The Royal Wedding : รักนี้ที่วังหลวง
เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ที่สตรีทั่วราชอาณาจักรต่่างเฝ้าฝันจะได้ควงคู่ กลับถูกสี่สาวพี่น้องตระกูลหนึ่งไม่เห็นว่าสำคัญ พระองค์จะทำอย่างไร เมื่อปัญหายิ่งหนักขึ้นด้วยสมเด็จพระราชินีมีพระดำรัสต้องการได้สะใภ้หลวงเป็น 1 ใน 4 สาวนั้น
เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บังเอิญ
The royal wedding 3
ซีดานคันใหญ่สีบรอนซ์ขับเคลื่อนมาจอดอย่างนุ่มนวลที่หน้าสโมสรขี่ม้าโปโลคลับ ไม่มีใครในระแวกนั้นสนใจในความหรูหราและโออ่าของรถคันนี้มากนัก ด้วยว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้ว สมาชิกสโมสรส่วนมากจึงทยอยกันกลับบ้าน
“ผมคงต้องส่งคุณข้างหน้า สะดวกหรือเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดราคาแพงเอ่ยขึ้นด้วยความสุภาพที่สุดเท่าที่เขาพึงกระทำ
หญิงสาวที่เขาพามาส่งกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาปลาบปลื้มกับความเป็นสุภาพบุรุษนั้นเท่าไรนัก
หล่อนตอบเสียงเฉยเมย แต่คงไว้ซึ่งความมีมารยาท “สะดวกค่ะขอบคุณ”
ไม่ต้องรอให้เจ้าของรถบอกลาเธออีกครั้ง แสนดีก็รีบเปิดประตูรถออกอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะก้าวพ้นประตูออกไป เสียงทุ้มกังวาลกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เกินวันศุกร์ผมจะให้คนนำรถคุณไปส่งที่บ้าน ลาก่อน”
แสนดีที่ออกมายืนนอกรถแล้วกลับต้องเปิดประตูค้างไว้ด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณจะรู้ได้ยังไงคะว่าบ้านฉันอยู่ไหน”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาหันมามองเธอเงียบๆ ก่อนจะเลิกสนใจหล่อนแล้วสั่งให้คนขับรีบออกรถโดยเร็ว
ซีดานคันหรูขับเคลื่อนผ่านเธอไปอย่างมีรีรอ ปล่อยให้สาวน้อยยืนค้างต่อไปด้วยความไม่เข้าใจ
กว่าจะตั้งสติได้หล่อนก็ต้องรีบเดินไปหาพี่สาวที่ล็อบบี้ของสโมสรด้วยความกังวล เปี่ยมสุขนั่งดื่มน้ำผลไม้รอน้องสาวด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก เหงื่อเธอโทรมตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิง และหน้าแดง แต่กลับดูสวยได้อย่างไร้ที่ติ
เมื่อเห็นน้องสาว เธอจึงรีบลุกขึ้นพร้อมๆกับทำหน้าโกรธใส่แสนดีทันที
“ทำไมมาช้า นี่มันเกือบชั่วโมงแล้วนะ” เปี่ยมสุขตวาดน้องสาวเบาๆ
แสนดีทำหน้าเสีย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “คือ…แสน…รถชนค่ะพี่เปี่ยม แสนขอโทษด้วย พี่เปี่ยมหิวมากไหม”
สีหน้าของเปี่ยมสุขเปลี่ยนจากอารมณ์เกรี้ยวกราดกลายเป็นตกใจแทน เธอเดินเข้าไปจับตัวน้องสาวแล้วจับนู่นดูนี่ด้วยความเป็นห่วง
“ตายแล้วยายแสน แล้วนี่เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เปี่ยมสุขเริ่มเอะอะโวยวายลั่น ทำเอาคนทั้งล็อบบี้หันมามองสองสาวด้วยความสนใจ
และหนึ่งในนั้นคือชายแว่นดำ ร่างสูงของเขายืนมองสองพี่น้องจากระเบียงชั้นบน เขาเห็นแล้วว่ายายตัวแสบที่เขาพามาส่งกำลังคุยอยู่กับพี่สาว และคงจะเป็นเรื่องรถชนนี่แหละ จึงทำให้พี่สาวของหล่อนโวยวายขึ้นมา
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆที่มุมปาก เขาไม่แน่ใจว่าตวเองขบขันอะไร เพราะความอวดดีของยายตัวแสบ หรือเพราะความที่เขาไม่เคยยอมใครจึงเกิดเรื่องวุ่นๆแบบนี้กันแน่
แต่แล้วความขบขันของเขากลับหยุดลง ชายหนุ่มเบนความสนใจมาที่พี่สาวของยายตัวแสบแทน เมื่อหล่อนหันหน้ามาฝั่งที่เขายืนมองอยู่
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่สาวของยายตัวร้าย สวยกว่าน้องสาวมากนัก รูปร่างในชุดกางเกงขาสั้นนั้นก็สมส่วนและสูงระหง กิริยาท่าทางดูคล่องแคล่ว ทันสมัย และเปรี้ยว ชายหนุ่มคิด ช่างแตกต่างกับน้องสาวที่ดูเรื่อยๆ ใส่กระโปรงปิดเข่าเชยๆ และอวดดีชะมัดยาด
เขามองหล่อนด้วยความชมเชยและไม่อาจละสายตาจากหล่อนไปได้จนกระทั่งมีคนเดินมาสะกิด
“ชาย มาช้าจริง กลับกันเถอะ พี่หิวจะแย่”
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ซึ่งพระพักตร์หล่อเหล่านั้นถูกปกปิดด้วยแว่นดำทรงเฉียบจึงทรงหันมาตามเสียง พระองค์ทรงปลดแว่นออก ก่อนจะแย้มพระสรวลรับ
“พี่หญิง ชายมาช้าไปหน่อย ขอประทานอภัย”
เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาในฉลองพระองค์ลำลองใส่สบาย ไม่ได้ทรงกล่าวโทษอะไร พระองค์เพียงแต่แย้มพระสรวลก่อนจะทรงตีพระอังสาของพระอนุชาโดยแรง
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์สะดุ้ง ก่อนจะทรงแสร้งร้องโอดโอย
“พี่หญิงใจร้าย ชายช้ำในแน่ๆ”
เจ้าฟ้าหญิงสรวลเบาๆ แล้วทรงแกล้งทำพระพักตร์ดุ
“ไปได้แล้ว กะล่อนอยู่ได้”
เจ้าชายอิศเรศร์ยังคงทรงแกล้งร้องต่อไป ไม่วายทอดพระเนตรมองหาเปี่ยมสุขจากระเบียงชั้นบน แต่หล่อนและน้องสาวกลับหายตัวไปเสียแล้ว
“รถชน!!!! แล้วลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าแสนดี” คุณหญิงวิสาตกอกตกใจเมื่อลูกสาวทั้งสองยืนรายงานว่าเหตุใดจึงกลับบ้านช้าและทำไมรถประจำครอบครัวได้หายไป
“แสนไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ปกติดีทุกอย่าง มีแต่ไฟหน้าแตกค่ะ อ้อ…แล้วแสนก็ขายหน้าคนทั้งถนนเท่านั้นเอง” ลูกสาวคนเล็กตอบด้วยอารมณ์เหนื่อยและรู้สึกโกรธ
คุณหญิงผู้เป็นมารดา จับตัวแสนดีหมุนไปหมุนมาเพื่อดูว่าลูกสาวมีรอยแผลไหม ก่อนจะโอบกอดปลอบขวัญ
“ขวัญมานะลูก แล้วเรื่องมันเป็นยังไง”
“ยายแสนปกติดีค่ะคุณแม่ แต่เปี่ยมแปลกใจเรื่องรถของเรา” เปี่ยมสุขช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติม ขณะนั่งคุยด้วยอารมณ์อ่อนเพลียไม่แพ้น้องสาวที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้าน
“แสนบอกว่ารถคันนั้นแซงหน้าขึ้นมา แสนไม่เห็นเลยชน จากนั้นเขาก็บอกว่าตัวเองไม่ผิด แต่พอแสนโวยวายเขาเลยอุ้มแสนขึ้นรถ”
“ว้าย แม่คุณทูนหัว จริงเหรอแสนแล้วลูกรอดมาได้ยังไง ไม่มีอะไรบุบสลายนะจ๊ะ” คุณแม่ยิ่งเป็นห่วงลูกสาวเข้าไปอีก จับตัวแสนดีเขย่าเค้นคำตอบ ก่อนจะลูบเนื้อลูบตัวปลอบขวัญ
ด้วยรักรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย ขณะที่ยาใจอยากฟังเรื่องราวต่อจึงรีบเอ่ยขึ้น
“พี่เปี่ยมน่ะชอบแต่งเรื่อง ให้แสนเล่าเองดีกว่าไหมคะ”
ด้วยรักปล่อยขำเบาๆ ขณะที่คนถูกพาดพิงส่งสายตาไม่พอใจ
แสนดีที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของมารดา เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นาน “เขาไม่ได้อุ้มหรอกค่ะ เขาลากต่างหาก แต่ไม่ต้องตกใจนะทุกคน คือแสนว่าเขาต้องรวยมากแน่ๆ พอเกิดเรื่องเขาก็โทรหาคนของเขาให้เอารถอีกคันมารับ ตอนแรกเขาจะไม่รับผิดชอบรถเรา แต่แสนโวยวายจนคนมองทั้งถนน เขาก็พาแสนขึ้นรถอีกคันของเขาไปด้วย”
พอถึงตอนนี้ทุกคนยิ่งตื่นเต้นอยากฟังเรื่องต่อไปอีก แสนดีหยุดพักสักนิดแล้วเล่าต่อ
“แต่พออยู่ในรถเขาก็ไม่ทำอะไรไม่ดีนะคะ แค่ต่อปากต่อคำ แล้วเขาก็พาแสนมาส่งที่โปโลคลับ เหมือนกับว่าเขาต้องมาธุระที่นั่นด้วยล่ะ แล้วก่อนจะจากกันเขาบอกว่าศุกร์นี้จะเอารถที่ซ่อมแล้วมาส่งให้ ทั้งๆที่แสนไม่ได้บอกว่าบ้านอยู่ไหน พอแสนถามว่าเขารู้เหรอ เขาไม่ตอบ แล้วออกรถไปเลย”
ทุกคนรับฟังอย่างสงบนิ่งด้วยความสงสัยไปต่างๆนานา
เปี่ยมสุขซึ่งได้ฟังเป็นรอบที่สองจึงเบื่อ เลยลุกขึ้นขอตัวไปอาบน้ำจะได้ลงมาทานข้าว ส่วนสาวๆที่เหลือก็ออกความเห็นกันอย่างออกรส
“พี่ว่าเขาก็สุภาพบุรุษดีนะ หน้าตาเป็นยังไงเหรอแสน แต่สงสัยว่าจะรวยมาก” ด้วยรักออกความเห็น
แสนดีขมวดคิ้ว เมื่อนึกภาพใบหน้าใต้แว่นกันแดดไม่ออก
“แสนไม่รู้ค่ะ เขาใส่แวนดำตลอด แปลกมาก”
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ แต่ทีหลังอย่าขึ้นรถไปกับผู้ชายไม่รู้จักอีกนะแสนดี เกิดโชคร้ายขึ้นมาล่ะก็ เฮ้อ ลูกแม่ โชคดีที่พระคุ้มครองนะคราวนี้” คุณหญิงวิสาตักเตือนด้วยความห่วงใยเป็นที่สุด
“รถเราจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ชีวิตหนูสำคัญกับแม่มากกว่านะจ๊ะ”
ยาใจซึ่งกำลังครุ่นคิดไปต่างๆนานา ก็สันนิษฐานสิ่งที่น่าสนใจขึ้น
“คุณแม่คะ ยาว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีอิทธิพลมากแน่ๆ ถ้าเขาสามารถสืบหาที่อยู่เราได้ น่ากลัวจริง”
ด้วยรักเริ่มลุกขึ้นเพื่อเตรียมจัดโต๊ะอาหาร เมื่อสาวใช้ในบ้านเดินมาถามว่าจะให้เริ่มทานมื้อเย็นกันเมื่อไร
“เดี๋ยวศุกร์นี้ก็รู้ อ้าวคุณพ่อกลับมาแล้ว”
แล้วสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังรถเก่าแก่ของบ้านอีกคันซึ่งกำลังขับเคลื่อนเข้ามา และเนื่องจากการที่หลวงสีหนาถไม่ใช่คนไร้เหตุผล ถึงแม้จะเป็นคนดุก็ตาม แสนดีจึงไม่ต้องกลัวว่าคุณพ่อจะดุเธอที่เกิดเหตุรถชนขึ้น
คุณหญิงวิสาลุกขึ้นเพื่อจะออกไปต้อนรับสามี พร้อมสั่งลูกสาวคนเล็ก “แสนรีบไปอาบน้ำสิลูก เจอเรื่องร้ายๆมาจะได้สบายใจ แล้วค่อยมาเล่าให้คุณพ่อฟังตอนทานข้าวนะ”
