กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
หญิงสาวผู้มาดมั่นเลือกการงานมากว่าเรื่องรักใคร่ๆหรือต้องมาข้องแวะเกี่ยวหัวใจให้ชายคนไหน
กับชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังพันใจกับผู้หญิงใดๆ ทั้งคู่จะมาบรรจบรักกันได้เช่นไร
โปรดคอยติดตามนะคะ

แนะนำตัวละคร

พระเอก
นายธารานนท์ เตชโชติ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทในเครือมากมายล้นฟ้า แต่ไร้คู่ครองเคียงข้าง เมื่อไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะทำให้อิ่มเอมทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อ หญิงสาวคู่ครองสักคนของเขาคงจะไม่มีในโลกนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานในต่างจังหวัดและพื้นที่อำเภอท้องถิ่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดย ได้พบกับส.ส. นรินศาสาวมั่นแสนสวย แต่ไม่ไร้สมอง ทั้งเก่งเอาตัวรอดโดยไม่ต้องขอความช่วยจาก ใครๆก็ได้ ทำให้ชายหนุ่มเพลินเพลิดไปกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมาพบเจอเขาด้วยอย่างความบังเอิญหรือในสถานที่ไม่คาดถึงก็ตามทุกครั้ง แต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นร้อนทั้งโหยหา มีแต่ความคิดถึงให้เธอทั้งกลางวันและกลางคืนที่นอนหลับฝัน รวมทั้งยังเข้าไปเจออุปสรรคด้านการเมืองการทำของเธอ ซึ่งชายหนุ่มนั้น ทั้งแสนชิงชังอาชีพการเมืองของพ่อผู้ให้กำเนิดนัก

นิสัย : การพูดทั้งจริงจังอย่างมาก ทั้งพูดเล่นกับคนที่ถูกชะตา เจ้าชู้ไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหนๆเลย แต่จริงๆแล้ว ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายชอบวิ่งเข้าหา เขาจึงต้องตอบรับบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ในใจลึกๆ เขากำลังต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่ชอบเขาเพียงแค่เงินตราอันมหาศาลของเขา ด้านการทำงานไม่มีที่ติและเขาต้องทำให้จนสำเร็จ แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องล้มละลายเขาก็ไม่สนใจ

นางเอก
นางสาว นรินศา อัณณ์ศญา หญิงสาวผู้มีใจรักในบ้านเกิดของตนเองยิ่งชีวิต อยากให้บ้านเกิดของตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามแบบประเพณีวิถีชีวิตดั่งเดิมในรัชสมัยๆที่ผ่านๆมา จึง ขอก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของราษฎร และประชาชน เพื่อนำความสุขมาสู่บ้านเกิดของตนเอง แต่อุปสรรค์มากมายทั้งภายในไม่ลงรอยกับนักการเมืองในพรรค ทั้งภายนอกด้านการมีเส้นสายที่คอยจะคดโกงกินแผ่นดิน กว่าจะเปลี่ยนความคิดให้รู้จัก คำว่า “สามัคคี” อีกครั้ง มันคงทำให้เธอใช้ความรู้และสามารถ ทั้งหัวใจยิ่งชีวิต บนเส้นทางวิถีดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีเล่ห์เหลี่ยมชักจูงหวาดล้อมมากมาย รวมทั้งบนเส้นทางแห่งความรักที่ก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว เพราะความอวดดีอวดเก่งของชายหนุ่มเจ้าของรีสร์อทคนใหม่ ที่มีหัวใจแบบคนโกง เจ้าชู้ จนครบทุกรูปแบบเป็นผู้ชายที่หญิงสาวแสนเกลียดนัก และจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายพันธุ์นี้เด็ดขาด

นิสัย : สาวมั่น ผู้มีอุดมการณ์ของตนเองสูง การพูดจาจะนิ่งหนักแน่น จะอ่อนหวานเฉพาะคนเป็นพ่อกับแม่และเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น

แล้วกลิ่นรักที่คุกรุ่นหมองหม่น ในใจของชายหนุ่มธารานนท์กับท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งนาแสนอันจะใกล้กลับคืนมาให้สมบรูณ์อีกครั้ง...ด้วยหัวใจอันรักยิ่งแห่งบ้านเกิดของหญิงสาวนรินศานี้จะจบลงได้เช่น ไร ในเวลาไม่ช้านี้ ตะวันที่รอทอแสงรุ่งอรุณให้สดใสกำลังจะพิสูจน์ความรักของทั้งคู่...
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานแหวว,หวานน่ารัก,แนวรักสบายๆ

ตอน: บทที่ 5 งานเริ่มเดิน...



