ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 13.ตัดผมใหม่ ดัดผมใหม่ เล่นเอาซะพี่จำเกือบไม่ได้เลยนะ...”


บทที่ 13

จรินนาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธเขาทั้งคำพูดและแววตา ส่วนอนงค์นางเป็นผู้หญิงคนที่สองปฏิเสธเขาแต่ว่าแววตาที่เขาอ่านได้นั้นหญิงสาวกำลังเล่นแง่อย่างมีจริต ซึ่งท่าเป็นแบบนี้มันก็น่าสนุกยิ่งนัก... แต่ว่าพอเลิกงานเขาขับรถมาหาอนงค์นางเพื่อรับรูปภาพที่หญิงสาววาดและให้พ่อใส่กรอบไว้ให้ เขาก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อแม่ของอนงค์นางบอกกับเขาว่า

“นางออกไปตัดผม...แต่เค้าบอกไว้แล้วว่าคุณจักรจะมาเอารูป”

... อนงค์นางตั้งใจหลบหน้าเขาแบบนี้ เขาจะยอมไม่ได้..และด้วยอยากเอาชนะใจหญิงสาวกับอยากรู้ว่าเขาอ่านแววตาของอนงค์นางออกจริงหรือเปล่าวิษณุจักรจึงต้องขอเบอร์โทรศัพท์จากแม่ของหญิงสาว และเมื่อกดโทรออก เขาก็ยิ่งหงุดหงิดยิ่งขึ้นเมื่ออนงค์นางไม่ยอมรับสายของเขา...

และคนอย่างเขาใช่ว่าจะต้องสนใจผู้หญิงที่ไม่สนใจเขา เพราะผู้หญิงที่ทุ่มเททั้งกายและหัวใจให้เขา เขาก็สลัดหลุดมานักต่อนักแล้ว...

วิษณุจักรขับรถออกจากหน้าร้านของอนงค์นางไปตามถนนดาวดึงส์ จุดประสงค์คือกลับบ้าน อาบน้ำ พักผ่อน ส่วนจะออกไปเที่ยวเตร่ตามประสาชายโสดนั้นก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง..แต่พอรถคันใหญ่ของเขาเคลื่อนตัวมาได้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร โทรศัพท์มือถือที่เขาโยนไปบนเบาะด้านข้างก็ดังขึ้น เขาเหลือบตาไปดูเบอร์และพอเห็นว่าเป็นเบอร์ของอนงค์นางเขาก็ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นเพราะอยากให้หญิงสาวนั้นรอคอยเขาบ้าง แต่จะด้วยเป็นพรหมลิขิตหรืออะไรก็แล้วแต่...หลังจากที่โทรศัพท์ดังแล้วเงียบเสียงไปและกลับดังขึ้นอีกรอบ เหมือนกับว่าอยากจะคุยกับเขาเป็นอย่างมาก เขาก็ที่ขับรถไม่เร็วนักเพราะเป็นช่วงที่การจราจรคับคั่งก็เหลือบตาไปเห็นผู้หญิงร่างสูงโปร่งคนหนึ่งมีผมหยิกฟูเคลียบ่าและพอเจ้าหล่อนหันหน้ามา เขาจึงได้เห็นว่า เธอผู้นั้นก็คืออนงค์นาง เขาหักพวงมาลัยพารถชิดทางเท้าแล้วรีบคว้าโทรศัพท์มารับสายทันที....

“พี่จักร...โทษทีค่ะ นางมาทำผมก็เลยไม่ได้รับสาย”

“แล้วทำเสร็จหรือยัง” เขาอมยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอนงค์นางเดินนวยนาดกลับบ้าน
โดยไม่รู้ตัวว่าบัดนี้เธอกำลังอยู่ในสายตาของเขา

“เสร็จแล้วค่ะ”

“กินข้าวเย็นหรือยัง”

“ยังค่ะ กำลังจะรีบกลับบ้าน เดี๋ยวแม่กับพ่อรอกินข้าวเย็น”

“เมื่อกี้เห็นกินกันแล้วนี่”

“เข้าไปเอารูปมาแล้วใช่ไหมคะ”

“กินข้าวกับพี่สักมื้อไหม”

“แล้วพี่อยู่ตรงไหนคะ”

“หันหลังกลับมาซิ...”