แสนดีทำหน้าละเหี่ยใจ ขณะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา แล้วบ่นออกมาดังๆ “ แสนฉายหนังเรื่องนี้มาสองรอบแล้วนะคะ เฮ้อ ฟิล์มขาดหมด”
ยาใจหัวเราะ ขณะที่ความสงสัยไม่ได้หายไป “แสน พี่ล่ะอยากรู้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร”
แสนดีมองหน้าพี่สาวด้วยแล้วเริ่มทบทวนความรู้สึกตัวเอง เขาไม่ทำอะไรเธอก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้สุภาพกับเธอมากนัก แถมหยิ่งผยอง และไม่รู้จักผิด อีกด้วย หล่อนเชิดหน้า ปากบางนั้นเหยียดออก
“ฮึ…อย่าไปรู้จักคนอย่างนั้นเลยค่ะ”
เป็นเวลาหัวค่ำแล้วเมื่อทั้งเจ้าฟ้าชายอิศเรศร์และเจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาเสด็จกลับวังหลวง วันนี้เจ้าชายมิได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำกับพระสหายที่นอกวังเหมือนกับทุกวันแต่อย่างใด จึงทำให้โต๊ะเสวยที่ท้องพระโรงกลับมาคึกคักและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อสมเด็จพระราชินิทรงมีรับสั่งให้เหล่าข้าราชบริพารเตรียมจัดพระกระยาหารที่เจ้าชายโปรดขึ้นโต๊ะเสวย
ทุกอย่างน่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากเจ้าชายและเจ้าหญิงมิได้เสด็จกลับวังช้ากว่าเวลาที่ทรงบอกสมเด็จพระราชินีถึง 1 ชั่วโมง
สมเด็จพระราชาภูวดลทรงมีรับสั่งด้วยความกริ้ว เมื่อเห็นพระราชโอรสและพระราชธิดาเสด็จพระราชดำเนินเข้าท้องพระโรงมา และทรงเข้ามาประทับนั่งด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ทำไมมาช้ากันนัก” พระสุรเสียงนั้นดุ และน่าเกรงขามยิ่งนัก
สมเด็จพระราชินีทอดพระเนตรพระสวามีที่กำลังกริ้ว จึงทรงพยายามแก้สถานการณ์ด้วยทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลตักข้าวให้พระราชาเสวย
“ชายขับรถไปชนใครไม่ทราบเพคะเสด็จพ่อ ถ้าจะกริ้ว ก็กริ้วชายคนเดียวเถอะเพคะ อย่ามากริ้วหญิงเลย บุษบา ตักข้าวให้เราด้วย” เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาซึ่งไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดและยิ่งเป็นเสด็จพ่อด้วยแล้ว เจ้าหญิงทรงรู้แก่ใจว่าเสด็จพ่อทรงรักและตามใจพระองค์มากกว่าพระอนุชา
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทอดพระเนตรพระเชษฐภคินีด้วยความตกพระทัย ก่อนจะทรงหันไปสบพระเนตรที่ทั้งคมทั้งดุของเสด็จพ่อ
“ทำเรื่องยุ่งอีกแล้วสิอิศเรศร์ ไปชนใครมาล่ะ”
เจ้าฟ้าชายแย้มพระสรวลสู้ ทั้งๆที่ทรงทราบว่าคงจะถูกเสด็จพ่อกริ้วอีก“เป็นผู้หญิงพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ แต่ชายนำรถเขามาซ่อมให้แล้วเดี๋ยวจะส่งคืนวันศุกร์ ไม่มีอะไรน่าหนักใจหรอกพะยะค่ะ”
“ตายจริงพ่อชาย แล้วนี่เธอคนนั้นรู้หรือเปล่าว่าชายเป็นใคร” พระราชินีทรงมีรับสั่งด้วยความกังวล
เจ้าชายอิศเรศร์ทรงนึกถึงเสียงใสๆ แต่อวดดี ที่ด่าทอพระองค์อย่างไม่ลดละ แทนที่จะกริ้วแต่พระองค์กลับแย้มสรวล
“ไม่หรอกสมเด็จแม่ ชายใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาพะย่ะค่ะ อีกอย่างหล่อนก็ว่าชายต่างๆนานา ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย”
เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาสรวลอย่างอารมณ์ดี เนื่องจากได้ฟังเรื่องนี้จากพระอนุชามาแล้ว “อืม ผู้หญิงอย่างนี้ยังมีอยู่บ้างล่ะนะ พี่ล่ะอยากเห็นหน้าจริงๆ คนที่ทำให้ชายยอมแพ้ได้”
“เอาเถอะ เสวยกันได้แล้ว” พระราชาทรงขัดขึ้น “อิศเรศร์จากนี้ไปพ่อไม่อยากให้ลูกขับรถเอง พ่อคิดว่าตามใจลูกมามากพอแล้ว”
เจ้าฟ้าชายหยุดเสวย ทั้งๆที่ทรงไม่พอพระทัยพระบิดา แต่พระองค์กลับไม่กล้ารับสั่งใดใด เนื่องจากพระราชาทรงเป็นบุคคลคนเดียวที่ไม่เคยตามพระทัยพระโอรสจนเกินเลย และทรงเข้มงวดกว่าพระราชินีมากนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าชายทรงคิดไปเองว่าพระราชามิได้โปรดพระโอรสองค์เดียวของพระองค์มากนัก แต่แท้ที่จริงแล้วพระราชาทรงทำทุกอย่างที่ดูเหมือนเป็นการเข้มงวด เพื่อเตรียมตัวให้พระโอรสองค์เดียวของพระองค์เป็นกษัตริย์ที่สมบูรณ์ในอนาคต
“แต่เสด็จพ่อก็ทรงส่งคนขับรถตามชายอยู่ห่างๆตลอดนี่พะย่ะค่ะ”
ทั้งโต๊ะเสวยต่างเงียบงัน พระราชินีและเจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาต่างทอดพระเนตรกันและกันราวกับทรงกลัวว่าสงครามย่อมๆจะปะทุขึ้น ทั้งๆนี่เป็นเพียงไม่กี่วันในสัปดาห์ที่ทั้งสี่พระองค์ได้ร่วมโต๊ะเสวยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
พระราชาทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่าพระโอรสไม่มีทางอ่อนข้อเรื่องขับรถ เพราะเจ้าชายโปรดที่จะขับเองมาตั้งแต่อยู่เมืองนอก ถึงแม้จะมีองครักษ์นั่งติดตามไปด้วยตลอดเวลาก็ตาม และเมื่อทรงศึกษาสำเร็จด้วยเกียรตินิยมกลับประเทศมา เจ้าชายจึงทรงนำเรื่องนี้เอ่ยปากขอพระราชาถึงเรื่องการขับรถแบบส่วนพระองค์ ซึ่งพระราชาทรงอนุญาต แต่ได้ทรงส่งองค์รักษ์ขับติดตามไปด้วยทุกแห่ง
“อิศเรศร์” พระราชาทรงรับสั่งเรียบๆ “น้ำมันแพง เศรษฐกิจโลกกำลังทรุด เราต้องช่วยประชาชนประหยัดด้วยนะลูก พ่อจะลดจำนวนรถติดตาม ให้ธราดลนั่งไปกับลูกด้วยทุกแห่งนั่นล่ะ”
เมื่อได้ทรงได้รับทราบเหตุผลดังนี้แล้ว เจ้าชายจึงไม่รู้จะทรงต่อรองพระบิดาอย่างไร มีแต่เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาเท่านั้นที่สวรลขึ้น
“เสด็จพ่อทรงกลัวว่าเงินท้องพระคลังจะขาดดุล แต่อิศเรศร์กลัวจะขาดผู้หญิงน่ะสิเพคะ”
“พี่หญิง ช่วยทูลให้ชายดูดีในสายตาเสด็จพ่อบ้างได้ไหม” เจ้าชายตรัสขึ้นอย่างกริ้ว
แทนที่พระราชาจะทรงกริ้วไปด้วย แต่พระองค์กลับทรงสรวลแทน ทำให้พระราชินีทรงโล่งอกหลังจากทรงเกรงว่าพระสวามีจะทำให้โต๊ะเสวยล่มไม่เป็นท่า
“ชายดูดีในสายตาพ่อเสมอ และจะดีมากขึ้นหากเลิกทำตัวเป็นเพลย์บอยเสียที”
“ใช่เพคะ” พระราชินีทรงสนับสนุน “แม่นางแบบ ดาราพวกนั้น อยู่กับความมายา หล่อนคบกับลูก ก็เพราะลูกเป็นเจ้าชายหรอกนะ”
เจ้าฟ้าชายทรงทราบดีในทุกๆอย่างที่พระมารดาตักเตือน และพระองค์ทรงทราบดีอีกเช่นกันว่าพระองค์ก็ทรงอยู่ในโลกมายาไม่ต่างจากดารา นางแบบพวกนั้น
และเมื่อทรงนึกถึงเรื่องนี้พระพักตร์หล่อเหลากลับหม่นหมองลง เจ้าชายทรงหยุดเสวย และเช็ดพระโอษฐ์
“เสด็จแม่ตรัสราวกับว่าจะมีผู้หญิงที่ไม่เห็นว่าชายเป็นเจ้าชายอย่างนั้นล่ะพะย่ะค่ะ ตราบใดที่ไม่ใช่คนธรรมดา ราชวงศ์ก็คือสิ่งมายาพะย่ะค่ะ”
พระราชินีทรงไม่พอพระทัยในคำพูดของพระโอรส แต่พระราชานั้นทรงเข้าใจในความหมายของเจ้าชายเป็นอย่างดี พระองค์ทรงรู้ว่าเจ้าชายทรงฉลาดพอที่จะไม่จริงจังกับหญิงคนไหนก็เพราะด้วยเหตุผลนี้ แต่มีบางสิ่งที่สำคัญที่พระองค์จำเป็นต้องอธิบายให้พระโอรสผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ในอนาคตปรับทัศนคติเสียใหม่
“อิศเรศร์” พระสุรเสียงหนักแน่นนั้นก้องกังวาล “ราชวงศ์ไม่ใช่สิ่งมายาหากเราคิดถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง”
เจ้าชายหันพระพักตร์มาสบพระเนตรที่มั่นคงของพระบิดา และนั่นทำให้พระองค์ทรงเข้าพระทัยดีว่าสิ่งที่พระราชาตรัสเปี่ยมไปด้วยความหมายต่อพระองค์เพียงใด
ค่ำคืนแห่งแสงสียังคงคงคราคร่ำไปด้วยบรรดานักท่องราตรีทั้งหนุ่มและสาว และเช่นเดิมเหมือนกับทุกๆคืนที่เหล่าผับหรูทั่วเมืองหลวงต่างแข่งกันทำการตลาดแย่งบรรดาลูกค้าไฮโซกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลังจากร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำกับพระราชวงศ์แล้ว เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ยังทรงไม่วายมาร่วมสังสรรกับเหล่าพระสหายดังเช่นทุกค่ำคืน ถึงแม้จะทรงรู้อยู่เต็มพระอุระว่าพระบิดาไม่โปรดสำหรับกิจกรรมนี้ของพระองค์เท่าไรนัก และการที่พระบิดาทรงเตือนพระองค์ทางอ้อมด้วยพระบรมราโชวาทในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาให้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ในอนาคตของพระองค์เอง แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งให้เจ้าชายเสด็จออกมาหาความสำราญดังเดิมได้
แต่ตอนนี้พระองค์ทรงเริ่มตระหนักขึ้นทีละน้อยแล้วว่า พระองค์ควรวางพระองค์เองให้เหมาะสมกับตำแหน่งมกุฏราชกุมาร
“ทรงเริ่มคิดได้แล้วสิกระหม่อม” ทรงพลหยอกเจ้าชายอย่างสนิทสนม ขณะที่เจ้าชายตรัสเรื่องพระราชดำรัสของพระราชาให้เขาฟัง ทั้งสองนั่งคุยกันรอชินาคมอละดนัยมาร่วมวงด้วยตามปกติ
“หึ เราคิดว่าควรจะเริ่มวางตัวให้เหมาะสมเสียที กลับมาประเทศได้ครึ่งปีแล้ว ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียชื่อเกียรตินิยมหมด อย่างนายสิดี ทรงพล ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งบริษัทกำลังไปได้ดีใช่ไหม”
เจ้าชายกำลังรับสั่งถามถึงบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูราคาสูงลิ่วของทรงพลที่ตั้งขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เขาพึ่งกลับประเทศพร้อมๆกับเจ้าชาย แต่การที่ไม่ชอบอยู่เฉยและฉลาดหลักแหลม ทรงพลจึงสามารถยืนผงาดในฐานะนักธุรกิจชั้นนำได้ไม่ยากนัก
