เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 30
ตอนที่ 30
สองสัปดาห์ผ่านไป ณ ไร่แสงตะวัน จ.ชุมพร
นายหัวเมฆามีท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดผ่านห้องพยาบาลหลายรอบแล้วในวันนี้ พร้อมกับลอบมองเข้าไปในห้องพยาบาลอยู่หลายครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“จะป่วยอะไรกันนักกันหนาทำไมต้องป่วยกันเฉพาะวันพุธ กับวันศุกร์ด้วย เห็นพยาบาลหน้าตาสวยๆมาเข้าเวรหน่อยล่ะไม่ได้เชียว ไอ้พวกนี้ต้องป่วยทุกทีไป เดี๋ยวพ่อจะหักเงินเดือนให้เข็ด”
“นายหัวคะ นายหัว”
เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลังเขาจึงหันกลับไปมอง
“เป็นอะไรไปคะนายหัว แล้วนายหัวมาทำอะไรแถวนี้คะ” เลขาแก้มถาม และมองเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาสงสัย ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ รู้สึกนายของเธอจะป่วยบ่อยชอบเรียกหาพยาบาลอยู่เรื่อย
“เปล่านี่ ผมก็แค่ปวดหัว กะจะมาขอยาพยาบาลกินสักหน่อย”
เลขาสาวสบตาเจ้านาย “แน่ใจเหรอคะนายหัว แล้วทำไมไม่บอกแก้มคะ แก้มจะได้มาเอายาให้ ไม่เห็นต้องลงมาเอง”
“ก็ผมเห็นคุณงานยุ่งก็เลยไม่กล้ารบกวน”
“แก้มยุ่งตรงไหนวันนี้ออกจะว่าง และคนอย่างนายหัวน่ะเหรอคะที่ไม่กล้าใช้งานแก้ม” เลขาสาวแสดงสายตาไม่เชื่อ
“ตกลงว่างมากใช่ไหมคุณแก้ม ไปเลยไปหาเอกสารเกี่ยวกับยอดผลิตและยอดส่งออกตั้งแต่ปี่ 2525 จนถึง ปี2555 ว่าไร่ของเราผลิตได้เท่าไหร่ ส่งขายในแต่ละปีเป็นจำนวนกี่ตัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขายให้กับที่ไหนไปบ้างขอข้อมูลด่วนก่อนห้าโมงเย็น”
“อะไรนะคะ! นายหัวขาให้หาข้อมูลเยอะขนาดนี้ให้เวลาแค่ครึ่งวันมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอคะ แก้มจะทำทันได้ยังไง”
“ก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าว่าง ตอนนี้ไม่ว่างแล้วใช่ไหมรีบไปเลย ไปทำงาน” นายหัวเมฆาจับเลขาสาวพลิกหันหลังและดันให้เดินกลับไปทำงาน
แต่ภาพที่พยาบาลสาวมองลอดออกมาจากหน้าต่างห้องพยาบาลเป็นภาพนายหัวเมฆากำลังกอดเลขาสาว จากทางด้านหลัง วูบหนึ่งสายตาของพยาบาลคนสวยแสดงสายตาตะลึงปนน้อยใจ ก่อนจะรู้สึกว่าคนไข้กำลังมองเธอยู่จึงรีบหันไปจ่ายยา
“ขอโทษนะคะ นี่ค่ะ ยาแก้ปวดท้องของคุณ” พยาบาลสาวส่งยาให้
“คือผมปวดหัวครับนางพยาบาล แต่ไม่เป็นไรผมกินได้” คนไข้ผิวเข้มพูดภาษาทองแดงเขาไม่ได้ปวดหัวจริงๆ แค่อยากมานั่งมองหน้าพยาบาลคนสวยเท่านั้น ก่อนจะยื่นมือมารับซองยาแก้ปวดท้อง
พยาบาลสาวดึงซองยาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้นะคะ จะกินเข้าไปได้ยังไงคะยามันไม่ตรงกับโรคที่คุณเป็น” สุชาวีตำหนิตัวเองที่ใจลอยเพราะมองนายหัวเมฆา จนเกือบจะจ่ายยาผิดให้คนไข้
“ยาอะไรก็กินได้หากได้รับจากมือคุณพยาบาล”
“เอ็งแกล้งป่วยนี่หว่า” ชายหนุ่มผิวคล้ำกร้านแดดที่นั่งอยู่ติดกันหันมาส่งภาษาใต้ต่อว่าเพื่อนต่อหน้าพยาบาลสาว
“เอ็งก็ด้วยไอ้แหวง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเอ็งเป็นไข้”คนถูกหาว่าแกล้งป่วยก็โต้กลับเพื่อนที่มาจับผิด
“ข้าเป็นไข้จริงๆนะเว้ยไอ้ไข่นุ้ย เป็นไข้ใจนะครับพยาบาลคนสวย” คนพูดทำหน้าตาเคลิ้มสบตาพยาบาล สุชาวีขำท่าทางของเขาแต่ไม่กล้าหัวเราะกลัวจะเสียมารยาท
“เอาล่ะค่ะ หยุดเถียงกันได้แล้วทั้งสองคน เดี๋ยวพยาบาลจะฉีดยาให้คนละสองเข็ม รับรองว่าหายทุกโรค” พยาบาลยิ้มหวานให้พร้อมกับหันไปหยิบเข็มฉีดยา
คนไข้ทั้งสองทำหน้าเหวอและมองหน้ากัน
“มันน้อยไปฉีดยาไม่หายหรอก มันต้องแบบนี้ถึงจะหาย ไอ้พวกแกล้งป่วยทั้งหลายมาให้เตะสักทีสิ”นายหัวเมฆาที่เปิดประตูเข้ามาไร่เตะลูกน้อง แต่ไม่มีใครในไร่นี้ที่คิดจะโกรธนายหัวของพวกเขาหรอก ชายสองคนจึงรีบวิ่งหนีนายหัวหนีกลับไปทำงานในไร่เหมือนเดิม
“ผมหายแล้วครับนายหัว”ชายทั้งสองรีบบอกพร้อมกับวิ่งหนีเจ้านายกันจ้าละหวั่น
“ผมกลัวแล้วครับนาย”
“ไปให้พ้นหน้าเลยนะโว้ย ไอ้พวกสำออย งานมีไม่ทำเอาแต่มานั่งเฝ้าพยาบาล”
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะนายหัว”พยาบาลทำเสียงดุใส่
“น้อยไป ไอ้พวกนี้มันป่วยจริงๆที่ไหนคุณก็รู้”
“ก็เหมือนคนบางคนแถวๆนี้ใช่ไหมคะ มาหาที่ไรไม่เห็นจะป่วยสักที ก็ป่วยการเมืองเหมือนกันนั่นแหละทั้งเจ้านายและลูกน้อง”
“ผมโกหกตรงไหน ก็ผมไม่ได้ป่วยกาย แต่ป่วยที่ใจต่างหาก”นายหัวเมฆาจิ้มไปที่หน้าอกตัวเอง จนพยาบาลสาวหน้าแดง
จากนั้นนายหัวเมฆาก็รีบเดินไปล็อคประตูห้องพยาบาล และเอาม่านที่หน้าต่างลงทันทีกันสายตาคนที่ชอบแอบมองพยาบาลผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง
“จะทำอะไรคะ”
“ไม่ปล้ำคุณในนี้หรอกเตียงมันแคบและไม่นุ่มพอ สปริงก็ไม่มี”
“นายหัว!”สุชาวีทำหน้าดุใส่ พร้อมทั้งตีที่แขน“พูดอะไรน่าเกลียดจริง”
“ สุชาวีผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะทำไมไม่บอกทุกคนไปว่าเราคบกันเป็นแฟน” นายหัวเมฆานั่งที่เก้าอี้สำหรับผู้ป่วยด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นเขามองว่าฉันมาจับคุณ เวลามันสั้นเกินไปค่ะแค่ไปกรุงเทพฯด้วยกันไม่กี่อาทิตย์กลับมาเป็นแฟนกันเสียแล้ว”
“ใครจะไปสนใจล่ะ ใครจะมองจะเมาท์ก็ช่างหัวมัน ผมไม่แคร์”เขายักไหล่
“ใจเย็นๆสิคะ นายหัวเราไม่เห็นจะต้องรีบร้อนไปบอกใครว่าเราคบกัน”
“ไม่ได้รีบร้อนแต่ผมรีบเร่ง นี่ก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ลูกเต้าผมก็ยังไม่มี กว่าลูกจะโตไม่แก่เลยเหรอ”ทั้งที่เมื่อก่อนเขากลัวที่สุดว่าจะมีหญิงสาวมาอ้างว่าเป็นพ่อของลูกจนเขาต้องพกถุงยางอนามัยติดเอาไว้เสมอ
พยาบาลสาวหน้าแดงจัด กลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้ว่านายหัวเมฆาวางโครงการเอาไว้ไกลแค่ไหน
“คุณคิดไกลถึงขั้นแต่งงานกับฉันแล้วเหรอคะ”
เหมือนคำพูดของเธอจะสร้างความไม่พอใจให้กับเขาอย่างมากจากสีหน้าที่แสดงออก นายหัวเมฆาลุกขึ้นเต็มความสูง
“ผมจริงใจกับคุณ และคุณล่ะจริงจังกับผมบ้างไหม ทำไมถึงได้ถามออกมาแบบนี้”จากนั้นร่างสูงก็หยิบหมวกเปิดประตูเดินออกไปทันทีสร้างความมึนงงให้กับหญิงสาว
“อะไรของเขา นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป นายหัวเองนั่นแหละที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังรอบตัวไปหมดทำให้ฉันไม่กล้าคิดไกลไปถึงขั้นนั้น”แม้สุชาวีอยากจะให้มีวันนั้นก็ตาม
+++++++++++++++++
ข่าวประกาศแต่งงานของนางแบบสุดฮ็อตกับนักเขียนหนุ่มคนดังเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน และตอนนี้นายหัวเมฆาก็กำลังนั่งอ่านอยู่ ยิ่งเห็นว่าใครที่เขาให้คนงานไปตามกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาก็รีบกดโทรศัพท์มือถือและหันหลังให้ทันทีแบบมีแผนการ
