ลำนำรักสายลม
และสายลม,
สายลมปรากฏกายเพื่อทักทายตะวัน
ณ รุ่งอรุณเมื่อรัตติกาลสิ้นสุด
ความยโสของเขาซัดสาดหมู่เมฆแหลกกระจาย
และโลกกลับกลายเป็นสีเทา
และสีเทากลับกลายเป็นผืนฟ้า
ในโมงยามที่ดวงดาราม้วยมรณา
แลดวงจันทราเร้นลี้แสงเผือดเศร้า
ด้วยโลกของเธอลาลับไปกับรัตติกาล

ตะวันโผนผงาดด้วยอภิอำนาจ
โลกตื่นสู่โมงยามแห่งการทักทาย
ผืนนทีแดงชาดด้วยจุมพิต
ความรุ่งโรจน์อันทรงเกียรติพัดสู่สายลม
เร่าร้อน
เร่งเร้า

ในความแข็งแกร่งที่มองไม่เห็น
ชัยชนะได้ถือกำเนิด
(ดัดแปลงจากบทกวี The Wind at Dawn ของ Alice Elgar)


(ยังเขียนเรื่องย่อไม่เสร็จ ประมาณนี้ก่อนนะคะ ^^X)
Tags: รักโรแมนติก วัยรุ่น ผู้ใหญ่

ตอน: ตอนที่ 2.1

จะเป็นเพราะลูกยุของปู่แสง หรือการซักอัจจิมาจนพอใจว่ายายอิ่มจะไม่กลับมาก่อนเย็นวันรุ่งขึ้นแน่ ยายเตยก็เริ่มสั่งการไวว่อง

“ไปเปลี่ยนผ้านุ่งเร็ว เจ้าอัจ รำฉุยฉายให้ยายดูหน่อย คราวที่แล้วต่อจวนจบแล้วกระมังฮึ”

“ฉุยฉายไรจ๊ะ” ฉุยฉายน้อยลุกพรวด ฉีกยิ้มกว้างจนเกือบถึงหู

“ยายต่ออะไรให้บ้างแล้วล่ะ” เพราะเรียนกันไม่เป็นเวล่ำเวลา ขึ้นอยู่กับการไม่อยู่บ้านของยายอิ่มและลูกสาวคนเล็กเป็นหลัก คนสอนจึงเลือนไปบ้าง ฟังเสียงแจ้วรายงานจบ ปู่แสงก็ออกความเห็น

“ฉุยฉายพราหมณ์เหอะ พวกนักดนตรีซ้อมไปแล้ว ฉุยฉายพราหมณ์มีคนรู้จักมาก เครื่องทรงมีครบถ้วน แก้ให้เหมาะกับตัวเด็กก็แล้วกัน”

“ไม่เอา” ยายเตยค้านเร็วตามนิสัย

“นังอัจมันยังเล็ก ฝีมือสู้นังนุชไม่ได้ เอาชุดรำที่คนรู้จักน้อยหน่อยจะได้ไม่ต้องเทียบกัน ฉุยฉายยอพระกลิ่นแล้วกันนะพี่แสง”
*******************************

ถึงคนทั่วไปจะรู้จักฉุยฉายพราหมณ์มากกว่า แต่การรำฉุยฉายยอพระกลิ่นก็ไม่ได้ช่วยให้ความประหม่าและกังวลของนางรำมือใหม่น้อยลง ฉุยฉายยอพระกลิ่นเป็นบทรำจากละครเรื่องมณีพิชัย ตอนพระมณีพิชัยต้องรับใช้พราหมณ์ซึ่งเป็นพระมเหสีปลอมตัวมา พราหมณ์สงสารพระมณีพิชัยจึงออกอุบายปลอมตัวเป็นหญิงมารับใช้ และลองใจว่าสามีซื่อตรงต่อตนหรือไม่ นี่เองที่ทำให้นางรำต้องสอดแทรกอารมณ์หลากหลายซับซ้อนลงไปในแต่ละท่ารำ

“เอิง เอยยยย... ฉุยฉาย เอิง เอยยยย ชำเลืองเยื้องกราย...เอิงเอย เรียกชายมาในป่า เครื่องประดับ วาววับแวมแสง...”

