ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 13.2 จันทร์เจ้าฉายสื่อรัก (คริคริ)

ไฟในห้องของหนิงที่เปิดอยู่ทำให้สราวุฒิลดฝีเท้าลงและพอเดินผ่านหน้าห้องของหนิงเขาก็หันไปมองในห้องที่เปิดประตูค้างไว้ เขาพบว่าหนิงนั้นนั่งอยู่กับโต๊ะพับแบบญี่ปุ่นโดยสายตานั้นอยู่กับสมุดตรงหน้า หญิงสาวกำลังทำการบ้านอย่างแน่นอน และหนิงก็เร็วพอจะมีประสาทสัมผัสพิเศษ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาและก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะไอแค็ก ๆ ออกมา

“พี่วุฒิ”

“เป็นอะไร ไม่ไปทำงานเหรอ”

“รู้สึกเป็นไข้ก็เลยขอหยุด แล้วหนิงจะต้องทำรายงานให้เสร็จด้วย ใกล้จะสอบอีกแล้วต้องขยันหน่อย”

“อืม...พักบ้างนะ” ทั้งที่รู้สึกเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใด ๆ มาทำให้หนิงรู้สึกว่าเขาห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจ

“ขอบคุณค่ะ”

“ทำไมต้องขอบคุณ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วง” ดวงตาของหนิงระยิบระยับบอกความรู้สึกดีใจที่เขาหยุดคุยด้วย

“งั้นพี่ไม่รบกวนแล้วนะ”

“พี่วุฒิ”

เขาชะงักเท้าและหนิงก็รีบลุกขึ้นมาหาเขา...วันนี้หญิงสาวไม่ได้นุ่งกางเกงสั้นเหมือนที่เคยเห็น หนิงสวมเสื้อกางเกงชุดพละหนิงจึงดูเหมือนเด็กสาวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ดูไม่กร้านโลกเหมือนยามที่สวมชุดสาวเชียร์เบียร์

“หนิงจะเรียนจบแล้วนะ หนิงอยากให้พี่วุฒิช่วยวาดรูปนี้ให้หนิงหน่อยได้ไหม...”

“รูปอะไร”

หนิงเดินกลับไปยังโต๊ะพับคว้ารูปที่ซ่อนอยู่ในหนังสือแล้วส่งให้เขาดู เป็นรูปในชุดนักศึกษาครึ่งตัวเอียงข้างหันหน้ามองกล้อง ดวงตาของหนิงเป็นประกายทีเดียว..

“หนิงอยากให้พี่วาดให้ เห็นพี่วาดรูปคนลงปกนิยายแล้วสวยดี”

สราวุฒิทำท่าครุ่นคิด...

“หนิงยินดีจ่าย แต่มันคงไม่แพงใช่ไหม”

“ถ้าแพง”

“เท่าไหร่”

สราวุฒิทำกลอกตาคำนวณราคาแล้วก็มองหน้าหญิงสาวซึ่งดวงตาของหนิงนั้นก็ยังระเรี่ยอยู่บนใบหน้าของเขา ตั้งแต่รู้จักกันมา หนิงก็ทำเหมือนหลงใหลเขาอย่างไม่ปิดบัง พยายามทอดสะพานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาเองที่มีอคติกับอาชีพของหนิง กับส่วนหนึ่งเขาหวังสูงเกินตัวด้วยจึงมองไม่เห็นความน่ารักความดีกับความเหมาะสมของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่มาบัดนี้เขารู้แล้วว่า เขากับอนงค์นางนั้นไม่มีวันที่จะเดินไปถึงจุดหมายที่เขาปรารถนาไว้ได้แน่ ๆ ความรัก ความมีน้ำใจจากหนิงจึงเป็นของมีค่าสำหรับเขาขึ้นมา แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้รู้สึกรักหนิงเหมือนอย่างที่รักอนงค์นาง

“วาดเสร็จก่อนค่อยว่ากัน...”

“อย่าคิดแพงนะ หนิงอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก...เพราะถ้าเรียนจบปวส.แล้วหนิงก็คงจะไม่เรียนต่อ”

พอหนิงเอ่ยมาแบบนี้สราวุฒิรู้สึกใจหายขึ้นมาทันที

“จะไปไหน”

“จะเข้ากรุงเทพฯไปหางานทำ ดีไม่ดีอาจจะไประยอง แถวนั้นงานหาง่าย”

“อืม...”