“ผมยินดีด้วยนะครับที่คุณกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่คุณรัก เขาเป็นผู้ชายที่โชคดีมากและน่าอิจฉาที่สุด”
ปลายสายยิ้มสดใส และชำเรืองมองแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่
“ขอบคุณมากค่ะ แล้วไม่ทราบว่านายหัวจะมาร่วมงานแต่งงานของฉันได้หรือเปล่าคะ การ์ดเชิญฉันส่งไปให้แล้วนะคะ”
“ผมได้รับแล้วนะเมื่อวานนี้เอง การ์ดสวยมาก แอบอิจฉาเจ้าบ่าวที่โชคดีได้แต่งงานกับผู้หญิงที่น่ารักแบบคุณ”
“วันนี้เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะนายหัว” ปกติเขาไม่เคยหยอดคำหวานกับเธอมานานแล้ว
“สุชาวีมา” เขากระซิบเบาๆกรอกเข้าไปในโทรศัพท์
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ระวังนะคะยั่วเขามากเขาหนีไปและจะมานั่งเสียใจที่หลัง”
“ลูกไก่ในกำมือ”นายหัวตอบ สุชาวีได้ยินแต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นนายหัวเมฆา เมื่อหมดสิทธิ์จะเป็นเจ้าของหัวใจของหญิงสาว และเขาเองก็เริ่มรู้ตัวว่าเขารักใครกันแน่ ไม่ได้ทำให้นายหัวเมฆาเลิกติดต่อหรือเฉยเมยกับพีระดา เพราะเขาเปลี่ยนสถานะเธอเป็นเพื่อนที่ดี เขาชอบที่จะมีเพื่อนน่ารัก พูดตรงไปตรงมาแบบเธอ ทั้งสองยังติดต่อกัน ทางอีเมลล์บ้าง โทรศัพท์บ้าง ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาเพื่อนที่รู้จักกัและมีสัมพันธ์ภาพที่ดี
“อันที่จริงผมอยากไปแสดงความยินดีกับคุณมากนะพีระดา แต่ว่างานในไร่มันรัดตัวจริงๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต และที่สำคัญบริษัทต่างชาติลูกค้ารายใหม่ของเรา ขอเข้ามาเยี่ยมที่ไร่บางทีผมอาจจะไม่ได้ไปงานแต่งงานของคุณ แต่ผมอยากจะชวนคุณมาฮันนีมูลที่ไร่ของผม คุณเคยชมว่ามันสวยไม่ใช่เหรอ” เขาพูดทุกอย่างจากใจเพราะเห็นพีระดาเป็นเพื่อนไม่ได้คิดเกินเลยกว่านั้นแล้ว แต่จงใจให้คนที่ยืนฟังอยู่ได้ยินเพราะหวังผลอะไรบางอย่าง
ที่ไม่ไปร่วมงานแต่งของคุณพีระดาคงเพราะยังทำใจไม่ได้ล่ะสิ พยาบาลสาวแอบค้านในใจ น้อยใจอยู่ลึกๆขนาดเขารับรู้การเข้ามาของเธอยังไม่หันกลับมามอง เอาแต่คุยกับคนไกลตัว
“ฉันจะลองปรึกษากับภาคินัยเขาดูนะคะ ฉันยอมรับว่าชอบไร่ของคุณมากและตั้งใจจะฮันนีมูลที่เมืองไทยค่ะ”
“ผมจะยินดีอย่างยิ่ง หากคุณมาฮันนีมูลที่ไร่ของผม และขออาสาเป็นไกด์ให้พวกคุณเอง”
สุชาวีที่ยืนอยู่นานแล้วและไม่เห็นว่านายหัวเมฆาจะมีสายตามามองเธอเลย ถอยหลังเตรียมจะเดินกลับอารามน้อยใจ นายหัวเมฆาใช้หางตาชำเรืองมองและยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างมีแผน
“แค่นี้ก่อนนะครับพีระดา คนงานในไร่มารอพบผมขอทำธุระก่อน หวังว่าเราคงได้พบกันเร็วๆนี้” เขารีบวางสายและหันกลับมามองสุชาวีที่กำลังเปิดประตูออกไป
“จะไปไหน มานั่งนี่ก่อน”
สุชาวีหันกลับมามอง “ฉันคิดว่าคุณกำลังติดธุระคงไม่เหมาะหากฉันมายืนฟังอยู่แบบนี้”
“แค่นั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วเข้ม
พยาบาลสาวถอนหายใจ พยายมปรับสีหน้าที่หม่นเศร้าให้เป็นปกติ “คุณเรียกฉันขึ้นมาพบที่นี่มีอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมไม่มีสิทธิ์จะพบหน้าคุณเลยใช่ไหม” ตั้งแต่ที่มีเรื่องผิดใจกันที่ห้องพยาบาล ทั้งสองก็ยังไม่ได้คุยกันดีๆ เลยสักครั้ง เหมือนนายหัวกำลังมีอาการน้อยใจสุชาวีอยู่แต่ซ่อนเอาไว้ไม่ยอมเปิดเผย
“ก็ปกติก็ไม่มีอะไรจะคุยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” สุชาวีมีสีหน้าหมางเมิน
“ใช่น่ะสิ คุณพยาบาลคงไม่มีเวลามากนักรอก ก็วันๆมีแต่คนไข้ป่วยเป็นโรคหัวใจอ่อนแอ ต่อคิวมาให้ดูอการไม่รู้เท่าไหร่” คนพูดไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองรวมอยู่ในนั้นด้วย
“ค่ะ”เธอตอบสั้นๆไม่อยากโต้เถียง
ตั้งแต่กลับมาที่ไร่ นายหัวเมฆาไม่ค่อยมีโอกาสใกล้ชิดสุชาวีเลย ทำให้หงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง
“ถ้าเวลาน้อยนักก็ลาออกจากงานประจำมาทำงานที่ไร่ของผมอย่างเดียวก็พอ ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่จะกี่แสนผมก็มีเงินจ้างคุณ” เขาเลิกคิ้วสูง
พูดเรื่องเงินแบบนี้สุชาวีเริ่มไม่พอใจ อีกอย่างเธอก็ใช้หนี้บัตรเครดิตที่แฟนเก่าแอบขโมยไปกดเล่นพนันบอลหมดแล้ว เพราะได้รับเช็คค่าเดินแบบที่ส่งมาให้เมื่อหลายวันก่อน แถมสุชาวียังถูกคุณมาเรีย ดีไซน์เนอร์ดังที่ไปเดินแบบให้ มาเรียชวนให้เธอไปเป็นนางแบบอาชีพเพราะเห็นว่าหน่วยการของเธอเหมาะที่จะ เป็นนางแบบอาชีพได้สบายมีแวรุ่ง มาเรียจะฝากเธอให้เข้าสังกัดของเพื่อนสนิท ที่นางแบบดังหลายคนสังกัดอยู่ แต่สุชาวีปฏิเสธไปแล้ว
“ถ้านายหัวไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวพอดีมีคนไข้มานอนที่ห้องพยาบาล มีไข้สูงด้วยฉันจะรีบไปดู”
คนตัวใหญ่ แต่ขี้ใจน้อยในเรื่องความรักไม่พอใจมาก แต่เก็บอาการ และสีหน้า
“เบื่อหน้าผมมากนัก ก็รีบไปเถอะ”ใครวะใครแอบไปนอนห้องพยาบาล ถ้าป่วยการเมื่องเพ่อจะเตะให้ลืมโลกเลยเขากำลังอาละวาดโวยวายอยู่ในใจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาคินัยหยุดมือจากการเขียนนิยาย เขาเดินมาโอบไหล่พีระดาและดึงร่างบางเข้าหาตัวกอดกระชับเอาไว้และทอดสายตาอบอุ่นมองเธอ
“เมื่อครู่คุณคุยกับใคร แว่วๆว่าพูดถึงเรื่องฮันนีมูนของเราด้วย ตกลงคุณเลือกได้หรือยังว่าอยากไปฮันนีมูลที่ไหนหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งงานของเรา”
หญิงสาวกอดตอบแขนเรียวกอดเอวของเขา“ฉันคุยกับนายหัวเมฆาค่ะ เขาชวน
ให้เราไปฮันนีมูลที่ไร่ของเขา และจะอาสาเป็นไกด์ให้ด้วย”
ภาคินัยหยักยิ้ม “ไอ้ล่ำ มันมายุ่งกับคุณอีกแล้วเหรอ” ถึงแม้เขาจะไม่ได้โกรธเคื่องนายหัวเมฆาเท่ากับเมื่อก่อนเมื่อรู้จากปากของพีระดาว่าตลอดเวลาที่ไปอยู่ที่นั่นนายหัวเมฆาไม่เคยล่วงเกินเธอเลย ที่เขาลักพาตัวเธอไปเพราะเข้าใจผิด แต่จะให้รักให้ชอบเห็นทีเขาคงทำใจยาก
“อย่าเรียกเพื่อนฉันแบบนั้นได้ไหมคะ ไหนว่าเข้าใจดีแล้ว”
“เข้าใจ แต่จะให้ชอบหน้ามันด้วยสงสัยจะยาก”
“ที่จริงเขาเป็นคนดีมากนะคะ อีกอย่างเขาก็เป็นแฟนกับพยาบาลสาวคนนั้น ที่ชื่อสุชาวี แฟนคลับตัวยงของคุณไม่ใช่เหรอ”
ภาคินัยนึกถึงใบหน้าพยาบาลสาวตาหวาน หน้าคม คนสวย “จริงสินะเดือนนี้ยังไม่ได้ส่งนิยายไปให้อ่านเดี๋ยวคงได้โทรมาทวง” เขาเองเห็นเธอเป็นเพื่อนมากกว่าแฟนคลับทั่วไป ยอมรับว่าถูกใจนิสัยของเธอ
“เธอไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยว่าคบหาดูใจกับไอ้ล่ำอยู่ ว่าแต่สุชาวีคิดดีแล้วเหรอไปเป็นแฟนกับมัน อารมณ์ไม่ดีมันอาจจะกระโดดกัดคอเอาก็ได้ ผมว่ามันดูบ้าๆนะคุณ”
“ภาคินัยคะ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าวิจารณ์เพื่อนฉันในแง่ลบอีก” พีระดาทำสีหน้างอน ภาคินัยจึงต้องฉีกยิ้มยอมเลิกพูดเรื่องนี้ไป
