ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 11.2 ในที่สุดผมก็สามารถเป็นอย่างที่พ่ออยากให้เป็นและเป็นในส่วนที่ผมอยากเป็น
กลับมานั่งทำงานแล้วเดชาพงษ์ก็หาได้มีสมาธิทำงานอย่างเช่นก่อนจะลงไปรับรู้เรื่องพิลึกพิลั่นนั่น..เขาครุ่นคิดว่าตั้งแต่ได้เห็นหน้าจรินนาจนกระทั่งวันนี้นั้นหญิงสาวมีพฤติกรรมอย่างที่สุนันทาได้บอกไว้หรือไม่...ครั้งที่นั่งประชุมงานพอเจ้าหล่อนรู้ว่าโรงแรมแห่งนี้จะมีภาพจิตรกรรมไทยแต่งแต้มอยู่บนฝาผนัง เจ้าหล่อนก็ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด มองเขาด้วยตาขวาง ๆ ก้มลงอ่านประวัติของเขา แล้วก็เมินหน้าหลบสายตาของเขา
แล้ววันที่ไปธุระด้วยกันเจ้าหล่อนก็ทำหูตาขวางใส่เขาอยู่ตลอดเวลา และวันนั้นก็เป็นวันที่ จรินนาเห็นว่าสุนันทาไปหาเขาที่โรงเรียนทำตัวอย่างคนคุ้นเคยกัน..จากคำบอกเล่าของสุนันทาเขารับรู้ว่าคร่าว ๆ ว่าสองคนนี้โตมาด้วยกัน ย่อมจะมีเรื่องผิดใจกันบ้าง แต่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ...เดชาพงษ์ครุ่นคิด แล้วก็ได้สำนึกขึ้นมาอย่างที่สุนันทาว่าไว้...ระดับจรินนาจะมามองคนทำงานกินเงินเดือนน้อยนิดเดียวมีรายไม่ได้ไม่ตายตัวอย่างเขา สมบัติพัสถานก็ไม่มี เงินเก็บที่มีอยู่ก็คงจะเป็นจำนวนเงินเศษเสี้ยวของเจ้าหล่อน ที่เขามาส่งสายตาบ้างทำเสียงหวานๆ ให้บ้าง อ้างเรื่องรูปภาพบ้างมันก็คงจะจริง...
ถอนหายใจแรง ๆ แล้ว เดชาพงษ์ก็ปีนลงมาจากนั่งร้านแก้เบื่อด้วยการเดินดูผลงานของลูกศิษย์ที่ชวนมาร่วมทีม...ซึ่งเขาก็พอใจกับความตั้งใจของทุกคน โดยเฉพาะขจรเกียรติ ในวันนี้ เขานิ่งเงียบเหมือคิดอะไรได้ขึ้นเยอะกว่าตอนแรก ๆ ที่รู้ว่าเมียหนีตามชู้ไป...
“เมื่อยก็พักนะพี่เกียรติ”
“ยังไหวครับอาจารย์”
พอขจรเกียรติบอกอย่างนั้นแล้วเขาก็เดินออกจากตัวอาคารไปเดินดูฝ่ายจัดสวนด้านหน้าโรงแรมที่ง่วนทำงานกันเต็มที่เหมือนกัน...และภาพเจ้าของวิษณุจักรผู้ชายหล่อเนี๊ยบที่กำลังคุยกับโฟร์แมนคุมงานก็ทำให้เขาสะท้อนใจ จนต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง...
หลังจากตั้งเตาอุ่นแกงให้สุนันทาแล้วจรินนาก็อาบน้ำแต่งตัวมายังห้างสรรพสินค้าจุดหมายก็คือเข้าร้านเสริมความงามกับช็อปปิ้งเสื้อผ้าฆ่าเวลาตามประสาสาว ๆ แต่ระหว่างที่เดินผ่านร้านหนังสือ เท้าของจรินนาก็ต้องชะงัก เพราะคนที่ยืนก้มหน้าอยู่กับหนังสือในมือนั้นคือเดชาพงษ์และช่วงที่หญิงสาวมองเขา เขาก็ปรายตาขึ้นมามองเห็นจรินนาพอดี จังหวะนั้นจรินนาจึงต้องยิ้มให้เขาโดยอัตโนมัติแต่ว่าใบหน้าของเขานั้นกลับเรียบเฉยก่อนจะค่อย ๆ ขยับเป็นยิ้มแหย ๆ ให้ จรินนาถอยหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านหนังสือทันที
“นึกว่าอยู่ที่โรงแรมเสียอีก” ด้วยอยู่ในร้านหนังสือ จรินนาจึงต้องเดินเข้าไปจนเกือบชิดเขาและพูดเสียงไม่ดังนัก
“เบื่อ ๆ ครับ เลย ออกมาเดินแก้เซ็ง” เขามองหน้าหญิงสาวแล้วมองตัวอักษรหน้าหนังสือต่อ
“อ่านอะไรอยู่คะ”
“หนังสือท่องเที่ยวครับ ผมชอบเที่ยวธรรมชาติ พวกกางเต็นท์ บนดอยสูง หน้าหนาวครับ แคมป์ปิ้งนิดหน่อย”
“โอ้ววว เป็นอะไรที่วิเศษมาก ๆ เลย”
“คุณจรินนานอนเต็นท์ได้ด้วยเหรอครับ”
“เคยซิคะ ตอนที่อยู่...” จรินนาเล่าเรื่องสมัยที่เรียนหนังสือที่ต่างประเทศให้เขาฟังคร่าว ๆ จะว่าเป็นการอวดกันแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็แค่อยากเล่าประสบการณ์บู๊ของตนให้เขาได้รับรู้ไว้ แต่ที่สำคัญขณะที่เล่าเขารู้สึกว่าเจ้าหล่อนนั้นได้ขยับเท้าเข้ามาชิดตัวเขาเพราะมีคนเบียดมาดูหนังสือและก็ไม่ได้ขยับกลับไปหลังจากที่พอมีพื้นที่ข้างตัวว่างแล้ว และเขาเองก็อยากจะดูทีท่าว่า เจ้าหล่อนกำลังทำตัวอย่างที่สุนันทาบอกไว้หรือไม่ เขาก็เลยปล่อยให้การสนทนากันนั้นเป็นไปในลักษณะ แขนชนกันบ้าง มือมาถูกกันบ้าง เพราะเขาเองก็ต้องเปิดหน้าหนังสือไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ในหนังสือกำลังแนะนำไปให้เจ้าหล่อนเห็นเหมือนกัน...
