ลมรักวาเลนไทน์
ในความเหมือน..มีความแตกต่าง ในความแข็งแกร่ง..มีความเยือกเย็น ในความพริ้วพราย..มีความอ่อนแอ แต่สุดท้ายระหว่าง "เพชรกล้า" กับ "น้ำริน" ก็มีความเป็นหนึ่งเดียว

"ความรัก"ที่ดี" จะเกิดขึ้นต่อเมื่อจิตใจคุณถูกฝึกให้มีคุณภาพดีพอจะคู่ควรเท่านั้น
ไม่ใช่ได้มา ในขณะที่กำลังเพลิดเพลิน "หลงทาง"อยู่กับความเหงาจนไม่มีแสงสว่างพอของใจที่จะลืมตาตื่นขึ้นพบคนดีจริงๆสักคน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๒ ความขัดแย้ง

ละอองแดดยามสายลอดผ่านกระจกเข้ามาในบรรยากาศแอร์เย็นฉ่ำของรถญี่ปุ่นคันกลางเก่ากลางใหม่ ใบหน้าอ่อนเยาว์หลังพวงมาลัยฉายแววหม่นหมอง เครื่องยนต์ดับสนิทลงแล้ว ร่างแบบบางเอนพิงพนักในส่วนของคนขับ มือซ้ายปล่อยตกข้างลำตัว แขนขวาขึ้นก่ายหน้าผากด้วยความอ่อนล้า บวกกับความเครียดที่สั่งสมมาตลอดทั้งคืนวัน

“ตัวเอง..” เสียงเรียกคุ้นหูดังเข้ามาพร้อมกับเสียงเคาะกระจกรถถี่ๆ ปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นจากภวังค์

ใบหน้าซีดเซียว ขยับเปลือกตาคล้ำจากการอดหลับอดนอนมาหลายวันขึ้นลงสองสามที ผ่อนลมหายใจให้เป็นจังหวะสมดุลจนเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติอย่างคนที่เคยฝึกสมาธิมาดี เหยียดลำตัวขึ้นตรงก่อนจะหันหน้าไปยิ้มรับคนนอกกระจกด้วยความเป็นมิตร

"ยังจะมายิ้มอยู่ได้ นั่งทำไรอยู่เพชร ไม่ลงมาซะที" น้ำรินเอ่ยเสียงแหลม หน้าตาบอกบุญไม่รับ แขนสองข้างที่สอดประสานกันไว้ที่อก ทำให้คนถูกเรียกชักจะสัมผัสได้กับคลื่นโทสะของหญิงสาว..และคลื่นนั้นก็คงกรุ่นๆมาจากเรื่องอะไรสักอย่าง ก่อนที่หล่อนจะเดินทางมาถึง...หญิงสาวผลักประตูรถออกมาอย่างไม่เร่งรีบ ไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะมีท่าทีร้อนรนเพียงใด

"มีเรื่องอะไรด่วนหรือไงคะคุณหนูน้ำ"

"พู่กัน!"
"น้ำ"

"เอ๊ะ! ตัวนี่ บอกกี่ครั้งกี่หนว่าให้เรียกเราว่าพู่กัน เราไม่อยากเป็นยัยน้ำที่พ่อกับแม่ไม่เคยปลาบปลื้มในตัวเราเลย!" น้ำรินเอ่ยอย่างหัวเสีย หน้าตึงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว "เอาเถอะ จะเรียกอย่างไหนก็ช่าง แต่ตอนนี้พู่กันมีเรื่องต้องเคลียร์กับเพชร...ด่วนมาก!"

เพชรกล้าชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางเอียงคอเป็นเชิงถาม ทำนองว่า มีเรื่องกับฉันแน่หรือ ไม่ทันให้หญิงสาวได้พูดจาใดๆ คนอยากเคลียร์ก็กลับหลังหันสะบัดหน้าหนีเดินหายเข้าตัวบ้านไปเสียแล้ว จิตแพทย์สาวส่ายหน้าระอากิริยาเคยตัวของผู้เป็นน้องเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะลุกขึ้นเก็บสัมภาระ สำรวจความเรียบร้อยในรถยนต์ส่วนตัวเสร็จสรรพ ก็ออกเดินตามน้ำรินไป

ถอดคัทชูมีส้นตามแบบยูนิฟอร์มที่เหมาะสมประจำโรงพยาบาลวางไว้เป็นระเบียบข้างผื้นพรมสีเขียวขี้ม้า เมื่อฝ่าเท้าทั้งสองสัมผัสพื้นดิน ความเย็นฉ่ำชื่นใจอย่างธรรมชาติก็ค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่หัวใจ การงานแม้หนักหนาเพียงใด ความเครียด ทุกข์ร้อนใจไม่ว่าเรื่องไหน แต่เมื่อสองขาเหยียบดินในบ้านกลางสวนหลังนี้ อารมณ์ขุ่นมัวดังกล่าวก็เบาบางลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ กลิ่นอายของต้นไม้ใบหญ้าในเขตรั้วบ้านสัมผัสได้ตรงปลายจมูก เพชรกล้าสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อย่างน้อยช่วงเวลาต่อจากนึ้ความเครียดคงจะน้อยลงจากภาระหนักหนาได้เสียที