บทที่ 5 งานเริ่มเดิน...

รุ่งอรุณของวันใหม่ก็ผุดขึ้นท่อแสงอย่างสดใสจนร้อนตามฤดูกาล แต่ทำให้หนุ่มธารานนท์เข้ามาทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างคนมีความสุข ผิดกับพี่กิตดาที่หน้ามุ้ยสุดจะยุ่งๆ ด้วยความไม่สบายใจนักหนา แค่เห็นคนเป็นเจ้านายคนใหม่เดินยิ้มหวานหยดอารมณ์ดีมาทำงานวันนี้ เขาก็ต้องคิดหนัก เมื่ออุรุชาหรือแอ้มคู่หมั้นสาวของเขา รายงานเรื่องบางอย่างกับพฤติกรรมของธารานนท์ให้เขารับทราบ

“พี่กิตต์ อย่างทำหน้ายุ่งๆ แบบนั้นสิ มันไม่น่าจะมีอะไรก็ได้นะ เจ้านายพวกเราคงไม่ได้ไปหลงเสน่ห์ของยัยนิด แม่อกระเบิดนั่นหรอกน่า” อุรุชาสาวประชาสัมพันธ์แห่งแมกไม้กอหญ้าพยายามปลอบใจหนุ่มคู่หมั้น เพราะกำลังจะต้องได้รับมือกับเจ้านายหนุ่มจอมสำราญที่ดันเข้าไปพัวพันกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา ซึ่งถ้าเป็นเจ้านายคนก่อนนั้นแทบกินแต่เหล้าจนไม่ทำงานทำการ หลงกับตำแหน่งงานของตนเองจนโรงแรมแม่ใหญ่เตชโชติส่งคณะกรรมการมาตรวจสอบทำงานและด้านบัญชีการเงินของรีสอร์ท แล้วก็เชิญออกจากไปตำแหน่งไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนคนนี้ คือ นายธารานนท์ที่ดูจะเอาการเอางานมากด้วยฝีมือ ทั้งเก่ง ทั้งมีความรอบครอบสูง แต่บางอารมณ์ก็เล่นทำเรื่องทำพฤติกรรมอุอาจโดยไม่มีความไต่ตรองได้เช่นกัน แถมยังพ่วงด้วยกับนิสัยเจ้าชู้ที่เผยให้เห็นออกมาด้วยทางแววตาชัดเจน ยิ่งเมื่อวานนี้ดันออกไปกับคุณนิดหนุ่มแสนยั่วยวนลูกสาวของเสี่ยชัดชัยอีกด้วย ซึ่งจะเหลือรอดเหรอ กิตดายังคงครุ่นคิดหนักเพราะหูตาของเขาไวเหมือนกันและมีแหล่งข่าวน่าเชื่อถือมาก กิดตาพอจะรู้ว่าลูกสาวคนเดียวของเสี่ยชัดชัยในเวลานี้กำลังคบหากับใครอยู่ ถ้าเขาจำไม่ผิด คือ นายกำพล วัฒนากิจ นี้แหละที่สัปดาห์ก่อนถูกใครจ้างให้เข้ามาทำลายค่าของในรีสอร์ท เจ้านายคนใหม่ของเขาต้องซวยแน่ๆ ที่บังอาจริไปยุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงของมันเข้าล่ะก็...

“หวังว่าคงจะเป็นอย่างที่แอ้มบอกนะ แต่พี่ว่าคงต้องขอพกปืนเล็กๆ ไว้สักกระบอบดีกว่า คุณนนท์น้า คุณนนท์ อยู่ดีๆ ดันพาตัวเข้าหาจระเข้อย่างนายกำพลซะงั้น” กิตดาเอ่ยบอกกับคู่หมั้นสาว ไม่นานผู้จัดการทั่วไปแห่งแมกไม้รีสอร์ทคงได้ทำงานอื่นๆ ที่น่าตื่นเต้นกับชีวิตแน่ๆ กิตดารักงานที่รีสอร์ทนี้แห่งนี้มาก เขาได้งานที่นี่ตั้งแต่เปิดใหม่ๆ รีสอร์ทแห่งนี้ทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น แม้เขาจะไม่ได้ขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ เขาก็ยินดีจะทำให้ที่นี่มีกำไรและเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อยใจน่าอยู่ให้มากที่สุด

