เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…
แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น
แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า
ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)
ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 31
ตอนที่ 31
มือถือเครื่องเล็กกระทัดรัดของหญิงสาวดังขึ้นสุชาวีอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะนายหัว”
“สุชาวีคืนนี้เราไปทานข้าวด้วยกันนะที่รักผมจองร้านประจำของผมเอาไว้แล้ว แต่งตัวสวยๆคอยผมได้เลยหกโมงเย็นผมจะไปรับคุณ”
มันคงจะเป็นเรื่องน่ายินดีหากนายหัวเมฆาจะโทรมาบอกเธอให้รู้ก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง เพราะก่อนหน้าที่นายหัวเมฆาจะโทรมาชวนทานข้าวไม่ถึงสิบนาที สุชาวีเพิ่งจะรับเปลี่ยนเวรให้กับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ต้องเข้าเวรดึกแต่ติดธุระไม่สามารถมาเข้าเวรได้
“ฉันคงไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคืนนี้ฉันต้องไปเข้าเวร”
นายหัวจดจำตารางการทำงานประจำของสุชาวีได้แม่นยำ รวมถึงการมารับเวรพิเศษที่ไร่วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ มันทำให้คนที่ชวนเริ่มไม่พอใจหรือว่าที่เธอปฏิเสธเพราะไม่อยากจะไปกับเขากันแน่
“คุณมีนัดกับคนอื่นแล้วเหรอ สุชาวี” ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ เขาคิดว่าเธอทำตัวเหินห่าง แต่อันที่จริงพยาบาลสาวพยายามวางตัวให้เหมาะสมไม่ต้องการให้ใครมาว่าได้
“ฉันไม่ได้มีนัดกับใครค่ะ แต่ฉันต้องไปทำงานจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงจำผิดว่าวันนี้เป็นวันหยุดของคุณ” นายหัวเมฆาตัดสาย รู้สึกน้อยใจอุตสาห์ให้แม่บ้านเตรียมชุดที่เขาคิดว่าใส่แล้วหล่อที่สุดเพื่อจะไปทานข้าวกับคนรัก และให้เลขาแก้มโทรไปสั่งดอกไม้มาให้
“เดี๋ยวสิคะนายหัว รีบวางไปทำไม หรือว่าจะงอน” พยาบาลสาวไหวไหล่ “ไม่มั้ง”
เสียงประตูถูกเคาะ ก่อนที่เลขาคนสนิทจะหอบลิลลีสีขาวช่อใหญ่มาส่งให้เจ้านายสุดหล่อ ที่กำลังปั้นหน้าบึ้งตึง
“ดอกไม้ที่เจ้านายให้แก้วสั่งค่ะที่ร้านเขานำมาส่งแล้วนะคะ ส๊วย สวย สวยที่สุด”เลขาสาวชมดอกไม้อย่างกับว่าเป็นของตัวเอง คิดอยากจะดมกลิ่นของมันดูแต่ไม่กล้า
“ขอบคุณ ฝากโยนทิ้งด้วยก็แล้วกันคุณแก้ว” คนพูดน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“อะไรนะคะ! โยนทิ้งมันน่าเสียดายราคาตั้งสามสี่พัน เจ้านายสั่งดอกไม้มาโยนทิ้ง โยนขว้างเนี่ยนะอารมณ์ไหน”
“ถ้าเสียดายมากก็เก็บไว้เองละกัน แต่อย่าเอามันมาให้ผมเห็นอีก”
จากนั้นนายหัวเมฆาก็เดินออกไปจากห้องทันที ซึ่งนั่นเลขาแก้มรู้ดีว่าคนเป็นนายไม่ต้องการให้ใครซักถามอะไรอีกเขาต้องการความเป็นส่วนตัว
เลขาสาวไหวไหล่ “ดอกไม้สวยๆ เสียดายแย่ นายหัวไม่เอาแก้มเอาเอง ว่าแต่จะแอบซื้อไปให้ใครที่ไหนนะ คุณพีระดาคนสวยเขาก็เพิ่งจะแต่งงานไปหมาดๆ” เธอเพิ่งอ่านข่าวของนางแบบดังที่นายหัวเมฆาเคยพามาที่ไร่และเธอก็รู้ว่าเจ้านายของเธอชอบคุณพีระดาเอามากๆแต่สุดท้ายก็ได้กินแห้ว
++++++++++++++++++++++++
สุชาวีนั่งเงียบๆอยู่คนเดียว เมื่อคิดว่านายหัวเมฆาอาจจะน้อยใจที่เตรียมทุกอย่างเอาไว้แต่เธอกลับไปกับเขาไม่ได้ จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนหนึ่ง สุชาวีพูดโทรศัพท์อยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาแก้มแทบปริจากนั้นรีบวางโทรศัพท์และตรงไปยังห้องน้ำ
ณ ไร่แสงตะวัน
สุชาวีพยายามจะโทรหานายหัวเมฆา แต่ทว่าโทรเท่าไหร่เขาก็ไม่รับเสียทีทำให้เธอต้องขับรถเก่าบุโรทั่งของเธอไปที่ไร่แม้ว่าจะไม่ใช่วันที่ต้องมาเข้าเวรของเธอ แถมยังแต่งตัวเสียสวยพริ้ง ก็เธอมีชุดสวยๆแบรนด์ดังตั้งหลายชุดที่นายหัวเมฆาซื้อมาให้เพราะตอนนั้นเขาหาว่าเธอแต่งตัวเหมือนคนงานทำความสะอาดบ้านไม่เหมาะจะเป็นพยาบาลส่วนตัวของเขา พยาบาลสาวเอารถเข้าไปจอดในไร่และโทรหานายหัวเมฆาอีกหลายครั้งแต่เจ้าตัวไม่ได้รับ
ความไม่สบายใจทำให้นายหัวเมฆารู้สึกว่าคืนนี้เขาอยากเมาซึ่งพักหลังๆ เขาแทบจะไม่ได้แตะต้องแอลกอฮอล์หรือไปท่องราตรีกับกลุ่มเพื่อนๆเลย และบังเอิญที่วันนี้เพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของสวนยางที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดได้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯเพื่อเยี่ยมครอบครัว หลังจากไปทำธุรกิจที่นอร์เวย์ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพื่อนๆจึงรวมตัวกันเพื่อเลี้ยงฉลองให้ที่นานๆจะได้พบกันเสียที ดังนั้นนายหัวเมฆาจึงถูกตามตัวจากเพื่อนๆในกลุ่มหลายคนด้วยการมาบังคับถึงไร่และออกไปก่อนที่สุชาวีจะเข้ามาไม่นาน นายหัวเมฆาและกลุ่มเพื่อนๆของเขานัดรวมตัวกันที่ผับดังในเมือง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในละแวกว่าร้านนี้แพงมาก มีแต่พวกลูกหลานคนมีเงินเท่านั้นที่จะเข้าไปใช้บริการ และที่สำคัญร้านนี้มีแต่พนักงานสาวสวยหน้าตาดีที่คัดมาเป็นพิเศษซึ่งเมื่อก่อนนายหัวเมฆาเองก็เคยแวะเวียนมาบ้าง
สุชาวีเดินเลี่ยงไปตามทางเพื่อที่จะไปหานายหัวเมฆาที่บ้านพักของเขา ซึ่งเขาเคยมอบกุญแจเอาไว้ให้เธอและบอกสุชาวีเสมอว่าให้เธอเข้าไปได้ทุกเวลาอย่างเปิดเผยแต่สุชาวีก็ไม่คิดจะเข้าไปสักครั้ง จนกระทั่งคืนนี้ที่โทรหาเขาไม่ติด แต่ก่อนจะถึงบ้านพักส่วนตัวของนายหัวจะต้องานบ้านพักเล็กๆของคนงานหลายคน ซึ่งนายหัวสร้างเป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารักราวกับรีสอร์ทให้พนักงานได้อยู่อาศัย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเลขาสาวของนายหัวเมฆาพักอยู่ที่บ้านหลังแรก
พยาบาลสาวกลัวที่สุดว่าจะเจอเลขาแก้มและเธอจะต้องสงสัยว่าสุชาวีมาทำอะไร แต่โชคดีที่เวลานี้ไม่มีใครสักคนทุกคนคงกำลังพักผ่อนด้วยการดูละครโทรทัศน์
“ค่อยยังชั่วที่ไม่เจอคุณแก้มทักเข้า ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะตอบอย่างไร”
สุชาวีรีบถอนหายใจโล่งอกและเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องชะงักเท้า
“จะไปไหนคะคุณพยาบาล แต่งตัวซะสวยมีนัดกับใครเอ่ย” เสียงใสๆของเลขาแก้วร้องทัก
คุณพยาบาลในชุดแซกสีน้ำเงินสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยแบบทันสมัยปักเลื่อมเล็กน้อยช่วงอก ทำให้ขับผิวผ่องดูสวยฃรับกับหุ่นเพรียวบางในสายตาของเลขาแก้มคุณพยาบาลคืนนี้ช่างสวยมากเหลือเกิน
“เอ่อ...” นึกว่ารอดแล้วเชียวสุชาวีคิด แต่รีบหาข้อแก้ตัว
“คือว่า นายหัวเมฆาโทรตามฉันให้เข้ามาดูอาการเห็นบอกว่าปวดศีรษะมาก”
เลขาแก้มไม่ได้สงสัย ก็พักหลังเจ้านายเป็นอะไรไม่รู้ป่วยบ่อยเหลือเกินและก็ชอบสายตรงหาพยาบาลเองไม่เคยใช้เธอ แต่ที่เลขาแก้มแปลกใจทำไมคุณพยาบาลต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้
“มาดูอาการของนายหัวแค่นั้นเหรอคะคุณพยาบาล” เลขาคนสวยแอบพิจรณาเสื้อผ้า รองเท้าของคนตรงหน้าราคาคงไม่ใช่ถูกๆ “นึกว่าคุณพยาบาลมีเดทกับหนุ่มๆที่ไหนถึงได้แต่งตัวสวยขนาดนี้”เลขาสาวยิ้มจริงใจ
“คือว่าฉันมีนัดกับเพื่อนค่ะ แต่นายหัวเมฆาโทรตามก็เลยแวะมาดูอาการให้นายหัวก่อนค่ะ”
“ที่แท้ก็นัดเพื่อนไปเที่ยวนี่เอง โธ่แก้วก็นึกว่าคุณพยาบาลยอมเปิดโอกาสให้หนุ่มๆ บ้างซะแล้ว” เพราะเธอไม่เคยเห็นคุณพยาบาลคนสวยจะสนใจหนุ่มๆที่ไหนที่เข้ามาแจกขนมจีบเลย
สุชาวียิ้มเขินๆ “แล้วคุณแก้มจะหอบดอกไม้ไปไหนเหรอคะ ซื้อมาจากไหนคะสวยจัง” คุณพยาบาลชวนเปลี่ยนเรื่อง
“นายหัวเขาให้แก้มค่ะ กำลังจะไปหาแจกันมาใส่ ถ้าอย่างนั้นแก้มขอตัวไปหาแจกันก่อนละกัน” และเลขาสาวก็เดินจากไปทิ้งระเบิดลูกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว
“นายหัวซื้อดอกไม้ให้คุณแก้มเหรอ”สุชาวีไม่คิดจะเดินเข้าไปหานายหัวที่บ้าน เธอหันหลังกลับเดินออกจากไร่และตรงไปที่รถของตนเองที่จอดไว้ เมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ พยาบาลคนสวยก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างกั้นไม่อยู่และฟุบหน้าลงไปหาพวงมาลัย
“ผู้หญิงน่ารักแบบคุณแก้มไม่มีทางที่คนอยู่ใกล้จะไม่รู้สึกหวั่นไหว แล้วมันก็เป็นแบบที่คิดไม่ผิดนี้”สุชาวีขับรถออกจากไร่ไปพร้อมกับความเสียใจเพราะหลายต่อหลายครั้งที่เห็นความสนิทสนมเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องของนายหัวเมฆากับเลขาสาว แต่ที่จริงแล้วคนทั้งคู่เป็นญาติห่างๆกันนายหัวเมฆาเอ็นดูเลขาคนสวยเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
++++++++++++++++++++++++++++++
ผับดังในเขตอำเภอเมือง สาวสวยหุ่นดีขยี้ใจหนุ่มในชุดเซ็กซี่วาบหวิวหลากสีสันหลายนางซึ่งล้วนแต่คัดเกรดมารูปร่างหน้าตาระดับน้องๆดารากันทั้งนั้น เพราะที่นี่เป็นผับของไฮโซคนหนึ่ง ผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะต้องเป็นสมาชิกเสียค่าสมัครรายปีถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาได้ นายหัวเดินเข้ามาในร้านหน้าตาบอกบุญไม่รับพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่ไปพาตัวเขาออกมาจากไร่
กลุ่มเพื่อนสนิทของเขาเกือบสิบคนซึ่งล้วนแต่ยังโสดนั่งรออยู่ในร้านนานแล้ว ในมุมหนึ่งซึ่งจัดไว้เป็นโซนสำหรับแขกระดับวีไอพี มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนกำลังรินบรั่นดีอย่างเอาใจให้กับแขกวีไอพีทั้งหลาย บ้างก็เคลียเคล้าอยู่กับหน้าตักของหนุ่มๆหน้าตาคมเข้มหลายคนที่ล้วนเป็นเพื่อนสนิทของนายหัวเมฆา สาวสวยบางนางก็อิงแอบแนบซบบรรดาลูกค้าเศรษฐีซึ่งล้วนแต่เป็นลูกหลานคนดังในจังหวัดทั้งสิ้น สำเนียงแบบชาวใต้แท้
