มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 8

แอบเศร้า ๆ เพราะมีหลายเสียงรุมต่อว่านายโป๊ปกันใหญ่เลย 5555 เป็นธรรมดาของผู้ชายคนหนึ่งค่ะ แต่จะมีหักมุมตอนท้ายหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ และก็อย่างว่านะคะ ถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันอาจเป็นเพราะกรรมเก่าที่เคยทำกันไว้ในชาติก่อน คู่ของโป๊ปกับปริมจะลงเอยกันยังไง เชิญมาติดตามกันต่อเลยค่ะ หวังว่าตอนนี้โป๊ปจะเรียกคะแนน (สงสาร / สำนึกผิด) กลับคืนมาได้บ้างนะคะ......รักนักอ่านทุกท่านค่ะ (โดยเฉพาะคอมเม้นต์ที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าค่ะ) อิๆๆ
อ้อ! ขอย้ำอีกครั้งนะคะว่า นิยายเรื่อง มาตรากระดังงา เรื่องนี้เป็นการเล่าย้อนอดีตในช่วงต้น เพื่อปูทางให้คนอ่านได้รู้จักตัวละคร และได้เข้าใจว่าทำไมถึงรักและแต่งงานกัน แล้วทำไมถึงต้องหย่าร้าง หากเยิ่นเย้อไปบ้างก็ขอให้อดทนอีกสักนิดนะคะ เพราะถ้ารวบรัดเลย นิยายอาจจะสั้นเกิน ไม่ถึง 30 ตอน หรือไม่ก็จะยืดดดดในช่วงปัจจุบันเกินไปนะคะ ขอบคุณที่ให้คำแนะนำ (ทุกคอมเมนต์มีความหมายมาก ๆ) และคอยติดตามค่ะ.......อาทิตา