“ดอยเสมอดาวที่น่าน...ชื่อเพราะค่ะ มีโปรแกรมจะไปเมื่อไหร่จะได้ชวนพี่เอกไปด้วยกัน พี่เอกก็ชอบแคมป์ปิ้งเหมือนกันค่ะ ขานั้นถึงไหนถึงกัน”
“คุณเอกจะมีเวลาหรือครับที่ร้านขายดีมาก เปิดทุกวันไม่มีวันหยุดด้วย” กิจการของเอกรินทร์นั้นเป็นร้านค้าส่งที่มีหน้าร้านให้ไปเลือกซื้อสินค้าซึ่งพ่อแม่วางระบบไว้แล้วเพียงเขากลับมาบริหารจัดการ
“พี่แกกำลังวางระบบ วางกำลังคนอยู่ค่ะ แต่คิดว่า คงจะเจียดเวลาได้บ้าง คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์”
เสียงจรินนาดังขึ้น ๆ จนกระทั่งมีเสียงกระแอมมาจากป้าคนหนึ่งที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ เดชาพงษ์ จรินนายิ้มแหยๆ ให้เดชาพงษ์ก่อนจะบอกว่า
“เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหม ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปด้วยก็ได้ มาจินจ่ายเอง” ว่าแล้วหญิงสาวก็ดึงข้อมือของเขาไปยังเคาน์เตอร์...
“คุณจินไม่ต้องจ่ายหรอกครับผมจ่ายเอง”
“จินจ่าย อาจารย์อ่านแล้วกัน จินไม่ชอบอ่านหนังสือ ขอไปเที่ยวอย่างเดียว โอเคนะ..กำหนดวันมาล่วงหน้าหน่อยแล้วกัน...เดี๋ยวไปคุยกันที่ร้านไหนดี..จินรู้สึกว่าจินหิวข้าวแล้ว”
หลังจากชำระค่าหนังสือแล้วก็พากันเดินออกมาหน้าร้านมองซ้ายมองขวาแล้วจรินนาก็เอ่ยปากถามเขาอีกรอบ... “ตกลงร้านไหนดีค่ะ”
“ร้านอาหารญี่ปุ่นนี่ไหม”
“ผม เอ่อ..” เดชาพงษ์กำลังงง ๆ กับพฤติกรรมของหญิงสาวแต่สติของเขา เขาก็บอกกับตัวเองว่า เขาจะลองไม่ตามใจเจ้าหล่อนทั้งหมด อยากจะดูซิว่า เจ้าหล่อนจะปรับตัวเองเป็นแบบที่เขาชอบได้หรือไม่
เดชาพงษ์ส่ายหน้าเบา ๆ
“พิชซ่าหรือสุกี้...วันนั้นเห็นมากินสุกี้กับน้องสาวใช่เปล่าค่ะ”
เดชาพงษ์ทำหน้าแปลกใจที่หญิงสาวเอ่ยถึงเมขลา และเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวันกินเลี้ยงงานแต่งพี่ต้นกล้านั้น เมขลาเซ้าซี้ถามเขาว่าผู้หญิงสวย ๆ ที่คุยกับเขาตรงหน้างานนั้นเป็นใคร เขาก็เลยจำต้องบอกไปว่า คือจรินนาคุณหนูลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงแรมที่เขากำลังทำงานให้อยู่ แล้วตอนที่ออกไปรอรับดอกไม้จากเจ้าสาวเมขลาก็คงไปคุยกับจรินนาแล้วแน่ ๆ ไม่งั้นจรินนาก็คงไม่เอ่ยถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมาอีกรอบ
“ครับ...สุกี้เพิ่งกินไปครับ..เอาเป็นร้านยำแซ่บนี่แล้วกัน”
“ดีเลยค่ะ แต่เท่าที่รู้มา มันไม่ค่อยอร่อยนะ”
“เท่าที่รู้ ก็ยังไม่ได้พิสูจน์นี่ครับ...”
“ใช่จริง ๆ ด้วย มันต้องพิสูจน์เนอะ..แต่ให้จินเลี้ยงนะคะ”
เขาสั่นหน้าดิกขึ้นมาอีกรอบ
“หารแล้วกันครับ เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย”
“โอเคค่ะ”
หลังจากจองตั๋วหนังมาแล้วอนงค์นางก็หมุนตัวเตรียมลงจากชั้นสี่เพื่อไปหาข้าวเย็นรองท้องก่อนที่หนังจะฉาย และหญิงสาวก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่หางแถวนั้นเป็นวิษณุจักรที่ยังอยู่ในชุดที่อนงค์นางเห็นมาทั้งวัน ก็แสดงว่าเขายังไม่ได้กลับบ้านและคงจะมาดูหนังก่อนกลับบ้านแน่ ๆ
“มาดูหนังเหมือนกันหรือคะ”
“ครับ รอพี่แป๊บนะ” รอให้เขาซื้อตั๋วก่อน แล้วคงจะสะดวกใจกว่ายืนคุยโดยมีคนอื่น ๆ ฟังไปด้วย
อนงค์นางเดินไปหยุดรอเขาตรงป้ายโปรแกรมด้านหน้า อึดใจเขาก็เดินถือตั๋วหนังเดินมาหา
“ใจตรงกันเลยนะ”
“เรื่องเดียวกันหรือเปล่า”
พออนงค์นางถามเขาก็หงายมือให้เห็นเรื่อง โรง และเลขที่นั่ง และอนงค์นางก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่ามันเป็นที่นั่งข้าง ๆ เธอ...
“พี่มาคนเดียว นางก็มาคนเดียว ก็ดูซะด้วยกันเลย แล้วนี่กินข้าวเย็นหรือยัง”
“ยังค่ะ มาดูตั๋วก่อน พอดีมีที่ว่างก็เลยรีบจองแล้วจะรีบลงไปลุย...”
“ไปด้วย พี่ก็หิวเหมือนกัน”
ทั้งสองเดินลงบันไดเลื่อนในลักษณะยืนเคียงกันเหมือนคู่รักกัน กระทั่งถึงชั้นสามที่เป็นส่วนของสินค้าโปรโมชั่น วิษณุจักรหยุดดูเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้มที่แขวนอยู่...