“อ้าว” อนงค์นางหันหลังกลับมาวิษณุจักรก็รีบเลื่อนกระจกลงเอี้ยวตัวชะโงกหน้าออกไปให้หญิงสาวเห็น และพอเห็นเขาแล้ว อนงค์นางก็ตัดสายโทรศัพท์ก่อนจะข้ามถนนเดินมาหาเขา...และด้วยถนนแคบอนงค์นางจึงเดินไปหยุดทางฝั่งผู้โดยสารพร้อมกับเคาะให้เขาเปิดกระจก...

“ขึ้นรถมาก่อนไหม” ถามพลางวิษณุจักรก็กวาดสายตามองวงหน้าในกรอมผมทรงใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกว่าหญิงสาวดูแปลกตาไป แต่ว่ามันเป็นการแปลกตาที่ทำให้เขารู้สึกชุ่มช่ำหัวใจขึ้นมา

“มีอะไรหรือคะ”

“ตัดผมใหม่ ดัดผมใหม่ เล่นเอาซะพี่จำเกือบไม่ได้เลยนะ...”

อนงค์นางยิ้มพลางเอียงคอ..

“สวยดีนะ เก๋ดี”

“ขอบคุณที่ชมค่ะ...”

“นึกอย่างไรตัดผม”

“ก็...” ถ้าบอกความในใจออกไป ก็เท่ากับว่าตอนนี้เธอเผยไต๋ให้เขารู้ความในใจว่า เธอรู้สึกว่า อยากสวยเพื่อให้เขามองเธอบ้าง แต่ว่าอนงค์นางก็ตอบไปว่า “ก็เบื่อหน้าตัวเองกับผมทรงเดิมๆ”

“สวยนะ สวยมาก”

พอเขาชมทั้งปากและสายตาใบหน้าของอนงค์นางก็แดงระเรื่อขึ้นมา...แต่ว่าหญิงสาวก็ต้องรีบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง “รูปเป็นอย่างไรบ้างค่ะ”

“ก็...” วิษณุจักรกรอกตาไปมา...ก่อนจะบอกว่า “ขึ้นรถซะจะยืนคุยกันอย่างนี้เหรอ”

“ก็คุยได้นี่คะ”

“นางเมื่อยแย่ แล้วเอากระจกลงแบบนี้แอร์ในรถออกไปหมด...”

“พี่จักรก็ดับเครื่อง แล้วเอากระจกลงด้วยรับลมจากข้างนอก”

“พี่ขี้ร้อน”

“ที่ทำงานก็ยังไม่มีแอร์ พี่ก็ยังเดินไปเดินมาได้”

“มันไม่ได้อุดอู้แบบนี้นี่ ขึ้นรถมา ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ”

“วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้นางกลับบ้านก่อนดีกว่า”

“จะคุยเรื่องงานหน่อย” สมองเขารีบส่งการโดยด่วนเพราะอยากเอาชนะใจของ
อนงค์นางให้ได้

“งานอะไรคะ”

“ขึ้นรถมาก่อน”

อนงค์นางส่ายหน้าดิกทันที

“กลัวพี่เหรอ”

“นิดหน่อยค่ะ”

“ดีใจที่มีคนกลัว”

“ปกติก็คงจะเป็นลักษณะชวนปุ๊บกระโดดขึ้นปั๊บเลยใช่ไหมคะ”

“ก็ประมาณนั้นแหละ”

“นางขอเป็นคนพิเศษแล้วกันค่ะ”

“พี่หิวข้าวจังเลย ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อย พี่ชวนเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วนะ ใจแข็งจัง”

“ร้านไหนคะ...”

