The Royal Wedding : รักนี้ที่วังหลวง
เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ที่สตรีทั่วราชอาณาจักรต่่างเฝ้าฝันจะได้ควงคู่ กลับถูกสี่สาวพี่น้องตระกูลหนึ่งไม่เห็นว่าสำคัญ พระองค์จะทำอย่างไร เมื่อปัญหายิ่งหนักขึ้นด้วยสมเด็จพระราชินีมีพระดำรัสต้องการได้สะใภ้หลวงเป็น 1 ใน 4 สาวนั้น

เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ชายแว่นดำ

The Royal Wedding 3

บ่ายแก่ๆของต้นสัปดาห์ เมื่อเปี่ยมสุขเสร็จสิ้นการซ้อมขี่ม้าที่โปโลคลับ และแสนดีเลิกงานจากห้องสมุดจึงขับรถไปรับพี่สาวแล้วกลับมาถึงบ้านพร้อมกัร สี่สาวพี่น้องมักจะนั่งรวมตัวกันในห้องนอนขนาดพอเหมาะของด้วยรักและเปี่ยมสุขเสมอทุกเย็น

วันนี้ด้วยรักสัญญากับแสนดีว่าจะปักลายน่ารักๆลงผ้าเช็ดหน้าให้ ส่วนยาใจก็อยากอ่านหนังสือพลางสนทนากับพี่น้องของเธอไปด้วย

“ไปทำไม ไม่เห็นจะอยากไป” เปี่ยมสุขนอนเอกเขนกบนเตียงหนานุ่มของตัวเองพลางบ่นกับพี่สาวคนโตถึงเรื่องการเข้าเฝ้าสมเด็จฯในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

ด้วยรักกำลังกำลังปักลายดอกไม้เล็กๆบนผ้าเช็ดหน้าให้แสนดี ก็เอ่ยขึ้นอย่างนึกขันในอารมณ์ของน้องสาว

“ท่าดีทีเหลว บ่นยังไงก็ต้องไป”

เปี่ยมสุขพลิกตัวนั่งขึ้น ทำเอาผมดำขลับที่หยักศกเล็กน้อยพันกันยุ่งเหยิง แต่กลับน่ามองได้น่าประหลาด

“เปี่ยมน่ะไปก็ได้ เพราะจำได้ว่าของว่างที่วังน่ะอร่อยขนาดไหน แต่ถ้าจะให้ทำตัวเรียบร้อย ถามคำตอบคำล่ะก็ เฮ้อ อึดอัด”

เสียงถอนหายใจของพี่สาวทำให้ยาใจต้องเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลังอ่าน “ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นแหละพี่เปี่ยม ทนๆไปเถอะค่ะ นึกเสียว่าสมเด็จน่ะมีพระกรุณากับครอบครัวเราขนาดไหน”

เปี่ยมสุขหน้าเบ้ ก่อนจะกระโดดลงเตียงแล้วเดินมาดึงผมเปียของน้องสาวเบาๆ “จ้า แม่คนกตัญญู ได้ข่าวว่าเมื่อวานบ่นกับแสนดีไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากไปเพราะเสียเวลาอ่านหนังสือ” แล้วสามสาว ยกเว้นยาใจ ก็หัวเราะกันครืน

ยาใจแกล้งทำตาเขียวๆส่งมาที่แสนดีซึ่งกำลังเล่นอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลของหนังสือที่เธอชอบอ่าน

แสนดีรู้ว่าพี่สาวไม่พอใจจึงรีบแก้ตัว “แหม คนมันหลุดปากได้นี่คะพี่ยา ว่าแต่ใครคิดเหมือนแสนบ้างคะว่า พระราชินีทรงอยากพบครอบครัวเราด้วยเหตุผลอื่น”

แสนดีตั้งคำถามที่ทำเอาทุกคนสงสัยไปตามๆกัน

เปี่ยมสุขเดินวนไปรอบๆห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะหยุดยืนข้างพี่สาวคนโตที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างรับลมยามเย็น