“สวยดีค่ะ”
“เห็นสีนี้ทีไรแล้วอดใจไม่ไหวสักที ไป ๆ ไปกินข้าวกันก่อน”
“กินอะไรดี”
“อาหารขยะแล้วกัน”
“กินเป็นเหมือนกันหรือคะ”
“กินประจำครับ...เบียดกับวัยรุ่นเข้าไปซื้อ ทำให้เราดูเป็นอายุน้อยลง”
“เข้าใจคิด...”
และพอลงบันไดเลื่อนมายังชั้นล่างพอทั้งสองคนจะเดินผ่านร้านยำแซ่บเท้าของอนงค์นางก็ต้องหยุดก้าวเหมือนติดดิสเบรคและวิษณุจักรก็มองตามสายตาของอนงค์นางไปทันที...
“เป็นไปได้อย่างไรละเนี่ย” พอเห็นอาจารย์เดชาพงษ์นั่งกินอาหารอยู่กับคุณหนูจรินนาแล้วอนงค์นางก็ก้าวขาเดินต่อพลางเปรยขึ้นมาเบา ๆ แต่ว่าตอนนั้น คนข้าง ๆ ตัวของหญิงสาว เงียบขรึมมีที่ท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง...
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เดชาพงษ์ตระหนักในคำว่าเนื้อคู่มากยิ่งขึ้น ซึ่งเท่าที่รู้มา คนเรานั้นถ้าเคยทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันหรือเคยเป็นครองคู่กันมา ชาตินี้ก็จะต้องมีเหตุให้มาเจอกันอีก ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าคำทำนายของเมขลาเป็นจริง จรินนาก็คงจะใช่ผู้หญิงคนนั้นของเขา เพราะขนาดเขาเสียความรู้สึก คิดหาทางออกให้กับเรื่องระหว่างเขากับเจ้าหล่อนไม่ได้ ก็ยังมีเหตุให้ต้องมาเจอกันในห้างสรรพสินค้าซึ่งนาน ๆ ทีเขาจะแวะเวียนมาผ่อนคลายอารมณ์ตามลำพัง แต่วันนี้เขาก็รู้สึกอยากมาเสียอย่างนั้น
และพอมาแล้ว ก็ดันมามีเรื่องให้ร้อยความสัมพันธ์กันต่อไปอีก...แต่การเดินเกมแบบเหมือนจะรู้อนาคตอยู่บ้างมันก็เป็นเรื่องสนุกสำหรับเขาอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยเขาก็อยากจะรู้ว่า ถ้าเขาไม่จีบจรินนาอย่างเปิดเผยความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้หญิงสาวอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน จรินนาจะเป็นฝ่ายเผยความรู้สึกกับเขามาอย่างไร ซึ่งจรินนาก็ทำได้ไม่น่าเกลียดนัก เพราะระหว่างที่นั่งทานอาหารด้วยกันก็ทำให้
เขารู้จักตัวตนของจรินนามากยิ่ง ๆ ขึ้น
จรินนาไม่กินเผ็ดจัด แต่ว่าก็กินเผ็ดพอได้ และหลาย ๆ เมนูที่เขาชอบจรินนาก็เห็นดีเห็นงามด้วย และระหว่างมื้ออาหารหญิงสาวก็มีเรื่องซักไซ้เขามากมายตั้งแต่เรื่องท่องเที่ยวจนมาถึงเรื่องความเป็นมาของตัวเขา...
“พี่ชายอาจารย์ไปเป็นทหารเรือ ตัวอาจารย์เองไปอย่างไรมาอย่างไรถึงได้มาเดินบนเส้นทางสายศิลปะนี้ได้ละคะ”
“เริ่มต้นจากใจรักครับ โตมาก็ชอบขีด ๆ เขียน ๆ ชอบวาดรูปโดยเฉพาะรูปพุทธประวัติที่เห็นในวัด แล้วก็ภาพลายไทยจากปกสมุดเรียน เคยเห็นไหมครับ...แต่ว่าพ่อผมอยากให้ผมรับราชการ เพราะตอนนั้นพี่ชายผมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้แล้ว พอจบมอหกผมก็เลยต้องไปเรียนสายครู จนกระทั่งเรียนจบครู ผมไม่รู้สึกอยากสอนหนังสืออย่างที่เรียนมา ผมไม่อยากสอบบรรจุ ผมก็เลยคิดว่า ผมขอทำตามความฝันของตัวเองดีกว่า ผมรู้ข่าววิทยาลัยในวังที่กรุงเทพฯ โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ เปิดสอนให้โอกาสกับคนที่มีใจรักทางด้านนี้ ผมก็ขอพ่อไปลองดู แล้วก็รู้สึกว่ามันใช่สิ่งที่เราอยากทำมาตลอด แล้วในที่สุดผมก็สามารถเป็นอย่างที่พ่ออยากให้เป็นและเป็นในส่วนที่ผมอยากเป็น เป็นครูสอนเขียนภาพจิตรกรรมไทย แล้วพอทางวิทยาลัยในวังเปิดสาขาที่นี่ ผมก็เลยคิดว่าผมอยากกลับมาอยู่ใกล้ ๆ กับพ่อกับแม่..ก็ประมาณนี้แหละครับ”
“ดีจังค่ะ มีฝันและเดินบนเส้นทางสายฝันของตัวเองจนได้..”
“คุณจินไม่มีฝันอะไรหรือครับ”
“ไม่มีค่ะ โตมาก็ทำหน้าที่ที่ควรทำไปวัน ๆ ไม่ได้รู้สึกอยากเป็นอะไรอยากมีอะไรมากมาย ทำไมเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้”
“อาจจะเป็นเพราะคุณจินโตมาบนกองเงินกองทอง”
“ใคร ๆ ก็คิดว่าจินโตมาบนกองเงินกองทอง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ป๊าก็ไม่ได้ตามใจอะไรเลยนะ ป๊าจะให้เมื่อควรจะให้ และก็มีบ้างที่ไม่ยอมให้...”
“ซึ่งมันก็อาจจะมากกว่าเด็กในยุคเดียวกัน”
“ก็ใช่ค่ะ ป๊ารักจินมาก ให้จินได้ทุกอย่างที่จินอยากจะมี ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้จินไม่รู้สึกว่าจะต้องดิ้นรนทำอะไรเพื่ออนาคต แต่ใช่ว่าจินจะเหลวไหลนะคะ การเรียนของจินก็ถือว่าดีเชียวแหละ ไม่งั้นจินไม่จบมาจากเมืองนอกได้หรอก...”
“ครับ ผมเชื่อว่าคุณจินเป็นคนฉลาด”
“ชมหรือเปล่า”
“ชมครับ”
“ทำไมถึงเชื่อ...”