“ดีกระหม่อม แต่คุณพ่อไม่มั่นใจ กลัวหม่อมทำเจ๊ง ไม่รู้เสียแล้วว่าหม่อมมีคอนเน็กชั่นกับบริษัทต่างชาติตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ”
เจ้าชายสรวล และยิ้มพอพระทัยในความสามารถของพระสหายที่สนิทที่สุด พระองค์ทรงทราบว่าไม่มีอะไรทีทรงพลอยากทำแล้วทำไม่สำเร็จ เขาเป็นคนเก่งทะเยอะทะยานและมุ่งมั่นที่สุดคนหนึ่ง และนั่นทำให้พระองค์กลับมาตัวเอง ครึ่งปีที่เสียไปกับการเที่ยวเตร่ จีบบรรดาสาวงามและพาพวกหล่อนไปเที่ยว พระองค์รู้สึกมีความสุขก็จริง แต่ลึกๆแล้วทรงคิดว่าเป็นความสุขที่เสียเปล่า
“ชิ กับ ดอน มาแล้วกระหม่อม หล่อเฟี้ยวกันมาทีเดียว แต่เอ๊ะ…พาใครมาด้วย”
เจ้าชายทอดพระเนตรมองร่างสูงโปร่งของเพื่อนหนุ่มหล่อที่กำลังเดินเข้ามา แต่คราวนี้กลับมีสาวสวยถึงสามคนเดินมาร่วมวงด้วย สาวคนแรกในชุดเดรสสีดำรัดรูปและสั้นเหนือเข่า มวยผมโชว์ต้นคอขาวระหง เดินคู่มากับสาวคนที่สองในชุดกางเกงหนังขาสั้นกุดรัดรูปและเสื้อคล้องคอสีแดงสะดุดตา และสาวคนที่สามที่ชินาคมเดินตามประกบไม่ห่างซึ่งทั้งเจ้าชายและทรงพลจำได้ทันทีว่า หล่อนคือนางแบบลูกครึ่งออสเตรเลียที่ชื่อซาร่า ซึ่งทำให้ทั้งดอนและชินาคมติดใจกันไปตามๆกัน
วันนี้หล่อนแต่งตัวเรียบร้อยกว่าเพื่อน แต่แม้เดรสสีขาวสะอาดจะยาวคลุมเข่า แต่ท่อนบนเป็นเกาะอกนั้นกลับกระชับแน่นจนเห็นสัดส่วนเป็นอย่างดี
หนุ่มสาวทั้งห้าหยุดยืนที่หน้าโซฟาใหญ่พิเศษ ขณะที่เจ้าชายและทรงพลลุกขึ้นต้อนรับแขก
สาวๆทั้งสามรู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่ายิ่งนักที่ได้เข้าเฝ้าเจ้าชายหนุ่มหล่อซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วเมืองอย่างใกล้ชิด พวกหล่อนค่อยๆถอนสายบัวอย่างละมุนละไม
ด้วยมารยาทที่ดี เจ้าชายจึงโค้งรับเบาๆ
“หม่อมพาสาวๆมาเลี้ยง พระองค์สะดวกไหมกระหม่อม” ดนัย หรือ ดอน กล่าวอธิบายให้เจ้าชายเข้าพระทัย
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ไม่กล่าวอะไร พระองค์ได้แต่จ้องหน้าซาร่า นางแบบสาวสวยนั้นด้วยความชื่นชม ถึงแม้ตอนนี้หล่อนจะกำลังก้มหน้าหลบพระพักตร์ แต่อีกไม่นาน คงได้สบตากันบ่อยขึ้น เจ้าชายทรงคิด ก่อนจะพยักหน้านิ่งๆเป็นเชิงอนุญาตเพื่อนทั้งสอง
สุภาพบุรุษทั้งสี่เชื้อเชิญให้เหล่าสาวสวยเข้ามาร่วมนั่งที่โซฟาใหญ่หนานุ่มเป็นพิเศษ ขณะที่สายตาสาวๆคนอื่นในร้านมองพวกหล่อนตาเป็นมันด้วยความอิจฉา
“ทรงสั่งอะไรหรือยังกระหม่อม วันนี้หม่อมหิวเหลือเกิน” ชินาคมถามขึ้น
ยิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าสาวสวย เจ้าชายจะทรงวางมาดขรึมและดูดีเป็นพิเศษ ชั่วขณะหนึ่ง ทรงลืมไปอีกแล้วว่า การวางตัวที่เหมาะสมในฐานะมกุฏราชกุมารเป็นอย่างไร
เจ้าชายสบพระเนตรกับซาร่าพอให้หล่อนได้ตื่นเต้น ก่อนจะทรงหันไปตรัสกับชินาคม
“สั่งแล้วล่ะ ของโปรดของนายก็มี แล้วคุณผู้หญิงจะสั่งเครื่องดื่มอะไรกันหรือเปล่า”
เมื่อสิ้นประโยค เหล่าสาวๆก็ทำท่าเขินอาย ก่อนจะตอบรับน้ำพระทัยนั้นอย่างยินดี
และไม่นานนักเจ้าชายก็ทรงเริ่มต้นการสนทนาขึ้น เมื่อเข้าพระทัยว่าพวกสาวๆคงเกร็งไม่น้อย แล้วการพูดคุยอย่างเป็นกันเองและสบายๆก็ดำเนินไปด้วยดี เจ้าชายทรงมีพระอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจในการกุมหัวใจสาวๆ และแน่นอนพระองค์ทรงไม่ลืมที่จะโปรยเสน่ห์โดยการสบตาซาร่าบ่อยๆ จนชินาคมเริ่มรู้สึกได้ว่าหล่อนหลงเสน่ห์เจ้าชายเข้าให้แล้ว เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สาวขาสั้นกุดแทน ในขณะที่ดนัยพูดคุยกับสาวเดรสดำด้วยความหลงใหล
เมื่อไม่มีใครคุยกัยหล่อน และซาร่ารู้สึกได้ว่าเจ้าชายทรงสบพระเนตรกับหล่อนบ่อยเหลือเกิน แต่ไม่เริ่มที่จะสนทนากับหล่อยโดยการส่วนพระองค์เสียที ซาร่าจึงลุกขึ้นและแสร้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
เจ้าชายแย้มพระสรวลอย่างหล่อและผงกพักตร์อนุญาติหล่อน สายพระเนตรคมกล้านั้นสบตาสาวสวยอย่างมีความหมาย ดังนั้นแล้วเมื่อซาร่าลุกออกไปไม่นาน เจ้าชายจึงทรงลุกขึ้นจะเสด็จออกจากวงพระสหายไปบ้าง
ทรงพลที่นั่งดูสถานการณ์ทุกอย่างมาตลอดกล่าวเตือนเจ้าชายเบาๆ
“ไหนว่าจะทรงวางตัวให้เหมาะสมอย่างไรล่ะฝ่าบาท”
เจ้าชายทรงหยุดนิ่ง ก่อนจะทรงไตร่ตรองหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เอง
“ขอเราทิ้งทวนหน่อยเถอะทรงพล” เมื่อตรัสอย่างสั้นแล้วจึงย่างพระบาทหายไปในฝูงชน
ทรงพลส่ายศีรษะมองเจ้าชายเพื่อนรักอย่างเหนื่อยหน่าย ความเป็นเพลย์บอยของพระองค์นั้นแก้ยากกว่าเรื่องใดใด ถึงแม้จะทรงฉลาด แต่กลับแพผู้หญิงสวยอยู่ร่ำไป
ไม่ว่าเจ้าชายอิศเรศร์จะทรงย่างพระบาทไปแห่งใดก็มีแต่สาวๆมองตาไม่วางด้วยความหวังลมๆแล้งที่จะได้สบพระเนตของพระองค์บ้าง แต่เจ้าชายกลับไม่สนใจใคร ตอนนี้พระองค์ทรงคิดถึงแต่เพียงว่าซาร่าได้ทำให้พระองค์รู้สึกสนใจในตัวหล่อนเสียเหลือเกิน
“อุ๊ย” เสียงเล็กน่าฟังร้องขึ้น เมื่อชนเข้ากับแผงอกกว้าง หล่อนหันหน้าขึ้นมองร่างสูงก่อนแววตาหวานสวยจะรู้สึกประหม่าเมื่อได้เห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าคือเจ้าชาย
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ยิ้มละไมสบตาคู่สวยของหล่อน ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มแนบหูหล่อนเบาๆ
“ขึ้นดาดฟ้ากันไหม ข้างล่างนี่อึดอัดจะตาย”
สาวสวยหน้าแดง และรู้สึกยินดีอย่างที่สุด ก่อนจะเดินตามร่างสูงขึ้นไปที่ดาดฟ้าชั้นบนของผับหรูแห่งนี้
และตลอดทั้งคืนเจ้าชายทรงมีพระราชปฏิสันฐานกับนางแบบสาวสวยจนลืมเวลา ส่วนซาร่านั้นรู้สึกหลงรักเจ้าชายหนุ่มหล่ออย่างถอนตัวไม่ขึ้น หล่อนรู้สึกเป็นเกียรติและคิดว่าแผนของหล่อนที่ทำสนิทกับชินาคมและขอติดมาเที่ยวผับแห่งนี้ด้วยนั้นได้ผลเกินคาดกว่าที่คิด
เป็นเวลาตีสองแล้วกว่าเจ้าชายจะทรงรู้สึกตัวว่าควรเสด็จกลับวัง เพราะพรุ่งนี้พระอง์ทรงคิดที่จะเริ่มทรงงานเป็นครั้งแรก เจ้าชายจึงพาซาร่ามาหาเพื่อนของหล่อนข้างล่าง แต่ผับหรูกลับร่อยหรอผู้คนลงไปมาก และกลุ่มของชินาคมกับสาวๆก็ไม่อยู่เสียแล้ว เจ้าชายจึงทรงแสดงน้ำพระทัยขับรถไปส่งนางแบบสาวสวยที่คอนโดหรูของเธอ ซึ่งซาร่ารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และก่อนจากกันคืนนั้น เจ้าชายทรงขอแลกเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับหล่อน และทรงตรัสว่าจะมารับหล่อนไปทานข้าวด้วยเร็วๆนี้
รถคันหรูของเจ้าชายขับออกไปไกลแล้ว แต่ ซาร่า ยังคงยืนนิ่งดื่มด่ำความสุขของตนเองและหวังว่าจะให้มันเป็นความสุขที่อยู่ชั่วนิรันดร์
สถานทูตอังกฤษวันนี้วุ่นวายเป็นพิเศษเนื่องจากว่าสมเด็จพระราชาภูวดลทรงมีพระบรมราชานุญาตให้เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์เสด็จพระราชดำเนินเป็นตัวแทนพระองค์มาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศกาล 100 ปีความสัมพันธ์อังกฤษและภัทรประเทศ และนี่ถือว่าเป็นงานหลวงครั้งแรกของเจ้าชาย ทางสถานทูตอังกฤษจึงรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ยาใจยืนเซ็งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หลังจากที่หล่อนมาติดต่อเรื่องเรียนต่อ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากทุกคนกำลังวุ่นเตรียมงานครั้งนี้
หล่อนรอมาเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่กลับได้รับทราบเพียงว่าคงต้องรอไปอีกหน่อย เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังยุ่ง หรือถ้าจะสะดวกก็ให้หล่อนมาติดต่อพรุ่งนี้
“คือดิฉันแค่อยากรู้เพียงว่าเอกสารสมัครเรียนทั้งหมดนั้นมีอะไรบ้างเท่านั้นเองค่ะ”
หล่อนอดทนถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ด้วยอารมณ์ที่อดกลั้น
“ค่ะๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครสามารถให้คำตอบคุณได้เลยค่ะ ถ้าจะสะดวกช่วยมาพรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันอาทิตย์ได้ไหมคะ”
ยาใจเริ่มหน้าเสีย “วันอาทิตย์เป็นวันหมดเขตรับสมัครค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังรวบรวมหลักฐานสมัคร แต่กลัวไม่ครบ เลยจะมาถามวันนี้ไงคะ”
เจ้าหน้าที่สาวก็ยังคงอดทนอธิบายแบบเดิมๆต่อไป “ค่ะ แต่วันนี้ไม่มีใครว่างคุณต้องมา….”
“ค่ะๆ โอเคค่ะ ดิฉันจะมาพรุ่งนี้” หล่อนรีบตัดบท ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างหัวเสีย นี่เธออุตส่าห์รีบตื่นเช้าเพื่อที่จะติดรถมากับแสนดีและเปี่ยมสุข แต่กลับต้องมารออีกสองชั่วโมงแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับไป เนื่องจากทุกคนต้องรอต้อนรับเจ้าชาย!!!!
เจ้าชายขี้หลี ที่พึ่งจะเริ่มทรงงานหลวงป็นครั้งแรก แต่ก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียแล้ว!!!!