“ไอ้เสือ หายไปไหนมาวะไม่โผล่หน้ามาให้เพื่อนเห็นบ้างเลยนะเอ็ง” เพื่อนสนิทคนหนึ่งทักนายหัวเมฆา พร้อมกับเพื่อนอีกหลายๆคนที่เริ่มส่งเสียงต่อว่าต่อขานตามๆกันมา เพราะพักหลังมานี้นายหัวเมฆาไม่ค่อยได้ออกมาพบปะเพื่อนฝูง
“ก็อยู่ที่ไร่นั่นแหละ จะไปไหนได้งานมันรัดตัวช่วงนี้กำลังยุ่ง”เขาทรุดกายนั่งที่โซฟาหนังนุ่ม
“ไม่ใช่ซุกใครเอาไว้ที่ไร่เหรอวะไอ้เสือ มีของดีไม่เล่าสู่กันฟังบ้างเลย” เพื่อนคนหนึ่งแซว
สาวสวยนางหนึ่งรูปร่างเล็ก หน้าตาคมเข้ม ผมยาวสีน้ำตาลทองหยิกยาวเป็นลอนเหมือนทรงผมสาวเกาหลีที่นิยมกันสวมในชุดแซกสั้นสีดำผ้ากำมะหยี่ที่ถูกจัดไว้สำหรับนายหัวคนดังกำลังทรุดลงนั่งข้างๆเพื่อเอาอกเอาใจเขา
“ไม่ต้อง”เขายกมือปรามจนหญิงสาวชะงักและถอยกลับไปยืนที่เดิม สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนในกลุ่ม
“เป็นอะไรรึเปล่าวะเมฆา” เพราะนี่ถือว่าเป็นสิ่งปกติสำหรับเพื่อนๆนายหัว
“ไม่เป็นอะไรหรอกไอ้วัต แต่วันนี้ไม่ต้องการ”
“ไม่น่าเชื่อ เมื่อก่อนนายต้องขอสองทั้งซ้ายทั้งขวาวันนี้เพื่อนเป็นอะไรไปวะมาแปลกๆ” ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นที่ชื่อเอกเป็นเพื่อนสนิทของนายหัวเมฆามาตั้งแต่ชั้นมัธยมเอ่ยถาม
“เบื่อ!”เขาตอบสั้นๆ
เพื่อนหลายคนหันไปคุยกันถึงอาการนายหัวเมฆา
จนนายเมธี ซึ่งเป็นเพื่อนคนเดียวที่อ้วนและขาวเหมือนคนจีนมากกว่าคนใต้พูดขึ้น “อ้อ! รู้แล้วไม่ถูกใจสาวที่จัดเอาไว้ให้ พวกเอ็งๆๆและเอ็งนี่” เขาชี้หน้าเพื่อนแทบทุกคน
“ไม่รู้ใจเพื่อนเราบ้างเลยนั่นๆ มันต้องประมาณนั้นโว้ย ตาโต ผิวขาว ผมยาว หุ่นดี สวยเด็ดสะระตี่ไปเลยเว้ยเฮ้ย”
ทุกคนมองไปที่นอกร้านตามนิ้วอ้วนกลมของคนพูด ผ่านกระจกใส เห็นหญิงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่เหมือนกำลังคอยใคร นาทีต่อมารถเก๋งคันหรูก็มาจอดต่อท้าย พร้อมกับชายวัยประมาณไม่เกินสามสิบห้ารูปร่างหน้าตาดีดินลงมาจากรถยุโรปยี่ห้อดังราคาหลายล้านบาทเ เพียงเท่านั้นเสียงของบรรดาเพื่อนๆนายหัวเมฆาก็พูดกันให้เซ็งแส่เอ่ยชมว่าหญิงสาวคนนั้นว่าสวยจริงๆ แต่ไม่น่ามีเจ้าของ อิจฉาชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ด้วย และไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมานายหัวเมฆาที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับแต่แรก ก็ลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนเพื่อนในกลุ่มงงเป็นไก่ตาแตก
“ไปไหนของเอ็งวะไอ้เสือ เฮ้ย! เพื่อนกลับมานี่ก่อน”
นายหัวเมฆาหันกลับมาตอบเพื่อนก่อนจะเดินออกไป เพราะรู้ดีหากไม่พูดอะไรเพื่อนของเขาอาจจะยกโขยงตามออกไปด้วย
“ก็พวกเอ็งบอกว่าเธอสวยและเสปคข้าไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นข้าจะเอาเธอกลับไร่น่ะสิ ไปก่อนนะพวกเอ็งกินกันต่อเถอะ”เขาพูดหน้าตายราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
เพื่อนๆเขาหลายคนอ้าปากค้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายหัวเมฆา เพื่อนของพวกเขาจะหิ้วสาวสวยสักคนหรือสองคนกลับบ้าน แต่ไอ้หมอนี่มันก็ไม่เคยแสดงความหื่น หรือเลวร้ายขนาดเที่ยวเดินไปฉุดแฟนชาวบ้านเขาตามข้างทางเหมือนที่กำลังจะทำตอนนี้แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในถิ่นนี้ก็ตาม
“จะบ้าเหรอไอ้เสือทำอะไรแบบนั้น เอ็งอยากได้สวยแค่ไหนที่นี่เขาก็มีให้เลือก”เพื่อนคนหนึ่งตะโกนไล่หลังแล้วลุกขึ้นตาม พร้อมเพื่อนอีกหลายคนที่ลุกขึ้นแต่ทว่าถูก นายเอกเพื่อนอีกคนเบรคเอาไว้
“พวกเอ็งมองหน้าผู้หญิงคนนั้นดีๆสิ นั่นมันพยาบาลที่ไร่ของไอ้เสือมันต่างหาก ข้าว่าข้าจำเธอได้ แต่แต่งตัวแบบนี้สวยกว่าใส่ชุดพยาบาลจนจำแทบไม่ได้ต่างหาก
“จริงเหรอวะ”หลายคนตั้งคำถาม
“ เชื่อเถอะงานนี้ไอ้เสือมันกลายเป็นสมภารกินไก่วัดไปแล้วโว้ย กินต่อเถอะว่ะ เพื่อนเรามันไม่ได้เลวขนาดไปฉุดใครเขามั่วๆหรอกมันต้องมีอะไรมากกว่านี้” จากนั้นเขาก็มองตามหลังนายหัวเมฆาไปและคิดว่าหากเพื่อนพร้อมคงจะมาเล่าให้ฟังเอง
“เออ แล้วนี่มันไม่เอากุญแจรถของมันไปเหรอ” เพื่อนคนหนึ่งหยิบพวงกุญแจขึ้นมาถือไว้
“นั่นนะสิ”
“ ก่อนมันไป มันกระซิบว่าให้เอารถกลับไปส่งที่ไร่ด้วย สงสัยมันจะมีแผน”
“ ลองอีแบบนี้แล้ว ไอ้เสือมันมีแผนแน่ๆเลยว่ะ เรามาดูกันสิว่าคืนนี้มันจะพาเธอกลับไร่ของมันได้จริงหรือเปล่า” จากนั้นทั้งหมดก็หัวเราะ บางก็คิดลึกเลยเถิดไปไกล และมองไปที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามเห็นเพื่อนรักกำลังเดินตรงไปหาหญิงสาวสวย
++++++++++++++++++++++++++
“จะเข้าไปรอในร้านก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมจะตามเข้าไป” ชายหนุ่มบอกกับสาวสวยในชุดแซกด้วยท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ เข้าไปพร้อมกันจะดีกว่าฉันรอได้”
“ไม่รู้นานหรือเปล่าน่ะสิกว่าจะได้เข้าไป กลัวคุณจะโดนยุงกัด”
“ฉันรอได้ค่ะไม่ลำบากเลย เข้าไปพร้อมๆกันจะดีกว่า”
หมอหนุ่มหน้าละอ่อนยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “คุณรอตรงนี้เป็นเพื่อนผมต่อก็ดีเหมือนกัน ครับ ผมจะได้อุ่นใจรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะมีภัยยังไงก็ไม่รู้” เขายิ้มแหยๆและมองด้านหลังเธอ
“ทำไมเหรอคะ คุณหมอ”
“ผมว่าคุณกลับไปกินข้าวกับผมที่บ้านไร่จะดีกว่าสุชาวี ที่ร้านนี้เสริฟอาหารช้าจะตายไป ไม่อร่อยด้วย” เสียงราบเรียบของใครบางคนที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังเธอเอ่ยขึ้น ก่อนจะทำตาขวางใส่ชายหนุ่มผิวขาวที่ดูลักษณะเหมือนคุณหมอ
“นายหัว มาได้ยังไงคะ!”สุชาวีหันกลับมามองด้วยท่าทีตะลึงไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
“เดินมาตามทาง”เขาตอบเสียงราบเรียบ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าคุณว่ายน้ำมาสักหน่อย แค่อยากรู้ว่าจู่ๆคุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ผมมีนัดกับเพื่อน และคุณล่ะมาทำอะไร ไหนบอกว่าต้องเขาเวรแทนเพื่อนไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงจับผิด
“คือว่าเอ่อ…………ฉัน”
“ไม่ต้องตอบก็ได้ผมเห็นเต็มสองตาแล้วว่าคุณมาทำอะไรกับใคร น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์หึงหวงอยู่ไม่น้อย”
คุณหมอหนุ่มยืนเก้ๆกังๆ วางตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าผู้ชายหล่อเข้มดูทรงอิทธิพลตรงหน้ามามายืนตาขวางจ้องหน้าเขาทำไมกัน และเป็นใครกันแน่ พราะคุณหมอเพิ่งจะย้ายมาประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดชุมพรได้ไม่ถึงสองเดือนวันๆก็ทำแต่งานแทบจะไม่ได้ไปไหนหรือทำความรู้จักกับใครเลย
“สวัสดีครับ คุณคงจะเป็นเพื่อนของคุณสุชาวีใช่ไหมครับผมหมอวัลลภครับยินดีที่รู้จัก”คุณหมอแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร เพราะเห็นใบหน้าของสุชาวีเหมือนกำลังลำบากใจ
“เธอบอกคุณว่าผมเป็นเพื่อนอย่างนั้นเหรอ”น้ำเสียงไม่พอใจและหันไปมองด้านข้างเป็นเชิงตั้งคำถามกับสุชาวี หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆเหมือนกับกำลังจะตอบอะไรแต่ทว่าคุณหมอชิงพูดเสียก่อน
“เธอไม่ได้บอกหรอกครับ ผมแค่เดาเอาเอง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงเดาผิด และเข้าใจอะไรผิดไปมาก เพราะผมกับเธอ…..” สุชาวิสะกิดแขนนายหัวเมฆาเพราะคิดว่าเขากำลังเข้าใจอะไรผิดประเดี๋ยวนายหัวจะหน้าแตก
“ทำไมถึงไม่ให้ผมพูด คุณไม่ต้องการให้หมอนี่รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นใคร”
“หมอวัลลภค่ะนายหัวไม่ใช่หมอนี่” หญิงสาวค้าน
“จะหมออะไรก็ช่างเถอะผมไม่สนใจ แต่ที่ผมสนใจคุณบอกหมอนี่เหรอว่าผมเป็นเพื่อนคุณ”
“นายหัวอย่ามาทำตัวเกเรแบบนี้นะคะฉันไม่ชอบ”เธอว่าเขาเบาๆแบบได้ยินกันสองคน
“ผมไม่คิดว่าคุณจะปฏิเสธผมเพื่อจะมากินข้าวกับไอ้หมอหน้าตี๋นี่” เขาหันไปกระซิบกระซาบกับเธอเบาๆ เช่นกันและเปรียบเทียบความหล่อของตนกับหมอหนุ่มมั่นใจว่าตนเองกินขาด
“มันไม่ใช่แบบที่นายหัวกำลังคิดอยู่จริงๆนะคะ ฉันอธิบายได้”
“ ถ้าอย่างนั้นคุณกับไอ้หมอนี่คบกันแบบไหนถึงต้องมากินข้าวด้วยกันสองต่อสองแถมยังแต่งตัวซะ...สวยแต่มันโป้เกินไปถ้าไม่ได้มากับผม..” เขามองชุดสวยที่เว้าด้านหลังโชว์แผ่นหลังนวลเนียนแต่ไม่มากจนหน้าเกลียดทั้งใบหน้าและทรงผมที่ดูตั้งใจให้เป็นมื้อพิเศษ “ช่วยบอกผมหน่อยสุชาวี ผมจะได้ตาสว่างเสียที”
สุชาวีอยากจะทุบคนตรงหน้าสักทีสองทีแต่ไม่กล้าทำ นี่เธอควรจะโกรธเขาต่างหากแต่ดูเขาสิมาทำท่างอน ว่าแต่เพื่อนที่เขานัดเป็นใครผู้ชายหรือผู้หญิง
“พี่หมอวัลลภค่ะ ดิฉันขอตัวสักครู่ค่ะแต่คุณมานี่กับฉันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” สุชาวีหันไปยิ้มแหยกับคุณหมอและกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวใหญ่ให้เดินห่างออกมาจากที่หมอวัลลภยืนอยู่
“จะทำอะไรของคุณ” นายหัวเมฆาแข็งขืนยืนนิ่งไม่เดินตาม “ไม่เคยมีใครมาสั่งผมได้”
“ฉันบอกให้คุณตามมาก็มาเถอ”สุชาวีหยิกที่แขนของนายหัวเมฆาจนเขาสะดุ้ง และหยิกตามอีกหลายครี้ง
“ทำบ้าอะไรเนี่ยผมเจ็บนะคุณ” เขาจึงเดินตามเธอมาแต่โดยดี
“ก็พูดดีๆแล้วนายหัวไม่ฟังนี่คะ”
แต่แล้วประตูรถยนต์ของหมอวัลลภก็ถูกเปิดออกพร้อมกับสาวสวยคนหนึ่งแต่งตัวสวยงามเหมือนกับว่าคืนนี้เป็นคืนพิเศษของเธอแต่ชุดของเธอเขารู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
“ขอโทษนะคะพี่หมอที่ทำให้รอนาน สุชาวีเธอคงยืนรอฉันจนขาแข็งไปเลยใช่ไหม แหม..ก็ชุดของเธอมันสวยดีอยู่หรอกนะแต่ฟิตชะมัด...ไม่ใช่สิที่จริงต้องโทษหุ่นของฉันต่างหากที่ช่วงนี้อวบเกิน อ้าว!....แล้วนี่ใครกัน”
โสรยาพยาบาลสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสุชาวีในชุดสวยสีดำซีทรูดูมีราคาแต่ดูเหมือนชุดของเธอจะคับไปสักนิด มองนายหัวเมฆาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะร้องอ๋อ......เธอเคยเห็นหน้าเขาสองสามครั้งและรู้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในละแวกนี้เป็นเจ้าของไร่กาแฟขนาดใหญ่ที่เพื่อนสาวไปทำงานพิเศษอยู่
“นายหัวเมฆาใช่ไหมคะว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่” เธอยิ้มสดใสเพราะเป็นคนอารมณ์ดี แต่สงสัยว่าทำไมสุชาวีต้องดึงแขนนายหัวเมฆาด้วยเหมือนมีลับลมคมในกัน
นายหัวเมฆารู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวที่ตั้งคำถามกับเขาแต่ทว่านึกไม่ออกว่าเคยพบหน้าที่ไหน
“เอ่อ...ผมผ่านมาแถวนี้โดยบังเอิญเห็นสุชาวียืนอยู่ก็เลยแวะมาทัก”
บังเอิญ คำนี้ทำให้สุชาวีรีบปล่อยมือจากนายหัวเมฆา
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทานข้าวด้วยกันสิคะ จะได้เป็นสักขีพยานให้เราสองคน”นายหัวเมฆาไม่เข้าใจความหมายของเธอเลยนี่เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ
“สักขีพยานอะไร แล้วคุณเป็นใคร เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอครับ” เขาถามตามความคิด
โสรยาหุบยิ้ม ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆออกมาใหม่อีกครั้ง “ใช่สินะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันรู้จักคุณแต่คุณคงไม่รู้จักฉันก็นายหัวออกจะดังแถมตอนนายหัวเมฆารถคว่ำตกหน้าผาเมื่อปีก่อนที่สลบไปสามวันสามคืน ฉันเข้าเวรเป็นพยาบาลที่คอยดูและคุณเองค่ะ แต่ดิฉันมีธุระต้องไปต่างจังหวัดด่วน สุชาวีจึงมารับเวรเฝ้าคุณแทนดิฉันแถมรับหน้าที่เป็นพยาบาลพิเศษรับเวรกลางคืนดูแลคุณอีกด้วย ถ้าคุณจำหน้าดิฉันไม่ได้ก็คงไม่แปลก” โสรยายิ้มกว้างอีกครั้ง
เรื่องที่หญิงสาวตรงหน้าบอกเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แต่เรื่องที่สุชาวีคือพยาบาลที่เฝ้าเขาสามวันสามคืนตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนเพราะมันสำคัญกับเขามาก
เขาหันไปมองหน้าสุชาวี “ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณคือพยาบาลคนนั้นที่ดูแลผมตอนที่ผมได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“ก็คุณไม่เคยถามแล้วทำไมฉันถึงต้องบอก”
นายหัวเมฆาเข่นเขี้ยวถ้าไม่ติดว่าตรงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะและมีบุคคลอื่นอยู่ด้วยเขาจะจับเธอมาฟาดก้นสักทีสองที
“ตกลงว่าคุณไม่ได้มากับหมอนี่สองคนหรอกเหรอ”
“แล้วคุณเห็นว่าเรามากันกี่คนล่ะคะตอนนี้”สุชาวีเริ่มเอาคืน
โสรยาจับความผิดปกติของคนทั้งคู่ได้ที่เขาลือกันให้แซดว่าเจ้าของไร่แสงตะวันมาติดพันเพื่อนสาวสงสัยจะเป็นเรื่องจริง
“ถ้าสุชาวีมาทานข้าวกับพี่หมอวัลลภว่าที่เจ้าบ่าวของฉันสองต่อสอง ฉันเองคงแอบเคืองค่ะถึงแม้ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันจริงไหมจ้ะ”โสรยายิ้มให้เพื่อนสาวเธอไม่ได้หึงหวงแฟนหนุ่มเพราะรู้นิสัยสุชาวีดี แต่ต้องการจะบอกเป็นนัยให้กับนายหัวเมฆาทราบ
“หมอนี่เจ้าบ่าวคุณ” นายหัวเมฆาอยากจะยิ้มออกมาแต่เก๊กเอาไว้
“ใช่ค่ะ” โสรยาพยักหน้ายิ้มรับส่วนคุณหมอวัลลภก็เข้ามาช่วยแฟนสาวถือกระเป๋า
“แล้วคุณมาทำอะไรกับเขาด้วยล่ะแฟนเขาจะมากินข้าวด้วยกัน” นายหัวเมฆาหันไปถามคนรัก
แต่เพื่อนสาวช่างพูดของเธอก็ตอบแทนอีกเช่นเคยเพราะแอบดูทั้งคู่อยู่นานแล้วในรถระหว่างที่รีบแต่งตัวเปลี่ยนชุดใหม่อยู่ภายในรถที่ติดฟิล์มดำมืดทึบ
“คือฉันขอร้องให้สุชาวีช่วยขับรถเอาชุดใหม่มาให้ค่ะ พอดีว่าฉันและพี่หมอจะประกาศแต่งงานกันที่ร้านอาหารแห่งนี้ ซึ่งญาติของเราได้รออยู่ในร้านนานแล้วยกเว้นสุชาวี แต่บังเอิญว่าชุดของฉันเกิดอุบัติเหตุซิบแตกน่ะสิคะ” โสรยาพูดไปยิ้มไปอย่างเขิน “ก็เลยต้องขอร้องให้สุชาวีเอาชุดมาให้ฉันเปลี่ยนน่ะค่ะ” คุณหมอเพิ่งจะขอย้ายตามแฟนสาวมาอยู่ที่นี่หลังใช้ทุนรัฐบาลหมดทั้งคู่บกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและตั้งใจจะแต่งงานกันทันที
ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้เองนายหัวเมฆารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แต่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งคู่ด้วยครับ” รอยยิ้มกว้างถูกเผยบนใบหน้าคมคาย “ ร้านนี้อาหารอร่อย บริการรวดเร็วทันใจ เชิญพวกคุณทานอาหารกันให้อร่อยนะครับ” นายหัวเมฆายิ้มนิดหน่อยแถมยังการันตีว่าร้านนี้อร่อยจริง จนสุชาวีมองหน้าเขาเธอจำได้เมื่อห้านาทีก่อนบอกว่าอาหารไม่อร่อย บริการช้า
“เชิญนายหัวด้วยสิคะ เราต้องการให้คุณและสุชาวีร่วมแสดงความยินดีกับเราด้วย” หญิงสาวกล่าวเชิญด้วยความจริงใจ แต่คุณหมอหนุ่มสะกิดแขนเธอ
“ผมว่าเขาสองคนอาจจะมีอะไรที่ต้องคุยกันก็ได้อย่าไปทำให้เขาลำบากใจเลย” คุณหมอหนุ่มพอจะมองออกจึงสะกิดบอกแฟนสาว
“นั่นสิคะพี่หมอ”โสรยาหันไปสบตาเพื่อนสาว
“ฉันว่าคืนนี้เธอคงไม่ว่างแล้วล่ะสุชาวี แต่หวังว่าเธอคงรับหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวให้กับฉันนะ”
“หมายความว่ายังไงโสรยานี่เธอใช้งานฉันเสร็จก็ไล่กลับไม่ให้กินข้าวกินปลาเลยอย่างนั้นสิ”
“ฉันว่ามีคนเขาอยากกินข้าวกับเธอนะคืนนี้” โสรยาส่งยิ้มให้นายหัวหนุ่ม เขายิ้มเล็กน้อยตอบเธอและค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อว่าที่บ่าวสาวจูงมือเข้าไปในร้านอาหารแล้ว สุชาวีกับนายหัวเมฆาก็ยืนเผชิญหน้ากันอยู่สองคน
นายหัวเมฆามองรถเก่าๆ บุโรทั่งของแฟนสาว ทำไมเขาไม่เคยคิดบ้างว่าปล่อยให้แฟนใช้รถเก่าขนาดนี้ดีล่ะของขวัญชิ้นแรกที่เขาจะให้เธอคือการโละเจ้ากระป๋องเก่าๆเริ่มขึ้นสนิมคันนี้ทิ้งวธ และหารถหรูคันใหม่ป้ายแดงที่เข้ากับเธอมาให้เป็นของขวัญ
“คุณจะให้ผมขับหรือจะขับเอง”
“ใครชวนคุณกลับด้วยไม่ทราบ”
“ถ้าคุณไม่ให้ผมขึ้นรถคุณและจะให้ผมกลับไร่ยังไง”
“ก็ตอนมาคุณมายังไงตอนกลับก็ควรจะกลับแบบนั้นและมากับใครก็ควรจะกลับไปกับคนนั้น” เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเดินมาจากไร่มันห่างกันตั้งสามสิบกว่ากิโลถ้าเชื่อก็นิยายแล้วสุชาวีคิด
“คนที่พาผมมาด้วยเขากลับไปแล้วน่ะสิ เขาทิ้งให้ผมกลับเอง” ทั้งที่คนที่มาด้วยอยู่ในร้านฝั่งตรงข้ามกำลังมองดูเพื่อนผ่านกระจกด้วยความสนใจแต่สุชาวีไม่รู้ตัว
“ถูกทิ้งว่างั้นเถอะ”
เขาไหว่ไหล่ “ประมาณนั้น”
เมื่อนายหัวเมฆาได้ขึ้นรถแฟนสาวก่อนจะประจำที่คนขับก็หันไปส่งยิ้มและยักคิ้วให้เพื่อนเล็กน้อย คิดในใจว่าวันหลังจะพาสุชาวีไปเปิดตัวในฐานะหวานใจตัวจริงๆ
“เมฆามันเจ๋งว่ะ คุยกันไม่กี่คำพาขึ้นรถกลับบ้านได้แล้ว”เพื่อนของเขาเฮฮาเห็นเป็นเรื่องคุยสนุกตามประสาผู้ชายโสด
+++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในรถคันเก่าของสุชาวีบรรยากาศอึมครึมเพราะสุชาวียังติดใจกับเรื่องดอกไม้ที่นายหัวเมฆาซื้อให้เลขาสาวนั่นมันสื่อความหมายว่าเกินเจ้านายกับลูกน้อง นายหัวเมฆาก็ยังติดใจเรื่องที่สุชาวีบอกว่าจะไปเข้าเวรแล้วจู่ๆก็มาอยู่ทีร้านอาหาร
“คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่หรือเปล่า”นายหัวเมฆาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ขณะขับรถซึ่งเขาหงุดหงิดกับความเก่าคร่ำคร่าของมันเหลือเกินไม่รู้แฟนสาวทนขับอยู่ได้ยังไง
“ก็เกือบจะได้ทานถ้าคนบางคนไม่มาทำตัวเป็นมารคอหอยของฉัน”
นายหัวเมฆายิ้มเล็กน้อย “คุณกำลังโมโหหิวอย่างนั้นล่ะสิ”
“เปล่าค่ะ แต่โมโหคุณ”
“คืนนี้คุณเป็นอะไรไปทำไมดูอารมณ์ไม่ดี หรือว่าหงุดหงิดเพราะเป็นวันนั้นของเดือน”เขายั่วเธอ
“นายหัวคะ”น้ำเสียงดุ ก็เพราะเขาต่างหากที่ทำให้อารมณ์ของเธอเป็นแบบนี้ อยากจะถามสิ่งที่คาใจแต่ไม่อยากถูกมองว่าเธอกำลังหึงเขา
เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของนายหัวเมฆาดังขึ้นเขารีบรับคิดว่าเพื่อนๆ คนจะโทรมาแซวอย่างแน่นอนเขาจะต้องรีบคุยและรีบวาง
“นายหัวคะ นายหัวอยู่ที่ไหนคะเนี่ย” เสียงใสของเลขาสาวแว่วดังออกมานอกโทรศัพท์เข้าหู สุชาวีหญิงสาวแกล้งมองเมินออกไปนอกรถยนต์พยายามซ่อนความรู้สึกน้อยใจเอาไว้
“นี่คุณยังไม่นอนอีกเหรอ โทรหาผมดึกดื่นแบบนี้มีอะไรอย่าบอกนะว่ากลัวผี”เขาคุยหยอกเล่นตามปกติ
ถ้อยคำหยอกเย้าของนายหัวที่มีให้กลับเลขาสาวมั่นใจว่าคนทั้งคู่อาจสนิทสนมเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
“ก็เพื่อนนายหัวนะสิคะมาหาที่ไร่เมื่อครู่นี้ แต่นายหัวกลับไม่อยู่ เขามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กันทั้งคู่เลย เขาบอกกับแก้วว่า นายหัวเชิญเขามาเที่ยวที่ไร่เขามีนามบัตรของนายหัวมาด้วยนะคะ
นายหัวเมฆานึกไปถึงหน้าสวยๆของพีระดา กับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่เขายังไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่อย่างภาคินัย ทั้งคู่คงมาตามคำเชิญของเขาแล้วสินะ แต่คงจะ มาเร็วกว่ากำหนดซึ่งพีระดาแจ้งว่าเธอและแฟนหนุ่มจะเดินทางมาพักที่ไร่ของเขาในวันศุกร์นี่ ซึ่งวันนี้เป็นวันพุธโชคดีที่เขาให้คนจัดเตรียมที่พักไว้อย่างเรียบร้อย การชวนคนทั้งคู่มาฮันนีมูนที่ไร่ส่วนหนึ่งเพราะเขาเห็นพีระดาเป็นเพื่อน อีกส่วนหนึ่งอยากจะไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีเอาไว้กับคนทั้งคู่
“ถ้าอย่างนั้นฝากคุณดูแลเพื่อนของผมให้ดีที่สุด ผมกำลังจะกลับไปที่ไร่แล้ว ช่วยเช็ความเรียบร้อยของบ้านพักที่ผมจัดเตรียมเอาไว้สำหรับเธอด้วย ถ้าเธอต้องการอะไรเพิ่มก็จัดการให้เธอด้วย”
“ได้ค่ะนายหัวแก้วจะจัดการให้” เลขาสาววางสายแล้วหันกลับไปมองคนทั้งคู่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก การแต่งกายนั้นบอกว่าคนทั้งคู่ต้องไม่ใช่คนที่นี่อย่างแน่นอน
