ปีกนางฟ้า (Angel Wing)
เมื่อ สิ่งที่ เรียก ว่า "โชคซะตา" ที่ เรา ทุก คนเชื้อมา ตลอดว่า เราเป็นผู้ กำหนด เส้นทางของเราเอง แต่ ทว่า สิ่งที่ เราทำได้ กลับมี เพียง แต่ เดินไป ตามเส้นทางของ โชคซะตา ที่ถูกกำหนดมาให้เรา แล้ว
Tags: เวทมนตร์.วิญญาญ.ยมทูต.เทวทูต.ความดี.ความเลว.รักหวานซึ้ง

ตอน: The Book Of Darkness IV

รี ฟอสเดินมายังท้ายเมืองที่อยู่อีกฝากหนึ่งตรงข้ามกับ ราเบอรี่ บาร์ เมื่อเดินมาถึงบริเวณสุสานที่ มีป้ายหินสีขาวปักอยู่มากมาย รีฟอสและเทียน่าเดินผ่านแผ่นหินเหล่านั้นเข้าไปด้านใน ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้าแผ่นหินสีขาวแผ่นหนึ่ง ที่มีอักษรสลักว่า “ทามาร” รี ฟอสก้มลงวางดอกไม้ลงบนหน้าหลุมศพ แล้วยืนมองหลุมศพด้วยสายตาเศร้าๆ เมื่อเทียน่าเห็นรีฟอสทำสีหน้าเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำ เสียงที่โมโห
“นายจะจมอยู่กับ อดีตไปถึงเมื่อไร” พร้อมกับจ้องมองรีฟอสด้วยสายตาไม่พอใจ รีฟอสหันมองเทียน่าแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เธอจะมาเข้าใจอะไร” แล้วหันกลับไปมองหลุมศพ
“เธอ รู้ไหมว่า ในหลุมศพของปู่นี้มันว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย” “เพราะร่างของปู่ถูกเผาไปพร้อมกับบ้าน” แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เครียดแค้นจนเทียน่ารู้สึกได้
“และฉันก็เฝ้าตามหากลุ่มชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของฉันมาโดยตลอด” เมื่อเทียน่าได้ยินที่รีฟอสพูดเช่นนั้นก็กำมือขึ้น
“นายแก้แค้นแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา” รีฟอสจ้องมองเทียน่าแล้วกำลังจะพูดขึ้น แต่เทียน่าก็พูดขึ้นขัดซะก่อน
“อดีตมันไม่สำคัญหรอก ปัจจุบันและอนาคตต่างหากที่สำคัญ” เมื่อรีฟอสได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โมโห
“เธอไม่เข้าใจหรอก ว่าอดีตมันสำคัญสำหรับฉันมากขนาดไหน” แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“บางที่ฉันอาจจะอยู่ที่เมืองนี้นานไปแล้วก็ได้” เมื่อพูดจบก็หันมองเทียน่าด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะพูดต่อ
“บางทีคง จะถึงเวลาที่ฉันต้องไปจากเมืองนี้เสียที” เมื่อรีฟอสพูดจบก็โดนเทียน่าตบทันที รีฟอสหันมองเทียน่าที่น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง เทียน่าจ้องมองรีฟอสพร้อมๆกับพูดขึ้นทั้งน้ำตา
“นายเคยคิดบ้างมั้ยว่าฉัน กับคุณแม่จะรู้สึกยังไงเมื่อนายไป” “นายไม่เคยนึกถึงฉันหรือคุณแม่เลย” เมื่อรีฟอสได้ยินที่เทียน่าพูดก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“เธอจะแคร์ ทำไมในเมื่อฉันกับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว” เมื่อเทียน่าได้ยินรีฟอสพูดเช่นนั้นก็ตบ

รี ฟอสอีกที ก่อนจะหันหลังวิ่งออกจากสุสานไป รีฟอสมองตามหลังเทียน่าที่วิ่งออกจากสุสานไป ก็ยกมือขึ้นสัมผัสกับแก้มตนเองที่โดนเทียน่าตบ แล้วเดินออกมาจากบริเวณสุสาน มานั่งที่เก้าอี้ที่ทำจากไม้และมีต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเงาอยู่ด้านหลัง แล้วนั่งลงพร้อมๆกับจ้องมองสุสานที่อยู่เบื้องหน้า ภาพในอดีตก็ผลุดขึ้นมาในความทรงจำ เป็นอดีตที่พบกับชายที่ชื่อ “โรเว่น” เป็นครั้งแรก