“พี่วุฒิละคะ มีแผนชีวิตอย่างไรบ้าง” อันที่จริงสราวุฒินั้นเรียนจบปริญญาตรีเหมือนกัน แต่เป็นปริญญาตรีทางด้านพุทธศาสนาจากวิทยาลัยสงฆ์...ความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ของเขาก็พอมี แต่เขารู้สึกว่าความรู้ที่มีอยู่นั้นออกไปสู้กับตลาดแรงงานไม่ได้ จนกระทั่งเขาตัดสินใจไปเรียนวาดภาพจิตกรรมไทยที่วิทยาลัยในวังกับอาจารย์เดชาพงษ์มันก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจในความรู้เฉพาะทางของตนขึ้นมา แต่ว่าเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะพาอนาคตตัวเองไปในทิศทางใด เพราะประสบการณ์แบบฆราวาสในชีวิตของเขานั้นมันน้อยเต็มที...คู่คิดที่ปรึกษาก็ไม่มีเพราะเขาเป็นคนที่คุยไม่เก่งแถมยังไม่ใช่คนอ่านหนังสือพิมพ์หรือดูโทรทัศน์ฟังข่าวสารบ้านเมืองมากนัก

“พี่...” สราวุฒิถอนหายใจเบา ๆ ไม่อยากจะบอกกับหนิงเลยว่า เขามีชีวิตเหมือนอยู่ไปวัน ๆ เพราะฝันของเขานั้นไม่ได้ไปไกลกว่าทำงานวันนี้แล้วมีเงินใช้ในวันนี้วันพรุ่งนี้เท่านั้น

“พี่เรียนจบชั้นอะไรล่ะ”

“ปริญญาตรีเหมือนกัน แต่เป็นทางพุทธศาสนา จากวิทยาลัยสงฆ์”

“งานโรงงานเขาไม่ได้สนใจหรอกพี่ว่าพี่จบอะไรมีวุฒิเขาก็รับแล้วนะ...”

“เหรอ”

“หรือพี่พอใจกับชีวิตแบบนี้ของพี่”

“ก็ไม่ได้พอใจหรอก แต่ยังไม่รู้จะขยับขยายอย่างไร”

“หนิงจะลองถามเพื่อนให้นะ ว่าแถว ๆ ระยองพอมีงานอะไรบ้าง แต่หนิงว่าเราไปกันก่อนก็ได้นะ แล้วก็ค่อยหางานทำ"

“พี่ไม่มีเพื่อนเลย”

“เพื่อนหนิงก็เหมือนเพื่อนพี่แหละ...ไปกับหนิงก็ได้”

“จะดีหรือ”

“มีเวลาให้พี่คิดอีกตั้งหลายเดือน...แล้วงานที่พี่ทำอยู่ก็ใช่ว่าจะเอาไปทำที่ระยองไม่ได้นี่...พี่ก็รับวาดภาพไปทำงานประจำไป..งานประจำมั่นคงกว่า งานแบบนี้ก็ถือว่าใจรัก...ดีไม่ดีนะ พอมีคนรู้ว่าพี่วาดภาพได้ เขาก็จะมาให้พี่วาดกัน..ก็ได้ทั้งสองทาง”

พอหนิงวาดอนาคตของเขารวมกับของตัวเองไปเป็นช่องแบบนี้ทำให้สราวุฒิต้องเมินหน้าไปครุ่นคิดถึงจุดหมายของหนิงที่เขาก็พอเข้าใจได้ไม่ยากว่านั่นคือการทอดสะพานชนิดที่เขาเองเพียงเดินตามเท่านั้นแล้วครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาก็จะมีหนิงเป็นตัวกำหนด ซึ่งสราวุฒิอยากจะย้อนถามหนิงเหลือเกินว่า เขานั้นมีค่าพอที่หนิงจะฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ...แต่ว่าเขาก็พูดไม่ออก

“ตกลงพี่วาดรูปนี้ให้หนิงนะ...”

“เอาขนาดเท่าไหร่”

“โปสเตอร์เลยค่ะ จะเก็บไว้ติดข้างฝาใช้สีไม้นะ หนิงชอบ”

“ได้...”