“ถ้าไม่ฉลาดคุณจินก็คงจะยอม ๆ พ่อคุณจินไปหมดทุกเรื่องแล้วครับ ไม่มาทำให้ผมวุ่นวายสเก็ตแบบก่อนวาดลงผนังหรอก”
“งั้นมื้อนี้จินเลี้ยงขอโทษแล้วกัน”
“ไม่ได้ครับ ตกลงกันแล้ว”
“โอกาสหน้านะคะ”
“กินข้าวกับผมอร่อยหรือครับ ผมคุยไม่สนุก” ตอนนั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพลั้งปากถามอย่างนั้นออกไป...และจรินนาก็หัวเร็วพอจะเอาตัวรอดไปว่า
“กินข้าวไปได้สาระความรู้ไปนี่มันก็หาไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกันค่ะ” ด้วยก่อนหน้านั้นเขาพูดถึงเรื่องการไปเที่ยว และจรินนาก็ทำท่าสนใจที่จะร่วมทริปเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งหมด งานที่กำลังทำอยู่ก็ต้องเสร็จแล้ว และก็ต้องไปกันก่อนที่โรงแรมและโรงเรียนจะเปิดด้วย...
คิดถึงอนาคตระหว่างเขากับเธอที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามันจะต้องเจออะไรบ้าง ทำให้เดชาพงษ์รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ระหว่างคุณหนูดอกฟ้ากับผู้ชายธรรมดาอย่างเขามันจะลงเอยอย่างคำทำนายได้อย่างไร
---------------------------------
“สวัสดีค่ะอาอึ้ม” หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจรินนาก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเอกรินทร์ในเวลาเกือบจะสามทุ่ม
“อึ้มมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ ไม่รบกวนเวลาหนูใช่ไหม”
“มีอะไรคะ”
“อย่าหาว่าอาอึ้มเจ้ากี้เจ้าการหรือเรื่องมากเข้ามาวุ่นวายอะไรกับชีวิตหนูเลยนะ แต่ที่อึ้มจะพูดนี่ก็ด้วยความปรารถนาดีล้วน ๆ เลย”
“เรื่องอะไรคะ”
“วันนี้มีคนเห็นหนูไปกินข้าวกับอาจารย์เดชาพงษ์ แล้วเขาก็เอามาบอกอึ้ม คือว่า อึ้ม กับอาแปะ ไม่อยากเข้ามาก้าวก่ายชีวิตหนูหรอกนะ แต่อยากจะบอกให้หนูรู้ไว้นิดหนึ่งว่า พอหนูกลับมาแล้วทางเราเห็นว่าหนูกับวิษณุจักรไปไหนมาไหนด้วยกันนะ ทางเรารู้สึกดี ๆ เป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่ก็เลยคุยกันไประดับหนึ่งแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไรคะ”
“ก็ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับอาจารย์เดชาพงษ์ก็อย่าไปไหนมาไหนกันสองคน บ้านเราเมืองเรามันเล็กนิดเดียว ไม่อยากให้ทางนั้นเห็น หรือมีคนเอาไปพูดได้”
“แล้วถ้าคิดละคะ”
“อาจินนาอย่าพูดเล่น”
“อึ้มคะ เรื่องนี้จินขอนะคะ ขอให้จินตัดสินใจเอง ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นพี่จักรหรืออาจารย์เดชาพงษ์จินยังไม่ได้คิดอะไรกับใครทั้งนั้นแหละคะ อึ้มก็บอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าบ้านเราเมืองเรามันเล็กมันแคบ ที่ผ่านมานั้นไม่ว่าจะไปกับพี่จักรหรืออาจารย์เดชามันก็เรื่องบังเอิญทั้งนั้นแหละคะ”
แล้ววันที่ไปธุระด้วยกันเจ้าหล่อนก็ทำหูตาขวางใส่เขาอยู่ตลอดเวลา และวันนั้นก็เป็นวันที่ จรินนาเห็นว่าสุนันทาไปหาเขาที่โรงเรียนทำตัวอย่างคนคุ้นเคยกัน..จากคำบอกเล่าของสุนันทาเขารับรู้ว่าคร่าว ๆ ว่าสองคนนี้โตมาด้วยกัน ย่อมจะมีเรื่องผิดใจกันบ้าง แต่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ...เดชาพงษ์ครุ่นคิด แล้วก็ได้สำนึกขึ้นมาอย่างที่สุนันทาว่าไว้...ระดับจรินนาจะมามองคนทำงานกินเงินเดือนน้อยนิดเดียวมีรายไม่ได้ไม่ตายตัวอย่างเขา สมบัติพัสถานก็ไม่มี เงินเก็บที่มีอยู่ก็คงจะเป็นจำนวนเงินเศษเสี้ยวของเจ้าหล่อน ที่เขามาส่งสายตาบ้างทำเสียงหวานๆ ให้บ้าง อ้างเรื่องรูปภาพบ้างมันก็คงจะจริง...
ถอนหายใจแรง ๆ แล้ว เดชาพงษ์ก็ปีนลงมาจากนั่งร้านแก้เบื่อด้วยการเดินดูผลงานของลูกศิษย์ที่ชวนมาร่วมทีม...ซึ่งเขาก็พอใจกับความตั้งใจของทุกคน โดยเฉพาะขจรเกียรติ ในวันนี้ เขานิ่งเงียบเหมือคิดอะไรได้ขึ้นเยอะกว่าตอนแรก ๆ ที่รู้ว่าเมียหนีตามชู้ไป...
“เมื่อยก็พักนะพี่เกียรติ”
“ยังไหวครับอาจารย์”
พอขจรเกียรติบอกอย่างนั้นแล้วเขาก็เดินออกจากตัวอาคารไปเดินดูฝ่ายจัดสวนด้านหน้าโรงแรมที่ง่วนทำงานกันเต็มที่เหมือนกัน...และภาพเจ้าของวิษณุจักรผู้ชายหล่อเนี๊ยบที่กำลังคุยกับโฟร์แมนคุมงานก็ทำให้เขาสะท้อนใจ จนต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง...