“ก็ได้ผมไม่ว่ามัน...เอ้ย...เขาก็ได้แต่ถ้ามันคิดกับคุณมากกว่าเพื่อนอีกเมื่อไหร่ มันตายแน่....”
หญิงสาวส่ายหน้า “มันไม่ทางจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกค่ะ เขาเจอคนที่เขารักจริงและอยากอยู่ด้วยแล้วสำหรับฉันเขาแค่หลงรัก แต่ไม่ได้รักจริงๆหรอก”
“คุณรู้ใจมันได้ยังไง”
“ฉันไม่รู้ใจเขาหรอกค่ะที่รัก แต่สัญชาติญาณของผู้หญิงจะบอกเราได้ว่าผู้ชายคนในรักเราจริง”
“และคนไหนล่ะ” ภาคินัยก้มหน้ามาสบตาหวาน
“ก็คนที่กำลังมองหน้าฉันอยู่ตอนนี้ไง” ภาคินัยยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะกดริมฝีปากหยักร้อนบดเบียดกับริมฝีปากนุ่มของคนรัก พร้อมกระซิบคำว่า ผมรักคุณที่ข้างหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรักและความจริงใจ
“ภาคินัยคะ เราไปเยี่ยมคุณเขมมิกากันดีไหม”
“ผมสารภาพตามตรงว่าอยากไปเยี่ยมเขมมิกาจริงๆ เธอน่าสงสารมากอย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่ผมเคยรู้จัก”
“เมื่อก่อนฉันยอมรับตามตรงว่าไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นข่าวของเธอมันก็ทำให้ฉันรู้สึกสงสารเธอค่ะ เรื่องแบบนี้มันหนักมากสำหรับผู้หญิง”
“แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขมมิกาทำตัวเอง แต่ยังไงซะผมก็อยากไปให้กำลังใจเขมมิกาอยู่ดี เพราะผมคิดว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรจะดีกว่าการให้กำลังใจเพื่อที่เธอจะยืนหยัดลุกขึ้นมาและก้าวผ่านมันไป”
“ฉันจะไปเยี่ยมเธอพร้อมกับคุณค่ะ”สายตาของพีระดามองคนรักอย่างชื่นชม ไม่ได้มีความรู้สึกหึงหวง
มีข่าวลือว่าเธอเป็นภรรยาลับๆของนักการเมืองดังและถูกภรรยาหลวงตามไปพบและปลิดชีพสามีตัวเองด้วยการจ่อยิงอย่างเหี้ยมโหดเพราะบันดาลโทสะ จนนักการเมืองคนดังเสียชีวิตซึ่งก็เป็นข่าวใหญ่แต่ในข่าวไม่ได้ระบุชื่อของหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นภรรยาอย่างลับๆมีเพียงข่าวลือหนาหูว่าผู้หญิงคนนั้นคือเขมมิกานางแบบชื่อดังอีกคนของเมืองไทย
แต่ข่าวฉาวกว่านั้นคือคลิปหลุดของเขมมิกาถูกมือดีที่ไหนก็ไม่รู้เอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว คลิปนั้นเห็นหน้าตาของนางแบบสาวชัดเจนมากกำลังมีสัมพันธ์สวาทเผ็ดร้อนกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนชื่อดังแถบตะเข็บชายแดน สร้างความเสื่อมเสียให้หญิงสาวจนถูกยกเลิกงานเดินแบบเกือบทั้งหมด รวมถึงพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเธอก็ถูกถอนตัวออกเขมมิกาจึงอยู่ในสภาพกำลังตกอัพ เพื่อนฝูงในวงการพากันหนีหน้า แม่แต่นีรนารถเพื่อนสนิทที่สุดของเขมมิกาที่เป็นสาวไฮโซตระกูลดังก็ออกข่าวว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของเธอและขอตัดสัมพันธ์กับเขมมิกาอย่างถาวร
++++++++++++++++++++++
ที่คอนโดเก่าๆที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยลึกย่านสาธร ภาคินัยสืบทราบมาว่าเขมมิกาย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดหรูที่เธอเคยพักอาศัย
“แน่ใจเหรอคะภาคินัยว่ามันเป็นที่นี่จริงๆ” สภาพแวดล้อมบริเวณคอนโดเสื่อมโทรมมาก มันดูเหมือนชุมชนแออัดสายตาหลายคู่มองมาที่พีระดาราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่หล่นมาจากฟ้า ภาคินัยคิดว่าหากหญิงสาวมาที่นี่เพียงคนเดียวคงต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน โชคดีที่เธอชวนเขามาไม่ได้แอบมาคนเดียว และทำให้คิดถึงเขมมิกาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ด้วยความที่เป็นเสือยิ้มยากหากไม่ได้อยู่กับคนสนิททำให้บุคลิกของเขาหากไม่ยิ้มจะดูเคร่งขรึม ดูน่าเกรงขามและภาคินัยก็ใจนักเลงพอตัวผู้ชายหลายคน ผู้ชายหลายคนที่นั่งอยู่ตามราวบันไดทางขึ้นคอนโดเก่าๆแห่งนี้จึงได้แต่มองตามพีระดาไปอย่างเสียดายแต่ไม่กล้าทำอะไรมากกว่าการมอง
“เขมมิกาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันน่ากลัวเหลือเกิน”
“นั่นน่ะสิ” ภาคินัยขมวดคิ้วเข้มรู้สึกสงสารในโชคชะตาหญิงสาว
ห้องพักหมายเลข 415 ภาคินัยทราบมาว่าคือห้องที่เขมมิกามาพักอยู่
“นีรานารถได้โปรดเถอะนะเพื่อนรัก ฉันมีเมื่อไหร่จะหามาคืนเธอทันที เธอก็รู้นี่ตอนนี้ไม่มีใครจ้างฉันเดินแบบเลย” เสียงอ้อนวอนของหญิงสาวดังแว่วออกมาพีระดาสบตากับภาคินัย
จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกเบาๆออกมา ทั้งสองคนจึงตัดสินใจเคาะประตู สักพักหนึ่งประตูถูกเปิดออกอย่างแง้มๆและเมื่อเขมมิกาเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบปิดประตูทันทีด้วยความอายที่ตนเองตกต่ำถึงขีดสุด แต่ว่าภาคินัยกับกระชากประตูเอาไว้ได้ทันและแทรกตัวเข้าไป และดึงมือพีระดาตามเข้าไปด้วย
สภาพที่เห็นไม่น่าเชื่อในเวลาไม่ถึงเดือนผู้หญิงที่เคยสวยจัดอย่างเขมมิกาจะโทรมได้รวเร็วขนาดนี้ ความเป็นอยู่เธอแย่มากเขาพอรู้ว่าเธอเล่นการพนัน แต่ไม่คิดว่าตอนนี้จะไม่เหลืออะไรเลยภายในห้องนั้นกวาดตาทีเดียวก็เห็นทั้งหมดมันเป็นห้องโล่งๆสีผนังเหลืองอ่อนๆซีดจางและร่อนออกเป็นแผ่น ไม่มีห้องนอนมีเพียงห้องน้ำเล็กๆเท่านั้น
เขมมิกาทรุดตัวลงก้มหน้าและร้องไห้อย่างหมดอาย “มาสมน้ำหน้าฉันถึงที่นี่เลยเหรอ”
“เขมมิกาผมไม่ได้มาสมน้ำหน้าคุณ แต่ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกว่าผมเชื่อว่าคุณจะต้องผ่านมันไปได้ คุณยังมีผมที่เป็นห่วงและพร้อมจะเป็นเพื่อนคุณตลอดไป”
สายตาของชายหนุ่มแสดงถึงความจริงใจอย่างชัดเจน เขมมิกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เธอหลงรักมาตลอดแต่รู้ดีว่าเขาช่างห่างไกลเธอไปทุกทีจนตอนนี้เธอล้มเลิกความคิดที่จะดึงเขากลับมาแล้ว
“คุณช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก กลับไปเสียเถอะ พีระดาเธอคงซะใจที่เห็นสภาพฉันเป็นแบบนี้”เขมมิกามองหน้าพีระดาอย่างไม่พอใจ และกลับมามองตัวเองจากนั้นน้ำตาของเธอก็เอ่อล้นไหลออกมา
“เขมมิกาฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนฉันไม่ชอบเธอ จะว่าเกลียดก็ได้นะ”
“พีระดา!”ภาคินัยสะกิดแฟนสาว
“ช่างเถอะน่า คนบางคนมันก็ต้องโดนซะบ้างจะได้เลิกเอาแต่หนี และลุกขึ้นมาสู้ เพราะเคยสบายจนเคยตัวพอลำบากหน่อยก็คิดว่าตัวเองลำบากที่สุดในโลกแล้ว แต่ไม่เคยมองว่ามีคนอีกมากที่ลำบากกว่า ทุกข์กว่า”
“ให้มาช่วยปลอบไม่ได้ให้มาด่าเขา”ภาคินัยกระซิบ
“วันนี้ฉันขอสักวันนะคะ”
“ถ้าเธอจะมาซ้ำกลับไปเถอะ ก็เธอมันโชคดีทุกอย่างนี่พีระดา ทั้งความรัก ทั้งเรื่องงาน เธอไม่ได้เป็นเหมือนฉัน เธอยังใจดำมาด่าว่าฉันอีกเหรอ” เขมมิการ้องไห้อย่างหนัก