หล่อนแสร้งทำตาโต ปั้นหน้าให้รู้สึกตื่นเต้น
“หรือสมเด็จพระราชินีทรงอยากดูตัวพี่รักที่แสนอ่อนหวานของพวกเรา ว้าว…ซินเดอเรลล่ามาเกยแล้วล่ะพี่ด้วยรัก”

ด้วยรักตีมือน้องสาวที่วางบนไหล่เธอเบาๆ “บ้าเหรอ ทำไมต้องเป็นพี่ด้วยล่ะ แล้วถ้าอย่างนั้นจริง สมเด็จฯคงไม่ต้องเรียกพวกเธอทั้งสามคนไปด้วยหรอก”

ยาใจวางหนังสือลงพลางจับจ้องไปที่พี่สาวทั้งสองด้วยสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน “นั่นสิ ไม่แน่หรอกนะคะ ยาจำได้ว่าตอนเด็กๆน่ะสมเด็จฯโปรดพี่ เพราะว่าเรียบร้อยกว่าพวกเราทุกคนหลายขุม ส่วนที่ทรงเรียกไปทั้งหมด ก็เพราะเป็นอุบาย”

คำตอบนี้ดูเหมือนจะชาญฉลาด แต่ไม่ได้สร้างความประทับใจให้พี่สาวคนโตแม้แต่น้อย ด้วยรักทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“หืม…อย่าหาว่าพี่อย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ…ถ้าเป็นจริงอย่างที่เปี่ยมว่าล่ะก็…คือ…พี่ไม่…”

“ดูตัวพวกเราทุกคนต่างหากล่ะคะ” แสนดีแทรกขึ้นก่อนที่ด้วยรักจะพูดจบ ทำเอาพี่สาวทั้งสามหันมาจ้องเธอเป็นตาเดียว

แสนดีละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ แล้วหันไปมองหน้าที่ซีดเผือดของพวกหล่อน

“รู้ได้ยังไงน่ะแสน” ยาใจถาม

แล้วแสนดีก็หัวเราะเสียงดัง “เดาค่ะ แหมก็เห็นพวกพี่คิดกันไปต่างๆนานา”

แล้วสามพี่น้องก็ถอนหายใจโล่งกันไปตามๆกัน เปี่ยมสุขกอดอกแน่นพลางพูดอย่างจริงจัง

“ถ้าจะเอาพวกเราไปเป็นตัวเลือกของเจ้าชายอิศเรศร์ล่ะก็ไม่มีวันเสียหรอก เพลย์บอยจะตาย เคยเห็นที่โปโลคลับบ้าง ทรงชอบวางตัวโก้ๆยังไงไม่รู้”

ด้วยรักเก็บผ้าเช็ดหน้าและอุปกรณ์ใส่กล่อง “พี่ก็ไม่ชอบพระองค์เท่าไร พระองค์ทรงเคยจีบนันด้วยล่ะ”

นันที่ด้วยรักพูดถึงก็คือเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเธอ นัน หรือ นันทิดา เป็นดาวคณะอักษรศาสตร์ และดาวมหา’ลัย เธอสวย เป็นลูกผู้ดี และโดดเด่นมาก มีข่าวช่วงหนึ่งว่าเธอต้องพระทัยเจ้าชาย แต่ไม่นานนัก พระองค์ก็ทรงเลิกลาไป

แสนดีอุทานลั่น “จริงเหรอคะ แล้วพี่นันเป็นยังไงบ้างคะ”

ด้วยรักพูดเซ็งๆ “เสียใจมาก หลายเดือนเชียวละ พี่ล่ะ…โกรธแทนเพื่อนจริงๆ”

“ยา ก็ไม่ชอบค่ะ ทั้งๆที่ทรงจบการศึกษาอย่างดีที่อังกฤษ แต่กลับไม่นำความรู้มาดูแลประเทศเราเลย เอาแต่เที่ยวเตร่ ยาอ่านหนังสือพิมพ์ทีไร เจอข่าวพระองค์ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตลอด”

