มาราสซันทิยา (Marassantiya)
................
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 17

หลังจากเสด็จออกจากเมืองเมนเนเฟอร์ เจ้าชายเมอร์ซิลิสและเจ้าชายซานนันซาทรงมีรับสั่งไปถึงผู้ปกครองเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ที่ทูลเชิญให้แวะเยี่ยมเยือนว่าไม่ปรารถนาจะหยุดพักที่เมืองใดจนกว่าจะได้เข้าเฝ้าฟาโรห์ที่นครวาเซตก่อน จากนั้นก็ทรงบัญชาให้แล่นเรืออย่างไม่มีกำหนดหยุดพักอีกเลยจนกระทั่งถึงใกล้รุ่งของวันหนึ่ง กวินตาก็ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งกายเพราะใกล้จะถึงเมืองวาเซตแล้ว

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวจากยุคปัจจุบันก็มานั่งอยู่หน้าแผ่นทองสำริดขัดมันเพื่อใช้หวีที่ทำจากกระดูกของสัตว์สางเส้นผมสีดำขลับยาวสลวยของตนเอง ก่อนจะขำ เพราะก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะรู้ล่วงหน้าว่าอียิปต์โบราณเป็นอาณาจักรที่มีเหาระบาดอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ถึงกระนั้นเธอก็หัวเราะจนเจ็บท้องทุกครั้งที่เห็นทั้งเจ้าชายเมอร์ซิลิสและเจ้าชายซานนันซาต้องหมักพระเกศาด้วยน้ำมันที่สกัดจากเม็ดละหุ่งเพื่อฆ่าเหาบนพระเศียรของพระองค์เอง จนมาเริ่มหัวเราะไม่ออกเมื่อเธอเริ่มคันศีรษะยุบยิบขึ้นมาบ้าง ท้ายที่สุดก็ต้องถูกจับมาร่วมชะตากรรมเดียวกันกับเจ้าชายแห่งฮัตตูซาทั้งสองพระองค์ ต้องมาทนกลิ่นอันไม่น่ารื่นรมย์ของน้ำมันที่พอกทั่วศีรษะ ต้องช่วยกันหาไข่เหา ต้องผลัดกันสางผมสางพระเกศาด้วยหวีไม้ซี่ละเอียดยิบลงบนผ้าขาวเพื่อดูว่ายังมีตัวเหาอยู่หรือไม่

นี่คือเหตุผลที่ชาวอียิปต์โบราณต้องโกนศีรษะทั้งชายหญิง รวมไปถึงขนส่วนอื่นๆในร่างกายให้เหลือน้อยที่สุดและต้องสวมวิกผมเพื่อความสวยงามแทน ในขณะที่ผู้ชายชาวฮิตไทต์นั้นนิยมไว้ผมยาวถึงยาวมาก และเมื่อวัยกลางคนยังนิยมไว้เครายาวอีก อันที่จริงเธอก็สงสารเจ้าชายทั้งสองพระองค์ไม่น้อยที่ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ เพราะเหาไม่ได้เกรงกลัวผู้ใด พวกมันไปเยี่ยมเยือนหัวของสามัญชนและพระเศียรของเชื้อพระวงศ์อย่างเท่าเทียมกัน

เจ้าชายเมอร์ซิลิสเสด็จเข้ามา พระองค์ทรงเลือกสวมใส่ฉลองพระองค์ชั้นในแบบที่ใช้ในฤดูร้อนของฮัตตูซาซึ่งเป็นเสื้อตัวยาวไร้แขน ทรงคาดเข็มขัดทองคำ ก่อนจะคลุมทับชั้นนอกด้วยผ้าคลุมสีม่วงสดที่ปักด้ายทองคำเป็นรูปเทพเจ้ารันดัสหรือนกอินทรีสองหัวที่สองอุ้งเท้ากอบกุมกระต่ายหมอบซึ่งเป็นการแต่งกายตามจารีตประเพณีของเชื้อพระวงศ์ชาวฮิตไทต์ที่ไม่อาจปรับเปลี่ยนหรือหลีกหนีได้แม้อากาศในอียิปต์โบราณจะร้อนหรือแห้งแล้งเพียงใด

