เล่ห์สลับขั้ว
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องมาอยู่ร่วมรั้วบ้านเดียวกัน และรู้ว่าจะต้องโดนจับคู่ เธอจึงสร้างสถานการณ์ให้เขาเข้าใจผิด หวังให้เกลียด แต่ความใกล้ชิดทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เธอชอบเขา และเขาก็ชอบเธอแม้ความจริงเรื่องชายไม่จริงหญิงแท้จะยังคลุมเครือเต็มทีก็ตาม และ...สิ่งที่เรียกว่ารักก็ทำให้เขายอมฝ่าฝันอุปสรรคหัวใจตัวเองและคู่ต่อสู้ได้ในทุกทางและอภัยได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายความจริงบางอย่างในอดีตต้องทำให้เธอคิดจะวิ่งหนีเขาเพื่อไปทำใจ...วิมวิพาหวังสักวันจะยอมอภัยในสิ่งที่ผิดพลาดครั้งเยาว์วัยของคฑาคินได้ด้วยคำว่า 'รัก'
Tags: น่ารัก

ตอน: ตอนที่ 29 เล่ห์สลับขั้ว

ตอนที่ 29
“นั่นยายเด็กวิมไม่ใช่เหรอ จะไปไหน” รัญดาหันไปถามเรวรินผู้เป็นน้องที่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เห็นร่างบางสมส่วน หน้าสวยเซ็กซี่ของศัตรูคู่แข่งโบกแท็กซี่อยู่ แค่แวบแรกก็จำได้เลย เพราะใบหน้านั้นติดตาฝั่งอยู่ในสมองของสองพี่น้องชนิดที่เรียกว่า เกลียดเข้าไส้จำได้ไม่ลืมเลือนราวกับวิมวิพาเคยไปฆ่าล้างตระกูลพวกเธอไว้แต่ปางใดก็ไม่ปาน
“ใช่ เราลองตามไปไหม” ผู้เป็นน้องสาวออกความคิด รัญดาพยักหน้าเห็นด้วย
สองพี่น้องขับรถตามแท็กซี่สีเขียวเหลือง คันที่วิมวิพานั่งอยู่ไปในระยะไม่ให้คลาดสายตา ทางที่รถคันดังกล่าววิ่งไป รู้สึกจะเป็นทางเดียวกันกับพวกเธอไม่มีผิดเพี้ยน
“ไปทางเดียวกับเราเลย อย่าบอกนะว่าพี่นกติดต่อนังนั่นเรียบร้อยแล้ว” คนขับเหยียบคันเร่งเร็วขึ้น พอ ๆ กับความกริ้วที่พุ่งทะยานสูง อยากจะชนท้ายรถแท็กซี่คันของวิมวิพาให้พลิกหงายเก๋งตกขอบทางไปเลยได้ยิ่งดี “ทำยังไงดี เราจะทำยังไงกันดีละพี่รัญ เรไม่อยากร่วมงานกับนังนั่น ดาราเมืองไทยตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมพี่นกถึงตาต่ำไปเลือกนังวิมมาเป็นนางเอกด้วย คิดได้ยังไงปัญญาอ่อนที่สุด” ลั่นวาจากล่าวถึงผู้ใหญ่ในวงการด้วยคำไม่สุภาพเอาเสียเลย ถ้าบังเอิญมีใครได้ยิน อนาคตของเรวรินคงดับได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
“เรจะพูดจะจาอะไรต้องหัดระวังบ้างนะ อยู่ในวงการแบบนี้ชอบไม่ชอบก็ต้องเก็บ ใส่หน้ากากให้เป็น” พี่สาวเอ่ยสอน ขณะที่สมองก็ประมวลหาความคิดช่วยน้องสาวเต็มที่
“รู้หรอกน่า ก็ตอนนี้มีแค่เราสองคนนี่คะ” เรวรินแหวเสียงแหลม
รัญดาชักสีหน้าหงุดหงิดบ้าง แต่ความเจ้าวางแผนก็ไม่ได้ปล่อยให้ความคิดในสมองหยุดทำงานลง และไม่นานรอยยิ้มเคลือบยาพิษของหล่อนก็ปรากฏ ประกายตามีแผนวิบวับฉายวาบ “ขับไปใกล้รถคันนั้นอีกนิดซิ ดูป้ายทะเบียนเลขอะไร”
“จะจำไปทำไม ไม่เห็นมีประโยคจะช่วยเรได้เลย”
“หุบปาก ! ทำตามพี่บอกก็พอ”
น้องสาวหน้าหงอ ปิดปากสนิทเมื่อผู้เป็นพี่ตวาดเสียงดัง แต่กระนั้นก็ยังสอบถามแผนการต่อ น้ำเสียงเบาลง “พี่รัญมีแผนจัดการนังวิมแล้วเหรอคะ”
“มี แต่ไม่ต้องกลัวหรอก แค่เบาะ ๆ ทำให้เสียชื่อโดนเด้งออกจากละครก็เท่านั้น ถ้าเป็นไปตามแผน นางเอกก็อาจเป็นเรก็ได้”
“จริง ๆ นะคะ พี่รัญช่วยได้จริง ๆ นะ” น้ำเสียงน้องสาวตื่นเต้นยินดี
“ได้ซิ แต่เราต้องทำตามที่พี่บอก แล้วก็อย่าเอะอะเสียงดัง”