พีระดาเดินเข้าไปกระชากแขนเขมมิกาให้ลุกขึ้นยืนจากนั้นฉุดรั้งเขมมิกาให้ออกไปยืนที่หน้าต่าง
“นี่ปล่อยฉันนะ เธอจะทำอะไรฉัน จะฆ่ากันเหรอ”เขมมิกากรีดร้องสะบัดข้อมือจากพีระดา ส่วนภาคินัยก็ตะลึงกับอาการของแฟนสาว
“พีระดา คุณจะทำอะไรเขา”
“ฉันไม่ได้จับผู้หญิงขี้แยคนนี้โยนออกหน้าต่างหรอก แต่อยากให้มองออกไปข้างนอกบ้างว่ามีคนที่ทุกข์และลำบากกว่าเธอมากเท่าไหร่ไม่ใช่เอาแต่หมกตัวร้องไห้ เห็นแล้วรำคาญตา” พีระดาจับใบหน้าของอดีตนางแบบเคยดังให้มองออกไปที่นอกหน้าต่าง
เขมมิกาเห็นภาพผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งแต่งตัวมอซอ ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับไม่ได้อาบน้ำมาเนิ่นนานเดินเก็บขยะอยู่ข้างทาง ผู้หญิงคนนั้นพยายามหากิ่งไม้ยาวๆเขี่ยกระป๋องน้ำอัดลมที่คนกินหมดแล้วโยทิ้งขึ้นมา เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมาได้แวบหนึ่งกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้าคล้ำเหี่ยวย่นก่อนจะใส่กระซอบเก่าๆและก้าวเดินต่อไป
“ผู้หญิงคนนั้นเขาเก็บขยะขายเขาลำบากกว่าเธอมาก อายุก็มากแล้วไม่ได้สาวสวยเหมือนเธอ ความรู้คงจะไม่มีจะไปสมัครงานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ และเธอล่ะเขมมิกา เธอยังสาว ยังสวย อย่างน้อยเธอก็จบปริญญาตรีมาไม่ใช่เหรอ เธอทำได้มากกว่าการเก็บขยะขายจะกลัวอะไรนักหนา ดูผู้ชายคนนั้นสิ”พีระดาชี้ไปที่ผู้ชายขาด้วนกำลังเดินขายล็อตตาลี่มีเพียงไม้เท้าเก่ากับแผงล็อตตาลี่ที่เขาถือเอาไว้ราวกับเป็นสมบัติอันมีค่าเดินเร่ขายไปตามซอย หน้าตาของเขายิ้มแย้มแจ่มใส
“เขามีขาแค่ข้างเดียว แล้วเธอล่ะมีขากี่ข้างเรื่องที่เธอเจอครั้งนี้มันทำให้ขาของเธอขาดด้วยหรือเปล่า”
เขมมิกก้มมองสองขาของตนพร้อมส่ายหน้า มือเรียวปาดหยดน้ำตา
“ขาเธอไม่ได้ขาด และขาเธอยังดีอยู่และขาของเเธอก็สวยกว่าคนทั่วไปอีกมากจะกลัวอะไรกับการก้าวเดินต่อไป คนพวกนั้นเขาทุกข์มากกว่าเธอไม่รู้กี่ร้อยเท่า”
“แต่ฉัน... เธอไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก”
“แน่นอนฉันไม่อยากเป็นเธอหรอก แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ได้เขมมิกา”
“จะมีใครให้งานฉันทำ แม้แต่เพื่อนรักยังตัดขาดฉัน แค่ฉันขอยืมเงินสักห้าร้อยเขายังไม่ยอม”
“เพราะคนๆนั้นเขาไม่ใช่เพื่อนแท้ของเธอ นี่ไงความโชคดีที่มาพร้อมกับความโชคร้าย อย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนั้นเขาไม่ได้จริงใจกับเธอ”
เขมมิกาหยุดฟังก่อจะสะอื้นไห้และกอดพีระดาเอาไว้แน่น หญิงสาวจึงลูบหลังเขมมิกาเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมากอดกับเธอได้เขมมิกา”พีระดาระบายยิ้มหวานไม่เคยคิดว่าตัวเองเอาชนะเขมมิกาได้เลยสิ่งที่เธอชนะคือชนะใจตัวเอง
“พีระดา ก่อนหน้านี่ฉันก็เกลียดเธอมากและคิดร้ายกับเธอ ไม่คิดเลยว่าคนที่เกลียดเข้าใส่อย่างเธอจะทำให้ฉันได้สติ”จากนั้นเขมมิกาก็ร้องไห้ซบไหล่พีระดาโดยที่อีกฝ่ายตบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
ภาคินัยอมยิ้มเขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆเขาหยิบเช็คใบหนึ่งขึ้นมาเซ็นเงินจำนวนนี้พอจะให้เพื่อนของเขาคนหนึ่งลุกขึ้นมาตั้งหลักประกอบอาชีพสุจริตได้ไม่ยากนัก เขาคิดว่าเขมมิกาต้องเข้าใจความหวังดีของเขา
+++++++++++++++++++++++++++++++++
สองสัปดาห์ผ่านไป ณ ไร่แสงตะวัน จ.ชุมพร
นายหัวเมฆามีท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดผ่านห้องพยาบาลหลายรอบแล้วในวันนี้ พร้อมกับลอบมองเข้าไปในห้องพยาบาลอยู่หลายครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“จะป่วยอะไรกันนักกันหนาทำไมต้องป่วยกันเฉพาะวันพุธ กับวันศุกร์ด้วย เห็นพยาบาลหน้าตาสวยๆมาเข้าเวรหน่อยล่ะไม่ได้เชียว ไอ้พวกนี้ต้องป่วยทุกทีไป เดี๋ยวพ่อจะหักเงินเดือนให้เข็ด”
“นายหัวคะ นายหัว”
เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลังเขาจึงหันกลับไปมอง
“เป็นอะไรไปคะนายหัว แล้วนายหัวมาทำอะไรแถวนี้คะ” เลขาแก้มถาม และมองเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาสงสัย ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ รู้สึกนายของเธอจะป่วยบ่อยชอบเรียกหาพยาบาลอยู่เรื่อย
“เปล่านี่ ผมก็แค่ปวดหัว กะจะมาขอยาพยาบาลกินสักหน่อย”
เลขาสาวสบตาเจ้านาย “แน่ใจเหรอคะนายหัว แล้วทำไมไม่บอกแก้มคะ แก้มจะได้มาเอายาให้ ไม่เห็นต้องลงมาเอง”
“ก็ผมเห็นคุณงานยุ่งก็เลยไม่กล้ารบกวน”
“แก้มยุ่งตรงไหนวันนี้ออกจะว่าง และคนอย่างนายหัวน่ะเหรอคะที่ไม่กล้าใช้งานแก้ม” เลขาสาวแสดงสายตาไม่เชื่อ
“ตกลงว่างมากใช่ไหมคุณแก้ม ไปเลยไปหาเอกสารเกี่ยวกับยอดผลิตและยอดส่งออกตั้งแต่ปี่ 2525 จนถึง ปี2555 ว่าไร่ของเราผลิตได้เท่าไหร่ ส่งขายในแต่ละปีเป็นจำนวนกี่ตัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขายให้กับที่ไหนไปบ้างขอข้อมูลด่วนก่อนห้าโมงเย็น”
“อะไรนะคะ! นายหัวขาให้หาข้อมูลเยอะขนาดนี้ให้เวลาแค่ครึ่งวันมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอคะ แก้มจะทำทันได้ยังไง”
“ก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าว่าง ตอนนี้ไม่ว่างแล้วใช่ไหมรีบไปเลย ไปทำงาน” นายหัวเมฆาจับเลขาสาวพลิกหันหลังและดันให้เดินกลับไปทำงาน
แต่ภาพที่พยาบาลสาวมองลอดออกมาจากหน้าต่างห้องพยาบาลเป็นภาพนายหัวเมฆากำลังกอดเลขาสาว จากทางด้านหลัง วูบหนึ่งสายตาของพยาบาลคนสวยแสดงสายตาตะลึงปนน้อยใจ ก่อนจะรู้สึกว่าคนไข้กำลังมองเธอยู่จึงรีบหันไปจ่ายยา
“ขอโทษนะคะ นี่ค่ะ ยาแก้ปวดท้องของคุณ” พยาบาลสาวส่งยาให้
“คือผมปวดหัวครับนางพยาบาล แต่ไม่เป็นไรผมกินได้” คนไข้ผิวเข้มพูดภาษาทองแดงเขาไม่ได้ปวดหัวจริงๆ แค่อยากมานั่งมองหน้าพยาบาลคนสวยเท่านั้น ก่อนจะยื่นมือมารับซองยาแก้ปวดท้อง
พยาบาลสาวดึงซองยาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“ไม่ได้นะคะ จะกินเข้าไปได้ยังไงคะยามันไม่ตรงกับโรคที่คุณเป็น” สุชาวีตำหนิตัวเองที่ใจลอยเพราะมองนายหัวเมฆา จนเกือบจะจ่ายยาผิดให้คนไข้
“ยาอะไรก็กินได้หากได้รับจากมือคุณพยาบาล”
“เอ็งแกล้งป่วยนี่หว่า” ชายหนุ่มผิวคล้ำกร้านแดดที่นั่งอยู่ติดกันหันมาส่งภาษาใต้ต่อว่าเพื่อนต่อหน้าพยาบาลสาว
“เอ็งก็ด้วยไอ้แหวง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเอ็งเป็นไข้”คนถูกหาว่าแกล้งป่วยก็โต้กลับเพื่อนที่มาจับผิด
“ข้าเป็นไข้จริงๆนะเว้ยไอ้ไข่นุ้ย เป็นไข้ใจนะครับพยาบาลคนสวย” คนพูดทำหน้าตาเคลิ้มสบตาพยาบาล สุชาวีขำท่าทางของเขาแต่ไม่กล้าหัวเราะกลัวจะเสียมารยาท
“เอาล่ะค่ะ หยุดเถียงกันได้แล้วทั้งสองคน เดี๋ยวพยาบาลจะฉีดยาให้คนละสองเข็ม รับรองว่าหายทุกโรค” พยาบาลยิ้มหวานให้พร้อมกับหันไปหยิบเข็มฉีดยา
