เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์
ตอน: บทที่ 7
บทที่ 7
ระเบียงหลังบ้านยื่นมาริมน้ำตกสายเล็กๆ ลูกน้องของสักรินทร์ได้ทำบันไดเล็กๆ ไว้ให้ง่ายต่อการไปยังน้ำตก เสียงน้ำไหลกระทบหินเบื้องล่างดังตลอดทั้งวัน ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ไม่ไกลนัก มีโขดหินใหญ่สะดวกต่อการตักน้ำมาใช้ประโยชน์ แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาว ยังมีหมอกจางๆ และอากาศเย็นตอนเช้ามืด จวบจนกระทั่งรุ่งสาง แสงสว่างเยือนโลกมนุษย์ แสงสีทองเริ่มพาดผ่านท้องฟ้า ไอหมอกจึงจางไปพร้อมกับนกกาบินออกหากิน
รัตติกาลย่นหน้าอย่างขัดใจ นึกโมโหคนบ้าอำนาจที่สั่งให้เธอทำงานบ้านเป็นนังแจ๋วก้นครัว รัตติกาลกระแทกตะกร้าผ้าโครมบนพื้นน้ำจนนำ้กระเซ็นเปียกใบหน้า เสื้อ และกางเกงเล หญิงสาวร้องวี๊ดว๊ายเพราะความเย็นของน้ำ
“อูย เหมือนน้ำในตู้เย็นเลย” รัตติกาลนั่งยองๆ มือเรียววักน้ำใสล้างหน้าล้างตาอย่างสดชื่น เธอกระเถิบให้เท้าสัมผัสกับพื้นน้ำ แล้วต้องห่อไหล่เมื่อลมเย็นพัดวูบหนึ่ง หญิงสาวเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าหนาวจนปวดกระดูกเป็นอย่างไร
“ฉันชักจะเหมือนโศรยาในจำเลยรักไปทุกวันเลยแฮะ”
ขณะที่รอให้ร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิของน้ำ รัตติกาลบ่นกับโชคชะตาแสนรันทดของตัวเองที่ถูกธนาดลข่มเหงด้วยวาจาจาดูถูกเหยียดหยาม และการกระทำอันป่าเถื่อนสารพัด มือบางยังคงง่วนกับการซักผ้าหากอาการแพ้ผงซักฟอกทำให้เธอห่อปากด้วยความแสบ
“ไม่ได้การแล้วนิกซ์ เสียชื่อเกรดเอ วิชาเอดราม่าหมด คิดสิๆๆๆ เธอต้องให้นายดลรู้ว่าเธอก็สู้คน”
รัตติกาลบอกกับตัวเองว่าความรู้ที่ได้เรียนมาในวิชาดราม่านั้นต้องช่วยให้เธอสามารถแก้ปัญหาโศรยานอกจอนี้ได้ หญิงสาวลำพองใจเมื่อนึกได้ว่าวิชาร้อยแก้วร้อยกรองเธอได้บีบวก งานนี้เธอจะเป็นโศรยาเวอร์ชั่นใหม่ ไม่มีบทรันทดเรียกน้ำตา มันต้องเป็นเมโลดราม่าที่สวยงามที่สุดในชีวิตเธอ
“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น ปรักปรำฉันเป็นจำเลยของคุณ นี่หรือพ่อนักบุญแท้จริงคุณคือคนป่า” เสียงแหบฮัมเพลงจําเลยรัก ของสวลี ผกาพันธุ์ น้ำเย็นๆ จากลำธารที่ไหลมาไม่ขาดสายทำให้รัตติกาลเพลินไปกับความสวยงามของธรรมชาติไม่สนใจอาการแสบร้อนที่มืออีกต่อไป
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รัตติกาลก็ใช้เวลาตลอดทั้งวันหมดไปกับการสังเกตพฤติกรรมของธนาดล หญิงสาวถือสุภาษิต ‘บัณฑิตพกปากกา’ ในกระเป๋าถือของเธอจึงมีปากกาลายพุคคาด้ามหนึ่ง เธอฉวยกระดาษปฏิทินของเดือนที่แล้วมาไว้เขียน โชคดีที่เธอเห็นหนังสือพิมพ์เก่าของเดือนก่อนๆ ถูกเก็บไว้ในกล่องกระดาษ รัตติกาลใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทราบว่าเขาเป็นใคร ข่าวธุรกิจในหนังสือพิมพ์ยังรวมไปถึงอาการป่วยของคุณภราดา อมรวัฒนกุลอีกด้วย
“ขาดอะไรไปนะ” รัตติกาลใช้ปากกาเคาะศีรษะอย่างใช้ความคิดขณะที่เขียนแผนผังตระกูลอมรวัฒนกุล
“อ๋อ คนสำคัญ ชุติมา”
รัตติกาลเบ้หน้าอย่างรังเกียจเพื่อนร่วมสถาบัน เธอเกลียดการทะนงตนของชุติมาว่าเหนือกว่าทุกคน เพราะในความจริงแล้วทุกคนต่างมีความมนุษย์เท่าเทียมกันทั้งนั้น หาได้มีใครสำคัญกว่าใคร
รัตติกาลมองตัวละครของเมโลดราม่าของเธอที่ใช่ตัวพีในภาษาอังกฤษแทนภราดา บีแทนบวร ซีเอชแทนชุติมา ทีแทนธนาดล และอาร์แทนตัวเอง หญิงสาวยังคิดไม่ออกว่าพล็อตเรื่องของเธอควรดำเนินไปแบบไหนดี ตัวละครโลว์คลาสอย่างเธอจะเกี่ยวเนื่องกับตัวละครไฮโซไฮซ้อตระกูลอมรวัฒนากุลได้อย่างไร นี่คือการบ้านที่รัตติกาลต้องคิดต่อ
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้รัตติกาลต้องพับกระดาษซ่อนไว้ในกระเป๋าแล้วแกล้งฟุบหน้ากับหมอนนุ่ม