เมื่อคืนก่อนที่ปล่อยให้น้ำรินนอนเฝ้าบ้านดินสุดรักของตนเพียงลำพัง หญิงสาวอุตส่าห์เฝ้าติดตามผลของฤทธิ์ยาตัวใหม่ที่กำลังทำวิจัยให้กับคนไข้คนหนึ่งทั้งวัน กระบวนการต่างๆจะเสร็จสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว ญาติคนไข้กลับรีบมาขอตัวคนไข้กลับบ้านกะทันหันโดยไม่มีสาเหตุ และไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาเข้าเป็นกรณีศึกษาให้กับโรงพยาบาลได้อีกเมื่อไร โครงการทุกอย่างที่วางไว้ล้มเหลวลงไม่เป็นท่า

รุ่งเช้าของวันนี้เธอจึงถูกหัวหน้างานวิจัยต่อว่าเสียไม่มีดี จะอธิบายเหตุผลอย่างไรก็ไม่มีใครฟัง หญิงสาวถูกสั่งพักงานวิจัยทุกโครงการเป็นเวลา 1 ปี แล้วอย่างนี้ ต่อให้เธอจะมีสมาธิดี จิตใจเย็นแค่ไหน ก็คงต้องอารมณ์เสียได้เป็นธรรมดา

"พี่แต๋วแฟนตัวน่ะ ดูแลให้มันดีๆหน่อย ปล่อยมาทำรุ่มร่ามกับเค้าอย่างงี้ได้ไง ตัวต้องรับผิดชอบนะเพชร" น้ำรินเปิดฉากขึ้นทันทีเมื่อนั่งขัดสมาธิกับผืนเสื่อน้ำมันที่นำมาปูรองกับข้าวมื้อกลางวันเรียบร้อย ผายมือเป็นเชิงเชื้อเชิญพี่สาวแบบขอไปที

"ควบคุมสติอารมณ์ให้ดีก่อนก็ได้นะน้ำ แต๋วที่ไหน เพชรไม่เคยรู้จักคนชื่อแต๋ว" เพชรกล้าเอ่ยเสียงเนิบอย่างคนใจเย็น นัยน์ตามีแววฉงนเล็กน้อย

"เดี๋ยวนะ ไม่ใช่แต๋ว ขอนึกแป๊บ" ทำท่าคิดสีหน้าจริงจัง ก่อนจะนึกออก " เออนั่นแหละ พี่ตั้มอะไรของเพชรน่ะ เมื่อวานทำงามหน้านัก จู่ๆ ก็เดินเข้ามากอดพู่กันเฉยเลย หน้าไม่อาย" น้ำรินรีบฟ้องจิตแพทย์สาวเป็นชุด

"พี่ตั้ม!" เอ่ยออกมาแค่นั้น เพชรกล้าก็นิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ จนคนฟังนึกรำคาญ ทนไม่ได้ถึงกับต้องเอื้อมมือไปบีบไหล่บางพี่สาวเพื่อเรียกสติ

"เป็นอะไรเพชร ...นิ่งอยู่ทำไม ตัวต้องจัดการเรียกค่าเสียหายให้เค้านะ"

"แล้วนี่เค้ายังไม่ได้สอบสวนตัวเลย ว่าไปแอบมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำตัวเป็นแม่พระให้พ่อแม่ชื่นใจอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็คบผู้ชายเป็นเหมือนกันหนิ" หญิงสาวเหล่ตาเป็นเชิงล้อ

"เฮ้อ! งั้นพู่กันคงต้องลบคำสบประมาทเพชรเมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ ที่ว่าคนอย่างเพชรไม่มีทางรู้จักกับคำว่ารัก"

"เอ้อ..จะว่าไปพี่ตั้มของเพชรนี่เค้าก็ดูดีใช้..."

"หยุดพร่ำเสียทีเถอะน้ำ เธอเปิดโอกาสให้ฉันได้อธิบายสักคำหรือยัง?" เพชรกล้าขัดขึ้นด้วยอารมณ์ที่ยังตกค้างจากเมื่อเช้านี้ กลับมานึกว่าจะได้เจออะไรที่มันเจริญหูเจริญตากว่าเดิม กลับต้องมาเจออะไรที่น่าปวดใจ...ยิ่ง เรื่องที่เกี่ยวกับ พี่ตั้ม ด้วยแล้ว หล่อนยิ่งอยากจะลบคำนี้ออกจากโสตประสาทให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