รีฟอสเฝ้าตามหากลุ่มชายเหล่านั้นที่ทำลายชีวิตของเขา จนมาถึงเมือง “ราเทียน่า” เขา เดินผ่านตัวเมืองที่วุ่นวายที่เต็มไปด้วยผู้คน จนมาถึงบริเวณสุสาน เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้ที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอยู่ด้านหลัง อีกทั้งฝนก็ยังโปรยปรายลงมา ทำให้ รีฟอสต้องนั่งหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ รีฟอสนั่งมองเม็ดฝนที่กำลังโปรยปรายลงสู้พื้นดินเบื้องล่าง ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร” “แสวงหาอะไรในชีวิต” “ถ้าเราตายไปคงจะได้ไปอยู่กับปู่” ขณะ ที่รีฟอสกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มวิ่งเข้ามาหลบฝนใต้ต้นไม้ที่รีฟอสนั่งอยู่ ชายหนุ่มจ้องมองรีฟอสที่นั่งอยู่ก่อนจะก็ยิ้มให้
“ไงเจ้าหนู อากาศหนาวนะ ว่ามั้ย” รี ฟอสหันมองคนแปลกหน้าที่ทักทายตนเอง เขามีผมยาวสีทองถูกรวบไว้ด้านหลัง ดวงตาสีดำ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา จมูกโด่ง แต่งตัวแบบพวกขุนนาง รีฟอสจ้องมองหน้าคนถามก็คิดในใจว่า ฝนตกอากาศก็ต้องหนาว เป็นเรื่องธรรมดา อยู่แล้ว หลังจากนั้นชายแปลกหน้าก็ชวนรีฟอสคุยอีกหลายเรื่อง แต่รีฟอสก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั้งฝนหยุดตก ชายแปลกหน้าก็ลุกขึ้นมายืนตรงหน้ารีฟอส
“หนุ่มน้อย ฉันว่าดวงตาของเธอ ทั้ง เศร้า และ หนาวเหน็บ กว่าฝนที่ตกเมื่อครู่นี้อีก นะ” รี ฟอสเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้า แล้วสบตากับดวงตาสีดำคู่นั้น ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชายแปลกหน้าจ้องมองรีฟอสพร้อมๆกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ฉันเองก็มีอดีตที่เจ็บปวด” เมื่อพูดจบก็ยื่นมือมาตรงหน้ารีฟอส แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เชื่อมั่นในบางสิ่งบางอย่าง
“อดีต มีไว้จดจำ ไม่ใช่จมอยู่กับมัน” รี ฟอสจ้องมองชายแปลกหน้าที่ยื่นมือมาหาตนเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก็ยื่นมือไปจับมืออันแสนอบอุ่นนั้น เมื่อเมฆฝนและความหนาวเหน็บผ่านไป สิ่งที่จะหลงเหลืออยู่ก็มีเพียงแต่ ดวงอาทิตย์อันแสนอบอุ่น และท้องฟ้าอันแสนสดใส
รีฟอสนั่งมองพระ อาทิตย์ที่กำลังฉายแสงสุดท้าย ก่อนจะลับลาขอบฟ้าจากไป แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำอยู่ถูกแล้วหรอ การแก้แค้นคือทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆหรือ รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ยามค่ำคืนที่คืนนี้มีเพียงหมู่ดาวส่องแสงระยิบระยับ อยู่บนท้องฟ้าอันไร้หมู่เมฆบดบัง และดวงจันทร์กลมนมสีเหลืองที่สาดส่องแสงสีนวลลงมา ก็ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้ สวยงานเป็นพิเศษ รีฟอสลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาเรื่อย จนมาถึงบริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง สภาพของจัตุรัสใจกลางเมืองตอนนี้ ร้านค้าหลายร้านทยอยกันปิดหมดแล้ว และผู้คนก็ไม่มีเดินผ่านไปผ่านมา รีฟอสเดินผ่านบริเวณจัตุรัสกลางเมืองไป จนมาถึง บาร์ ที่ตั้งอยู่ท้ายเมือง เมื่อมาถึงก็เปิดประตูเข้าไปภายในร้าน แล้วเดินผ่านประตูเข้ามาก็ พบว่าภายในร้านมีลูกค้าอยู่หลายคน แต่เทียน่ากลับไม่ได้อยู่ช่วย รีฟอสจึงรีบเดินไปหามาสเตอร์ที่กำลังยุ่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ เมื่อเดินมาถึงก็เอ่ยถามถึงเทียน่าด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวน
“เทียน่า ล่ะครับ มาสเตอร์” มาสเตอร์เงยหน้าขึ้นมอง รีฟอสด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“เธอสองคนมีเรื่องอะไรกัน หรือเปล่า จ๊ะ” เมื่อได้ยินที่มาสเตอร์ถามรีฟอสก็มีสีหน้าอึดอัด
“คือ ผมกับ เทียน่าทะเลาะกัน นิดหน่อยน่ะครับ” มาสเตอร์เมื่อได้ยินที่รีฟอสตอบก็คลายสีหน้าที่เป็นกังวนลงแล้วพูดต่อด้วย น้ำเสียงปกติ
“มิน่าล่ะจ๊ะ พอกลับมาถึงเมื่อตอนกลางวันก็เอาแต่ หมกตัวอยู่แต่ในห้อง” แล้วหันมองไปทางบันไดขั้นสอง
“ตอน นี้ก็คงยังอยู่ในห้องล่ะจ๊ะ” เมื่อ รีฟอสได้ยินที่มาสเตอร์บอกก็รีบเดินไปที่บันไดชั้นสอง ก่อนจะหันกลับมาของคุณมาสเตอร์ แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของบาร์ ชั้นสองของ “Rabery Bar” แบ่งออกเป็น 4 ห้อง

รีฟอสเดินไปเคาะประตูที่มีป้ายแขวนอยู่ ว่า “เทียน่า” หลังจากรีฟอสเคาะประตูไปก็ไม่มีเสียงตอบกลับ

รีฟอสจึงเคาะประตูอีกครั้งพร้อมๆกับส่งเสียงเรียก
“นี่ฉันเอง เทียน่า” “เปิดประตูหน่อยสิ” สักพักหนึ่งก็มีเสียงเทียน่าตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโห
“นายจะมาทำไมอีก จะไปไหนก็ไป” เมื่อรีฟอสได้ยินเช่นนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ขอ ร้องล่ะเทียน่า ออกมาคุยกันก่อนได้มั้ย” เมื่อ เสียงเงียบไปสักพักหนึ่ง บานประตูก็ถูกเปิดออก รีฟอสจ้องมองเทียน่าที่เปิดประตูออกมา ดวงตาสีฟ้าคู่งามนั้น แดงกล่ำจนเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะเกิดจากการร้องไห้อย่างหนัก เทียน่าจ้องมองรีฟอสที่ยืนอยู่แล้วพูดขึ้นด้วนน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจมากนัก
“นายมีอะไร อีก” รีฟอสยิ้มรับ
“เอา เป็นว่า ขึ้นไป คุยกันข้างบนดี กว่า” เมื่อ พูดจบรีฟอสก็เดินนำไปที่ห้องสุดท้ายของชั้นสอง แล้วปีนบันไดขึ้นไปด้านบน จนมาถึงบนหลังคาของร้าน เทียน่าก็ปีนตามขึ้นมาพอมาถึงก็นั่งลงข้างๆรีฟอส รีฟอสจ้องมองตัวเมืองที่เห็นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเบื้องหน้า
“นึกถึงสมัยก่อนนะ ที่เราสองคน แอบหนีขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ” เทียน่าหันมองรีฟอสที่พูดขึ้น
“อือ โดยคุณแม่ ดุบ่อยๆ ด้วย” เมื่อ พูดจบทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่โดน มาสเตอร์ดุ เพราะแอบหนีขึ้นมาบนนี้ แล้วรีฟอสก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เทียน่า” เทียน่าหันมองรีฟอสที่เรียกตนเอง