อัจจิมาย่อเข่าเอนกายพลางกรีดมือตามเนื้อร้อง เสียงระนาดดังระรัวนำพาใจคนรำโลดจากใต้ถุนเรือนไม้ไปสู่ใจกลางป่า ต้นไม้สูงใหญ่อย่างพยูง ตะแบก เต็ง ยืนลำต้นสูงเสียดฟ้า แผ่กิ่งใบร่มรื่นคลุมกระท่อมหลังน้อย

ที่นั่น พราหมณ์วัยกำดัดกำลังเร้นกายหลังพุ่มพฤกษา ลอบมองขัตติยะหนุ่มผู้กำลังประทับอยู่ในกระท่อมน้อยตามลำพัง เจ้าพราหมณ์น้อยประนมกรบริกรรมคาถา ฉับพลัน เรือนร่างอรชรภายใต้ชุดขาวบริสุทธิ์ของนักบวชก็กลับกลายเป็นหญิงผู้ดีมีตระกูล ผ่องแพ้วไปด้วยแพรพรรณแลเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ล้ำค่า นางสะอิ้งกายเลอโฉมเยื้องย่างอย่างหมายมาดตรงไปยังพระมณีพิชัยเพื่อลองใจว่าจะยังรักและซื่อตรงต่อภรรยาหรือไม่

“...เอิงเอยยย ขาวเขียวแดงเพชรนิลจินดา..งามศัพท์งามจับนัยน์ตา พระมณีเห็นหน้าจะบ้าใจ...เอย”
“ตายแล้วเจ้าอัจ”

เสียงร้องเปลี่ยนเป็นเสียงอุทาน

“แขนคอทื่อเป็นสากเป็นเสา ไม่ใช่พระมณีพิชัยดอกที่จะบ้าใจตายเพราะคลั่งรัก แต่คนดูนั่นแหละ จะบ้าตายแทนเพราะเสียดายเงินจ้าง เอาใหม่สิ”

เสียงยายเตยแหลมขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ปู่แสงกระแอมสำลักก่อนเสียงระนาดจะเริ่มอีก อัจจิมาเลียริมฝีปาก ร่างผอมอย่างเด็กกำลังยืดตัวเริ่มท่าแรกอีกครา พยายามดัดแขนแมนให้อ่อนที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เอิงเอยยย เออออ สายสวาทเอยยย ระทวยนวยนาดวิลาศวิไล นวลละอองสองแก้ม ยิ้มแย้มอยู่แจ่มใส พระมณีเห็นเมื่อไร ใจจะขาดอยู่รอน เอิงเอย...รอน...”

“พอ พอ!” ยายเตยปาดเหงื่อ วงปี่พาทย์ชะงักค้าง หันมามองหน้ากันเลิกลั่ก ส่วนคนรำยืนแห้งเป็นมาลัยมะลิเฉาแดด หน้าเหลือสองนิ้ว

“หนูรำผิดหรือจ๊ะ” อัจจิมายิ้มแหย หากคำตอบจากผู้เป็นทั้งครูและกำลังผันมาเป็นนายจ้าง ไม่ได้ทำให้พวงมาลัยน้อยชุ่มชื้นขึ้น

“ผิดน่ะ ไม่ผิดหรอก” ยายเตยเท้าสะเอวหมับ สีหน้ายับย่นเหมือนใครทำน้ำมันระหุ่งหกใส่

“เอ็งรำถูกหมดนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นวงรำบน กลาง ข้าง กระทุ้งเท้า ยกขาหรือเอียงหน้า หัวเอ็งดี... แม่นทุกท่า ทุกก้าว ไม่ผิดสักกระเบียด” ยายเตยเน้นทีละคำ