ธนาดลเดินมาหมายจะเรียกให้รัตติกาลทำกับข้าวให้ทาน เพราะติดใจข้าวผัดไข่ของเธอเมื่อมื้อที่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนอนคว่ำเหยียดยาวก็นึกสงสารด้วยคิดว่าเธอเพลียจากสารพัดงานบ้านที่เขาใช้ให้ทำทั้งวัน ชายหนุ่มดึงเสื้อที่เลิกอวดแผ่นหลังขาวให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยแล้วเปิดพัดลมให้ด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเดินไปในครัว ทำอาหารง่ายๆ แต่กลิ่นหอมชวนนำ้ลายสอ
“คุณเป็นคนอย่างไรกันแน่”
รัตติกาลถามย่างไม่เข้าใจการกระทำของธนาดลของเขาเมื่อครู่ แต่นั่นก็พอทำให้เธอรู้ว่าเนื้อแท้แล้วธนาดลเป็นคนดี หญิงสาวยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเคลิ้มหลับไป
ฝ่ายธนาดลก็งงกับตัวเองที่ใจอ่อนเข้าครัวทำมื้อเย็นให้รัตติกาลยังไม่พอ ยังเก็บผ้าที่ตากไว้อีก ครั้นจะเอาไปแขวนไว้ตามเดิมก็ไม่ทัน เมื่อหญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความหิว
“ไม่ขอบคุณสักคำ อุตส่าห์เก็บผ้าให้”
“ก็แฟร์ดีนี่ ฉันซักคุณเก็บ อ้อ พับให้ฉันด้วยนะ” รัตติกาลว่าขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
“มันเป็นหน้าที่ของฉันไปแล้วหรือไง”
“เอาน่าคุณดล อยู่กันสองคนก็ช่วยกันหน่อย” หญิงสาวรีบพูดจนสำลักข้าว ร้อนถึงธนาดลรีบรินน้ำใส่แก้วให้เป็นการด่วน
“สมน้ำหน้า พูดมากดีนัก”
“นะ...นะคะ...ช่วยฉันหน่อยนะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันเลย”
“เธอคงลืมหน้าที่ของเธอ ฉันสั่งให้เธอ...” ธนาดลว่าเสียงแข็งเมื่อรัตติกาลพูดเสียงเล็กเสียงน้อย
“ทำงานบ้านทุกอย่าง แล้วก็ทำตามคำสั่งของฉันจนกว่าฉันจะพอใจ” ไม่รอให้ธนาดลพูด รัตติกาลดัดเสียงห้าวพูดแทรก
“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว”
“คุณเล่นพูดทุกครั้งที่กินข้าว ฉันไม่ใช่วัวควายที่กินหญ้าแทนข้าวนะจะได้โง่เง่าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง” รัตติกาลแหวอย่างเหลืออด หญิงสาวลืมคิดไปว่าการที่เขาเป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่แสดงกิริยาตำ่ทรามอย่างที่เคยทำ
“กินข้าวไม่ทันอิ่มทรยศเลยนะ ปากดีอย่างนี้ไม่ต้องกินแล้ว ปล่อยให้หิวตาย” ไม่ว่าเปล่า มือหนาคว้าจานข้าวที่รัตติกาลกินไปแทบนับช้อนได้ เททิ้งหน้าตาเฉย
“ไอ้...ไอ้...ไอ้คนใจร้าย”
รัตติกาลน้ำตาคลอ วิ่งไปยื้อจานกับข้าวก็ได้แค่จานเปล่าเมื่อกับข้าวและข้าวสวยก้อนสุดท้ายคลุกกับฝุ่นสีนำ้ตาลแดงหมดแล้ว หญิงสาวสะอื้นฮักอย่างขัดใจ ทุบอกแกร่งอย่างเหลือทน เธอกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ แถมยังต้องเตรียมดินปลูกผักในวันพรุ่งนี้ตามคำสั่งของเขาเพื่อแลกกับอาหารวันละสองมื้อ เมื่อเห็นอาหารมื้อที่สองที่เธอสมควรจะได้หายวับไปกับตา รัตติกาลก็ปรี๊ดแตก แต่มันไม่ได้รับความเห็นใจเลยสักนิด
“ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน แล้วอย่าเอามือสกปรกๆ มาแตะต้องตัวฉัน”
ธนาดลใช้มือเพียงข้างเดียวปัดรัตติกาลไปก้นจ้ำเบ้า ชายหนุ่มเดินลงเท้าเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์สะใจที่ได้เห็นน้ำตาของศัตรูอีกครั้ง ชัยชนะในวันที่สองนี้เขามอบให้ชุติมาที่ต้องเกลือกกลั้วกับเพื่อนร่วมคณะคนนี้
“เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ยังไม่เคยมีใครทำอะไรเลวๆ อย่างนี้มาก่อน” รัตติกาลเช็ดน้ำตาป้อยๆ ฝืนตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก หญิงสาวไม่ทราบว่าความโกรธหรือความหิวมีมากกว่ากัน หากลุกขึ้นได้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุน!!