ยาใจนึกตำหนิในใจต่างๆนา ขณะเดินออกจาสถานทูตทางด้านหน้า แต่แล้วก็มีเสียงฝรั่งร้องดังมาห้ามเธอขึ้น
ยาใจหันไปมองตามเสียงนั้นก็เห็นว่ามีฝรั่งผู้ชายร่างสูงเดินมาพูดกับเธอเสียงเข้มเป็นภาษาอังกฤษว่าเธอห้ามเดินผ่านตรงนั้น เพราะเจ้าชายกำลังจะเสด็จแล้ว
ยาใจชักสีหน้า และตอบด้วยภาษาอังกฤษกลับอย่างคล่องแคล่ว ว่าเธอไม่ทราบและขออภัย ก่อนจะรีบเดินหนีไปให้พ้น แต่ก็โดนฝรั่งคนนั้นเดินมาห้ามเสียทุกทาง เพราะทุกที่ล้วนปิดกั้นทางเข้าออกเพื่อความปลอดภัย
มาดนิ่งของยาใจเริ่มหายไป เธอกำลังจะต่อว่าว่าจะให้เธอเดินออกไปทางไหน แต่แล้วราชองค์รักษ์ร่างสูงกำยำก็เดินพูดมือถือเสียเสียงดังเข้ามา
“วอสองทราบแล้วเปลี่ยน มีคนบุกรุก มีคนบุกรุก” ว่าแล้วเขาก็จับแขนหล่อนก่อนจะเจรจากับฝรั่งคนนั้นถามว่าหล่อนเป็นใคร ฝรั่งตอบว่าไม่ทราบและกำลังพยายามพาเธอออกไป
“คุณคะ ฉันมาติดต่อธุระค่ะ ไม่ได้มาบุกรุก ปล่อยแขนฉันด้วยค่ะ” ยาใจพยายามอธิบายองครักษ์ด้วยความอดทน
เขามองหล่อนอย่างเฉยเมย แล้วจับแขนหล่อนพาเดินออกไปทางประตูหลัง แต่ทุกที่กลับถูกล็อตและปิดประตูหมดแล้ว
องครักษ์มองนาฬิกาข้อมือ อีกไม่ถึงนาทีเจ้าชายจะเสด็จขึ้นตึก และทุกที่ต้องเคลียร์เพื่อความปลอดภัย เขาหันมามองยาใจที่เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างจนปัญญาก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำหญิงซึ่งอยู่ติดทางออกที่ล็อคเอาไว้
“คุณคงต้องอยู่ในนี้ไปก่อนจนกว่าเจ้าชายจะเสด็จกลับ กรุณาอย่าสงเสียงด้วยนะครับ” และก่อนที่ยาใจจะได้ต่อสู้อะไร เขาก็ผลักหล่อนเข้าไปในห้องน้ำ แล้วใช้แม่กุญแจ่ที่ใกล้ประตูกดล็อคอย่างแน่นหนา
เมื่อได้สติอย่าใจจึงทุบประตูและตะโกนลั่น
“ปล่อยชั้นดี๋ยวนี้นะ นี่มันกักขังกันชัดๆ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้”
องครักษ์หนุ่มทำเสียงดุใส่ “คุณผู้หญิงครับ กรุณาให้ความร่วมมือเพียงสองชั่วโมงเองครับ ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งข้อหาคุณฐานพยายามปั่นป่วนพระบรมวงศานุวงศ์”
ยาใจนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าเขาทำจริงหรือเล่น และในที่สุดองครักษ์นั้นก็จากไป ปล่อยให้เธอยืนโมโหอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตคนเดียวในห้องน้ำ หล่อนด่าทอเจ้าชายบ้าบอไปต่างๆนานา และจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องคุณพ่อ เพื่อเป็นข้ออ้างไม่เข้าวังวันอาทิตย์
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงทอดพระเนตรนิทรรศการที่ทางสถานทูตจัดขึ้นด้วยความสนพระทัย พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับท่านเอกอัครราชทูตอย่างเป็นกันเองและด้วยความเคารพ ทรงรับสั่งถามรายละเอียดการจัดงานและทรงขอบพระทัยเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมมือกันจัดงานที่สำคัญอย่างนี้ขึ้น เพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศต่อไป และเนื่องจากทรงเป็นศิษย์เก่าอังกฤษจึงทรงถามถึงพระอาจารย์สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่นั่น เมื่อได้ทรงทราบว่าท่านทูตนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับพระอาจารย์ท่านนั้นด้วย
การปรากฏตัวครั้งแรกของเจ้าชายถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากทรงวางตัวได้อย่างเหมาะสมและดีเยี่ยม อีกทั้งบุคลิกอันสง่างามทุกย่างพระบาท ทำให้เหล่าสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกคนรู้สึกประทับใจและเกือบจะลบภาพเพลย์บอยและการที่ทรงเป็นคนเหลาะแหละตามหน้าหนังสือพิมพ์ไปได้
พระกรณียกิจครั้งแรกเกือบจะสิ้นสุดลง เมื่อเจ้าชายทรงขอตัวไปทำธุระส่วนพระองค์
ยาใจนั่งเบื่อหน่ายในห้องน้ำนานเกือบสองชั่วโมง และเมื่อหล่อนได้ยินเสียงคนเดินผ่านมา หล่อนจึงเคาะประตูห้องน้ำและส่งเสียงเรียก
“มีคนอยู่ข้างนอกใช่ไหมคะ เปิดประตูให้ฉันด้วยค่ะ”
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงตกพระทัย ก่อนจะทรงสังเกตได้ว่าประตูห้องน้ำหญิงนั้นขยับตามเสียงทุบปังๆ
พระองค์ทรงสงสัยเป็นยิ่งนัก แต่แล้วเสียงใสๆ ของหญิงสาวก็ดังขึ้นอีก
“มีคนอยู่ข้างนอกไหมคะ เปิดให้ฉันด้วยค่ะ” ตามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเพราะที่แปลได้ความหมายเดียวกัน
เจ้าชายยังทรงแปลกพระทัย ก่อนจะทรงชะเง้อทอดพระเนตรองครักษ์ที่ยืนเฝ้าห่างออกไปนิดหนึ่งว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไร พระองค์จึงตรัสถามเสียงผู้หญิงคนนั้นขึ้น
“คุณผู้หญิง คุณอยู่ในห้องน้ำเหรอครับ”
เสียงทุ้มกังวาลของชายหนุ่มที่ไหนไม่ทราบได้ ทำเอายาใจ ใจชื้นขึ้นเป็นกอง หล่อนตะโกนเสียงดังขึ้นอีก
“ใช่ค่ะ เปิดประตูให้ฉันได้ไหมคะ เมื่อกี้องครักษ์จับฉันมาขังไว้น่ะค่ะ เขาบอกเจ้าชายจะเสด็จและไม่สามารถพาฉันออกไปได้”
เมื่อทรงรับฟังดังนั้นก็ทรงรู้สึกขันยิ่งนัก ก่อนจะทรงหยิบแว่นกันแดดคู่ใจจากกระเป๋ากางเกงแล้วทรงสวมเพื่ออำพรางตัว ก่อนจะทรงรีบปลดล็อคประตูห้องน้ำออก
เมื่อประตูเปิดออก ยาใจรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หล่อนรีบเดินออกมา และได้เห็นว่าคนที่เปิดประตูให้หล่อนนั้นเป็นชายร่างสูงโปร่ง ในชุดสูทเนื้อดี ยืนใส่แว่นดำยิ้มต้อนรับหล่อนอยู่
ยาใจยิ้มอายๆ ก่อนจะขอบคุณร่างสูงของเขาเบาๆ แล้วตั้งท่าจะหาทางออกไป
เจ้าชายอิศเรศร์ทรงรู้สึกตะลึงงันเมื่อได้สบตากลมโต และดวงหน้าที่สวยไร้ที่ติของหล่อน เจ้าชายทรงรู้สึกว่าใบหน้าของหล่อนนั้นคุ้นเหลือเกิน แต่ก็งดงามต้องพระทัยมากจริงๆ
และก่อนที่หล่อนจะเดินถลาออกไปในทางที่องครักษ์ของพระองค์ยืนเฝ้าอยู่ พระองค์จึงทรงย่างพระบาทไปขวางทางหล่อน
“เดี๋ยวครับคุณ คือ…” เจ้าชายทอดพระเนตรดูองครักษ์ที่ยังยืนหันหลังไม่ได้ยินเสียงอะไร ก่อนจะทรงนึกว่าจะพาสาวสวยคนนี้ออกไปอย่างไรดี
“คะ?” หล่อนสงสัยในท่าทางของเขา
“คุณไปทางนั้นไม่ได้ครับ เจ้าชายยังไม่เสด็จกลับ ตามผมมาทางนี้แล้วกัน”
ว่าแล้วเจ้าชายจึงทรงค่อยๆย่องพายาใจออกไปทางประตูหลังอีกฝั่ง แต่ก็ล็อคอยู่เช่นกัน จึงทรงพาหล่อนวกกลับเข้ามาทางห้องเก็บเอกสารที่อยู่ติดห้องน้ำเช่นเดิม
“แล้วฉันจะออกไปอย่างไรดีคะ”
ยาใจถามอย่างจนปัญญา เจ้าชายหันพระพักตร์มาสบหล่อน และรู้สึกโปรดท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติในแบบกังวลของเธอ พระองค์ทรงรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทรงยืนนิ่งงันพิจารณาสาวรูปร่างโปร่งบาง ในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีหวาน ผมดำขลับนั้นยาวสยายประบ่ารับกับใบหน้ารูปไข่ที่สวยอย่างไร้ที่ติ แต่ท่าทางของหล่อนนั้นดูนิ่งและสุขุมอยู่ในที
ยาใจรู้สึกว่าถูกจ้องนานไปหน่อย เธอจึงส่งสายตาสงสัยไปให้เขา “มีอะไรเหรอคะคุณ”
เจ้าชายทรงเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะทรงหันซ้านหันขวา และเมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าหน้าต่างห้องเก็บเอกสารยังเปิดอยู่ และมีเก้าอี้ไม้อยู่ไม่ไกลนัก พระองค์จึงทรงนึกออก
เจ้าชายอิศเรศร์ทรงลากเก้าอี้ไม้มาชิดริมหน้าต่าง และทรงชะโงกทอดพระเนตรว่าหน้าต่างสูงกับพื้นข้างนอกมากพอตัว และในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินพระทัยปีนหน้าต่างอย่างคล่องแคล่วออกไปประทับนอกหน้าต่างอีกฝั่ง
“คุณปีนมาได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะรอรับ”
ยาใจมองเก้าอี้ แล้วมองชายหนุ่มที่อย่อีกฝั่งของกำแพง เธอรู้สึกขอบคุณเขาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็รู้สึกแปลกๆหากให้เขามาจับตัว
แต่ตอนนี้เธอคงไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงปีนขึ้นเก้าอี้ด้วยกระโปรงสีหวานอย่างทุลักทุเล ก่อนจะส่งมือให้เขาจับและประคองหล่อนลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย
หล่อนรู้สึกเขิน จึงพยายามส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ดวงหน้าภายใต้แว่นดำนั้นเป็นอย่างไรก็สุดจะเดาได้ แต่โครงหน้าเท่าที่สังเกตเห็นคงจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามากทีเดียว
ที่สำคัญ เขาช่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณมากนะคะ อุตส่าห์ช่วยฉัน”
ชายหนุ่มยิ้มรับ และรู้สึกอยากทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้ แต่เขาคงใช้เวลาช่วยเหลือเธอมากเกินไปแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ด้วยความยินดี ถ้าเดินไปตรงนั้นจะติดกับห้องสมุดฝรั่ง คุณก็เดินออกทางด้านหน้าของห้องสมุดได้เลยครับ”
“น้องสาวฉันทำงานที่ห้องสมุดนี้ล่ะค่ะ ขอบคุณอีกทีนะคะ ถ้าอย่างนั้นก็…ลาก่อนค่ะ”
หล่อนส่งยิ้มหวานให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินหันหลังจากไป ถึงแม้ในใจลึกๆนั้นหากได้ทราบชื่อของเขาก็ยังดี
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเธอ เมื่อร่างบางหันหลังจากไป พระองค์จึงตัดสินพระทัยตรัสรั้งหล่อนเอาไว้
“เดี๋ยวครับ คุณ…”
ยาใจสะดุดเมื่อเสียงทุ้มนั้นเอ่ยเรียกหล่อน หล่อนหันมาสบแว่นดำของเขาเสี้ยววินาที ก่อนที่จะมีอีกเสียงหนึ่งเรียกหล่อนขึ้นเช่นกัน