“ขอบคุณค่ะ” หนิงเอียงคอบอกเขาด้วยสีหน้าชื่นมื่น แต่ว่ายังไม่ทันที่หนิงจะชวนสราวุฒิคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปต่อโทรศัพท์มือถือของหนิงที่วางไว้บนโต๊ะพับก็ดังขึ้น หนิงยิ้มให้สราวุฒิที่เหลือบตามายังต้นเสียง “พี่ขอตัวก่อนแล้วกัน”

...เมื่อสราวุฒิก้าวขาไปแล้วหนิงก็หมุนตัวมารับสายโทรศัพท์...

และน้ำเสียงหวาน ๆ ออดอ้อนกับปลายสายของหนิง ก็ทำให้สราวุฒิที่เดินไปแล้วหยุดฟังความเข้าใจขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งว่า จิตใจของผู้หญิงนั้นยากแท้หยั่งถึง ดีไม่ดีที่พูดดี ๆ กับเขานั้นก็เพียงเพื่อบริหารเสน่ห์ดูอย่างที่เขาเคยได้ยิน...หรือไม่หนิงก็คงอยากจะเอาชนะใจเขาก็เป็นได้

---------------------------
แม้จะรู้ใจตัวเองว่ารู้สึก ‘คิดถึง’ เดชาพงษ์ แต่ว่าจรินนาก็จนใจที่จะหาข้ออ้างไปที่โรงแรมซึ่งคนงานกำลังโกลาหลตกแต่งภายในเพื่อจะเปิดให้บริการก่อนช่วงปีใหม่ กับใจอีกส่วนหนึ่งของจรินนาที่คิดว่าเป็นเพราะตัวเองนั้นเหงา เขาจึงแทรกเข้ามาทำให้ใจของเธอสั่นคลอนได้ ด้วยคิด ๆ ไปแล้ว ตั้งแต่รู้จักกัน เขาก็ยังไม่ได้จีบเธอเหมือนกับที่วิษณจักรจีบ เขานิ่ง ๆ เชย ๆ ทำเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจเธอ แล้วเธอจะต้องไปมอบหัวใจให้กับเขาทำไม แต่ว่า เมื่ออยู่ตามลำพัง ความเหงา ก็เข้ามายืน ดวงตาคู่สวยของเขาในติดตาของเธอก็เข้ามารบกวนจนกระทั่งจรินนารู้สึกรำคาญตัวเอง

“ป๊า...ช่วงนี้ป๊าไม่เห็นชวนจินไปที่โรงแรม” จรินนาตัดสินใจเอ่ยปากถามผู้เป็นพ่อขณะที่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

“ป๊าก็ไม่ได้เข้าไปเหมือนกัน มีงานอื่นน่ะ...จะออกพรรษาแล้วป๊ารับเป็นเจ้าภาพกฐินไว้น่ะ”

“ทำบุญอีกแล้วเหรอคะ”

“ก็ตั้งใจว่าจะทำปีละวัด...ป๊าอายุมากแล้วนะ ต้องเตรียมเสบียงสำหรับเดินทาง”

“ทำไมป๊าคิดว่าป๊าอายุมาก”

“ดูแม่ของเราสิลูก....อายุเท่าไหร่กัน แล้วการทำบุญก็สามารถส่งถึงคนล่วงลับไปแล้วได้ด้วยนะ”

“ก็เมื่อก่อน ทำไมเราไม่เห็นต้องทำบุญทำอะไรกันเลย”

“ก็ทำกับศาลเจ้า ทำกับสาธารณะกุศล”

“ก็บุญเหมือนกันนี่คะ”

“เกือบจะเหมือนกัน แต่พอป๊ามาศึกษาแล้วมันต่างกัน เอาเป็นว่าวันทอดกฐินลูกไปกับป๊าด้วยแล้วกันนะ”

จรินนาทำหน้าเมื่อย แต่พอผู้เป็นพ่อเล่าเรื่องต่อจรินนาก็ถึงกับยิ้มกริ่มออกมา “วัดที่เราไปกับอาจารย์เดชาพงษ์วันนั้นแหละลูก ป๊าเป็นเจ้าภาพทอดกฐินหาเงินสร้างภาพวาดบนผนังโบสถ์น่ะ แล้วเรื่องบุญเรื่องกุศลนี้ ถ้าไม่ได้อาจารย์เดชาพงษ์อธิบายให้ฟังบ้าง ป๊าก็ไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมเราต้องทำบุญในพระพุทธศาสนา”