“นี่คุณรู้ไหมว่าใครมารอเราอยู่ที่ไร่” ท่าทางดีอกดีใจของเขามันชวนให้สุชาวีแอบคิดว่าเขายังตัดใจจากพีระดาไม่ได้
“ท่าทางของคุณดีใจมากเลยนะคะ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ ก็ผมกำลังอยากจะพบเธอมีอะไรอยากจะปรึกษาหน่อย”
แน่ล่ะช่วงนี้เขาอยากจะคุยกับผู้หญิงสักคนที่พอจะไว้ใจปรึกษาปัญหาบางอย่างได้ เลขาสาวของเขาน่ะเหรอเขาก็สนิทกับเธอดีอยู่หรอก แต่ฝ่ายนั้นช่างด้อยระสบการณ์ในด้านความรัก แต่หล่อนเป็นเจ้าแม่ทฤษฏีซึ่งแต่ละอย่างที่เคยแนะนำเมื่อทำแล้วผลออกมาแป้กทุกที เหมือนตอนที่เขาจีบพีระดา
นายหัวเมฆาจึงไม่เชื่อทฤษฎีมัดใจสาวของเลขาคนสวยอีก
“ถ้าอย่างนั้นคงเป็นคุณพีระดา” ใช่สิจะมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้คุณดีใจออกหน้าออกตาได้มากขนาดนี้สุชาวีแอบค่อนแขะอยู่ในใจ
“ถูกต้องแล้วครับ” นายหัวเมฆายังอุตสาห์หยอกเธอได้ลงคออีก ช่างไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้คนข้างๆน้อยใจมากขึ้นไปอีก
+++++++++++++++++++++++++
พีระดาจามติดกันสองครั้งขณะนั่งทานข้าวกับภาคินัยที่ตอนนี้เขาเปลี่ยนสถานะมาเป็นสามีของเธอทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย
“จามสองหนแสดงว่ามีคนบ่นหาคุณนะที่รัก”
“ใครกันล่ะคะ ในเมื่อคุณก็นั่งอยู่ตรงนี้” หญิงสาวส่งตาหวานใส่
“รู้ไหมพีระดา”เขาจ้องมองไปที่ดวงตาคู่สวย
“ทำไมคะ ภาคินัยที่รัก” ปากกระจับแสนสวยดูจะหวานหยดในช่วงหลังแต่งงาน
“อาหารมื้อนี้มันจืดมากเลย ” ทั้งที่หลายวันผ่านมาตั้งแต่ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ภาคินัยจะชมเสมอว่าเธอทำอาหารได้อร่อยถูกปากเขา
“แย่จริง มันจืดขนาดนั้นเลยเหรอคะ” พีระดาหน้าเสียใช้ช้อนกลางตักน้ำแกงใส่ช้อนของเธอก่อนจะส่งเข้าปากเพื่อชิมรส
หญิงสาวขมวดคิ้ว “มันก็ไม่จืดนี่คะภาคินัย”
“ผมจะบอกว่าที่แกงมันจืด เพราะตาของคุณกับปากของคุณมันหวานเกินต่างหากล่ ทำให้ผมกินอะไรก็จืดไปหมด”
“อย่ามาทำปากหวานไปหน่อยเลยค่ะ อีกหน่อยกลัวแต่คุณจะว่าเห็นหน้าฉันแล้วพาลกินข้าวไม่ลง”
“ผมไม่ได้ปากหวานนะผมพูดจากใจแต่ถ้าคุณจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะเผื่อปากผมมันอาจจะหวานจริงๆก็ได้” เมื่อภาคินัยคิดว่าอาหารที่น่ารับประทานหลายอย่างตรงหน้า มันคงอร่อยสู้พีระดาไม่ได้เขาก็รวบช้อนทันที เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปช้อนร่างบางของพีระดาขึ้นมาแทน
“ภาคินัยคะ ทำอะไรของคุณคะเนี่ย ปล่อยฉันลงนะคะ”
“ผมไม่อยากทานข้าวแล้ว ผมจะพาคุณไปหาอะไรหวานๆ กินกันสองคนในห้อง รับรองว่าอร่อย” เขามองเรื่อนร่างของภรรยาสาวอย่างพอใจจนหน้าของพีระดาแดงระเรื่อเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร
แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักเสียงครวญครางสลับกันไปมาของคนทั้งคู่ หากใครบังเอิญมาได้ยินเข้าคงเข้าใจผิดว่าคนในห้องคงกำลังแอบทานอาหารรสจัดจ้านที่คงทั้งเผ็ด ทั้งแซ่บ ทั้งหวาน ทั้งมันอย่าบอกใครเชียว เพราะมีเสียงครางซี๊ด ซ๊าด ดังแว่วออกมาเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง
++++++++++++++++++
ณ ไร่แสงตะวัน จังหวัดชุมพร
“ลงมาสิ อย่าดื้อ ถ้าคุณไม่ลงมาดีๆ ผมจะอุ้มคุณลงมา” แค่นั้นสุชาวีก็ลงจากรถแทบไม่ทันเพราะเชื่อว่านายหัวเมฆาทำได้ตามที่พูด
“ทำไมนายหัวต้องบังคับฉันด้วยคะ นี่มันก็ดึกแล้วถ้าใครเห็นเข้ามันจะไม่เหมาะ”
“สุชาวี ทำไมคุณต้องคอยแคร์สายตาของใครต่อใครด้วยผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ ในเมื่อผมเองพร้อมจะเปิดเผยเรื่องที่เราคบกัน”
“นายหัวไม่เข้าใจฉันหรอก คุณมีครบทุกอย่างทั้งหน้าตาฐานะคุณจะเลือกคบกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ฉันผู้หญิงที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลยเพียงระยะเวลาที่เราหายไปกรุงเทพฯด้วยกัน กลับมาก็ประกาศตัวเป็นแฟนกัน ใครๆก็คงมองว่าฉันมาจับคุณ หรือไม่ก็เอาร่างกายเข้าแลกคุณถึงหันมาสนใจ”
“ไอ้ใครของคุณมันเป็นใคร บอกผมสิผมจะไปจัดการมัน” นายหัวเมฆาออกจะอารมณ์เสียไม่น้อยทึ่คนที่เขาจริงใจอยากจะแต่งงานด้วยคอยแต่กลัวสายตาของคนอื่น
“คุณไม่เข้าใจความรู้สึกฉันบ้างเลย” สุชาวีส่ายหน้า เขาไม่รู้ถึงความอึดอัดภายในใจของเธอ ผู้หญิงที่มีแต่ตัวพร้อมหนี้สินจะมีใครเชื่อว่าเธอไม่ได้เอาตัวเข้าแลก
“ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ บางทีผมอยากจะใกล้ชิดคุณบ้างก็ต้องคอยแอบหลบๆซ่อนๆ ทำยังกับว่าผมไปลักลอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ทั้งที่คุณเป็นแฟนผม”
“นายหัว!”
“หรือว่าที่จริงแล้วคุณอาจจะยังไม่มั่นใจว่าคุณจะรักผู้ชายอย่างผมจริงหรือเปล่า” เขารวบเอวบางเข้ามาใกล้
“อย่าทำแบบนี้นะคะเดี๋ยวใครมาเห็น” เขาดันร่างบางแนบติดกับประตูรถยนต์”
“ก็ตอบผมมาก่อนสิ ว่าทำไมทำตัวเกเรกับผม หรือจะทำให้ผมคลั่ง แค่นี้ก็คลั่งไคล้จะแย่แค่เก็บอารมณ์ไว้”เขามองเรือนร่างงามและกลืนน้ำลายลงคอ
“อย่ามาทำท่าทางหื่นๆกับฉันนะคะ”
“ก็ผมหวง ห่วงและหึงมาก ยิ่งเห็นผู้ชายคนอื่นมาอยู่ใกล้คุณผมไม่รู้ว่าจะทนได้นานเท่าไหร่”
“ก็มีแต่คนป่วยทั้งนั้นแหละที่เข้ามาอยู่ใกล้ฉัน ก็ฉันมีหน้าที่ดูแลคนป่วย”
“ไอ้พวกป่วยการเมืองทั้งนั้นแหละ” นายหัวเมฆาสบตาหญิงสาวเขาอยากจะทำอะไรมากกว่านี้จริงๆอย่างน้อยได้หอมคนที่กำลังกอดรัดอยู่สักฟอดก็ยังดี
“นายหัวชอบมองคนในแง่ร้าย”เธอดันเขาออก
“ก็ดีกว่ามองในแง่ดีแล้วถูกใครหน้าไหนไม่รู้มาฉกแฟนไป เป็นแฟนผมแล้วห้ามเปลี่ยนใจรู้ไหมสุชาวี” มันเหมือนคำบอกเล่าแต่แกมบังคับ
เมื่อเธอเผยอริมฝีปากกำลังจะเถียงเขา นายหัวเมฆาก็จุมพิตร้อนแรงทาบทับไปบนริมฝีปากนุ่มและดูดชิมความหวาน ไม่รู้ทำไมช่วงนี้เขาอยากใกล้ชิดเธอเหลือเกินจะว่าเขาขาดเรื่องแบบนั้นมานานก็ไม่ใช่เขาคิดว่ามีความอดทนพอ
“อย่านะคะนายหัว อย่าทำแบบนี้” เสียงอู้อี้ในลำคอ ไม่ทำให้นายหัวเมฆาหยุดมือ เขากอดจูบเธอแม้จะถูกผลักออกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตามความหอมของกลิ่นกายสาวมันทำให้เลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านมือใหญ่รั้งต้นคอของหญิงสาวเอาไว้และซุกใบหน้าลงไปเคลียคลอซูดดมเนื้อสาว ให้ตายหากทำได้และสุชาวีไม่โกรธเขาอยากจะอุ้มหญิงสาวกลับเข้าบ้านและวางเธอบนเตียงของเขาทำอะไรต่อมิอะไรที่หัวใจอยากจะทำ แต่เพราะรักต่างหากทำให้เขาไม่คิดจะทำตามใจขอแค่จูบแค่หอมให้พอชุ่มชื่นหัวใจที่เหลือเขาจะรอเอาไว้ไปทำหลังแต่งงานนี่คือความตั้งใจของเขา ซึ่งนายหัวเมฆาไม่เคยที่จะยอมทนในเรื่องแบบนี้
“นายหัว! ไม่หยุดใช่ไหม”
“อีกนิดนะที่รัก เนื้อคุณมันหอมจริงๆ คุณใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรเนี่ย” เขายังฝังจมูกโด่งฟอนเฟ้นอยู่ที่ลำคอระหง
สุชาวีเริ่มไม่พอใจเขามากขึ้นเพราะคิดว่าเขากำลังดูถูกเธฮ
เพี้ยะ! นายหัวเมฆากุมโหนกแก้มนิ่ง ไม่คิดว่าสุชาวีจะกล้าตบเขา
ว้าย! เสียงกรีดร้องดังขึ้น คนทั้งคู่หันไปมองและพบว่าคนที่กำลังเดินมาและเห็นภาพเข้าคือเลขาสาวของนายหัว
สุชาวีหน้าแดงจัดรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นเลขาแก้มมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก หญิงสาวรีบขึ้นรถและขับออกไปทันที
“เดี๋ยวสุชาวี สุชาวี ผมบอกให้หยุด กลับมาเดี๋ยวนี้นะ” นายหัวเมฆาตะโกนเสียงดังและกำมือแน่น หลายอารมณเกิดขึ้นกับเขา โมโห น้อยใจ ไม่เข้าใจ และห่วงสุชาวี
“ไม่เข้าใจจริงๆเลยผู้หญิงเนี่ย ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา เรื่องมากน่ารำคาญ” นายหัวเมฆาบ่นอย่างหงุดหงิดแก้เก้อเพราะอายเลขาที่เข้ามาเห็นฉากเด็ด ในใจอยากจะขับรถตามสุชาวีไปขอโทษให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อใบหน้าหลากอารมณ์ของเขาหันมาทางเลขาสาวพอดี และเธอก็มองมาตาแป๋ว
เลขาสาวหน้าซีดจึงรีบออกตัว “แก้วไม่ได้ตั้งใจมาแอบดูนะคะนายหัว มันเห็นเอง” เลขาสาวรีบแก้ตัวด้วยอาการหน้าซีด ปากสั่นกลัวนายหัวจะโกรธ
“ดึกดื่นแบบนี้ เธอมาเดินอะไรแถวนี้ยัยแก้ม ไม่รู้จักไปหลับไปนอน ไปให้พ้นๆหน้าภายในห้านาทีเลยนะไม่งั้นหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง” นายหัวเข้าใจดีว่าไม่ใช่ความผิดของเธอคนผิดที่ทำลุ่มล่ามมันคือเขาเองแต่พูดไปอย่างนั้น
“ก็แก้มไปส่งเพื่อนนายหัวที่บ้านพักยังไงล่ะคะแล้วบังเอิญต้องเดินกลับมาทางนี้” เลขาสาวเถียง
“เพื่อนผมเหรอ จริงสิบางทีพีระดาอาจช่วยจะช่วยเราได้” นายหัวพรึมพรำเพราะกำลังเครียดเรื่องปัญาหาความไม่เข้าใจของเขากับสุชาวีและคิดว่าบางทีพีระดาอาจจะเข้าใจว่าสุชาวีเป็นอะไร
“นายหัวจะไปไหนคะนั่น”
“ก็จะไปหาพีระดานะสิ ตอนนี้คงไม่มีตัวช่วยไหนที่ดีกว่าเธออีก”
“คุณพีระดามาเมื่อไหร่กัน” เลขาสาวงงได้แต่เกาศรีษะและเดินกลับไปนอน ในสมองนึกภาพเมื่อครู่ตอนที่เห็นนายหัวเมฆากำลังนัวเนียกับคุณพยายาบาลหญิงสาวที่ยังไม่เคยมีความรักก็หน้าร่อนผ่าว
“ที่แท้นายหัวกับคุณพยาบาลก็กิ๊กกั๊กกันอยู่เป็นแบบที่เราคิดไม่ผิดเลย”
++++++++++++++++++++++++++++
มือถือเครื่องเล็กกระทัดรัดของหญิงสาวดังขึ้นสุชาวีอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะนายหัว”
“สุชาวีคืนนี้เราไปทานข้าวด้วยกันนะที่รักผมจองร้านประจำของผมเอาไว้แล้ว แต่งตัวสวยๆคอยผมได้เลยหกโมงเย็นผมจะไปรับคุณ”
มันคงจะเป็นเรื่องน่ายินดีหากนายหัวเมฆาจะโทรมาบอกเธอให้รู้ก่อนหน้านี้สักครึ่งชั่วโมง เพราะก่อนหน้าที่นายหัวเมฆาจะโทรมาชวนทานข้าวไม่ถึงสิบนาที สุชาวีเพิ่งจะรับเปลี่ยนเวรให้กับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ต้องเข้าเวรดึกแต่ติดธุระไม่สามารถมาเข้าเวรได้
“ฉันคงไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคืนนี้ฉันต้องไปเข้าเวร”
นายหัวจดจำตารางการทำงานประจำของสุชาวีได้แม่นยำ รวมถึงการมารับเวรพิเศษที่ไร่วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ มันทำให้คนที่ชวนเริ่มไม่พอใจหรือว่าที่เธอปฏิเสธเพราะไม่อยากจะไปกับเขากันแน่
“คุณมีนัดกับคนอื่นแล้วเหรอ สุชาวี” ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ เขาคิดว่าเธอทำตัวเหินห่าง แต่อันที่จริงพยาบาลสาวพยายามวางตัวให้เหมาะสมไม่ต้องการให้ใครมาว่าได้
“ฉันไม่ได้มีนัดกับใครค่ะ แต่ฉันต้องไปทำงานจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นผมคงจำผิดว่าวันนี้เป็นวันหยุดของคุณ” นายหัวเมฆาตัดสาย รู้สึกน้อยใจอุตสาห์ให้แม่บ้านเตรียมชุดที่เขาคิดว่าใส่แล้วหล่อที่สุดเพื่อจะไปทานข้าวกับคนรัก และให้เลขาแก้มโทรไปสั่งดอกไม้มาให้
“เดี๋ยวสิคะนายหัว รีบวางไปทำไม หรือว่าจะงอน” พยาบาลสาวไหวไหล่ “ไม่มั้ง”
เสียงประตูถูกเคาะ ก่อนที่เลขาคนสนิทจะหอบลิลลีสีขาวช่อใหญ่มาส่งให้เจ้านายสุดหล่อ ที่กำลังปั้นหน้าบึ้งตึง
“ดอกไม้ที่เจ้านายให้แก้วสั่งค่ะที่ร้านเขานำมาส่งแล้วนะคะ ส๊วย สวย สวยที่สุด”เลขาสาวชมดอกไม้อย่างกับว่าเป็นของตัวเอง คิดอยากจะดมกลิ่นของมันดูแต่ไม่กล้า
“ขอบคุณ ฝากโยนทิ้งด้วยก็แล้วกันคุณแก้ว” คนพูดน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“อะไรนะคะ! โยนทิ้งมันน่าเสียดายราคาตั้งสามสี่พัน เจ้านายสั่งดอกไม้มาโยนทิ้ง โยนขว้างเนี่ยนะอารมณ์ไหน”
“ถ้าเสียดายมากก็เก็บไว้เองละกัน แต่อย่าเอามันมาให้ผมเห็นอีก”
จากนั้นนายหัวเมฆาก็เดินออกไปจากห้องทันที ซึ่งนั่นเลขาแก้มรู้ดีว่าคนเป็นนายไม่ต้องการให้ใครซักถามอะไรอีกเขาต้องการความเป็นส่วนตัว
เลขาสาวไหวไหล่ “ดอกไม้สวยๆ เสียดายแย่ นายหัวไม่เอาแก้มเอาเอง ว่าแต่จะแอบซื้อไปให้ใครที่ไหนนะ คุณพีระดาคนสวยเขาก็เพิ่งจะแต่งงานไปหมาดๆ” เธอเพิ่งอ่านข่าวของนางแบบดังที่นายหัวเมฆาเคยพามาที่ไร่และเธอก็รู้ว่าเจ้านายของเธอชอบคุณพีระดาเอามากๆแต่สุดท้ายก็ได้กินแห้ว
++++++++++++++++++++++++
สุชาวีนั่งเงียบๆอยู่คนเดียว เมื่อคิดว่านายหัวเมฆาอาจจะน้อยใจที่เตรียมทุกอย่างเอาไว้แต่เธอกลับไปกับเขาไม่ได้ จึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนหนึ่ง สุชาวีพูดโทรศัพท์อยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาแก้มแทบปริจากนั้นรีบวางโทรศัพท์และตรงไปยังห้องน้ำ
ณ ไร่แสงตะวัน
สุชาวีพยายามจะโทรหานายหัวเมฆา แต่ทว่าโทรเท่าไหร่เขาก็ไม่รับเสียทีทำให้เธอต้องขับรถเก่าบุโรทั่งของเธอไปที่ไร่แม้ว่าจะไม่ใช่วันที่ต้องมาเข้าเวรของเธอ แถมยังแต่งตัวเสียสวยพริ้ง ก็เธอมีชุดสวยๆแบรนด์ดังตั้งหลายชุดที่นายหัวเมฆาซื้อมาให้เพราะตอนนั้นเขาหาว่าเธอแต่งตัวเหมือนคนงานทำความสะอาดบ้านไม่เหมาะจะเป็นพยาบาลส่วนตัวของเขา พยาบาลสาวเอารถเข้าไปจอดในไร่และโทรหานายหัวเมฆาอีกหลายครั้งแต่เจ้าตัวไม่ได้รับ
ความไม่สบายใจทำให้นายหัวเมฆารู้สึกว่าคืนนี้เขาอยากเมาซึ่งพักหลังๆ เขาแทบจะไม่ได้แตะต้องแอลกอฮอล์หรือไปท่องราตรีกับกลุ่มเพื่อนๆเลย และบังเอิญที่วันนี้เพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของสวนยางที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดได้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯเพื่อเยี่ยมครอบครัว หลังจากไปทำธุรกิจที่นอร์เวย์ประสบความสำเร็จอย่างสูง เพื่อนๆจึงรวมตัวกันเพื่อเลี้ยงฉลองให้ที่นานๆจะได้พบกันเสียที ดังนั้นนายหัวเมฆาจึงถูกตามตัวจากเพื่อนๆในกลุ่มหลายคนด้วยการมาบังคับถึงไร่และออกไปก่อนที่สุชาวีจะเข้ามาไม่นาน นายหัวเมฆาและกลุ่มเพื่อนๆของเขานัดรวมตัวกันที่ผับดังในเมือง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในละแวกว่าร้านนี้แพงมาก มีแต่พวกลูกหลานคนมีเงินเท่านั้นที่จะเข้าไปใช้บริการ และที่สำคัญร้านนี้มีแต่พนักงานสาวสวยหน้าตาดีที่คัดมาเป็นพิเศษซึ่งเมื่อก่อนนายหัวเมฆาเองก็เคยแวะเวียนมาบ้าง
สุชาวีเดินเลี่ยงไปตามทางเพื่อที่จะไปหานายหัวเมฆาที่บ้านพักของเขา ซึ่งเขาเคยมอบกุญแจเอาไว้ให้เธอและบอกสุชาวีเสมอว่าให้เธอเข้าไปได้ทุกเวลาอย่างเปิดเผยแต่สุชาวีก็ไม่คิดจะเข้าไปสักครั้ง จนกระทั่งคืนนี้ที่โทรหาเขาไม่ติด แต่ก่อนจะถึงบ้านพักส่วนตัวของนายหัวจะต้องานบ้านพักเล็กๆของคนงานหลายคน ซึ่งนายหัวสร้างเป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารักราวกับรีสอร์ทให้พนักงานได้อยู่อาศัย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเลขาสาวของนายหัวเมฆาพักอยู่ที่บ้านหลังแรก
พยาบาลสาวกลัวที่สุดว่าจะเจอเลขาแก้มและเธอจะต้องสงสัยว่าสุชาวีมาทำอะไร แต่โชคดีที่เวลานี้ไม่มีใครสักคนทุกคนคงกำลังพักผ่อนด้วยการดูละครโทรทัศน์
“ค่อยยังชั่วที่ไม่เจอคุณแก้มทักเข้า ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะตอบอย่างไร”
สุชาวีรีบถอนหายใจโล่งอกและเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่แล้วก็ต้องชะงักเท้า
“จะไปไหนคะคุณพยาบาล แต่งตัวซะสวยมีนัดกับใครเอ่ย” เสียงใสๆของเลขาแก้วร้องทัก
คุณพยาบาลในชุดแซกสีน้ำเงินสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยแบบทันสมัยปักเลื่อมเล็กน้อยช่วงอก ทำให้ขับผิวผ่องดูสวยฃรับกับหุ่นเพรียวบางในสายตาของเลขาแก้มคุณพยาบาลคืนนี้ช่างสวยมากเหลือเกิน
“เอ่อ...” นึกว่ารอดแล้วเชียวสุชาวีคิด แต่รีบหาข้อแก้ตัว
“คือว่า นายหัวเมฆาโทรตามฉันให้เข้ามาดูอาการเห็นบอกว่าปวดศีรษะมาก”
เลขาแก้มไม่ได้สงสัย ก็พักหลังเจ้านายเป็นอะไรไม่รู้ป่วยบ่อยเหลือเกินและก็ชอบสายตรงหาพยาบาลเองไม่เคยใช้เธอ แต่ที่เลขาแก้มแปลกใจทำไมคุณพยาบาลต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้
“มาดูอาการของนายหัวแค่นั้นเหรอคะคุณพยาบาล” เลขาคนสวยแอบพิจรณาเสื้อผ้า รองเท้าของคนตรงหน้าราคาคงไม่ใช่ถูกๆ “นึกว่าคุณพยาบาลมีเดทกับหนุ่มๆที่ไหนถึงได้แต่งตัวสวยขนาดนี้”เลขาสาวยิ้มจริงใจ
“คือว่าฉันมีนัดกับเพื่อนค่ะ แต่นายหัวเมฆาโทรตามก็เลยแวะมาดูอาการให้นายหัวก่อนค่ะ”
“ที่แท้ก็นัดเพื่อนไปเที่ยวนี่เอง โธ่แก้วก็นึกว่าคุณพยาบาลยอมเปิดโอกาสให้หนุ่มๆ บ้างซะแล้ว” เพราะเธอไม่เคยเห็นคุณพยาบาลคนสวยจะสนใจหนุ่มๆที่ไหนที่เข้ามาแจกขนมจีบเลย
สุชาวียิ้มเขินๆ “แล้วคุณแก้มจะหอบดอกไม้ไปไหนเหรอคะ ซื้อมาจากไหนคะสวยจัง” คุณพยาบาลชวนเปลี่ยนเรื่อง
“นายหัวเขาให้แก้มค่ะ กำลังจะไปหาแจกันมาใส่ ถ้าอย่างนั้นแก้มขอตัวไปหาแจกันก่อนละกัน” และเลขาสาวก็เดินจากไปทิ้งระเบิดลูกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว
“นายหัวซื้อดอกไม้ให้คุณแก้มเหรอ”สุชาวีไม่คิดจะเดินเข้าไปหานายหัวที่บ้าน เธอหันหลังกลับเดินออกจากไร่และตรงไปที่รถของตนเองที่จอดไว้ เมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ พยาบาลคนสวยก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างกั้นไม่อยู่และฟุบหน้าลงไปหาพวงมาลัย
“ผู้หญิงน่ารักแบบคุณแก้มไม่มีทางที่คนอยู่ใกล้จะไม่รู้สึกหวั่นไหว แล้วมันก็เป็นแบบที่คิดไม่ผิดนี้”สุชาวีขับรถออกจากไร่ไปพร้อมกับความเสียใจเพราะหลายต่อหลายครั้งที่เห็นความสนิทสนมเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้องของนายหัวเมฆากับเลขาสาว แต่ที่จริงแล้วคนทั้งคู่เป็นญาติห่างๆกันนายหัวเมฆาเอ็นดูเลขาคนสวยเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง
++++++++++++++++++++++++++++++
ผับดังในเขตอำเภอเมือง สาวสวยหุ่นดีขยี้ใจหนุ่มในชุดเซ็กซี่วาบหวิวหลากสีสันหลายนางซึ่งล้วนแต่คัดเกรดมารูปร่างหน้าตาระดับน้องๆดารากันทั้งนั้น เพราะที่นี่เป็นผับของไฮโซคนหนึ่ง ผู้ที่เข้ามาใช้บริการจะต้องเป็นสมาชิกเสียค่าสมัครรายปีถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาได้ นายหัวเดินเข้ามาในร้านหน้าตาบอกบุญไม่รับพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่ไปพาตัวเขาออกมาจากไร่
กลุ่มเพื่อนสนิทของเขาเกือบสิบคนซึ่งล้วนแต่ยังโสดนั่งรออยู่ในร้านนานแล้ว ในมุมหนึ่งซึ่งจัดไว้เป็นโซนสำหรับแขกระดับวีไอพี มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยหลายคนกำลังรินบรั่นดีอย่างเอาใจให้กับแขกวีไอพีทั้งหลาย บ้างก็เคลียเคล้าอยู่กับหน้าตักของหนุ่มๆหน้าตาคมเข้มหลายคนที่ล้วนเป็นเพื่อนสนิทของนายหัวเมฆา สาวสวยบางนางก็อิงแอบแนบซบบรรดาลูกค้าเศรษฐีซึ่งล้วนแต่เป็นลูกหลานคนดังในจังหวัดทั้งสิ้น สำเนียงแบบชาวใต้แท้
“ไอ้เสือ หายไปไหนมาวะไม่โผล่หน้ามาให้เพื่อนเห็นบ้างเลยนะเอ็ง” เพื่อนสนิทคนหนึ่งทักนายหัวเมฆา พร้อมกับเพื่อนอีกหลายๆคนที่เริ่มส่งเสียงต่อว่าต่อขานตามๆกันมา เพราะพักหลังมานี้นายหัวเมฆาไม่ค่อยได้ออกมาพบปะเพื่อนฝูง
“ก็อยู่ที่ไร่นั่นแหละ จะไปไหนได้งานมันรัดตัวช่วงนี้กำลังยุ่ง”เขาทรุดกายนั่งที่โซฟาหนังนุ่ม
“ไม่ใช่ซุกใครเอาไว้ที่ไร่เหรอวะไอ้เสือ มีของดีไม่เล่าสู่กันฟังบ้างเลย” เพื่อนคนหนึ่งแซว
สาวสวยนางหนึ่งรูปร่างเล็ก หน้าตาคมเข้ม ผมยาวสีน้ำตาลทองหยิกยาวเป็นลอนเหมือนทรงผมสาวเกาหลีที่นิยมกันสวมในชุดแซกสั้นสีดำผ้ากำมะหยี่ที่ถูกจัดไว้สำหรับนายหัวคนดังกำลังทรุดลงนั่งข้างๆเพื่อเอาอกเอาใจเขา
“ไม่ต้อง”เขายกมือปรามจนหญิงสาวชะงักและถอยกลับไปยืนที่เดิม สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนในกลุ่ม