ตอนที่ 8

พริมานั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างของห้องเรียนในช่วงเวลาพักกลางวัน หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นซึ่งก็ผ่านมากว่าสามสัปดาห์แล้ว เธอและภัทร์ก็ไม่ได้พบหน้าค่าตากันอีก ไม่มีการติดต่อใด ๆ ทั้งสิ้น ราวกับว่า....ได้ตายจากกันไปแล้ว พริมาไม่ได้เล่าอะไรให้ภัทราหรือใคร ๆ ฟังทั้งนั้น และเมื่อภัทราที่เป็นคนเอากระเป๋าหนังสือมาคืนเธอ...ไม่ใช่คนที่รับฝากไว้ เธอก็บอกกับเพื่อนสาวเพียงสั้น ๆ ว่า
‘ฉันไม่ได้แวะไปที่คอนโด’
ภัทราเฝ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเพื่อนรักและพี่ชาย เพราะต่างฝ่ายต่างดูเปลี่ยนไป พริมาเงียบลง ดูเหงาหงอยและเศร้าสร้อย ส่วนภัทร์นั้นก็ดูไม่ร่าเริง พูดจาและเล่นหัวกับเธอน้อยลงเช่นกัน ที่สำคัญคือเขาไม่แวะเวียนมาหาพริมาที่คณะอีกเลย ไม่แม้แต่จะพูดถึงหรือถามไถ่เรื่องราวของหญิงสาวผ่านเธอเหมือนเช่นที่ผ่านมา ภัทราจึงไม่เชื่อว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ระหว่างคนทั้งคู่
“ปริม แกไม่คิดจะเล่าฉันเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแกกับพี่โป๊ปถึง เอ่อ.....ถึงเลิกกันแล้วล่ะ” ภัทราถามเพื่อนสนิทตรง ๆ อีกครั้งหลังจากที่เคยเพียรถามมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ตอนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นใหม่ ๆ
“ทำไมไม่ถามพี่ชายแกล่ะปั๊ป” พริมาย้อนถาม
“ถามแล้ว แต่พี่โป๊ปไม่พูดอะไร เขาแค่บอกว่า ‘ตาสว่าง’ แล้ว ฉันก็ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่”
“ฮึ! ตาสว่างแล้วเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงบรรลุนิพพานแล้วล่ะ” พริมาชักเคืองเมื่อได้ยินภัทราเล่าให้ฟังว่าภัทร์พูดถึงเธอไว้อย่างไร
“เฮ้อ! มันอะไรกันนักกันหนานะคู่นี้ บทจะรักก็รักกันซะเขาอิจฉาทั้งมหา’ลัย บทจะเลิกก็ไม่มองหน้ากันอีกเลย อะไรมันจะรุนแรงกันขนาดนั้น” ภัทราบ่นพร้อมทั้งถอนหายใจ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทยังไม่ยอมปริปากแต่อย่างใด ภัทราจึงพูดต่อว่า
“นี่ปริม ฉันถามแกหน่อยสิ ฉันนี่จัดว่าเป็นเพื่อนสนิทของแกใช่ไหม แล้วสนิทพอที่แกจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังได้ไหม ถ้าพี่โป๊ปไม่ใช่พี่ชายฉัน แกจะเล่าให้ฉันฟังไหมว่าทำไมแกถึงเลิกกับเขา ที่ฉันอยากรู้ก็เพราะเบื่อที่ต้องทนเห็นแกไร้ชีวิตชีวา ทำท่าเซ็งกะตายไปวัน ๆ แบบนี้น่ะ ถ้าเลิกกันแล้ว จบกันแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ หาคนใหม่เสียก็สิ้นเรื่อง แต่นี่อะไร พอถามฝ่ายนี้ก็ทำท่าว่าฝ่ายโน้นเป็นคนผิด โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา ทีตอนรักกันล่ะก็มาให้ฉันช่วย พอมาตอนนี้ปิดปากเงียบกันหมด ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงเลิกกัน มันมีสาเหตุอะไร ในเมื่อแกก็รู้แล้วว่าวันนั้นพี่โป๊ปไม่ได้ให้เบอร์โทรไปกับสาวที่ไหนแล้วทำไมยังโกรธกันอยู่ล่ะ ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เลย” ภัทราร่ายความในใจออกมาทั้งหมด
“พี่โป๊ปเขามีคนอื่นนะปั๊ป แค่นี้พอไหมที่ฉันจะเลิกกับเขา” ในที่สุดพริมาก็ยอมเอ่ยปากบอกภัทรา
“จริงเหรอปริม! แกรู้ได้ไง เห็นที่ไหน เมื่อไร” ภัทรารัวคำถามใส่เป็นชุด
“แต่ฉันไม่เห็นพี่โป๊ปเขามีใครเลยนะ วัน ๆ ก็เอาแต่ทำรายงาน ไม่ก็อ่านหนังสือบ้างเพราะใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว แถมยังวุ่นกับการหาที่เรียนโทอีก ถ้าว่างก็ไปเล่นบอลเล่นเทนนิสตามประสา ไม่เห็นจะออกไปไหนกับใครเลย แกเข้าใจอะไรผิดอีกหรือเปล่าปริม” ภัทราถามเพื่อความแน่ใจ
“ฉันเห็นกับตานะปั๊ป ก็วันที่จะไปเอากระเป๋าคืนนั่นแหละ พอฉันแวะไปที่คอนโด ก็เห็นว่ามีผู้หญิงอยู่กับเขาในห้องด้วย” พริมาพูดอย่างใจเย็น ถึงแม้จะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ก็ตาม
“จริงเหรอเนี่ย ผู้หญิงที่ไหน ทำไมฉันไม่รู้มาก่อน ไหนแกลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังอย่างละเอียดทีซิ” ภัทราออกคำสั่งเพราะยังไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน และเมื่อฟังพริมาเล่าจบภัทราก็พูดขึ้นว่า
“ไม่อยากจะเชื่อเลย มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ในเมื่อก่อนหน้านั้น พี่โป๊ปเขาพยายามโทรหาแกตั้งไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แล้วจู่ ๆ เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง ฉันว่ามันแปลก ๆ นะ เดี๋ยววันนี้ฉันจะถามเขาให้รู้เรื่องเอง” ภัทรายังคงตั้งข้อสงสัย
“อย่าถามเลยปั๊ป เสียเวลาเปล่า ๆ เพราะถ้าเขายังชอบฉันจริง เขาก็ต้องมาอธิบายสิว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นี่ พี่เขาเงียบหายไปเลย เขาตัดฉันได้ง่ายมาก ง่ายจนฉันตั้งตัวตั้งหลักแทบไม่ทัน ฮึ! ฉันคงไม่มีความหมายอะไรกับเขาเลยมั้ง” พริมาพูดด้วยแววตาและท่าทางที่เศร้าสร้อย
“ไม่จริงมั้ง ถ้าพี่โป๊ปตัดแกได้จริง ๆ เขาจะมานั่งเศร้าอยู่ทำไม ทำไมไม่เห็นออกไปลั้ลลากับสาว ๆ คนไหนเลยล่ะ หรือถ้ามองกลับกัน เขาอาจจะตัดแกไม่ได้เลยต่างหาก เขาจึงต้องใช้ตัวช่วยมาลบแกออกจากหัวใจไงล่ะ ปริม ฉันไม่เคยเห็นพี่โป๊ปเขาจริงจังกับใครมาก่อนนะ แกเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ แกจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่แก ยิ่งตอนนี้อาการของเขาน่ะ ยังกับคนอกหักมากกว่าเป็นคนนอกใจนะปริม” ภัทราพูดในสิ่งที่เห็น
“ไม่ว่าพี่โป๊ปจะอกหักหรือนอกใจก็ช่างมันเถอะ เพราะฉันตัดใจจากเขาได้แล้ว” พริมาพูดออกมาด้วยความมั่นใจแต่ก็ต้องเสียหน้าเมื่อโดนเพื่อนสนิทเบรคว่า
“ย่ะ ตัดใจได้แล้ว ถ้าตัดได้จริง ทำไมแกไม่เปิดใจยอมรับคนอื่นล่ะ ทั้งพี่เอทั้งคุณหมอตินต่างก็ดาหน้ามาให้เลือกถึงที่ ทำไมไม่เลือกเอาสักคน” ภัทราเอ่ยถึงสองหนุ่มที่เริ่มมาวนเวียนรอบตัวพริมาอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ชอบสองคนนั่น แกก็รู้นี่” พริมาพูดตามความรู้สึกที่แท้จริง
“งั้นถ้าตัดใจได้จริง ทำไมแกยังมัวนั่งเศร้า นั่งจมกับคนเก่าอยู่อีก” ภัทรารุกต่อ
“ก็....ก็ฉันยังไม่เจอคนที่ชอบน่ะสิ” พริมาแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ
“เพราะแกยังชอบพี่โป๊ปอยู่ต่างหากล่ะ” ภัทราสรุปสวนกลับไปทันที
“....” พริมานิ่งแทนคำตอบ
“ฉันพูดแทงใจดำใช่ไหมล่ะ” ภัทราย้ำอีกครั้ง
“ฉันชอบเขาหรือไม่ มันไม่สำคัญหรอกปั๊ป เพราะยังไงตอนนี้เขาก็มีคนอื่นแล้ว” พริมาพยายามกลั้นน้ำเสียงที่เริ่มเครือ คนฟังอย่างภัทราจึงต้องยุติการสอบสวน เธอสงสารพริมาอย่างจับใจ แต่ก็ทำได้แค่เพียงบีบมือให้กำลังใจเพื่อนรัก พร้อมทั้งแอบวางแผนในใจอยู่เงียบ ๆ ว่าวันนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะต้องซักฟอกพ่อพี่ชายตัวดีให้รู้เรื่องให้ได้