“ขอโทษนะ เรื่องเมื่อตอนกลางวัน” เทียน่าได้ยินสิ่งที่รีฟอสพูดก็ยิ้มขึ้น
“ฉัน ตัดสินใจแล้ว ว่าจะเลิกแก้แค้น แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้ต่อไป” เทียน่ามองคนพูดก็ยิ้มขึ้นอย่างดีใจ

รีฟอสหยุดพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรี ที่มีเพียงแต่หมู่ดาว ไร้หมู่เมฆบดบัง พร้อมๆกับพูดต่อ
“ฉันจะลืมอดีตที่ผ่านมา แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่” เทียน่ามองรีฟอสพร้อมๆกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ฉัน คิดว่า อดีตมีไว้จดจำนะ” “เพื่อที่คนเราจะได้กล่าวเดินต่อไปในวันข้างหน้า” แล้ว ยิ้มให้กับรีฟอสอย่างอ่อนโยน รีฟอสหันมองเทียน่าแล้วพูดขอบคุณที่เธอทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าควรจะทำอย่าง ไรต่อไป แล้วทั้งคู่ก็นั่งคุยถึงเรื่องเก่าๆพร้อมกับนั่งดูดาวบนท้องฟ้า รีฟอสกำลังจะลุกลงไปด้านล่างเพราะน่าจะได้เวลาที่มาสเตอร์จะปิดร้านแล้ว แต่เทียน่ากับดึงมือไว้พร้อมกับขอร้องให้อยู่ต่ออีกหน่อย แล้วทั่งคู่ก็นั่งเงียบไป จนกระทั่งเทียน่าถามคำถามแปลกๆขึ้นมา
“นี่รีฟอส นายคิดว่า เพราะอะไร” “เวลาที่คู่รักจูบกันถึงต้องหลับตาลง” รีฟอสหันมองเทียน่าด้วยสีหน้างงๆ
“ไม่ รู้สิ” เมื่อ รีฟอสพูดจบ เทียน่าก็เอนตัวเข้าจูบรีฟอสทันที ท่ามกลางหมู่ดาว และ จันทรา ผู้เป็นสักขีพยาน เทียน่าค่อยๆถอยห่างออกจากรีฟอส แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เขินอาย
“เพราะว่าคู่รักคู่นั้น ต่างอธิษฐานขอให้ จูบนี้เป็นจูบนิรันดร์ไงล่ะ” เมื่อ พูดจบเทียน่าก็รีบลุกขึ้นแล้วปีนบันไดลงจากหลังคาไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้รีฟอสนั่งอยู่คนเดียว รีฟอสยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากที่ถูกเทียน่าจูบเมื่อครู่นี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีเพียงแต่แสงสว่างจากดวงดาวที่ส่องสว่างบนท้องนภาอันมือมิด ก็ยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข อย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ดวง อาทิตย์ส่องแสงสว่างอีกครั้ง อันเป็นสัญญาณว่า รุ่งอรุณมาเยือนอีกคราว ปลุกทุกสรรพสิ่งให้ตื่นขึ้นจาก นิทรา อันเงียบสงัด รีฟอสเดินออกจากบ้านของตนเอง เดินผ่านบริเวณจัตุรัสใจกลางเมือง อันเนือแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังเพลิดเพลินกับยามเช้าอันแสนสดใส และ แสงแดดอันอบอุ่น เมื่อรีฟอสเดินผ่านพ้นฝูงคนออกมาก็หันหลังกลับไปมองบริเวณที่ตนเองเดินผ่าน มา ก็ยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินต่อไปจนถึง “Rabery Bar” รีฟอสก้มมองอ่านป้ายที่ถูกแขวนอยู่หน้าประตูร้าน “ปิดบริการ” จึงเคาะประตู สักพักหนึ่งก็มีเสียงผู้หญิงดังออกมาจากด้านในร้าน
“ร้าน ยังไม่เปิด ค่ะ” พร้อมๆ กับประตูร้านถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของผู้มาเปิดประตู ซึ่งก็คือเทียน่านั้นเอง เมื่อทั้งสองคนต่างเจอหน้ากันก็ต่างทำอะไรไม่ถูกได้แต่ หน้าแดงขึ้นมาทั้งคู่ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน สักพักหนึ่งก็มีเสียงมาสเตอร์ดังออกมาจากภายในร้าน