ธนาดลเดินดุ่มเข้าไปในบ้าน คว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้แล้วเข้าห้องน้ำไป ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีชายหนุ่มใช้น้ำสะอาดในตุ่มใหญ่ที่รัตติกาลตักไว้จนหมด เขาอดใจแทบไม่ไหว อยากเห็นสภาพคนโดนทรมานด้วการใช้แรงงานและการพักผ่อนอย่างไม่เพียงพอว่าจะมีสภาพอย่างไรต่อจากนี้ เหงื่อไคลและความเหม็นสาบเป็นเพียงบทเรียนแรกที่เขาจะสั่งสอนรัตติกาล
อากาศเย็นกลางดึกทำให้ธนาดลรู้สึกตัวเพราะเขาสวมเพียงกางเกงนอนขายาว ชายหนุ่มผล็อยหลับไปโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว ธนาดลมองไปรอบห้องก็ไม่พบรัตติกาล ความหวาดหวั่นปรากฏบนใบหน้า กลัวว่าเชลยสาวจะหนีไป ร่างสูงเด้งจากที่นอน ไม่สนใจคว้าเสื้อมาสวมใส่ ก้าวเท้ายาวๆ ไปหน้าบ้าน แล้วภาพที่เห็นทำให้หัวใจเขาหล่นไปที่ปลายเท้า
“รัตติกาล” ชายหนุ่มแทบไม่ได้ยินเสียงของตน
ร่างค่อนข้างสูงของรัตติกาลล้มฟุบจมกองเลือด ธนาดลวิ่งไปอุ้มร่างของหญิงสาวไว้แนบอก ร่างเย็นเฉียบกับใบหน้าขาวซีดทำให้หัวใจเขาร้อนรน
รัตติกาลหมดสติไปท่ามกลางความหิว โชคร้ายที่ศีรษะเธอฟาดกับก้อนหินอย่างแรง โลหิตสีแดงฉานไหลรินเป็นทางยาวแต่ยังดีที่เวลามืดค่ำในป่าอย่างนี้ไม่มีสัตว์ร้ายออกหากิน ไม่เช่นนั้นเธอคงเป็นเหยื่ออันโอชะของสัตว์ป่าที่หิวโหย หากเมื่อรู้สึกตัวก็เจ็บแปลบที่ศีรษะ มือเรียวแตะตามสัญชาตญาณ ทันทีที่หญิงสาวเห็นโลหิตติดปลายนิ้ว สติของคนกลัวเลือดก็โบยบินอีกครั้ง
“เธออย่าเป็นอะไรนะ” ธนาดลบอกคนในอ้อมกอด ตบหน้าเธอเบาๆ เรียกสติ หากร่างบางยังแน่นิ่งทำให้เขาใจคอไม่ดี
ธนาดลรื้อชุดปฐมพยาบาลอย่างลนลาน ครั้นเมื่อว่ิงไปตักนำ้ก็พบเพียงน้ำก้นตุ่มข้นคลั่ก ชายหนุ่มฟาดขันพลาสติกกับตุ่มจนแตกอย่างคับแค้นใจ เขาตัดสินใจใช้น้ำดื่มที่มีทำความสะอาดแผลให้เธอ รวมไปถึงเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายที่หมักหมมจากเหงื่อไคล
“กรรมอะไรของแกเนี่ยไอ้ดล” ธนาดลบ่นกำตัวเอง เขากลั่นแกล้งให้รัตติกาลได้ทรมานฉันใด กรรมติดจรวดส่งผลถึงเขาสิบเท่าทันตาฉันนั้น ถ้ามันเป็นแค่งานหนักและอดอาหารเขาจะไม่ทรมานอย่างนี้ นี่เขาต้องทนกับความเย้ายวนของร่างผุดผาดไปทุกส่วนของรัตติกาลอีก ธนาดลพยามยามข่มความต้องการด้านมืดของตนเอง ธนาดลตัดสินใจเดินถือไฟฉายฝ่าความเย็นไปตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็มถัง พร้อมทั้งทำข้าวต้มไว้รอรัตติกาลตื่น
ธนาดลมองนาฬิกาอีกครั้งก็ทราบว่าล่วงเข้าวันใหม่มาสามชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มหาวจนน้ำตาไหล แล้วซุกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกับรัตติกาล
“วันนี้ฉันจะเลิกจองเวรเธอหนึ่งวัน” ธนาดลบอกคนที่หลับสนิท ใบหน้าซีดราวกระดาษของเธอเริ่มมีเลือดฝาดน่ามองทำให้อดใจไม่ไหวที่บีบจมูกโด่งของเธอ
“ตัวรุมๆ นะ” เขาพึมพำอย่างเป็นห่วง หากแตะหลังมือกับหน้าผากเนียนต้องชักมือกลับ เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนผะผ่าว
“หนะ...หนาว” รัตติกาลเพ้อไม่ได้สติ