“แล้วแต่พี่กิตต์แล้วกัน แอ้มก็จะพยายามเตือนเจ้านายให้ค่ะ ดูแล้วคุณนนท์นิสัยไม่ใช่คนโมโหร้าย พวกเราอาจจะเตือนให้ระวังตัวได้” อุรุชาก็เผลอคิดตามหนุ่มคู่หมั้นไปด้วย และเป็นห่วงคนเป็นคู่หมั้นขึ้นมาเหมือนกัน การมีเรื่องกับพวกนักเลงและมีคนอิทธิพลหนุนหลังให้มันน่าอันตรายเหลือเกิน

หันมาทางด้านหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าที่เอาแต่ยิ้มละเมอหวานกับเจ้าโทรศัพท์มือถือทัชสกรีนของตนเอง เขาเฝ้ารอการตอบกลับจากสาวหมายเลขหนึ่งที่แอบส่งข้อความไปหา แต่เธอก็ไม่มีวี่แววแม้จะตอบกลับมา ธารานนท์หัวเราะในลำคออย่างกระหยิ่มใจ เพราะสาวเจ้าของเบอร์ดังกล่าวไม่เล่นกับเขาด้วย ธารานนท์มั่นใจว่านั่นต้องเป็นเบอร์ของเธอแน่ๆ การที่เธอไม่ส่งสัญญาณมาต่อว่าหรือโวยวายกลับมา มันก็ทำให้เขาคิดอยากจะตื้อเธอเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แม้ในใจหนึ่งอยากจะพิสูจน์พฤติกรรมและนิสัยของเธอว่ามีความคิดแบบพ่อของเขาหรือไม่ แต่ใจอีกครึ่งหนึ่งก็อยากให้เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่ใช่นักการเมืองที่มักใช้แต่คำพูดอันเชื่อถือไม่ค่อยจะได้ นอกจากจะทำเพื่อผลประโยชน์ของพลพรรคของตนเองซึ่งจะต้องมาก่อนกว่าความทุกข์ร้อนของประชาชน

“ผมจะทำให้คุณหวั่นไหวให้จงได้ นรินศา”



ด้านของนริศานั้น ต้องออกงานเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยง งานแต่ง งานบุญ ถูกบัตรเชิญตัวไปให้เป็นแขกผู้มีเกียรติ์ทั้งนั้นตลอดหนึ่งสัปดาห์ แต่แล้วเจ้าตัวกลับชอบงานการการกุศลมากกว่า และมีโอกาสน้อยมากที่จะเห็นคนเมืองกรุงหรือเมืองอื่น มาบริจาคช่วยเหลือ ที่โรงเรียนด้อยโอกาส ที่สถานเด็กส่งเคราะห์ บ้านพักคนชรา มูลนิธิอีกหลายแห่งในภูมิลำเนาบ้านเกิดของเธอมีสถานที่เหล่านี้เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น เสียงโทรศัพท์ในสำนักออฟฟิศดังขึ้นอีกหลายสาย ชไมพรเดินรับสาย แล้วก็ต้องร้องว้ายอย่างตกใจ หน้าซีดเซียว แฟนหนุ่มเลขามือดีอย่างอาณัติต้องกรูวิ่งเข้าหา พร้อมพยุงร่างแฟนสาวให้นั่งลงเก้าอี้เหมือนเธอจะตกใจตื่นผวาจนเกือบจะเป็นลม

“เป็นอะไร พร!!”

“พะ...พี่ณัติ แย่แล้ว แย่แล้วค่ะ”

“แย่แล้ว หมายความว่าไง ใครโทร ทำไมพรถึงกับจะต้องเป็นลมเกือบจะดมยาหอมแบบนี้” ที่ชไมพรเกิดจะเป็นลมเป็นแล้ง เพราะเพิ่งจะเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ เป็นใครๆก็ต้องตื่นตกใจ แถมในสายสนทนาทั้งหยาบคายด่าทอจนเธอฟังแทบไม่ทัน ก่อนจะได้ยินประโยคสุดท้ายว่า ‘พวกกูจะมาประท้วงพวกมึง’ และมีดีแค่ไหนที่โทรมาแจ้งให้ทราบทางเธอก็จะได้เตรียมรับมือถูกเช่นกัน

“ประ...ประท้วงค่ะ ชาวบ้านจะมาประท้วงที่หน้าออฟฟิศสำนักของพวกเรา”

“อะไรนะ ประท้วง!”