“ให้นางเลือกแล้วกัน...ง่าย ๆ สะดวก ๆ หิวจะแย่แล้ว”

“งั้นก็ลงจากรถเลยค่ะ เลยไปหน่อยมีร้านข้าวราดแกง อร่อยมาก”

“แบบนั้นมันก็ไม่ไหวหรอกนะ...ไปแถว ๆ ตลาดริมน้ำก็ยังพอว่า มีให้เลือกเยอะหน่อย”

“โอเคค่ะ” ว่าแล้วอนงค์นางก็เปิดประตูขึ้นมานั่ง และพอเขาเคลื่อนรถออกอนงค์นางก็บอกกับเขาว่า “ขอนางโทรบอกพ่อกับแม่ก่อนนะคะ”

และพอบอกพ่อกับแม่แล้ว อนงค์นางก็วางมือลงพลางมองไปยังข้างทางก่อนจะ
เอ่ยปากชวนเขาคุย

“แล้วเย็น ๆ แบบนี้พี่ไม่รีบกลับบ้านไปกินข้าวกับพ่อกับแม่หรือคะ”

“พี่แยกบ้านมาอยู่ตัวคนเดียวนานนมแล้ว ...แต่มีแม่บ้านดูแลบ้านน่ะ...ส่วนใหญ่ก็จะกินจากข้างนอกก่อนกลับบ้าน หรือไม่ก็โทรไปบอกให้ป้าแกทำอะไรไว้ให้กิน ถ้าจะกินที่บ้านนะ งานพี่มันมีพวกงานเลี้ยงตอนเย็น ๆ บ่อย ๆ มีแต่ตอนเช้าที่กินข้าวก่อนจะออกมาทำงาน ก็เป็นพวกข้าวต้ม”

“ดูดีมากเลยนะ...หนุ่มโสดอยู่บ้านคนเดียว อิสรเสรีดี”

“กำลังเล็งหาแม่บ้านอยู่เหมือนกัน”

“ถ้าไม่เลือกมากก็คงหาได้ไม่ยากหรอกคะ”

“ต้องเลือกเยอะหน่อย...อยากได้แม่ศรีเรือน ดูแลบ้านได้ ทำอาหารเป็น แล้วก็เป็นแม่พันธุ์ที่ดี ให้ลูกออกมาสวย ๆ”

“อยากได้แบบขนยาว ๆ หรือขนสั้น ๆ ละคะ”

“อยากได้แบบขนหยิก ๆ”

พอเขาพูดจี้จุดอนงค์นางก็ผินหน้าออกไปข้างนอกทันที...แต่ถึงกระนั้นอนงค์นางก็ไม่ยอมปล่อยให้ความเงียบทำให้เขาได้ยินเสียงต้นของหัวใจเธอ “ขนหยิกนี่พันธุ์อะไรนะ”

“พี่อยากได้คนนะไม่ใช่หมา”

“ก็นึกว่าต้องการแม่พันธุ์แบบนั้น”

แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะให้กันเบา ๆ กระทั่ง ถึงที่จอดรถใกล้ๆ กับตลาด อนงค์นางลงจากรถอย่างไม่มีกระบิดกระบวน ก่อนจะเดินไปยืนรอให้เขาล็อกรถแล้วลงมาหา

“ร้านไหนดี”

“เดินไปก่อนดีกว่าค่ะ...แต่ว่าพี่จักรอยากกินอะไร”

“อาหารทะเลเผาดีกว่าไหม ร้านตรงหัวมุมโน่น”

“แพงนะคะ”

“พี่มีจ่าย...”

