เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๒๕ สินค้าชิ้นงาม ๓/๓

มุกดานั่งประนมมือฟังเสียงพระสวดด้วยจิตใจที่ไม่ค่อยสงบนัก คำพูดของชายชรายังดังก้องอยู่ในหัว ซ้ำไปซ้ำมา หล่อนไม่มีโอกาสถามต่อว่าเขารู้เรื่องการระลึกชาติของหล่อนหรืออย่างไร

กฤษดามายืนโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณเรียกให้หล่อนออกมาจากกลุ่มกัลยาณมิตรกลุ่มนั้น พอดีกับได้ยินเสียงเจ้าภาพเริ่มประกาศเปิดงานออกไมโครโฟนเสียงดังแว่วมา วงสนทนาธรรมแต่ละกลุ่มจึงต้องแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ เพื่อเตรียมฟังคำปราศัยของทีมเจ้าภาพทั้งห้าคน ตามติดมาด้วยรายการสวดมนต์ชุดใหญ่จากพระสงฆ์อีกสี่รูป

“เย็นนี้ไปทานข้าวกันนะครับ..พี่วิฑูรย์เขาจะเลี้ยงใหญ่ที่เรือสำราญ”
กฤษดาออกปากชวน ขณะลงมารอเสี่ยวิฑูรย์ตรงเชิงบันได หลังจบงาน
“โห..เรือสำราญเลยหรือคะ”
มุกดาทำตาโต “เนื่องในโอกาสอะไรคะ”

“ก็ในโอกาสที่เราสามคนได้ร่วมทำบุญใหญ่ด้วยกันไงครับ อย่าตื่นเต้นไปเลย พี่เขาออกกว้างขวาง เงินทองตั้งมากมาย มีเรือส่วนตัวอีกเยอะแยะ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก..”
กฤษดาบอกพลางยิ้มขันสีหน้าของมุกดา
“ไข่มุกฝากขอบคุณ คุณวิฑูรย์ด้วยนะคะ แต่คงไปไม่ได้หรอกค่ะ ต้องรีบกลับบ้าน”

“ทำไมล่ะครับ นานๆได้มีโอกาสออกต่างจังหวัดด้วยกัน น่าจะอยู่เที่ยวให้คุ้ม”
เขารีบท้วง น้ำเสียงมีแววเครียดขึ้นมาเหมือนลืมตัว

มุกดาส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนยืนยัน
“อยากไปเหมือนกันค่ะ แต่ไม่อยากให้คนทางบ้านเป็นห่วง พี่สาวเขารอทานข้าวด้วย”

อะไรบางอย่างบอกให้หล่อนหนักแน่น กับการปฏิเสธครั้งนี้ หล่อนอ้างถึงพี่สาว ทั้งที่ปกติก็ไม่ได้จำเป็นต้องรับประทานมื้อเย็นด้วยกันทุกวัน หากใครคนหนึ่งมีธุระติดค้าง

หล่อนคิดผิดถนัดว่าจะรอดพ้นคำเชิญชวนของเขาไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อ ผู้ใหญ่แปลกหน้า คนนั้นเอ่ยแทรกเข้ามา ขณะเดินลงบันได

“ไม่ไปไม่ได้นะหนูไข่มุก อาเสียน้ำใจแย่เลย อุตส่าห์เตรียมเรือ เตรียมคน เตรียมอาหารไว้ล่วงหน้า ตั้งสามสี่วัน อาวางเส้นทางพาเที่ยวระหว่างทานข้าวไว้แล้วด้วย”
วิฑูรย์เอ่ยขึ้นมาพร้อมสีหน้าผิดหวัง หล่อนก็ถึงกับอึ้ง คำปฏิเสธครั้งที่สองจุกอยู่ในลำคอ

“ถ้าเป็นห่วงทางบ้านนัก เดี๋ยวอาโทรบอกพี่สาวหนูให้เอง จะแถมอาหารภัตตาคารชุดใหญ่กลับไปฝากเขาด้วย ขี้คร้านจะดีใจเสียอีก”

“มะ..ไม่รบกวนคุณวิฑูรย์ล่ะค่ะ ไข่มุกค่อยบอกเองตอนกลับถึงบ้านดีกว่า..”
วิฑูรย์กับกฤษดายกยิ้มพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เสี่ยใหญ่สรุปเองเป็นการตัดบทพร้อมออกเดินทางนับแต่นาทีนั้น

“เป็นอันว่าตกลง..ขอบใจมากนะจ๊ะหนูไข่มุก”


ท่าเรือแห่งนั้น เงียบเชียบผิดกับที่หล่อนวาดภาพเอาไว้เป็นขั้วตรงข้าม ไม่มีพนักงานแต่งชุดเครื่องแบบอย่างภัตตาคารเดินสวนกันขวักไขว่ ไม่มีพนักงานชายหญิงหน้าตาสดใสออกมาต้อนรับด้วยท่าทีอ่อนน้อม ไม่มีแสงสีโคมไฟประดับประดายามรัตติกาล ไม่มีเสียงเพลงบรรเลงคลอบรรยากาศ นอกจากจักจั่น เรไร ร้องดังระงม และสำคัญเหนืออื่นใด

ไม่มีเรือสำราญลำใหญ่เทียบจอดอยู่เบื้องหน้า...
“ไหนล่ะคะ เรือที่คุณบอก?”

