กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
หญิงสาวผู้มาดมั่นเลือกการงานมากว่าเรื่องรักใคร่ๆหรือต้องมาข้องแวะเกี่ยวหัวใจให้ชายคนไหน
กับชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังพันใจกับผู้หญิงใดๆ ทั้งคู่จะมาบรรจบรักกันได้เช่นไร
โปรดคอยติดตามนะคะ

แนะนำตัวละคร

พระเอก
นายธารานนท์ เตชโชติ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทในเครือมากมายล้นฟ้า แต่ไร้คู่ครองเคียงข้าง เมื่อไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะทำให้อิ่มเอมทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อ หญิงสาวคู่ครองสักคนของเขาคงจะไม่มีในโลกนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานในต่างจังหวัดและพื้นที่อำเภอท้องถิ่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดย ได้พบกับส.ส. นรินศาสาวมั่นแสนสวย แต่ไม่ไร้สมอง ทั้งเก่งเอาตัวรอดโดยไม่ต้องขอความช่วยจาก ใครๆก็ได้ ทำให้ชายหนุ่มเพลินเพลิดไปกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมาพบเจอเขาด้วยอย่างความบังเอิญหรือในสถานที่ไม่คาดถึงก็ตามทุกครั้ง แต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นร้อนทั้งโหยหา มีแต่ความคิดถึงให้เธอทั้งกลางวันและกลางคืนที่นอนหลับฝัน รวมทั้งยังเข้าไปเจออุปสรรคด้านการเมืองการทำของเธอ ซึ่งชายหนุ่มนั้น ทั้งแสนชิงชังอาชีพการเมืองของพ่อผู้ให้กำเนิดนัก

นิสัย : การพูดทั้งจริงจังอย่างมาก ทั้งพูดเล่นกับคนที่ถูกชะตา เจ้าชู้ไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหนๆเลย แต่จริงๆแล้ว ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายชอบวิ่งเข้าหา เขาจึงต้องตอบรับบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ในใจลึกๆ เขากำลังต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่ชอบเขาเพียงแค่เงินตราอันมหาศาลของเขา ด้านการทำงานไม่มีที่ติและเขาต้องทำให้จนสำเร็จ แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องล้มละลายเขาก็ไม่สนใจ

นางเอก
นางสาว นรินศา อัณณ์ศญา หญิงสาวผู้มีใจรักในบ้านเกิดของตนเองยิ่งชีวิต อยากให้บ้านเกิดของตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามแบบประเพณีวิถีชีวิตดั่งเดิมในรัชสมัยๆที่ผ่านๆมา จึง ขอก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของราษฎร และประชาชน เพื่อนำความสุขมาสู่บ้านเกิดของตนเอง แต่อุปสรรค์มากมายทั้งภายในไม่ลงรอยกับนักการเมืองในพรรค ทั้งภายนอกด้านการมีเส้นสายที่คอยจะคดโกงกินแผ่นดิน กว่าจะเปลี่ยนความคิดให้รู้จัก คำว่า “สามัคคี” อีกครั้ง มันคงทำให้เธอใช้ความรู้และสามารถ ทั้งหัวใจยิ่งชีวิต บนเส้นทางวิถีดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีเล่ห์เหลี่ยมชักจูงหวาดล้อมมากมาย รวมทั้งบนเส้นทางแห่งความรักที่ก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว เพราะความอวดดีอวดเก่งของชายหนุ่มเจ้าของรีสร์อทคนใหม่ ที่มีหัวใจแบบคนโกง เจ้าชู้ จนครบทุกรูปแบบเป็นผู้ชายที่หญิงสาวแสนเกลียดนัก และจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายพันธุ์นี้เด็ดขาด

นิสัย : สาวมั่น ผู้มีอุดมการณ์ของตนเองสูง การพูดจาจะนิ่งหนักแน่น จะอ่อนหวานเฉพาะคนเป็นพ่อกับแม่และเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น

แล้วกลิ่นรักที่คุกรุ่นหมองหม่น ในใจของชายหนุ่มธารานนท์กับท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งนาแสนอันจะใกล้กลับคืนมาให้สมบรูณ์อีกครั้ง...ด้วยหัวใจอันรักยิ่งแห่งบ้านเกิดของหญิงสาวนรินศานี้จะจบลงได้เช่น ไร ในเวลาไม่ช้านี้ ตะวันที่รอทอแสงรุ่งอรุณให้สดใสกำลังจะพิสูจน์ความรักของทั้งคู่...
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานแหวว,หวานน่ารัก,แนวรักสบายๆ

ตอน: บทที่ 6 วางหมาก (รัก)

บทที่ 6 วางหมาก (รัก)

“เจ้านายเรียกพี่ให้มาพบหรือครับ” ก้าวแรกพร้อมเสียงเอ่ยถามเมื่อนายกิตดา เอามือหนาผลักประตูห้องทำงานหรือบ้านเรือนไม้หลังเล็กๆ ของเจ้านายประจำรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าคนล่าสุดเข้ามาหา

“ครับ พี่กิตต์ได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับนี้หรือยังครับ” ธารานนท์ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาพี่กิตดา เพื่อให้คนเป็นพี่ร่วมงานและกลายเป็นมือขวาโดยปริยายอ่านหนังสือพิมพ์ประจำท้องถิ่นที่นี่ กิตดาปานมองแปบเดียวก็เดาออกแล้วมามัน คือข่าวเกี่ยวกับอะไร

“ครับ พี่พอจะเข้าใจเนื้อความในข่าวบ้างแล้ว คุณนนท์อยากให้พี่สืบเสาะหาต้นตอหรือทำอะไรสักอย่างใช่ไหมครับ” กิตดายังคงจะทำให้หน้าที่ได้ดีเยี่ยม ธารานนท์ชื่นชมในใจ ทำไมน้าคนฉลาดๆ และมีไหวพริบถึงได้มาอยู่ในหุบเขาบ้านนอกบ้านนาแบบนี้ ถ้าพี่กิตดาเข้าไปรับงานในเครือใหญ่มีแววได้ตำแหน่งสูงกว่านี้อย่างเห็นได้ชัดเจนแน่นอน ธารานนท์ยิ้มปริ่มด้วยความพอใจที่สุดและเก็บเข้าสมองไว้กับความสามารถของพี่กิตดา ในอนาคตนายกิตดาคนนี้อาจจะทำให้ เตชโชติ กรุ๊ป มีคุณภาพมากขึ้น