ธนาดลรีบหาเสื้อผ้าตัวหนาเท่าที่จะหาได้ใส่ให้เธอเป็นพัลวัน หากไม่อาจทำให้อุณหภูมิร่างกายของหญิงสาวลดลงได้เลย ชายหนุ่มว้าวุ่น เป็นห่วงรัตติกาลอย่างยิ่งเพราะเขาไม่อาจติดต่อแพทย์ให้มาดูอาการ หรือสักรินทร์ได้เลย เขาจึงตัดสินใจกระทำการที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รัตติกาลมีความสุขยามนิทรารมณ์ ลมหนาวยามรุ่งสางพัดโชยมาเป็นผลให้ร่างบางเบียดหาความอบอุ่นกับธนาดล มือหนาปัดไรผมให้ทัดหูรัตติกาลอย่างเบามือ เหงื่อซึมตามไรผมสีดำทำให้ธนาดลคลายใจลงได้ว่าพิษไข้ของเธอได้บรรเทาแล้ว
ก่อนหน้านี้รัตติกาลเพ้อเพราะพิษไข้ แถมตัวร้อนเสียจนธนาดลตกใจ เสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่มที่เตรียมไว้ไม่อาจให้ความอบอุ่นแก่คนป่วยได้ ธนาดลตัดสินใจถอดเสื้อผ้าทั้งของเขาและของเธอออก แล้วใช้ไออุ่นจากร่างกายเป็นผ้าห่มที่ดีที่สุดที่หาได้ในเวลานี้
ธนาดลข่มใจตนเองไม่ให้สัญชาตญาณดิบของตนทำสิ่งที่เป็นการฉวยโอกาสรัตติกาล ภาพทรวงอกสล้างเด่นชัดในความทรงจำ แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามข่มตานอนก็ไม่อาจลบภาพหน้าอกสีงาช้างคู่งามไปได้ เขาได้ใช้เวลาดังกล่าวคิด วิเคราะห์กับเพลิงแค้นที่เขาเป็นคนก่ออีกครั้ง ก็พบว่ายังมีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่หลายแห่ง แต่ยังคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร
ครั้นหวนคิดไปถึงสักรินทร์ที่พยายามทัดทานเขาหลายครั้งเกี่ยวกับแผนการครั้งนี้ สักรินทร์ไม่คิดว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากรัตติกาล แต่ด้วยโทสะที่ครอบงำทำให้เขาไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ตลอดเวลาที่คนของสักรินทร์ตามเรื่องนี้เขาได้รับเพียงหลักฐานการเงินที่เป็นความเกี่ยวข้องของคนทั้งคู่ สักรินทร์บอกเขาว่าผลการเรียนดีเยี่ยมของเธอเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเธอกำลังจะมีอนาคตที่ดีหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่สำคัญเขาเผอิญทราบมาว่าเธอได้รับการตอบรับจากสายการบินดังของไทยและยุโรปอีกสองถึงสามแห่งก่อนที่เขาจะจับตัวเธอมา
“ฉันจะชดเชยให้เธออย่างไรดี” ธนาดลพึมพำขณะที่กอดรัตติกาลไว้แนบอก
ธนาดลนึกหวงแหนร่างบางที่ถูกเขาทรมานสารพัด แม้จะได้ใช้เวลาร่วมกันเพียงไม่กี่วันทำให้เขารู้ว่าเธอมีทิฐิที่แรงกล้าเพียงใด รัตติกาลไม่เคยปริปากบ่นหรือขอความช่วยเหลือใดๆ จากเขา หล่อนเพิ่งจะของขึ้นเมื่อต้องอดมื้อเย็น คิดถึงตรงนี้ ธนาดลก็อดบีบจมูกของเธอไม่ได้
“กินจุนะตัวแค่นี้”
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ไอหมอกที่เคยมีได้จางไป เผยให้เห็นดาวพราวระยิบระยับตัดกับท้องฟ้าที่สีน้ำเงินเข้มยามร่างสางราวกับประกายจากเพชรบนผ้ากำมะหยี่ ในเวลานี้ธนาดลแน่ใจแล้วว่ารัตติกาลได้นั่งอยู่กลางใจเขาเรียบร้อยแล้ว
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ขอโทษนะคะที่มาอัพช้า พอดีเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดค่ะ
ระเบียงหลังบ้านยื่นมาริมน้ำตกสายเล็กๆ ลูกน้องของสักรินทร์ได้ทำบันไดเล็กๆ ไว้ให้ง่ายต่อการไปยังน้ำตก เสียงน้ำไหลกระทบหินเบื้องล่างดังตลอดทั้งวัน ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ไม่ไกลนัก มีโขดหินใหญ่สะดวกต่อการตักน้ำมาใช้ประโยชน์ แม้จะไม่ใช่ฤดูหนาว ยังมีหมอกจางๆ และอากาศเย็นตอนเช้ามืด จวบจนกระทั่งรุ่งสาง แสงสว่างเยือนโลกมนุษย์ แสงสีทองเริ่มพาดผ่านท้องฟ้า ไอหมอกจึงจางไปพร้อมกับนกกาบินออกหากิน