ระหว่างที่อาบน้ำฟอกสบู่จันทร์เจ้าฉายที่เดชาพงษ์ให้มาจรินนาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอมีเรื่องที่จะคุยกับเขาก่อนที่จะไปงานทอดกฐินหรือจะต้องไปเจอกันหน้างานซึ่งตรงนั้นมันก็ยากที่จะสานความสัมพันธ์หรือโปรยเสน่ห์เพราะมีสายตาหลายสิบคู่จ้องมองอยู่ เมื่อออกมาจากห้องน้ำจรินนาก็กดโทรศัพท์หาเขาในทันที ซึ่งเขาก็รวดเร็วพอจะรับสายของเธอจนเธอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก

“ทำไมรับสายเร็วจังเลยคะ”

“วางไว้หน้าคอมพิวเตอร์นะครับ พอมีสัญญาณเข้าหน้าจอก็สั่น ๆ ก็กดรับทนที...มีอะไรหรือครับ”

“โทษทีที่โทรมาหาตอนดึกดื่น”

“สองทุ่มเองครับไม่ดึกหรอก”

“ทำงานอยู่หรือเปล่าคะ”

“จะว่าทำก็ได้ จะว่าไม่ได้ทำก็ได้ครับ เล่นเกมฟังเพลงในคอมฯแก้เมื่อยอยู่”

“ใช้สายตาเยอะ ๆ แสบตาแย่เลย”

“ปล่อยใจว่าง ๆ บ้าง งานจะได้ลื่นไหล”

“แล้วนี่จะนอนกี่โมงคะ”

“ก็เมื่อรู้สึกง่วงครับ พอดีลูกค้าอยากได้ภาพไปเป็นของขวัญเจ้านายเร็ว ๆ ผมก็เลยต้องเร่งให้เขา”

“แล้วงานจะออกมาดีไหม”

“พูดไปก็จะว่าชมฝีมือตัวเอง”

“ฝีมืออาจารย์ดีค่ะ...สวย..”

“ขอบคุณครับ แล้วนี่โทรมามีธุระอะไรครับ ผมก็มัวแต่ชวนคุยเรื่องอื่น”

“เรื่องสบู่ก้อนเขียว ๆ ก้อนชมพูนั่นแหละคะ ใช้ดีมาก แล้วตอนนี้ก็จะหมดแล้วเพราะจินเป็นคนอาบน้ำฟอกสบู่สองรอบสามรอบ...”

“เอ ก้อนสีเขียวน่าจะเป็นสบู่เอนไซม์ย่านางนะครับ สีชมพูนี่อะไรนะ วันนั้นผมก็จำไม่ได้” อันที่จริงเดชาพงษ์จำได้ว่าให้สบู่จรินนาไปสองก้อนแล้วเป็นสบู่ชนิดไหนบ้าง แต่เขาก็แกล้งลืมเพื่อจะได้ชวนหญิงสาวคุยนาน ๆ ให้สมกับที่นั่งคิดถึงอยู่จนกระทั่งไม่มีสมาธิทำงาน แต่ว่าเขาก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรโทรไปหาหญิงสาวก่อน กระทั่งหญิงสาวเป็นฝ่ายโทรมา พอเห็นเบอร์ เขาจึงรีบตะครุบโทรศัพท์ทันที

“สบู่กุหลาบค่ะ ที่อาจารย์หมดหรือยังคะ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะวันนั้นหนูนาจับใส่ถุงมาให้ ผมไม่ได้สั่งซื้อหรอก ถูกบังคับขาย ลำพังผมเองชอบก้อนสีเขียวเพราะเย็นดี เดี๋ยวผมขอไปดูก่อนนะครับ...เอ้อ กุหลาบยังมีอยู่ครับ แต่คุณจินจะลองใช้กลิ่นอื่นไหมสบู่ของเค้ามีเป็นสิบ ๆ ชนิดเลยนะครับ”

“มีอะไรบ้างคะ”