***--***--***--***--***--***--***
ทางด้านคนถูกสะกดรอยตาม ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวไม่เคยคิดแม้แต่จะหวาดระแวงภัยใกล้ตัวมาก่อน วิมวิพารับโทรศัพท์จากคฑาคินซึ่งโทร.เข้ามาถามย้ำว่าไปทางเส้นใดกับใครเท่านั้น และคำตอบยังเป็นเช่นเดิมคือเธออยู่บนรถแท็กซี่และกำลังเดินทางไปยังหมู่บ้านชานเมืองแถวรังสิต หญิงสาววางสายสนทนาแล้วหันมองทางเมื่อแท็กซี่มาจอดตรงสามแยกทางเข้าหมู่บ้าน เธอชะเง้อทางด้านซ้ายทีขวาที ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าบ้านของผู้จัดคนนั้นอยู่ทางด้านใด เป็นครั้งแรกที่เธอมาละแวกแถวนี้ ที่สำคัญไม่ค่อยมีรถผ่าน นาน ๆ ถึงจะมีรถยนต์ส่วนตัวของคนที่พักในหมู่บ้านนี้ผ่านเข้าออกสักคัน
“เดี๋ยวยังไงพี่ค่อย ๆ ขับไปก่อนแล้วกันนะคะ ฉันขอจะโทร.ถามทางเขาอีกที” คนนั่งตอนท้ายของรถบอกโชเฟอร์ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเลื่อนหาเบอร์เจ้าของบ้านที่ตามหาอยู่ หากแล้ว จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงชนกันดังโครม ร่างบางถลากระแทกกับเบาะรถด้านหน้าพร้อม ๆ กับมือถือในมือล่วงตก “เกิดอะไรขึ้นคะเนี้ย” เธอถามเสียงสั่นไม่เป็นคำ เงยมองไปทางด้านหน้านอกรถ เห็นรถยนต์คันสีแดงกลางใหม่กลางเก่าจูบกับแท็กซี่คันของเธออยู่ นี่เองไอ้ตัวทำเสียงดังตกใจเมื่อกี้ และเกือบทำเธอคอหักตาย
วิมวิพาลนลานควานหาโทรศัพท์มือถือ คว้ากระเป๋าแล้วเปิดประตูก้าวตามคนขับแท็กซี่ออกมายืนดูรถทั้งสองคัน อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ หากกำลังจะทำให้เธอเสียการเสียงาน และผิดเวลานัดกับผู้หลักผู้ใหญ่ได้ หญิงสาวไปคิดจะรอให้คนขับทั้งสองเจรจาค่าเสียหายกันต่อจนจบแน่ เพราะดูจากรูปการณ์คงอีกนาน เธอจ่ายค่าแท็กซี่เกินมิเตอร์เล็กน้อยถือเป็นค่าช่วยซ่อมรถ ระหว่างนั้นคนขับรถคันสีแดงที่ผิดเต็มประตูเพราะวิ่งเข้ามาคล้ายกับตั้งใจจะชน ก็ชวนคนขับแท็กซี่ตกลงกึ่งทะเลาะกันเสียงดัง คนไม่ได้เกี่ยวข้องเพราะเป็นแค่ผู้โดยสารเมื่อจ่ายเงินเสร็จก็เดินห่างออกไป พยายามมองหารถแท็กซี่คันอื่นแต่ดูเหมือนจะหาได้ยากนักในหมู่บ้านคนมีอันจะกินนี้ ไม่นานก็มีรถยนต์ญี่ปุ่นคันเล็กสีดำเข้ามาจอดตรงหน้า คนที่กำลังทำทีจะโทรศัพท์จึงเงยขึ้นมองอย่างฉงนใจ ถนนก็ออกจะกว้าง ว่างและมีที่จอดตั้งเยอะทำไมรถคันนี้ถึงมานิ่งสนิทตรงหน้าเธอพอดิบพอดี หากเวลาต่อมาชายในรถคันดังกล่าวหนวดเคราเขียวครึ้มยังกับมหาโจร ก็เดินตรงดิ่งเข้ามาหาเธอ พร้อมกับผ้าเช็ดหน้าในมือ วิมวิพาเห็นว่าไม่น่าไว้ใจจึงถอยกรูดหวังวิ่งหนี แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้วเพราะเมื่อชายคนนั้นชุดแขนเธอได้เขาก็เอาผ้าในมือปิดปากปิดจมูกเธอแน่นทำให้ส่งเสียงเล็ดลอดขอความช่วยเหลือออกมาไม่ได้แต่น้อย มือเล็กไขว่คว้าโบกเป็นสัญญาณให้คนขับแท็กซี่คันที่เธอนั่งมาเมื่อครู่ ซึ่งเห็นไกล ๆ อยู่ด้านหลัง ตาสวยเหลือกมองคนซึ่งหวังให้เป็นที่พึ่งช่วยเธอได้ เห็นแท็กซี่คนนั้นก็เหมือนจะรู้ เขากำลังทำทีจะวิ่งมาช่วยเธอแล้ว แต่ทว่าสติและดวงตาของหญิงสาวกลับพร่ามัวและสิ้นสติมืดดับลงอย่างไร้การต่อสู้เสียก่อน ก่อนที่ร่างบางสมส่วนจะถูกลากเข้าไปนอนยาวอยู่ช่วงหลังของรถยนต์ญี่ปุ่นคันสีดำนั้น
“คุณ ๆ ช่วยด้วยครับ ! ช่วยด้วย ! ผู้หญิงถูกลักพาตัว” แท็กซี่ใจดีวิ่งไล่รถคันนั้น แต่ด้วยความเร็วและระยะห่างกันพอควร เท้าเปล่าหรือจะสู้ล้อรถที่แล่นเร็วกว่าได้