รัตติกาลย่นหน้าอย่างขัดใจ นึกโมโหคนบ้าอำนาจที่สั่งให้เธอทำงานบ้านเป็นนังแจ๋วก้นครัว รัตติกาลกระแทกตะกร้าผ้าโครมบนพื้นน้ำจนนำ้กระเซ็นเปียกใบหน้า เสื้อ และกางเกงเล หญิงสาวร้องวี๊ดว๊ายเพราะความเย็นของน้ำ
“อูย เหมือนน้ำในตู้เย็นเลย” รัตติกาลนั่งยองๆ มือเรียววักน้ำใสล้างหน้าล้างตาอย่างสดชื่น เธอกระเถิบให้เท้าสัมผัสกับพื้นน้ำ แล้วต้องห่อไหล่เมื่อลมเย็นพัดวูบหนึ่ง หญิงสาวเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าหนาวจนปวดกระดูกเป็นอย่างไร
“ฉันชักจะเหมือนโศรยาในจำเลยรักไปทุกวันเลยแฮะ”
ขณะที่รอให้ร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิของน้ำ รัตติกาลบ่นกับโชคชะตาแสนรันทดของตัวเองที่ถูกธนาดลข่มเหงด้วยวาจาจาดูถูกเหยียดหยาม และการกระทำอันป่าเถื่อนสารพัด มือบางยังคงง่วนกับการซักผ้าหากอาการแพ้ผงซักฟอกทำให้เธอห่อปากด้วยความแสบ
“ไม่ได้การแล้วนิกซ์ เสียชื่อเกรดเอ วิชาเอดราม่าหมด คิดสิๆๆๆ เธอต้องให้นายดลรู้ว่าเธอก็สู้คน”
รัตติกาลบอกกับตัวเองว่าความรู้ที่ได้เรียนมาในวิชาดราม่านั้นต้องช่วยให้เธอสามารถแก้ปัญหาโศรยานอกจอนี้ได้ หญิงสาวลำพองใจเมื่อนึกได้ว่าวิชาร้อยแก้วร้อยกรองเธอได้บีบวก งานนี้เธอจะเป็นโศรยาเวอร์ชั่นใหม่ ไม่มีบทรันทดเรียกน้ำตา มันต้องเป็นเมโลดราม่าที่สวยงามที่สุดในชีวิตเธอ
“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น ปรักปรำฉันเป็นจำเลยของคุณ นี่หรือพ่อนักบุญแท้จริงคุณคือคนป่า” เสียงแหบฮัมเพลงจําเลยรัก ของสวลี ผกาพันธุ์ น้ำเย็นๆ จากลำธารที่ไหลมาไม่ขาดสายทำให้รัตติกาลเพลินไปกับความสวยงามของธรรมชาติไม่สนใจอาการแสบร้อนที่มืออีกต่อไป
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รัตติกาลก็ใช้เวลาตลอดทั้งวันหมดไปกับการสังเกตพฤติกรรมของธนาดล หญิงสาวถือสุภาษิต ‘บัณฑิตพกปากกา’ ในกระเป๋าถือของเธอจึงมีปากกาลายพุคคาด้ามหนึ่ง เธอฉวยกระดาษปฏิทินของเดือนที่แล้วมาไว้เขียน โชคดีที่เธอเห็นหนังสือพิมพ์เก่าของเดือนก่อนๆ ถูกเก็บไว้ในกล่องกระดาษ รัตติกาลใช้เวลาเพียงไม่นานก็ทราบว่าเขาเป็นใคร ข่าวธุรกิจในหนังสือพิมพ์ยังรวมไปถึงอาการป่วยของคุณภราดา อมรวัฒนกุลอีกด้วย
“ขาดอะไรไปนะ” รัตติกาลใช้ปากกาเคาะศีรษะอย่างใช้ความคิดขณะที่เขียนแผนผังตระกูลอมรวัฒนกุล
“อ๋อ คนสำคัญ ชุติมา”
รัตติกาลเบ้หน้าอย่างรังเกียจเพื่อนร่วมสถาบัน เธอเกลียดการทะนงตนของชุติมาว่าเหนือกว่าทุกคน เพราะในความจริงแล้วทุกคนต่างมีความมนุษย์เท่าเทียมกันทั้งนั้น หาได้มีใครสำคัญกว่าใคร
รัตติกาลมองตัวละครของเมโลดราม่าของเธอที่ใช่ตัวพีในภาษาอังกฤษแทนภราดา บีแทนบวร ซีเอชแทนชุติมา ทีแทนธนาดล และอาร์แทนตัวเอง หญิงสาวยังคิดไม่ออกว่าพล็อตเรื่องของเธอควรดำเนินไปแบบไหนดี ตัวละครโลว์คลาสอย่างเธอจะเกี่ยวเนื่องกับตัวละครไฮโซไฮซ้อตระกูลอมรวัฒนากุลได้อย่างไร นี่คือการบ้านที่รัตติกาลต้องคิดต่อ
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้รัตติกาลต้องพับกระดาษซ่อนไว้ในกระเป๋าแล้วแกล้งฟุบหน้ากับหมอนนุ่ม
ธนาดลเดินมาหมายจะเรียกให้รัตติกาลทำกับข้าวให้ทาน เพราะติดใจข้าวผัดไข่ของเธอเมื่อมื้อที่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนอนคว่ำเหยียดยาวก็นึกสงสารด้วยคิดว่าเธอเพลียจากสารพัดงานบ้านที่เขาใช้ให้ทำทั้งวัน ชายหนุ่มดึงเสื้อที่เลิกอวดแผ่นหลังขาวให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยแล้วเปิดพัดลมให้ด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเดินไปในครัว ทำอาหารง่ายๆ แต่กลิ่นหอมชวนนำ้ลายสอ