“ใครมาจ๊ะ เทียน่า” เทียน่าจึงหันกลับไปตอบมาสเตอร์
“รีฟอส มาค่ะแม่” แล้วหลบทางให้รีฟอสเดินเข้ามาด้านในพร้อมๆกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เขิน
“เข้า มาก่อน สิ” รีฟอสยิ้มรับแล้วเดินผ่านเทียน่าเข้าไปภายในร้าน รีฟอสเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ ที่มีมาสเตอร์กำลังวุ่นอยู่กับการจัดของ
“มาสเตอร์ครับ” มาสเตอร์เงยหน้าขึ้นมองคนเรียก
“มี อะไร จ๊ะ” แต่ ก่อนที่รีฟอสจะทันได้พูดต่อ เทียน่าก็นำเครื่องดื่มมาเสริฟให้รีฟอส ก่อนจะเดินหน้าแดงหายเข้าไปด้านหลังเคาน์เตอร์ มาสเตอร์มองการกระทำของทั้งสองคนก็ยิ้มขึ้น แล้วเรียกเทียน่าให้มาหา เมื่อเทียน่าเดินออกมามาสเตอร์ก็พูดต่อ
“รีฟอสจ๊ะ ช่วยไปชื้อของในเมืองเป็นเพื่อนเทียน่าหน่อยได้ไหมจ๊ะ” พร้อมๆกับมองรีฟอสเพื่อรอฟังคำตอบ รีฟอสหันมองเทียน่าด้วยสายตาที่อ่อนโยนแล้วตอบมาสเตอร์กลับไป “ได้สิ ครับมาสเตอร์” เมื่อ เทียน่าได้ยินที่รีฟอสตอบตกลง ก็ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง เมื่อรีฟอสคุยธุระกับมาสเตอร์เสร็จก็เดินออกมานั่งรอเทียน่าอยู่ที่หน้าร้าน สักพักหนึ่งเทียน่าก็เปิดประตูออกมา เมื่อรีฟอสได้ยินเสียงเปิดประตูก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับไปมองที่ประตู เมื่อรีฟอสเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าตนเองก็ทำต่างทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่ง จ้องมองเทียน่า ที่อยู่ในชุด เสื้อแขนสั้นสีชมพู กระโปรงสั้นสีครีม ผมสีดำที่ยาวสลวยถูกรวบไว้ด้านหลังด้วย โบสีขาว แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากบริเวณหน้าร้านไป มาสเตอร์มองทั้งสองคนที่เดินไปด้วยกันผ่านบานหน้าต่างของร้านก็ยิ้มขึ้น อย่างรู้ทัน

ระหว่าง ทางรีฟอสและเทียน่า ต่างก็เงียบกันตลอด ทั้งสองคนต่างไม่รู้จะคุยอะไรกัน จนมาถึงละแวกร้านค้าในตัวเมือง เทียน่าก็ชื้อของรีฟอสก็ช่วยถือของ จนทั้งคู่ชื้อของเสร็จ เทียน่าก็ออกไอเดียว่าให้หาที่นั่งพักกันก่อน ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากบริเวณตัวเมืองมานั่งพัก กันที่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วเทียน่าก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเขินๆ
“คือ..ว่าเรื่องเมื่อคืน” รีฟอสหันมองเทียน่า ก็พอจะเดาออกว่าเทียน่าจะพูดอะไรต่อ รีฟอสจึงรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ขอโทษด้วยนะเทียน่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก” เมื่อเทียน่าได้ยินเช่นนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่งาม พร้อมๆกับถามรีฟอสทั้งน้ำตา
“ทำไมล่ะ เธอไม่ชอบฉันหรอ” รีฟอสส่ายหน้า เทียน่าจึงถามต่อ
“งั้น ทำไมล่ะ” รีฟอสจ้องมองเทียน่าที่น้ำตาที่กำลังร้องไห้จนดวงตาสีฟ้าคู่งามดูหมอง
“ฉันเองก็ ชอบเธอแต่...”