************************

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน พริมา ภัทรา พิชญธิดา และวรปรัชญ์ต่างก็มานั่งรับประทานขนมและพูดคุยกันที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่ตั้งอยู่ในลานกว้างของคณะ พริมากำลังนั่งรอให้พี่ชายมารับ วันนี้เธอและเปรมจะต้องไปสนามบินเพื่อไปรับแม่ที่บินมาเยี่ยมพวกเธอ ส่วนภัทราก็ลงมารอรถของที่บ้าน เพราะรถของหญิงสาวถูกเฉี่ยวเมื่อหลายวันก่อนจึงต้องเอาไปทำสีใหม่ สี่สาวแท้และเทียมกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสชาติ และเมื่อพริมาหันไปเห็นรถของพี่ชายค่อย ๆ แล่นเข้ามาจากประตูทางเข้า หญิงสาวจึงรีบลุกขึ้นเก็บสัมภาระแล้วจึงบอกลาเพื่อนสนิททั้งสาม หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถของเปรมได้ไม่ถึงอึดใจ เธอก็ร้องเสียงหลงบอกพี่ชายว่าอย่าเพิ่งออกรถ
“ตายจริง! พี่เปรม ปริมลืมขอยืมสมุดของอัณณ์มาลอก วันนี้ปริมจดการบ้านฝรั่งเศสไม่ทันน่ะค่ะ พี่เปรมรอปริมแป๊ปนึงนะคะ” พูดเสร็จพริมาก็รีบลงจากรถ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถของภัทร์แล่นเข้ามาต่อท้าย ชายหนุ่มจึงได้เห็นพริมาอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับหญิงสาวที่หันไปสบตากับเขาเข้าอย่างจัง พริมารีบเมินหน้าหนี ส่วนภัทร์ก็ขบกรามแน่น เมื่อจำได้ว่ารถคันข้างหน้าคือรถของใคร
“ศึกแดงเดือดแน่แก นังปั๊ปแกรีบขึ้นรถไปเลย พี่ชายแกจะมารับทำไมแกไม่บอกก่อนฮะ” วรปรัชญ์พูดขึ้นพร้อมทำท่าทางหวาดเสียว เขาและพิชญธิดารับรู้เพียงว่าคู่รักคู่นี้ได้เลิกลากันแล้ว แต่จะเพราะสาเหตุใดก็ไม่ทราบแน่ชัด เพราะพริมาไม่ยอมปริปากเล่าอะไรออกมาเลย และพวกเขาก็ไม่อยากละลาบละล้วงเพราะไม่ได้สนิทกับหญิงสาวมากเท่ากับภัทรา
“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าพี่โป๊ปจะมารับ สงสัยรถที่บ้านไม่ว่างมั้ง แล้วปริมมันจะลงมาเอาอะไรอีกล่ะนั่น” ภัทราพูดพลางลุกขึ้นเก็บของไปพลาง
“อัณณ์ ไหนล่ะสมุดที่ปริมขอยืมน่ะ เอามาเร็ว ๆ เลย” พริมาถามพิชญธิดา พลางหันไปโบกมือลาให้กับภัทราที่กำลังลุกเดินออกจากโต๊ะไป
“บ้ายบายจ้ะปั๊ป”
“อ๋อ! อยู่นี่ไงปริม” พิชญธิดาค้นในกระเป๋าไม่นานก็หยิบสมุดเล่มบางส่งให้พริมา
“ขอบใจจ้า พรุ่งนี้เราเอามาคืนนะ” พริมารับสมุดจากพิชญธิดามาแล้ว พอจะหมุนตัวกลับเธอก็นึกบางสิ่งบางอย่างขึ้นได้ พริมาจึงไม่รีบกลับไปที่รถของพี่ชาย เธอเลือกที่จะยืนนิ่งรออยู่ที่โต๊ะเพื่อให้รถของภัทร์เคลื่อนออกไปเสียก่อน แต่คนที่ถูกสาวเมินหน้าใส่กลับโมโหกริยาท่าทางของหญิงสาวมากขึ้นไปอีก ภัทร์ไม่ยอมถอยรถออกทั้ง ๆ ที่ข้างหลังไม่มีรถมาต่อท้าย และถนนก็โล่งพอที่จะเลี้ยวรถออกและขับแซงรถคันข้างหน้าไปได้อย่างสบาย ๆ ชายหนุ่มเกิดพาลขึ้นมาที่โดนพริมาเชิดหน้าใส่และเขาก็อยาก ‘มีเรื่อง’ กับคนของเธอ ภัทร์จึงกดแตรไล่รถของเปรมเสียงดังลั่น
‘ปริ้นนนนนนนนนนนนน!!!!!’
พริมาผวาอย่างตกใจเพราะเสียงแตร เธอรีบหันหลังกลับไปดู และเมื่อรู้ว่าโดน ‘เล่นงาน’ เข้าแล้วหญิงสาวจึงรีบวิ่งกลับมาที่รถของพี่ชาย แล้วรีบขึ้นไปนั่งในทันที