หลังจากตั้งเตาอุ่นแกงให้สุนันทาแล้วจรินนาก็อาบน้ำแต่งตัวมายังห้างสรรพสินค้าจุดหมายก็คือเข้าร้านเสริมความงามกับช็อปปิ้งเสื้อผ้าฆ่าเวลาตามประสาสาว ๆ แต่ระหว่างที่เดินผ่านร้านหนังสือ เท้าของจรินนาก็ต้องชะงัก เพราะคนที่ยืนก้มหน้าอยู่กับหนังสือในมือนั้นคือเดชาพงษ์และช่วงที่หญิงสาวมองเขา เขาก็ปรายตาขึ้นมามองเห็นจรินนาพอดี จังหวะนั้นจรินนาจึงต้องยิ้มให้เขาโดยอัตโนมัติแต่ว่าใบหน้าของเขานั้นกลับเรียบเฉยก่อนจะค่อย ๆ ขยับเป็นยิ้มแหย ๆ ให้ จรินนาถอยหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในร้านหนังสือทันที
“นึกว่าอยู่ที่โรงแรมเสียอีก” ด้วยอยู่ในร้านหนังสือ จรินนาจึงต้องเดินเข้าไปจนเกือบชิดเขาและพูดเสียงไม่ดังนัก
“เบื่อ ๆ ครับ เลย ออกมาเดินแก้เซ็ง” เขามองหน้าหญิงสาวแล้วมองตัวอักษรหน้าหนังสือต่อ
“อ่านอะไรอยู่คะ”
“หนังสือท่องเที่ยวครับ ผมชอบเที่ยวธรรมชาติ พวกกางเต็นท์ บนดอยสูง หน้าหนาวครับ แคมป์ปิ้งนิดหน่อย”
“โอ้ววว เป็นอะไรที่วิเศษมาก ๆ เลย”
“คุณจรินนานอนเต็นท์ได้ด้วยเหรอครับ”
“เคยซิคะ ตอนที่อยู่...” จรินนาเล่าเรื่องสมัยที่เรียนหนังสือที่ต่างประเทศให้เขาฟังคร่าว ๆ จะว่าเป็นการอวดกันแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็แค่อยากเล่าประสบการณ์บู๊ของตนให้เขาได้รับรู้ไว้ แต่ที่สำคัญขณะที่เล่าเขารู้สึกว่าเจ้าหล่อนนั้นได้ขยับเท้าเข้ามาชิดตัวเขาเพราะมีคนเบียดมาดูหนังสือและก็ไม่ได้ขยับกลับไปหลังจากที่พอมีพื้นที่ข้างตัวว่างแล้ว และเขาเองก็อยากจะดูทีท่าว่า เจ้าหล่อนกำลังทำตัวอย่างที่สุนันทาบอกไว้หรือไม่ เขาก็เลยปล่อยให้การสนทนากันนั้นเป็นไปในลักษณะ แขนชนกันบ้าง มือมาถูกกันบ้าง เพราะเขาเองก็ต้องเปิดหน้าหนังสือไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ในหนังสือกำลังแนะนำไปให้เจ้าหล่อนเห็นเหมือนกัน...
“ดอยเสมอดาวที่น่าน...ชื่อเพราะค่ะ มีโปรแกรมจะไปเมื่อไหร่จะได้ชวนพี่เอกไปด้วยกัน พี่เอกก็ชอบแคมป์ปิ้งเหมือนกันค่ะ ขานั้นถึงไหนถึงกัน”
“คุณเอกจะมีเวลาหรือครับที่ร้านขายดีมาก เปิดทุกวันไม่มีวันหยุดด้วย” กิจการของเอกรินทร์นั้นเป็นร้านค้าส่งที่มีหน้าร้านให้ไปเลือกซื้อสินค้าซึ่งพ่อแม่วางระบบไว้แล้วเพียงเขากลับมาบริหารจัดการ
“พี่แกกำลังวางระบบ วางกำลังคนอยู่ค่ะ แต่คิดว่า คงจะเจียดเวลาได้บ้าง คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์”
เสียงจรินนาดังขึ้น ๆ จนกระทั่งมีเสียงกระแอมมาจากป้าคนหนึ่งที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ เดชาพงษ์ จรินนายิ้มแหยๆ ให้เดชาพงษ์ก่อนจะบอกว่า
“เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหม ซื้อหนังสือเล่มนี้ไปด้วยก็ได้ มาจินจ่ายเอง” ว่าแล้วหญิงสาวก็ดึงข้อมือของเขาไปยังเคาน์เตอร์...
“คุณจินไม่ต้องจ่ายหรอกครับผมจ่ายเอง”
“จินจ่าย อาจารย์อ่านแล้วกัน จินไม่ชอบอ่านหนังสือ ขอไปเที่ยวอย่างเดียว โอเคนะ..กำหนดวันมาล่วงหน้าหน่อยแล้วกัน...เดี๋ยวไปคุยกันที่ร้านไหนดี..จินรู้สึกว่าจินหิวข้าวแล้ว”
หลังจากชำระค่าหนังสือแล้วก็พากันเดินออกมาหน้าร้านมองซ้ายมองขวาแล้วจรินนาก็เอ่ยปากถามเขาอีกรอบ... “ตกลงร้านไหนดีค่ะ”
“ร้านอาหารญี่ปุ่นนี่ไหม”
“ผม เอ่อ..” เดชาพงษ์กำลังงง ๆ กับพฤติกรรมของหญิงสาวแต่สติของเขา เขาก็บอกกับตัวเองว่า เขาจะลองไม่ตามใจเจ้าหล่อนทั้งหมด อยากจะดูซิว่า เจ้าหล่อนจะปรับตัวเองเป็นแบบที่เขาชอบได้หรือไม่
เดชาพงษ์ส่ายหน้าเบา ๆ
“พิชซ่าหรือสุกี้...วันนั้นเห็นมากินสุกี้กับน้องสาวใช่เปล่าค่ะ”
เดชาพงษ์ทำหน้าแปลกใจที่หญิงสาวเอ่ยถึงเมขลา และเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อวันกินเลี้ยงงานแต่งพี่ต้นกล้านั้น เมขลาเซ้าซี้ถามเขาว่าผู้หญิงสวย ๆ ที่คุยกับเขาตรงหน้างานนั้นเป็นใคร เขาก็เลยจำต้องบอกไปว่า คือจรินนาคุณหนูลูกสาวคนเดียวของเจ้าของโรงแรมที่เขากำลังทำงานให้อยู่ แล้วตอนที่ออกไปรอรับดอกไม้จากเจ้าสาวเมขลาก็คงไปคุยกับจรินนาแล้วแน่ ๆ ไม่งั้นจรินนาก็คงไม่เอ่ยถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมาอีกรอบ
“ครับ...สุกี้เพิ่งกินไปครับ..เอาเป็นร้านยำแซ่บนี่แล้วกัน”
“ดีเลยค่ะ แต่เท่าที่รู้มา มันไม่ค่อยอร่อยนะ”
“เท่าที่รู้ ก็ยังไม่ได้พิสูจน์นี่ครับ...”