“แต่คุณพ่อบอกว่าเจ้าชายทรงฉลาดและวางตัวดีกับผู้ใหญ่มากนี่คะ แล้วคุณพ่อน่ะก็เป็นคนดุและตรง ถ้าเจ้าชายไม่ดี คุณพ่อคงไม่ทำงานด้วยนานหรอกมั้งคะ”

แสนดีเสนอความเห็นบ้าง แต่ดูท่าจะไม่ถูกใจพวกพี่ของเธอเลย

เปี่ยมสุขทำหน้านิ่วใส่น้อง “ทำไมยายแสน ชอบเจ้าชายเหรอ แค่ทรงหล่ออย่างเดียวเนี่ยนะ”

แสนดีส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้นพี่เปี่ยม แสนพูดเป็นกลาง เพราะจริงๆแล้วก็ไม่มีพวกเราคนไหนรู้จักพระองค์ดีสักคน แล้วถ้าพระองค์ไม่ดีจริงนะ พวกพี่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะว่าคุณพ่อจะส่งพวกเราไปให้ดูตัว”

ด้วยรักพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของน้องเล็กสุด ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ “แสนพูดถูก พวกเราอย่าพึ่งเดาไปเองก่อนดีกว่านะ สมเด็จฯคงอยากตอบแทนคุณพ่อเลยทรงเมตตาเลี้ยงน้ำชายามบ่าย ลงข้างล่างกันดีกว่า ยาใจ น้องบอกอยากช่วยพี่ทำกับข้าวเย็นนี้ไม่ใช่หรือ”

ยาใจพยักหน้ารับอย่างเฉยๆ ก่อนจะลุกขึ้นผละจากหนังสือเดินตามพี่สาวคนโตไป

เปี่ยมสุขถอนหายใจยาว ขณะมองสองสาวผู้เรียบร้อยที่สุดเดินลงบันได ก่อนจะเดินตรงมาฉุดตัวแสนดีให้ลุกขึ้นจากคอมพิวเตอร์ “น่าเบื่อๆ อะไรๆก็งานครัว แสนไปตีแบตมินตันกับพี่เถอะนะ”

แสนดียิ้มรับ แล้วห้องนอนของสาวๆ ก็โล่งขึ้นอีกครั้ง



ณ ห้องพระบรรทมของสมเด็จพระราชาและพระราชินีแห่งภัทรประเทศ พระราชาทรงกำลังตรัสกับพระราชินีถึงเรื่องของพระราชโอรสด้วยความไม่สบายพระทัย

“เมื่อวานพี่เข้าประชุมกับเหล่าคณะปกครอง ปรึกษาเกี่ยวกับการแต่งตั้งอิศเรศร์เป็นมกุฏราชกุมาร”

พระราชินี่ซึ่งกำลังสางพระเกศาอยู่หน้าพระฉายทรงหันมาด้วยความสนพระทัย

“พวกเขาคิดเห็นอย่างไรหรือเพคะเสด็จพี่”

พระพักตร์พระราชาแม้จะทรงมีสง่าราศีต่างจากคนธรรมดาทั่วไป แต่ทรงแฝงไปด้วยความกังวล “พวกเขาบอกว่าเร็วเกินไป อิศเรศร์ยังวางตัวไม่เหมาะสม ตั้งแต่เรียนจบกลับมายังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน พวกนั้นอยากให้อิสเรศร์เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้”

พระราชินีทรงลุกขึ้นแล้วทรงพระดำเนินมาประทับใกล้ๆ

“หม่อมฉันคำนึงถึงเรื่องนี้เช่นกันเพคะ เมื่อวานก็เรียกลูกมาคุยแล้ว อิศเรศร์บอกเช่นกันว่าเขายังไม่พร้อม”

