:46:48 น.
นั่นแหละนะ


sirynth 20 ก.ค. 2555, 12:46:42 น.
sanook mak & narak, love both couple.


kaero 21 ก.ค. 2555, 12:41:37 น.
ดีค่ะ อ่านแบบไม่มีเลิฟซีนบ้าง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account