ชื่นหัวใจ กลิ่นอายรัก
เศร้า เคล้า โรแมนติก
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 7/3

ก็ปีนี้จะมีการจัดประกวดธิดาชาวไร่ขึ้นมาน่ะสิคะ ผู้ที่ชนะจะได้เป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมทการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของจังหวัด 1 ปีค่ะ และสำหรับไร่ต้นสังกัดที่ส่งนางงามเข้าประกวดหากชนะจะได้เงินสนับสนุนพิเศษจากทางจังหวัดด้วยค่ะ”กนกรัตน์เล่าอย่างตื่นเต้น อินทัชได้ฟังเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน
“อันที่จริงแล้วการจัดประกวดนี้ดิฉันเป็นคนเสนอไปเองเพราะอยากให้คนสนใจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติมากขึ้น จึงคิดการประกวดนี้ขึ้นมาเนื่องจากป่าไม้สำคัญของทางจังหวัดถูกลักลอบทำลายไปค่อนข้างเยอะไหนจะสัตว์ป่าสงวนที่ถูกล่าอีก หากเรามีพรีเซ็นเตอร์สาวสวยสักคนที่เข้ามาช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือช่วยกันปลูกป่าอะไรทำนองนี้ล่ะค่ะ ดิฉันคิดว่าอาจช่วยได้ไม่มากก็น้อยล่ะค่ะ” อินทัชได้ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยกับสาวใหญ่ แต่คิดไปคิดมาทางไร่เขาก็ไม่เห็นใครจะมีแววประกวดนางงามได้เลย อีกอย่างเรื่องเงินทองเขาก็ไม่เดือดร้อนด้วย
“ทางไร่ผมขอลสะสิทธิ์ไม่ส่งใครเข้าประกวดได้ไหมครับ เปิดโอกาสให้ไร่อื่นเขาประกวดและได้รับรางวัลไปเถอะครับ”อินทัชปฏิเสธตรงไปตรงมา ทว่าหญิงตรงหน้ากลับทำตาขวางด้วยความไม่ยอม
“ไม่ได้นะคะ ดิฉันไม่ยอมค่ะครั้งนี้เป็นการประกวดเป็นปีแรก ทุกไร่ที่เป็นสมาชิกของสมาคมเราต้องส่งสาวงามเข้าประกวดค่ะ โดยเฉพาะไร่บริรักษ์ศักดา” กนกรัตน์หรี่ตามองต่ำลงอย่างมีเลศนัย ทำให้อินทัชนึกสงสัยจึงถามขึ้น
“ทำไมหรือครับ”
“เพราะปีนี้คุณได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ไงคะ เพราะฉะนั้นคุณต้องให้ความร่วมมือกับงานทุกอย่างอย่าให้เสียชื่อสมาคมสิคะ”กนกรัตน์ขอร้องแกมบังคับอยู่ในที แถมยังส่งสายตาเว้าวอนมาให้ เล่นเอาชายหนุ่มเบือนหน้าหลบแทบไม่ทัน
“เอ้อ..อ..คุณกนกรัตน์ครับ เดี๋ยวยังไงผมขอคิดดูอีกทีนะครับ” อินทัชพยายามหลีกเลี่ยงและจบบทสนทนา แต่ทว่ากนกรัตน์ไม่ยอมง่ายๆ
“ไม่ได้ค่ะคุณต้องตอบตกลงก่อนไม่งั้นดิฉันไม่กลับ”
เล่นมัดมือชกกันเลยเหรอเนี่ย
“ตอบตกลงท่านประธานเขาไปสิครับ พ่อเลี้ยง” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้น ก่อนปรากฏกายเจ้าของเสียงซึ่งก็คือ ร้อยตำรวจเอก อธิวัชร์ นั่นเอง วันนี้ชายหนุ่มมาในชุดเครื่องแบบเต็มยศทีเดียว
“อ้าวไอ้วัชร์!” อินทัชร้องทักเพื่อน อธิวัชร์ยิ้มบางๆส่งให้ก่อนหันไปสวัสดีกนกรัตน์