“เป็นอะไรรึเปล่าวะเมฆา” เพราะนี่ถือว่าเป็นสิ่งปกติสำหรับเพื่อนๆนายหัว
“ไม่เป็นอะไรหรอกไอ้วัต แต่วันนี้ไม่ต้องการ”
“ไม่น่าเชื่อ เมื่อก่อนนายต้องขอสองทั้งซ้ายทั้งขวาวันนี้เพื่อนเป็นอะไรไปวะมาแปลกๆ” ลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นที่ชื่อเอกเป็นเพื่อนสนิทของนายหัวเมฆามาตั้งแต่ชั้นมัธยมเอ่ยถาม
“เบื่อ!”เขาตอบสั้นๆ
เพื่อนหลายคนหันไปคุยกันถึงอาการนายหัวเมฆา
จนนายเมธี ซึ่งเป็นเพื่อนคนเดียวที่อ้วนและขาวเหมือนคนจีนมากกว่าคนใต้พูดขึ้น “อ้อ! รู้แล้วไม่ถูกใจสาวที่จัดเอาไว้ให้ พวกเอ็งๆๆและเอ็งนี่” เขาชี้หน้าเพื่อนแทบทุกคน
“ไม่รู้ใจเพื่อนเราบ้างเลยนั่นๆ มันต้องประมาณนั้นโว้ย ตาโต ผิวขาว ผมยาว หุ่นดี สวยเด็ดสะระตี่ไปเลยเว้ยเฮ้ย”
ทุกคนมองไปที่นอกร้านตามนิ้วอ้วนกลมของคนพูด ผ่านกระจกใส เห็นหญิงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่เหมือนกำลังคอยใคร นาทีต่อมารถเก๋งคันหรูก็มาจอดต่อท้าย พร้อมกับชายวัยประมาณไม่เกินสามสิบห้ารูปร่างหน้าตาดีดินลงมาจากรถยุโรปยี่ห้อดังราคาหลายล้านบาทเ เพียงเท่านั้นเสียงของบรรดาเพื่อนๆนายหัวเมฆาก็พูดกันให้เซ็งแส่เอ่ยชมว่าหญิงสาวคนนั้นว่าสวยจริงๆ แต่ไม่น่ามีเจ้าของ อิจฉาชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ด้วย และไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมานายหัวเมฆาที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับแต่แรก ก็ลุกพรวดพราดขึ้นทันทีจนเพื่อนในกลุ่มงงเป็นไก่ตาแตก
“ไปไหนของเอ็งวะไอ้เสือ เฮ้ย! เพื่อนกลับมานี่ก่อน”
นายหัวเมฆาหันกลับมาตอบเพื่อนก่อนจะเดินออกไป เพราะรู้ดีหากไม่พูดอะไรเพื่อนของเขาอาจจะยกโขยงตามออกไปด้วย
“ก็พวกเอ็งบอกว่าเธอสวยและเสปคข้าไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นข้าจะเอาเธอกลับไร่น่ะสิ ไปก่อนนะพวกเอ็งกินกันต่อเถอะ”เขาพูดหน้าตายราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
เพื่อนๆเขาหลายคนอ้าปากค้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายหัวเมฆา เพื่อนของพวกเขาจะหิ้วสาวสวยสักคนหรือสองคนกลับบ้าน แต่ไอ้หมอนี่มันก็ไม่เคยแสดงความหื่น หรือเลวร้ายขนาดเที่ยวเดินไปฉุดแฟนชาวบ้านเขาตามข้างทางเหมือนที่กำลังจะทำตอนนี้แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในถิ่นนี้ก็ตาม
“จะบ้าเหรอไอ้เสือทำอะไรแบบนั้น เอ็งอยากได้สวยแค่ไหนที่นี่เขาก็มีให้เลือก”เพื่อนคนหนึ่งตะโกนไล่หลังแล้วลุกขึ้นตาม พร้อมเพื่อนอีกหลายคนที่ลุกขึ้นแต่ทว่าถูก นายเอกเพื่อนอีกคนเบรคเอาไว้
“พวกเอ็งมองหน้าผู้หญิงคนนั้นดีๆสิ นั่นมันพยาบาลที่ไร่ของไอ้เสือมันต่างหาก ข้าว่าข้าจำเธอได้ แต่แต่งตัวแบบนี้สวยกว่าใส่ชุดพยาบาลจนจำแทบไม่ได้ต่างหาก
“จริงเหรอวะ”หลายคนตั้งคำถาม
“ เชื่อเถอะงานนี้ไอ้เสือมันกลายเป็นสมภารกินไก่วัดไปแล้วโว้ย กินต่อเถอะว่ะ เพื่อนเรามันไม่ได้เลวขนาดไปฉุดใครเขามั่วๆหรอกมันต้องมีอะไรมากกว่านี้” จากนั้นเขาก็มองตามหลังนายหัวเมฆาไปและคิดว่าหากเพื่อนพร้อมคงจะมาเล่าให้ฟังเอง
“เออ แล้วนี่มันไม่เอากุญแจรถของมันไปเหรอ” เพื่อนคนหนึ่งหยิบพวงกุญแจขึ้นมาถือไว้
“นั่นนะสิ”
“ ก่อนมันไป มันกระซิบว่าให้เอารถกลับไปส่งที่ไร่ด้วย สงสัยมันจะมีแผน”
“ ลองอีแบบนี้แล้ว ไอ้เสือมันมีแผนแน่ๆเลยว่ะ เรามาดูกันสิว่าคืนนี้มันจะพาเธอกลับไร่ของมันได้จริงหรือเปล่า” จากนั้นทั้งหมดก็หัวเราะ บางก็คิดลึกเลยเถิดไปไกล และมองไปที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามเห็นเพื่อนรักกำลังเดินตรงไปหาหญิงสาวสวย
++++++++++++++++++++++++++
“จะเข้าไปรอในร้านก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมจะตามเข้าไป” ชายหนุ่มบอกกับสาวสวยในชุดแซกด้วยท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ เข้าไปพร้อมกันจะดีกว่าฉันรอได้”
“ไม่รู้นานหรือเปล่าน่ะสิกว่าจะได้เข้าไป กลัวคุณจะโดนยุงกัด”
“ฉันรอได้ค่ะไม่ลำบากเลย เข้าไปพร้อมๆกันจะดีกว่า”
หมอหนุ่มหน้าละอ่อนยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “คุณรอตรงนี้เป็นเพื่อนผมต่อก็ดีเหมือนกัน ครับ ผมจะได้อุ่นใจรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะมีภัยยังไงก็ไม่รู้” เขายิ้มแหยๆและมองด้านหลังเธอ
“ทำไมเหรอคะ คุณหมอ”
“ผมว่าคุณกลับไปกินข้าวกับผมที่บ้านไร่จะดีกว่าสุชาวี ที่ร้านนี้เสริฟอาหารช้าจะตายไป ไม่อร่อยด้วย” เสียงราบเรียบของใครบางคนที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างหลังเธอเอ่ยขึ้น ก่อนจะทำตาขวางใส่ชายหนุ่มผิวขาวที่ดูลักษณะเหมือนคุณหมอ
“นายหัว มาได้ยังไงคะ!”สุชาวีหันกลับมามองด้วยท่าทีตะลึงไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่
“เดินมาตามทาง”เขาตอบเสียงราบเรียบ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าคุณว่ายน้ำมาสักหน่อย แค่อยากรู้ว่าจู่ๆคุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ผมมีนัดกับเพื่อน และคุณล่ะมาทำอะไร ไหนบอกว่าต้องเขาเวรแทนเพื่อนไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงจับผิด
“คือว่าเอ่อ…………ฉัน”
“ไม่ต้องตอบก็ได้ผมเห็นเต็มสองตาแล้วว่าคุณมาทำอะไรกับใคร น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์หึงหวงอยู่ไม่น้อย”
คุณหมอหนุ่มยืนเก้ๆกังๆ วางตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าผู้ชายหล่อเข้มดูทรงอิทธิพลตรงหน้ามามายืนตาขวางจ้องหน้าเขาทำไมกัน และเป็นใครกันแน่ พราะคุณหมอเพิ่งจะย้ายมาประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดชุมพรได้ไม่ถึงสองเดือนวันๆก็ทำแต่งานแทบจะไม่ได้ไปไหนหรือทำความรู้จักกับใครเลย
“สวัสดีครับ คุณคงจะเป็นเพื่อนของคุณสุชาวีใช่ไหมครับผมหมอวัลลภครับยินดีที่รู้จัก”คุณหมอแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร เพราะเห็นใบหน้าของสุชาวีเหมือนกำลังลำบากใจ
“เธอบอกคุณว่าผมเป็นเพื่อนอย่างนั้นเหรอ”น้ำเสียงไม่พอใจและหันไปมองด้านข้างเป็นเชิงตั้งคำถามกับสุชาวี หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆเหมือนกับกำลังจะตอบอะไรแต่ทว่าคุณหมอชิงพูดเสียก่อน
“เธอไม่ได้บอกหรอกครับ ผมแค่เดาเอาเอง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคงเดาผิด และเข้าใจอะไรผิดไปมาก เพราะผมกับเธอ…..” สุชาวิสะกิดแขนนายหัวเมฆาเพราะคิดว่าเขากำลังเข้าใจอะไรผิดประเดี๋ยวนายหัวจะหน้าแตก
“ทำไมถึงไม่ให้ผมพูด คุณไม่ต้องการให้หมอนี่รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นใคร”
“หมอวัลลภค่ะนายหัวไม่ใช่หมอนี่” หญิงสาวค้าน
“จะหมออะไรก็ช่างเถอะผมไม่สนใจ แต่ที่ผมสนใจคุณบอกหมอนี่เหรอว่าผมเป็นเพื่อนคุณ”
“นายหัวอย่ามาทำตัวเกเรแบบนี้นะคะฉันไม่ชอบ”เธอว่าเขาเบาๆแบบได้ยินกันสองคน
“ผมไม่คิดว่าคุณจะปฏิเสธผมเพื่อจะมากินข้าวกับไอ้หมอหน้าตี๋นี่” เขาหันไปกระซิบกระซาบกับเธอเบาๆ เช่นกันและเปรียบเทียบความหล่อของตนกับหมอหนุ่มมั่นใจว่าตนเองกินขาด
“มันไม่ใช่แบบที่นายหัวกำลังคิดอยู่จริงๆนะคะ ฉันอธิบายได้”
“ ถ้าอย่างนั้นคุณกับไอ้หมอนี่คบกันแบบไหนถึงต้องมากินข้าวด้วยกันสองต่อสองแถมยังแต่งตัวซะ...สวยแต่มันโป้เกินไปถ้าไม่ได้มากับผม..” เขามองชุดสวยที่เว้าด้านหลังโชว์แผ่นหลังนวลเนียนแต่ไม่มากจนหน้าเกลียดทั้งใบหน้าและทรงผมที่ดูตั้งใจให้เป็นมื้อพิเศษ “ช่วยบอกผมหน่อยสุชาวี ผมจะได้ตาสว่างเสียที”
สุชาวีอยากจะทุบคนตรงหน้าสักทีสองทีแต่ไม่กล้าทำ นี่เธอควรจะโกรธเขาต่างหากแต่ดูเขาสิมาทำท่างอน ว่าแต่เพื่อนที่เขานัดเป็นใครผู้ชายหรือผู้หญิง
“พี่หมอวัลลภค่ะ ดิฉันขอตัวสักครู่ค่ะแต่คุณมานี่กับฉันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” สุชาวีหันไปยิ้มแหยกับคุณหมอและกึ่งลากกึ่งจูงคนตัวใหญ่ให้เดินห่างออกมาจากที่หมอวัลลภยืนอยู่
“จะทำอะไรของคุณ” นายหัวเมฆาแข็งขืนยืนนิ่งไม่เดินตาม “ไม่เคยมีใครมาสั่งผมได้”
“ฉันบอกให้คุณตามมาก็มาเถอ”สุชาวีหยิกที่แขนของนายหัวเมฆาจนเขาสะดุ้ง และหยิกตามอีกหลายครี้ง
“ทำบ้าอะไรเนี่ยผมเจ็บนะคุณ” เขาจึงเดินตามเธอมาแต่โดยดี
“ก็พูดดีๆแล้วนายหัวไม่ฟังนี่คะ”
แต่แล้วประตูรถยนต์ของหมอวัลลภก็ถูกเปิดออกพร้อมกับสาวสวยคนหนึ่งแต่งตัวสวยงามเหมือนกับว่าคืนนี้เป็นคืนพิเศษของเธอแต่ชุดของเธอเขารู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
“ขอโทษนะคะพี่หมอที่ทำให้รอนาน สุชาวีเธอคงยืนรอฉันจนขาแข็งไปเลยใช่ไหม แหม..ก็ชุดของเธอมันสวยดีอยู่หรอกนะแต่ฟิตชะมัด...ไม่ใช่สิที่จริงต้องโทษหุ่นของฉันต่างหากที่ช่วงนี้อวบเกิน อ้าว!....แล้วนี่ใครกัน”
โสรยาพยาบาลสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับสุชาวีในชุดสวยสีดำซีทรูดูมีราคาแต่ดูเหมือนชุดของเธอจะคับไปสักนิด มองนายหัวเมฆาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะร้องอ๋อ......เธอเคยเห็นหน้าเขาสองสามครั้งและรู้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในละแวกนี้เป็นเจ้าของไร่กาแฟขนาดใหญ่ที่เพื่อนสาวไปทำงานพิเศษอยู่
“นายหัวเมฆาใช่ไหมคะว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่” เธอยิ้มสดใสเพราะเป็นคนอารมณ์ดี แต่สงสัยว่าทำไมสุชาวีต้องดึงแขนนายหัวเมฆาด้วยเหมือนมีลับลมคมในกัน
นายหัวเมฆารู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาวที่ตั้งคำถามกับเขาแต่ทว่านึกไม่ออกว่าเคยพบหน้าที่ไหน
“เอ่อ...ผมผ่านมาแถวนี้โดยบังเอิญเห็นสุชาวียืนอยู่ก็เลยแวะมาทัก”
บังเอิญ คำนี้ทำให้สุชาวีรีบปล่อยมือจากนายหัวเมฆา