ชายวัยกลางคนวิ่งกลับไปหารถแท็กซี่ของตัวเอง หวังจะขับตามรถคันดังกล่าวไป หากผู้ชายคู่กรณีที่ชนกันอยู่ กลับถ่วงเวลาเขาไว้ แต่พอเห็นว่าคนขับแท็กซี่ไม่สนใจจะเจรจาด้วยเพราะเป็นห่วงอยากจะช่วยผู้หญิงมากกว่า ชายหนุ่มเจ้าของรถคันสีแดงจึงปล่อยหมัดต่อยหนัก ๆ เข้าช่วงท้องทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย จนคนถูกต่อยทรุดเข่านั่งตัวงอด้วยความจุก เด็กหนุ่มกว่าแรงเยอะกว่าแน่นอนว่าหมัดหนักเหลือเกิน แท็กซี่ใจดีพยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง แต่กลับโดนซ้ำหมัดลงข้างแก้มซ้ายเต็มแรงอีกหมัด ก่อนจะทำได้แค่มองด้วยตาพร่าเลือน ตามไอ้หนุ่มหมัดหนักที่ขึ้นรถและกระชากเหยียบคันเร่งวิ่งฉิวหนีไป
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย... ! ” คนเจ็บร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือ ตะเกียกตะกายลุกยืนพิงหลังกับตัวรถ แล้วโบกมือให้รถคันหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาพอดี
ชายร่างสูงขาวหน้าตาและเครื่องแต่งตัวสุภาพสะอาดสะอ้านรีบเบนหัวรถจอดข้างทาง และวิ่งออกมาดูโดยเร็ว เข้าประคองคนเจ็บพร้อมถามหน้าตาตื่น
“คุณน้าครับ เกิดอะไรขึ้น”
“มีผู้หญิงถูกลักพาตัว” แท็กซี่ที่เจ็บไม่น้อย หากยังห่วงอีกคนที่ตอนนี้ไม่รู้ชะตาชีวิต หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับลูกหลาน พอเห็นว่ากำลังมีผู้ชายน่ากลัวดึงขึ้นรถไปก็อดห่วงไม่ได้ว่าเธอคนนั้นอาจจะไม่รอดเงื้อมมือคนชั่ว ซึ่งอาจจะทำนิสัยดิบเถื่อนสารพัดกับเธอ ที่คนใจโฉดสมัยนี้ทำกันเกลื่อนอย่างไม่ได้เกรงกลัวกฏหมาย “ไปทางโน้นรถเก๋งสีดำคันเล็ก ๆ กับสีแดง ผมว่าต้องเป็นพวกเดี๋ยวกันแน่ คุณรีบตามไปช่วยเธอก่อนเถอะ”
“เธอโดนฉุดเหรอครับ จากตรงไหน” ชายหนุ่มถามต่อ และพอคนขับแท็กซี่เล่าให้ฟังคร่าว ๆพลางชี้นิ้วไปยังจุดเกิดเหตุ เขาก็รีบวิ่งไปจุดนั้นทันที เนื่องจากว่าแสงแดดกระทบวัตถุบางอย่างเกิดประกายสะท้อน และนั่นก็ทำให้ได้พบกับโทรศัพท์มือถือ และคิดว่าคงเป็นของหญิงสาวผู้โชคร้าย เพราะสีสันสดใสคงไม่เหมาะกับผู้ชายนัก
โปษัณกลับมายังรถพร้อมมือถือเครื่องสวย เขาฝากคนขับแท็กซี่ช่วยโทร.แจ้งไปยังตำรวจและทุกทางที่สามารถเป็นประโยชน์ในการติดตามหาคนร้ายที่ลักพาตัวผู้หญิงได้ ก่อนจะขับรถตามรถสองคัน ที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกเล่าไว้ไป และหวังจะช่วยได้ทันท่วงที ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งมิด เท่าที่คิดว่าจะไวที่สุดในชีวิต ความรู้สึกบอกว่าเจ้าของมือถือเครื่องสีหวานนี้อาจเป็นใครสักคนที่เขารู้จัก สายตาคมดำหันมองเจ้าเครื่องทรงสี่เหลี่ยมที่นอนอยู่เบาะข้าง ก่อนจะสะดุ้งไหล่ไหว เพราะเสียงของมันกรีดร้องขึ้นมา เวลานี้โปษัณไม่ควรคิดถึงเรื่องมารยาทหรอก เขารีบรับสายคนโทร.เข้ามาซึ่งโชว์หน้าจอชื่อว่า ‘เจ้าชายขี้เก๊ก’
“วิมครับ ถึงไหนแล้วเนี้ย รีบกลับนะ...” ต้นสายถามมาเสียงหวาน หากปลายสายถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินชื่อหญิงสาวที่หลุดจากปากของฝ่ายนั้น
“ขอโทษครับผมไม่ใช่เจ้าของมือถือ แต่ว่าผมขอถามหน่อยว่าเจ้าของมือถือชื่ออะไรนะครับ” โปษัณรีบละลักคำพูด
คนถามไม่ได้ยินเสียงตอบจากอีกฝ่ายหนึ่ง เขาคิดว่าตอนนี้ผู้ชายคนนั้นคงกำลังโกรธจัดกัดกรามกรอด ๆ เป็นแน่ ที่จู่ ๆ มีผู้ชายอื่นมารับโทรศัพท์ให้ผู้หญิงของเขา และเพียงอีกเสี้ยวนาทีเท่านั้น เขาก็ได้ยินน้ำเสียงตวาดเดือดดาลกลับมาว่า “จะมาถามผมทำไม คุณอยู่ด้วยกันจะไขสือว่าไม่รู้จักเจ้าของมือถืออย่างนั้นเรอะ คนที่น่าจะถามคือผมต่างหากว่าคุณเป็นใคร...”