“ค่ะ กลุ่มเดี๋ยวที่มาขอร้องให้พวกเราช่วยเรื่องที่ดินนั่น ตอนนี้ชาวบ้านรู้แล้วว่าตนเองไม่ได้ครอบที่ดินของบรรพบุรุษที่ให้มาอีกต่อไป”

“ตายห่า แย่แน่ๆ” อาณัติถึงกับร้องเสียงอุทานลั่น มือไม้ก็สั่นๆ รีบต่อโทรศัพท์ของความร่วมมือจากหน่วยตำรวจท้องที่ ขอมีตำรวจสักห้าหกนายเป็นเครื่องอุ่นใจก่อน และแน่นอนนักข่าวท้องถิ่นก็ต้องแห่มาอีกเช่นกัน นรินศาทราบเรื่องแล้ว ถึงกับต้องกุมขมับนวดแล้วนวดอีกก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดปวดศีรษะหรอกเลย การรับปากจากชาวบ้านว่าจะช่วยเหลือให้จงได้ กำลังกัดกินเข้าไปในหัวใจของเธอ และคำพูดอย่างดูถูกดูหมิ่นคำเหล่าก็ต้องผุดต่อว่าขึ้นมา ‘คำพูดของนักการเมืองมันมักเชื่อถือไม่ได้’ นรินศาเกลียดคำเหล่านี้ที่สุด และสำหรับประเทศของเธอแล้ว คำพูดด่าทอต่อว่าร้ายแรงกว่านี้จากปากประชาชนที่ไม่ชอบรัฐบาลชุดดังกล่าว หรือจากสื่อสารทุกแขนง และโซเชี่ยวเน็ตเวิลด์ที่เอามาล้อเล่นจนเป็นทั้งจริงและเท็จ มันคงจะชินหูของเหล่านักการเมืองรุ่นเก่าๆ ที่ผ่านงานบริงานประเทศมาแล้วต่อนัก

นริศนาก้าวออกจากห้องทำงานของตนเอง พร้อมเดินออกมารับมือจากกลุ่มชาวบ้านที่เดือดร้อนในเรื่องของที่ดินครอบครัว แม้คำพูดของเธอแต่ประโยคจะไม่สามารถทำให้ชาวบ้านเชื่อถือได้อีกต่อไปแล้วก็ตาม

‘ริน สัญญาค่ะ รินจะเอาที่ดินมาคืนให้ทุกคนให้จงได้ค่ะ’ คำสัญญานี้มันก็เหมือนเป็นแค่ลมปากเฉยๆ สำหรับคนที่รู้ไส้อันลึกของบรรดานักการเมืองทั้งหลายแลหรือคนเป็นความรู้อุดมการณ์ตามแนวคิดของตนเองเพื่อพรรคเท่านั้น แต่สำหรับชาวบ้านที่มีการศึกษาน้อยนิดมันจะเป็นการปลอบประโยนและแทรกแซงเข้าถึงจิตใจได้ง่ายดายนัก เหมือนกับพวกนายหน้าที่มาล่อล้อชาวบ้านตาดำๆ นั่น และชาวบ้านจะตาสว่าง บางทีก็ต่อเมื่อ มีการปะทะกันหรือทำเรื่องทะเลาะวิวาท ก่อเหตุร้ายแรงขั้นบาดเจ็บหรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตเท่านั้น ชาวบ้านถึงจะแตกตื่นตระหนักรับรู้และให้ความสนใจขึ้นมา วันนี้ข่าวของท้องถิ่นหรือจังหวัดของนริศนาถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุให้หลายคนที่เกี่ยวข้องเริ่มสนใจ จากที่ด้านนรินศาจะทำเป็นลับๆ ไม่ให้หน่วยงานใดๆ เข้ามาวุ่นวายกลับต้องเดือดร้อนเป็นไฟ วันนี้แทบมีสายนอกสายในโทรเข้าหาอย่างเจ้าละหวั่นหวั่นไหวเป็นปฐพี หลังจากที่สามารถเธอคุมสถานการณ์การประท้วงได้เรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้านดังกล่าวนั้นพยายามเข้าใจจนกลับไปแล้ว และให้เวลาเธอพิสูจน์ถึงแค่สิ้นปีนี้ แม้อาณัติเลขาหนุ่มจะแจ้งให้ชาวบ้านทราบและรับรู้ว่าอาจจะทำเรื่องที่มันเป็นไปได้ยากนัก แต่ก็พูดให้พวกเขามีความหวัง แน่นอนถ้าปล่อยให้พวกชาวบ้านรอนาน ที่ทำงานหากินจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย บางคนก็พอมีนามีอย่างอื่นทำอยู่บ้างกลับไม่พอไส้ของครอบครัวอีกต่างหาก ดังนั้นพวกแหล่งการทำสวนยางในช่วงยุคเวลานี้ มัน คือ กำไรที่ดีที่สุด เมื่อทางใต้เกิดการจลาจลก่อการณ์ร้ายและน้ำท้วมบ้าง แถมเรื่องของน้ำท่วมยังกัดกินมาถึงภาคกลางของประเทศอีกด้วย พื้นที่ในแถบอีสานถึงมีค่าเพิ่มขึ้นมากมายเป็นทวีคูณ

“ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ รินไม่เป็นอะไรค่ะ สักพักนะคะ รินจะกลับบ้าน ขอให้รินทำเอกสารอีกนิดหน่อยก่อนนะคะ” ด้านคุณพ่อและคุณแม่แทบจะใจหายหล่นวูบวาบ เมื่อเห็นข่าวทางเคเบิ้ลทีวีของท้องถิ่นตน ลูกสาวคนเก่งแทบไม่มีเวลาโทรมาบอกผู้เป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้าได้เลย แถมนรินศาได้นิสัยคนเป็นพ่อมาเต็มๆ ตรงที่สถานการณ์เกิดเหตุสิ่งน่าขวางปะทะรุนแรงไม่ว่าจะน้อยหรือใหญ่ขนาดไหน อารมณ์ของเธอจะคุมได้นิ่งอย่างดีสุขุม แต่การนิ่งและเป็นฝ่ายรับอย่างเดียวมันจะมีผลเสียกับเธอในอนาคตเช่นกัน

“ค่ะ คุณพ่อ รินจะถือเอกสารเรื่องร้องทุกข์นี้ไปให้พ่อดูที่บ้านนะคะ รินขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้ปรึกษาคุณพ่อก่อน หนูคิดว่าจะสามารถรับมือไหวค่ะ” นรินศาได้ยินคนเป็นพ่อถอนหายใจเสียงดังเฮือกโตมากๆ จนได้ยินในสายสนทนาโทรศัพท์มือถือของเธอ

“(พ่อให้ลูกทำเอกสารอีกสิบห้านาที แล้วออกจากสำนักงานเลยนะ พ่อกับแม่จะรอลูกอยู่ที่บ้านจ๊ะ)” เสียงทุ้มขรึมๆ ของพ่อศาตราเอ่ยสั่งลูกสาว ถ้าเขาไม่กำหนดเวลากลับบ้านให้ลูกสาวคนเก่ง มีหวังคนเป็นพ่อและแม่รอจนต้องหลับไปแน่ๆ นิสัยของนรินศา คือ ไม่ชอบทำงานให้ค้างคาทิ้งเอาไว้ สำหรับงานหินในครั้งนี้เธอก็จะทำให้สำเร็จเช่นกัน

“ค่ะ” กว่านรินศาจะก้าวออกจากสำนักงานก็กินเวลาไปตามที่คนเป็นพ่อกำหนด และกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า สมองแทบหนักอึ้งเข้าไปอีกเมื่อต้องอธิบายให้ผู้เป็นพ่อรับรู้บนโต๊ะอาหารมื้อเย็น

“อืมๆ พ่อก็จะเข้าใจอยู่นะ แต่ก็เอาความผิดใครไม่ได้สักคนนะ เราไม่มีหลักฐานสักชิ้นเดียว” พ่อศาตรากำลังใช้ความคิด และอาจจะติดเพื่อนทนายฝีมือดีให้สักคน แต่ว่าต้องมีหลักฐานมากกว่านี้

“ค่ะ รินกำลังหาทางอยู่ค่ะ” นรินศาตอบอย่างเนืองนิตย์ด้วยผิดหวัง ข้าวปลาก็กินน้อยลงไปทุกทีเมื่อความเครียดแทรกเข้ามาในหัวสมอง

“พ่อว่า มีอีกวิธีนึงนะ ลูกจะสนใจมั้ย” แสงไฟที่ดับมืดลง จู่ๆ ก็สว่างขึ้น เมื่อผู้เป็นพ่อศาตราชี้ทางให้ลูกสาวคนเก่ง