“ครับ เรื่องการที่จะสั่งซื้อเอากล้ายางลงปลูกเพิ่มเติม คงต้องหยุดชะงักไว้ไปก่อน ผมว่าถ้าชาวบ้านเห็นความเปลี่ยนแปลงในที่ดินของครอบครัวตนเอง อาจจะก่อเหตุทำลายต้นยางของผมแน่ๆ”

“ครับ พี่กำลังคิดว่าจะมาเตือนคุณนนท์อยู่พอดี เรื่องนี้แหละครับ” พี่กิตดาพูดออกไปตามตรงๆ การได้ร่วมทำงานและดูนิสัยใจคอของคนเป็นเจ้านายคนใหม่รายนี้ ทำให้พี่กิตดาให้ความสนใจและน่าเป็นห่วงมากที่สุด แม้จะถูกชะตาและเป็นมิตรสหายกับคนเป็นเจ้านายอายุน้อยกว่าคนนี้ก็ตาม

“โอเคครับ ผมยอมรับว่าตัวเองทำอะไรวู่วามมากเกินไปหน่อย แถมผมเองก็ไม่เคยคิดว่ามันจะมาเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนไปจนถึงชาวบ้านด้วย แล้วพี่กิตดาพอจะมีความคิดว่าจะให้ผมทำอย่างไงต่อไปบ้างครับ”

“ขายคืนให้ชาวบ้านครับ เจ้านายมีกินมีใช้มากมายจนล้นอยู่แล้วนะครับ” การแสดงความคิดเห็นได้เอ่ยออกมาตรงประเด็นอย่างมากที่สุด และสิ่งพี่กิตดาพูดบอกด้วยใบหน้านิ่งๆ นั้น ทำให้ธารานนท์แทบเบ้ปากเกิดความหงุดหงิดเหมือนถูกขัดใจเข้าแทรก แต่ไม่ได้ขุนเคืองพี่กิตดาที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาหรอกนะ คนที่ทำให้ธารานนท์หงุดหงิดนั้น คือ ใบหน้านวลกมลแสนน่ารักปนจะออกบึ้งเคร่งขรึมๆ ไม่ยอมผุดยิ้มแย้มหวานๆ และทำตัวแสนเย็นชาให้กับเขาตลอดเวลาต่างหาก พอนึกขึ้นมาได้บางทีเขาอาจจะต้องตั้งฉายาให้เลยด้วยว่า ‘ผู้หญิงขี้เก๊ก’

“เป็นคนดีจังนะครับพี่กิตดา หึๆ” แล้วเรื่องอะไรชายหนุ่มนายทุนใจโหดอย่างที่ถูกวาจาเอ่ยต่อว่าจากสาวประชาสัมพันธ์ ชื่ออุรุชาหรือคู่หมั้นสาวของพี่กิตดา ธารานนท์จะปล่อยที่ดินผืนเหล่านั้นส่งคืนชาวบ้านอย่างว่องไวไปทำไมล่ะ ในเมื่อนักการเมืองสาวมือใหม่แสนคนอวดเก่งยังไม่ได้ใช้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเรื่องทุกข์ร้อนของชาวบ้านให้เห็นอย่างประจักต่อหน้าและต่อสายตาของเขาเลยล่ะ



หันมาด้านหญิงสาวแสนเก่งเลิศเลอขวัญใจประชาชน แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งคิดหนักเอามือกุมขมับกับการวางหมากของคุณพ่อศาตราของเธอ ซึ่งทางคนเป็นพ่อทำท่าทางออกจะดูว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ นิดเดียว ณ ที่โต๊ะอาหารมื้อค่ำเมื่อวานนี้

‘เขาหล่อบ้างมั้ย ลูกรัก’ และจู่ๆ คำพูดแบบนี้ก็หลุดออกมาจากคนเป็นพ่อได้อย่างไงกัน แถมมันยิ่งทำให้คนเป็นแม่กระโดดเข้าขั้นกระโจมมาร่วมวงด้วยอย่างออกนอกหน้าชัดเจนเต็มประดาด้วยความดีอกดีใจ แววตาคนเป็นแม่ประกายระยับด้วยความหวังที่สุด

‘แล้วเขานิสัยเป็นอย่างไงบ้างหรือลูกรัก แต่แม่ว่าคงเป็นชายหนุ่มนิสัยไม่ดีบางมุมๆ เท่านั้นเองล่ะมั้ง พ่อว่ามั้ย?’ ทำไมทั้งคุณพ่อและคุณแม่ถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยในเรื่องแบบนี้ล่ะ แค่เธอเอ่ยชื่อของนายธารานนท์ นายทุนหน้ามืดใจร้ายที่ตกลงทำสัญญาซื้อขายกับนายหน้าจอมหน้าเลือดไปอย่างรวดเร็วมากๆ แล้วมันทำให้เธอต้องปล่อยให้คนมีอิทธิพลลอยนวล ลอยหน้าลอยตา เป็นคนที่จ้างพวกนายหน้าจอมเจ้าเล่ห์เพทุบายมาคดโกงชาวบ้าน และพยายามให้ตนเองคอยเฝ้ารับเงินอยู่เบื้องหลังตลอดมา

‘พ่อค่ะ เราจะต้องสนใจเขาไปทำไม รินต้องหาหลักฐานจับผิดคนชั่วนะคะ’

‘นี่แหละ มันงานของลูกเชียวนะ พ่อชักอยากจะเจอนายธารานนท์คนนี้แล้วสินะ อืมๆ เป็นเจ้าของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าคนใหม่อย่างงั้นหรือ หึๆ แม่ศราคนสวยของผม พรุ่งนี้เราไปดินเนอร์ที่นั่นสักมื้อกันมั้ยจ๊ะ พวกเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปทานข้าวนอกบ้านเสียบ้างดีไหมครับ’ นรินศาค้อนให้คู่รักที่คอนข้างเลยไปทางวัยชรามากแล้ว แถมซึ่งทั้งคู่ทำยังกับว่าจะไปดูตัว ดูใบหน้าหนุ่มลูกเขยอย่างงั้นแหละ เอ๊ะๆ ลูกเขยงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่า พ่อศาตรากำลังจะใช้หมากเม็ดนี้น่ะ