“ผมชื่อปั้นครับ คือผมเจอ...” ไม่ทันได้อธิบายอะไร ก็ถูกคฑาคินสวนกลับเสียงห้วนด้วยโกรธจัด
“ชื่อปั้น ! คุณอีกแล้วเหรอไอ้อาจารย์หน้าจืด วิมอยู่กับคุณใช่ไหม”
“วิมเหรอ เจ้าของมือถือเครื่องนี้ชื่อว่าวิม...วิมวิพาใช่ไหมครับ ใช่ไหมคุณ คุณ...เดี๋ยวก่อน...”
เมื่อต้นสายตัดสายทิ้งเพราะความเข้าใจผิด อาจารย์หน้าจืดก็เลยกลายเป็นซีดเซียวลงมากอีกเท่าตัว โปษัณเหยียบคันเร่งเร็วอีกครั้ง เห็นรถสีดำและแดงลิบ ๆ เลี้ยวไปตามทางแยกหน้าขวามือ จึงรีบตามไป หวังว่าจะใช่รถสองคันที่เขาตามอยู่จริง ๆ วิมวิพาขออย่าให้ใช่คนเดียวกันเลย แต่ถึงจะเป็นใครเขาก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นตกเป็นเหยื่อของพวกผู้ชายเลว ๆ ทั้งนั้นแหละ
วิ่งมาได้อีกสักระยะก็เห็นโรงแรมขนาดกลางย่านดอนเมือง และรถยนต์สองคันก็เลี้ยวเข้าไปในโรงแรมนั้น โปษัณจอดรถด้านนอกโรงแรมไม่ได้มีเพียงผู้ชายสองคนที่เดินลงมาจากรถสองคันเท่านั้น หากมีอีกสองสาวเข้ามาสมทบด้วย พวกหล่อนเดินมาพยุงร่างหญิงสาวซึ่งหมดสติไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ให้ตายเถอะ ! เป็นวิมวิพาคนเดียวกันกับที่เขารู้จักจริง ๆ ด้วย โปษัณจ้องตามไปแทบไม่วางตา เห็นสองสาวประคองวิมวิพาเข้าไปในโรงแรมอย่างไม่มีพิรุธ พวกเธอทำราวกับว่าวิมวิพาเป็นเพื่อนหรือคนรู้จัก และเหมือนพนักงานโรงแรมก็ไม่ได้ใส่ใจกลับยิ้มและทักทายให้ผู้หญิงสาวสวยสองคนนั้นอย่างเป็นมิตร อาจเป็นเพราะพวกเธอดูดีเกินที่ใครจะคาดถึงก็ได้ ว่าเป็นคนร้ายลักพาตัว ผิดกับผู้ชายหน้าตาน่ากลัวที่จับวิมวิพามา พวกเขาหายไปทางด้านหลังโรงแรม โปษัณเลือกที่จะตามหญิงสาวทั้งสองไปเพราะเป็นห่วงวิมวิพา ทว่าจะเดินดุ่ม ๆ ตามติด ๆ ไปไม่ยามหรือคนอื่น ๆ ก็จะพากันคิดว่าเขานี่แหละคือคนไม่น่าไว้วางใจ ระหว่างเดินก้มหน้าสะกดรอยตามพวกหญิงสาวไปห่าง ๆ ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่าชื่อของโรงแรมนี้เหมือนคุ้นเคยและอยู่ในเครือธุรกิจของใครบางคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี
พอนึกขึ้นได้ โปษัณก็รีบโทร.ไปหาคนในความคิด ขีโรชาลูกสาวเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ไม่ได้รับสายในตอนแรกเพราะหล่อนไม่เคยอยากจะพูดคุยกับเขามานานเต็มที แต่ถึงอย่างไรเขาก็เพียรพยายามโทร.ตามตื้อขอคืนดีหล่อนทุกวัน แม้จะรับบ้างไม่รับบ้างแต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ทว่าเวลานี้เป็นเรื่องสำคัญและเมื่อขีโรชาไม่รับ ชายหนุ่มจึงส่งข้อความไปแทนถึงเรื่องที่ต้องการให้ช่วย แต่ไม่รู้ว่าขีโรชาได้รับข้อความไหม เพราะนานเหลือเกินสำหรับคนรอก็ไม่มีทีท่าว่าขีโรชาจะรับรู้หรือตอบกลับมาว่าเช่นไร โปษัณตัดสินใจจะก้าวตามเข้าลิฟต์ไปช่วยวิมวิพาแบบจู่โจมเลย ยังไงเสียผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แค่สองคน เขาก็น่าจะรับมือไหว
โปษัณรีบเดินไปยังลิฟต์ที่สองสาวกำลังจะก้าวเข้าไป พร้อมร่างบางของอีกคนที่หมดสติถูกลากโอนเอนตามเข้าไปด้วย
“รอด้วยครับ” ชายหนุ่มตะโกนบอก หากประตูลิฟต์ไม่ได้เปิดรับมันกำลังปิดลงพร้อมกับเสี้ยวหน้าของคนหมดสติข้างในลิฟต์ลับหายจากกรอบสายตา