“ใครอะ ไม่มีมารยาทเสียเลย ถนนก็ว่างทำไมไม่ออกไปล่ะ เมื่อกี้ถ้าพี่จำไม่ผิด ปั๊ปเพื่อนปริมเพิ่งขึ้นไปในรถคันนั้นไม่ใช่เหรอ” เปรมบ่นพร้อมทั้งหันมาถามน้องสาว
“ไปเถอะค่ะพี่เปรม เรารีบไปรับแม่กันเถอะค่ะ เดี๋ยวรถติดแล้วแม่จะต้องรอพวกเราอีก” หญิงสาวเลี่ยงที่จะตอบคำถามของพี่ชาย เพราะถ้าบอกออกไปอาจมีการวางมวยเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเปรมยังกรุ่นโกรธภัทร์อยู่ไม่น้อยเมื่อรับรู้จากพริมาว่าได้เลิกกันแล้ว แต่ถึงพริมาไม่บอกเปรมก็ทันได้เห็นหน้าของคนขับรถที่บีบแตรไล่เขาจากกระจกมองหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เปรมก็พูดออกมาว่า
“เชอะ! นึกว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้พวกชอบอวดรวย คงกดแตรเพราะอยากให้สาว ๆ เห็นว่ามันขับรถราคาเป็นสิบล้านล่ะมั้ง” เปรมหาเรื่องว่าภัทร์เพราะยังเคืองเรื่องน้องสาวอยู่ เขามั่นใจว่าชายหนุ่มเป็นคนหักอกน้องสาวอย่างยับเยิน
“ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบไปรับแม่นะ พี่จะลงไปมีเรื่องกับมันสักตั้ง” เมื่อได้ยินดังนั้น พริมาจึงต้องรีบสำทับกับพี่ชายว่า
“รีบไปเถอะคะ อย่ามีเรื่องกันเลย เดี๋ยวพี่เปรมจะเสียประวัติเปล่า ๆ” พริมาเตือนสติพี่ชาย เปรมจึงสงบลงแล้วจึงรีบขับรถออกไปก่อนที่จะห้ามโทสะตัวเองไม่อยู่
ระหว่างนั้นเองในรถสปอร์ตหรูของภัทร์ ภัทราก็ส่งเสียงโวยวายดังลั่น
“พี่โป๊ป! พี่ไปกดแตรไล่พี่เปรมเขาทำไมอะ ไม่มีมารยาทเลย แล้วดูซิ คนอื่นเขาหันมามองเรากันหมดแล้ว” ภัทราหันไปมองรอบ ๆ เพราะรถของเธอกำลังตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาเพื่อนร่วมคณะ
“ช่วยไม่ได้ อยากชักช้าเองทำไม” คนพาลกล่าวออกมาอย่างไม่รู้สำนึก ก่อนที่จะนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา เขาจึงถามน้องสาวออกไปว่า
“ปั๊ปรู้จักไอ้คนขับรถนั่นด้วยเหรอ”
“ก็รู้จักสิ นั่นน่ะพี่ชายของปริมไงล่ะ ชื่อพี่เปรม เรียนหมอ อยู่ปี 5 แล้ว” ภัทราบอกพี่ชายอย่างหัวเสียโดยไม่ได้หันไปดูหน้าตาของผู้เป็นพี่ชายว่าออกอาการ ‘เหวอ’ ไปถึงไหนแล้ว
“พี่ชายของปริม” ภัทร์ทวนคำพูดของน้องสาวอย่างช้า ๆ
“ใช่ค่ะ โกรธน้องสาวเขาแล้วไปพาลลงที่พี่ชายได้ไง พี่โป๊ปนี่ นิสัยไม่ดีเลย ใช้ไม่ได้” ภัทราต่อว่าพี่ชาย
“พี่ชายปริม คนที่สูง ๆ ผอม ๆ ขาว ๆ ใส่แว่นตาด้วยใช่ไหม” ภัทร์ถามและรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ใช่เลย หน้าตาก็คล้าย ๆ กับปริมนั่นแหละ ดูก็ออกว่าเป็นพี่น้องกัน แต่พี่เปรมเขาดูเข้มกว่า แถมเป็นเสือยิ้มยากอีกต่างหาก หน้าตาเลยดูดุ ๆ ไปหน่อย เวลาเป็นคุณหมอแล้ว คนไข้เห็นคงกลัวกันหัวหด” ภัทราอธิบายเพิ่มเติม ก่อนที่จะประหลาดใจเพราะได้ยินเสียงจากฝั่งพี่ชาย
‘เผียะๆๆ’ ภัทร์เอามือตบหน้าผากตัวเองติดต่อกันหลายที ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาดัง ๆ
“เฮ้อออออ! เวรแล้วไม่ล่ะ ทำไมถึงโง่ขนาดนี้วะเรา” ภัทร์ด่าตัวเอง เพราะรู้ว่าได้สร้างปัญหาอันใหญ่หลวงไว้แล้ว
“คราวนี้ดันไปมีเรื่องกับเขาทั้งตระกูลเลย ซวยจริง ๆ จะทำยังไงละที่นี้” ภัทร์ส่ายหน้าไปมาเพราะยังมืดแปดด้านไปหมด ส่วนภัทราก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นพี่ชาย