‘คุณพ่อ!’ นรินศาขึ้นเสียงใส่คนเป็นพ่อ เมื่อเธอเริ่มเดาการวางหมากบนกระดานของพ่อศาตราออกแล้วนั่นสิ มิน่าถึงได้ทำตัวดีใจระริระรี้กับคนเป็นแม่ที่มักจะเห็นดีเห็นงามกับเรื่องการหาแฟนหนุ่มให้คนเป็นลูกสาวในดวงใจ

‘ถูกต้องแล้ว ลูกรักจ๋า พ่อว่าเราน่ะ ควรจะมีคู่รักได้สักคนแล้วนะ’



นรินศานั่งหมุนปากกาไปมา แถมด้วยการย่นคิ้วเรียวบางชนกันจนเป็นปมหมดแล้ว ในเวลาทำงานเช้าของวันนี้ แต่จิตใจกับนึกไปถึงคำพูดของคนเป็นพ่อเมื่อคืนวาน ซึ่งงานนี้คุณพ่อดันอยู่ข้างคนเป็นแม่เต็มที่เต็มประตูเลยเสียด้วยสิ แล้วเธอจะต้องทำอย่างไงกัน เพื่อจะให้คุณพ่อศาตราคนเก่งมีความคิดเปลี่ยนใจ และไม่ต้องจับเธอไปส่งนายธารานนท์จอมฉวยโอกาสกันล่ะเนี่ย ยิ่งคิดก็ยิ่งหาหนทางแก้ได้ไม่ทัน เพราะแผนของคนเป็นพ่อมันแทรกเข้าไปในหัวสมองของเธอด้วยเช่นกัน

“มันก็แค่แผนหลอกๆ เราจะไปสนใจอะไร หมอนั่นนักหนาเนี่ย” นรินศาบ่นพึมพำก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไป เมื่อมันเป็นแค่แผนหลอกล่อ เธอจึงจะต้องดำเนินตามทางของตนเอง งานนี้ปรึกษายัยกอหญ้าไม่ได้เด็ดขาด บางทียัยเพื่อนรักคนเดียวของเธอก็มักจะเห็นดีเห็นงามไปกับพ่อของเธอเช่นกัน ยังไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรออกไปมากกว่านี้ จู่ๆ เพื่อนสาวที่กำลังคิดถึงก็โทรเข้ามาหาพอดิบพอดี

“สวัสดีค่า นายน้อยคนเก่ง” นรินศาพยายามทักทายให้เป็นปกติเวลาคุยกับกอหญ้าในสายสนทนาครั้งนี้ เพราะรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอจะเอ่ยถามเรื่องใดก่อน

“(ริน หญ้าเห็นข่าวแล้วนะ ทำไมไม่บอกหญ้าบ้างล่ะ จะได้ไปลุยด้วย และที่สำคัญ...จะได้ไปห้ามทัพ ไม่ให้เธอเผลอทำอะไรชาวบ้านด้วย)” กอหญ้าคุยตอนท้ายประโยคสนทนาด้วยเสียงหัวเราะ เพราะทว่าเธอเพิ่งจะได้เห็นข่าวช้ากว่าเองนี่นา ซึ่งมันก็ผ่านเหตุการณ์ประท้วงนั่นมาหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว จึงช่วยอะไรเพื่อนสาวนักการเมืองคนเก่งไม่ได้หรอก

“โธ่เอ้ย...ก็นึกว่าจะห่วงเรา ที่แท้ก็ห่วงชาวบ้านที่แทบจะไม่รู้จักเธอด้วยเลยล่ะมั้ง” นรินศาก็ว่าด้วยการแกล้งทำเป็นน้ำเสียงบ่นน้อยใจกับเหน็บเพื่อนผู้ใจดีกับชาวบ้านเสมอๆ

“(วะ!... ใครจะไม่รู้จัก นายน้อยกอหญ้าแห่งสวนสินพสุธรเนี่ย)” กอหญ้าทั้งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจในสายสนทนาทางโทรศัพท์มือถือ ทำให้นรินศาเผลออมยิ้มเล็กน้อย กับเครือข่ายความดังของเพื่อนสาวคนสำคัญ

“จ้าๆ แม่นักเลงโตผู้กว้างขวาง...”

“(มีอะไรให้เพื่อนช่วยก็บอกนะคะ ท่านผู้แทนนรินศาเจ้าขา)” กอหญ้าหัวเราะชอบใจ ก่อนจะแสดงตัวเข้ามาความช่วยเหลือ เพราะเป็นห่วงเพื่อนมิใช่น้อยๆ แม้งานในสวน ในทุ่งนาของตนเองก็ยังมีปัญหาให้ทุกวัน แถมยังมีผู้ชายจากเมืองกรุงที่เข้าก่อกวนหัวสมองของนายน้อยแห่งสินพสุธรด้วยอีก

“อืมๆ ตอนนี้ยังไม่มีนะ” มีสิแต่บอกไม่ได้ต่างหาก นรินศาคิดในใจ

“(ว้า...น่าเสียดายจัง)”

“ไม่ต้องให้กอหญ้าได้ออกแรงหรอกจ้า ... รินจัดการได้แล้วแถมงานนี้คุณพ่อลงมาช่วยด้วยนะ หายห่วงจ้า”

“(ค่อยยังชั่วหน่อย มีคุณพ่อศาตรามาจัดการช่วยแล้ว หญ้าก็หายห่วงเพื่อนสาวขวัญประชาชนแล้วแหละ)”

“จ้า ว่าแต่เพื่อนชายของกอหญ้าเนี่ย ไปขุดมาจากไหนเหรอคะ” เจอนรินศาถามเรื่องนี้ กอหญ้าแทบสำลักน้ำฝนในขันเงินจากโอ่งดินเผากลางๆ สูงแค่เอว ตั้งตระหง่านหน้าบ้านที่เธอเพิ่งจะดื่มไปอึกใหญ่ๆ เมื่อเดินคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสาวนักการเมืองจนมาถึงบ้าน