คนไข้ทั้งสองทำหน้าเหวอและมองหน้ากัน
“มันน้อยไปฉีดยาไม่หายหรอก มันต้องแบบนี้ถึงจะหาย ไอ้พวกแกล้งป่วยทั้งหลายมาให้เตะสักทีสิ”นายหัวเมฆาที่เปิดประตูเข้ามาไร่เตะลูกน้อง แต่ไม่มีใครในไร่นี้ที่คิดจะโกรธนายหัวของพวกเขาหรอก ชายสองคนจึงรีบวิ่งหนีนายหัวหนีกลับไปทำงานในไร่เหมือนเดิม
“ผมหายแล้วครับนายหัว”ชายทั้งสองรีบบอกพร้อมกับวิ่งหนีเจ้านายกันจ้าละหวั่น
“ผมกลัวแล้วครับนาย”
“ไปให้พ้นหน้าเลยนะโว้ย ไอ้พวกสำออย งานมีไม่ทำเอาแต่มานั่งเฝ้าพยาบาล”
“ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะนายหัว”พยาบาลทำเสียงดุใส่
“น้อยไป ไอ้พวกนี้มันป่วยจริงๆที่ไหนคุณก็รู้”
“ก็เหมือนคนบางคนแถวๆนี้ใช่ไหมคะ มาหาที่ไรไม่เห็นจะป่วยสักที ก็ป่วยการเมืองเหมือนกันนั่นแหละทั้งเจ้านายและลูกน้อง”
“ผมโกหกตรงไหน ก็ผมไม่ได้ป่วยกาย แต่ป่วยที่ใจต่างหาก”นายหัวเมฆาจิ้มไปที่หน้าอกตัวเอง จนพยาบาลสาวหน้าแดง
จากนั้นนายหัวเมฆาก็รีบเดินไปล็อคประตูห้องพยาบาล และเอาม่านที่หน้าต่างลงทันทีกันสายตาคนที่ชอบแอบมองพยาบาลผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง
“จะทำอะไรคะ”
“ไม่ปล้ำคุณในนี้หรอกเตียงมันแคบและไม่นุ่มพอ สปริงก็ไม่มี”
“นายหัว!”สุชาวีทำหน้าดุใส่ พร้อมทั้งตีที่แขน“พูดอะไรน่าเกลียดจริง”
“ สุชาวีผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะทำไมไม่บอกทุกคนไปว่าเราคบกันเป็นแฟน” นายหัวเมฆานั่งที่เก้าอี้สำหรับผู้ป่วยด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นเขามองว่าฉันมาจับคุณ เวลามันสั้นเกินไปค่ะแค่ไปกรุงเทพฯด้วยกันไม่กี่อาทิตย์กลับมาเป็นแฟนกันเสียแล้ว”
“ใครจะไปสนใจล่ะ ใครจะมองจะเมาท์ก็ช่างหัวมัน ผมไม่แคร์”เขายักไหล่
“ใจเย็นๆสิคะ นายหัวเราไม่เห็นจะต้องรีบร้อนไปบอกใครว่าเราคบกัน”
“ไม่ได้รีบร้อนแต่ผมรีบเร่ง นี่ก็ปาเข้าไปสามสิบแล้ว ลูกเต้าผมก็ยังไม่มี กว่าลูกจะโตไม่แก่เลยเหรอ”ทั้งที่เมื่อก่อนเขากลัวที่สุดว่าจะมีหญิงสาวมาอ้างว่าเป็นพ่อของลูกจนเขาต้องพกถุงยางอนามัยติดเอาไว้เสมอ
พยาบาลสาวหน้าแดงจัด กลืนน้ำลายลงคอเมื่อรู้ว่านายหัวเมฆาวางโครงการเอาไว้ไกลแค่ไหน
“คุณคิดไกลถึงขั้นแต่งงานกับฉันแล้วเหรอคะ”
เหมือนคำพูดของเธอจะสร้างความไม่พอใจให้กับเขาอย่างมากจากสีหน้าที่แสดงออก นายหัวเมฆาลุกขึ้นเต็มความสูง
“ผมจริงใจกับคุณ และคุณล่ะจริงจังกับผมบ้างไหม ทำไมถึงได้ถามออกมาแบบนี้”จากนั้นร่างสูงก็หยิบหมวกเปิดประตูเดินออกไปทันทีสร้างความมึนงงให้กับหญิงสาว
“อะไรของเขา นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป นายหัวเองนั่นแหละที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังรอบตัวไปหมดทำให้ฉันไม่กล้าคิดไกลไปถึงขั้นนั้น”แม้สุชาวีอยากจะให้มีวันนั้นก็ตาม
+++++++++++++++++
ข่าวประกาศแต่งงานของนางแบบสุดฮ็อตกับนักเขียนหนุ่มคนดังเป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน และตอนนี้นายหัวเมฆาก็กำลังนั่งอ่านอยู่ ยิ่งเห็นว่าใครที่เขาให้คนงานไปตามกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาก็รีบกดโทรศัพท์มือถือและหันหลังให้ทันทีแบบมีแผนการ
“ผมยินดีด้วยนะครับที่คุณกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่คุณรัก เขาเป็นผู้ชายที่โชคดีมากและน่าอิจฉาที่สุด”
ปลายสายยิ้มสดใส และชำเรืองมองแฟนหนุ่มที่กำลังนั่งเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่
“ขอบคุณมากค่ะ แล้วไม่ทราบว่านายหัวจะมาร่วมงานแต่งงานของฉันได้หรือเปล่าคะ การ์ดเชิญฉันส่งไปให้แล้วนะคะ”
“ผมได้รับแล้วนะเมื่อวานนี้เอง การ์ดสวยมาก แอบอิจฉาเจ้าบ่าวที่โชคดีได้แต่งงานกับผู้หญิงที่น่ารักแบบคุณ”
“วันนี้เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะนายหัว” ปกติเขาไม่เคยหยอดคำหวานกับเธอมานานแล้ว
“สุชาวีมา” เขากระซิบเบาๆกรอกเข้าไปในโทรศัพท์
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ระวังนะคะยั่วเขามากเขาหนีไปและจะมานั่งเสียใจที่หลัง”
“ลูกไก่ในกำมือ”นายหัวตอบ สุชาวีได้ยินแต่ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นนายหัวเมฆา เมื่อหมดสิทธิ์จะเป็นเจ้าของหัวใจของหญิงสาว และเขาเองก็เริ่มรู้ตัวว่าเขารักใครกันแน่ ไม่ได้ทำให้นายหัวเมฆาเลิกติดต่อหรือเฉยเมยกับพีระดา เพราะเขาเปลี่ยนสถานะเธอเป็นเพื่อนที่ดี เขาชอบที่จะมีเพื่อนน่ารัก พูดตรงไปตรงมาแบบเธอ ทั้งสองยังติดต่อกัน ทางอีเมลล์บ้าง โทรศัพท์บ้าง ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาเพื่อนที่รู้จักกัและมีสัมพันธ์ภาพที่ดี
“อันที่จริงผมอยากไปแสดงความยินดีกับคุณมากนะพีระดา แต่ว่างานในไร่มันรัดตัวจริงๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต และที่สำคัญบริษัทต่างชาติลูกค้ารายใหม่ของเรา ขอเข้ามาเยี่ยมที่ไร่บางทีผมอาจจะไม่ได้ไปงานแต่งงานของคุณ แต่ผมอยากจะชวนคุณมาฮันนีมูลที่ไร่ของผม คุณเคยชมว่ามันสวยไม่ใช่เหรอ” เขาพูดทุกอย่างจากใจเพราะเห็นพีระดาเป็นเพื่อนไม่ได้คิดเกินเลยกว่านั้นแล้ว แต่จงใจให้คนที่ยืนฟังอยู่ได้ยินเพราะหวังผลอะไรบางอย่าง
ที่ไม่ไปร่วมงานแต่งของคุณพีระดาคงเพราะยังทำใจไม่ได้ล่ะสิ พยาบาลสาวแอบค้านในใจ น้อยใจอยู่ลึกๆขนาดเขารับรู้การเข้ามาของเธอยังไม่หันกลับมามอง เอาแต่คุยกับคนไกลตัว
“ฉันจะลองปรึกษากับภาคินัยเขาดูนะคะ ฉันยอมรับว่าชอบไร่ของคุณมากและตั้งใจจะฮันนีมูลที่เมืองไทยค่ะ”
“ผมจะยินดีอย่างยิ่ง หากคุณมาฮันนีมูลที่ไร่ของผม และขออาสาเป็นไกด์ให้พวกคุณเอง”
สุชาวีที่ยืนอยู่นานแล้วและไม่เห็นว่านายหัวเมฆาจะมีสายตามามองเธอเลย ถอยหลังเตรียมจะเดินกลับอารามน้อยใจ นายหัวเมฆาใช้หางตาชำเรืองมองและยิ้มน้อยๆที่มุมปากอย่างมีแผน
“แค่นี้ก่อนนะครับพีระดา คนงานในไร่มารอพบผมขอทำธุระก่อน หวังว่าเราคงได้พบกันเร็วๆนี้” เขารีบวางสายและหันกลับมามองสุชาวีที่กำลังเปิดประตูออกไป
“จะไปไหน มานั่งนี่ก่อน”
สุชาวีหันกลับมามอง “ฉันคิดว่าคุณกำลังติดธุระคงไม่เหมาะหากฉันมายืนฟังอยู่แบบนี้”
“แค่นั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วเข้ม
พยาบาลสาวถอนหายใจ พยายมปรับสีหน้าที่หม่นเศร้าให้เป็นปกติ “คุณเรียกฉันขึ้นมาพบที่นี่มีอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมไม่มีสิทธิ์จะพบหน้าคุณเลยใช่ไหม” ตั้งแต่ที่มีเรื่องผิดใจกันที่ห้องพยาบาล ทั้งสองก็ยังไม่ได้คุยกันดีๆ เลยสักครั้ง เหมือนนายหัวกำลังมีอาการน้อยใจสุชาวีอยู่แต่ซ่อนเอาไว้ไม่ยอมเปิดเผย
“ก็ปกติก็ไม่มีอะไรจะคุยกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ” สุชาวีมีสีหน้าหมางเมิน