“สวัสดีครับคุณกนกรัตน์” สาวใหญ่รับไหว้พลางจ้องหน้าชายหนุ่มเป็นประกาย
“สวัสดีค่ะผู้กอง แหม!วันนี้มาเต็มยศจะมาจับใครเข้าคุกล่ะคะ”กนกรัตน์ทักทายนายตำรวจหนุ่มอย่างเป็นกันเอง ซึ่งทั้งคู่ก็คุ้นเคยกันดีเนื่องจากผู้กองอธิวัชร์นั้นทำคดีเกี่ยวกับป่าไม้และทางกนกรัตน์ก็ให้การสนับสนุนอยู่นั่นเอง
“ผมว่าจะมาจับ พ่อเลี้ยงอินทัชนี่แหละครับ” อธิวัชร์ตอบกวนๆ
“แกจะจับฉันข้อหาอะไร ไอ้วัชร์” อินทัชเองก็ถามแบบกวนๆเช่นกัน
“ข้อหาหมิ่นประมาทคุณกนกรัตน์ประธานสมาคมเกษตรกรไร่ชานี่ยังไงเล่า แกนี่ คุณกนกรัตน์เขาอุตส่าห์มาถึงที่นี่แกยังปฏิเสธข้อเสนอของเขาอีกเหรอวะ” อธิวัชร์พูดถึงการส่งสาวงามเข้าประกวดนั่นเอง
“เฮ้ย แกก็เห็นด้วยเรอะ” อินทัชถามแบบงงๆ
“เห็นด้วยสิ แกลืมแล้วเหรอว่าตอนนี้ฉันกำลังทำคดีเกี่ยวกับพวกลักลอบล่าสัตว์และก็ตัดไม้ทำลายป่าอยู่นะ” อธิวัชร์บอก
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน นี่คุณกนกรัตน์เขาเน้นเรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติ” อินทัชแย้ง
“เหมือนกันแหละค่ะ ถ้าหากว่าพวกเราร่วมมือกันทั้งช่วยอนุรักษ์ป่าไม้และกำจัดคนที่ชอบตัดไม้ทำลายป่า ก็จะทำให้จังหวัดของเรามีป่าไม้อุดมสมบูรณ์และมีธรรมชาติที่สวยงามไว้ให้ลูกให้หลานสืบไป”กนกรัตน์พูดขึ้นมาทำเอาอธิวัชร์ต้องปรบมือให้แบบแสแสร้งนิดๆ
เอากันเข้าไป ชายหนุ่มคิดในใจ
“แล้วไม่ทราบว่าการประกวดในครั้งนี้ จำกัดอายุด้วยรึเปล่าคะ” เสียงหวานสดใสระคนดัดจริตดังแทรกขึ้นมา ทุกคนต่างพากันหันไปยังเจ้าของเสียง แขกผู้มาเยือนคนใหม่
“อ้าว ไหมทอง” อินทัชร้องทักเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
นัดกันมาหรือไงวะ ชายหนุ่มอดคิดเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเล่นโผล่มาพร้อมกันจริงๆ
“อ้าว ลูกสาวของพ่อเลี้ยงบุญทองนี่ หวัดดีจ้ะ” กนกรัตน์พูดขึ้นหลังจากที่รับไหว้หญิงสาวแล้ว
“คุณกนกรัตน์คะ อย่างไหมเนี่ยพอที่จะประกวดได้ไหมคะ” ไหมทองถามอย่างออดอ้อน กนกรัตน์มองแล้วยิ้มแห้งๆ
“ก็ได้จ้า อย่างหนูนี่ประกวดได้สบายเลย ว่าแต่หนูอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ”
“ ก็ ย่าง 32 ค่ะ” ไหมทองตอบอย่างเอียงอาย
“ก็ได้จ้ะ เรากำหนดอายุผู้เข้าประกวดไว้ที่ 32 ปี พอดีเลยจ้ะ”คำตอบของกนกรัตน์ทำให้ไหมทองดีใจสุดฤทธิ์สำหรับเธอแล้วอายุ 32 นั้นเป็นเพียงตัวเลขที่นับจากปีเกิดเท่านั้น ส่วนอายุจิตใจของเธอยังอยู่ที่ 20 ต้นๆเท่านั้น จึงหันไปกอดแขนอินทัชไว้ด้วยความสนิทสนม โดยไม่อายสายตาของกนกรัตน์และอธิวัชร์เลย แต่อินทัชนั้นรู้สึกจะชินเสียแล้วกับการกระทำแบบนี้