“(แค่กๆ)”

“หึหึ ถึงกับสำลักน้ำเลยเหรอจ๊ะนายน้อยจ๋า คุณพายอะไรนั่น เขาก็หล่อดีนะ” รุกถามหน่อยเถอะ อยากรู้นี่นา เพื่อนสาวหญิงสู้งานสวน งานทุ่งนาอย่างเดียว มีผู้ชายมาจีบถึงบ้านเชียวนะ

“(ก็แค่คนหลงทาง แถมมีคดีติดตัวน่ะ พี่ส้มเลยพามาฝากไว้ รินเคยเจอหมอนั่นด้วยเหรอ)”

“จ้ะ เจอวันที่หญ้าพารินไปค้างที่บ้านสวนนั่นแหละ หลังจากตื่นมากำลังจะกลับบ้าน เห็นมีคนนั่งอยู่ที่โต๊ะกาแฟ นึกว่าพี่กอไผ่กลับบ้านเลยเดินเข้าไปจะทักทายน่ะ แต่ที่ไหนได้ไม่ใช่ซะงั้น” นรินศาเท้าความนิดหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเธอหลงเอ่ยวางลูกกรีดขวางทางกั้นการจีบของชายหนุ่มคนนี้เอาไว้แล้วด้วย

“(อ่อ งั้นหรอกหรือ)”

“ว่างๆ รินจะไปเยี่ยมนะจ๊ะ” นรินศาบอกต่อ แม้จะอยากรู้เรื่องของเพื่อนสาวกับชายหนุ่มผู้หลงทางก็ตาม แต่พอคิดๆ แล้ว การรุกถามเพื่อนสาวมากไป เธอก็กลัวที่จะเห็นกอหญ้าเอาคืนชะมัดเลยแฮะ

“(ได้ๆ เอ๊ะ เยี่ยมใครอ่ะ?)” นรินศายิ้มกว้างออกมาเลยทีเดียว เพราะมันเกินคาดคนอย่างนายน้อยกอหญ้ากำลังสับสนกับเรื่องเล็กน้อยนี้ได้ไง

“เยี่ยมใครดีล่ะ เอ...คนที่บ้านสินพสุธร ไม่คิดจะต้อนรับรินแล้ว หรืออย่างไงคะ?” นรินศาอยากเห็นใบหน้าของกอหญ้าชะมัด ตอนนี้จะเป็นอย่างไงน้า

“(ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว จะมาเยี่ยมใครก็มาเลย ตามสบาย อ๊ะ...เดี๋ยวหญ้าต้องไปทำงานต่อแล้วนะ แค่นี้แหละ บ๊ายบาย)” ว่าจบก็วางสายไปเลย นรินศาแทบขบขันกับน้ำเสียงของเพื่อนสาว น่าแปลกเหลือเกินนะ มันออกจะปนเหมือนกับว่ากำลัง ‘หวงของ’ อะไรสักอย่างนี่แหละ แล้วนรินศาก็ทำงานของตนต่อไปจนลืมเรื่องของการวางหมากบนกระดานของพ่อศาตราไปเลย

แต่ฝั่งของพ่อศาตรายังไม่ได้ลืมหมากกระดานนี้แม้แต่นิดเดียว ในที่สุดก็เป็นเวลาพลบค่ำของวันนี้ พ่อศาตราและแม่นริศราเดินเข้ามานั่งดื่มด่ำดินเนอร์นอกบ้านในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ณ สถานที่ที่พวกท่านเลือกก็คือ รีสอร์ทแมกไม้กอหญ้า โซนซุ้มโต๊ะศาลาตัวหนึ่งหลังอันเงียบสงบเป็นรองรับพวกท่านทั้งสอง

“พ่อศาตรา ทำไมถึงอยากให้ลูกรักของเรา คบกับนายคนนี้ หือ!” คำถามแรกจากแม่นริศราในชุดผ้าไหมไทยสวยงามประณีตไม่ถึงกับเนื้อหนามาก เพราะอากาศในช่วงนี้อยู่หน้าฤดูร้อนใกล้กึ่งฤดูฝน ด้านคนเป็นสามีก็สวมกางเกงสูทดำกับเสื้อสูททรงซาฟารี ผ้าไหมยกเงี้ยวแขนสั้นโทนน้ำตาลไหม้

“ไม่ดีหรือไงครับ ผมกำลังช่วยคุณหาลูกเขยเลยนะ” พ่อศาตรายังพูดกับภรรยาด้วยอารมณ์ดี

“เชอะ! มันก็ดี แต่คุณนั่นสิมาแปลก อะไรทำให้คุณอยากหาลูกเขยให้ลูกสาวสุดเก่งของคุณล่ะ” ส่วนฝ่ายภรรยายังคงหงุดหงิด และถามด้วยความสงสัยกับกำลังสนใจอยู่มากจนมากที่สุด เนื่องจากมันครั้งแรกที่คนเป็นสามีมีความกระตือรือร้นหาลูกเขยให้ลูกสาวแห่งดวงใจ และแล้วอาหารชุดแรกแบบต้มยำและปลาราดพริกทรงเครื่องก็ถูกเสิร์ฟขั้นระหว่างการสนทนา พ่อศาตรายังยิ้มปริ่มๆ เริ่มทานอาหารตรงหน้าก่อนเลย

“อย่าเพิ่งทานสิคุณ ตอบคำถามของแม่มาก่อนนะ” คุณหญิงนริศราใช้ช้อนของตนแตะเข้ามาห้ามการทานข้าวของสามีจอมวางแผน ซึ่งขอเดาว่าสามีของตน จะต้องไปสืบรู้อะไรมาแน่ๆ

“โธ่! แม่ศรา ให้พ่อทานข้าวสักคำก่อนได้ไหม หิวนะเนี่ย” พ่อศาตราเริ่มบ่น เพราะหิวข้าวจริงๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นผู้จัดการรีสอร์ทกำลังทำหน้าที่ทักทายถามแขกเดื่อตามโต๊ะอาหารต่างๆ ได้พากันเข้ามาทานมื้อค่ำของวันนี้เหมือนกับพวกท่านทั้งสอง