“ใช่จริง ๆ ด้วย มันต้องพิสูจน์เนอะ..แต่ให้จินเลี้ยงนะคะ”
เขาสั่นหน้าดิกขึ้นมาอีกรอบ
“หารแล้วกันครับ เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย”
“โอเคค่ะ”
หลังจากจองตั๋วหนังมาแล้วอนงค์นางก็หมุนตัวเตรียมลงจากชั้นสี่เพื่อไปหาข้าวเย็นรองท้องก่อนที่หนังจะฉาย และหญิงสาวก็ต้องยิ้มกว้าง เมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่หางแถวนั้นเป็นวิษณุจักรที่ยังอยู่ในชุดที่อนงค์นางเห็นมาทั้งวัน ก็แสดงว่าเขายังไม่ได้กลับบ้านและคงจะมาดูหนังก่อนกลับบ้านแน่ ๆ
“มาดูหนังเหมือนกันหรือคะ”
“ครับ รอพี่แป๊บนะ” รอให้เขาซื้อตั๋วก่อน แล้วคงจะสะดวกใจกว่ายืนคุยโดยมีคนอื่น ๆ ฟังไปด้วย
อนงค์นางเดินไปหยุดรอเขาตรงป้ายโปรแกรมด้านหน้า อึดใจเขาก็เดินถือตั๋วหนังเดินมาหา
“ใจตรงกันเลยนะ”
“เรื่องเดียวกันหรือเปล่า”
พออนงค์นางถามเขาก็หงายมือให้เห็นเรื่อง โรง และเลขที่นั่ง และอนงค์นางก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่ามันเป็นที่นั่งข้าง ๆ เธอ...
“พี่มาคนเดียว นางก็มาคนเดียว ก็ดูซะด้วยกันเลย แล้วนี่กินข้าวเย็นหรือยัง”
“ยังค่ะ มาดูตั๋วก่อน พอดีมีที่ว่างก็เลยรีบจองแล้วจะรีบลงไปลุย...”
“ไปด้วย พี่ก็หิวเหมือนกัน”
ทั้งสองเดินลงบันไดเลื่อนในลักษณะยืนเคียงกันเหมือนคู่รักกัน กระทั่งถึงชั้นสามที่เป็นส่วนของสินค้าโปรโมชั่น วิษณุจักรหยุดดูเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้มที่แขวนอยู่...
“สวยดีค่ะ”
“เห็นสีนี้ทีไรแล้วอดใจไม่ไหวสักที ไป ๆ ไปกินข้าวกันก่อน”
“กินอะไรดี”
“อาหารขยะแล้วกัน”
“กินเป็นเหมือนกันหรือคะ”
“กินประจำครับ...เบียดกับวัยรุ่นเข้าไปซื้อ ทำให้เราดูเป็นอายุน้อยลง”
“เข้าใจคิด...”
และพอลงบันไดเลื่อนมายังชั้นล่างพอทั้งสองคนจะเดินผ่านร้านยำแซ่บเท้าของอนงค์นางก็ต้องหยุดก้าวเหมือนติดดิสเบรคและวิษณุจักรก็มองตามสายตาของอนงค์นางไปทันที...
“เป็นไปได้อย่างไรละเนี่ย” พอเห็นอาจารย์เดชาพงษ์นั่งกินอาหารอยู่กับคุณหนูจรินนาแล้วอนงค์นางก็ก้าวขาเดินต่อพลางเปรยขึ้นมาเบา ๆ แต่ว่าตอนนั้น คนข้าง ๆ ตัวของหญิงสาว เงียบขรึมมีที่ท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง...
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เดชาพงษ์ตระหนักในคำว่าเนื้อคู่มากยิ่งขึ้น ซึ่งเท่าที่รู้มา คนเรานั้นถ้าเคยทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันหรือเคยเป็นครองคู่กันมา ชาตินี้ก็จะต้องมีเหตุให้มาเจอกันอีก ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าคำทำนายของเมขลาเป็นจริง จรินนาก็คงจะใช่ผู้หญิงคนนั้นของเขา เพราะขนาดเขาเสียความรู้สึก คิดหาทางออกให้กับเรื่องระหว่างเขากับเจ้าหล่อนไม่ได้ ก็ยังมีเหตุให้ต้องมาเจอกันในห้างสรรพสินค้าซึ่งนาน ๆ ทีเขาจะแวะเวียนมาผ่อนคลายอารมณ์ตามลำพัง แต่วันนี้เขาก็รู้สึกอยากมาเสียอย่างนั้น
และพอมาแล้ว ก็ดันมามีเรื่องให้ร้อยความสัมพันธ์กันต่อไปอีก...แต่การเดินเกมแบบเหมือนจะรู้อนาคตอยู่บ้างมันก็เป็นเรื่องสนุกสำหรับเขาอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยเขาก็อยากจะรู้ว่า ถ้าเขาไม่จีบจรินนาอย่างเปิดเผยความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้หญิงสาวอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน จรินนาจะเป็นฝ่ายเผยความรู้สึกกับเขามาอย่างไร ซึ่งจรินนาก็ทำได้ไม่น่าเกลียดนัก เพราะระหว่างที่นั่งทานอาหารด้วยกันก็ทำให้
เขารู้จักตัวตนของจรินนามากยิ่ง ๆ ขึ้น
จรินนาไม่กินเผ็ดจัด แต่ว่าก็กินเผ็ดพอได้ และหลาย ๆ เมนูที่เขาชอบจรินนาก็เห็นดีเห็นงามด้วย และระหว่างมื้ออาหารหญิงสาวก็มีเรื่องซักไซ้เขามากมายตั้งแต่เรื่องท่องเที่ยวจนมาถึงเรื่องความเป็นมาของตัวเขา...