“คุณเป็นคนอย่างไรกันแน่”
รัตติกาลถามย่างไม่เข้าใจการกระทำของธนาดลของเขาเมื่อครู่ แต่นั่นก็พอทำให้เธอรู้ว่าเนื้อแท้แล้วธนาดลเป็นคนดี หญิงสาวยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเคลิ้มหลับไป
ฝ่ายธนาดลก็งงกับตัวเองที่ใจอ่อนเข้าครัวทำมื้อเย็นให้รัตติกาลยังไม่พอ ยังเก็บผ้าที่ตากไว้อีก ครั้นจะเอาไปแขวนไว้ตามเดิมก็ไม่ทัน เมื่อหญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความหิว
“ไม่ขอบคุณสักคำ อุตส่าห์เก็บผ้าให้”
“ก็แฟร์ดีนี่ ฉันซักคุณเก็บ อ้อ พับให้ฉันด้วยนะ” รัตติกาลว่าขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
“มันเป็นหน้าที่ของฉันไปแล้วหรือไง”
“เอาน่าคุณดล อยู่กันสองคนก็ช่วยกันหน่อย” หญิงสาวรีบพูดจนสำลักข้าว ร้อนถึงธนาดลรีบรินน้ำใส่แก้วให้เป็นการด่วน
“สมน้ำหน้า พูดมากดีนัก”
“นะ...นะคะ...ช่วยฉันหน่อยนะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันเลย”
“เธอคงลืมหน้าที่ของเธอ ฉันสั่งให้เธอ...” ธนาดลว่าเสียงแข็งเมื่อรัตติกาลพูดเสียงเล็กเสียงน้อย
“ทำงานบ้านทุกอย่าง แล้วก็ทำตามคำสั่งของฉันจนกว่าฉันจะพอใจ” ไม่รอให้ธนาดลพูด รัตติกาลดัดเสียงห้าวพูดแทรก
“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว”
“คุณเล่นพูดทุกครั้งที่กินข้าว ฉันไม่ใช่วัวควายที่กินหญ้าแทนข้าวนะจะได้โง่เง่าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง” รัตติกาลแหวอย่างเหลืออด หญิงสาวลืมคิดไปว่าการที่เขาเป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่แสดงกิริยาตำ่ทรามอย่างที่เคยทำ
“กินข้าวไม่ทันอิ่มทรยศเลยนะ ปากดีอย่างนี้ไม่ต้องกินแล้ว ปล่อยให้หิวตาย” ไม่ว่าเปล่า มือหนาคว้าจานข้าวที่รัตติกาลกินไปแทบนับช้อนได้ เททิ้งหน้าตาเฉย
“ไอ้...ไอ้...ไอ้คนใจร้าย”
รัตติกาลน้ำตาคลอ วิ่งไปยื้อจานกับข้าวก็ได้แค่จานเปล่าเมื่อกับข้าวและข้าวสวยก้อนสุดท้ายคลุกกับฝุ่นสีนำ้ตาลแดงหมดแล้ว หญิงสาวสะอื้นฮักอย่างขัดใจ ทุบอกแกร่งอย่างเหลือทน เธอกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ แถมยังต้องเตรียมดินปลูกผักในวันพรุ่งนี้ตามคำสั่งของเขาเพื่อแลกกับอาหารวันละสองมื้อ เมื่อเห็นอาหารมื้อที่สองที่เธอสมควรจะได้หายวับไปกับตา รัตติกาลก็ปรี๊ดแตก แต่มันไม่ได้รับความเห็นใจเลยสักนิด
“ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน แล้วอย่าเอามือสกปรกๆ มาแตะต้องตัวฉัน”
ธนาดลใช้มือเพียงข้างเดียวปัดรัตติกาลไปก้นจ้ำเบ้า ชายหนุ่มเดินลงเท้าเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์สะใจที่ได้เห็นน้ำตาของศัตรูอีกครั้ง ชัยชนะในวันที่สองนี้เขามอบให้ชุติมาที่ต้องเกลือกกลั้วกับเพื่อนร่วมคณะคนนี้
“เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ยังไม่เคยมีใครทำอะไรเลวๆ อย่างนี้มาก่อน” รัตติกาลเช็ดน้ำตาป้อยๆ ฝืนตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก หญิงสาวไม่ทราบว่าความโกรธหรือความหิวมีมากกว่ากัน หากลุกขึ้นได้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุน!!