มุกดาโพล่งถามขึ้นมา ใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ในขณะที่ชายทั้งสองคนยืนนิ่งขนาบข้าง พลาง ทอดสายตาออกไปยังท้องน้ำอย่างใจเย็น เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง

“รอเดี๋ยวซีจ๊ะ..เรือรักของเราแล่นมาโน่นแล้ว”
วิฑูรย์เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ เขาชี้นิ้วไปยังจุดดำกลางท้องน้ำ เห็นเหมือนมีเรือลำหนึ่งแล่นมาจากที่ไกล

มุกดาหัวใจกระตุกวูบ สังหรณ์อยู่แล้วไม่มีผิด ว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล หล่อนเจอคำทักประหลาดๆจากชายชราตั้งแต่บนศาลา ชะตากรรมนี้เองที่เขาทิ้งไว้เป็นปริศนา

หล่อนต้องเผชิญกับมัน เพียงลำพัง สายเกินไปเสียแล้วที่จะแก้ไขความลังเลใจ เมื่อครั้งรถตู้ยังแล่นอยู่บนท้องถนน มันผิดตั้งแต่ที่หล่อนไม่ทำตามสัญญาของไพลิน อย่างน้อยก็ควรจะโทรบอกให้หล่อนรู้เสียแต่แรก..

มาถึงตอนนี้ หล่อนแน่ใจ.. แม้จะพยายามปฏิเสธคำชวนของ “ผู้ใหญ่แปลกหน้า” คนนี้สักเพียงไหน เขา ก็ต้องมีวิธีขอร้องแกมบังคับให้หล่อนทำความต้องการอยู่ดี มุกดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกที่สุด พยายามรวบรวมสติ เผชิญสถานการณ์ตรงหน้าเท่าที่จะทำได้

“ขอบใจนะแม่หนู ที่ช่วยให้แผนงานของฉันง่ายขึ้น”

ชายวัยกลางถือวิสาสะเชยคางหล่อนให้หันมามองเขาโดยตรง กระแสนัยน์ตาเขา มุกดาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าเหตุใดจึงขัดกับท่าทีและคำพูดอันแสนอ่อนโยน..มันเป็นกระแสอำมหิตของปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ดีๆนี่เอง!

“อันที่จริง ถ้าเธอทำเสียงหวานๆ ปฏิเสธฉันอีกสักครั้ง ฉันอาจจะใจอ่อนก็ได้..จริงไหม กฤษดา”
ตอนท้ายเขาหันไปพยักพเยิดกับอดีตเพื่อนร่วมงานของหล่อน ซึ่งบัดนี้หญิงสาวไม่นับเขาเป็นแม้กระทั่งคนรู้จัก

นัยน์ตากลมโตมีน้ำใสหล่อเลี้ยง เหลือบมองชายหนุ่มด้วยแววตัดพ้อ เขาตอบแทนความหวังดีของหล่อนได้เจ็บแสบดีแท้

เสี่ยวิฑูรย์เกลี่ยนิ้วไปตามผิวละเอียดบางบนใบหน้าของหญิงสาวด้วยความพึงใจ เขาดีดนิ้วดังเปาะ ครู่เดียวก็มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่อีกสี่ห้าคนเดินออกมาจากที่กำบังหลังพุ่มไม้ มุกดารู้ทันทีว่าหล่อนควรทำตัวอย่างไร หญิงสาวยืนนิ่ง ไม่แม้กระทั่งสะบัดหน้าหนีการคุกคามของเขา

“เรือสินค้าเตรียมพร้อมดีแล้วใช่ไหม?”
เสี่ยวิฑูรย์ถามลูกน้องด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมแทบเป็นคนละคน

ชายคนหนึ่งหน้าตารุงรัง ไว้หนวดเคราพยักหน้าตอบรับเสียงแข็งขัน ท่าทางของมันดูคล่องแคล่ว และไวกว่าคนอื่นๆ

“นังแหวนล่ะ..มันมารับใช้ฉันรึเปล่า?”
“มาครับนาย รออยู่บนเรือ”
เสี่ยวิฑูรย์พยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนสั่งประโยคสุดท้าย