“ใช่น่ะสิ คุณพยาบาลคงไม่มีเวลามากนักรอก ก็วันๆมีแต่คนไข้ป่วยเป็นโรคหัวใจอ่อนแอ ต่อคิวมาให้ดูอการไม่รู้เท่าไหร่” คนพูดไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองรวมอยู่ในนั้นด้วย
“ค่ะ”เธอตอบสั้นๆไม่อยากโต้เถียง
ตั้งแต่กลับมาที่ไร่ นายหัวเมฆาไม่ค่อยมีโอกาสใกล้ชิดสุชาวีเลย ทำให้หงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง
“ถ้าเวลาน้อยนักก็ลาออกจากงานประจำมาทำงานที่ไร่ของผมอย่างเดียวก็พอ ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่จะกี่แสนผมก็มีเงินจ้างคุณ” เขาเลิกคิ้วสูง
พูดเรื่องเงินแบบนี้สุชาวีเริ่มไม่พอใจ อีกอย่างเธอก็ใช้หนี้บัตรเครดิตที่แฟนเก่าแอบขโมยไปกดเล่นพนันบอลหมดแล้ว เพราะได้รับเช็คค่าเดินแบบที่ส่งมาให้เมื่อหลายวันก่อน แถมสุชาวียังถูกคุณมาเรีย ดีไซน์เนอร์ดังที่ไปเดินแบบให้ มาเรียชวนให้เธอไปเป็นนางแบบอาชีพเพราะเห็นว่าหน่วยการของเธอเหมาะที่จะ เป็นนางแบบอาชีพได้สบายมีแวรุ่ง มาเรียจะฝากเธอให้เข้าสังกัดของเพื่อนสนิท ที่นางแบบดังหลายคนสังกัดอยู่ แต่สุชาวีปฏิเสธไปแล้ว
“ถ้านายหัวไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวพอดีมีคนไข้มานอนที่ห้องพยาบาล มีไข้สูงด้วยฉันจะรีบไปดู”
คนตัวใหญ่ แต่ขี้ใจน้อยในเรื่องความรักไม่พอใจมาก แต่เก็บอาการ และสีหน้า
“เบื่อหน้าผมมากนัก ก็รีบไปเถอะ”ใครวะใครแอบไปนอนห้องพยาบาล ถ้าป่วยการเมื่องเพ่อจะเตะให้ลืมโลกเลยเขากำลังอาละวาดโวยวายอยู่ในใจ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาคินัยหยุดมือจากการเขียนนิยาย เขาเดินมาโอบไหล่พีระดาและดึงร่างบางเข้าหาตัวกอดกระชับเอาไว้และทอดสายตาอบอุ่นมองเธอ
“เมื่อครู่คุณคุยกับใคร แว่วๆว่าพูดถึงเรื่องฮันนีมูนของเราด้วย ตกลงคุณเลือกได้หรือยังว่าอยากไปฮันนีมูลที่ไหนหลังจากเสร็จสิ้นงานแต่งงานของเรา”
หญิงสาวกอดตอบแขนเรียวกอดเอวของเขา“ฉันคุยกับนายหัวเมฆาค่ะ เขาชวน
ให้เราไปฮันนีมูลที่ไร่ของเขา และจะอาสาเป็นไกด์ให้ด้วย”
ภาคินัยหยักยิ้ม “ไอ้ล่ำ มันมายุ่งกับคุณอีกแล้วเหรอ” ถึงแม้เขาจะไม่ได้โกรธเคื่องนายหัวเมฆาเท่ากับเมื่อก่อนเมื่อรู้จากปากของพีระดาว่าตลอดเวลาที่ไปอยู่ที่นั่นนายหัวเมฆาไม่เคยล่วงเกินเธอเลย ที่เขาลักพาตัวเธอไปเพราะเข้าใจผิด แต่จะให้รักให้ชอบเห็นทีเขาคงทำใจยาก
“อย่าเรียกเพื่อนฉันแบบนั้นได้ไหมคะ ไหนว่าเข้าใจดีแล้ว”
“เข้าใจ แต่จะให้ชอบหน้ามันด้วยสงสัยจะยาก”
“ที่จริงเขาเป็นคนดีมากนะคะ อีกอย่างเขาก็เป็นแฟนกับพยาบาลสาวคนนั้น ที่ชื่อสุชาวี แฟนคลับตัวยงของคุณไม่ใช่เหรอ”
ภาคินัยนึกถึงใบหน้าพยาบาลสาวตาหวาน หน้าคม คนสวย “จริงสินะเดือนนี้ยังไม่ได้ส่งนิยายไปให้อ่านเดี๋ยวคงได้โทรมาทวง” เขาเองเห็นเธอเป็นเพื่อนมากกว่าแฟนคลับทั่วไป ยอมรับว่าถูกใจนิสัยของเธอ
“เธอไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยว่าคบหาดูใจกับไอ้ล่ำอยู่ ว่าแต่สุชาวีคิดดีแล้วเหรอไปเป็นแฟนกับมัน อารมณ์ไม่ดีมันอาจจะกระโดดกัดคอเอาก็ได้ ผมว่ามันดูบ้าๆนะคุณ”
“ภาคินัยคะ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าวิจารณ์เพื่อนฉันในแง่ลบอีก” พีระดาทำสีหน้างอน ภาคินัยจึงต้องฉีกยิ้มยอมเลิกพูดเรื่องนี้ไป
“ก็ได้ผมไม่ว่ามัน...เอ้ย...เขาก็ได้แต่ถ้ามันคิดกับคุณมากกว่าเพื่อนอีกเมื่อไหร่ มันตายแน่....”
หญิงสาวส่ายหน้า “มันไม่ทางจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกค่ะ เขาเจอคนที่เขารักจริงและอยากอยู่ด้วยแล้วสำหรับฉันเขาแค่หลงรัก แต่ไม่ได้รักจริงๆหรอก”
“คุณรู้ใจมันได้ยังไง”
“ฉันไม่รู้ใจเขาหรอกค่ะที่รัก แต่สัญชาติญาณของผู้หญิงจะบอกเราได้ว่าผู้ชายคนในรักเราจริง”
“และคนไหนล่ะ” ภาคินัยก้มหน้ามาสบตาหวาน
“ก็คนที่กำลังมองหน้าฉันอยู่ตอนนี้ไง” ภาคินัยยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะกดริมฝีปากหยักร้อนบดเบียดกับริมฝีปากนุ่มของคนรัก พร้อมกระซิบคำว่า ผมรักคุณที่ข้างหูของหญิงสาวอย่างแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรักและความจริงใจ
“ภาคินัยคะ เราไปเยี่ยมคุณเขมมิกากันดีไหม”
“ผมสารภาพตามตรงว่าอยากไปเยี่ยมเขมมิกาจริงๆ เธอน่าสงสารมากอย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่ผมเคยรู้จัก”
“เมื่อก่อนฉันยอมรับตามตรงว่าไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นข่าวของเธอมันก็ทำให้ฉันรู้สึกสงสารเธอค่ะ เรื่องแบบนี้มันหนักมากสำหรับผู้หญิง”
“แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขมมิกาทำตัวเอง แต่ยังไงซะผมก็อยากไปให้กำลังใจเขมมิกาอยู่ดี เพราะผมคิดว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรจะดีกว่าการให้กำลังใจเพื่อที่เธอจะยืนหยัดลุกขึ้นมาและก้าวผ่านมันไป”
“ฉันจะไปเยี่ยมเธอพร้อมกับคุณค่ะ”สายตาของพีระดามองคนรักอย่างชื่นชม ไม่ได้มีความรู้สึกหึงหวง
มีข่าวลือว่าเธอเป็นภรรยาลับๆของนักการเมืองดังและถูกภรรยาหลวงตามไปพบและปลิดชีพสามีตัวเองด้วยการจ่อยิงอย่างเหี้ยมโหดเพราะบันดาลโทสะ จนนักการเมืองคนดังเสียชีวิตซึ่งก็เป็นข่าวใหญ่แต่ในข่าวไม่ได้ระบุชื่อของหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นภรรยาอย่างลับๆมีเพียงข่าวลือหนาหูว่าผู้หญิงคนนั้นคือเขมมิกานางแบบชื่อดังอีกคนของเมืองไทย
แต่ข่าวฉาวกว่านั้นคือคลิปหลุดของเขมมิกาถูกมือดีที่ไหนก็ไม่รู้เอาไปปล่อยในอินเตอร์เน็ตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว คลิปนั้นเห็นหน้าตาของนางแบบสาวชัดเจนมากกำลังมีสัมพันธ์สวาทเผ็ดร้อนกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบ่อนชื่อดังแถบตะเข็บชายแดน สร้างความเสื่อมเสียให้หญิงสาวจนถูกยกเลิกงานเดินแบบเกือบทั้งหมด รวมถึงพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเธอก็ถูกถอนตัวออกเขมมิกาจึงอยู่ในสภาพกำลังตกอัพ เพื่อนฝูงในวงการพากันหนีหน้า แม่แต่นีรนารถเพื่อนสนิทที่สุดของเขมมิกาที่เป็นสาวไฮโซตระกูลดังก็ออกข่าวว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของเธอและขอตัดสัมพันธ์กับเขมมิกาอย่างถาวร
++++++++++++++++++++++
ที่คอนโดเก่าๆที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยลึกย่านสาธร ภาคินัยสืบทราบมาว่าเขมมิกาย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดหรูที่เธอเคยพักอาศัย
“แน่ใจเหรอคะภาคินัยว่ามันเป็นที่นี่จริงๆ” สภาพแวดล้อมบริเวณคอนโดเสื่อมโทรมมาก มันดูเหมือนชุมชนแออัดสายตาหลายคู่มองมาที่พีระดาราวกับว่าเธอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่หล่นมาจากฟ้า ภาคินัยคิดว่าหากหญิงสาวมาที่นี่เพียงคนเดียวคงต้องเกิดอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน โชคดีที่เธอชวนเขามาไม่ได้แอบมาคนเดียว และทำให้คิดถึงเขมมิกาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