************************

หลังจากวันนั้นขบวนการง้อสาวของภัทร์ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างอลังการ เพราะเขารู้ตัวแล้วว่าได้ทำผิดพลาดไปอย่างมหันต์ ชายหนุ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องสาวฟังเพราะเขาต้องการกำลังสนับสนุนในการรบครั้งนี้ เขาต้องชนะเท่านั้น เขาจะต้องทวงหัวใจของพริมากลับคืนมาให้ได้ ภัทราจึงต้องทำหน้าที่เป็นทูตสันถวไมตรีที่ต้องประสานรอยร้าวของคนทั้งคู่ให้สนิทดังเดิม นอกจากหญิงสาวจะต้องมาเล่าเรื่องความหน้าแตกของภัทร์ให้พริมาฟังแล้ว เธอยังต้องเป็น ‘เมสเซ็นเจอร์’ คอยส่งดอกไม้ช่อโตพร้อมด้วยถ้อยคำขอโทษและคำบอกรักหวาน ๆ ต่าง ๆ นานามาให้พริมาทุก ๆ วัน ที่เด็ดสุดและโดนใจหญิงสาวเข้าอย่างจังก็คงจะเป็น
‘ฉันรักเธอ แม้ว่าอาจจะเผลอมองใคร แต่ว่าไม่ได้คิด เธอนั่นแหละที่คิดมากไปรู้ไหม ยังไงฉันก็รักเธอ’ (เพลง เผลอ – สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์)
และแม้ว่าในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พริมาจะได้รับดอกไม้ช่อโตและคำบอกรักหวานหยดย้อยสักเพียงไหนเธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมใจอ่อน หรือให้อภัยกับความโง่เขลาเบาปัญญาของภัทร์เลย หญิงสาวยังโกรธเขา เธอยังไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขา ไม่ยอมพูดคุยด้วย พริมาจะรีบลุกออกจากโต๊ะอาหารทันทีถ้าภัทร์มาร่วมรับประทานข้าวเที่ยงด้วย นับว่าเธอใจแข็งเป็นอย่างมาก พริมาพยายามเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับชายหนุ่มจอมตื๊ออยู่ตลอดเวลา และไม่ว่าบรรดากองเชียร์ทั้งหลายจะช่วยพูดจาหว่านล้อมสักเพียงใดก็ไม่สามารถทำให้เธอใจอ่อนลงได้เลย แต่ภัทร์ก็ไม่ยอมแพ้ เขามีกำลังใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรค ซึ่งก็คือ เขาไม่เห็นว่าพริมาจะเปิดโอกาสให้ใครได้เข้ามาแทนที่เขาเลย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ร่วมคณะอย่างเอ หรือว่าที่คุณหมออนาคตไกลอย่างคณิติน ภัทร์จึงยังมีแรงใจที่จะพยายามทุกวิถีทางให้คนรักยอมยกโทษให้ ไม่เว้นแม้แต่การใช้เล่ห์เหลี่ยมและตัวช่วยฝีมือดีอย่างน้องสาวของเขาเอง
เย็นวันศุกร์เวลาประมาณ 18.30 น. หลังจากอยู่ติวหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบปลายภาคเรียนที่ 2 ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้ากันเสร็จแล้ว ภัทราก็อาสาไปส่งเพื่อน ๆ ทุกคนที่สถานีรถไฟฟ้า ยกเว้นพริมาที่เธอออกปากจะไปส่งถึงคอนโดฯ โดยอ้างว่าจะไปทำธุระแถวนั้นพอดี แต่หลังจากแวะส่งวรปรัชญ์และพิชญธิดาแล้ว ภัทราก็เอ่ยบอกพริมาว่าต้องแวะไปเอาตำราเรียนที่คอนโดฯเธอก่อน เพื่อจะเอาไปอ่านที่บ้านในช่วงสุดสัปดาห์นี้
เมื่อขับมาใกล้ถึงคอนโดฯ ภัทราก็เอ่ยปากชวนพริมาให้ขึ้นไปบนห้องกับเธอด้วย แต่พริมาไม่ไว้ใจ ‘เมสเซ็นเจอร์’ ที่คอยเชียร์พี่ชายออกนอกหน้าอย่างภัทรา เธอจึงปฏิเสธและบอกว่าขอรออยู่ในรถแทน อันที่จริงลึก ๆ แล้ว เธอยังไม่อยากกลับไปยัง ‘จุดเกิดเหตุ’ เสียมากกว่า เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงไม่ลบเลือนออกไปจากหัวใจของเธอ ภาพความสนิทสนมของภัทร์และหญิงสาวคนนั้นยังคงแจ่มชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เมื่อภัทราไม่สามารถกล่อมพริมาได้สำเร็จ หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก
“แม่คะ อีกแป๊ปหนึ่งปั๊ปก็จะเลี้ยวรถเข้ามาในคอนโดฯแล้วนะคะ เดี๋ยวปั๊ปต้องแวะขึ้นไปเอาหนังสือที่ห้องคนเดียวก่อน แล้วให้ปริมนั่งรออยู่ในรถ” เมื่อภัทราเห็นพริมาหันมาทำหน้าตางงงวยและสงสัยกับบทสนทนาที่ดูกำกวมของเธอ ภัทราจึงพูดต่อว่า
“อ้อ! ปั๊ปต้องไปส่งปริมก่อนจะกลับบ้านนะค่ะแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อะไรนะคะแม่ อ๋อ! ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ปั๊ปต้องจอดรถแล้วอ่ะค่ะ แล้วเจอกันนะคะแม่ อย่าช้านะคะ เอ้ย! ปั๊ปหมายถึงวันนี้ปั๊ปอาจกลับช้านิดหนึ่งน่ะค่ะ” ภัทราหันมายิ้มกลบเกลื่อนทันทีที่กดวางสายเรียบร้อยแล้ว
“แม่ปั๊ปไม่ได้ไปเมืองจีนเหรอ” พริมาถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะภัทราเพิ่งบอกเธอเมื่อไม่นานว่าพ่อและแม่ไม่อยู่บ้าน
“อ๋ออออ แม่บินกลับมาก่อนน่ะ เพิ่งถึงเมื่อเช้าเอง” ภัทราแก้ผ้าเอาหน้ารอดได้สำเร็จ แล้วรีบพูดต่อทันทีเพราะกลัวจะโดนซักฟอกไปมากกว่านี้
“ปริมรออยู่ในรถก่อนนะ เราลงไปเอาหนังสือแป๊ปเดียว เดี๋ยวมา” ภัทราพูดเสร็จก็รีบลงจากรถไปในทันที
“อือ อ้าว! แล้วนั่นจะเอากระเป๋าไปด้วยทำไมล่ะ” พริมาถามพร้อมสังเกตอาการลุกลี้ลุกลนของเพื่อนสนิท
“อ๋อ! ก็มีการ์ดคอนโดฯไง เผื่อพี่โป๊ปไม่อยู่น่ะ” ภัทราเอาตัวรอดไปอย่างหวุดหวิดได้อีกครั้ง
“อ๋อ! งั้นก็ไปเถอะ” พริมาบอกพลางเอนตัวลงไปกับเบาะรถ เพื่อพักสายตาระหว่างที่รอภัทรา
“ไปล่ะ โชคดีนะ” เพราะความอ่อนเพลียจากการเรียนและอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบมาทั้งวัน พริมาจึงไม่ได้เฉลียวใจกับคำพูดของภัทรา และทันทีที่เธอหลับตาลงได้เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ประตูรถฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
“มาแล้วเหรอ เร็วจัง” พริมาพูดพร้อมทั้งลืมตาขึ้น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาในรถ หญิงสาวพยายามจะลงจากรถทันทีเมื่อได้สติ แต่ก็ช้ากว่าภัทร์ที่กดล็อครถได้เร็วกว่า ชายหนุ่มไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอยไป เขารีบพูดตรงประเด็น