“เลี้ยงใช่ไหมคะ ขอบคุณค่ะ”

“แล้วคิดว่าพี่จะชวนหารเหรอ”

“คือไม่ค่อยได้กินของใครฟรีๆ นะคะ ก็เลยเกรงใจ”

“ขนาดเกรงใจยังรีบขอบคุณ”

“ก็มั่นใจว่าถ้าชวนหาร พี่ก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว เพราะมันเป็นการดูถูกกันชัด ๆ เลย”

ทั้งสองคนยังเดินไปพลางคุยกันเบา ๆ ไปพลางยิ้มแย้มแจ่มใส กระทั่งถึงร้านอาหารทะเลเผา โดยระหว่างทางนั้น อนงค์นางก็หาได้เห็นว่ามีสายตาของสราวุฒิและขจรเกียรติที่นั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวจับจ้องอยู่ และเมื่อหนุ่มสาวเดินลับตาไปแล้ว สราวุฒิก็ถอนหายใจเบา ๆ และปลงได้ว่าเขาควรจะรีบรักษาใจที่บอบช้ำของตัวเองโดยด่วน




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2555, 10:53:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 10:53:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 2350





<< 12.2“เราโตมาด้วยกันนะ จินรู้จักพี่ พี่ก็รู้จักจิน”   13.2 จันทร์เจ้าฉายสื่อรัก (คริคริ) >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 31 ก.ค. 2555, 10:54:14 น.
กลับมาแล้ววววววววววววววววว....................... แต่พี่ต้นกล้วยยังไม่มีคิวเข้าฉากนะ รออีกสักครู่ 555555555555


รอให้เป็นเล่ม 31 ก.ค. 2555, 11:03:27 น.
ตอนใหม่มาแล้ว
ไรท์เตอร์กลับมาปุ๊ปก็ขยันอัพให้อ่านกันปั๊ป


imsoul 31 ก.ค. 2555, 11:24:02 น.
ไรเตอร์หลอกหลวง เค้าบอกว่าคิดถึงพี่ต้นกล้วยอ่ะ แต่พอมาอ่านไม่มีเลยยยยยย งอล


konhin 31 ก.ค. 2555, 11:25:43 น.
รอพี่่ต้นกล้วย


lookAme 31 ก.ค. 2555, 12:02:17 น.
รอซีนของต้นกล้วยอยู่นะจ้ะ


คิมหันตุ์ 31 ก.ค. 2555, 12:47:19 น.
อ๊าย....คุณเฟื่องมาแล้ว คิดถึงทุกๆ คู่จะแย่แล้ว


anOO 31 ก.ค. 2555, 16:18:38 น.
คู่นี้เค้าทันกันดีนะ อนงค์นางดูมีจริตแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร


nateetip 31 ก.ค. 2555, 18:23:44 น.
ชอบคู่นี้เหมือนกันค่ะ ลุ้นอยู่ว่าจะลงเอยแบบไหน...


nutcha 31 ก.ค. 2555, 20:15:22 น.
คุณเฟื่องกลับมาแล้ว คู่นี้น่ารักดีเนอะ ชอบนางเล่นตัวแต่พองาม


Zephyr 1 ส.ค. 2555, 19:56:42 น.
พี่ต้นกล้วย ไม่อยู่ หายไปๆๆๆๆ
เอาพี่จักรกะนางมาแทนเหรอ อภัยก็ได้
ตอนหน้าพี่ต้นกล้วยนะ ของฝากรับการกลับมา 4-5 ตอนนะคุณเฟื่อง อิอิ


goldensun 2 ส.ค. 2555, 13:04:18 น.
จักรก็ชอบบริหารเสน่ห์เหมือนกันนะนี่ พอๆกับนางเลย แต่จักรจะถอยจากจินรึเปล่า เลือกได้อย่างจักรนี่


Orathai 3 ส.ค. 2555, 23:35:34 น.
อ่านแล้วหมั่นไส้พ่อวิษณุจักรเล็กน้อย...แต่ก็น่ารักนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account