เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๒๖ ความเข้าใจ ๑/๒

รถเต่าสีเขียวซอมซ่อเคลื่อนตัวไปตามถนนอย่างเร็วที่สุด เท่าที่สมรรถภาพของมันจะเอื้ออำนวย สารถีสาวหน้าหล่อบังคับพวงมาลัยพลาง เหลือบมองกระจกสะท้อนเงาคนเบาะหลังพลาง ด้วยรู้สึกอึดอัดในใจ

ลลิตพรรณขอร้องให้กวินออกมากับหล่อนได้ ด้วยคำขู่ว่ามุกดาอาจไม่เหลือชีวิตรอด หากเขายังดึงดันที่จะนิ่งเฉย ชายหนุ่มจึงยอมเดินทางมาพบหญิงสาวแปลกหน้า ผมซอยสั้นแต่งตัวทะมัดทะแมงราวกับผู้ชาย ซึ่งภายหลังเขาได้รับคำอธิบายจากผู้ที่ลากเขามาว่าเธอคือพี่สาวคนโตของมุกดา

มรกตกรอกเสียงใส่เขาจนแทบหูชา กล่าวหาว่าไม่มีหัวจิตหัวใจ ปล่อยน้องเล็กของหล่อนให้เผชิญภยันตราย โดยไม่ดูดำดูดี ไม่มีแก่ใจคิดช่วยเหลือ ทั้งยังตอกย้ำความจริงให้เขาฟัง เกี่ยวกับเสี่ยวิฑูรย์

“เรื่องไอ้เสี่ยนั่น..ไม่มีใครเขาเอามาล้อเล่นกันหรอกนะคุณ มันมีตัวตนจริงๆ ทำธุรกิจค้ามนุษย์มานานจนใครๆแถวนี้เขาก็รู้กันทั้งนั้น ติดอยู่แค่อิทธิพลมืด จากคนใหญ่คนโต ทำให้ตำราจลากคอมันเข้าตารางไม่ได้เสียที”

ตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ในร้านขายของชำแห่งนั้น ก็ช่วยสำทับเขาอีกว่า

“จริงครับ ล่าสุดเราได้เบาะแสมาว่า เสี่ยวิฑูรย์กำลังจะส่งผู้หญิงคนหนึ่งไปกับเรือสินค้าที่หัวหิน ระยะเวลาคำนวณแล้ว ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ข่าวที่คุณได้ยินมามีความเค้าจริงอยู่มากทีเดียวครับ”

มรกตส่งท้ายอย่างหัวเสีย

“อย่าอคติกับแพรวาให้มากนักเลย โอเค..เธออาจไม่ใช่ผู้หญิงที่ใสซื่อ แสนดีอย่างน้องสาวของฉัน แต่ถ้าคุณไม่เชื่อเสียทั้งหมด ก็น่าจะรับฟังไว้บ้าง แล้วรู้จักหามูลเหตุ หาพยานหลักฐาน ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแบบนี้”

“ใจเย็นๆน่า น้องเขียว คุณกวินเขาไม่ใช่ตำรวจนะ”
ผู้กองคนนั้นรีบยกมือแตะบ่าหญิงสาวเป็นเชิงเตือน สงครามย่อมๆจึงได้ถึงคราวยุติลง

หลังจากนั้น มรกตก็เห็นกวินทำหน้าเหมือนอึ้งไป กระทั่งทุกคนพากันขึ้นรถ ตกลงใจมุ่งตรงสู่หัวหินในยามพลบค่ำ หญิงสาวก็ยังเห็นเขานิ่งเงียบ ไม่แสดงความเห็นอะไรออกมาจนคำเดียว หล่อนเลยไม่รู้ว่าเขาสำนึกบ้างหรือเปล่า ..เชื่อถือคำพูดของหล่อนกี่มากน้อย

“คุณกวิน..คุณเชื่อฉันบ้างรึเปล่า”
มรกตกำพวงมาลัยแน่น เหลือบมองเขาผ่านกระจกด้วยสายตาเครียด หล่อนเกลียดความเงียบที่ปราศจากคำตอบแบบนี้ จึงออกปากถามเขาตรงๆ

“ถ้าคุณไม่เชื่อละก็ เรียกว่าถือดีมากเลยนะ ผู้กองมิลินเขายืนยันขนาดนี้แล้ว..ฉันจะบอกอะไรให้ พี่มิลินเขาเคยร่วมงานกับพ่อของฉันเมื่อครั้งเกิดเหตุเครื่องบินตก เพราะเขานี่แหละทำให้นักท่องเที่ยวที่หายสาบสูญเกือบสามสี่เดือน มีชีวิตรอดกลับมา ตำรวจฝีมือดีหลายท่านเกณฑ์กำลังออกตามหากันเสียให้วุ่น ไม่ยักพบ พอพี่มิลินกลับจากฝรั่งเศสแค่อาทิตย์เดียว คดีก็คลี่คลาย ทุกฝ่ายแฮปปี้ คุณน่าจะเคยได้ยินข่าวบ้างนะ”