“ปริม พี่ขอโอกาสอีกสักครั้งนะครับ ได้ไหม พี่มันโง่เองที่เข้าใจผิดไปในตอนนั้นน่ะ พี่ขอโทษนะ ยกโทษให้พี่นะคนดี พี่สัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีก นะครับ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะครับ ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งนะ พี่ขออีกแค่ครั้งเดียวนะปริม พี่รับรองว่าจะไม่ทำให้ปริมต้องเสียใจอีก ว่าไงครับ คืนดีกันนะ” ภัทร์ยืมมุกของหญิงสาวมาใช้บ้าง ชายหนุ่มยื่นนิ้วก้อยออกไปแต่ก็ต้องรอเก้อ
“พี่โป๊ปเป็นคนพูดเองว่าให้ปริมเดินออกจากชีวิตพี่ไป นี่ปริมก็ทำตามที่พี่ขอแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องเลิกมายุ่งกับปริมเสียที เลิกมาตามรังควาน เลิกส่งดอกไม้พวกนั้นมาให้ได้แล้ว เพราะมันไม่ได้ผล ปริมยกโทษให้ก็ได้ถ้าพี่ต้องการ แต่พี่ต้องรับปากว่าจะไม่มาตอแยกับปริมอีกต่อไป ขอให้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องพบต้องเจอกันอีกแล้ว” เมื่อเห็นว่าไม่มีทางหลบหน้าได้อีกต่อไป พริมาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ซึ่งก็ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว
“ปริม....ปริมบอกว่าเคยทำตามที่พี่ขอมาครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าพี่จะขอให้ปริมทำตามที่พี่ขออีกสักครั้งล่ะ จะได้ไหม ......พี่ขอให้ปริมกลับเข้ามาในชีวิตพี่อีกนะ ได้ไหมครับ”
“.......”
“ทำไมคราวนี้ปริมไม่ทำตามล่ะ พี่ขอโอกาสอีกสักครั้ง ได้ไหม พี่สัญญาว่าจะรักปริมคนเดียว จะไม่ทำให้ปริมต้องเสียใจอีก ว่าไงครับ ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งนะครับปริม” ภัทร์ยังคงออดอ้อนขอโอกาส
“ปริมไม่มีโอกาสอะไรจะให้พี่โป๊ปอีกแล้วค่ะ ช่วยเปิดประตูให้ปริมด้วย ปริมจะกลับบ้านเอง”
“ปริม....”
“.......” พริมาจบบทสนทนาด้วยความเงียบงัน ภัทร์เองก็นิ่งเงียบไปเช่นเดียวกัน ผ่านไปหลายนาทีกว่าที่เขาจะพูดออกมาได้ว่า
“ถ้าอย่างนั้น ปริมไม่ต้องกลับเองหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่ง พี่ขอแค่ไปส่งปริมอีกสักครั้ง พี่ขอแค่นี้ หวังว่าปริมคงจะอนุญาตนะ” เมื่อไม่มีเสียงตอบปฏิเสธจากริมฝีปากบางได้รูปเจือด้วยสีชมพูอ่อน ๆ นั้น ภัทร์ก็กดโทรศัพท์ไปหาภัทราแล้วพูดว่า
“ปั๊ป พี่จะบอกเราว่าพี่จะไปส่งปริมก่อนนะ ......เปล่า ไม่สำเร็จหรอก.......พี่พูดจริง ๆ ไม่ได้โกหกปริมเขาไม่ยอมยกโทษให้พี่ ปั๊ปเอารถพี่กลับบ้านไปแล้วกัน ไม่ต้องรอพี่นะ เพราะพี่คงจะแวะไปหาเพื่อน ๆ ต่อเลย ไปกินเหล้าย้อมใจสักหน่อย อกหักทั้งที แค่นี้ก่อนนะ” ชายหนุ่มวางสายแล้วจึงออกรถไปอย่างนิ่มนวลทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นกำลังร้อนรุ่มเพราะพิษรัก ภายในรถเงียบสงัดไม่มีการพูดคุยใด ๆ ทั้งสิ้น ภัทร์จึงเปิดวิทยุเพื่อทำลายบรรยากาศมาคุ และแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าจะเจอเพลงรักหวาน ๆ มาช่วยกล่อมหญิงสาวข้างตัวให้ยอมใจอ่อน เมื่อเลือกคลื่นโปรดได้แล้วก็ได้ยินเสียงดีเจเจ้าประจำที่ดังขึ้นว่า
“มาถึงช่วงเล่นเกมสนุก ๆ กันนะคะ เพราะอีกไม่กี่วันเราจะก็จะทราบผลรางวัลซีไรต์ประจำปีกันแล้ว งั้นวันนี้เราลองมาเล่นเกมเกี่ยวกับวรรกรรมกันดูนะคะ มาลองทายกันว่าประโยคที่ดิฉันจะพูดต่อไปนี้มาจากวรรณกรรมเรื่องใดระหว่าง 1. ข้างหลังภาพ ของคุณศรีบูรพา 2. ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด ของคุณโบตั๋น 3. คำพิพากษา ของคุณชาติ กอบจิตติ และ 4. ความน่าจะเป็น ของคุณปราบดา หยุ่น ตั้งใจฟังให้ดีนะคะ ประโยคที่ว่า ก็คือ .....จะตัดสินใจทำอะไรก็คิดเสียให้ตลอดว่าจะไม่ต้องหวนกลับมาสำนึก เสียใจและฝังใจไปชั่วชีวิต.....ประโยคดังกล่าวมาจากหนังสือเรื่องใดคะ ถ้าทราบคำตอบแล้วส่งเอสเอ็มเอสมาที่.......ผู้ตอบถูก 3 ท่านแรกจะได้รับหนังสือ เรื่อง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ของคุณรินทร์ เลียววาริณ......”
พริมารู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบศีรษะเข้าอย่างจังเมื่อได้ยินประโยคที่ดีเจพูดว่า ‘.....จะตัดสินใจทำอะไรก็คิดเสียให้ตลอดว่าจะไม่ต้องหวนกลับมาสำนึก เสียใจและฝังใจไปชั่วชีวิต.....’ หญิงสาวรู้สึกขอบคุณดีเจคนนี้อยู่ในใจเพราะเขาได้ช่วยชี้แนะและเตือนสติเธอ พริมาเหมือนค้นพบแสงสว่างที่ปลายทางของถ้ำที่มืดมิดที่ที่เธอกำลังหลงทางอยู่ อย่างไรก็ตามพริมาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไประหว่างที่นั่งรถกับแฟนหนุ่ม เธออยากให้เวลากับตัวเองอีกสักนิดว่าได้คิดและตัดสินใจถูกต้องก่อนที่จะบอกกับเขา
‘คนเรามีเวลาอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน ทำไมไม่ทำให้ตัวเองมีความสุขกับแต่ละวันล่ะ เรื่องของอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหยั่งรู้ได้ ถ้าเรามัวแต่ไปกังวลกับมัน วันนี้ของเราก็จะไม่มีความสุขได้เลย ที่สำคัญพี่โป๊ปขอแค่โอกาสคบกันอีกสักครั้ง ไม่ได้ขอแต่งงานสักหน่อย ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ก็แค่บอกเลิก ทางใครทางมัน ก็จบกันแค่นี้ ที่สำคัญเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด พี่โป๊ปไม่ได้ตั้งใจ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง จะนับประสาอะไรกับผู้ชายเดินดินคนหนึ่ง ขอแค่ต่อไปนี้พี่โป๊ปรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเราก็พอแล้ว’ พริมายกแม่น้ำทั้งห้ามาเข้าข้างตัวเองเพราะเมื่อหัวใจยังมีเขาอยู่เต็มเปี่ยมก็ยากที่จะห้ามสมองไม่ให้คิดกลับไปคืนดี เธอบอกกับตัวเองว่าวันพรุ่งนี้จะโทรไปบอกกับชายหนุ่มคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในตอนนี้ว่า เธอจะให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง.....อีกครั้งเดียวเท่านั้น