“พี่ยา มาทำอะไรตรงนี้คะ”
ยาใจหันกลับไปตามเสียงคุ้นเคย ก่อนจะเห็นว่าแสนดียืนเรียกหล่อนจากฝั่งของห้องสมุดฝรั่ง
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงตะลึงงัน เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นแล้วว่า หญิงสาวที่ยืนอีกฝั่งเป็นใคร และด้วยปฏิกิริยาตอบสนองแบบไม่ทันตั้งพระองค์ เจ้าชายจึงรีบกระโดดข้ามหน้าต่างกลับเข้าไปในตึกของสถานทูต
ยาใจโบกมือให้น้องสาว ก่อนจะหันมาล่ำลาชายหนุ่ม แต่เขากลับหายไปเสียเฉยๆ
หล่อนรู้สึกประหลาดใจ และเสียดายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินตรงไปหาแสนดี ที่ยืนตั้งท่าที่จะถามคำถามมากมาย
อีกฝั่งของห้องเก็บเอกสารในสถานทูตประเทศอังกฤษ เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ ทรงแอบทอดพระเนตรสองสาวที่เดินจูงมือกันห่างพระองค์ออกไป
เจ้าชายทรงประหลาดพระทัยยิ่งนักที่เป็นเรื่องบังเอิญว่าสาวน้อยที่พระองค์ประทับใจเป็นพี่สาวของยายตัวแสบอีกแล้ว โลกนี้ช่างกลม…กลมเกินไป
แม้จะทรงเสียดายที่ยังไม่ได้รู้ชื่อของสาวกระโปรงสีหวาน แต่ความตกพระทัยที่ได้เจอยายตัวแสบนั้นมีมากกว่า แม้จะทรงไม่เข้าพระทัยเหมือนกันว่าจะทรงหลบหล่อนไปทำไม
“น้องสาวของฉันทำงานที่ห้องสมุดนี้ล่ะค่ะ” นี่คือประโยคของสาวสวยที่พระองค์ทรงจำได้
วันนั้นเจ้าชายเสด็จกลับวังด้วยความรู้สึกยินดีอย่างประหลาด ถึงแม้พระองค์จะไม่เข้าใจว่า เป็นเพราะเหตุที่ได้เจอสาวสวย หรือเหตุที่รู้ว่ายายตัวแสบทำงานที่ห้องสมุด หรือสุดท้ายจะเป็นเหตุผลที่ว่า ยายตัวร้ายที่ขับรถชนพระองค์มีพี่สาวสวยถึงสองคนกันแน่
ซีดานคันใหญ่สีบรอนซ์ขับเคลื่อนมาจอดอย่างนุ่มนวลที่หน้าสโมสรขี่ม้าโปโลคลับ ไม่มีใครในระแวกนั้นสนใจในความหรูหราและโออ่าของรถคันนี้มากนัก ด้วยว่าเป็นเวลาเย็นมากแล้ว สมาชิกสโมสรส่วนมากจึงทยอยกันกลับบ้าน
“ผมคงต้องส่งคุณข้างหน้า สะดวกหรือเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดราคาแพงเอ่ยขึ้นด้วยความสุภาพที่สุดเท่าที่เขาพึงกระทำ
หญิงสาวที่เขาพามาส่งกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาปลาบปลื้มกับความเป็นสุภาพบุรุษนั้นเท่าไรนัก
หล่อนตอบเสียงเฉยเมย แต่คงไว้ซึ่งความมีมารยาท “สะดวกค่ะขอบคุณ”
ไม่ต้องรอให้เจ้าของรถบอกลาเธออีกครั้ง แสนดีก็รีบเปิดประตูรถออกอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะก้าวพ้นประตูออกไป เสียงทุ้มกังวาลกลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เกินวันศุกร์ผมจะให้คนนำรถคุณไปส่งที่บ้าน ลาก่อน”
แสนดีที่ออกมายืนนอกรถแล้วกลับต้องเปิดประตูค้างไว้ด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณจะรู้ได้ยังไงคะว่าบ้านฉันอยู่ไหน”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาหันมามองเธอเงียบๆ ก่อนจะเลิกสนใจหล่อนแล้วสั่งให้คนขับรีบออกรถโดยเร็ว
ซีดานคันหรูขับเคลื่อนผ่านเธอไปอย่างมีรีรอ ปล่อยให้สาวน้อยยืนค้างต่อไปด้วยความไม่เข้าใจ
กว่าจะตั้งสติได้หล่อนก็ต้องรีบเดินไปหาพี่สาวที่ล็อบบี้ของสโมสรด้วยความกังวล เปี่ยมสุขนั่งดื่มน้ำผลไม้รอน้องสาวด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก เหงื่อเธอโทรมตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิง และหน้าแดง แต่กลับดูสวยได้อย่างไร้ที่ติ
เมื่อเห็นน้องสาว เธอจึงรีบลุกขึ้นพร้อมๆกับทำหน้าโกรธใส่แสนดีทันที
“ทำไมมาช้า นี่มันเกือบชั่วโมงแล้วนะ” เปี่ยมสุขตวาดน้องสาวเบาๆ
แสนดีทำหน้าเสีย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “คือ…แสน…รถชนค่ะพี่เปี่ยม แสนขอโทษด้วย พี่เปี่ยมหิวมากไหม”
สีหน้าของเปี่ยมสุขเปลี่ยนจากอารมณ์เกรี้ยวกราดกลายเป็นตกใจแทน เธอเดินเข้าไปจับตัวน้องสาวแล้วจับนู่นดูนี่ด้วยความเป็นห่วง
“ตายแล้วยายแสน แล้วนี่เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เปี่ยมสุขเริ่มเอะอะโวยวายลั่น ทำเอาคนทั้งล็อบบี้หันมามองสองสาวด้วยความสนใจ
และหนึ่งในนั้นคือชายแว่นดำ ร่างสูงของเขายืนมองสองพี่น้องจากระเบียงชั้นบน เขาเห็นแล้วว่ายายตัวแสบที่เขาพามาส่งกำลังคุยอยู่กับพี่สาว และคงจะเป็นเรื่องรถชนนี่แหละ จึงทำให้พี่สาวของหล่อนโวยวายขึ้นมา
ชายหนุ่มยิ้มนิดๆที่มุมปาก เขาไม่แน่ใจว่าตวเองขบขันอะไร เพราะความอวดดีของยายตัวแสบ หรือเพราะความที่เขาไม่เคยยอมใครจึงเกิดเรื่องวุ่นๆแบบนี้กันแน่
แต่แล้วความขบขันของเขากลับหยุดลง ชายหนุ่มเบนความสนใจมาที่พี่สาวของยายตัวแสบแทน เมื่อหล่อนหันหน้ามาฝั่งที่เขายืนมองอยู่
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่สาวของยายตัวร้าย สวยกว่าน้องสาวมากนัก รูปร่างในชุดกางเกงขาสั้นนั้นก็สมส่วนและสูงระหง กิริยาท่าทางดูคล่องแคล่ว ทันสมัย และเปรี้ยว ชายหนุ่มคิด ช่างแตกต่างกับน้องสาวที่ดูเรื่อยๆ ใส่กระโปรงปิดเข่าเชยๆ และอวดดีชะมัดยาด
เขามองหล่อนด้วยความชมเชยและไม่อาจละสายตาจากหล่อนไปได้จนกระทั่งมีคนเดินมาสะกิด
“ชาย มาช้าจริง กลับกันเถอะ พี่หิวจะแย่”
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ซึ่งพระพักตร์หล่อเหล่านั้นถูกปกปิดด้วยแว่นดำทรงเฉียบจึงทรงหันมาตามเสียง พระองค์ทรงปลดแว่นออก ก่อนจะแย้มพระสรวลรับ
“พี่หญิง ชายมาช้าไปหน่อย ขอประทานอภัย”
เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาในฉลองพระองค์ลำลองใส่สบาย ไม่ได้ทรงกล่าวโทษอะไร พระองค์เพียงแต่แย้มพระสรวลก่อนจะทรงตีพระอังสาของพระอนุชาโดยแรง
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์สะดุ้ง ก่อนจะทรงแสร้งร้องโอดโอย
“พี่หญิงใจร้าย ชายช้ำในแน่ๆ”
เจ้าฟ้าหญิงสรวลเบาๆ แล้วทรงแกล้งทำพระพักตร์ดุ
“ไปได้แล้ว กะล่อนอยู่ได้”
เจ้าชายอิศเรศร์ยังคงทรงแกล้งร้องต่อไป ไม่วายทอดพระเนตรมองหาเปี่ยมสุขจากระเบียงชั้นบน แต่หล่อนและน้องสาวกลับหายตัวไปเสียแล้ว
“รถชน!!!! แล้วลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าแสนดี” คุณหญิงวิสาตกอกตกใจเมื่อลูกสาวทั้งสองยืนรายงานว่าเหตุใดจึงกลับบ้านช้าและทำไมรถประจำครอบครัวได้หายไป
“แสนไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ปกติดีทุกอย่าง มีแต่ไฟหน้าแตกค่ะ อ้อ…แล้วแสนก็ขายหน้าคนทั้งถนนเท่านั้นเอง” ลูกสาวคนเล็กตอบด้วยอารมณ์เหนื่อยและรู้สึกโกรธ
คุณหญิงผู้เป็นมารดา จับตัวแสนดีหมุนไปหมุนมาเพื่อดูว่าลูกสาวมีรอยแผลไหม ก่อนจะโอบกอดปลอบขวัญ
“ขวัญมานะลูก แล้วเรื่องมันเป็นยังไง”
“ยายแสนปกติดีค่ะคุณแม่ แต่เปี่ยมแปลกใจเรื่องรถของเรา” เปี่ยมสุขช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติม ขณะนั่งคุยด้วยอารมณ์อ่อนเพลียไม่แพ้น้องสาวที่ห้องนั่งเล่นรวมของบ้าน
“แสนบอกว่ารถคันนั้นแซงหน้าขึ้นมา แสนไม่เห็นเลยชน จากนั้นเขาก็บอกว่าตัวเองไม่ผิด แต่พอแสนโวยวายเขาเลยอุ้มแสนขึ้นรถ”
“ว้าย แม่คุณทูนหัว จริงเหรอแสนแล้วลูกรอดมาได้ยังไง ไม่มีอะไรบุบสลายนะจ๊ะ” คุณแม่ยิ่งเป็นห่วงลูกสาวเข้าไปอีก จับตัวแสนดีเขย่าเค้นคำตอบ ก่อนจะลูบเนื้อลูบตัวปลอบขวัญ
ด้วยรักรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย ขณะที่ยาใจอยากฟังเรื่องราวต่อจึงรีบเอ่ยขึ้น
“พี่เปี่ยมน่ะชอบแต่งเรื่อง ให้แสนเล่าเองดีกว่าไหมคะ”
ด้วยรักปล่อยขำเบาๆ ขณะที่คนถูกพาดพิงส่งสายตาไม่พอใจ
แสนดีที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมกอดของมารดา เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นาน “เขาไม่ได้อุ้มหรอกค่ะ เขาลากต่างหาก แต่ไม่ต้องตกใจนะทุกคน คือแสนว่าเขาต้องรวยมากแน่ๆ พอเกิดเรื่องเขาก็โทรหาคนของเขาให้เอารถอีกคันมารับ ตอนแรกเขาจะไม่รับผิดชอบรถเรา แต่แสนโวยวายจนคนมองทั้งถนน เขาก็พาแสนขึ้นรถอีกคันของเขาไปด้วย”
พอถึงตอนนี้ทุกคนยิ่งตื่นเต้นอยากฟังเรื่องต่อไปอีก แสนดีหยุดพักสักนิดแล้วเล่าต่อ
“แต่พออยู่ในรถเขาก็ไม่ทำอะไรไม่ดีนะคะ แค่ต่อปากต่อคำ แล้วเขาก็พาแสนมาส่งที่โปโลคลับ เหมือนกับว่าเขาต้องมาธุระที่นั่นด้วยล่ะ แล้วก่อนจะจากกันเขาบอกว่าศุกร์นี้จะเอารถที่ซ่อมแล้วมาส่งให้ ทั้งๆที่แสนไม่ได้บอกว่าบ้านอยู่ไหน พอแสนถามว่าเขารู้เหรอ เขาไม่ตอบ แล้วออกรถไปเลย”
ทุกคนรับฟังอย่างสงบนิ่งด้วยความสงสัยไปต่างๆนานา
เปี่ยมสุขซึ่งได้ฟังเป็นรอบที่สองจึงเบื่อ เลยลุกขึ้นขอตัวไปอาบน้ำจะได้ลงมาทานข้าว ส่วนสาวๆที่เหลือก็ออกความเห็นกันอย่างออกรส
“พี่ว่าเขาก็สุภาพบุรุษดีนะ หน้าตาเป็นยังไงเหรอแสน แต่สงสัยว่าจะรวยมาก” ด้วยรักออกความเห็น
แสนดีขมวดคิ้ว เมื่อนึกภาพใบหน้าใต้แว่นกันแดดไม่ออก
“แสนไม่รู้ค่ะ เขาใส่แวนดำตลอด แปลกมาก”
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ แต่ทีหลังอย่าขึ้นรถไปกับผู้ชายไม่รู้จักอีกนะแสนดี เกิดโชคร้ายขึ้นมาล่ะก็ เฮ้อ ลูกแม่ โชคดีที่พระคุ้มครองนะคราวนี้” คุณหญิงวิสาตักเตือนด้วยความห่วงใยเป็นที่สุด
“รถเราจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ชีวิตหนูสำคัญกับแม่มากกว่านะจ๊ะ”
ยาใจซึ่งกำลังครุ่นคิดไปต่างๆนานา ก็สันนิษฐานสิ่งที่น่าสนใจขึ้น
“คุณแม่คะ ยาว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีอิทธิพลมากแน่ๆ ถ้าเขาสามารถสืบหาที่อยู่เราได้ น่ากลัวจริง”