“คะ? คุณพ่อ รินสนใจค่ะ” นรินศาร้องด้วยความสนใจ ตอนแรกก็อึ้งๆ อยู่ ไม่คิดว่าพ่อศาตราจะแก้ปัญหาให้ได้รวดเร็วปานสายฟ้าแลบแบบนี้ คนเป็นพ่อจึงเอามือมาลูบหัวยีหัวลูกสาวเล่นๆ ทั้งอมยิ้มรับสถานการณ์ได้ คนเป็นแม่ที่กำลังจัดแจ้งอาหารมาเพิ่มเติบหวังให้ลูกสาวแสนดีคนเดียวได้ทานเยอะๆกว่านี้ รวมทั้งของหวานอย่างข้าวเหนี่ยวมะม่วงจานโปรดของคุณลูกคนเก่งกับคุณสามีแสนรักมาเสริฟบนโต๊ะทานข้าวเพิ่ม และก็เข้ามาสนใจบทสนทนาของชายสามีนักการเมืองรุ่นเก่าและลูกสาวนักการเมืองมือใหม่ด้วยเช่นกัน

“เมื่อหลักฐานมันหาไม่ได้แล้ว เราก็ต้องสร้างมันขึ้นมาเองสิ ลูกรัก”

“อะไรนะคะ คุณพ่อ!” นรินศาถึงกับตาโตกับสิ่งที่พ่อบอก แต่คนเป็นพ่อก็ยิ้มปริ่มๆ อย่างเดียว

“มันเสี่ยงเกินไปนะคะ แล้วถ้าถูกจับได้ว่าทำหลักฐานปลอม...” ลูกสาวคนเก่งรีบเถียงชี้แจ้งอย่างร้อนใจ คุณพ่อของเธอไม่น่าจะมีความคิดด้านลบๆ แบบนี้เลย ชายหนุ่มวัยชราผ่านโลกร้อนหนาวและคลุกคลีในวงการอันมีเดิมพันด้วยประชาชนมาก่อน บางทีเรื่องง่ายๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องยากๆ แสนเข็นครกขึ้นภูเขา พอเจอเรื่องยากหนาสาหัสจมดินทะลุโพ้นทะเลก็ปัดเข้าไปด้านงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งไม่อาจจะเพียงพอต้องรอความเห็นชอบทุกฝ่ายในสภาบ้าง และมันก็ล้มเหลวบ้างล่ะ สุดท้ายการเมืองในประเทศก็เริ่มถอยหลังออกห่างความเจริญก้าวหน้า เมื่อผลประโยชน์ของพลพรรคเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างชัดเจนเกินไป

“ลูกรัก เคยได้ยินสำนวนนี้ไหม...*คาบลูกคาบดอก” พ่อศาตราดูจะมั่นอกมั่นใจ ในการสร้างแผนการในครั้งนี้มากเหลือเกิน เมื่อลูกสาวบอกว่า ที่ดินของชาวบ้านภูเขาที่ต้องเสียไปเพราะใครเป็นคนมาซื้อไปจากนายหน้า ขนาดนรินศาเข้าไปเตือนแล้ว ก็ยังจะรุมหลงหน้ามืดเชื่อนายหน้าจอมเขมือบเงินตราในความทุกข์ร้อนของชาวบ้านไปอย่างหน้าด้านๆ



หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับเช้ารุ่งขึ้นอีกวัน พลาดหัวข่าวเด่นจนสายตาคู่คมของธารานนท์ที่ออกมาตรวจงานหน้าฟร้อนประชาสัมพันธ์จึงต้องหยิบขึ้นมาอ่านด้วยสนใจ อุรุชาที่กำลังสรุปเรื่องปริมาณแขกที่มากตลอดหนึ่งเดือนให้เจ้านายได้รับรู้และงานบริการที่ขัดข้องอยู่หลายช่วงจากบรรดาแขกที่เข้ามาพักผ่อน ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้านายจู่ๆ ก็ฉวยหยิบหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับเช้าบนเคาน์เตอร์ขึ้นมาอย่างสนใจ ข่าวอะไรหนอ ซึ่งทำให้เจ้านายหนุ่มเจ้าสำราญถึงกับสนใจเนื้อข่าวท้องถิ่นที่ไม่ค่อยจะมีคนอ่านหรือคิดจะหยิบขึ้นมาอ่านกันล่ะเนี่ย

“เกิดเรื่องตั้งแต่ เมื่อวานหรือเนี่ย...” ชายหนุ่มพึมพำออกมา เมื่ออ่านจบ ข่าวที่เขาต้องตาจนสนใจ ก็เพราะรูปใบหน้ามนแสนน่ารักของท่านส.ส.นรินศาแปะอยู่ขึ้นตรงหน้าหนึ่ง หัวข่าวใหญ่มากด้วย

“อะไรหรือคะ เจ้านาย” อุรุชาสาวประชาสัมพันธ์แห่งแมกไม้รีสอร์ทถึงกับชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วก็ร้องเสียงอุทานด้วยความว่าอย่างเข้าใจ