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทานข้าวด้วยกันสิคะ จะได้เป็นสักขีพยานให้เราสองคน”นายหัวเมฆาไม่เข้าใจความหมายของเธอเลยนี่เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ
“สักขีพยานอะไร แล้วคุณเป็นใคร เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอครับ” เขาถามตามความคิด
โสรยาหุบยิ้ม ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆออกมาใหม่อีกครั้ง “ใช่สินะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันรู้จักคุณแต่คุณคงไม่รู้จักฉันก็นายหัวออกจะดังแถมตอนนายหัวเมฆารถคว่ำตกหน้าผาเมื่อปีก่อนที่สลบไปสามวันสามคืน ฉันเข้าเวรเป็นพยาบาลที่คอยดูและคุณเองค่ะ แต่ดิฉันมีธุระต้องไปต่างจังหวัดด่วน สุชาวีจึงมารับเวรเฝ้าคุณแทนดิฉันแถมรับหน้าที่เป็นพยาบาลพิเศษรับเวรกลางคืนดูแลคุณอีกด้วย ถ้าคุณจำหน้าดิฉันไม่ได้ก็คงไม่แปลก” โสรยายิ้มกว้างอีกครั้ง
เรื่องที่หญิงสาวตรงหน้าบอกเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก แต่เรื่องที่สุชาวีคือพยาบาลที่เฝ้าเขาสามวันสามคืนตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนเพราะมันสำคัญกับเขามาก
เขาหันไปมองหน้าสุชาวี “ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณคือพยาบาลคนนั้นที่ดูแลผมตอนที่ผมได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“ก็คุณไม่เคยถามแล้วทำไมฉันถึงต้องบอก”
นายหัวเมฆาเข่นเขี้ยวถ้าไม่ติดว่าตรงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะและมีบุคคลอื่นอยู่ด้วยเขาจะจับเธอมาฟาดก้นสักทีสองที
“ตกลงว่าคุณไม่ได้มากับหมอนี่สองคนหรอกเหรอ”
“แล้วคุณเห็นว่าเรามากันกี่คนล่ะคะตอนนี้”สุชาวีเริ่มเอาคืน
โสรยาจับความผิดปกติของคนทั้งคู่ได้ที่เขาลือกันให้แซดว่าเจ้าของไร่แสงตะวันมาติดพันเพื่อนสาวสงสัยจะเป็นเรื่องจริง
“ถ้าสุชาวีมาทานข้าวกับพี่หมอวัลลภว่าที่เจ้าบ่าวของฉันสองต่อสอง ฉันเองคงแอบเคืองค่ะถึงแม้ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันจริงไหมจ้ะ”โสรยายิ้มให้เพื่อนสาวเธอไม่ได้หึงหวงแฟนหนุ่มเพราะรู้นิสัยสุชาวีดี แต่ต้องการจะบอกเป็นนัยให้กับนายหัวเมฆาทราบ
“หมอนี่เจ้าบ่าวคุณ” นายหัวเมฆาอยากจะยิ้มออกมาแต่เก๊กเอาไว้
“ใช่ค่ะ” โสรยาพยักหน้ายิ้มรับส่วนคุณหมอวัลลภก็เข้ามาช่วยแฟนสาวถือกระเป๋า
“แล้วคุณมาทำอะไรกับเขาด้วยล่ะแฟนเขาจะมากินข้าวด้วยกัน” นายหัวเมฆาหันไปถามคนรัก
แต่เพื่อนสาวช่างพูดของเธอก็ตอบแทนอีกเช่นเคยเพราะแอบดูทั้งคู่อยู่นานแล้วในรถระหว่างที่รีบแต่งตัวเปลี่ยนชุดใหม่อยู่ภายในรถที่ติดฟิล์มดำมืดทึบ
“คือฉันขอร้องให้สุชาวีช่วยขับรถเอาชุดใหม่มาให้ค่ะ พอดีว่าฉันและพี่หมอจะประกาศแต่งงานกันที่ร้านอาหารแห่งนี้ ซึ่งญาติของเราได้รออยู่ในร้านนานแล้วยกเว้นสุชาวี แต่บังเอิญว่าชุดของฉันเกิดอุบัติเหตุซิบแตกน่ะสิคะ” โสรยาพูดไปยิ้มไปอย่างเขิน “ก็เลยต้องขอร้องให้สุชาวีเอาชุดมาให้ฉันเปลี่ยนน่ะค่ะ” คุณหมอเพิ่งจะขอย้ายตามแฟนสาวมาอยู่ที่นี่หลังใช้ทุนรัฐบาลหมดทั้งคู่บกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยและตั้งใจจะแต่งงานกันทันที
ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้เองนายหัวเมฆารู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แต่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งคู่ด้วยครับ” รอยยิ้มกว้างถูกเผยบนใบหน้าคมคาย “ ร้านนี้อาหารอร่อย บริการรวดเร็วทันใจ เชิญพวกคุณทานอาหารกันให้อร่อยนะครับ” นายหัวเมฆายิ้มนิดหน่อยแถมยังการันตีว่าร้านนี้อร่อยจริง จนสุชาวีมองหน้าเขาเธอจำได้เมื่อห้านาทีก่อนบอกว่าอาหารไม่อร่อย บริการช้า
“เชิญนายหัวด้วยสิคะ เราต้องการให้คุณและสุชาวีร่วมแสดงความยินดีกับเราด้วย” หญิงสาวกล่าวเชิญด้วยความจริงใจ แต่คุณหมอหนุ่มสะกิดแขนเธอ
“ผมว่าเขาสองคนอาจจะมีอะไรที่ต้องคุยกันก็ได้อย่าไปทำให้เขาลำบากใจเลย” คุณหมอหนุ่มพอจะมองออกจึงสะกิดบอกแฟนสาว
“นั่นสิคะพี่หมอ”โสรยาหันไปสบตาเพื่อนสาว
“ฉันว่าคืนนี้เธอคงไม่ว่างแล้วล่ะสุชาวี แต่หวังว่าเธอคงรับหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวให้กับฉันนะ”
“หมายความว่ายังไงโสรยานี่เธอใช้งานฉันเสร็จก็ไล่กลับไม่ให้กินข้าวกินปลาเลยอย่างนั้นสิ”
“ฉันว่ามีคนเขาอยากกินข้าวกับเธอนะคืนนี้” โสรยาส่งยิ้มให้นายหัวหนุ่ม เขายิ้มเล็กน้อยตอบเธอและค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อว่าที่บ่าวสาวจูงมือเข้าไปในร้านอาหารแล้ว สุชาวีกับนายหัวเมฆาก็ยืนเผชิญหน้ากันอยู่สองคน
นายหัวเมฆามองรถเก่าๆ บุโรทั่งของแฟนสาว ทำไมเขาไม่เคยคิดบ้างว่าปล่อยให้แฟนใช้รถเก่าขนาดนี้ดีล่ะของขวัญชิ้นแรกที่เขาจะให้เธอคือการโละเจ้ากระป๋องเก่าๆเริ่มขึ้นสนิมคันนี้ทิ้งวธ และหารถหรูคันใหม่ป้ายแดงที่เข้ากับเธอมาให้เป็นของขวัญ
“คุณจะให้ผมขับหรือจะขับเอง”
“ใครชวนคุณกลับด้วยไม่ทราบ”
“ถ้าคุณไม่ให้ผมขึ้นรถคุณและจะให้ผมกลับไร่ยังไง”
“ก็ตอนมาคุณมายังไงตอนกลับก็ควรจะกลับแบบนั้นและมากับใครก็ควรจะกลับไปกับคนนั้น” เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเดินมาจากไร่มันห่างกันตั้งสามสิบกว่ากิโลถ้าเชื่อก็นิยายแล้วสุชาวีคิด
“คนที่พาผมมาด้วยเขากลับไปแล้วน่ะสิ เขาทิ้งให้ผมกลับเอง” ทั้งที่คนที่มาด้วยอยู่ในร้านฝั่งตรงข้ามกำลังมองดูเพื่อนผ่านกระจกด้วยความสนใจแต่สุชาวีไม่รู้ตัว
“ถูกทิ้งว่างั้นเถอะ”
เขาไหว่ไหล่ “ประมาณนั้น”
เมื่อนายหัวเมฆาได้ขึ้นรถแฟนสาวก่อนจะประจำที่คนขับก็หันไปส่งยิ้มและยักคิ้วให้เพื่อนเล็กน้อย คิดในใจว่าวันหลังจะพาสุชาวีไปเปิดตัวในฐานะหวานใจตัวจริงๆ
“เมฆามันเจ๋งว่ะ คุยกันไม่กี่คำพาขึ้นรถกลับบ้านได้แล้ว”เพื่อนของเขาเฮฮาเห็นเป็นเรื่องคุยสนุกตามประสาผู้ชายโสด
+++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในรถคันเก่าของสุชาวีบรรยากาศอึมครึมเพราะสุชาวียังติดใจกับเรื่องดอกไม้ที่นายหัวเมฆาซื้อให้เลขาสาวนั่นมันสื่อความหมายว่าเกินเจ้านายกับลูกน้อง นายหัวเมฆาก็ยังติดใจเรื่องที่สุชาวีบอกว่าจะไปเข้าเวรแล้วจู่ๆก็มาอยู่ทีร้านอาหาร
“คุณยังไม่ได้ทานข้าวใช่หรือเปล่า”นายหัวเมฆาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ขณะขับรถซึ่งเขาหงุดหงิดกับความเก่าคร่ำคร่าของมันเหลือเกินไม่รู้แฟนสาวทนขับอยู่ได้ยังไง
“ก็เกือบจะได้ทานถ้าคนบางคนไม่มาทำตัวเป็นมารคอหอยของฉัน”
นายหัวเมฆายิ้มเล็กน้อย “คุณกำลังโมโหหิวอย่างนั้นล่ะสิ”
“เปล่าค่ะ แต่โมโหคุณ”
“คืนนี้คุณเป็นอะไรไปทำไมดูอารมณ์ไม่ดี หรือว่าหงุดหงิดเพราะเป็นวันนั้นของเดือน”เขายั่วเธอ
“นายหัวคะ”น้ำเสียงดุ ก็เพราะเขาต่างหากที่ทำให้อารมณ์ของเธอเป็นแบบนี้ อยากจะถามสิ่งที่คาใจแต่ไม่อยากถูกมองว่าเธอกำลังหึงเขา
เสียงเพลงจากโทรศัพท์ของนายหัวเมฆาดังขึ้นเขารีบรับคิดว่าเพื่อนๆ คนจะโทรมาแซวอย่างแน่นอนเขาจะต้องรีบคุยและรีบวาง
“นายหัวคะ นายหัวอยู่ที่ไหนคะเนี่ย” เสียงใสของเลขาสาวแว่วดังออกมานอกโทรศัพท์เข้าหู สุชาวีหญิงสาวแกล้งมองเมินออกไปนอกรถยนต์พยายามซ่อนความรู้สึกน้อยใจเอาไว้
“นี่คุณยังไม่นอนอีกเหรอ โทรหาผมดึกดื่นแบบนี้มีอะไรอย่าบอกนะว่ากลัวผี”เขาคุยหยอกเล่นตามปกติ
ถ้อยคำหยอกเย้าของนายหัวที่มีให้กลับเลขาสาวมั่นใจว่าคนทั้งคู่อาจสนิทสนมเกินกว่าเจ้านายกับลูกน้อง
“ก็เพื่อนนายหัวนะสิคะมาหาที่ไร่เมื่อครู่นี้ แต่นายหัวกลับไม่อยู่ เขามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กันทั้งคู่เลย เขาบอกกับแก้วว่า นายหัวเชิญเขามาเที่ยวที่ไร่เขามีนามบัตรของนายหัวมาด้วยนะคะ
นายหัวเมฆานึกไปถึงหน้าสวยๆของพีระดา กับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่เขายังไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่อย่างภาคินัย ทั้งคู่คงมาตามคำเชิญของเขาแล้วสินะ แต่คงจะ มาเร็วกว่ากำหนดซึ่งพีระดาแจ้งว่าเธอและแฟนหนุ่มจะเดินทางมาพักที่ไร่ของเขาในวันศุกร์นี่ ซึ่งวันนี้เป็นวันพุธโชคดีที่เขาให้คนจัดเตรียมที่พักไว้อย่างเรียบร้อย การชวนคนทั้งคู่มาฮันนีมูนที่ไร่ส่วนหนึ่งเพราะเขาเห็นพีระดาเป็นเพื่อน อีกส่วนหนึ่งอยากจะไถ่โทษที่เคยทำไม่ดีเอาไว้กับคนทั้งคู่
“ถ้าอย่างนั้นฝากคุณดูแลเพื่อนของผมให้ดีที่สุด ผมกำลังจะกลับไปที่ไร่แล้ว ช่วยเช็ความเรียบร้อยของบ้านพักที่ผมจัดเตรียมเอาไว้สำหรับเธอด้วย ถ้าเธอต้องการอะไรเพิ่มก็จัดการให้เธอด้วย”
“ได้ค่ะนายหัวแก้วจะจัดการให้” เลขาสาววางสายแล้วหันกลับไปมองคนทั้งคู่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก การแต่งกายนั้นบอกว่าคนทั้งคู่ต้องไม่ใช่คนที่นี่อย่างแน่นอน
“นี่คุณรู้ไหมว่าใครมารอเราอยู่ที่ไร่” ท่าทางดีอกดีใจของเขามันชวนให้สุชาวีแอบคิดว่าเขายังตัดใจจากพีระดาไม่ได้
“ท่าทางของคุณดีใจมากเลยนะคะ”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ ก็ผมกำลังอยากจะพบเธอมีอะไรอยากจะปรึกษาหน่อย”
แน่ล่ะช่วงนี้เขาอยากจะคุยกับผู้หญิงสักคนที่พอจะไว้ใจปรึกษาปัญหาบางอย่างได้ เลขาสาวของเขาน่ะเหรอเขาก็สนิทกับเธอดีอยู่หรอก แต่ฝ่ายนั้นช่างด้อยระสบการณ์ในด้านความรัก แต่หล่อนเป็นเจ้าแม่ทฤษฏีซึ่งแต่ละอย่างที่เคยแนะนำเมื่อทำแล้วผลออกมาแป้กทุกที เหมือนตอนที่เขาจีบพีระดา
นายหัวเมฆาจึงไม่เชื่อทฤษฎีมัดใจสาวของเลขาคนสวยอีก
“ถ้าอย่างนั้นคงเป็นคุณพีระดา” ใช่สิจะมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้คุณดีใจออกหน้าออกตาได้มากขนาดนี้สุชาวีแอบค่อนแขะอยู่ในใจ
“ถูกต้องแล้วครับ” นายหัวเมฆายังอุตสาห์หยอกเธอได้ลงคออีก ช่างไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้คนข้างๆน้อยใจมากขึ้นไปอีก