“ไม่! ตอบแม่มาก่อนค่ะคุณหญิงจ้องตาเขียวใส่คนเป็นสามี

“เฮ้อ...ก็ได้ๆ เพราะชื่อของเจ้าหนุ่มนั่น มันทำให้ผมสนใจขึ้นมานั่นสิครับ” พ่อศาตราว่า แล้วก็เบนดวงตาอันผ่านโลกร้อนหนาวอันเลยมากกว่าครึ่งชีวิตขึ้นมาสบตากับผู้จัดการรีสอร์ท แมกไม้กอหญ้าหนุ่มวัยกลางคนพอดิบพอดี ซึ่งดูเหมือนเขาก็จะรู้ตัวเหมือนกัน ก่อนยกมือไหว้ให้ท่านไกลๆ แต่ยังไม่ได้เดินดิ่งตรงมาหาท่านหรอก ท่านศาตราเห็นผู้จัดการหนุ่มดังกล่าวหมุนตัวกลับเดินสาวเท้าไปยังทางที่หน้าเคานท์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว และอีกไม่นานเกินรอ บางทีท่านศาตราอดีตผู้แทนราษฎรมือเก่าอาจจะพบกับคนที่เป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน

“ว่าต่อสิ แม่ยังไม่เข้าใจนะคะ” คุณหญิงนริศราเอ่ยเรียกให้คนเป็นสามีกลับมาสนใจตนเอง

“เมื่อหลายวันก่อน มีรุ่นน้องผมคนหนึ่งโทรมาหา และบอกว่า ลูกชายของเขามาเที่ยวเล่นๆ และมาทำงานแถวๆ อำเภอของพวกเรา เลยอยากให้ผมช่วยดูแลลูกชายเขาหน่อยน่ะ” ในสุดพ่อศาตราก็ได้ทานข้าวคำแรกใส่ปากลงท้องสักที

“อย่าบอกนะว่า คือ นายธารานนท์นั่น” แม่นริศราเดาถูกต้องแล้ว พ่อศาตราก็แค่ยิ้มตอบและหันมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อไปเพราะหิวมาก แถมอาหารก็อร่อยด้วยรสดีเยี่ยมถูกปากพ่อศาตราอีกต่างหาก ก่อนจะตักอาหารให้ภรรยาแสนรักทานเสียบ้าง เห็นทำสีหน้าเครียดๆ แทนลูกสาวเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะไปอีกคนหรอก

“แล้วคุณสมบัติชาติตระกูลรุ่นน้องของคุณล่ะ” และแล้วแม่นริศราก็เริ่มตรวจสอบซักประวัติชื่อเสียงตระกูลของรุ่นน้องพ่อศาตรา เพราะไหนๆ พ่อศาตราก็เลือกลูกเขยให้ลูกสาวครั้งแรกทั้งทีนี่นา

“ก็มีชื่อเสียงดีอยู่นะ แต่ผมสนใจนามสกุลฝ่ายแม่ของเจ้าหนุ่มคนนี้ต่างหากล่ะครับ”

“หือ! น่าแปลกใจนะเนี่ย คุณสนใจเรื่องนามสกุลของคนอื่นด้วย แล้วนามสกุลอะไรล่ะที่คุณสนใจมากเหลือเกิน” และแม่นริศราต้องตกใจอีกหน สำหรับเรื่องความสนใจแปลกๆ ในรอบปีของฝ่ายคนเป็นสามี

“เตชโชติ” พ่อศาตราตอบสั้นๆ แม่นริศราก็เกิดความเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที จนควันออกหูด้วยแหละ

เพล้งๆ เสียงช้อนส้อมวางใส่จานข้าวแรงจนพ่อศาตราก็สะดุ้งตกใจโหยง ตอนแรกก็คิดไว้แล้วว่าภรรยาจะไม่เห็นด้วยอยู่แล้วแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะออกอาการเหวี่ยงใส่แบบนี้

“แม่จะกลับบ้าน ไม่กง ไม่กินมันแล้ว!” ใครจะกินลงกันล่ะ! ก็ท่านศาตรากำลังทำให้ฝ่ายภรรยาโกรธเคืองจนโกรธโมโหที่สุด ใบหน้าคุณหญิงหุ่นยังสวยแดงก่ำจัดมากที่สุดในรอบหลายปีอีกด้วย แถมนามสกุลนั่นอีก ทำไมนางถึงจะจำมันไม่ได้ และนางก็จะจำมันจนวันตายเลยแหละ ‘ทิพย์ธาร เตชโชติ’ ผู้หญิงสวยสง่างามซีอีโอเจ้าของเครือโรงแรมสวยหรูดีกรียอดเยี่ยม และเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งที่ทำให้ท่านศาตราติดพันจนเกือบทำให้คุณหญิงต้องหย่าขาดกับสามีด้วย

“เดี๋ยวสิแม่ ฟังพ่อก่อนนะ อย่าเพิ่งโมโหโกรธพ่อเลยนะจ๊ะ” พ่อศาตราพยายามร้องห้ามเอาไว้ แต่ก็แทบไม่ทันเสียงแล้ว คนเป็นภรรยาบัดก้นก้าวจ้ำเท้าที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงเดินหนีว่องไว มีผลทำให้คุณหญิงนริศราเผลอหน้ามืดเลย

“ว้าย!” จนเกิดสะดุดช่วงชั้นพื้นหินระหว่างทางเดิน ล้มหน้าคว่ำไม่เป็นท่าแน่ๆ ถ้าไม่มีอ้อมวงแขนแกร่งหนึ่งถลาเข้ามาประคองช่วยเหลือเอาไว้อย่างทันเหตุการณ์พอดี

“ไม่เป็นไรนะครับ คุณผู้หญิง” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามระรัวรวดเร็ว ด้วยความเป็นห่วงคนกึ่งวัยชราอายุไปทางเสมือนกับแม่บังเกิดเกล้าของเขา

“โอ๊ย!” แม่นริศราร้องด้วยความเจ็บ สงสัยจะข้อเท้าพลิกแพลงแน่ๆ ณ ตอนนี้ นางเดินไม่ได้เลย