“แต่มันแม่นไปนะเจ้าอัจ เอ็งเป๊ะเหมือนยายหรือปู่แสงกำลังถือดาบรอฟันมือฟันไม้ถ้าเอ็งรำผิดไปซักเสี้ยว”
คนฟังทำหน้าหรอ นึกไม่ออกว่าการรำถูกไม่ดีตรงไหน ก็อย่างวิชาภาษาไทยของครูแสงนวลไง ลองเขียนผิดสักคำ หรือย่อหน้าพลาด เว้นวรรคในที่ไม่ควรเว้น นักเรียนจะถูกดุ หักคะแนนหรือถูกหยิกจนเนื้ออ่อนแดงเป็นจ้ำ หรืออย่างวิชาเลข การเขียนวิธีทำยังต้องมีแบบแผน แสดงขั้นตอนการบวกคูณทีละบรรทัดลดหลั่นลงมาห้ามผิดเพี๊ยน คำตอบตัวเลขจะต้องมีเส้นคู่ตีขนาบด้านล่างพร้อมข้อความคำตอบเป็นภาษาไทยกำกับซ้ำตรงบรรทัดล่างสุดทุกครั้ง คราวที่แล้วเด็กหญิงไม่ได้ทำเพราะนึกไม่ออกว่าจะต้องเขียนซ้ำทำไมอีก ยังถูกครูทำโทษให้คัดไทยตัวบรรจงเต็มบรรทัดห้าร้อยจบว่า ฉันจะไม่ลืมเขียนคำตอบโจทย์คณิตศาสตร์ จนมือร้าวเสียหลายวัน

“ท่ารำหนูไม่สวยหรือจ๊ะ” แม่ยอพระกลิ่นน้อยซัก นุชขึ้นชื่อเรื่องวงแขนและวงจีบ นิ้วโง้งราวคันศรเป็นแพสวย คืนนี้หล่อนจะดัดมือกับน้ำข้าวทั้งคืน พอจะแก้ได้ทันท่วงทีไหมนะ

“ท่ารำเอ็งก็สวยดี”

“อ้าว แล้วมันอะไรเล่าวะ!” ปู่แสงเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้ ทะลุกลางปล้องแทนคนรำ แกยกเข่าตั้งชัน แสดงว่าชักรำคาญยายเตยขึ้นมาตะหงิดๆ แต่พอได้ยินคำตอบ เข่าตั้งชันก็ร่วงพล็อย

“พูชายมันไม่ชอบหรอก ทื่อเป็นสาก”

นักดนตรีทั้งวงอ้าปากค้างรวมทั้งคนระนาด ปู่แสงตาคว่ำ แย้งหน้ามุ่ย

“ไอ้อัจมันยังเด็ก”

“แหม พี่แสง เด็กอาไร๊ อีกไม่กี่มะน้อยก็สาวแล้ว แล้วการรำไม่เกี่ยวกับอายุนะ ลองขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดง ต้องเข้าถึงบทบาท” ยายเตยแจกแจง พลางกวาดสายตาไปทั่วถ้วนเป็นเชิงบังคับให้สมาชิกทั้งปวงยอมรับมติ (ของแก) โดยดุษณี

“เอ๊า เจ้าอัจ บทที่กำลังรำมีเนื้อเรื่องว่าอะไร”

อัจจิมาเล่าเรียงเนื้อเรื่องหน้าเจื่อน ยายเตยพยักหน้าหงึกๆ

“ที่เอ็งพูดน่ะ ไม่ผิดหรอก แต่เอ็งท่องเนื้อเรื่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง ลองคิดดูสิ นางยอพระกลิ่นกำลังยั่วยวนลองใจพระมณีพิชัยใช่ไหมเล่า เวลาสบตามันต้องมีแววสะเทิ้นอาย มีแววฟามรักฟามใคร่ฉายจัดจ้าจนพระมณีพิชัยจะเป็นบ้าเพราะคลั่งรัก”