“พ่อเลี้ยงครับ!” เสียงของอำพล ลูกน้องคนสนิทดังขึ้น พร้อมกับวิ่งหน้าตาตื่นมายังห้องรับแขก ทำให้อินทัชต้องลุกขึ้นเพื่อรับฟังคำบอกเล่าจากลูกน้อง
“พ่อเลี้ยงสุภาพ กับลูกชายเอารถแมคโครมาขุดลอกลำรางของพ่อเลี้ยงแล้วครับ!” คำบอกของอำพล ทำให้อินทัชกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด นี่เล่นกันแรงถึงขนาดนี้เลยหรือ
“ผมขอตัวก่อนนะครับทุกคน พอดีมีธุระด่วน!”พูดเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็รีบวิ่งจนแทบจะกระโจนไปจากตรงนั้นทันทีเพื่อตามลูกน้องไปดูยังที่ดินที่เป็นของบรรพบุรุษของเขาแต่ถูกรุกล้ำ
บริเวณท้ายไร่บริรักษ์ศักดาซึ่งอินทัชที่ติดต่อไร่สิรเวช ตอนนี้กำลังถูกรถแมคโครล้มต้นไม้ใหญ่อย่างยูคาลิปตัสล้มไป ทีละต้น คนงานทั้งสองไร่ต่างมามุงดูกันเป็นจำนวนมาก พ่อเลี้ยงสุภาพเจ้าของไร่สิรเวช และสิรเวชผู้เป็นลูกชายกำลังยืนดูผลงานด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพ่อเลี้ยงสุภาพ!” อินทัชร้องตะโกนใส่ผู้สั่งการซึ่งก็สุภาพ พ่อเลี้ยงแห่งไร่สิรเวชวัยเกือบ 50 ปีผู้ที่สั่งให้คนงานของเขามาขุดที่ดินซึ่งเป็นลำรางว่างเปล่าตรงนี้ที่เขาฟังจาลูกชายว่าไร้เจ้าของเพื่อขยายอาณาเขตของไร่สิรเวช
และทันทีที่อินทัชมาถึงก็สร้างขวัญและกำลังใจให้เกิดขึ้นกับบรรดาคนงานของเขาทันที ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆเห็นคนงานมากมายยืนมองที่ดินของไร่บริรักษ์ศักดาถูกรุกล้ำแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนมองอย่างอกสั่นขวัญแขวน คนงานในไร่อยู่กันเกือบครบรวมถึงแม้นวาดและใบบัวด้วย และยังมีสาวน้อยหน้าใสที่ยืนหน้าซีดด้วยอารมณ์ตกใจอยู่นั่นคือพิชชาอรหล่อนยืนอยู่ไม่ห่างจากเขานักโดยมีกระแตอยู่เคียงข้าง
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือต้นยูคาลิปตัสที่เขาอุตส่าห์ปลูกไว้ตั้งแต่ต้นแต่เอวจนกระทั้งเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ บัดนี้ถูกโค่นล้มไป 2 ต้นแล้ว
“กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับไร่ของผม ผมเคยบอกแล้วไงว่าเราต่างคนต่างอยู่ ทำไมพวกคุณทำแบบนี้”อินทัชส่งเสียงผ่านรถแมคโครไปยังผู้บงการใหญ่ แต่ก็ได้กลับมาเพียงเสียงหัวเราะจากสองพ่อลูกเท่านั้น อินทัชทำท่าจะลุยเข้าไปยังเขตของไร่สิรเวชแต่ถูกอำพลรั้งไว้
“อย่าเพิ่งเข้าไปเลยครับพ่อเลี้ยง มันอันตราย” อำพลเตือน อินทัชเริ่มหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห แต่แล้วเขาก็เห็นสองพ่อลูกนั้นเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเองด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ผมจะแจ้งตำรวจ ว่าพวกคุณบุกรุกที่ของผม!” อินทัชบอกเช่นนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่อธิวัชร์เดินตามมาถึงที่เกิดเหตุพอดี