ด้วยท่าทีร้อนรนของโปษัณ และการที่ไม่ได้สนใจแม้แต่สอบถามเกี่ยวกับเรื่องห้องพักตรงเคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ทำให้ยามของโรงแรมมองมาแปลก ๆ ชายหนุ่มภาวนาว่าอย่าให้ยามมาจับเขาไปสอบสวนเลย มิเช่นนั้นเขาคงตามไปช่วยวิมวิพาไม่ทันแน่ สายตาคมที่จ้องมองและข่มใจเย็นรอดูตัวเลขบอกชั้นที่ลิฟต์ไปหยุด ชั้นสามซินะที่เขาเห็นเพราะฉะนั้นเขาควรจะรีบตามไปดูที่ชั้นนั้นเป็นอันดับแรก โชคดีที่ลิฟต์อีกตัวข้าง ๆ มีคนลงมาพอดี ชายหนุ่มจึงรีบเดินสวนเข้าไปและกดปิดเร็ว ๆ โดยไม่คิดรอใครเช่นกัน
ที่ชั้นสามของโรงแรม ขายาวก้าวฉับ ๆ ออกมาจากลิฟต์และเลือกจะเดินไปทางปีกขวาของโรงแรมก่อน เพราะเห็นหลังไว ๆ ของสุภาพสตรีพึ่งหายวับเข้าไปในห้องหนึ่ง อาจารย์หนุ่มเร่งฝีเท้าตามจนทัน และเคาะประตูห้องนั้นรัวติดกันหลายครั้ง เงียบไปเป็นพักก็ยังไม่มีใครเปิดประตูเขาจึงส่งเสียงเรียกพร้อมเคาะประตูอีกครั้ง
“วิม วิม อยู่ในนั้นหรือเปล่า” คราวนี้ได้ผล คนในห้องแง้มประตูเปิดออกช้า ๆ โปษัณเห็นใบหน้าสวย ๆ ที่โผล่เพียงเสี้ยวหน้าออกมามองเท่านั้น ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเห็นหน้าเต็ม ๆ ของหล่อน รอยยิ้มเหยียดจากมุมปากสวยก็ยักขึ้นเจ้าเล่ห์ ก่อนมองผ่านโปษัณแล้วไปพยักพเยิดหน้าให้ใครบางคนด้านหลังของเขา
โปษัณหันหลังมองตาม แล้วก็ต้องอึ้งอ้าปากค้างเห็นร่างใหญ่น่ากลัวของชายสองคนที่มายืนตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ ก่อนจะรู้สึกจุกจากหมัดที่รัวติดกันสามหมัดเข้ากลางลำตัว
“วอนหาที่เองนะไอ้หน้าขาว” สิ้นเสียงเยาะหยันจากผู้ชายเคราเขียวน่าโหด ผ้าเช็ดหน้าอาบยาสลบในมือชายอีกคนก็ปิดลงมาตรงจมูกเต็มแรงเร็ว ๆ
ร่างของอาจารย์หนุ่มถูกโยนนอนคว่ำหน้า ลงกับเตียงกว้างข้างวิมวิพาในสภาพไร้สติเช่นเดียวกัน รัญดายิ้มสะใจในขนาดที่เรวรินหน้าซีดตัวสั่นผิดกับเวลาปกติที่ชอบแหวเสียงใส่คนอื่นอย่างไม่เคยกลัวใคร
“พี่รัญไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ” น้องสาวทำเสียงหวาดหวั่น
“ตาขาวไปได้ ก็บอกแล้วไงแค่สั่งสอนเบาะ ๆ อยากจะเป็นไหมนางเอกละคร หรือว่าอยากจะร่วมงานกับแม่นี่” คนเป็นพี่บุ้ยใบ้ปากไปยังหญิงสาวที่นอนนิ่งบนเตียง ก่อนจะหันไปหาผู้ชายที่ช่วยงานพร้อมกับล้วงเงินจากกระเป๋าถือ หยิบแบงค์พันสองปึกให้ “นี่ค่าจ้าง ปิดปากให้สนิทเหมือนทุกครั้งละ แล้วก็ออกไปได้แล้ว ที่เหลือพวกฉันจัดการเอง”
ลูกจ้างหน้าโหดทั้งสองรับเงินไปหอมหน้าชื่น ยิ้มพอใจให้รายได้งาม ๆ ในมือ แล้วออกไปจากห้องอย่างว่าง่าย โดยไม่มีคำถามหรือต้องการรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกภายในห้องนี้
เรวรินมองตามประตูที่ปิดลง “พี่รัญรู้จักคนพวกนั้นได้ยังไง น่ากลัวจะตายไป”
“ก็พวกวินมอเตอร์ไซต์หน้าปากซอย พี่ใช้งานบ่อย ๆ ตอนอยากจะกำจัดผู้หญิง ที่ชอบมายุ่งกับชวิน”
“แสดงว่าเรื่องนี้พี่รัญก็ไม่ได้อยากจะช่วยเรคนเดียวหรอกใช่ไหม ที่แท้ก็เพราะเรื่องพี่ชวินนี่เอง ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่รัญรักพี่ชวินขนาดนี้”
“ก็ได้ทั้งสองทาง ไม่ดีหรอกรึ” รัญดาเหยียดยิ้มกว้าง ไม่เชิงรักชวินมากหรอก เพียงแต่เขาคือคู่ขาที่ถูกใจเธอที่สุดต่างหาก และเวลาที่เธอควงผู้ชายคนไหนยังไม่เบื่อ ก็ไม่อยากจะให้ผู้ชายคนนั้นแบ่งปันเรื่องเซ็กส์เผื่อแผ่ไปให้หญิงอื่น “ยายนี่ จะได้มีข่าวมัวผู้ชายไม่เลือกหน้า ประจานพร้อมหลักฐานที่แก้ตัวดิ้นไม่หลุด”
“แล้วถ้าพวกเขาฟื้นมา จะรู้ไหมว่าเป็นฝีมือพวกเราทำ”
“เรเลิกขี้กลัวไม่เข้าเรื่องได้แล้ว กว่าสองคนนี้จะฟื้นก็คงอีกนาน ถึงเวลานั้นบางที่ยายเด็กวิมคงนึกว่าไอ้หมอนี่เป็นคนลากมาข่มขืนก็ได้” พี่สาวบอกเสียงแข็ง