“พี่ชายอาจารย์ไปเป็นทหารเรือ ตัวอาจารย์เองไปอย่างไรมาอย่างไรถึงได้มาเดินบนเส้นทางสายศิลปะนี้ได้ละคะ”
“เริ่มต้นจากใจรักครับ โตมาก็ชอบขีด ๆ เขียน ๆ ชอบวาดรูปโดยเฉพาะรูปพุทธประวัติที่เห็นในวัด แล้วก็ภาพลายไทยจากปกสมุดเรียน เคยเห็นไหมครับ...แต่ว่าพ่อผมอยากให้ผมรับราชการ เพราะตอนนั้นพี่ชายผมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้แล้ว พอจบมอหกผมก็เลยต้องไปเรียนสายครู จนกระทั่งเรียนจบครู ผมไม่รู้สึกอยากสอนหนังสืออย่างที่เรียนมา ผมไม่อยากสอบบรรจุ ผมก็เลยคิดว่า ผมขอทำตามความฝันของตัวเองดีกว่า ผมรู้ข่าววิทยาลัยในวังที่กรุงเทพฯ โครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ เปิดสอนให้โอกาสกับคนที่มีใจรักทางด้านนี้ ผมก็ขอพ่อไปลองดู แล้วก็รู้สึกว่ามันใช่สิ่งที่เราอยากทำมาตลอด แล้วในที่สุดผมก็สามารถเป็นอย่างที่พ่ออยากให้เป็นและเป็นในส่วนที่ผมอยากเป็น เป็นครูสอนเขียนภาพจิตรกรรมไทย แล้วพอทางวิทยาลัยในวังเปิดสาขาที่นี่ ผมก็เลยคิดว่าผมอยากกลับมาอยู่ใกล้ ๆ กับพ่อกับแม่..ก็ประมาณนี้แหละครับ”
“ดีจังค่ะ มีฝันและเดินบนเส้นทางสายฝันของตัวเองจนได้..”
“คุณจินไม่มีฝันอะไรหรือครับ”
“ไม่มีค่ะ โตมาก็ทำหน้าที่ที่ควรทำไปวัน ๆ ไม่ได้รู้สึกอยากเป็นอะไรอยากมีอะไรมากมาย ทำไมเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้”
“อาจจะเป็นเพราะคุณจินโตมาบนกองเงินกองทอง”
“ใคร ๆ ก็คิดว่าจินโตมาบนกองเงินกองทอง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ป๊าก็ไม่ได้ตามใจอะไรเลยนะ ป๊าจะให้เมื่อควรจะให้ และก็มีบ้างที่ไม่ยอมให้...”
“ซึ่งมันก็อาจจะมากกว่าเด็กในยุคเดียวกัน”
“ก็ใช่ค่ะ ป๊ารักจินมาก ให้จินได้ทุกอย่างที่จินอยากจะมี ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้จินไม่รู้สึกว่าจะต้องดิ้นรนทำอะไรเพื่ออนาคต แต่ใช่ว่าจินจะเหลวไหลนะคะ การเรียนของจินก็ถือว่าดีเชียวแหละ ไม่งั้นจินไม่จบมาจากเมืองนอกได้หรอก...”
“ครับ ผมเชื่อว่าคุณจินเป็นคนฉลาด”
“ชมหรือเปล่า”
“ชมครับ”
“ทำไมถึงเชื่อ...”
“ถ้าไม่ฉลาดคุณจินก็คงจะยอม ๆ พ่อคุณจินไปหมดทุกเรื่องแล้วครับ ไม่มาทำให้ผมวุ่นวายสเก็ตแบบก่อนวาดลงผนังหรอก”
“งั้นมื้อนี้จินเลี้ยงขอโทษแล้วกัน”
“ไม่ได้ครับ ตกลงกันแล้ว”
“โอกาสหน้านะคะ”
“กินข้าวกับผมอร่อยหรือครับ ผมคุยไม่สนุก” ตอนนั้นเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพลั้งปากถามอย่างนั้นออกไป...และจรินนาก็หัวเร็วพอจะเอาตัวรอดไปว่า
“กินข้าวไปได้สาระความรู้ไปนี่มันก็หาไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนกันค่ะ” ด้วยก่อนหน้านั้นเขาพูดถึงเรื่องการไปเที่ยว และจรินนาก็ทำท่าสนใจที่จะร่วมทริปเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งหมด งานที่กำลังทำอยู่ก็ต้องเสร็จแล้ว และก็ต้องไปกันก่อนที่โรงแรมและโรงเรียนจะเปิดด้วย...
คิดถึงอนาคตระหว่างเขากับเธอที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามันจะต้องเจออะไรบ้าง ทำให้เดชาพงษ์รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอยู่เหมือนกัน ระหว่างคุณหนูดอกฟ้ากับผู้ชายธรรมดาอย่างเขามันจะลงเอยอย่างคำทำนายได้อย่างไร
---------------------------------
“สวัสดีค่ะอาอึ้ม” หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจรินนาก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเอกรินทร์ในเวลาเกือบจะสามทุ่ม
“อึ้มมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ ไม่รบกวนเวลาหนูใช่ไหม”
“มีอะไรคะ”
“อย่าหาว่าอาอึ้มเจ้ากี้เจ้าการหรือเรื่องมากเข้ามาวุ่นวายอะไรกับชีวิตหนูเลยนะ แต่ที่อึ้มจะพูดนี่ก็ด้วยความปรารถนาดีล้วน ๆ เลย”
“เรื่องอะไรคะ”
“วันนี้มีคนเห็นหนูไปกินข้าวกับอาจารย์เดชาพงษ์ แล้วเขาก็เอามาบอกอึ้ม คือว่า อึ้ม กับอาแปะ ไม่อยากเข้ามาก้าวก่ายชีวิตหนูหรอกนะ แต่อยากจะบอกให้หนูรู้ไว้นิดหนึ่งว่า พอหนูกลับมาแล้วทางเราเห็นว่าหนูกับวิษณุจักรไปไหนมาไหนด้วยกันนะ ทางเรารู้สึกดี ๆ เป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่ก็เลยคุยกันไประดับหนึ่งแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไรคะ”
“ก็ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับอาจารย์เดชาพงษ์ก็อย่าไปไหนมาไหนกันสองคน บ้านเราเมืองเรามันเล็กนิดเดียว ไม่อยากให้ทางนั้นเห็น หรือมีคนเอาไปพูดได้”
“แล้วถ้าคิดละคะ”
“อาจินนาอย่าพูดเล่น”
“อึ้มคะ เรื่องนี้จินขอนะคะ ขอให้จินตัดสินใจเอง ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นพี่จักรหรืออาจารย์เดชาพงษ์จินยังไม่ได้คิดอะไรกับใครทั้งนั้นแหละคะ อึ้มก็บอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าบ้านเราเมืองเรามันเล็กมันแคบ ที่ผ่านมานั้นไม่ว่าจะไปกับพี่จักรหรืออาจารย์เดชามันก็เรื่องบังเอิญทั้งนั้นแหละคะ”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2555, 22:27:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2555, 22:27:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 2356
<< 11.1“สุอยากเตือนอาจารย์ไว้นิดหน่อยค่ะ ....จินเค้ามีปัญหาทางจิตค่ะ” | 12.“ก็ชีวิตเป็นของเรานี่คะ ทำไมเราต้องแคร์คนอื่นจนมองข้ามความรู้สึกของตัวเอง” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 18 ก.ค. 2555, 22:30:54 น.