อัจจิมานิ่งฟังทั้งที่ในหัวเบาโหวง หล่อนไม่เคยเห็นความรักคลั่งไคล้จวนบ้าตายมาก่อน ยายอิ่มเป็นหม้าย เลี้ยงลูกหลานตัวเป็นเกลียว ส่วนมารดาก็เป็นหญิงหม้ายสามีตายเหมือนกัน พ่อตายก่อนอัจจิมาเกิด เด็กหญิงจึงไม่มีโอกาสได้เห็นการแสดงความรักระหว่างหญิงชายแบบใกล้ชิด ส่วนอินทิราน้าสาวเข้าสู่วัยรุ่นเต็มที่แล้วก็จริง แต่คนแข็งกร้าวมุ่งทำแต่งานเพื่อตั้งตัวตั้งแต่อายุสิบห้าไม่เคยคบหาเพศตรงข้าม อัจจิมาเคยไปไหนมาไหนกับน้าสาว พบเห็นเหล่าผู้ชายมากหน้าหลายตาส่งสายตาทอดสะพานให้อินทิรา แทนที่จะได้ไมตรีตอบรับ ชายเหล่านั้นต่างโดนถลึงตาใส่บ้าง ด่ากระทบเอาบ้าง ที่ร้ายก็คือเรือง คนขับรถสองแถววิ่งเส้นทางระหว่างตลาดและจังหวัด ถึงกับถูกชี้หน้าด่าแล้วตามด้วยการสาดน้ำไล่จนชายหนุ่มหน้าชา เข็ดขยาดหญิงสาวจนกระทั่งไม่มองหน้าหรือพูดจาด้วยจนบัดนี้

“เจ้าอัจ ตอน ชำเลืองเยื้องกราย เอ็งต้องทิ้งตาหน่อย”

“ทิ้งไงจ๊ะ”

นางรำคนอื่นรามือซ้อม หัวเราะคิกคัก พากันพยักเพยิดให้ดูยายเตยกับศิษย์ก้นกุฎิรุ่นสุดท้าย จึงโดนยายเตยบริภาษด้วยลูกกะตาจนคอย่นระย่อไปตามๆ กัน

“ก็มองด้วยหางตาไงล่ะ ไหน เริ่มชำเลืองเยื้องกรายใหม่ซิ”

แต่พอเห็นท่าชำเลืองของเด็กหญิง ยายเตยก็เกาหัวแกรก ดีว่าแกมุ่นผมเป็นมวยไว้ด้านหลัง ไม่อย่างนั้น มันคงกระเซิงเป็นฝอยขัดหม้อ

“มองด้วยหางตา ต้องมองแล้วยิ้มในหน้า ไม่ใช่มองตาแข็งทื่อยังกะสากกะเบือ ใช้หางตามองไปที่จุดหนึ่งแล้วคิดถึงเรื่องที่ชอบที่สุดสิ ดอกไม้สวยๆ มาลัยของยายก็ได้”

“หรือผู้ชายก้อด้ายยย” เสียงลอยมาจากกลุ่มเดิม คราวนี้ยายเตยด่าเปิง

“ปากหยั่งงี้เดี๋ยวกูถวายตบเลือดกบ เอาหลานเขามารำกูก็เสี่ยงยายมันพังคณะอยู่แล้ว ยังโอษฐภัยของพวกมึงอีก ถ้าหลุดออกจากปากหลานมันถึงหูแม่อิ่มเมื่อไหร่ พวกมึงระวังตัวกันเองแล้วกัน”

“โกรธเพราะจี้ใจดำล่ะซี้ ทั้งยายอิ่ม ทั้งพี่อร เขาลือกันทั้งตลาดว่าสมัยสาวๆ หัวบันไดไม่เคยแห้ง ไม่งั้นจะมีพี่อร อิน แล้วก็นังอัจนี่รึ”

“ปากอย่างงี้ไปเลยนะ ไปซ้อมกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องรำแต่เช้า เอ๊า อัจ มารำให้ยายดูอีกที”



อลินน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2555, 10:47:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2555, 10:47:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2177





<< ตอนที่ 1.2   ตอนที่ 2.2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account