“อ๋อๆ ข่าวของคุณนรินนี่เอง น่าสงสารท่านนะคะ ได้รับผิดชอบคดีร้องทุกข์จากชาวบ้าน แถมไม่ใช่เขตของตนเองด้วยซ้ำ แต่ดันถูกชาวบ้านมาระรานโกรธเป็นฝืนเป็นไฟ ทั้งๆ ที่ท่านหาทางช่วยเหลือให้พวกเขาแท้ๆ”

“ช่วยเหลืออะไรครับ” ธารานนท์ร้องถามสนใจเต็มที เนื้อหาในข่าวออกจะยำหญิงสาวเละด้านความสามารถไม่เก่งพอมากกว่าเรื่องร้องทุกข์อะไรสักอย่าง

“เรื่องที่ดินทำมาหากินเนี่ยแหละค่ะ หมู่บ้านพวกเขาถูกนายหน้าให้หลอกวางใบจำนองที่ดิน แต่ไปๆ มาๆ ดันเป็นวางซื้อขายที่ดินแทนค่ะ ชาวบ้านไม่ถูกเรื่องอะไรเลย ที่ดินเอาไว้ทำไร่ทำนาจากบรรพบุรุษปู่ย่าตายายก็หลุดมือไปเป็นของนายทุนแทนค่ะ” อรุชาเอ่ยบอกอธิบายบอกด้วยความที่เข้าใจมาจากหลายปากแถวบ้าน แถวหมู่บ้าน ลามจนไปถึงจังหวัดแล้วล่ะมั้ง

“อ้อเหรอครับ” ธานานนท์ก็สนใจอยู่บ้าง แต่สนใจความรู้สึกของท่านส.ส.สาวคนเก่งมากกว่าปานนี้คงปวดขมับไปถึงไหนแล้วล่ะมั้ง ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะรับมือชาวบ้านทั้งหมู่บ้านไหวหรือเปล่าเนี่ย

“นายหน้าที่มาหลอกชาวบ้านก็หน้าเลวๆ ทั้งนั่นแหละ แต่นายทุนจอมเขมือบที่ดินของชาวบ้านนั่นสิ แอ้มว่าน่าโหดยิ่งกว่านัก น่าส่งสารชาวบ้านอยู่ที่หมู่บ้านภูเขากระท่อมจังเลย เฮ้อ...”

“เดี๋ยวๆ ที่หมู่บ้านแห่งไหนนะครับ” ธารานนท์แทบสะดุ้งจนสนใจ เมื่อได้ยินอุรุชาเอ่ยชื่อหมู่บ้านในแถบภูเขาที่เขาเพิ่งจะควักเงินออกจากประเป๋า และทำสัญญาซื้อขายที่ดินสวนยางมาเป็นของตนเอง

“หมู่บ้านภูเขากะท่อมค่ะ”



“ทำไมหรือครับท่าน ส.ส.คนสวย หรือว่าคุณก็สนใจที่ดินแถวนี้เหมือนผม”

“ใช่ค่ะ ดิฉันต้องสนใจที่แถวนี้ เพราะมันเป็นงานของดิฉัน ต้องขอโทษด้วยที่ดิฉันต้องบอกว่า ไม่ต้องการให้พวกคุณคิดจะซื้อที่ดินแถวนี้ได้ค่ะ”

คำพูดการสนทนาในวันที่ธารานนท์หลงตัดสินใจซื้อที่ดินอย่างไม่ต้องคิดถึงคำเตือนของท่านส.ส.คนเก่ง ก็ทำให้ธารานนท์ห้วนนึกถึงขึ้นมาดื้อๆ มันคือที่ดินผืนเดียวกันที่เขากำลังพยายามทำให้เรื่องมันถึงหญิงสาวนักการมือปวดหัวอยู่นี่หว่า

“มันเป็นเรื่องน่าบังเอิญอีกแล้วสินะเนี่ย หึๆ” ธารานนท์ถึงขั้นพอใจกับเหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญและเกี่ยวข้องกับหญิงสาวนักการเมืองท้องถิ่นอยู่เสมอๆ

“เรื่องน่าบังเอิญอะไรหรือคะ” อุรุชาร้องถามด้วยความสงสัย จู่ๆ คนเป็นเจ้านายก็อารมณ์ดีในความทุกข์เดือดร้อนของสาวมือใหม่ในการเมือง