************************

แต่แผนที่วางไว้ในใจของพริมาก็ต้องเป็นหมัน เพราะเมื่อกลางดึกของคืนนั้นเธอได้รับโทรศัพท์จากภัทราซึ่งโทรมาแจ้งว่า ภัทร์ประสบอุบัติเหตุรถชนกัน 3 คันรวด และได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการหนักมาก
“ปริม พี่โป๊ปอาการแย่มากเลย หมอบอกว่าเป็นตายเท่ากัน เพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ฮือๆๆ ปริมรีบมาที่โรงพยาบาลได้ไหม ตอนนี้เราไม่มีใครจริง ๆ ปริมมาอยู่เป็นเพื่อนเราหน่อยนะ พ่อกับแม่เรากำลังบินมาจากเมืองจีน เรากลัวอะปริม ปริมต้องมานะ มาอยู่เป็นเพื่อนเราหน่อย เราขอร้องล่ะ ตอนนี้เราใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้วล่ะ อีกไม่เกินห้านาทีคงถึง ปริมรีบมานะ” ภัทราขอร้องพริมาอย่างน่าสงสารเพราะกลัวว่าเพื่อนสนิทที่ยังโกรธพี่ชายอยู่จะไม่ยอมมา แต่สำหรับพริมาแล้วถึงภัทราไม่ขอร้องเธอก็จะไป เพราะเป็นห่วงทั้งคนพี่ที่กำลังเจ็บหนัก และคนน้องที่ต้องรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ตามลำพัง
ณ วินาทีนั้นพริมาได้เข้าใจแล้วว่าชีวิตของคนเรานี้มันสั้นนัก จะมีใครสักกี่คนได้แก้ไขหรือได้ย้อนเวลากลับไปทำในสิ่งที่ตนเองเคยพลาดโอกาสไป เธอโชคดีที่ ‘ฟ้า’ ยังให้โอกาสอีกครั้ง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เธอก็พร้อมที่จะเผชิญ
เมื่อได้สติแล้ว พริมาก็รีบวิ่งไปปลุกพี่ชายและขอร้องให้ช่วยพาเธอไปส่งที่โรงพยาบาลในทันที ณ วินาทีนั้น หญิงสาวมั่นใจในความรู้สึกของตนเองอย่างแน่ชัดแล้วว่า เธอยังคงหลงรักภัทร์มากเพียงไหน และเธอคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตหากภัทร์ต้องจากไปเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ เนื่องจากภัทราได้บอกกับเธอว่า ภัทร์และเพื่อนที่ได้รับอุบัติเหตุด้วยกันนั้นดื่มเหล้ากันไปไม่น้อยเลย พริมาจำได้ว่าภัทร์ได้บอกกับภัทราทางโทรศัพท์ว่า ‘ไม่ต้องรอพี่นะ เพราะพี่คงจะแวะไปหาเพื่อน ๆ ต่อเลย ไปกินเหล้าย้อมใจสักหน่อย อกหักทั้งที แค่นี้ก่อนนะ’ ในตอนแรกเธอยังคิดว่าเขาแค่ประชดประชันเธอ ไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ทำให้เขาเกือบจะจบชีวิตลง ระหว่างที่เดินทางมาโรงพยาบาลนั้น พริมาได้แต่ภาวนาขอให้ภัทร์รอดปลอดภัย เพราะเธอพร้อมที่จะให้อภัยและเริ่มต้นใหม่กับเขาแล้ว