"ฟังให้ดีนะ...ฉันไม่รู้จักคนชื่อนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งสิ้น แล้วเธอก็ช่วยกรุณาอย่าพูดถึงคนๆนี้ให้ฉันได้ยินอีก จะขอบคุณมาก" เพชรกล้าพยายามกล่าวด้วยเสียงที่ฝืนให้เป็นปกติที่สุด เหมือนขอร้องแกมบังคับอยู่ในที น้ำรินทำหน้ายู่ไม่เข้าใจพี่สาวของตนเลยสักนิด แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบยียวนกวนประสาทคนเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว น้ำรินจึงอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะออกมาแบบสงสาร กึ่งสะใจนิดๆ

"เออนะ ก็นั่นน่ะสิ แม่ชีอย่างเพชรจะไปมีปัญญาหาแฟนที่ไหนอย่างชาวบ้านเค้า เห็นวันทั้งวันก็เอาปัญญาที่มีไปนั่งทำวิจัยบ้าบอคอแตก หรือไม่ก็เสียเวลาไปกับการนั่งสมาธิเดินจงกรมทั้งวันทั้งคืน ไร้สาระสิ้นดี" กล่าวจบก็สั่นศีรษะประกอบคำพูด ให้รู้ว่าไร้สาระจริงๆ

"เธอไม่เข้าใจฉันหรอกน้ำ ป่วยการจะอธิบาย" จากใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีเลือดฉีดขึ้นประปราย คนอารมณ์เย็นอย่างเพชรกล้าถึงคราวต้องปะทุกับเขาบ้างก็วันนี้แหละ

"ฮึ" น้ำรินทำเสียงในลำคอ แววตาเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา "เหมือนกับเพชรนั่นแหละ..ที่ไม่เคยเข้าใจพู่กัน!"

"ฉันเข้าใจเธอมาตลอดนะน้ำ เข้าใจว่าเธอเป็นคนหาแก่นสารอะไรไม่ได้เลยในชีวิต ฉันไม่ได้จะว่าเธอทำในสิ่งที่เธอรักแล้วไม่ดีนะ แต่ฉันหมายความว่าเธอเป็นคนไม่มีความตั้งใจจริง ทำอะไรไม่ตลอดรอดฝั่งต่างหาก"

ถึงแม้เพชรกล้าจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนไม่ตั้งใจจะกระทบกระทั่งอะไร แต่ความหมายที่เธอสื่อออกมานั้นบาดลึกสำหรับคนที่จิตใจอ่อนไหวอย่างน้ำรินอย่างมาก

"นึกว่าตัว เป็นคนเจ๋งนักรึไง ตัวแน่ ตัวเก่งนักสิ" หญิงสาวหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ " เก่งแน่..แล้วทำไมไม่เคยรู้จักกับความรักล่ะ รู้มั้ย โลกนี้ไม่ว่าชนชั้นวรรณะใด เก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ต้องมีความรักเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจกันทั้งนั้น มีใครใจแข็งเป็นหินเหมือนเพชรบ้างล่ะ"

"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยมีความรัก!" เพชรกล้ารีบสวนกลับก่อนที่น้ำรินจะสาธยายความดีของหล่อนยืดยาวไปมากกว่านี้

"อ้าว! ก็พู่กันไม่เคยเห็นเพชรคบใคร พี่ตั้มคนเมื่อวานเพชรก็บอกไม่รู้จัก จะให้เราคิดว่าไงล่ะ"

"ใครบอกว่าฉัน...." เพชรกล้าเกือบจะหลุดปากไปแล้วว่าหล่อนรู้จักกับนชาญ รู้จักดีเกินกว่าที่น้ำรินจะคิดเสียด้วย แต่ความทรงจำบางอย่างที่ผุดพรายขึ้นมา มันตอกย้ำเกินกว่าที่หล่อนจะพูดถึงเขาได้อีก จิตแพทย์สาวเอ่ยค้างแค่นั้น ก็เงียบไป น้ำรินกระหยิ่มยิ้มอย่างคนที่นึกว่าตนเองชนะเลิศทุกครั้งที่โต้วาทีเผ็ดร้อนกับพี่สาว..เธอถือคติที่ว่า..ใครเงียบก่อน..คนนั้นแพ้!

"ถ้าอย่างนั้นตัวก็คงไม่มีทางรู้จัก และเห็นค่าของคำว่ารักจริงๆนั่นแหละ เค้านึกแล้วเชียว" น้ำรินกล่าวย้ำ

เพชรกล้านิ่งฟัง หน้าตาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดนอกจากนัยน์ตาสีนิลที่ฉายแววด้านชา

“ฉันยังจำเป็นต้องรู้จักมันอีกหรือ..ในเมื่อความรักไม่เคยเห็นคุณค่าของตัวฉันเลย”





ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2555, 21:34:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2555, 21:34:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1494





<< บทที่ ๑ ผิดตัว   บทที่๓ งานจำแลง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account