ธนาดลเดินดุ่มเข้าไปในบ้าน คว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้แล้วเข้าห้องน้ำไป ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีชายหนุ่มใช้น้ำสะอาดในตุ่มใหญ่ที่รัตติกาลตักไว้จนหมด เขาอดใจแทบไม่ไหว อยากเห็นสภาพคนโดนทรมานด้วการใช้แรงงานและการพักผ่อนอย่างไม่เพียงพอว่าจะมีสภาพอย่างไรต่อจากนี้ เหงื่อไคลและความเหม็นสาบเป็นเพียงบทเรียนแรกที่เขาจะสั่งสอนรัตติกาล
อากาศเย็นกลางดึกทำให้ธนาดลรู้สึกตัวเพราะเขาสวมเพียงกางเกงนอนขายาว ชายหนุ่มผล็อยหลับไปโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัว ธนาดลมองไปรอบห้องก็ไม่พบรัตติกาล ความหวาดหวั่นปรากฏบนใบหน้า กลัวว่าเชลยสาวจะหนีไป ร่างสูงเด้งจากที่นอน ไม่สนใจคว้าเสื้อมาสวมใส่ ก้าวเท้ายาวๆ ไปหน้าบ้าน แล้วภาพที่เห็นทำให้หัวใจเขาหล่นไปที่ปลายเท้า
“รัตติกาล” ชายหนุ่มแทบไม่ได้ยินเสียงของตน
ร่างค่อนข้างสูงของรัตติกาลล้มฟุบจมกองเลือด ธนาดลวิ่งไปอุ้มร่างของหญิงสาวไว้แนบอก ร่างเย็นเฉียบกับใบหน้าขาวซีดทำให้หัวใจเขาร้อนรน
รัตติกาลหมดสติไปท่ามกลางความหิว โชคร้ายที่ศีรษะเธอฟาดกับก้อนหินอย่างแรง โลหิตสีแดงฉานไหลรินเป็นทางยาวแต่ยังดีที่เวลามืดค่ำในป่าอย่างนี้ไม่มีสัตว์ร้ายออกหากิน ไม่เช่นนั้นเธอคงเป็นเหยื่ออันโอชะของสัตว์ป่าที่หิวโหย หากเมื่อรู้สึกตัวก็เจ็บแปลบที่ศีรษะ มือเรียวแตะตามสัญชาตญาณ ทันทีที่หญิงสาวเห็นโลหิตติดปลายนิ้ว สติของคนกลัวเลือดก็โบยบินอีกครั้ง
“เธออย่าเป็นอะไรนะ” ธนาดลบอกคนในอ้อมกอด ตบหน้าเธอเบาๆ เรียกสติ หากร่างบางยังแน่นิ่งทำให้เขาใจคอไม่ดี
ธนาดลรื้อชุดปฐมพยาบาลอย่างลนลาน ครั้นเมื่อว่ิงไปตักนำ้ก็พบเพียงน้ำก้นตุ่มข้นคลั่ก ชายหนุ่มฟาดขันพลาสติกกับตุ่มจนแตกอย่างคับแค้นใจ เขาตัดสินใจใช้น้ำดื่มที่มีทำความสะอาดแผลให้เธอ รวมไปถึงเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายที่หมักหมมจากเหงื่อไคล
“กรรมอะไรของแกเนี่ยไอ้ดล” ธนาดลบ่นกำตัวเอง เขากลั่นแกล้งให้รัตติกาลได้ทรมานฉันใด กรรมติดจรวดส่งผลถึงเขาสิบเท่าทันตาฉันนั้น ถ้ามันเป็นแค่งานหนักและอดอาหารเขาจะไม่ทรมานอย่างนี้ นี่เขาต้องทนกับความเย้ายวนของร่างผุดผาดไปทุกส่วนของรัตติกาลอีก ธนาดลพยามยามข่มความต้องการด้านมืดของตนเอง ธนาดลตัดสินใจเดินถือไฟฉายฝ่าความเย็นไปตักน้ำใส่ตุ่มให้เต็มถัง พร้อมทั้งทำข้าวต้มไว้รอรัตติกาลตื่น
ธนาดลมองนาฬิกาอีกครั้งก็ทราบว่าล่วงเข้าวันใหม่มาสามชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มหาวจนน้ำตาไหล แล้วซุกตัวในผ้าห่มผืนเดียวกับรัตติกาล
“วันนี้ฉันจะเลิกจองเวรเธอหนึ่งวัน” ธนาดลบอกคนที่หลับสนิท ใบหน้าซีดราวกระดาษของเธอเริ่มมีเลือดฝาดน่ามองทำให้อดใจไม่ไหวที่บีบจมูกโด่งของเธอ
“ตัวรุมๆ นะ” เขาพึมพำอย่างเป็นห่วง หากแตะหลังมือกับหน้าผากเนียนต้องชักมือกลับ เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนผะผ่าว
“หนะ...หนาว” รัตติกาลเพ้อไม่ได้สติ
ธนาดลรีบหาเสื้อผ้าตัวหนาเท่าที่จะหาได้ใส่ให้เธอเป็นพัลวัน หากไม่อาจทำให้อุณหภูมิร่างกายของหญิงสาวลดลงได้เลย ชายหนุ่มว้าวุ่น เป็นห่วงรัตติกาลอย่างยิ่งเพราะเขาไม่อาจติดต่อแพทย์ให้มาดูอาการ หรือสักรินทร์ได้เลย เขาจึงตัดสินใจกระทำการที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รัตติกาลมีความสุขยามนิทรารมณ์ ลมหนาวยามรุ่งสางพัดโชยมาเป็นผลให้ร่างบางเบียดหาความอบอุ่นกับธนาดล มือหนาปัดไรผมให้ทัดหูรัตติกาลอย่างเบามือ เหงื่อซึมตามไรผมสีดำทำให้ธนาดลคลายใจลงได้ว่าพิษไข้ของเธอได้บรรเทาแล้ว