พระราชาทรงกริ้ว ทำให้พระองค์ทรงดูน่าเกรงขามมากขึ้นอีก “ไม่พร้อมอะไร โตป่านนี้แล้ว พวกเราก็สั่งสอนมาตลอดถึงหน้าที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า แล้วดูสิ มีข่าวกับผู้หญิงไม่เว้นวัน นี่ถ้าไม่ได้ทรงพลคอยดูแลล่ะก็ จะแย่กว่านี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

พระราชินีพระพักตร์หมองลงไปนิดหนึ่ง ก่อนจะทรงแก้ต่างให้พระโอรส“แหม เสด็จพี่ แต่อิศเรศร์ก็เรียนจบด้วยผลการเรียนดีเยี่ยมนะเพคะ”

พระราชาทรงส่ายพระพักตร์
“ก็เพราะมีแต่พวกเยินยอนี่ล่ะ น้องก็อีกคนเห็นว่าอะไรลูกก็เก่ง และดีที่สุดเสมอ อิศเรศร์จึงเอาแต่ใจและหลงตัวเองได้เพียงนี้”

พระราชินีกริ้วบ้าง “เสด็จพี่หาว่าหม่อมฉันตามใจลูกหรือ ไม่จริงเลย หม่อมฉันสั่งสอนและดุถ้ามีเหตุผลตลอด”

พระราชาทรงเห็นว่าพระราชินีผู้เลอโฉมของพระองค์ทรงไม่พอพระทัย จึงทรงใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พระองค์ทรงเขยิบตัวเข้ามาใกล้พระราชินี ก่อนจะใช้พระหัตถ์ลูบพระเกศาดำยาวสลวยและอ่อนนุ่มนั้นเบาๆ

“อย่าพึ่งโกรธพี่เลย แต่ถึงน้องจะดุ ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก อิศเรศร์น่ะฉลาด ยังไงก็รู้ว่าเสด็จแม่ของเขาทรงรักเขามากกว่าอะไรทั้งหมด พี่อยากให้ต่อไปนี้น้องช่วยดึงอิศเรศร์มาอยู่ในความเป็นจริง อะไรที่ไม่ดีก็ติ อะไรที่ดีก็ชม เท่านั้นเอง พวกข้าราชบริพารใกล้ตัวด้วย อยากให้น้องกำชับพวกนั้นไว้”

เมื่อพระราชาทรงกลับมาสุภาพและอ่อนหวานดังเดิม พระราชินีจึงคลายโทสะ ก่อนจะทูลแจ้งเรื่องบางอย่าง

“ก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะสั่งข้าราชบริพารไว้ว่าอย่าทำตามใจเจ้าชายมาก เสด็จพี่รู้จักหลวงสีหนาถไหมเพคะ ครูสอนขี่ม้าอิศเรศร์ตั้งแต่เด็กน่ะเพคะ สีหนาถไม่เคยตามใจและเยินยออิศเรศร์จนเหลิงเลยเพคะ แต่เขากลับเข้มงวด จริงจัง และดุ อิศเรศร์เกรงกลังเขา พอๆกับที่แค้นเคือง แต่นั่นก็ทำให้อิศเรศร์พัฒนาทักษะขี่ม้าอย่างที่สุด”

พระราชาทรงพยักพระพักตร์ “พี่จำได้ พี่เรียกตัวเขาเข้ามาทำงานในวังเองล่ะ สมัยนั้นเขาเป็นแชมป์แข่งม้าระดับโลกคนแรกของประเทศเรา”

พระราชินีทรงยิ้มเย็นและแฝงไปด้วยแววพระเนตรที่ฉายแสงอย่างประหลาด “หลวงสีหนาถมีลูกสาวสวยทั้งสี่คนเพคะ แต่ละคนเป็นเด็กดี วางตัวเหมาะสม และมีการศึกษาทุกคน หม่อมฉันเลยมีแผนที่ว่าจะให้อิศเรศร์เลือกหนึ่งในสี่สาวนั่นเป็นคู่อภิเษก”