“แม่ศรา เป็นอะไร!” พ่อศาตราวิ่งตามทันและเข้ามาหาภรรยาด้วยความเร็วเช่นกัน ก่อนจะพยายามพยุงร่างคนเป็นภรรยาเอาไว้ต่อจากชายหนุ่มรูปร่างดูดี มีภูมิทัดฐานหน้าตาออกโซนขาวตี๋ๆ และผิวกายออกอมชมพู

“เจ็บๆ สิ พ่อศาตรา เหมือนจะเดินไม่ได้เลย โอ๊ยๆ” แม่นริศราร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานตรงข้อเท้าข้างซ้ายที่พลิกล้มจากรองเท้าส้นสูงคู่โปรดราคาหลายหมื่นของตนเอง

“เอ่อ...ผมขออุ้มนะครับ พาไปห้องพักรับรองของรีสอร์ทดีกว่าครับ” ชายหนุ่มวัยน้อยกว่าท่านศาตราดังกล่าวว่าจบ ก็ฉวยเข้ามาอุ้มขึ้นใส่ไว้ในวงแขนแกร่งของตน และพาร่างผอมๆ เล็กๆ ของแม่นริศราเดินไปอย่างดื้อๆ เฉยเลย

“อุ้ยๆ พ่อหนุ่ม...” คุณหญิงนริศราร้องห้ามไม่ทันเช่นกัน ปล่อยให้คนหนุ่มกว่าสามี อุ้มเดินผ่านไปยังตัวรีสอร์ทจนมาถึงห้องรับรองหรือห้องรับแขกพิเศษของที่นี่ ท่านศาตราก็สาวเท้าเดิมดุ่มๆ ตามหลังชายหนุ่มวัยน้อยกว่าคนดังกล่าวมาติดๆ

“ขอบใจนะ พ่อหนุ่ม แม่ศราเจ็บมากไหม ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ ข้อเท้าบวมเป่งจนเขียวหมดแล้ว” พ่อศาตราเดินเข้ามานั่งโซฟาตัวยาวกับแม่นริศราที่ชายหนุ่มหน้าขาวตี๋ๆ อุ้มภรรยาของท่านมาและวางลงบนโซฟาเบาๆ เมื่อสายตาเจอกับแสงสว่างจากหลอดไฟในห้องรับแขก ก็รีบดิ่งเข้ามานั่งโซฟาและจับเท้าของภรรยาขึ้นมาพาสไว้บนตักตนเองอย่างเป็นห่วงเป็นใย และอยากจะเจ็บแทนเสียมากกว่า

“จับเบาๆ สิ พ่อศา แม่เจ็บนะ” เจอเสียงร้องอุทานเจ็บปวดจากคนเป็นภรรยา พ่อศาตราก็สะดุ้งโหยง แถมสีหน้าก็เป็นห่วงสุดใจ

“ผมขอเอาผ้าเย็นประคบนะครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ช่วยแม่นริศราเอ่ยขึ้น เมื่อเขาหายไปแวบเดียวก็มาพร้อมกับโถงถ้วยน้ำแข็งเย็นๆและผ้าขนหนูผืนหนาปานกลาง พ่อศาตราก็พยายามขยับร่างตนเองออกจากเท้าบางเล็กๆ ของภรรยาช้าๆ ก่อนจะให้ชายหนุ่มหน้าตี๋ดังกล่าว ช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น

“คุณน้าต้องอยู่แบบนี้สักพัก ไม่ก็ประมาณสิบถึงยี่สิบนาทีก่อนนะครับ แล้ว ค่อยขยับดู จากนั้นก็ค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้ครับ” ชายหนุ่มหน้าหล่อตี๋บอกอย่างสุภาพ จนแม่นริศราเริ่มหายเจ็บปวดนิดๆ เมื่อโดยผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นและมีน้ำแข็งก้อนประคบข้อเท้าข้างซ้ายที่พลิกแพลง

“เฮ้อ...พ่อค่อยหายห่วงหน่อย ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ไม่งั้นแม่ศราของพ่อต้องแย่แน่ๆ” พ่อศาตราเอ่ยขอบน้ำใจชายหนุ่มหน้าหล่อตี๋ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่เต็มใจเหลือเกิน

“ขอบใจจ๊ะ พ่อหนุ่ม แม่เริ่มจะหายๆ เจ็บบ้างแล้วล่ะ อ้อ...พ่อหนุ่มชื่ออะไรกันล่ะ” แม่นริศราเริ่มยิ้มแย้มออก เมื่อตอนแรกหน้าซีดมากด้วยความเจ็บระบมปวดจากข้อเท้าข้างที่พลิกแพลงจนเกือบเอ็นฉีกล่ะมั้ง

“ผม ชื่อธารานนท์ เป็นเจ้านายที่รีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าครับ” คำตอบของนายธารานนท์ ทำให้ทั้งพ่อศาตราและแม่นริศราเบิกตากว้างๆ ใส่กัน และรีบหันมาจับจ้องมองดูโครงใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ต้องการจะมาพบเจอตัวและเป็นเป้าหมายในวันนี้ก่อนจะพิจารณาว่าจะส่งไปให้ลูกสาวแสนรักหรือไม่

“เอ่อ...หน้าผมมีอะไรติดหรือเปล่าครับ” ธารานนท์ถามพลางเอามือไม้ลูบจับใบหน้าตนเอง เพราะท่านทั้งสองจ้องมองเขานานมากจนผิดปกตินั่นสิ

“แหะๆ เปล่าจ๊ะ” แม่นริศราตอบอย่างยิ้มให้แห้งๆ ก่อนจะหันมาสบตากับคนเป็นสามี เพื่อบอกให้สามีของนางจะต้องทำอย่างไงต่อไป

“โอ้ ดีใจที่ได้พบนะพ่อหนุ่ม และขอบคุณมากเหลือเกินที่ช่วยแม่ศราของพ่อน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ผิดด้วยที่รีบเดินจนเกือบจะชนกับคุณน้าเช่นกันครับ” ธารานนท์บอกด้วยรอยยิ้มให้ สองวัยชราอย่างเป็นมิตรไมตรี