“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร” เรวรินเดินเข้าไปก้ม ๆ เงย ๆ มองร่างโปร่งที่นอนคว่ำยาวเหยียดบนเตียงนุ่มอย่างพินิจ
“ไม่รู้ แต่สงสังคงรู้จักกันมั้ง เห็นแวบ ๆ เมื่อกี้เหมือนจะหน้าตาใช้ได้ ดีเหมือนกันเวลาเป็นข่าวจะได้มีคนเชื่อไม่หลอกตา สวย ๆ หล่อ ๆ นอนบนเตียงโรงแรมคงน่าสนใจกว่าไอ้หน้าเถื่อนสองคนนั้นแน่” รัญดากอดอกเชิดหน้ากล่าว
เรวรินยื่นมือกล้า ๆ กลัว ๆ เขาไปเขี่ยไปหน้าชายหนุ่มให้หวังจะดูว่าหน้าตาเป็นเช่นไร ทว่าต้องตกใจผละออกห่างทันที เมื่อพี่สาวเป็นฝ่ายมาพลิกร่างนั้นให้นอนหงาย ภาพใบหน้าหล่อเหลาสะอาดตาทำเรวรินอุทานลั่น
“อาจารย์โปษัณ ! ”
***--***--***--***--***--***--***
วิมวิพากลับมาถึงบ้านมาตจักรกรานในเวลาตีหนึ่งโดยมีดรัณภพและกันยกาให้คนขับรถพาไปรับตัวหญิงสาวกลับมาจากโรงแรมของขีโรชา ก่อนหน้าเมื่อประมาณเที่ยงคืนตอนที่วิมวิพาฟื้นตื่นด้วยสภาพมึนงง คนแรกที่เห็นอยู่ในห้องนอนโรงแรมนั้นด้วยก็คือขีโรชาเพียงคนเดียว วิมวิพาหวนคิดภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้เพียงแค่ตอนก่อนหมดสติ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมานอนอยู่ที่โรงแรมเพื่อนสาวคนนี้ได้ และไม่ทันจะได้อ้าปากถามอะไร ขีโรชาก็รีบเดินออกไปจากห้องเสียก่อน เหมือนกับว่าหล่อนมานั่งรอให้เธอฟื้นตื่นขึ้นมาเท่านั้นแต่ไม่ได้อยากจะพูดคุยด้วยหรือคิดจะไถ่ถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใด ๆ ต่ออีก ราวกับเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน
ตลอดทางดรัณภพกับกันยกาก็พยายามจะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น วิมวิพาเล่าให้ฟังได้แค่ที่จำได้ว่าถูกชายคนหนึ่งโปะยาสลบและฟื้นมาอีกทีก็อยู่ที่โรงแรมแห่งนั้นแล้ว ผู้ใหญ่สองท่านหน้าซีดเผือดไม่อยากจะคิดว่าแล้วหลังจากที่หญิงสาวไม่รู้เนื้อรู้ตัว เกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ทว่าทุกคนก็เลือกจะเงียบเพราะไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ และก็กลัวว่าวิมวิพาจะขวัญผวาไปมากกว่านี้ บางทีเรื่องราวอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัวก็เป็นได้ อาจเป็นการชิงทรัพย์ธรรมดา เพราะว่ากระเป๋าและโทรศัพท์มือถือเครื่องแพงของวิมวิพาได้หายไป
เวลาผ่านมาจนเช้าอีกวัน คนที่รู้เรื่องราวอย่างผู้ใหญ่ทั้งสองท่านไม่คิดจะแพร่งพรายหรือปริปากบอกใครในบ้านเพิ่ม เพราะกลัวจะเป็นปัญหาลุกลาม แม้แต่บุตรชายที่สมควรจะต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนใครอื่น ทว่าเวลานี้ก็ยังไม่สมควรแก่เวลาที่จะเล่า เพราะคฑาคินโกรธหญิงสาวหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ยอมมาให้เจอหน้าคราตาเลย
ชายหนุ่มออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ รู้ว่าวิมวิพาไปกับโปษัณแค่นั้นก็ไม่อยากจะเห็นหน้าคนชอบโกหก กลัวจะโมโหหึงพลั้งพลาดทำอะไรเกินเลยกับเธอไปอีก จึงคอยเวลาให้อารมณ์ร้อนสงบลงเสียก่อน แต่ไม่ทันความโกรธกริ้วเรื่องแรกจะหายไป ก็กลับถูกเติมไฟร้อนคุกรุ่นรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัวเมื่อเวลาสาย ๆ พนักงานพากันซุบซิบเรื่องข่าวฉาวของนางแบบหน้าใหม่กันทั่วออฟฟิศ ภาพหวิวร่วมรักกอดรัดเปลือยเปล่ากับชายคนรักบนเตียง ที่มีเพียงผ้าห่มปิดช่วงสะโพกไว้เท่านั้นว่อนเต็มโลกออนไลน์ มีคอมเม้นต์นับร้อยต่อว่า ภาพพฤติกรรมของหนุ่มสาวที่เป็นข่าวในทางเสียหาย