“นี่พวกคุณทำแบบนี้เนี่ยเป็นการบุกรุกที่ส่วนบุคคลนะครับ”อธิวัชร์กล่าวเตือนทันทีที่สองพ่อลูกเดินมาใกล้
“แล้วพ่อเลี้ยงอินทัชมีหลักฐานอะไรล่ะว่าที่ตรงนี้เป็นที่ของเขา ก็เห็นกันอยู่ว่าที่ตรงนี้มันเป็นที่ติดกับไร่ของผมชัดๆ ถ้าจะจับผมก็ต้องจับพ่อเลี้ยงอินทัชด้วย เพราะพ่อเลี้ยงเอาต้นยูคาลิปตัสมาปลูกเป็นการรุกล้ำเขตที่ดินของผมเช่นกัน”สุภาพพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มที่ เพราะเขารู้ดีว่าถึงยังไงอินทัชก็ไม่มีหลักฐานใดมาแสดงอยู่แล้วว่าที่ดินลำรางตรงนี้เป็นของเขา
“แล้วพ่อเลี้ยงล่ะมีหลักฐานอะไรว่าที่ดินตรงนี้เป็นของคุณ”อินทัชแย้งกลับไปบ้าง สองพ่อลูกมองหน้ากันแวบหนึ่งก่อนที่สิรเวชจะเป็นผู้เอ่ยขึ้น
“ใช่ เราต่างก็ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นเจ้าของที่ดิน แต่คุณลองดูอาณาเขตดีๆหากวัดตั้งต้นทางมายังปลายทางตรงนี้จะเห็นว่าที่ตรงนี้มันเป็นของผมชัดๆ”สิรเวชยังคงยืนยันหนักแน่นปนหน้าด้านเล็กน้อย
“นี่คุณแต่ผมมีโฉนดที่ดินตรงนี้แต่ตอนนี้มันได้หายไป อันนี้ผมไม่โทษใครทั้งนั้น แต่ผมจะบอกว่าที่ตรงพ่อของผมท่านดูแลมาเป็นสิบปีแล้ว ซึ่งมันก็ต้องตกเป็นของไร่ผม พวกคุณจะทวงสิทธิ์อะไรกันตอนนี้ มันใช่เหรอ!”อินทัชตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงโมโห
“ก็คุณไม่มีหลักฐาน ผมก็มีสิทธิ์ที่จะทวงเอาของๆผมสิครับ”สิรเวชยังยื่นหน้าตอบกลับมาอย่างไม่ลดละ พลันสายตาก็แลเห็นหญิงสาวหน้ามนที่เขาถูกตาต้องใจตั้งแต่พบครั้งแรก และจ้องมองอยู่อย่างนั้นจนทำให้พิชชาอรต้องหลบสายตาด้วยความรำคาญ อินทัชสังเกตเห็นแววตาสิรเวชที่จ้องมองโลมไล้สาวน้อยในอาณัติของเขาราวกลับจะกลืนกินแล้วอยากซัดหมัดใส่เบ้าตาหื่นๆนั่นสักตั้งที่บังอาจใช้สายตาลวนลามคนของเขา
“นี่คุณสิรเวช!” อินทัชตะคอกใส่จนสิรเวชสะดุ้ง ต้องหันกลับมามองหน้าเจ้าของเสียงดุนั้น
“เอาอย่างนี้ เมื่อเราตกลงกันไม่ได้ ผมมีข้อเสนอ” สิรเวชเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยทั้งสงสัยทำไมอินทัชต้องตะคอกเขาเสียงดังอย่างนั้นด้วยทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ และสงสัยอีกข้อหนึ่งคืออินทัชจะมาไม้ไหนกัน