“อ้อ..พ่อชื่อศาตรานะ นั่นแม่นริศราที่พ่อหนุ่มช่วยไว้” พ่อศาตราเริ่มแนะนำตัวให้ชายหนุ่มรู้จัก แม่นริศราก็ยิ้มให้น้อย เพราะต้องนั่งเอนเหยียดขาข้างซ้ายนิ่งๆ บนโซฟาสักระยะเพราะยังขยับไม่ได้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ มาทานดินเนอร์หรือกันเปล่าครับเนี่ย” ธารานนท์เริ่มชวนคุยก่อน เพราะต้องการดูความพึงพอใจของลูกค้าด้วย

“จ๊ะ” พ่อศาตราตอบแล้วก็ยิ้มๆ และคิดในใจว่า นิสัยพอใช้ได้ แต่ก็ต้องทดสอบอีกเยอะหน่อยทีเดียว

“งั้นเดี๋ยวผมไปหาน้ำเย็นๆ อร่อยมาให้ดื่มนะครับ รอดูอาการของคุณน้าสักพักแล้วค่อยไปโรงพยาบาลต่อครับ” ธารานนท์ทำตัวการบริการ ลูกค้าวัยชราทั้งสอง

“ขอบใจนะ พ่อหนุ่ม” พ่อศาตราขอบใจก่อนจะให้ชายหนุ่มออกไปจากห้องรับแขก แล้วเริ่มหันมาคุยกับคนเป็นภรรยาต่อ

“เป็นไงบ้าง แม่ศรา”

“หายเจ็บแล้วนิดหน่อย” แม่นริศราตอบ เมื่อเพ่งไปมองที่ข้อเท้าของตนเอง พ่อศาตราก็ยิ้มน้อยลง ก็จะถามให้มันชัดเจน

“พ่อหนุ่มนั้น เป็นอย่างไงบ้าง” เจอคำถามนี้ แม่นิรศราก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนเป็นสามี ทำหน้ามุ้ยย่นเล็กน้อย และเชิดหน้าหยิ่งๆ ไว้ก่อน

“อืมๆ ก็ดีนะ แต่ต้องดูไปอีกก่อน”

“เอ๊ะ แม่กำลังสนใจใช่ไหมเนี่ย” พ่อศาตราใจพองโตทีเดียว การเลือกว่าที่ลูกเขยครั้งแรกเข้าตาแม่นริศราด้วย ถ้าไม่ชอบจริงๆ นางจะเถียงปฏิเสธหัวชนฝาอยู่แล้ว

“น้ำมะนาวโซดามาแล้วครับ” ธารานนท์เอ่ยขึ้น เมื่อผ่านไปห้านาที มาพร้อมกับพี่กิตดา

“เอ๊ะ ท่านศาตรากับคุณหญิงนริศรา” พี่กิตดาร้องอุทานขึ้นทันที ที่ได้เห็นท่านทั้งสองในห้องนี้ จู่ๆ เจ้านายก็พรวดมาหาแล้วขอถังน้ำแข็ง ผ้าขนหนู ผ่านไปอีกสิบนาทีก็มาขอน้ำหวานเย็นๆ สดชื่นสักสองแก้ว ให้แขกสองท่านที่มาดินเนอร์และภรรยาดันสะดุดล้มหินในสวนต้นไม้ริมทางเดินเข้า

“สวัสดีครับผู้จัดการกิตดา คุณนี่โชคดีนะ ได้เจ้านายคนใหม่มาดูแลรีสอร์ทอย่างดีด้วยนะครับ” พ่อศาตราเอ่ยทักทายและก็กล่าวชมเจ้านายหนุ่มคนใหม่ของผู้จัดการรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้า

“ครับ คุณนนท์ใส่ใจดูแลกับลูกค้าของรีสอร์ทเป็นอย่างดีเสมอๆ ครับ” พี่กิตดาว่าพร้อมส่งรับให้แขกที่คุ้นเคย ท่านศาตรารับน้ำมะนาวสดชื่นส่งให้ทางภรรยาดื่มหนึ่ง เอารับของตนเองมาดื่มผ่อนคลายกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ธารานนท์ก็แต่มองดูและอมยิ้มเฉยๆ

“พ่อหนุ่มนนท์ พรุ่งนี้ว่างมั้ยจ๊ะ แม่ขอชวนไปทานข้าวเช้าเสียหน่อย เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือและดูแลแม่ด้วย” อยู่ๆ คุณหญิงนริศราก็เอ่ยพรวดถามขึ้นรวดเร็ว ก่อนที่ก้นของพี่กิตดาและธารานนท์จะนั่งลงโซฟาแบบเดี่ยวตรงกันข้ามของพวกท่าน

“ฮะ ข้าวเช้าเหรอครับ...?” ธารานนท์เกิดความฉงนอย่างมาก เพราะเขาเพิ่งจะเคยเจอการชวนทานข้าวแบบนี้ ส่วนมากก็เชิญมื้อกลางวัน ไม่ก็รับประทานมื้อตอนเย็นโน้น

“อะไรกันแม่ ชวนพ่อหนุ่มนนท์ไปตอนเช้าๆ ทำไม บ้านเรามีตั้งหลายมื้อนะ” พ่อศาตราส่งเสียงเข้าขัดความประสงค์ของภรรยา

“หยุดพูดเลยคุณ!” แม่นริศราถลึงตาใส่เหมือนๆ ห้าม และท่านทั้งสองท่านก็พึมพำงุบงิบคุยกันแค่สองคนเท่านั้น

“นี่แม่กำลังทำตัวเข้าตำราอยู่นะ แบบพวกเกลียดตัว แต่กินไข่ หึๆ” พ่อศาตราได้ทีก็ขอโต้กลับเสียหน่อยเถอะ เรื่องสมัยอดีตมันผ่านมานานแล้ว และอีกอย่างทิพย์ธารผู้หญิงที่ท่านรู้จักก็สิ้นใจไปนานแล้วด้วย ภรรยาของท่านศาตราจะฝังใจแค้นอะไรกันนักหนา...