คฑาคินกัดกรามจนเป็นสันนูน มือก็ใหญ่กำหมัดแน่นตัวเกร็ง หัวเขากำลังจะระเบิดไม่ต่างจากโพรงอก รูปภาพปลิวว่อนเน็ตตอนนี้จะเป็นใครอื่นไปได้ในเมื่อหน้าตาชัดเจนว่าคือไอ้อาจารย์หน้าขาวและแฟนสาวของเขา
“วิมทำกับพี่อย่างนี้ได้ยังไง ! ” เขาเค้นเสียงเครียด กระจิตกระใจทำงานตอนนี้หมดลงแล้ว ไม่เท่านั้นยังมีอีกหลายข่าวพากันโชว์ขึ้นเต็มอินเตอร์เน็ตอย่างต่อเนื่องหลายข่าว เกี่ยวกับวิมวิพานางแบบใจกล้าในด้านลบต่าง ๆ นานา
รูปเธอควงกับชวิน ผู้ชายที่ใคร ๆ ต่างพากันคิดว่าเป็นแฟนตัวจริงและรับเลี้ยงวิมวิพา ขั้นที่พาไปอยู่ในบ้านใหญ่เป็นเรื่องเป็นราว หนักขึ้นตามมาอีกกับข่าว (นาง)พญาเทครัวเมื่อรูปควงคฑาคินโพสขึ้นตามมาติด ๆ และสุดท้ายคงไม่มีอะไรดังเท่ากับรูปคู่ของเธอกับโปษัณ อาจารย์หนุ่มที่เคยอยู่ในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน จวบจวนภาพบนเตียงที่เป็นกระแสเหม็นเน่าเฟะของวัน
ทางด้านวิมวิพาซึ่งไม่สามารถออกไปไหนได้ เพราะมีนักข่าวสายบันเทิงหลายคนมาเฝ้าเกาะติดรั้วประตูบ้าน หวังได้เข้ามาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องข่าวฉาว กระแสดังของวันนี้ หากนางแบบที่กลายเป็นข่าวได้แต่เก็บตัวนอนร้องห่มร้องไห้ ให้กับข่าวที่ตัวเองไม่รู้ที่มาที่ไปด้วยซ้ำ ส่วนโปษัณก็หาทางจะติดต่อกับนางแบบสาวเพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ด้วยโทรศัพท์ของวิมวิพาอยู่กับเขา ดังนั้นจึงไม่สามารถติดต่อเธอโดยตรงได้ ชายหนุ่มเลือกจะโทร.หาขีโรชาอีกครั้ง เพราะรู้ว่าหล่อนเป็นคนมาพบเขาและวิมวิพา ก่อนจะช่วยแยกวิมวิพาออกไปอยู่อีกห้อง และเหตุนี้ขีโรชาก็น่าจะเป็นคนที่พอจะช่วยเป็นพยานแก้ต่างให้แก่เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้คลี่คลายลงได้บ้างไม่มากก็น้อย ทว่าหล่อนปฏิเสธไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง คนที่ไม่ใช่เพื่อนสนิทกันอีกต่อไป ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงความปรารถนาดีแก่กันอีก
โปษัณตัดสินใจอีกครั้งเพื่อโทร.ไปหาผู้ชายสายล่าสุดที่โทร.เข้ามาในมือถือวิมวิพาวันเกิดเรื่อง หากเมื่อวานฝ่ายนั้นไม่เข้าใจผิดจนตัดสายทิ้งไปเสียก่อน บางทีอาจมีคนตามมาช่วยวิมวิพาอีกคนไว้ได้ทัน จนไม่ต้องเกิดเรื่องเกิดราว เป็นข่าวใหญ่โตกับเขาเช่นวันนี้ก็เป็นได้
เบอร์สายเรียกเข้าที่โชว์เป็นชื่อวิมวิพา ทำเจ้าของเครื่องที่ส่งเสียงร้องอยู่กำหมัดทุบโต๊ะทำงานดังลั่น หน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นแดงจัดเดือดดาล ความโกรธจากการถูกหักหลังลุกพลุ่งพล่านร้อนเผาขึ้นอีกระลอกใหญ่ คฑาคินรู้ว่าตัวเองโกรธมากและเสียใจมากกับการได้รับรู้ว่าคนที่เขาเลือกตามเสียงหัวใจ มากกว่าเหตุผล กลายเป็นคนที่ร่านรักเสียเหลือเกิน ในระหว่างชั่งใจว่าจะรับโทรศัพท์ดีหรือไม่ เพราะรู้อารมณ์ตัวเองว่าถ้าหากรับไปแล้ว เขาคงไม่สามารถจะควบคุมคำพูดไม่ให้ร้ายและรุนแรงได้ กระนั้นการตัดสินใจเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนสายจะตัดไป คือคฑาคินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นรับ และกรอกเสียงห้วนแห้งสุดในชีวิตเร็ว ๆ
“โทรมาทำไม อยากจะมาหัวเราะเยาะผู้ชายหน้าโง่อย่างพี่ใช่ไหม”
โปษัณอึ้งไปเสี้ยวนาที ก่อนรีบเรียบเรียงคำพูด “คุณครับผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครหรอกนะครับ แต่ที่ผมใช้มือถือของวิมโทร.มาหาคุณเพราะแน่ใจว่าคุณคือน่าจะเป็นคนที่รู้จักและสนิทกับวิมดีพอสมควร คือผม...”