ตำรวจหน้าตาคมสันผู้นั้นหันมามองมรกตเป็นเชิงปราม หญิงสาวถึงได้เงียบลง ลลิตพรรณที่นั่งอยู่เบาะหลังข้างชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้านิ่ง เริ่มตัวลีบเอาหัวมุดหลบสายตาพี่สาวเพื่อนสนิท อย่างเกรงว่าตนจะโดนหางเลขไปด้วย

“ผมขอโทษ..ผมนึกไม่ถึง”
กวินตอบเสียงเอื่อย หลุบตาลงต่ำ สีหน้าสลด

มรกตก็ยังฮึดฮัดอยู่เหมือนเดิม หล่อนไม่พอใจกับคำกล่าวเพียงแค่นั้นของชายหนุ่ม มันเหมือนยังไม่ได้คำตอบที่หล่อนพอใจ ว่าสรุปแล้ว..เขาสำนึกผิดไหม..เชื่อถือคำพูดของหล่อนจริงหรือเปล่า

ลลิตพรรณเห็นแววตาของมรกต หล่อนก็สัมผัสถึงบรรยากาศที่เริ่มกรุ่นๆขึ้นมาอีกครั้ง จึงรีบเบี่ยงประเด็นโดยการชะโงกหน้าไปถามผู้กองมิลิน

“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะคะผู้กอง จะไปกันโต้งๆยังงี้ มีอาวุธป้องกันตัวอยู่คนเดียว ไม่กลัวโดนสังหารหมู่หรือคะ”

ผู้กองมิลินยิ้มเครียด

“ต้องไปกันแบบนี้แหละ ยิ่งน้อยยิ่งดี แห่กันไปมากๆอย่างครั้งก่อน เดี๋ยวก็เหลวไม่เป็นท่าเหมือนเดิม”
ลลิตพรรณนิ่วหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“จะดีหรือคะ..จอยว่าผู้กองเกณฑ์ตำรวจพร้อมอาวุธครบมือไปช่วยกันดีกว่า พวกเราแค่สามสี่คน จะสู้รบปรบมือกับโจรห้าร้อยยังไงไหว”

“คิดตื้นๆน่ะสิจอย คนร้ายไหวตัวทันหมด..พี่มิลินเขามีแผน”

มรกตเอ่ยแทรกอย่างอดไม่ได้ ขณะที่สายตายังจดจ่ออยู่กับถนนเบื้องหน้า ทัศนียภาพของเนินเขาขนาบสองข้างทาง บ่งบอกว่าเริ่มเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นทุกที

“ผมจะลงไปยิงปืนล่อพวกมันเอง ทุกคนนั่งรออยู่ในรถทั้งหมดนี่แหละ ไม่ต้องเสี่ยงทำอะไรทั้งนั้น ผมหาจุดกำบังที่ไกลจากท่าเรือพอสมควร แต่เห็นคนในเรือเดินออกมาได้ชัดเจน”

“อ้าว..ถ้าผู้กองล่อพวกมันออกมา แล้วใครจะเข้าไปช่วยไข่มุกล่ะคะ”
ลลิตพรรณฉงนตั้งแต่เมื่อเริ่มอธิบาย

“เพื่อนผมที่เป็นตำรวจด้วยกัน ไปรออยู่ก่อนแล้ว เราวางแผนกันเรียบร้อย ถ้าผมส่งสัญญาณเมื่อไหร่ เขาจะเข้าไปช่วยเพื่อนคุณออกมาทันที”

“แล้วถ้าเสี่ยนั่นมันออกเรือไปแล้วล่ะคะ เราจะนั่งเรืออีกลำตามไปหรือยังไง”
ลลิตพรรณยังมีข้อแย้งขึ้นมาจนได้
ผู้กองมิลินเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“ยังหรอกครับ เพื่อนผมส่งข้อความมาเมื่อครู่นี้เอง บอกว่าเรือยังจอดเทียบท่าอยู่ มันคงรอลำเลียงสินค้าให้เต็มลำเสียก่อน ได้กำไรสองต่อ..ส่งอาหารทะเลไปเก็บที่ร้านของมันด้วย”
สาวเจ้าปัญหาพยักหน้าหงึกหงัก เริ่มจะวางใจ

เงียบกันไปพักใหญ่ จู่ๆ กวินก็ออกปากในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
“ผมจะเข้าไปช่วยไข่มุกเอง..ผู้กองให้เพื่อนช่วยอยู่ข้างนอกเถิด หรือไม่ก็มาคุ้มกันคนในรถ”
“ว่าไงนะ..คุณกวิน”
ผู้กองตาคมหันขวับมาถามอย่างไม่เชื่อหู