“พ่อก็พอกันแหละ จับดำถลำแดง นี่จับคนเป็นแม่ไม่ได้ จะเอาลูกแทนสินะ ” แม่นริศราก็เถียงข้างๆ คูๆ ไม่ยอมลงให้เหมือนกัน

“หว่าๆ แม่พูดมั่วแล้วนะ พ่อจะเอาลูกเขาไปทำไมกันล่ะ” พ่อศาตราก็ทำท่าไม่ยอมแพ้เช่นกัน

“อย่างเถียงนะ เงียบไปเลยพ่อ เดี๋ยวแม่จะจัดการเอง” ว่าจบก็หันหน้านวลสวยตามวัยมาทางชายหนุ่มธารานนท์ ซึ่งเขาเห็นใบหน้าของคุณหญิงท่านนี้แล้ว รู้สึกว่ามันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับใครบางคนก็ไม่รู้สิ

“พ่อหนุ่มนนท์จ๊ะ แม่ขอตอบแทนที่ช่วยแม่เอาไว้ได้ไหม ไม่งั้นต้องล้มเจ็บตัวไปมากกว่าแล้ว” แม่นริศรายิ้มหวานให้ธารานนท์ที่นั่งโซฟาตรงข้าม หนุ่มอายุน้อยกว่าก็แต่ยิ้มแห้งๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมต้องคอยดูแลบรรดาแขกที่เข้าในรีสอร์ทอยู่แล้วครับ” ธารานนท์ปฏิเสธอย่างถ่อมตน ชายหญิงวัยชราคู่นี้มาแปลกๆ แต่ก็ดูน่ารักดีนะ ดูเป็นคนไม่ถือตัวเสียสักเท่าไร

“อย่าปฏิเสธเลย แม่อยากทำความรู้จักมากขึ้นด้วย พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้านะ ผู้จัดการกิตต์จำทางไปบ้านแม่ได้หรือเปล่าล่ะ” แม่นริศรามัดมือชกเลย แถมลากพี่กิตดามาด้วย งานนี้ธารานนท์ปฏิเสธยากแน่ๆ ยังไม่ทันที่ธารานนท์จะเอ่ยคำพูดใดๆ พี่กิตดาก็ทำหน้าที่แทนแล้วด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยมเต็มใจ

“พอจะจำได้อยู่บ้างครับ ผมจะพาเจ้านายไปทานมื้อเช้าพรุ่งนี้นะครับคุณหญิง” คำตอบของนายกิตดา ทำให้แม่นริศรายิ้มบานและหัวเราะน้อยๆ ชอบอกชอบใจ ด้วยการหันมายักไหล่ให้คนเป็นสามีอีก ซึ่งกำลังนั่งอึ้งโคตรๆ ในความว่องไวของคนเป็นภรรยาตนเอง

“โอเค แม่จะเตรียมอาหารมื้อเช้า คอยต้อนรับนะจ๊ะ” คุณหญิงนริศราพูดยืนยันกับพี่กิตดา ส่วนธารานนท์นั้นเอามือเกาหัวหงิกๆ ด้วยความงุนงงกับการถูกคุณหญิงท่านนี้ชวนไปที่บ้าน

“พ่อศาตรา ลุกๆ ได้แล้ว แม่อยากกลับบ้านไปนอนแล้วค่ะ”

“ครับๆ แล้วลุกเดินไหวไหมคุณ ให้พ่อนนท์อุ้มไปส่งที่รถเลยดีเปล่า...” ท่านศาตราดูเหมือนจะเอ่ยบอกแกมประชดชันด้วยความสนุกสนาน ในการได้ต่อล้อต่อเถียงกับคนเป็นภรรยา มันจึงทำให้แม่นริศราค้อนให้หนึ่งที

“ไม่ต้องอุ้มแล้ว แม่เดินเองได้น่า” คุณหญิงนริศราทำเสียงเข้มใส่คนเป็นสามี ตกลงนี่มันแผนใครกันแน่ ท่านศาตราก็ได้แต่ยักคิวตอบให้เป็นนัยๆ และแล้วในที่สุดทั้งธารานนท์และพี่กิตดาก็พากันช่วยประคับประคองคุณหญิงนริศราไปถึงที่จอดรถเมอร์เซเดส-เบนซ์สีขาวของพวกท่าน แถมคุณหญิงยังกล่าวทิ้งท้ายเป็นการย้ำเตือนเอาไว้อีก

“อย่าลืมนะ พ่อหนุ่มนนท์ พรุ่งนี้ต้องมาทานข้าวเช้ากับแม่ให้ได้นะ”

“เอ่อ...ครับ” สุดท้ายธารานนท์ก็ต้องรับคำชวนไปโดยปริยาย อย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรถคันแพงของท่านวัยชราทั้งสองแล่นออกจากรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าจนหายลับตาไปเรียบร้อย พี่กิตดาก็ทำเสียงขบขำเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเจ้านายคนใหม่ด้วยรอยยิ้มแย้มไม่ต้องปิดบัง

“คุณนนท์ โชคดีชะมัดเลยนะครับ ที่ถูกคุณหญิงนริศรา ปลื้ม...”

“ห๊ะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ พี่กิตต์ คุณหญิงคนนั้นจะมาปลื้มผมได้ไงกัน” ธารานนท์ถามด้วยสงสัยมากที่สุด พี่กิตดาก็ได้แต่ยักไหล่และไม่ยอมบอกอะไร เดี๋ยวให้เจ้านายหนุ่มรู้เอาเองพรุ่งนี้เลยดีกว่า

“เดี๋ยวสิครับพี่กิตต์ ไม่คิดจะตอบให้ผมเข้าใจบ้างสักหน่อยหรือครับ” ธารานนท์ร้องถาม เมื่อกำลังเห็นพี่กิตดาเดินหนีไปทำงานของตนต่อแล้ว ปล่อยชายหนุ่มเมืองกรุงแบบเขาครุ่นคิดตั้งรับมือกับกลุ่มคุณนาย คุณหญิงในอำเภอบ้านทุ่งบ้านนาแห่งนี้



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 7 วางหมาก (ต่อ)

ปล. อิอิ มาคอยดูการวางหมากของด้านนางเอกบ้างนะคะ >///<
และอาจจะมีคำผิดอีกตามเคย ขออภัยนะคะ




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ส.ค. 2555, 14:25:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2555, 13:04:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1632





<< บทที่ 5 งานเริ่มเดิน...    บทที่ 7 วางหมาก(ต่อ)… >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account