“ดี..กำชับมันให้ดูแลสินค้าชิ้นนี้อย่างดีที่สุด...สินค้าชิ้นงาม ราคาก็งาม ใครทำช้ำแม้แต่ปลายเล็บ มึงอย่าหวังว่าจะได้อยู่รับใช้กูอีก”


มุกดานั่งกอดเข่าพิงกาบเรืออย่างเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นเล็ดลอดจากริมฝีปากบางจิ้มลิ้มแม้เพียงวินาทีเดียว แววตาสงบแน่วนิ่ง ไม่หลุกหลิกเหมือนเด็กสาวนางอื่นที่เคยถูกพาไปขายกับเรือสินค้าครั้งก่อน ทำให้ยายแหวนมองหล่อนด้วยความประหลาดใจ รู้สึกหวาดหวั่นยิ่งกว่าพวกกุ้งเต้นทั้งหลาย ที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ เดินกระสับกระส่ายไม่หยุดนิ่ง ซึ่งแบบนั้นยังพอจะรู้ว่าคิดอะไร รู้สึกอย่างไร ทว่ามารูปนี้ หญิงสูงวัยคาดเดาไม่ถูกเลย ว่าหล่อนมีความคิดใดซ่อนอยู่ในท่าทีเรียบเฉย

“เขาจะพาฉันไปไหนหรือจ๊ะ..คุณยาย”

หญิงสาวถามเสียงเรียบใส เมื่อยายแหวนเดินถือถาดอาหารเข้ามาวางตรงหน้า หล่อนได้รับคำตอบแกมคำเหน็บแนมต่อท้ายว่า.

“ไปสิงคโปร์..นังหนูนี่ท่าทางจะอยากได้ผัวฝรั่ง ไม่กระจองอแงเหมือนเด็กคนอื่น คงเต็มใจมาล่ะซี ก็อย่างว่าละนะ ผัวจนๆเสียเมื่อไหร่ นักธุรกิจข้ามชาติทั้งนั้น นางบำเรอชั้นสูงก็ยังงี้แหละ นอนงอมืองอเท้าสบายไปทั้งชาติ..ฉันเสียอีก ต้องมาทำงานงกๆ กับไอ้เสี่ยใจหินนี่จนตัวตาย”

มุกดายิ้มในหน้า ไม่โต้กลับแม้เพียงคำเดียว ยายแหวนเลยฮึดฮัด พยายามหาเรื่องเหน็บต่อไปอีก
“หน้าตาก็สะสวยดูมีชาติตระกูล เกิดมาทั้งที ไม่อายญาติพี่น้อง..บรรพบุรุษบ้างหรือ ถึงยอมทำงานอย่างนี้”

มุกดาหลับตาพริ้ม เหยียดขาอ่อนแนบพื้นกระดาน เป็นเชิงบอกอ้อมๆ ว่าหล่อนไม่มีแก่ใจจะพูดอะไรอีกในตอนนี้

ยายแหวนทำเสียงในลำคออย่างนึกหมั่นไส้ท่าทีหยิ่งยโสของเด็กสาว กำลังจะผุดลุกกลับมานอนบนเสื่อตัวเองอีกมุมหนึ่ง สายตาก็สะดุดกับกระเป๋าสตางค์สีชมพูหวานที่หล่นอยู่ไม่ไกลจากเจ้าของ ยายแหวนหยิบมันขึ้นมาเปิดดูอย่างถือวิสาสะ หากมีเศษเงิน หรือธนบัตรอยู่ในนั้น ก็จะเอามาครอบครองเป็นของตนเสีย เพราะคิดว่าอีกไม่นานเจ้าของก็คงมีใช้จนนับไม่ถ้วน คงไม่ได้ใยดีกับสมบัติติดตัวแค่เพียงปลายเล็บชิ้นนี้อีกแล้ว

ทว่าสิ่งแรกที่ปะทะเข้าเต็มครรลองสายตา กลับเป็นนามบัตร มีชื่อ นามสกุล เจ้าตัว ผนึกอยู่ชัดเจน
กระเป๋าใบนั้นหลุดร่วงลงจากมือเหี่ยวย่นทันที ยายแหวนชาวาบไปทั้งตัว

“มุกดา วิจิตร...ญาติหนูแพรหรือนี่!”



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2555, 12:47:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2555, 12:47:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1508





<< บทที่ ๒๕ สินค้าชิ้นงาม ๒/๓   บทที่ ๒๖ ความเข้าใจ ๑/๒ >>
เดิมเดิม 21 ก.ค. 2555, 14:09:33 น.
ใครจะตามมาช่วยไข่มุกล่ะนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account