พอจรินนาเปิดช่องมาแบบนี้ เดชาพงษ์ก็หยิบสบู่มาทีละก้อนแล้วก็อ่านสรรพคุณที่ฉลากให้หญิงสาวฟังพร้อมกับแชร์ประสบการณ์การใช้สบู่แต่ละชนิดให้หญิงสาวได้รับรู้ กระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานหัวใจที่แห้งแล้งห่อเหี่ยวก่อนหน้านั้นก็ค่อย ๆ เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลมีสีชมพูอ่อน ๆ เหมือนสบู่กุหลาบที่อยู่ในมือของเขา




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ส.ค. 2555, 11:56:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2555, 11:56:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 2759





<< 13.ตัดผมใหม่ ดัดผมใหม่ เล่นเอาซะพี่จำเกือบไม่ได้เลยนะ...”   14.1“เรื่องจริง ๆ ค่ะ อนงค์นางชอบอาจารย์เดชาพงษ์...” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 2 ส.ค. 2555, 11:59:02 น.
ดูชื่อตอนเหอะ...แอบขายของอีกแล้ว ใครที่ยังไม่ได้ลองใช้ก็ ลองคลิ๊กเข้าไปอ่านลายละเอียดดูนะครับ....www.chanchaochayo.com กรุบกริบ ๆ ปล. ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจครับ //ข่าวดี สำหรับ แฟน พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว เรื่องนี้จะได้รวมเล่มกับ สนพ. มายดรีม เครือ สถาพร นะครับ วางแผง ราว ๆ กลางเดือนสิงหาคมนี่แหละครับ ขอบคุณล่วงหน้าำหรับกำลังใจด้วยนะครับ


imsoul 2 ส.ค. 2555, 12:08:51 น.
อาจารย์มาแล้ว จินด้วย ดีใจจจจ


goldensun 2 ส.ค. 2555, 12:59:29 น.
สับสนตามวุฒิไปเลย หนิงคล่องอย่างนี้ วุฒิตามไม่ทันแน่
อาจารย์จะเริ่มรุกจินได้บ้างรึยังนี่ เหมือนนั่งรอจินอย่างเดียวเลย ถ้าจินไม่โทร ก็นั่งคิดถึงอย่างเดียวรึเปล่า


saralun 2 ส.ค. 2555, 13:28:18 น.
http://www.chanchaochay.com/
ลองเข้าไปดูสินค้าแล้วน่าสนใจดี...สงสัยต้องสั่งมาลองใช้บ้างแล้วค่ะ ^^


lookAme 2 ส.ค. 2555, 14:09:44 น.
โฆษณาแฝงมาอีกแล้ว 5555 รอตอนต่อไป!


Zephyr 2 ส.ค. 2555, 14:16:07 น.
พี่วุฒิจะรอดมือหนิงมั้ยนะ ชั้นเซียนกันเลยทีเดียว จะสู้ไหว หรือตามทันมั้ยนะ
กลายเป็นอุตสาหกรรมในครังเรือนไปแล้ว สำหรับสบู่ ฮ่าๆๆๆ


anOO 2 ส.ค. 2555, 14:31:06 น.
อาจารย์กล้วยกับคุณหนูจินนเี้ย เค้าทันกันอยู่นะ


คิมหันตุ์ 2 ส.ค. 2555, 14:59:50 น.
ห้าห้า อดห่วงพี่วุฒิไม่ได้ เชียร์อาจารย์ด้วย รุกสาวเค้าสักทีสิ


nutcha 2 ส.ค. 2555, 16:32:03 น.
พี่ต้นกล้วยจะให้จินจีบตัวเองก่อนใช่ไหมเนี่ย รุกได้แล้วสาวเจ้าก็มีใจให้น้าาาา


wii 2 ส.ค. 2555, 20:23:56 น.
อ้าวสบู่ยี่ห้อจันทร์เจ้าฉายมีจริงๆหรือเนี่ย นึกว่าเป็นชื่อสมุติซะอีก เขาให้คุณเฟื่องกี่เปอร์เซ็นค่าโฆษณาคะ555... อยากซื้อมาลองเหมือนกันเเต่อยู่ำกลซะครึ่งโลกคงหาซื้อมาลองใช้ยาก


Orathai 3 ส.ค. 2555, 23:43:45 น.
อาจารย์กล้วยกับหนูจินคงอยากให้สบู่มีสักสี่-ห้าสิบชนิดละมั่งเนี่ยจะได้คุยกันนานๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account