พระราชาทรงมีท่าทีประหลาดใจ “ไม่เร็วไปหรือ”

พระราชินีส่ายพระพักตร์ “ต้องเร็วอย่างที่สุดต่างหากล่ะเพคะ อิศเรศร์จะได้เป็นโล้เป็นพายเสียที หม่อมฉันนัดให้สีหนาถพาลูกมาเข้าเฝ้าพระองค์วันอาทิตย์นี้เพคะ”

พระราชาทรงเงียบไม่ได้ตรัสอะไรไปครู่ใหญ่ ก่อนจะรับสั่งขึ้นอย่างไม่มั่นใจ “จะคลุมถุงชนหรือ ถ้าอิศเรศร์ไม่ยอมล่ะ หรือถ้า สุภาพสตรีทั้งสี่ไม่ได้ชอบลูกของเรา”

พระราชินีทรงขมวดพระขนง เพราะลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป ในที่สุดก็รับสั่งออกมาอย่างมั่นใจ

“ขอให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเถอะเพคะ”




ห้องสมุดฝรั่งอาคารหลังใหญ่ อาณาเขตด้านหลังติดกับสถานทูตประเทศอังกฤษ ภายนอกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาชนิดให้ความร่มรื่นเป็นที่สุด

เมื่อเดินขึ้นบันไดผ่านประตูไม้สีเขียวสูงใหญ่เข้ามา ก็จะพบความโอ่โถงที่เต็มไปด้วยตู้หนังสือไม้เก่าคร่ำคร่า มีอายุนานเกือบครึ่งศตวรรษ ทุกตู้บรรจุแต่หนังสือภาษาอังกฤษเท่านั้น ภายในแบ่งเป็นล็อคๆตามประเภทหนังสือ มีมุมเก้าอี้บุนวมขนาดใหญ่ให้นั่งอ่านได้ตามริมหน้าต่างอย่างสบายใจ สุดทางเดินจะกลายเป็นห้องเล็กๆห้องหนึ่งซึ่งเป็นที่สำหรับเปิดแสดงแกลเลอรี่ภาพศิลปะ

เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว แต่แสนดีกำลังเช็คหนังสือเข้าใหม่ของวันนี้ ขณะที่บรรณารักษ์คนอื่นๆต่างทยอยกลับบ้าน

“ขยันจริง ฝากปิดประตูด้วยนะแสน” มีนา บรรณารักษ์ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานพูดกับแสนดี

แสนดียิ้มรับอย่างขัน “แหม เราก็ไม่ใช่ยามสักทีนะเธอ” แล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับหันงสือใหม่ดังเดิม

แสนดีกำลังรีบทำอย่างที่สุด เพราะเธอต้องรีบไปรับเปี่ยมสุขที่โปโลคลับ เนื่องจากห้องสมุดฝรั่งอยู่ไกลบ้านกว่าโปโลคลับ และทั้งสองที่ต่างก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน แสนดีจึงอาสาเป็นคนขับไปรับไปส่งพี่สาวแทน แต่บางทีถ้าเปี่ยมสุขไม่ซ้อมหนักมาก หล่อนมักจะขอน้องสาวขับกลับเอง เพราะเธอซนและชอบขับเร็ว

และแล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น แสนดีรับอย่างเร่งรีบ “ว่างไงพี่เปี่ยม ค่ะๆ เสร็จแล้วเนี่ย ห้านาทีก็ถึง รู้แล้ว แสนก็หิวเหมือนกัน”

จากนั้นเธอจึงรีบเก็บของตัวเอง สะพายกระเป๋า แล้วขับรถออกจากห้องสมุดไปอย่างรวดเร็ว

แต่การจราจรของเมืองหลวงมักจะไม่สามารถให้ความสะดวกสบายได้เสมอ แสนดีจึงต้องนั่งกระวนกระวายขณะรถติดไฟแดงเป็นแถวยาวเหยียด

หล่อนพยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการเปิดเพลงเบาๆ แต่แล้วเมื่อรถข้างหน้าเธอเคลื่อนตัวออก พร้อมๆกับที่แสนดีพุ่งตัวตาม กลับมีรถคันหนึ่งแทรกเข้ามาระหว่างนั้น

โครม!