เหมือนเดิมว่า ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจครับ...///เดี๋ยวว่าง ๆ จะจับฉลาก รายชื่อผู้โชคดี..ที่คอมเม้นท์ไว้ตั้งแต่ตอนที่ 1-10 นะครับ แต่ว่าตอนนี้ขอติดค้างไ้ว้ก่อน ขอทำงานอีกสักตอนก่อนที่จะไม่ว่างไปเจ็ดแปดวัน...จุ๊บ ๆ
เหมือนเดิมว่า ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจครับ...///เดี๋ยวว่าง ๆ จะจับฉลาก รายชื่อผู้โชคดี..ที่คอมเม้นท์ไว้ตั้งแต่ตอนที่ 1-10 นะครับ แต่ว่าตอนนี้ขอติดค้างไ้ว้ก่อน ขอทำงานอีกสักตอนก่อนที่จะไม่ว่างไปเจ็ดแปดวัน...จุ๊บ ๆ


คิมหันตุ์ 19 ก.ค. 2555, 00:06:14 น.
เหมือนวันนี้จะมายาวกว่าเดิม นะคะเนี่ย อิอิ
เหมือนวันนี้จะมายาวกว่าเดิม นะคะเนี่ย อิอิ


Orathai 19 ก.ค. 2555, 03:30:22 น.
เนอะ..วิษณุจักรเขาดีไปหมดเลย..ผู้ใหญ่ก็ต้องเชียร์เป็นธรรมดา..รอดูกันไปนะหนูจินจะจีบอาจารย์กล้วยยังไง
เนอะ..วิษณุจักรเขาดีไปหมดเลย..ผู้ใหญ่ก็ต้องเชียร์เป็นธรรมดา..รอดูกันไปนะหนูจินจะจีบอาจารย์กล้วยยังไง

konhin 19 ก.ค. 2555, 04:56:09 น.
เอ ที่ว่าคุยๆกันไว้ไม่น่ารวมพ่อนางเอกนะ
เอ ที่ว่าคุยๆกันไว้ไม่น่ารวมพ่อนางเอกนะ

imsoul 19 ก.ค. 2555, 06:40:26 น.
อาจารย์สู้ๆ
อาจารย์สู้ๆ

zilvermoon 19 ก.ค. 2555, 06:58:44 น.
นู๋จินชัดเจนดีมากค่ะ แต่แววอุปสรรคเรื่องฐานะเริ่มมาละ
นู๋จินชัดเจนดีมากค่ะ แต่แววอุปสรรคเรื่องฐานะเริ่มมาละ


คนเหงา 19 ก.ค. 2555, 08:10:12 น.
บ่าง ตัวเบ้อเริ่ม
บ่าง ตัวเบ้อเริ่ม

wii 19 ก.ค. 2555, 08:13:48 น.
อ้าวอาอึ้มมายุ่งอะไรด้วย ตัวเองเป็นคนอื่นนะ พ่อเค้าสนับสนุนเเต่ตัวเองเป็นคนอื่นมาจุ้นเรื่องของลูกคนอื่นใด้ไง ป่านนี้เเล้วยังไม่รู้อีกหรือว่าลูกเป็นเก้งไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อย
อ้าวอาอึ้มมายุ่งอะไรด้วย ตัวเองเป็นคนอื่นนะ พ่อเค้าสนับสนุนเเต่ตัวเองเป็นคนอื่นมาจุ้นเรื่องของลูกคนอื่นใด้ไง ป่านนี้เเล้วยังไม่รู้อีกหรือว่าลูกเป็นเก้งไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อย

anOO 19 ก.ค. 2555, 15:09:02 น.
คุณหนูจินคงไม่ยอมให้ใครมายุ่งเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก
คุณหนูจินคงไม่ยอมให้ใครมายุ่งเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก

nutcha 19 ก.ค. 2555, 15:22:21 น.
พี่ต้นกล้วยกับจินคงต้องช่วยกันร้องเพลง " ก็อุปสรรคมันเยอะดี อย่างนี้ไม่น่าเบื่อ" เนอะ
พี่ต้นกล้วยกับจินคงต้องช่วยกันร้องเพลง " ก็อุปสรรคมันเยอะดี อย่างนี้ไม่น่าเบื่อ" เนอะ

goldensun 19 ก.ค. 2555, 22:40:38 น.
ผู้ใหญ่ดูตามความเหมาะสมอยู่แล้ว จินตั้งมั่นเป็นตัวของตัวเอง แต่จะทานกับความเห็นของผู้ใหญ่ได้แค่ไหน
ผู้ใหญ่ดูตามความเหมาะสมอยู่แล้ว จินตั้งมั่นเป็นตัวของตัวเอง แต่จะทานกับความเห็นของผู้ใหญ่ได้แค่ไหน

lookAme 20 ก.ค. 2555, 18:14:55 น.
อุปสรรคเป็นสิ่งช่วยพิสูจน์รักนะ เพราะงั้นอย่าเพิ่งท้อถอยไปก่อนนะ
อุปสรรคเป็นสิ่งช่วยพิสูจน์รักนะ เพราะงั้นอย่าเพิ่งท้อถอยไปก่อนนะ

Zephyr 21 ก.ค. 2555, 09:33:10 น.
อึ้มเกี่ยวไรด้วยเนี่ย
พี่กล้วย ตำนานดอกฟ้าหมาวัดออกเยอะไป ไม่เป็นไรหรอก
พี่กล้ายังเจอมาแล้ว หนูนาก็เจอแล้ว พี่เจออีกคน เบๆน่า
อึ้มเกี่ยวไรด้วยเนี่ย
พี่กล้วย ตำนานดอกฟ้าหมาวัดออกเยอะไป ไม่เป็นไรหรอก
พี่กล้ายังเจอมาแล้ว หนูนาก็เจอแล้ว พี่เจออีกคน เบๆน่า