“อย่าบอกนะว่าคุณคือไอ้คนที่เป็นข่าวกับวิม” ความใจร้อนทำให้คฑาคินรีบแทรกขึ้น
“ครับใช่” คำตอบนั้น เล่นคนฟังเหมือนถูกหมัดเชยปลางคางเต็มแรง “ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับวิม แล้วคิดว่าคุณคงจะช่วยผมได้ ผมไม่สามารถออกจากบ้านไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้วิมฟังได้ด้วยตัวเอง ผมว่าคุณน่าจะรู้ว่าทำไม แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะช่วยได้ ผมอยากขอร้องให้คุณช่วยให้ผมได้พูดกับเธอหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเรื่องสำคั...”
คฑาคินหัวเราะในลำคอ เป็นเสียงหัวเราะที่ปนความเจ็บปวดเหลือเกิน “ร่ายมาตั้งยาว แค่อยากจะคุยกัน ทำไมครับเมื่อคืนไม่มีเวลาคุยกันรึไง มัวแต่ทำเรื่องอะไรกันอยู่ ! ” คนเลือดขึ้นหน้าตะคอกเสียงใส่มือถือ ที่กำแน่นแนบแก้ม กัดฟันกรอดก่อนจะเค้นเสียงพูดต่ออย่างอยากเย็น “ถ้าอยากจะคุยกันหรืออยากคืนมือถือกัน ก็เอาไว้ตอนมีปัญญาหลบนักข่าวมาพลอดรักกันคราวหน้าดีกว่านะครับ ต่อไปก็ให้เลิกโทร.มาเครื่องผม แต่ถ้าคุณคิดว่าที่โทร.มาเพื่ออยากจะสมน้ำหน้าหรือสะใจไอ้ควายอย่างผมละก็ ผมอนุญาตให้คุณเหยียดหยามได้ตอนนี้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาโทร.มาอีก”
“ใจเย็นซิครับคุณ ผมไม่ได้อยากจะมาสมน้ำหน้าหรืออะไรคุณทั้งนั้นแหละ วิมกับผมเราไม่ได้มีอะไรกันนะครับ คุณอย่าพึ่งเข้าใจวิมผิด ขอให้ผมได้คุยกับวิมก่อนแล้วคุณก็จะรู้ความจริงทุกอย่างเช่นกัน” น้ำเสียงร้อนรนหากขอร้องอ้อนวอนในทีชัดเจน
“ความจริงอะไร ความจริงที่ว่าพวกคุณคิดถึงกันมากซินะครับ ได้ซิ...บางทีคืนนี้ผมอาจจะสงเคราะห์ช่วยส่งคนรักไปเจอกันก็ได้ แต่ผมไม่มั่นใจนะว่ากว่าจะไปถึงมือคุณเธอจะมีสภาพที่พร้อมพอจะเล่นบทรักกับคุณหรือเปล่า” เขากระแทกเสียง ดวงตาคมแดงก่ำมีน้ำใส ๆ คลอเบ้า หากแต่ความเป็นลูกผู้ชายทำให้เขาต้องกลืนน้ำตาน่าอายนั้นเก็บที่เดิม
ไม่เข้าใจทำไมต้องรู้สึกรวดร้าวเช่นนี้ วิมวิพาไม่ได้วิเศษวิโสกว่าผู้หญิงคนใดในโลกสักหน่อย หรือหากเขาจะชอบสาวประเภทสอง สวย ๆ กว่าวิมวิพาก็มีถมเถในประเทศไทย แล้วทำไมต้องมาเสียอกเสียใจ จนร่างกายแทบจะแตกดับเช่นนี้ด้วย ทำไม !



กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2555, 17:54:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2555, 17:54:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1477





<< ตอนที่ 28 เล่ห์สลับขั้ว   ตอนที่ 30 เล่ห์สลับขั้ว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account