ส่วนเธอนั้น ในฐานะสตรีชาวฮัตตูซาที่ไม่มีกฎเกณฑ์เคร่งครัดนักสำหรับการแต่งกาย วันนี้หญิงสาวจึงสวมกระโปรงเกาะอกตัวยาวและได้รับผ้าโปร่งผืนใหญ่สำหรับคลุมบ่าซึ่งคนที่เรียนประวัติศาสตร์รู้ดีว่าผ้าโปร่งเนื้อละเอียดแบบนี้มีแพงยิ่งกว่าบ้านศิลาหลังใหญ่สองหลังในเขตกำแพงล้อมของฮัตตูซาที่อย่าว่าวัสดุก่อสร้างที่ต้องเป็นหินแกร่งเพราะต้องทนต่อหิมะกับพายุ แม้แต่ที่ดินก็ยังแพงหูดับ

เจ้าชายเมอร์ซิลิสประทับแล้วทอดพระเนตรเธอนิ่ง

“เห็นอย่างนี้แล้ว ข้าอยากเก็บเจ้าไว้ที่นี่ ไม่อยากให้ผู้ชายในโลกนี้ได้เห็นเจ้านอกจากข้า”

คนฟังหน้าแดง “ฝ่าบาทอย่าล้อหม่อมฉันเล่นสิเพคะ”

ทรงหยิบสร้อยเส้นยาวสีขาวเส้นหนึ่งมาสวมให้ที่ลำคอของหญิงสาว กวินตาที่กำลังพิจารณาเงาของตนเองในแผ่นสำริด กะพริบตาปริบๆก่อนจะหยิบขึ้นมาดูแล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ

ไข่มุก!

“พ่อค้าจากต่างแดนนำมันมาให้ข้า มันเป็นอัญมณีที่หายากเลยทีเดียว คิดไว้ไม่มีผิดว่ามันต้องเหมาะกับเจ้า มาเถิด” ทรงลุกขึ้นและประทานพระหัตถ์ให้เธอ “อย่าชักช้า เดี๋ยวข้าก็เปลี่ยนใจจับเจ้าใส่กล่องเก็บไว้ในเรือ”

หญิงสาววางมือของตนเองลงบนพระหัตถ์กว้างใหญ่ข้างนั้นก่อนจะปล่อยให้พระองค์ทรงจูงออกมาจากห้องพัก เสด็จพามายังหัวเรือที่มีเจ้าชายซานนันซาทรงยืนให้เหยี่ยวขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเกาะพระพาหาซ้ายอยู่ ในพระหัตถ์ขวาคือกระดาษแผ่นจ้อยเขียนอักษรลิ่มที่เมื่อทรงอ่านแล้วก็รายงานต่อพระเชษฐา

“อัสชูร์อูบาลิตสั่งเผาเมืองมารีจนราบคาบ ตอนนี้กองทัพของอัสชูรายูกำลังประชิดนครวัชชูกันนี เสด็จพ่อเสด็จออกจากฮัตตูซามาประทับที่คาเคมิชกับซารีกูซูห์ ทรงมีพระบัญชาให้น้องกับเสด็จพี่ระวังตัว ถึงแม้ฟาโรห์จะเป็นพันธมิตรกับมิทันนีแต่มีคนกลุ่มหนึ่งของที่นี่เป็นพันธมิตรกับอัสชูรายูและเป็นศัตรูกับเรา”

“รู้หรือไม่ว่าใคร”

“แม่ทัพเมนเพห์เทียกับขุนพลโฮเรมเฮป”

กวินตาใจหายวูบ แม่ทัพเมนเพห์เทียกับขุนพลโฮเรมเฮป สองนามนี้คือผู้ทรงอำนาจที่ทัดเทียมหรืออาจจะมากกว่าฟาโรห์เสียด้วยซ้ำ หากมีสงครามติดพันและเจ้าชายแห่งฮัตตูซายังประทับอยู่ที่นี่ เป็นไปได้หรือไม่ที่สองแม่ทัพที่เป็นพันธมิตรกับอัสชูรายู จะได้รับคำสั่งจากอัสชูร์ อูบาลิต กษัตริย์แห่งอัสชูรายูหรืออัสซีเรียให้กระทำอันตรายต่อเจ้าชายเมอร์ซิลิสและเจ้าชายซานนันซา

ตามเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในข้อความบนแผ่นบันทึกดินเหนียว จักรวรรดิแห่งฮัตตูซาไม่เคยว่างเว้นต่อสงคราม แต่ความรู้สึกขณะที่เรียนรู้อยู่ในยุคปัจจุบันกับความรู้สึกในขณะที่เธอตกมาอยู่ในยุคอดีตและกลายเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ตนเองเคยศึกษาช่างแตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว

เธอกลัว..ใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก

อัครมหาเสนาบดีเพนทูออกมาต้อนรับโดยกราบทูลด้วยภาษาอัคคัด

“ทรงได้รับพระราชานุญาตให้เข้าเฝ้าที่พระราชวังมัลคาตา เชิญเสด็จทางนี้พระเจ้าค่ะ”