“เดือนหน้าจะมีงานประจำปีของสมาคมเกษตรกรไร่ชาซึ่งไร่ของคุณก็เป็นสมาชิกด้วย และปีนี้จัดประกวดธิดาไร่ชาขึ้นเป็นปีแรก ซึ่งทุกคนจะต้องส่งสาวงามในไร่ของตนเข้าประกวด ผมขอท้าคุณ ถ้าหากว่าสาวงามที่ผมส่งประกวดชนะ ที่ดินตรงนี้จะเป็นของผมแต่ถ้าหากสาวงามของคุณชนะที่ดินตรงจะเป็นของคุณโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น” อินทัชยื่นข้อเสนอแบบทุ่มเต็มที่เพราะเขาเองก็มั่นใจว่าหญิงสาวที่เขาหมายตาไว้ว่าจะส่งเข้าประกวดต้องชนะแน่ๆ สุภาพและสิรเวชได้ฟังข้อเสนอนี้แล้วอึ้งไปไม่คิดว่าพ่อเลี้ยงผู้ตรงไปตรงมาจะเล่นไม้นี้ แต่ดูท่าทางแล้วก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
“แล้วถ้าหากไร่อื่นชนะล่ะ” อธิวัชร์ถามขึ้นมาเพราะการประกวดครั้งนี้ไม่ได้มีแต่สองไร่นี้เท่านั้นที่แห่งกัน “ก็ยกที่ดินตรงนี้ให้หลวงไป และให้ถือเป็นที่ดินสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้” อินทัชตอบตามที่เขาคิดไว้เพราะเขาเองก็คาดเดาได้ว่าจะต้องมีคำถามเช่นนี้เกิดขึ้น เขาจึงได้เตรียมคำตอบไว้ในใจแล้วและก็เป็นคำตอบที่ยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย
เมื่อได้ฟังข้อเสนอของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ทั้งสุภาพและสิรเวชก็ต่างนิ่งไป ทุกคนในที่นั้นต่างก็ลุ้นกันใหญ่ว่าพวกเขาจะตกลงรับคำท้าหรือไม่
“รับคำท้าไปเถิดค่ะพ่อเลี้ยงสุภาพ” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของกนกรัตน์เจ้าของเสียงที่ตามมาทันได้ฟังข้อเสนอของพ่อเลี้ยงอินทัชเข้าพอดี และยังมีไหมทองเดินตามมาติดๆ
“คุณกนกรัตน์!” ทั้งสุภาพและสิรเวชเอ่ยทักขึ้นพร้อมๆกัน เพราะในบรรดาเจ้าของไร่ชาทั้งหลายในภาคเหนือไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ กนกรัตน์ยิ้มอยู่ในทีเป็นการตอบรับการทักทายนั้น ก่อนจะจิกสายตาไปยังสองพ่อลูกจอมป่วน
“เพราะว่าในการประกวดธิดาไร่ชาในครั้งนี้นั้น ทางคณะกรรมการไม่ได้มีเกณฑ์ตัดสินเพียงแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่เราตัดสินกันที่ความสามารถและความเฉลียวฉลาดด้วย ที่สำคัญจะต้องทำไร่ทำสวนเก่ง ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นธิดาของชาวไร่” กนกรัตน์เดินกรีดกรายเข้าไปหว่านล้อมใกล้สองพ่อลูกนั่นอีกจนสองพ่อลูกต้องถอยห่างอย่างเกรงใจ
“และเกณฑ์การตัดสินที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคืออุดมคติในการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ของนางงามด้วย เพราะว่าผู้ชนะเลิศต้องทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ของกรมการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าค่ะ” กนกรัตน์รัตน์พูดยืดยาวเสียจนสิรเวชรู้สึกเหนื่อยแทน แต่ชายหนุ่มก็ได้แต่จ้องตาตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระ กนกรัตน์รัตน์เห็นแล้วหางตากระตุกกับความกวนอารมณ์ของสิรเวช