ด้วยความที่เป็นเสือยิ้มยากหากไม่ได้อยู่กับคนสนิททำให้บุคลิกของเขาหากไม่ยิ้มจะดูเคร่งขรึม ดูน่าเกรงขามและภาคินัยก็ใจนักเลงพอตัวผู้ชายหลายคน ผู้ชายหลายคนที่นั่งอยู่ตามราวบันไดทางขึ้นคอนโดเก่าๆแห่งนี้จึงได้แต่มองตามพีระดาไปอย่างเสียดายแต่ไม่กล้าทำอะไรมากกว่าการมอง
“เขมมิกาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันน่ากลัวเหลือเกิน”
“นั่นน่ะสิ” ภาคินัยขมวดคิ้วเข้มรู้สึกสงสารในโชคชะตาหญิงสาว
ห้องพักหมายเลข 415 ภาคินัยทราบมาว่าคือห้องที่เขมมิกามาพักอยู่
“นีรานารถได้โปรดเถอะนะเพื่อนรัก ฉันมีเมื่อไหร่จะหามาคืนเธอทันที เธอก็รู้นี่ตอนนี้ไม่มีใครจ้างฉันเดินแบบเลย” เสียงอ้อนวอนของหญิงสาวดังแว่วออกมาพีระดาสบตากับภาคินัย
จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกเบาๆออกมา ทั้งสองคนจึงตัดสินใจเคาะประตู สักพักหนึ่งประตูถูกเปิดออกอย่างแง้มๆและเมื่อเขมมิกาเห็นว่าเป็นใครเธอก็รีบปิดประตูทันทีด้วยความอายที่ตนเองตกต่ำถึงขีดสุด แต่ว่าภาคินัยกับกระชากประตูเอาไว้ได้ทันและแทรกตัวเข้าไป และดึงมือพีระดาตามเข้าไปด้วย
สภาพที่เห็นไม่น่าเชื่อในเวลาไม่ถึงเดือนผู้หญิงที่เคยสวยจัดอย่างเขมมิกาจะโทรมได้รวเร็วขนาดนี้ ความเป็นอยู่เธอแย่มากเขาพอรู้ว่าเธอเล่นการพนัน แต่ไม่คิดว่าตอนนี้จะไม่เหลืออะไรเลยภายในห้องนั้นกวาดตาทีเดียวก็เห็นทั้งหมดมันเป็นห้องโล่งๆสีผนังเหลืองอ่อนๆซีดจางและร่อนออกเป็นแผ่น ไม่มีห้องนอนมีเพียงห้องน้ำเล็กๆเท่านั้น
เขมมิกาทรุดตัวลงก้มหน้าและร้องไห้อย่างหมดอาย “มาสมน้ำหน้าฉันถึงที่นี่เลยเหรอ”
“เขมมิกาผมไม่ได้มาสมน้ำหน้าคุณ แต่ผมมาที่นี่เพื่อจะบอกว่าผมเชื่อว่าคุณจะต้องผ่านมันไปได้ คุณยังมีผมที่เป็นห่วงและพร้อมจะเป็นเพื่อนคุณตลอดไป”
สายตาของชายหนุ่มแสดงถึงความจริงใจอย่างชัดเจน เขมมิกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่เธอหลงรักมาตลอดแต่รู้ดีว่าเขาช่างห่างไกลเธอไปทุกทีจนตอนนี้เธอล้มเลิกความคิดที่จะดึงเขากลับมาแล้ว
“คุณช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอก กลับไปเสียเถอะ พีระดาเธอคงซะใจที่เห็นสภาพฉันเป็นแบบนี้”เขมมิกามองหน้าพีระดาอย่างไม่พอใจ และกลับมามองตัวเองจากนั้นน้ำตาของเธอก็เอ่อล้นไหลออกมา
“เขมมิกาฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนฉันไม่ชอบเธอ จะว่าเกลียดก็ได้นะ”
“พีระดา!”ภาคินัยสะกิดแฟนสาว
“ช่างเถอะน่า คนบางคนมันก็ต้องโดนซะบ้างจะได้เลิกเอาแต่หนี และลุกขึ้นมาสู้ เพราะเคยสบายจนเคยตัวพอลำบากหน่อยก็คิดว่าตัวเองลำบากที่สุดในโลกแล้ว แต่ไม่เคยมองว่ามีคนอีกมากที่ลำบากกว่า ทุกข์กว่า”
“ให้มาช่วยปลอบไม่ได้ให้มาด่าเขา”ภาคินัยกระซิบ
“วันนี้ฉันขอสักวันนะคะ”
“ถ้าเธอจะมาซ้ำกลับไปเถอะ ก็เธอมันโชคดีทุกอย่างนี่พีระดา ทั้งความรัก ทั้งเรื่องงาน เธอไม่ได้เป็นเหมือนฉัน เธอยังใจดำมาด่าว่าฉันอีกเหรอ” เขมมิการ้องไห้อย่างหนัก
พีระดาเดินเข้าไปกระชากแขนเขมมิกาให้ลุกขึ้นยืนจากนั้นฉุดรั้งเขมมิกาให้ออกไปยืนที่หน้าต่าง
“นี่ปล่อยฉันนะ เธอจะทำอะไรฉัน จะฆ่ากันเหรอ”เขมมิกากรีดร้องสะบัดข้อมือจากพีระดา ส่วนภาคินัยก็ตะลึงกับอาการของแฟนสาว
“พีระดา คุณจะทำอะไรเขา”
“ฉันไม่ได้จับผู้หญิงขี้แยคนนี้โยนออกหน้าต่างหรอก แต่อยากให้มองออกไปข้างนอกบ้างว่ามีคนที่ทุกข์และลำบากกว่าเธอมากเท่าไหร่ไม่ใช่เอาแต่หมกตัวร้องไห้ เห็นแล้วรำคาญตา” พีระดาจับใบหน้าของอดีตนางแบบเคยดังให้มองออกไปที่นอกหน้าต่าง
เขมมิกาเห็นภาพผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งแต่งตัวมอซอ ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับไม่ได้อาบน้ำมาเนิ่นนานเดินเก็บขยะอยู่ข้างทาง ผู้หญิงคนนั้นพยายามหากิ่งไม้ยาวๆเขี่ยกระป๋องน้ำอัดลมที่คนกินหมดแล้วโยทิ้งขึ้นมา เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมาได้แวบหนึ่งกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้าคล้ำเหี่ยวย่นก่อนจะใส่กระซอบเก่าๆและก้าวเดินต่อไป
“ผู้หญิงคนนั้นเขาเก็บขยะขายเขาลำบากกว่าเธอมาก อายุก็มากแล้วไม่ได้สาวสวยเหมือนเธอ ความรู้คงจะไม่มีจะไปสมัครงานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ และเธอล่ะเขมมิกา เธอยังสาว ยังสวย อย่างน้อยเธอก็จบปริญญาตรีมาไม่ใช่เหรอ เธอทำได้มากกว่าการเก็บขยะขายจะกลัวอะไรนักหนา ดูผู้ชายคนนั้นสิ”พีระดาชี้ไปที่ผู้ชายขาด้วนกำลังเดินขายล็อตตาลี่มีเพียงไม้เท้าเก่ากับแผงล็อตตาลี่ที่เขาถือเอาไว้ราวกับเป็นสมบัติอันมีค่าเดินเร่ขายไปตามซอย หน้าตาของเขายิ้มแย้มแจ่มใส
“เขามีขาแค่ข้างเดียว แล้วเธอล่ะมีขากี่ข้างเรื่องที่เธอเจอครั้งนี้มันทำให้ขาของเธอขาดด้วยหรือเปล่า”
เขมมิกก้มมองสองขาของตนพร้อมส่ายหน้า มือเรียวปาดหยดน้ำตา
“ขาเธอไม่ได้ขาด และขาเธอยังดีอยู่และขาของเเธอก็สวยกว่าคนทั่วไปอีกมากจะกลัวอะไรกับการก้าวเดินต่อไป คนพวกนั้นเขาทุกข์มากกว่าเธอไม่รู้กี่ร้อยเท่า”
“แต่ฉัน... เธอไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก”
“แน่นอนฉันไม่อยากเป็นเธอหรอก แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ได้เขมมิกา”
“จะมีใครให้งานฉันทำ แม้แต่เพื่อนรักยังตัดขาดฉัน แค่ฉันขอยืมเงินสักห้าร้อยเขายังไม่ยอม”
“เพราะคนๆนั้นเขาไม่ใช่เพื่อนแท้ของเธอ นี่ไงความโชคดีที่มาพร้อมกับความโชคร้าย อย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนั้นเขาไม่ได้จริงใจกับเธอ”
เขมมิกาหยุดฟังก่อจะสะอื้นไห้และกอดพีระดาเอาไว้แน่น หญิงสาวจึงลูบหลังเขมมิกาเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะมากอดกับเธอได้เขมมิกา”พีระดาระบายยิ้มหวานไม่เคยคิดว่าตัวเองเอาชนะเขมมิกาได้เลยสิ่งที่เธอชนะคือชนะใจตัวเอง
“พีระดา ก่อนหน้านี่ฉันก็เกลียดเธอมากและคิดร้ายกับเธอ ไม่คิดเลยว่าคนที่เกลียดเข้าใส่อย่างเธอจะทำให้ฉันได้สติ”จากนั้นเขมมิกาก็ร้องไห้ซบไหล่พีระดาโดยที่อีกฝ่ายตบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
ภาคินัยอมยิ้มเขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆเขาหยิบเช็คใบหนึ่งขึ้นมาเซ็นเงินจำนวนนี้พอจะให้เพื่อนของเขาคนหนึ่งลุกขึ้นมาตั้งหลักประกอบอาชีพสุจริตได้ไม่ยากนัก เขาคิดว่าเขมมิกาต้องเข้าใจความหวังดีของเขา
+++++++++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2555, 15:25:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2555, 15:25:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 4256
<< ตอนที่ 29 | ตอนที่ 31 >> |