“งั้น ทำไมล่ะ เธอถึงไม่อยากจะคบกับฉัน” เทียน่ามองรีฟอสที่นิ่งเงียบ ก็ลุกขึ้นแล้วหันหลังจะวิ่งออกไป แต่ก่อนที่เทียน่าจะทันได้วิ่งออกไปรีฟอสก็คว้าข้อมือของเทียน่าไว้ก่อน
“เพราะว่าฉันมักจะสูญเสียสิ่งที่ตนเองรักไปเสมอ” ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเทียน่า
“และ ถ้าฉันตอบรับความรู้สึกของเธอ” เมื่อพูดจบ รีฟอสก็ลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับยื่นมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเทียน่าอย่างอ่อนโยน แล้วพูดต่อ ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ฉันกลัว ว่าฉันจะสูญเสียเธอไปอีกคน” เมื่อเทียน่าได้ฟังสิ่งที่รีฟอสพูดก็ยิ้มขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“ฉัน ไม่มีทาง ที่จะหายไปจากชีวิตของนายหรอก” รี ฟอสมองสบตาดวงตาคู่ก็เห็นแววตาที่มั่นใจก็ยิ้มขึ้น แล้วก้มลงจูบเทียน่า สายลมพัดใบไม้ของต้นไม้ให้สั่นไหว ต้นหญ้าปลิวไสวตามสายลมพี่พัดผ่าน แสงแดดสาดส่องให้ความอบอุ่นแก่ทุกสรรพสิ่งทำให้ ทุกอย่าง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่ง ชีวิต
เมื่อ เทียน่า และ รีฟอส เดินกลับมาถึงบริเวณหน้าร้าน รีฟอสก็เอ่ยถามเทียน่าขึ้น
“จำเรื่องที่เธอบอกกับ ฉันบนหลังคาได้มั้ย” เทียน่าทำสีหน้างงๆ
“เรื่องอะไร หรอ”
“ทำไมเวลาคู่รักจูบกันถึงต้องหลับตาลง” เทียน่านึกถึงตอนนั้นขึ้นมาก็หน้าแดง
“ทำไมล่ะ” รีฟอสยิ้มให้กับเทียน่าอย่างอ่อนโยน
“มัน อาจจะจริงก็ได้” “ที่คู่รักอธิษฐาน ขอให้จูบนี้เป็นจูบนิรันดร์” เมื่อ รีฟอสพูดจบเทียน่าก็เขินจนหน้าแดง จนต้องวิ่งเข้าไปในร้านก่อนปล่อยให้รีฟอสยืนอยู่คนเดียว รีฟอสเปิดประตูเข้าไปในร้านแล้วเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์ เมื่อมาสเตอร์เห็นรีฟอสมีท่าทางมีความสุขก็ยิ้มขึ้น แล้วส่งแก้วน้ำให้ พร้อมๆกับพูดขึ้น
“เหนื่อยหน่อยนะ จ๊ะ” รีฟอสยกแก้วน้ำขึ้นดื่มมาสเตอร์ก็พูดต่อ
“ดูท่าว่า การชื้อของครั้งนี้จะมีเรื่องดีๆเกินขึ้นสินะ จ๊ะ” รีฟอสวางแก้วลงแล้วจ้องมองคนพูดด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มาสเตอร์ รู้ด้วยหรอครับ” มาสเตอร์มองรีฟอสแล้วยิ้มขึ้น
“ดูถูกฉัน อย่างนี้ก็แย่ สิจ๊ะ” แล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“แล้ว เทียน่าว่ายังไงบ้างล่ะจ๊ะ” เมื่อรีฟอสได้ยินที่มาสเตอร์ถามขึ้นก็เขินจนต้องก้มหน้าลง มาสเตอร์เห็นท่าทางของรีฟอสก็ยิ้มขึ้น แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“อย่าไปกังวนกับ อดีตที่ผ่านมาเลยจ๊ะ” รีฟอสเงยหน้าขึ้นมองมาสเตอร์
“เธอแค่ใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้ว จ๊ะ” แล้วยิ้มให้กับรีฟอสอย่างอ่อนโยน




นาฬิกาปลาวาฬทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2555, 15:18:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2555, 15:18:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 978





<< The Book Of Darkness III   The Book Of Darkness V >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account