ด้วยรักเริ่มลุกขึ้นเพื่อเตรียมจัดโต๊ะอาหาร เมื่อสาวใช้ในบ้านเดินมาถามว่าจะให้เริ่มทานมื้อเย็นกันเมื่อไร
“เดี๋ยวศุกร์นี้ก็รู้ อ้าวคุณพ่อกลับมาแล้ว”
แล้วสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังรถเก่าแก่ของบ้านอีกคันซึ่งกำลังขับเคลื่อนเข้ามา และเนื่องจากการที่หลวงสีหนาถไม่ใช่คนไร้เหตุผล ถึงแม้จะเป็นคนดุก็ตาม แสนดีจึงไม่ต้องกลัวว่าคุณพ่อจะดุเธอที่เกิดเหตุรถชนขึ้น
คุณหญิงวิสาลุกขึ้นเพื่อจะออกไปต้อนรับสามี พร้อมสั่งลูกสาวคนเล็ก “แสนรีบไปอาบน้ำสิลูก เจอเรื่องร้ายๆมาจะได้สบายใจ แล้วค่อยมาเล่าให้คุณพ่อฟังตอนทานข้าวนะ”
แสนดีทำหน้าละเหี่ยใจ ขณะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา แล้วบ่นออกมาดังๆ “ แสนฉายหนังเรื่องนี้มาสองรอบแล้วนะคะ เฮ้อ ฟิล์มขาดหมด”
ยาใจหัวเราะ ขณะที่ความสงสัยไม่ได้หายไป “แสน พี่ล่ะอยากรู้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร”
แสนดีมองหน้าพี่สาวด้วยแล้วเริ่มทบทวนความรู้สึกตัวเอง เขาไม่ทำอะไรเธอก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้สุภาพกับเธอมากนัก แถมหยิ่งผยอง และไม่รู้จักผิด อีกด้วย หล่อนเชิดหน้า ปากบางนั้นเหยียดออก
“ฮึ…อย่าไปรู้จักคนอย่างนั้นเลยค่ะ”
เป็นเวลาหัวค่ำแล้วเมื่อทั้งเจ้าฟ้าชายอิศเรศร์และเจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาเสด็จกลับวังหลวง วันนี้เจ้าชายมิได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำกับพระสหายที่นอกวังเหมือนกับทุกวันแต่อย่างใด จึงทำให้โต๊ะเสวยที่ท้องพระโรงกลับมาคึกคักและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อสมเด็จพระราชินิทรงมีรับสั่งให้เหล่าข้าราชบริพารเตรียมจัดพระกระยาหารที่เจ้าชายโปรดขึ้นโต๊ะเสวย
ทุกอย่างน่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากเจ้าชายและเจ้าหญิงมิได้เสด็จกลับวังช้ากว่าเวลาที่ทรงบอกสมเด็จพระราชินีถึง 1 ชั่วโมง
สมเด็จพระราชาภูวดลทรงมีรับสั่งด้วยความกริ้ว เมื่อเห็นพระราชโอรสและพระราชธิดาเสด็จพระราชดำเนินเข้าท้องพระโรงมา และทรงเข้ามาประทับนั่งด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“ทำไมมาช้ากันนัก” พระสุรเสียงนั้นดุ และน่าเกรงขามยิ่งนัก
สมเด็จพระราชินีทอดพระเนตรพระสวามีที่กำลังกริ้ว จึงทรงพยายามแก้สถานการณ์ด้วยทรงมีรับสั่งให้นางกำนัลตักข้าวให้พระราชาเสวย
“ชายขับรถไปชนใครไม่ทราบเพคะเสด็จพ่อ ถ้าจะกริ้ว ก็กริ้วชายคนเดียวเถอะเพคะ อย่ามากริ้วหญิงเลย บุษบา ตักข้าวให้เราด้วย” เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาซึ่งไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดและยิ่งเป็นเสด็จพ่อด้วยแล้ว เจ้าหญิงทรงรู้แก่ใจว่าเสด็จพ่อทรงรักและตามใจพระองค์มากกว่าพระอนุชา
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทอดพระเนตรพระเชษฐภคินีด้วยความตกพระทัย ก่อนจะทรงหันไปสบพระเนตรที่ทั้งคมทั้งดุของเสด็จพ่อ
“ทำเรื่องยุ่งอีกแล้วสิอิศเรศร์ ไปชนใครมาล่ะ”
เจ้าฟ้าชายแย้มพระสรวลสู้ ทั้งๆที่ทรงทราบว่าคงจะถูกเสด็จพ่อกริ้วอีก“เป็นผู้หญิงพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ แต่ชายนำรถเขามาซ่อมให้แล้วเดี๋ยวจะส่งคืนวันศุกร์ ไม่มีอะไรน่าหนักใจหรอกพะยะค่ะ”
“ตายจริงพ่อชาย แล้วนี่เธอคนนั้นรู้หรือเปล่าว่าชายเป็นใคร” พระราชินีทรงมีรับสั่งด้วยความกังวล
เจ้าชายอิศเรศร์ทรงนึกถึงเสียงใสๆ แต่อวดดี ที่ด่าทอพระองค์อย่างไม่ลดละ แทนที่จะกริ้วแต่พระองค์กลับแย้มสรวล
“ไม่หรอกสมเด็จแม่ ชายใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาพะย่ะค่ะ อีกอย่างหล่อนก็ว่าชายต่างๆนานา ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย”
เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาสรวลอย่างอารมณ์ดี เนื่องจากได้ฟังเรื่องนี้จากพระอนุชามาแล้ว “อืม ผู้หญิงอย่างนี้ยังมีอยู่บ้างล่ะนะ พี่ล่ะอยากเห็นหน้าจริงๆ คนที่ทำให้ชายยอมแพ้ได้”
“เอาเถอะ เสวยกันได้แล้ว” พระราชาทรงขัดขึ้น “อิศเรศร์จากนี้ไปพ่อไม่อยากให้ลูกขับรถเอง พ่อคิดว่าตามใจลูกมามากพอแล้ว”
เจ้าฟ้าชายหยุดเสวย ทั้งๆที่ทรงไม่พอพระทัยพระบิดา แต่พระองค์กลับไม่กล้ารับสั่งใดใด เนื่องจากพระราชาทรงเป็นบุคคลคนเดียวที่ไม่เคยตามพระทัยพระโอรสจนเกินเลย และทรงเข้มงวดกว่าพระราชินีมากนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าชายทรงคิดไปเองว่าพระราชามิได้โปรดพระโอรสองค์เดียวของพระองค์มากนัก แต่แท้ที่จริงแล้วพระราชาทรงทำทุกอย่างที่ดูเหมือนเป็นการเข้มงวด เพื่อเตรียมตัวให้พระโอรสองค์เดียวของพระองค์เป็นกษัตริย์ที่สมบูรณ์ในอนาคต
“แต่เสด็จพ่อก็ทรงส่งคนขับรถตามชายอยู่ห่างๆตลอดนี่พะย่ะค่ะ”
ทั้งโต๊ะเสวยต่างเงียบงัน พระราชินีและเจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาต่างทอดพระเนตรกันและกันราวกับทรงกลัวว่าสงครามย่อมๆจะปะทุขึ้น ทั้งๆนี่เป็นเพียงไม่กี่วันในสัปดาห์ที่ทั้งสี่พระองค์ได้ร่วมโต๊ะเสวยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
พระราชาทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่าพระโอรสไม่มีทางอ่อนข้อเรื่องขับรถ เพราะเจ้าชายโปรดที่จะขับเองมาตั้งแต่อยู่เมืองนอก ถึงแม้จะมีองครักษ์นั่งติดตามไปด้วยตลอดเวลาก็ตาม และเมื่อทรงศึกษาสำเร็จด้วยเกียรตินิยมกลับประเทศมา เจ้าชายจึงทรงนำเรื่องนี้เอ่ยปากขอพระราชาถึงเรื่องการขับรถแบบส่วนพระองค์ ซึ่งพระราชาทรงอนุญาต แต่ได้ทรงส่งองค์รักษ์ขับติดตามไปด้วยทุกแห่ง
“อิศเรศร์” พระราชาทรงรับสั่งเรียบๆ “น้ำมันแพง เศรษฐกิจโลกกำลังทรุด เราต้องช่วยประชาชนประหยัดด้วยนะลูก พ่อจะลดจำนวนรถติดตาม ให้ธราดลนั่งไปกับลูกด้วยทุกแห่งนั่นล่ะ”
เมื่อได้ทรงได้รับทราบเหตุผลดังนี้แล้ว เจ้าชายจึงไม่รู้จะทรงต่อรองพระบิดาอย่างไร มีแต่เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาเท่านั้นที่สวรลขึ้น
“เสด็จพ่อทรงกลัวว่าเงินท้องพระคลังจะขาดดุล แต่อิศเรศร์กลัวจะขาดผู้หญิงน่ะสิเพคะ”
“พี่หญิง ช่วยทูลให้ชายดูดีในสายตาเสด็จพ่อบ้างได้ไหม” เจ้าชายตรัสขึ้นอย่างกริ้ว
แทนที่พระราชาจะทรงกริ้วไปด้วย แต่พระองค์กลับทรงสรวลแทน ทำให้พระราชินีทรงโล่งอกหลังจากทรงเกรงว่าพระสวามีจะทำให้โต๊ะเสวยล่มไม่เป็นท่า
“ชายดูดีในสายตาพ่อเสมอ และจะดีมากขึ้นหากเลิกทำตัวเป็นเพลย์บอยเสียที”
“ใช่เพคะ” พระราชินีทรงสนับสนุน “แม่นางแบบ ดาราพวกนั้น อยู่กับความมายา หล่อนคบกับลูก ก็เพราะลูกเป็นเจ้าชายหรอกนะ”
เจ้าฟ้าชายทรงทราบดีในทุกๆอย่างที่พระมารดาตักเตือน และพระองค์ทรงทราบดีอีกเช่นกันว่าพระองค์ก็ทรงอยู่ในโลกมายาไม่ต่างจากดารา นางแบบพวกนั้น
และเมื่อทรงนึกถึงเรื่องนี้พระพักตร์หล่อเหลากลับหม่นหมองลง เจ้าชายทรงหยุดเสวย และเช็ดพระโอษฐ์
“เสด็จแม่ตรัสราวกับว่าจะมีผู้หญิงที่ไม่เห็นว่าชายเป็นเจ้าชายอย่างนั้นล่ะพะย่ะค่ะ ตราบใดที่ไม่ใช่คนธรรมดา ราชวงศ์ก็คือสิ่งมายาพะย่ะค่ะ”
พระราชินีทรงไม่พอพระทัยในคำพูดของพระโอรส แต่พระราชานั้นทรงเข้าใจในความหมายของเจ้าชายเป็นอย่างดี พระองค์ทรงรู้ว่าเจ้าชายทรงฉลาดพอที่จะไม่จริงจังกับหญิงคนไหนก็เพราะด้วยเหตุผลนี้ แต่มีบางสิ่งที่สำคัญที่พระองค์จำเป็นต้องอธิบายให้พระโอรสผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ในอนาคตปรับทัศนคติเสียใหม่
“อิศเรศร์” พระสุรเสียงหนักแน่นนั้นก้องกังวาล “ราชวงศ์ไม่ใช่สิ่งมายาหากเราคิดถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง”
เจ้าชายหันพระพักตร์มาสบพระเนตรที่มั่นคงของพระบิดา และนั่นทำให้พระองค์ทรงเข้าพระทัยดีว่าสิ่งที่พระราชาตรัสเปี่ยมไปด้วยความหมายต่อพระองค์เพียงใด
ค่ำคืนแห่งแสงสียังคงคงคราคร่ำไปด้วยบรรดานักท่องราตรีทั้งหนุ่มและสาว และเช่นเดิมเหมือนกับทุกๆคืนที่เหล่าผับหรูทั่วเมืองหลวงต่างแข่งกันทำการตลาดแย่งบรรดาลูกค้าไฮโซกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลังจากร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำกับพระราชวงศ์แล้ว เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ยังทรงไม่วายมาร่วมสังสรรกับเหล่าพระสหายดังเช่นทุกค่ำคืน ถึงแม้จะทรงรู้อยู่เต็มพระอุระว่าพระบิดาไม่โปรดสำหรับกิจกรรมนี้ของพระองค์เท่าไรนัก และการที่พระบิดาทรงเตือนพระองค์ทางอ้อมด้วยพระบรมราโชวาทในไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาให้ตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ในอนาคตของพระองค์เอง แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งให้เจ้าชายเสด็จออกมาหาความสำราญดังเดิมได้
แต่ตอนนี้พระองค์ทรงเริ่มตระหนักขึ้นทีละน้อยแล้วว่า พระองค์ควรวางพระองค์เองให้เหมาะสมกับตำแหน่งมกุฏราชกุมาร
“ทรงเริ่มคิดได้แล้วสิกระหม่อม” ทรงพลหยอกเจ้าชายอย่างสนิทสนม ขณะที่เจ้าชายตรัสเรื่องพระราชดำรัสของพระราชาให้เขาฟัง ทั้งสองนั่งคุยกันรอชินาคมอละดนัยมาร่วมวงด้วยตามปกติ
“หึ เราคิดว่าควรจะเริ่มวางตัวให้เหมาะสมเสียที กลับมาประเทศได้ครึ่งปีแล้ว ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียชื่อเกียรตินิยมหมด อย่างนายสิดี ทรงพล ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งบริษัทกำลังไปได้ดีใช่ไหม”