อัปสรา 19 ก.ค. 2555, 15:36:25 น.
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเขียนโดยไม่มีบทเลิฟซีนเลยค่ะ อยากรู้ว่าคนอ่านรู้สึกอย่างไรบ้าง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเขียนโดยไม่มีบทเลิฟซีนเลยค่ะ อยากรู้ว่าคนอ่านรู้สึกอย่างไรบ้าง

Canopus 19 ก.ค. 2555, 15:59:55 น.
เนื้อเรื่องก็โรแมนติค น่ารักดีเลิฟซีนบางครั้งก็ไม่จำเป็นนะถ้าอ่านแล้วสนุกน่าติดตาม ที่สำคัญถ้าเดาตอนจบยากยิ่งดี
เนื้อเรื่องก็โรแมนติค น่ารักดีเลิฟซีนบางครั้งก็ไม่จำเป็นนะถ้าอ่านแล้วสนุกน่าติดตาม ที่สำคัญถ้าเดาตอนจบยากยิ่งดี

สิรินภา 19 ก.ค. 2555, 16:03:15 น.
สนุก
สนุก

tam 19 ก.ค. 2555, 16:14:01 น.
นายหัวซื่อบื้อ ใครเป็นลูกไก่กันแน่^^
นิยายดีๆอ่านสนุกไม่จำเป็นต้องมีเลิฟซีนค่ะ แบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้วค่ะ ชอบๆ^^
นายหัวซื่อบื้อ ใครเป็นลูกไก่กันแน่^^
นิยายดีๆอ่านสนุกไม่จำเป็นต้องมีเลิฟซีนค่ะ แบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้วค่ะ ชอบๆ^^


goldensun 19 ก.ค. 2555, 16:40:53 น.
ไม่เป็นไรเลย สำหรับเลิฟซีน เนื้อเรื่องสนุก ก็ตามติดหนึบแล้วค่ะ
ขำๆ กับปากภาคินัย ปากหยักร้อน ปากร้อนหรือคะ
นายหัวตรงขนาดนี้ คุณพยาบาลยังไม่ยอมเชื่ออีก แถมมีคิดเอาเอง มีงอน
ข้างนายหัวก็เจ้าเล่ห์ซะด้วย
ชอบที่พีระดาชี้ให้เขมมิกาเห็นความจริงของชีวิตจัง ในความโชคร้ายของเขมซึ่งตัวเขมเองมีส่วนทำให้เกิด ก็ยังถือว่าเป็นโชคดีที่ภาคินัยและพีระดาไม่ถือโทษ พร้อมที่จะเป็นเพื่อนและเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อ
ไม่เป็นไรเลย สำหรับเลิฟซีน เนื้อเรื่องสนุก ก็ตามติดหนึบแล้วค่ะ
ขำๆ กับปากภาคินัย ปากหยักร้อน ปากร้อนหรือคะ

นายหัวตรงขนาดนี้ คุณพยาบาลยังไม่ยอมเชื่ออีก แถมมีคิดเอาเอง มีงอน
ข้างนายหัวก็เจ้าเล่ห์ซะด้วย
ชอบที่พีระดาชี้ให้เขมมิกาเห็นความจริงของชีวิตจัง ในความโชคร้ายของเขมซึ่งตัวเขมเองมีส่วนทำให้เกิด ก็ยังถือว่าเป็นโชคดีที่ภาคินัยและพีระดาไม่ถือโทษ พร้อมที่จะเป็นเพื่อนและเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อ

คิมหันตุ์ 19 ก.ค. 2555, 17:41:12 น.
สงสารนายหัวจริงๆ...ห้าห้า
สงสารนายหัวจริงๆ...ห้าห้า

konhin 19 ก.ค. 2555, 18:14:56 น.
นายหัวก็ต้องพิสูจน์ต่อไป ก็ประวัติมันฟ้อง
นายหัวก็ต้องพิสูจน์ต่อไป ก็ประวัติมันฟ้อง

lovemuay 19 ก.ค. 2555, 19:22:13 น.
น่ารักออกค่ะ เลิฟซีนเท่านี้เราว่าพอแล้วค่ะ อิอิ
น่ารักออกค่ะ เลิฟซีนเท่านี้เราว่าพอแล้วค่ะ อิอิ

invisible 19 ก.ค. 2555, 20:05:34 น.
สนุกดีค่ะ
สนุกดีค่ะ

wane 19 ก.ค. 2555, 22:51:41 น.
เนื้อเรื่องสนุกมากค๊า ...น่ารักกุ๊กกิ๊ก ฮาจิกกัด ..มันก็เลยทำให้ลงตัวดีแล้วค๊า
เนื้อเรื่องสนุกมากค๊า ...น่ารักกุ๊กกิ๊ก ฮาจิกกัด ..มันก็เลยทำให้ลงตัวดีแล้วค๊า

อัปสรา 19 ก.ค. 2555, 22:56:10 น.
ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ


แพม 19 ก.ค. 2555, 23:46:48 น.
นั่นแหละนะ
นั่นแหละนะ

sirynth 20 ก.ค. 2555, 12:46:42 น.
sanook mak & narak, love both couple.
sanook mak & narak, love both couple.

kaero 21 ก.ค. 2555, 12:41:37 น.
ดีค่ะ อ่านแบบไม่มีเลิฟซีนบ้าง
ดีค่ะ อ่านแบบไม่มีเลิฟซีนบ้าง