ไฟหน้าของรถซีดานคันเล็กชนกระแทกท้ายรถสีดำราคาแพงเข้าอย่างจัง

แสนดีพุ่งตัวไปข้างหน้า โชคดีที่เธอคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ ศีรษะของเธอจึงไม่กระแทกกับกระจก

รถคันอื่นๆที่ติดไฟแดงพากันบีบแตรและเบรกดังลั่นเพื่อกันไม่ให้เข้ามาปะทะด้วย ความโกลาหลได้เกิดขึ้น ขณะที่หนุ่มร่างสูงใหญ่ เจ้าของรถสุดหรูสีดำเปิดประตูเดินดุ่มมาดูที่ท้ายรถตัวเองด้วยอารมณ์หัวเสีย

เขาหันมามองหน้าเธอภายใต้แว่นกันแดดยี่ห้อดัง ทำเอาแสนดีที่หน้าซีดด้วยความตกใจถึงกับหายใจเข้าไม่ทั่วท้อง กว่าเธอจะตั้งสติได้ว่าควรทำอะไรและเกิดอะไรขึ้น หนุ่มร่างสูงก็เดินมาเคาะกระจกข้างรถเธอ

แสนดีหันไปมองอย่างหวาดๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูออกมายืนเผชิญหน้าเขา

“ขอโทษนะคะ คือฉันไม่เห็นจริงๆ จู่ๆรถคุณก็พุ่งเข้ามา” เธอรีบพูดอย่างรัวเร็วด้วยอารมณ์ตื่นตระหนก ก่อนจะเดินไปดูหน้ารถที่กระแทกแนบชิดกับท้ายรถเขา

ท้ายรถซีดานสีดำคันใหญ่ยุบลงไปและมีสีถลอกเป็นทางยาว ขณะที่หน้ารถของเธอเพียงแค่กระจกไฟแตก

“ว้าย รถของคุณยุบลงไปเยอะเลยค่ะ ตายแล้วๆๆๆ ”

แสนดีร่ายยาว ขณะที่เขายืนเกาะอกฟังด้วยความไม่พอใจ

“คุณพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะครับ คุณต่างหากที่ไม่มองให้ดี ผมจะแทรกเข้าไปคุณก็น่าจะเห็น” เสียงทุ่มกังวลาลของเขาทำเอาหล่อนถึงกับต้องหยุดกึก

แสนดีหายตกใจเป็นปลิดทิ้ง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจ้าของรถคันใหญ่

“ใช้สมองหรือตาตุ่มคิดล่ะคุณ การที่แทรกเข้ามานั่นแหละผิด ใครเขาจะเห็นรถคุณกันล่ะ แล้วคันใหญ่อย่างนี้คงจะแทรกพ้นหรอก”

ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างรำคาญก่อนจะหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงเนื้อดีขึ้นมาโทร

“คุณมีประกันหรือเปล่า” เขาถามเธอเสียงเรียบขณะกดเบอร์โทรศัพท์

แสนดีกอดอกจ้องเขาด้วยความโมโหอย่างที่สุด เธอตะคอกกลับไป “ไม่มี”

หนุ่มร่างสูงพูดอะไรกับคนในสายเบาๆ ก่อนจะกลับมาเจรจากับเธอ “เหรอ แต่ผมมี คุณคงต้องหาที่ซ่อมเองแล้วล่ะ”

แสนดีโมโหมากขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้เขา ทั้งๆที่เขาตัวใหญ่และสูงกว่าเธอมากนัก แต่ตอนนี้เธอกลับไม่กลัวอะไรเลย แม้สายตาของคนทั้งถนนและในรถจะจ้องมองมาที่เธอจุดเดียว

“คุณเป็นสุภาพบุรุษบ้างไหมเนี่ย รถคุณขับมาให้ฉันชนเอง แล้วนี่คุณจะพูดแค่นี้เหรอ คุณเป็นใครเนี่ยคิดว่าใหญ่มากหรือไง น่าเกลียดที่สุด ไปหาตำรวจกับฉันเดี๋ยวนี้!!!”