เจ้าชายกำลังรับสั่งถามถึงบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูราคาสูงลิ่วของทรงพลที่ตั้งขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เขาพึ่งกลับประเทศพร้อมๆกับเจ้าชาย แต่การที่ไม่ชอบอยู่เฉยและฉลาดหลักแหลม ทรงพลจึงสามารถยืนผงาดในฐานะนักธุรกิจชั้นนำได้ไม่ยากนัก
“ดีกระหม่อม แต่คุณพ่อไม่มั่นใจ กลัวหม่อมทำเจ๊ง ไม่รู้เสียแล้วว่าหม่อมมีคอนเน็กชั่นกับบริษัทต่างชาติตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ”
เจ้าชายสรวล และยิ้มพอพระทัยในความสามารถของพระสหายที่สนิทที่สุด พระองค์ทรงทราบว่าไม่มีอะไรทีทรงพลอยากทำแล้วทำไม่สำเร็จ เขาเป็นคนเก่งทะเยอะทะยานและมุ่งมั่นที่สุดคนหนึ่ง และนั่นทำให้พระองค์กลับมาตัวเอง ครึ่งปีที่เสียไปกับการเที่ยวเตร่ จีบบรรดาสาวงามและพาพวกหล่อนไปเที่ยว พระองค์รู้สึกมีความสุขก็จริง แต่ลึกๆแล้วทรงคิดว่าเป็นความสุขที่เสียเปล่า
“ชิ กับ ดอน มาแล้วกระหม่อม หล่อเฟี้ยวกันมาทีเดียว แต่เอ๊ะ…พาใครมาด้วย”
เจ้าชายทอดพระเนตรมองร่างสูงโปร่งของเพื่อนหนุ่มหล่อที่กำลังเดินเข้ามา แต่คราวนี้กลับมีสาวสวยถึงสามคนเดินมาร่วมวงด้วย สาวคนแรกในชุดเดรสสีดำรัดรูปและสั้นเหนือเข่า มวยผมโชว์ต้นคอขาวระหง เดินคู่มากับสาวคนที่สองในชุดกางเกงหนังขาสั้นกุดรัดรูปและเสื้อคล้องคอสีแดงสะดุดตา และสาวคนที่สามที่ชินาคมเดินตามประกบไม่ห่างซึ่งทั้งเจ้าชายและทรงพลจำได้ทันทีว่า หล่อนคือนางแบบลูกครึ่งออสเตรเลียที่ชื่อซาร่า ซึ่งทำให้ทั้งดอนและชินาคมติดใจกันไปตามๆกัน
วันนี้หล่อนแต่งตัวเรียบร้อยกว่าเพื่อน แต่แม้เดรสสีขาวสะอาดจะยาวคลุมเข่า แต่ท่อนบนเป็นเกาะอกนั้นกลับกระชับแน่นจนเห็นสัดส่วนเป็นอย่างดี
หนุ่มสาวทั้งห้าหยุดยืนที่หน้าโซฟาใหญ่พิเศษ ขณะที่เจ้าชายและทรงพลลุกขึ้นต้อนรับแขก
สาวๆทั้งสามรู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่ายิ่งนักที่ได้เข้าเฝ้าเจ้าชายหนุ่มหล่อซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วเมืองอย่างใกล้ชิด พวกหล่อนค่อยๆถอนสายบัวอย่างละมุนละไม
ด้วยมารยาทที่ดี เจ้าชายจึงโค้งรับเบาๆ
“หม่อมพาสาวๆมาเลี้ยง พระองค์สะดวกไหมกระหม่อม” ดนัย หรือ ดอน กล่าวอธิบายให้เจ้าชายเข้าพระทัย
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ไม่กล่าวอะไร พระองค์ได้แต่จ้องหน้าซาร่า นางแบบสาวสวยนั้นด้วยความชื่นชม ถึงแม้ตอนนี้หล่อนจะกำลังก้มหน้าหลบพระพักตร์ แต่อีกไม่นาน คงได้สบตากันบ่อยขึ้น เจ้าชายทรงคิด ก่อนจะพยักหน้านิ่งๆเป็นเชิงอนุญาตเพื่อนทั้งสอง
สุภาพบุรุษทั้งสี่เชื้อเชิญให้เหล่าสาวสวยเข้ามาร่วมนั่งที่โซฟาใหญ่หนานุ่มเป็นพิเศษ ขณะที่สายตาสาวๆคนอื่นในร้านมองพวกหล่อนตาเป็นมันด้วยความอิจฉา
“ทรงสั่งอะไรหรือยังกระหม่อม วันนี้หม่อมหิวเหลือเกิน” ชินาคมถามขึ้น
ยิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าสาวสวย เจ้าชายจะทรงวางมาดขรึมและดูดีเป็นพิเศษ ชั่วขณะหนึ่ง ทรงลืมไปอีกแล้วว่า การวางตัวที่เหมาะสมในฐานะมกุฏราชกุมารเป็นอย่างไร
เจ้าชายสบพระเนตรกับซาร่าพอให้หล่อนได้ตื่นเต้น ก่อนจะทรงหันไปตรัสกับชินาคม
“สั่งแล้วล่ะ ของโปรดของนายก็มี แล้วคุณผู้หญิงจะสั่งเครื่องดื่มอะไรกันหรือเปล่า”
เมื่อสิ้นประโยค เหล่าสาวๆก็ทำท่าเขินอาย ก่อนจะตอบรับน้ำพระทัยนั้นอย่างยินดี
และไม่นานนักเจ้าชายก็ทรงเริ่มต้นการสนทนาขึ้น เมื่อเข้าพระทัยว่าพวกสาวๆคงเกร็งไม่น้อย แล้วการพูดคุยอย่างเป็นกันเองและสบายๆก็ดำเนินไปด้วยดี เจ้าชายทรงมีพระอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจในการกุมหัวใจสาวๆ และแน่นอนพระองค์ทรงไม่ลืมที่จะโปรยเสน่ห์โดยการสบตาซาร่าบ่อยๆ จนชินาคมเริ่มรู้สึกได้ว่าหล่อนหลงเสน่ห์เจ้าชายเข้าให้แล้ว เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจไปที่สาวขาสั้นกุดแทน ในขณะที่ดนัยพูดคุยกับสาวเดรสดำด้วยความหลงใหล
เมื่อไม่มีใครคุยกัยหล่อน และซาร่ารู้สึกได้ว่าเจ้าชายทรงสบพระเนตรกับหล่อนบ่อยเหลือเกิน แต่ไม่เริ่มที่จะสนทนากับหล่อยโดยการส่วนพระองค์เสียที ซาร่าจึงลุกขึ้นและแสร้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
เจ้าชายแย้มพระสรวลอย่างหล่อและผงกพักตร์อนุญาติหล่อน สายพระเนตรคมกล้านั้นสบตาสาวสวยอย่างมีความหมาย ดังนั้นแล้วเมื่อซาร่าลุกออกไปไม่นาน เจ้าชายจึงทรงลุกขึ้นจะเสด็จออกจากวงพระสหายไปบ้าง
ทรงพลที่นั่งดูสถานการณ์ทุกอย่างมาตลอดกล่าวเตือนเจ้าชายเบาๆ
“ไหนว่าจะทรงวางตัวให้เหมาะสมอย่างไรล่ะฝ่าบาท”
เจ้าชายทรงหยุดนิ่ง ก่อนจะทรงไตร่ตรองหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เอง
“ขอเราทิ้งทวนหน่อยเถอะทรงพล” เมื่อตรัสอย่างสั้นแล้วจึงย่างพระบาทหายไปในฝูงชน
ทรงพลส่ายศีรษะมองเจ้าชายเพื่อนรักอย่างเหนื่อยหน่าย ความเป็นเพลย์บอยของพระองค์นั้นแก้ยากกว่าเรื่องใดใด ถึงแม้จะทรงฉลาด แต่กลับแพผู้หญิงสวยอยู่ร่ำไป
ไม่ว่าเจ้าชายอิศเรศร์จะทรงย่างพระบาทไปแห่งใดก็มีแต่สาวๆมองตาไม่วางด้วยความหวังลมๆแล้งที่จะได้สบพระเนตของพระองค์บ้าง แต่เจ้าชายกลับไม่สนใจใคร ตอนนี้พระองค์ทรงคิดถึงแต่เพียงว่าซาร่าได้ทำให้พระองค์รู้สึกสนใจในตัวหล่อนเสียเหลือเกิน
“อุ๊ย” เสียงเล็กน่าฟังร้องขึ้น เมื่อชนเข้ากับแผงอกกว้าง หล่อนหันหน้าขึ้นมองร่างสูงก่อนแววตาหวานสวยจะรู้สึกประหม่าเมื่อได้เห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าคือเจ้าชาย
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ยิ้มละไมสบตาคู่สวยของหล่อน ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มแนบหูหล่อนเบาๆ
“ขึ้นดาดฟ้ากันไหม ข้างล่างนี่อึดอัดจะตาย”
สาวสวยหน้าแดง และรู้สึกยินดีอย่างที่สุด ก่อนจะเดินตามร่างสูงขึ้นไปที่ดาดฟ้าชั้นบนของผับหรูแห่งนี้
และตลอดทั้งคืนเจ้าชายทรงมีพระราชปฏิสันฐานกับนางแบบสาวสวยจนลืมเวลา ส่วนซาร่านั้นรู้สึกหลงรักเจ้าชายหนุ่มหล่ออย่างถอนตัวไม่ขึ้น หล่อนรู้สึกเป็นเกียรติและคิดว่าแผนของหล่อนที่ทำสนิทกับชินาคมและขอติดมาเที่ยวผับแห่งนี้ด้วยนั้นได้ผลเกินคาดกว่าที่คิด
เป็นเวลาตีสองแล้วกว่าเจ้าชายจะทรงรู้สึกตัวว่าควรเสด็จกลับวัง เพราะพรุ่งนี้พระอง์ทรงคิดที่จะเริ่มทรงงานเป็นครั้งแรก เจ้าชายจึงพาซาร่ามาหาเพื่อนของหล่อนข้างล่าง แต่ผับหรูกลับร่อยหรอผู้คนลงไปมาก และกลุ่มของชินาคมกับสาวๆก็ไม่อยู่เสียแล้ว เจ้าชายจึงทรงแสดงน้ำพระทัยขับรถไปส่งนางแบบสาวสวยที่คอนโดหรูของเธอ ซึ่งซาร่ารู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และก่อนจากกันคืนนั้น เจ้าชายทรงขอแลกเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวกับหล่อน และทรงตรัสว่าจะมารับหล่อนไปทานข้าวด้วยเร็วๆนี้
รถคันหรูของเจ้าชายขับออกไปไกลแล้ว แต่ ซาร่า ยังคงยืนนิ่งดื่มด่ำความสุขของตนเองและหวังว่าจะให้มันเป็นความสุขที่อยู่ชั่วนิรันดร์
สถานทูตอังกฤษวันนี้วุ่นวายเป็นพิเศษเนื่องจากว่าสมเด็จพระราชาภูวดลทรงมีพระบรมราชานุญาตให้เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์เสด็จพระราชดำเนินเป็นตัวแทนพระองค์มาทรงเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศกาล 100 ปีความสัมพันธ์อังกฤษและภัทรประเทศ และนี่ถือว่าเป็นงานหลวงครั้งแรกของเจ้าชาย ทางสถานทูตอังกฤษจึงรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ยาใจยืนเซ็งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หลังจากที่หล่อนมาติดต่อเรื่องเรียนต่อ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากทุกคนกำลังวุ่นเตรียมงานครั้งนี้
หล่อนรอมาเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่กลับได้รับทราบเพียงว่าคงต้องรอไปอีกหน่อย เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังยุ่ง หรือถ้าจะสะดวกก็ให้หล่อนมาติดต่อพรุ่งนี้
“คือดิฉันแค่อยากรู้เพียงว่าเอกสารสมัครเรียนทั้งหมดนั้นมีอะไรบ้างเท่านั้นเองค่ะ”
หล่อนอดทนถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ด้วยอารมณ์ที่อดกลั้น
“ค่ะๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครสามารถให้คำตอบคุณได้เลยค่ะ ถ้าจะสะดวกช่วยมาพรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันอาทิตย์ได้ไหมคะ”
ยาใจเริ่มหน้าเสีย “วันอาทิตย์เป็นวันหมดเขตรับสมัครค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังรวบรวมหลักฐานสมัคร แต่กลัวไม่ครบ เลยจะมาถามวันนี้ไงคะ”
เจ้าหน้าที่สาวก็ยังคงอดทนอธิบายแบบเดิมๆต่อไป “ค่ะ แต่วันนี้ไม่มีใครว่างคุณต้องมา….”
“ค่ะๆ โอเคค่ะ ดิฉันจะมาพรุ่งนี้” หล่อนรีบตัดบท ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างหัวเสีย นี่เธออุตส่าห์รีบตื่นเช้าเพื่อที่จะติดรถมากับแสนดีและเปี่ยมสุข แต่กลับต้องมารออีกสองชั่วโมงแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับไป เนื่องจากทุกคนต้องรอต้อนรับเจ้าชาย!!!!
เจ้าชายขี้หลี ที่พึ่งจะเริ่มทรงงานหลวงป็นครั้งแรก แต่ก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเสียแล้ว!!!!