“หรือว่าคนที่ไร่สิรเวช ไร้ซึ่งคนสวยและไม่มีความสามารถดังว่าก็เลยลังเลใจที่จะรับคำท้า..”หล่อนแกล้งสบประมาทเพื่อหยั่งเชิงว่าทางสุภาพและสิรเวชจะมีท่าทีอย่างไร และแล้วก็ได้ผล เมื่อสิรเวชโพล่งขึ้นมา
“ตกลง! ไร่สิรเวชรับคำท้า และคนของผมต้องเป็นฝ่ายชนะ”สิ้นเสียงตอบรับของสิรเวช บรรดาคนงานก็ต่างโห่ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจหลังจากที่ลุ้นตัวโก่งมานาน
“เอาล่ะ! ผมและทุกคนในที่นี้จะเป็นพยานในการท้าประลองของพวกคุณทั้งสอง และเมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้วผมหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมรับข้อตกลงตามที่คุยกันเมื่อสักครู่นี้นะครับ” อธิวัชร์สรุปเสียงดังให้ทุกคนได้ยินทั่วกัน อินทัชจ้องหน้าสิรเวชและยิ้มอยู่ในทีก่อนยื่นมือส่งให้ฝ่ายตรงข้ามเหมือนการส่งสัญญาณแห่งการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อสิรเวชเห็นดังนั้นชายหนุ่มก็ยื่นมือแข็งแกร่งออกไปเช่นกัน ก่อนจะสอดประสานเข้าด้วยกันกับมือใหญ่ของอินทัชอย่างหนักแน่น
“ตกลง!” ทั้งสริเวชและอินทัชพูดขึ้นพร้อมๆกัน
“โฮ่งๆๆ” เจ้าสนัขปุยฝ้ายที่ติดตามมาพร้อมกับใบบัวก็ส่งเสียงเหมือนจะขอเป็นพยานด้วย
“เห็นมั้ย แม้แต่หมายังรับรู้เลยนะ ถ้าหากพวกคุณไม่รักษาคำพูดตามที่ตกลงกันล่ะก็ อายหมาเลยนะครับ”อธิวัชร์พูดเน้นเสียงประโยคพลางมองหน้าทั้งคู่โดยเฉพาะสิรเวชเขาจ้องนานเป็นพิเศษเพราะรู้มานานแล้วว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยจะซื่อสัตย์กับคำพูดของตัวเองเท่าไหร่ ต่างจากอินทัชที่พูดจริงทำจริงเสมอ
“ผมไม่มีทางยอมแพ้คุณแน่ พ่อเลี้ยงอินทัช” สิรเวชพูดเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างลำพองใจ อินทัชได้ฟังก็ยิ้มส่งไปอย่างไม่นึกกลัวเกรงแม้แต่น้อย
“ก็ลองดูสักตั้งจะเป็นไร” อินทัชพูดเพียงสั้นๆก็เรียกเสียงเฮดังสนั่นจากคนงานในไร่ของเขา โดยเฉพาะเสียงกรี๊ดจากไหมทองนั้นโดดเด่นกว่าใครเชียว
“จบงานนี้พวกคุณคงเลิกทะเลาะกันเสียทีนะ” อธิวัชร์กล่าวกับทั้งคู่และลอบมองสายตาดุดันที่ทั้งคู่ส่งให้กัน ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใครแน่ งานนี้สนุกแล้วสิ!




พราวเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2555, 13:06:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ค. 2555, 13:06:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1178





<< ตอนที่ 7/2   ตอนที่ 8/1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account