เธอต่อว่าเขาด้วยวาจาและอารมณ์ที่พลุ้งพล่าน ขณะที่จู่ๆก็มีชายในชุดดำสองคนวิ่งมาจากอีกฟากของถนนตรงมาหาชายหนุ่ม เธอสังเกตว่าสองคนนั้นเคารพชายคนนี้เป็นพิเศษ หลังจากนั้นก็คุยอะไรกันเบาๆ

แสนดีรู้สึกไม่พอใจ จึงเดินเข้าไปแทรกการสนทนา “นี่คุณ ยังมีสามัญสำนึกอยู่หรือเปล่า ไปหาตำรวจกับฉันเดี๋ยวนี้เลย” ไม่พูดเปล่าแต่หล่อนฉุดแขนของเขาอย่างรุนแรง จนชายในชุดดำต้องเข้ามาปลดล็อคมือของเธอ ก่อนจะจับตัวเธอไปห่างๆเขา

แสนดีทั้งดิ้น สะบัดตัวและโวยวายลั่นถนน จนคนทั้งสองข้างทางเดินมามุงกันเต็มไปหมด

“ทุเรศที่สุด นายเป็นใครเนี่ย หน้าด้านที่สุด รังแกผู้หญิง ปล่อยนะ!!! ช่วยด้วยค่ะๆๆๆ”

เธอตะโกนอย่างไม่คิดชีวิต ขณะที่ชายหนุ่มยืนกอดอกเจรจากับชายชุดดำนั่นอีกอย่างไม่สนใจเธอ พร้อมๆกับที่ผู้คนแตกฮือมารุมมากขึ้น

หนึ่งในชายชุดดำที่จับแขนเธอไว้พูดอะไรกับเจ้าของรถคันใหญ่อีกครั้งด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พลางมองไปที่ฝูงชน และแล้ว หนุ่มแว่นกันแดด ก็ฉุดแขน ลากตัวเธอให้เดินตามเขาไปยังถนนอีกฟาก ขณะที่ชายชุดดำคนหนึ่งเข้าไปขับรถซีดานสีดำ ส่วนอีกคนเข้าไปนั่งในรถของแสนดี


แสนดีเริ่มร้องไห้ หน้าแดง และตะโกนอย่างสุดเสียง ทั้งสะบัดข้อมือ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาที่กำลังฉุดเธอให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถคันใหญ่อีกคันซึ่งจอดไว้อีกฝั่งของถนนได้

ชายหนุ่มผลักเธอเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามานั่งลงใกล้เธอ

“ไปได้” เขาสั่งคนขับรถเสียงเรียบ ไม่ได้ตื่นตกใจอะไร แต่แสนดียังคงโวยวายและหันไปทุบกระจกรถฝั่งตัวเองราวกับคนบ้า

เขามองเธอด้วยความสงบ ก่อนจะเอ่ยหนักแน่น “พอเถอะคุณ ผมไม่ทำอะไรหรอก”

แสนดีหันหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตามามองเขา “คุณมันเลวที่สุด จะพาฉันไปฆ่าหรือไง”

สีหน้าภายใต้แว่นดำนั้นเป็นอย่างไรก็สุดจะเดาได้ ด้วยเขาไม่ยอมถอดมันออกเลย แต่ตอนนี้รอยยิ้มจางๆได้ปรากฏขึ้น