“ผมจะช่วยไข่มุกเอง ในเมื่อเป็นคนผูกปมขึ้นมา ก็ต้องแก้เอง..”
กวินบอกเสียงเด็ดเดี่ยวแบบเดียวกับแววตา มรกตกำลังมีสมาธิกับการขับรถยังต้องเบิกตามองเขาผ่านกระจกอย่างนึกไม่ถึง

“หากมีอะไรผิดพลาด ถึงแก่ชีวิต คนๆนั้นควรเป็นผม..ไม่ใช่ใครทั้งนั้น!”
ลลิตพรรณอ้าปากค้าง มองเสี้ยวหน้าชายหนุ่มเหมือนไม่เคยรู้จักเขามาก่อน

“คิดดีแล้วหรือ..มันอันตรายนะคุณ”
คำเตือนของมิลิน ไม่ได้ทำให้ความหนักแน่นของกวินลดน้อยลงเลย
“ให้ผมทำเถิดผู้กอง..ถือว่าเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้าย”

“ปากเสีย..ทำไมพูดเป็นลางยังงั้นล่ะคุณ น้องฉันก็มีเอี่ยวด้วยนะ”
มรกตบอกเสียงเครียด จุดหมายปลายทางรออยู่ไม่ไกลนับจากเวลานี้

ไม่มีเสียงของกวินโต้ตอบกลับมา เหลือบมองทางกระจก..หล่อนเห็นเขาหันหน้าออกนอกหน้าต่าง นัยต์ตาเลื่อนลอย เหมือนกำลังระลึกถึงใครสักคน


ทันทีที่เสียงปืนดังสนั่น ชายฉกรรจ์สามคนก็วิ่งกรูลงมาจากเรือ เงาร่างไหวๆของผู้กองมิลิน ทำให้พวกมันเร่งฝีเท้าไปยังหลังพุ่มไม้ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ตำรวจนอกเครื่องแบบอีกนายผุดลุกออกมาจากที่กำบังตามแผนการที่นัดแนะกันไว้

เขากระโดดขึ้นเรือลำนั้นอย่างคล่องแคล่ว ย่องไปถึงด้านหลังประตูฝาไม้ที่ล้อมกรอมเป็นห้องเก็บของกินบริเวณเกือบหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมด เห็นเงาร่างดำทะมึนของชายฉกรรจ์ผู้คุมสินค้าเหลืออยู่อีกคน เผชิญหน้ากันพอดี นายตำรวจร่างสูงไม่เสียเวลาอึ้งไปกับอีกฝ่าย เขาฟาดข้อมือทั้งสองลงจุดสำคัญตรงท้ายทอยของมัน แรงกระแทกและความแม่นยำทำให้ฝ่ายนั้นทรุดลงกองกับพื้น สลบแน่นิ่งไปทันที

กวินวิ่งตามมาทีหลัง พอเห็นทางโล่งเขาก็รีบบอก

“คุณรีบไปช่วยผู้กองเถิด สามรุมหนึ่งแบบนั้น มีสิทธิ์พลาดเอาได้..ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผม”

นายตำรวจวัยไล่เลี่ยกันยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อเห็นกวินหุนหันผลักประตูหายเข้าไปในห้อง เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากลงเรือ แล้วรีบตามไปเสริมทัพเพื่อนของตน

“ไข่มุก..ตื่นเร็ว!”

เสียงของชายหนุ่มกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของเขา ทำให้มุกดาสะดุ้งตื่น ก่อนจะรีบผุดลุก แล้วเดินเข้าไปหา

“นี่คุณจริงๆน่ะหรือ..มาได้ยังไงคะ?”

มุกดาเงยหน้ามองเขา นัยน์ตามีน้ำใสรื้นขึ้นมาอย่างเปี่ยมด้วยความหวัง หล่อนยกมือสัมผัสใบหน้าชายหนุ่ม เพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ฝันไป กวินยึดข้อมือหล่อนไว้ พร้อมกับรวบเอวบางเข้ามากอดแนบอย่างเต็มรัก ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาอีก นอกจากสัมผัสไออุ่นที่แผ่ถึงกันและกัน

เสียงแม่กุญแจถูกล็อกดังมาจากหลังประตู มุกดาใจหล่นวูบในวินาทีนั้น

“เฝ้ามันให้ดีนะนังแหวน..กูจะไปจัดการกับไอ้ตำรวจหน้าโง่นั่นก่อน”
เสียงห้าวตะโกนลั่น ด้วยแรงโทสะ มุกดาสำเหนียกถึงชะตากรรมร้าย ที่กำลังย่างกรายเข้ามา..



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2555, 19:12:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2555, 19:12:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1568





<< บทที่ ๒๕ สินค้าชิ้นงาม ๓/๓   บทที่ ๒๖ ความเข้าใจ ๒/๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account