ยาใจนึกตำหนิในใจต่างๆนา ขณะเดินออกจาสถานทูตทางด้านหน้า แต่แล้วก็มีเสียงฝรั่งร้องดังมาห้ามเธอขึ้น
ยาใจหันไปมองตามเสียงนั้นก็เห็นว่ามีฝรั่งผู้ชายร่างสูงเดินมาพูดกับเธอเสียงเข้มเป็นภาษาอังกฤษว่าเธอห้ามเดินผ่านตรงนั้น เพราะเจ้าชายกำลังจะเสด็จแล้ว
ยาใจชักสีหน้า และตอบด้วยภาษาอังกฤษกลับอย่างคล่องแคล่ว ว่าเธอไม่ทราบและขออภัย ก่อนจะรีบเดินหนีไปให้พ้น แต่ก็โดนฝรั่งคนนั้นเดินมาห้ามเสียทุกทาง เพราะทุกที่ล้วนปิดกั้นทางเข้าออกเพื่อความปลอดภัย
มาดนิ่งของยาใจเริ่มหายไป เธอกำลังจะต่อว่าว่าจะให้เธอเดินออกไปทางไหน แต่แล้วราชองค์รักษ์ร่างสูงกำยำก็เดินพูดมือถือเสียเสียงดังเข้ามา
“วอสองทราบแล้วเปลี่ยน มีคนบุกรุก มีคนบุกรุก” ว่าแล้วเขาก็จับแขนหล่อนก่อนจะเจรจากับฝรั่งคนนั้นถามว่าหล่อนเป็นใคร ฝรั่งตอบว่าไม่ทราบและกำลังพยายามพาเธอออกไป
“คุณคะ ฉันมาติดต่อธุระค่ะ ไม่ได้มาบุกรุก ปล่อยแขนฉันด้วยค่ะ” ยาใจพยายามอธิบายองครักษ์ด้วยความอดทน
เขามองหล่อนอย่างเฉยเมย แล้วจับแขนหล่อนพาเดินออกไปทางประตูหลัง แต่ทุกที่กลับถูกล็อตและปิดประตูหมดแล้ว
องครักษ์มองนาฬิกาข้อมือ อีกไม่ถึงนาทีเจ้าชายจะเสด็จขึ้นตึก และทุกที่ต้องเคลียร์เพื่อความปลอดภัย เขาหันมามองยาใจที่เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างจนปัญญาก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำหญิงซึ่งอยู่ติดทางออกที่ล็อคเอาไว้
“คุณคงต้องอยู่ในนี้ไปก่อนจนกว่าเจ้าชายจะเสด็จกลับ กรุณาอย่าสงเสียงด้วยนะครับ” และก่อนที่ยาใจจะได้ต่อสู้อะไร เขาก็ผลักหล่อนเข้าไปในห้องน้ำ แล้วใช้แม่กุญแจ่ที่ใกล้ประตูกดล็อคอย่างแน่นหนา
เมื่อได้สติอย่าใจจึงทุบประตูและตะโกนลั่น
“ปล่อยชั้นดี๋ยวนี้นะ นี่มันกักขังกันชัดๆ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้”
องครักษ์หนุ่มทำเสียงดุใส่ “คุณผู้หญิงครับ กรุณาให้ความร่วมมือเพียงสองชั่วโมงเองครับ ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งข้อหาคุณฐานพยายามปั่นป่วนพระบรมวงศานุวงศ์”
ยาใจนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าเขาทำจริงหรือเล่น และในที่สุดองครักษ์นั้นก็จากไป ปล่อยให้เธอยืนโมโหอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตคนเดียวในห้องน้ำ หล่อนด่าทอเจ้าชายบ้าบอไปต่างๆนานา และจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องคุณพ่อ เพื่อเป็นข้ออ้างไม่เข้าวังวันอาทิตย์
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงทอดพระเนตรนิทรรศการที่ทางสถานทูตจัดขึ้นด้วยความสนพระทัย พระองค์ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับท่านเอกอัครราชทูตอย่างเป็นกันเองและด้วยความเคารพ ทรงรับสั่งถามรายละเอียดการจัดงานและทรงขอบพระทัยเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมมือกันจัดงานที่สำคัญอย่างนี้ขึ้น เพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศต่อไป และเนื่องจากทรงเป็นศิษย์เก่าอังกฤษจึงทรงถามถึงพระอาจารย์สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่นั่น เมื่อได้ทรงทราบว่าท่านทูตนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับพระอาจารย์ท่านนั้นด้วย
การปรากฏตัวครั้งแรกของเจ้าชายถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากทรงวางตัวได้อย่างเหมาะสมและดีเยี่ยม อีกทั้งบุคลิกอันสง่างามทุกย่างพระบาท ทำให้เหล่าสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกคนรู้สึกประทับใจและเกือบจะลบภาพเพลย์บอยและการที่ทรงเป็นคนเหลาะแหละตามหน้าหนังสือพิมพ์ไปได้
พระกรณียกิจครั้งแรกเกือบจะสิ้นสุดลง เมื่อเจ้าชายทรงขอตัวไปทำธุระส่วนพระองค์
ยาใจนั่งเบื่อหน่ายในห้องน้ำนานเกือบสองชั่วโมง และเมื่อหล่อนได้ยินเสียงคนเดินผ่านมา หล่อนจึงเคาะประตูห้องน้ำและส่งเสียงเรียก
“มีคนอยู่ข้างนอกใช่ไหมคะ เปิดประตูให้ฉันด้วยค่ะ”
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงตกพระทัย ก่อนจะทรงสังเกตได้ว่าประตูห้องน้ำหญิงนั้นขยับตามเสียงทุบปังๆ
พระองค์ทรงสงสัยเป็นยิ่งนัก แต่แล้วเสียงใสๆ ของหญิงสาวก็ดังขึ้นอีก
“มีคนอยู่ข้างนอกไหมคะ เปิดให้ฉันด้วยค่ะ” ตามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเพราะที่แปลได้ความหมายเดียวกัน
เจ้าชายยังทรงแปลกพระทัย ก่อนจะทรงชะเง้อทอดพระเนตรองครักษ์ที่ยืนเฝ้าห่างออกไปนิดหนึ่งว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไร พระองค์จึงตรัสถามเสียงผู้หญิงคนนั้นขึ้น
“คุณผู้หญิง คุณอยู่ในห้องน้ำเหรอครับ”
เสียงทุ้มกังวาลของชายหนุ่มที่ไหนไม่ทราบได้ ทำเอายาใจ ใจชื้นขึ้นเป็นกอง หล่อนตะโกนเสียงดังขึ้นอีก
“ใช่ค่ะ เปิดประตูให้ฉันได้ไหมคะ เมื่อกี้องครักษ์จับฉันมาขังไว้น่ะค่ะ เขาบอกเจ้าชายจะเสด็จและไม่สามารถพาฉันออกไปได้”
เมื่อทรงรับฟังดังนั้นก็ทรงรู้สึกขันยิ่งนัก ก่อนจะทรงหยิบแว่นกันแดดคู่ใจจากกระเป๋ากางเกงแล้วทรงสวมเพื่ออำพรางตัว ก่อนจะทรงรีบปลดล็อคประตูห้องน้ำออก
เมื่อประตูเปิดออก ยาใจรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หล่อนรีบเดินออกมา และได้เห็นว่าคนที่เปิดประตูให้หล่อนนั้นเป็นชายร่างสูงโปร่ง ในชุดสูทเนื้อดี ยืนใส่แว่นดำยิ้มต้อนรับหล่อนอยู่
ยาใจยิ้มอายๆ ก่อนจะขอบคุณร่างสูงของเขาเบาๆ แล้วตั้งท่าจะหาทางออกไป
เจ้าชายอิศเรศร์ทรงรู้สึกตะลึงงันเมื่อได้สบตากลมโต และดวงหน้าที่สวยไร้ที่ติของหล่อน เจ้าชายทรงรู้สึกว่าใบหน้าของหล่อนนั้นคุ้นเหลือเกิน แต่ก็งดงามต้องพระทัยมากจริงๆ
และก่อนที่หล่อนจะเดินถลาออกไปในทางที่องครักษ์ของพระองค์ยืนเฝ้าอยู่ พระองค์จึงทรงย่างพระบาทไปขวางทางหล่อน
“เดี๋ยวครับคุณ คือ…” เจ้าชายทอดพระเนตรดูองครักษ์ที่ยังยืนหันหลังไม่ได้ยินเสียงอะไร ก่อนจะทรงนึกว่าจะพาสาวสวยคนนี้ออกไปอย่างไรดี
“คะ?” หล่อนสงสัยในท่าทางของเขา
“คุณไปทางนั้นไม่ได้ครับ เจ้าชายยังไม่เสด็จกลับ ตามผมมาทางนี้แล้วกัน”
ว่าแล้วเจ้าชายจึงทรงค่อยๆย่องพายาใจออกไปทางประตูหลังอีกฝั่ง แต่ก็ล็อคอยู่เช่นกัน จึงทรงพาหล่อนวกกลับเข้ามาทางห้องเก็บเอกสารที่อยู่ติดห้องน้ำเช่นเดิม
“แล้วฉันจะออกไปอย่างไรดีคะ”
ยาใจถามอย่างจนปัญญา เจ้าชายหันพระพักตร์มาสบหล่อน และรู้สึกโปรดท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติในแบบกังวลของเธอ พระองค์ทรงรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อทรงยืนนิ่งงันพิจารณาสาวรูปร่างโปร่งบาง ในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีหวาน ผมดำขลับนั้นยาวสยายประบ่ารับกับใบหน้ารูปไข่ที่สวยอย่างไร้ที่ติ แต่ท่าทางของหล่อนนั้นดูนิ่งและสุขุมอยู่ในที
ยาใจรู้สึกว่าถูกจ้องนานไปหน่อย เธอจึงส่งสายตาสงสัยไปให้เขา “มีอะไรเหรอคะคุณ”
เจ้าชายทรงเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะทรงหันซ้านหันขวา และเมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าหน้าต่างห้องเก็บเอกสารยังเปิดอยู่ และมีเก้าอี้ไม้อยู่ไม่ไกลนัก พระองค์จึงทรงนึกออก
เจ้าชายอิศเรศร์ทรงลากเก้าอี้ไม้มาชิดริมหน้าต่าง และทรงชะโงกทอดพระเนตรว่าหน้าต่างสูงกับพื้นข้างนอกมากพอตัว และในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินพระทัยปีนหน้าต่างอย่างคล่องแคล่วออกไปประทับนอกหน้าต่างอีกฝั่ง
“คุณปีนมาได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะรอรับ”
ยาใจมองเก้าอี้ แล้วมองชายหนุ่มที่อย่อีกฝั่งของกำแพง เธอรู้สึกขอบคุณเขาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็รู้สึกแปลกๆหากให้เขามาจับตัว
แต่ตอนนี้เธอคงไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงปีนขึ้นเก้าอี้ด้วยกระโปรงสีหวานอย่างทุลักทุเล ก่อนจะส่งมือให้เขาจับและประคองหล่อนลงมาถึงพื้นอย่างปลอดภัย
หล่อนรู้สึกเขิน จึงพยายามส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ดวงหน้าภายใต้แว่นดำนั้นเป็นอย่างไรก็สุดจะเดาได้ แต่โครงหน้าเท่าที่สังเกตเห็นคงจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามากทีเดียว
ที่สำคัญ เขาช่างมีน้ำใจ
“ขอบคุณมากนะคะ อุตส่าห์ช่วยฉัน”
ชายหนุ่มยิ้มรับ และรู้สึกอยากทำความรู้จักเธอให้มากกว่านี้ แต่เขาคงใช้เวลาช่วยเหลือเธอมากเกินไปแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ด้วยความยินดี ถ้าเดินไปตรงนั้นจะติดกับห้องสมุดฝรั่ง คุณก็เดินออกทางด้านหน้าของห้องสมุดได้เลยครับ”
“น้องสาวฉันทำงานที่ห้องสมุดนี้ล่ะค่ะ ขอบคุณอีกทีนะคะ ถ้าอย่างนั้นก็…ลาก่อนค่ะ”
หล่อนส่งยิ้มหวานให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินหันหลังจากไป ถึงแม้ในใจลึกๆนั้นหากได้ทราบชื่อของเขาก็ยังดี
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงไม่อยากเสียโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเธอ เมื่อร่างบางหันหลังจากไป พระองค์จึงตัดสินพระทัยตรัสรั้งหล่อนเอาไว้
“เดี๋ยวครับ คุณ…”
ยาใจสะดุดเมื่อเสียงทุ้มนั้นเอ่ยเรียกหล่อน หล่อนหันมาสบแว่นดำของเขาเสี้ยววินาที ก่อนที่จะมีอีกเสียงหนึ่งเรียกหล่อนขึ้นเช่นกัน
“พี่ยา มาทำอะไรตรงนี้คะ”
ยาใจหันกลับไปตามเสียงคุ้นเคย ก่อนจะเห็นว่าแสนดียืนเรียกหล่อนจากฝั่งของห้องสมุดฝรั่ง
เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ทรงตะลึงงัน เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นแล้วว่า หญิงสาวที่ยืนอีกฝั่งเป็นใคร และด้วยปฏิกิริยาตอบสนองแบบไม่ทันตั้งพระองค์ เจ้าชายจึงรีบกระโดดข้ามหน้าต่างกลับเข้าไปในตึกของสถานทูต
ยาใจโบกมือให้น้องสาว ก่อนจะหันมาล่ำลาชายหนุ่ม แต่เขากลับหายไปเสียเฉยๆ
หล่อนรู้สึกประหลาดใจ และเสียดายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเดินตรงไปหาแสนดี ที่ยืนตั้งท่าที่จะถามคำถามมากมาย
อีกฝั่งของห้องเก็บเอกสารในสถานทูตประเทศอังกฤษ เจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ ทรงแอบทอดพระเนตรสองสาวที่เดินจูงมือกันห่างพระองค์ออกไป
เจ้าชายทรงประหลาดพระทัยยิ่งนักที่เป็นเรื่องบังเอิญว่าสาวน้อยที่พระองค์ประทับใจเป็นพี่สาวของยายตัวแสบอีกแล้ว โลกนี้ช่างกลม…กลมเกินไป
แม้จะทรงเสียดายที่ยังไม่ได้รู้ชื่อของสาวกระโปรงสีหวาน แต่ความตกพระทัยที่ได้เจอยายตัวแสบนั้นมีมากกว่า แม้จะทรงไม่เข้าพระทัยเหมือนกันว่าจะทรงหลบหล่อนไปทำไม
“น้องสาวของฉันทำงานที่ห้องสมุดนี้ล่ะค่ะ” นี่คือประโยคของสาวสวยที่พระองค์ทรงจำได้
วันนั้นเจ้าชายเสด็จกลับวังด้วยความรู้สึกยินดีอย่างประหลาด ถึงแม้พระองค์จะไม่เข้าใจว่า เป็นเพราะเหตุที่ได้เจอสาวสวย หรือเหตุที่รู้ว่ายายตัวแสบทำงานที่ห้องสมุด หรือสุดท้ายจะเป็นเหตุผลที่ว่า ยายตัวร้ายที่ขับรถชนพระองค์มีพี่สาวสวยถึงสองคนกันแน่
ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2554, 22:57:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2554, 22:57:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 1706
<< ชายแว่นดำ | สองพี่น้อง >> |
ม่านฟ้า 10 พ.ค. 2554, 08:15:07 น.
คุณลายเส้นหายไปซะนานเลยนะ ตอนล่าสุดน่ะจำค่อยได้แล้วเนี่ย ว่าถึงตอนไหน กำลังคิดถึงอยู่เลย (สมัครสมาชิกมาเพื่อโพสต์โดยเฉพาะนะเนี่ย ^ ^ )
คุณลายเส้นหายไปซะนานเลยนะ ตอนล่าสุดน่ะจำค่อยได้แล้วเนี่ย ว่าถึงตอนไหน กำลังคิดถึงอยู่เลย (สมัครสมาชิกมาเพื่อโพสต์โดยเฉพาะนะเนี่ย ^ ^ )
ลายเส้น 10 พ.ค. 2554, 13:12:46 น.
เราหานิยายเราไม่เจอแล้วอะค่ะ เลยมาโพส เพราะแต่งตอนใหม่อยู่ด้วย คิดถึงคุณมา่นฟ้าจังค่ะ คนอื่นๆด้วย ขอบคุณนนะคะที่ยังจำกันได้ อิอิ
เราหานิยายเราไม่เจอแล้วอะค่ะ เลยมาโพส เพราะแต่งตอนใหม่อยู่ด้วย คิดถึงคุณมา่นฟ้าจังค่ะ คนอื่นๆด้วย ขอบคุณนนะคะที่ยังจำกันได้ อิอิ
ม่านฟ้า 10 พ.ค. 2554, 22:13:44 น.
คุณลายเส้นนิยายตอนเก่า ไปดูที่เว็บเลิฟระบบเดิมนะ ยังอยู่ เข้าไปดูได้จ๊ะ
คุณลายเส้นนิยายตอนเก่า ไปดูที่เว็บเลิฟระบบเดิมนะ ยังอยู่ เข้าไปดูได้จ๊ะ
sa 11 พ.ค. 2554, 23:15:18 น.
รอตอนใหม่นะค้า
รอตอนใหม่นะค้า