“ผมดูชั่วร้ายขนาดนั้นเลยหรือ ผมสั่งให้คนของผมเอารถคุณไปซ่อม พอใจหรือยัง แล้วนี่คุณจะไปไหน ผมจะได้ไปส่ง”

แสนดีมองเขาด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ออก “ฉันไม่ต้องการ คุณจอดให้ฉันลงข้างทางได้เลย แล้วบอกคนของคุณด้วยว่าไม่ต้องเอาไปซ่อม จอดทิ้งไว้ตรงไหนก็ได้ เดี๋ยวฉันเอาไปซ่อมเอง” หล่อนกระแทกเสียงด้วยความโมโหทุกคำ

ชายหนุ่มหันมาจ้องหล่อน ด้วยความประหลาดใจ

“แล้วคุณจะมาโวยวายทำไมเนี่ย คุณต้องการอะไรกันแน่”

หล่อนเชิดหน้า แววตาบ่งบอกถึงความถือดี ปากบางของเธอเหยีดออก และมองเขาหัวจรดเท้าด้วยความดูถูก

“คุณเป็นใคร มีเงินมากไหม ฉันไม่สน แต่ถ้าคุณไม่รู้จักขอโทษ ฉันก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”

ชายหนุ่มรีบเบนหน้าหนีเธอ

“ผมจะขอโทษ ถ้าผมผิด”

แสนดีตะโกนลั่น “งั้นจอดรถให้ฉันลงเดี๋ยวนี้!!!! แล้วรถฉันคุณก็เอาไปทิ้งได้เลย!!! ฉันไม่ได้จนตรอกอย่างที่คุณคิดหรอกนะ!!! จอด!!!” คำหลังสุดเธอหันไปตะโกนพลางทุบไหล่คนขับรถ แต่คนขับรถกลับนั่งนิ่งๆ ราวกับไม่รู้สึกอะไร

หนุ่มแว่นดำหลุดขำออกมาเบาๆ “ผมก็ยังไม่ได้ว่าคุณจนตรอกนี่ คุณนี่นะ…เอาเถอะ ผมขอโทษ พอใจไหม”

คราวนี้แสนดีเลิกโวยวาย เธอจ้องเขาด้วยความแค้นมากขึ้นอีก

“คุณไม่จริงใจ คุณขอโทษแต่ไม่ได้มองฉันเนี่ยนะ คุณเป็นอะไรหรือ แพ้แดด หรือขายยาจนรวยแล้วต้องใส่แว่นหลบซ่อนล่ะฮึ ถอดแว่น แล้วขอโทษฉัน!”

หล่อนสั่งเขาเสียงดุ จนชายหนุ่มต้องหันมาจ้องเธอ ดวงตาภายใต้แว่นดำส่อแววโอหัง แต่แสนดีคงไม่รับรู้

“คุณอย่ามาสั่งผม!” เขาพูดเสียงเย็นเฉียบอย่างน่ากลัว

แสนดีสะดุ้งบ้าง แต่แล้วเธอก็ตั้งหลักไม่ทัน เมื่อเขาเริ่มเกรี้ยวกราด

“หยุดพูด แล้วฟังว่าผมขอโทษ อย่าให้ผมโมโหมากกว่านี้ บอกมา คุณจะไปไหน!”

หล่อนตะลึงงันไปชั่วครู่ จนเขาต้องเตือนสติอีก “บอกมา ผมจะไปส่ง”

แสนดีจึงค่อยๆเอ่ย “โปโลคลับค่ะ ฉันต้องไปรับพี่สาว”

หนุ่มแว่นดำจ้องเธอค้างสักพัก ก่อนจะหันไปมองหน้าต่างฝั่งตัวเอง แล้วเอ่ยเบาๆ “ผมก็กำลังจะไปเหมือนกัน”








ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2554, 21:32:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2554, 21:33:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1644





<< คนที่แตกต่าง   บังเอิญ >>
kaze 11 ก.ค. 2555, 04:42:08 น.
เปิดตัวอลังการมาก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account