************************

พริมาแวะไปเยี่ยมภัทร์ทุกวันตลอดสองสัปดาห์ ถึงแม้ในช่วงแรกหญิงสาวจะอยู่เฝ้าไข้และพูดคุยกับชายหนุ่มได้ไม่นานนักเพราะเธอยังอยู่ในช่วงสอบปลายภาค แต่แค่เพียงได้เห็นหน้าทุกวันก็เป็นกำลังใจชั้นเลิศให้กับคนป่วยมากพอแล้ว อาการของภัทร์จึงดีวันดีคืนขึ้นตามลำดับ จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ภัทร์ได้รับบาดเจ็บเพียงแค่แขนและขาข้างขวาหัก และมีรอยถลอกทั่วตัวแต่ก็ไม่มากมายอะไร สาเหตุหลักของการบาดเจ็บคือแรงชนของรถถึง 3 คันซ้อน ซึ่งนับว่าเขาโชคดีที่เป็นเพียงผู้นั่งโดยสารจึงบาดเจ็บเพียงเท่านี้ เพราะเพื่อนของเขาที่อาสาขับรถให้ในคืนนั้นเนื่องจากเห็นว่าภัทร์เมามากจนแทบไม่ได้สติ ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สมอง จนต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้งเพราะมีเลือดคั่ง ชายหนุ่มได้รับแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เนื่องจากขับรถมาด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถที่จะเบรคหรือหลบรถสองคันข้างหน้าที่เพิ่งประสานงากันอย่างจังได้ทัน รถของภัทราซึ่งมีขนาดเล็กอยู่แล้ว ครั้นเมื่อโดนชนเข้าอย่างจังจึงหมุนเป็นวงกลมอยู่หลายรอบก่อนที่จะกระแทกและไปอัดติดกับขอบปูนบนทางด่วนเข้า และคงเป็นโชคดีของภัทร์อย่างที่สุดเพราะด้านที่ถูกอัดเข้ากับกำแพงนั้นเป็นด้านของคนขับแทนที่จะเป็นด้สนของเขา พริมาและภัทราไม่อยากนึกภาพว่าหากวันนั้นภัทร์เป็นคนขับรถเสียเอง เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง อย่างน้อย ๆ เขาก็คงจะบาดเจ็บและมีอาการสาหัสเหมือนเพื่อนเขาที่เพิ่งฟื้นได้สติหลังจากเกิดอุบัติเหตุไปแล้วถึง 4 วัน
ถึงแม้พริมาจะได้มาเยี่ยมภัทร์อยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่มีโอกาสได้อยู่กันตามลำพัง เพราะพ่อแม่ของคนป่วยต่างผลัดกันมาดูแลลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความรักและความห่วงใย รวมทั้งยังจ้างพยาบาลพิเศษให้อยู่เฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย พริมาจึงไม่มีโอกาสได้พูดความในใจให้ภัทร์ได้รับรู้ ฝ่ายภัทร์นั้นก็คิดว่าที่พริมามาเยี่ยมทุกวันเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม แต่ชายหนุ่มก็อดดีใจไม่ได้ และแอบตั้งความหวังไว้ในใจอย่างลึก ๆ ว่าพริมาจะยอมคืนดีด้วยเพราะเห็นหญิงสาวมาเยี่ยมตนทุกวัน พริมาดูเป็นห่วงเป็นใย คอยถามไถ่อาการของเขาอย่างใส่ใจ จนในวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค วันนั้นพริมาสามารถกลับเย็นได้ เธอจึงได้มีโอกาสพูดกับภัทร์เมื่อพยาบาลที่จ้างพิเศษขอตัวไปรับประทานอาหารเย็น ส่วนภัทราก็ลงไปซื้อกาแฟที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล พริมาที่เห็นว่าเป็นโอกาสทอง จึงตัดสินใจบอกกับภัทร์ไปว่า
“ปริมยกโทษให้แล้วนะคะ” พริมาพูดเบา ๆ เพียงได้ยินกันแค่สองคน เพราะเธอกลัวว่าภัทราจะกลับขึ้นมาและได้ยิน
“หมายความว่าไงครับ” ภัทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ ถึงแม้จะแอบคิดเข้าข้างว่าพริมาดูอ่อนหวานกับเขาเหมือนเดิมแล้วก็ตาม
“........” พริมาเงียบ แต่หันไปสบตากับชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยแววตาหวานซึ้งแทน
“จริงเหรอครับ ปริมไม่ได้พูดเล่น ใช่ไหม” ภัทร์ถามด้วยแววตาเป็นประกายและท่าทางดีใจอย่างลิงโลดเมื่อสามารถเข้าใจความหมายของ ‘แววตาหวานซึ้ง’ นั้นได้
“โอ๊ย! ดีใจจังเลย ถ้ารู้ว่าปริมจะยอมยกโทษให้แบบนี้ พี่ยอมขับรถชนไปตั้งนานแล้ว” ภัทร์แสดงอาการดีใจออกมาอย่างเห็นได้ขัด จนหญิงสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยเหน็บออกไปว่า
“แต่ยังอยู่ในช่วงควบคุมความประพฤตินะคะ”
“คร้าบบบ พี่ยอมให้คุมไปตลอดชีวิตเลย” ณ นาทีนั้น ภัทร์ยอมหมดทุกอย่าง
“และครั้งนี้ก็จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่ปริมมีให้พี่โป๊ปนะคะ” พริมาย้ำอย่างชัดเจน และเธอก็รักษาคำพูดไว้อย่างมั่นคง เพราะเมื่อถึงวันนี้ ภัทร์ก็ไม่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวได้อีกแล้ว….ไม่มีโอกาสอีกแล้ว

************************

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และกำลังใจนะคะ
ไปให้กำลังใจที่ facebook กันได้นะคะ http://www.facebook.com/ภารกิจรักภารกิจแค้น



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2555, 09:50:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2555, 09:50:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2084





<< ตอนที่ 7 (ครบ 100% แล้วจ้า)   ตอนที่ 9 (1) >>
พนาศิลป์ 19 ก.ค. 2555, 15:08:27 น.
เอิ่ม ประมาณฟ้าหลังฝนแล้วมองเห็นโค้งรุ้งงามตรงปลายฟ้าเลยอ่ะชีวิตนายโป๊ป หวังว่าจะรักษาคำพูดไม่ทำให้ปริมเสียใจอีกนะ


zilvermoon 19 ก.ค. 2555, 18:22:46 น.
ง่า..คราวที่แล้วทำไรเตอร์เศร้า คราวนี้มาส่งกำลังใจให้ อยากบอกว่าชอบจุดยืนของปริมมากค่ะ (โดยเฉพาะตอนที่แล้ว)ชอบผู้หญิงที่ยืนได้ด้วยตัวเองและนับถือตัวเอง ไม่กรี๊ดกร๊าดไม่ฟูมฟาย ไม่ทอนค่าตัวเองด้วยการไปตบตียื้อแย่ง จะรอดูนะคะว่านายโป๊ปจะเอาตัวออกมาจากปลัก เอ้ยยย หลุมยังงัย
ปอลอ..เม้นท์ทั้งหลายมีเพื่อตัวละครค่ะ ไม่ได้ไม่ชอบเรื่องของไรเตอร์น้า


pumkin 19 ก.ค. 2555, 22:53:59 น.
หลังจากที่รอมาหลายวัน ก็ได้อ่านตอนใหม่แล้ว ชอบเนื้อเรื่องคะ หวังว่าสุดท้ายแล้วคงได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ


violette 19 ก.ค. 2555, 23:13:54 น.
ดีมากเลยปริม
โอกาสมันมีให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละนายโป๊ป (ยังคงอยากได้พระเอกคนใหม่ต่อไป อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account