“ก็เปล่าครับ เอ่อ...ช่วยตามพี่กิตต์มาหาที่ห้องทำงานให้ด้วยนะครับ คุณแอ้มก็ไม่บอกผมว่าคู่หมั้นหนุ่มผู้โชคดีเป็นใคร ไม่งั้นผมไม่มาทำตัวล่อเล่นกับคุณแอ้มหรอก ฮ่าๆ” ธารานนท์เพิ่งรูเมื่อวานนี้เอง ว่าอุรุชานั่นมีคู่หมั้น คู่หมายทำงานอยู่ใกล้ตัวนิดเดียว ปล่อยให้เขาหวาดล้อมมุกจีบอันสนุกสนานอยู่ตั้งนาน

“โธ่ คุณนนท์ก็ แอ้มไม่ได้ปิดบังนะคะ แค่ไม่เห็นว่าพี่กิตต์จะแนะนำสถานะของแอ้มให้เจ้านายรับรู้เองนี่นา ฮิๆ” ดูเหมือนฝ่ายอุรุชาก็จะสนุกไปด้วย เจ้าของรีสอร์ทคนใหม่ทำตัวเป็นคนกันเอง และเข้าถึงง่ายเฉพาะกับผู้หญิงก่อนอยู่แล้ว ที่พี่กิตดาไม่บอกสงสัยอยากดูพฤติกรรมอันเจ้าสำราญของเจ้านายคนใหม่ล่ะมั้งเนี่ย เพราะหลังจากคนเก่าถูกไล่ออกไป พี่กิตดาได้มีสิทธิ์รายงานพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งงานอันสูงในรีสอร์ทอีกด้วย แม้พี่กิตดาจะไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งที่สูงกว่าที่ทำอยู่ ณ ตอนนี้ แต่ว่าได้มีอำนาจในการเขียนรายงานคุมควบความประพฤติของผู้บัญชาในตำแหน่งประธานบริหารรีสอร์ทให้เครือแม่เตชโชติรับทราบ มันก็เป็นงานที่ดูมั่นคงต่อตำแหน่งในหน้าที่การงานทำอยู่ดีที่สุดแล้ว






*คาบลูกคาบดอก หมายถึง คับขัน สองแง่สองมุม ครึ่งดีครึ่งเสีย

โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 6 วางหมาก (รัก)

>///< อิอิ มันคืออะไรอ่ะ


>>>Talk :
อริฌาจะพยายามหาเวลามาเขียนให้ได้นะคะ
เพราะนิยายส่วนมากของอริฌา คือ เขียนสดไปเรื่อยๆ
อาจะล้าช้าบ้าง โคตรมากๆ T^T และเขียนคำผิดกับสำนวนสับสนมากมาย
ทั้งยังต้องทำงานประจำด้วย และมีเวลาในกับการเขียนนิยายในช่วงกลางคืนค่ะ
ขอ อภัย ที่ต้องอัพช้านะคะ
อ้อๆ
และที่อัพช้าอีกคือ อริฌา เขียนนิยายอีกเรื่องด้วยคะ
(ปล.ตัดลดให้เหลือแค่...สองเรื่องแย้ว เขียนทีสามสี่เรื่องไม่ไหวอ่ะ TOT)
ฝากแวะมาอ่านด้วยนะคะ
เรื่อง รอยร้าย แสนรัก
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=831906
ขอบคุณนักอ่านที่อวยพรวันเกิดให้อริฌานะคะ ^^v

ปล.สุดท้าย พอดีไปเจอกระทู้เด็ดในพันทิป
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K12270132/K12270132.html#47
เรื่องนักเขียนสมัยใหม่หาข้อมูลไม่สมจริงตามอาชีพในนิยาย
ทำให้อริฌา เกิดอาการทอกับการเขียนนิยายเรื่องนี้เสียแล้ว
เพราะเนื่องจากไม่เวลาหาข้อมูลจริงของงานของนักเมืองและขบวนการว่าด้วยกฎหมายจริงๆ
ไม่ได้เรียนมาด้วย ไม่รู้จักคนทำงานในสายอาชีพนี้ด้วย
จึงขอสารภาพว่า เขียนจากจินตนาการเอง ไม่ได้หาข้อมูลที่ถูกต้องเท่าไรนัก
นักอ่านท่านใดที่หลงแวะเข้ามาอ่าน กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพราะเป็นความเห็นจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ
ไม่ได้มีเจตนาที่จะพาดพิงถึงผู้คนใดๆ หรือสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น
ผู้เขียน จึงขอ อภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2555, 16:16:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ค. 2555, 16:16:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1552





<< บทที่ 4 รุกเข้าหาตามหัวใจ...   บทที่ 6 วางหมาก (รัก) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account