ก่อนหน้านี้รัตติกาลเพ้อเพราะพิษไข้ แถมตัวร้อนเสียจนธนาดลตกใจ เสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่มที่เตรียมไว้ไม่อาจให้ความอบอุ่นแก่คนป่วยได้ ธนาดลตัดสินใจถอดเสื้อผ้าทั้งของเขาและของเธอออก แล้วใช้ไออุ่นจากร่างกายเป็นผ้าห่มที่ดีที่สุดที่หาได้ในเวลานี้
ธนาดลข่มใจตนเองไม่ให้สัญชาตญาณดิบของตนทำสิ่งที่เป็นการฉวยโอกาสรัตติกาล ภาพทรวงอกสล้างเด่นชัดในความทรงจำ แม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามข่มตานอนก็ไม่อาจลบภาพหน้าอกสีงาช้างคู่งามไปได้ เขาได้ใช้เวลาดังกล่าวคิด วิเคราะห์กับเพลิงแค้นที่เขาเป็นคนก่ออีกครั้ง ก็พบว่ายังมีสิ่งที่น่าสงสัยอยู่หลายแห่ง แต่ยังคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร
ครั้นหวนคิดไปถึงสักรินทร์ที่พยายามทัดทานเขาหลายครั้งเกี่ยวกับแผนการครั้งนี้ สักรินทร์ไม่คิดว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ได้มาจากรัตติกาล แต่ด้วยโทสะที่ครอบงำทำให้เขาไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ตลอดเวลาที่คนของสักรินทร์ตามเรื่องนี้เขาได้รับเพียงหลักฐานการเงินที่เป็นความเกี่ยวข้องของคนทั้งคู่ สักรินทร์บอกเขาว่าผลการเรียนดีเยี่ยมของเธอเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเธอกำลังจะมีอนาคตที่ดีหลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่สำคัญเขาเผอิญทราบมาว่าเธอได้รับการตอบรับจากสายการบินดังของไทยและยุโรปอีกสองถึงสามแห่งก่อนที่เขาจะจับตัวเธอมา
“ฉันจะชดเชยให้เธออย่างไรดี” ธนาดลพึมพำขณะที่กอดรัตติกาลไว้แนบอก
ธนาดลนึกหวงแหนร่างบางที่ถูกเขาทรมานสารพัด แม้จะได้ใช้เวลาร่วมกันเพียงไม่กี่วันทำให้เขารู้ว่าเธอมีทิฐิที่แรงกล้าเพียงใด รัตติกาลไม่เคยปริปากบ่นหรือขอความช่วยเหลือใดๆ จากเขา หล่อนเพิ่งจะของขึ้นเมื่อต้องอดมื้อเย็น คิดถึงตรงนี้ ธนาดลก็อดบีบจมูกของเธอไม่ได้
“กินจุนะตัวแค่นี้”
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ไอหมอกที่เคยมีได้จางไป เผยให้เห็นดาวพราวระยิบระยับตัดกับท้องฟ้าที่สีน้ำเงินเข้มยามร่างสางราวกับประกายจากเพชรบนผ้ากำมะหยี่ ในเวลานี้ธนาดลแน่ใจแล้วว่ารัตติกาลได้นั่งอยู่กลางใจเขาเรียบร้อยแล้ว
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ขอโทษนะคะที่มาอัพช้า พอดีเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดค่ะ
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2554, 16:41:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2554, 12:49:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 2357
<< บทที่ี่่ 6 | บทที่ 8 >> |
ปูสีน้ำเงิน 9 พ.ค. 2554, 20:17:10 น.
เป็นคำถามที่ตอบง่ายๆ นะคุณธนาดลขา ก็ขอเค้าแต่งงานสิ
เป็นคำถามที่ตอบง่ายๆ นะคุณธนาดลขา ก็ขอเค้าแต่งงานสิ
lovemuay 9 พ.ค. 2554, 21:41:39 น.
ในที่สุดก็ยอมรับใจตัวเองแล้วสินะ คุณพี่คล ^^
ในที่สุดก็ยอมรับใจตัวเองแล้วสินะ คุณพี่คล ^^
angle101 10 พ.ค. 2554, 11:35:30 น.
รอนะ
รอนะ