+++++++++++++++++++++++++
พีระดาจามติดกันสองครั้งขณะนั่งทานข้าวกับภาคินัยที่ตอนนี้เขาเปลี่ยนสถานะมาเป็นสามีของเธอทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย
“จามสองหนแสดงว่ามีคนบ่นหาคุณนะที่รัก”
“ใครกันล่ะคะ ในเมื่อคุณก็นั่งอยู่ตรงนี้” หญิงสาวส่งตาหวานใส่
“รู้ไหมพีระดา”เขาจ้องมองไปที่ดวงตาคู่สวย
“ทำไมคะ ภาคินัยที่รัก” ปากกระจับแสนสวยดูจะหวานหยดในช่วงหลังแต่งงาน
“อาหารมื้อนี้มันจืดมากเลย ” ทั้งที่หลายวันผ่านมาตั้งแต่ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ภาคินัยจะชมเสมอว่าเธอทำอาหารได้อร่อยถูกปากเขา
“แย่จริง มันจืดขนาดนั้นเลยเหรอคะ” พีระดาหน้าเสียใช้ช้อนกลางตักน้ำแกงใส่ช้อนของเธอก่อนจะส่งเข้าปากเพื่อชิมรส
หญิงสาวขมวดคิ้ว “มันก็ไม่จืดนี่คะภาคินัย”
“ผมจะบอกว่าที่แกงมันจืด เพราะตาของคุณกับปากของคุณมันหวานเกินต่างหากล่ ทำให้ผมกินอะไรก็จืดไปหมด”
“อย่ามาทำปากหวานไปหน่อยเลยค่ะ อีกหน่อยกลัวแต่คุณจะว่าเห็นหน้าฉันแล้วพาลกินข้าวไม่ลง”
“ผมไม่ได้ปากหวานนะผมพูดจากใจแต่ถ้าคุณจะลองพิสูจน์ดูก็ได้นะเผื่อปากผมมันอาจจะหวานจริงๆก็ได้” เมื่อภาคินัยคิดว่าอาหารที่น่ารับประทานหลายอย่างตรงหน้า มันคงอร่อยสู้พีระดาไม่ได้เขาก็รวบช้อนทันที เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปช้อนร่างบางของพีระดาขึ้นมาแทน
“ภาคินัยคะ ทำอะไรของคุณคะเนี่ย ปล่อยฉันลงนะคะ”
“ผมไม่อยากทานข้าวแล้ว ผมจะพาคุณไปหาอะไรหวานๆ กินกันสองคนในห้อง รับรองว่าอร่อย” เขามองเรื่อนร่างของภรรยาสาวอย่างพอใจจนหน้าของพีระดาแดงระเรื่อเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร
แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักเสียงครวญครางสลับกันไปมาของคนทั้งคู่ หากใครบังเอิญมาได้ยินเข้าคงเข้าใจผิดว่าคนในห้องคงกำลังแอบทานอาหารรสจัดจ้านที่คงทั้งเผ็ด ทั้งแซ่บ ทั้งหวาน ทั้งมันอย่าบอกใครเชียว เพราะมีเสียงครางซี๊ด ซ๊าด ดังแว่วออกมาเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง
++++++++++++++++++
ณ ไร่แสงตะวัน จังหวัดชุมพร
“ลงมาสิ อย่าดื้อ ถ้าคุณไม่ลงมาดีๆ ผมจะอุ้มคุณลงมา” แค่นั้นสุชาวีก็ลงจากรถแทบไม่ทันเพราะเชื่อว่านายหัวเมฆาทำได้ตามที่พูด
“ทำไมนายหัวต้องบังคับฉันด้วยคะ นี่มันก็ดึกแล้วถ้าใครเห็นเข้ามันจะไม่เหมาะ”
“สุชาวี ทำไมคุณต้องคอยแคร์สายตาของใครต่อใครด้วยผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ ในเมื่อผมเองพร้อมจะเปิดเผยเรื่องที่เราคบกัน”
“นายหัวไม่เข้าใจฉันหรอก คุณมีครบทุกอย่างทั้งหน้าตาฐานะคุณจะเลือกคบกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ฉันผู้หญิงที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลยเพียงระยะเวลาที่เราหายไปกรุงเทพฯด้วยกัน กลับมาก็ประกาศตัวเป็นแฟนกัน ใครๆก็คงมองว่าฉันมาจับคุณ หรือไม่ก็เอาร่างกายเข้าแลกคุณถึงหันมาสนใจ”
“ไอ้ใครของคุณมันเป็นใคร บอกผมสิผมจะไปจัดการมัน” นายหัวเมฆาออกจะอารมณ์เสียไม่น้อยทึ่คนที่เขาจริงใจอยากจะแต่งงานด้วยคอยแต่กลัวสายตาของคนอื่น
“คุณไม่เข้าใจความรู้สึกฉันบ้างเลย” สุชาวีส่ายหน้า เขาไม่รู้ถึงความอึดอัดภายในใจของเธอ ผู้หญิงที่มีแต่ตัวพร้อมหนี้สินจะมีใครเชื่อว่าเธอไม่ได้เอาตัวเข้าแลก
“ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ บางทีผมอยากจะใกล้ชิดคุณบ้างก็ต้องคอยแอบหลบๆซ่อนๆ ทำยังกับว่าผมไปลักลอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน ทั้งที่คุณเป็นแฟนผม”
“นายหัว!”
“หรือว่าที่จริงแล้วคุณอาจจะยังไม่มั่นใจว่าคุณจะรักผู้ชายอย่างผมจริงหรือเปล่า” เขารวบเอวบางเข้ามาใกล้
“อย่าทำแบบนี้นะคะเดี๋ยวใครมาเห็น” เขาดันร่างบางแนบติดกับประตูรถยนต์”
“ก็ตอบผมมาก่อนสิ ว่าทำไมทำตัวเกเรกับผม หรือจะทำให้ผมคลั่ง แค่นี้ก็คลั่งไคล้จะแย่แค่เก็บอารมณ์ไว้”เขามองเรือนร่างงามและกลืนน้ำลายลงคอ
“อย่ามาทำท่าทางหื่นๆกับฉันนะคะ”
“ก็ผมหวง ห่วงและหึงมาก ยิ่งเห็นผู้ชายคนอื่นมาอยู่ใกล้คุณผมไม่รู้ว่าจะทนได้นานเท่าไหร่”
“ก็มีแต่คนป่วยทั้งนั้นแหละที่เข้ามาอยู่ใกล้ฉัน ก็ฉันมีหน้าที่ดูแลคนป่วย”
“ไอ้พวกป่วยการเมืองทั้งนั้นแหละ” นายหัวเมฆาสบตาหญิงสาวเขาอยากจะทำอะไรมากกว่านี้จริงๆอย่างน้อยได้หอมคนที่กำลังกอดรัดอยู่สักฟอดก็ยังดี
“นายหัวชอบมองคนในแง่ร้าย”เธอดันเขาออก
“ก็ดีกว่ามองในแง่ดีแล้วถูกใครหน้าไหนไม่รู้มาฉกแฟนไป เป็นแฟนผมแล้วห้ามเปลี่ยนใจรู้ไหมสุชาวี” มันเหมือนคำบอกเล่าแต่แกมบังคับ
เมื่อเธอเผยอริมฝีปากกำลังจะเถียงเขา นายหัวเมฆาก็จุมพิตร้อนแรงทาบทับไปบนริมฝีปากนุ่มและดูดชิมความหวาน ไม่รู้ทำไมช่วงนี้เขาอยากใกล้ชิดเธอเหลือเกินจะว่าเขาขาดเรื่องแบบนั้นมานานก็ไม่ใช่เขาคิดว่ามีความอดทนพอ
“อย่านะคะนายหัว อย่าทำแบบนี้” เสียงอู้อี้ในลำคอ ไม่ทำให้นายหัวเมฆาหยุดมือ เขากอดจูบเธอแม้จะถูกผลักออกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตามความหอมของกลิ่นกายสาวมันทำให้เลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านมือใหญ่รั้งต้นคอของหญิงสาวเอาไว้และซุกใบหน้าลงไปเคลียคลอซูดดมเนื้อสาว ให้ตายหากทำได้และสุชาวีไม่โกรธเขาอยากจะอุ้มหญิงสาวกลับเข้าบ้านและวางเธอบนเตียงของเขาทำอะไรต่อมิอะไรที่หัวใจอยากจะทำ แต่เพราะรักต่างหากทำให้เขาไม่คิดจะทำตามใจขอแค่จูบแค่หอมให้พอชุ่มชื่นหัวใจที่เหลือเขาจะรอเอาไว้ไปทำหลังแต่งงานนี่คือความตั้งใจของเขา ซึ่งนายหัวเมฆาไม่เคยที่จะยอมทนในเรื่องแบบนี้
“นายหัว! ไม่หยุดใช่ไหม”
“อีกนิดนะที่รัก เนื้อคุณมันหอมจริงๆ คุณใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรเนี่ย” เขายังฝังจมูกโด่งฟอนเฟ้นอยู่ที่ลำคอระหง
สุชาวีเริ่มไม่พอใจเขามากขึ้นเพราะคิดว่าเขากำลังดูถูกเธฮ
เพี้ยะ! นายหัวเมฆากุมโหนกแก้มนิ่ง ไม่คิดว่าสุชาวีจะกล้าตบเขา
ว้าย! เสียงกรีดร้องดังขึ้น คนทั้งคู่หันไปมองและพบว่าคนที่กำลังเดินมาและเห็นภาพเข้าคือเลขาสาวของนายหัว
สุชาวีหน้าแดงจัดรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นเลขาแก้มมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก หญิงสาวรีบขึ้นรถและขับออกไปทันที
“เดี๋ยวสุชาวี สุชาวี ผมบอกให้หยุด กลับมาเดี๋ยวนี้นะ” นายหัวเมฆาตะโกนเสียงดังและกำมือแน่น หลายอารมณเกิดขึ้นกับเขา โมโห น้อยใจ ไม่เข้าใจ และห่วงสุชาวี
“ไม่เข้าใจจริงๆเลยผู้หญิงเนี่ย ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา เรื่องมากน่ารำคาญ” นายหัวเมฆาบ่นอย่างหงุดหงิดแก้เก้อเพราะอายเลขาที่เข้ามาเห็นฉากเด็ด ในใจอยากจะขับรถตามสุชาวีไปขอโทษให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อใบหน้าหลากอารมณ์ของเขาหันมาทางเลขาสาวพอดี และเธอก็มองมาตาแป๋ว
เลขาสาวหน้าซีดจึงรีบออกตัว “แก้วไม่ได้ตั้งใจมาแอบดูนะคะนายหัว มันเห็นเอง” เลขาสาวรีบแก้ตัวด้วยอาการหน้าซีด ปากสั่นกลัวนายหัวจะโกรธ
“ดึกดื่นแบบนี้ เธอมาเดินอะไรแถวนี้ยัยแก้ม ไม่รู้จักไปหลับไปนอน ไปให้พ้นๆหน้าภายในห้านาทีเลยนะไม่งั้นหักเงินเดือนครึ่งหนึ่ง” นายหัวเข้าใจดีว่าไม่ใช่ความผิดของเธอคนผิดที่ทำลุ่มล่ามมันคือเขาเองแต่พูดไปอย่างนั้น
“ก็แก้มไปส่งเพื่อนนายหัวที่บ้านพักยังไงล่ะคะแล้วบังเอิญต้องเดินกลับมาทางนี้” เลขาสาวเถียง
“เพื่อนผมเหรอ จริงสิบางทีพีระดาอาจช่วยจะช่วยเราได้” นายหัวพรึมพรำเพราะกำลังเครียดเรื่องปัญาหาความไม่เข้าใจของเขากับสุชาวีและคิดว่าบางทีพีระดาอาจจะเข้าใจว่าสุชาวีเป็นอะไร
“นายหัวจะไปไหนคะนั่น”
“ก็จะไปหาพีระดานะสิ ตอนนี้คงไม่มีตัวช่วยไหนที่ดีกว่าเธออีก”
“คุณพีระดามาเมื่อไหร่กัน” เลขาสาวงงได้แต่เกาศรีษะและเดินกลับไปนอน ในสมองนึกภาพเมื่อครู่ตอนที่เห็นนายหัวเมฆากำลังนัวเนียกับคุณพยายาบาลหญิงสาวที่ยังไม่เคยมีความรักก็หน้าร่อนผ่าว
“ที่แท้นายหัวกับคุณพยาบาลก็กิ๊กกั๊กกันอยู่เป็นแบบที่เราคิดไม่ผิดเลย”
++++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2555, 16:44:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 22:58:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 4281
<< ตอนที่ 30 | ตอนที่ 32 >> |

lovemuay 3 ส.ค. 2555, 19:29:52 น.
คู่แรกแฮบปี้เอนดิ้งไปแล้ว ก็เหลือแต่คู่นี้แหละ -*-
คู่แรกแฮบปี้เอนดิ้งไปแล้ว ก็เหลือแต่คู่นี้แหละ -*-

goldensun 3 ส.ค. 2555, 20:00:38 น.
สับสนชื่อเลขาตอนนี้ เดี๋ยวแก้ม เดี๋ยวแก้ว
โดนเข้าใจผิดไม่รู้ตัวบ้าง นายหัว คุณพยาบาลทั้งน้อยใจ ทั้งเจียมตัว ไม่รู้บ้าง
ว่าแต่ ใครมาพักกันล่ะ
สับสนชื่อเลขาตอนนี้ เดี๋ยวแก้ม เดี๋ยวแก้ว
โดนเข้าใจผิดไม่รู้ตัวบ้าง นายหัว คุณพยาบาลทั้งน้อยใจ ทั้งเจียมตัว ไม่รู้บ้าง
ว่าแต่ ใครมาพักกันล่ะ

แพม 4 ส.ค. 2555, 00:33:06 น.
ปล้ำโลด เอิ๊กส์
ปล้ำโลด เอิ๊กส์


คิมหันตุ์ 4 ส.ค. 2555, 03:40:27 น.
โว๊ะ...ลุงเมฆา นี่เอะจับกด ตลอด...ห้าห้า
โว๊ะ...ลุงเมฆา นี่เอะจับกด ตลอด...ห้าห้า

tam 4 ส.ค. 2555, 13:55:40 น.
นายหัวนี่ผู้ช๊ายผู้ชายเลยนะคะ รักเค้าแต่ไม่เข้าใจ -_-" มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวต้องเปลี่ยนมาทำไร่แห้วแล้วจะเศร้า ^^
นายหัวนี่ผู้ช๊ายผู้ชายเลยนะคะ รักเค้าแต่ไม่เข้าใจ -_-" มัวแต่ชักช้าเดี๋ยวต้องเปลี่ยนมาทำไร่แห้วแล้วจะเศร้า ^^

konhin 4 ส.ค. 2555, 22:53:42 น.
เข้าใจผิดกันไปใหญ่
เข้าใจผิดกันไปใหญ่

wane 5 ส.ค. 2555, 04:57:12 น.
คู่นี้สงสัยจะเข้าใจผิดกันอีกนาน ..มีอะไรก็ไม่ยอมพูดตรงๆ เฮ้อ!
คู่นี้สงสัยจะเข้าใจผิดกันอีกนาน ..มีอะไรก็ไม่ยอมพูดตรงๆ เฮ้อ!