ขณะก้าวเท้าติดตามเจ้าชายเมอร์ซิลิสและเจ้าชายซานนันซา กวินตาเงยหน้ามองเชิงเทินและกำแพงล้อมอันใหญ่โตโอ่อ่าราวกับขุนเขา นี่คือพระราชวังแห่งเมืองวาเซตหรือเมืองธีบีสของอียิปต์โบราณ เหล่าธงทิวบนเสาสูงยังปลิวสะบัดด้วยแรงลมเบื้องบน ภาพวาดหันข้างของเหล่าเทพเจ้าบนผนังและรอบเสายังคงมีสีสันสวยสดงดงามซึ่งจิตรกรตวัดลายเส้นคมกริบงดงามเสียยิ่งกว่ารูปวาดที่ยังหลงเหลือให้เห็นในหุบผากษัตริย์

ราวกับความฝันเมื่อเธอกำลังเดินอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าชายแห่งฮัตตูซาทั้งสองพระองค์ กำลังก้าวเท้าสู่ท้องพระโรงของพระราชวังมัลคาตาก่อนจะหยุด ณ เบื้องหน้าพระราชบัลลังก์ของกษัตริย์หนุ่มแห่งดินแดนไอยคุปต์ ผู้ซึ่งสวมผ้าคลุมพระเศียรลายทางสีน้ำเงินสลับทองที่เรียกว่าเนเมสคาดทับด้วยรัดเกล้าที่มีทั้งเศียรของนางพญางูบูโตและเทวีนกแร้งเนคคีเบต พระพักตร์เหมือนกับดวงหน้ากษัตริย์หนุ่มบนฝาโลงพระศพที่โฮเวิร์ด คาร์เตอร์ค้นพบไม่ผิดเพี้ยน ในยามนี้กวินตาคล้ายได้เห็นหน้ากากทองคำในพิพิธภัณฑ์ไคโรมีชีวิตขึ้นมาได้กระนั้น

ฟาโรห์ตุตันคาเมน!

ข้างพระราชบัลลังก์ของฟาโรห์คือที่ประทับของพระมเหสี พระนางอันเคเซนนาเมน ดวงพระพักตร์อันงดงามนั้นทำให้กวินตานึกถึงรูปปั้นพระพักตร์ของพระนางเนเฟอร์ตีตี จริงตามที่นักอียิปต์วิทยากล่าวเอาไว้ว่าพระราชธิดาที่มีพระพักตร์ละม้ายคล้ายคลึงกับพระนางเนเฟอร์ตีตีที่สุดคือเจ้าหญิงอันเคเซนนาเมนและทรงเป็นเจ้าหญิงที่มีพระสิริโฉมงดงามที่สุดในหมู่พระเชษฐภคินีและพระขนิษฐาของพระองค์

“ยินดีที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ ฟาโรห์ตุตันคาเมน กษัตริย์เนบเคเปรูเรของดินแดนแห่งมิซรา”

เจ้าชายเมอร์ซิลิสตรัสภาษาอัคคัด แต่กวินตาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พระองค์จึงไม่ทรงเรียกอียิปต์โบราณว่าจักรวรรดิใต้เหมือนที่ตรัสกับพระบิดาหรือพระอนุชาแต่กลับใช้คำว่า ‘ดินแดนแห่งมิซรา’ ตามที่ชาวเมโสโปเตเมียมักใช้เรียกอียิปต์โบราณแทน

“ยินดีเช่นกันที่ได้พบสองเจ้าชายผู้มาเยือนจากดินแดนแห่งฮัตติ” ยุวฟาโรห์ทรงยื่นพระหัตถ์รับพระราชสารของกษัตริย์แห่งฮัตตูซาจากมือของอัครมหาเสนาบดีเพนทูก่อนจะเปิดออกอ่านแล้วม้วนวางไว้บนถาดทองคำ “ทุกสิ่งเป็นไปตามข้อตกลงตามสัญญาการค้าที่สองชาติเราได้กระทำร่วมกัน เครื่องราชบรรณาการที่หม่อมฉันจะส่งไปถวายกษัตริย์แห่งฮัตตูซาก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว”

เจ้าชายเมอร์ซิลิสและเจ้าชายซานนันซาประทับลงบนเก้าอี้ไม้มะเกลือมีพนักฝังด้วยภาพสลักจากงาช้าง ส่วนเธอได้รับม้านั่งที่ทำจากไม้ปิดทองเหมือนกับที่ประทับของเหล่าเจ้าหญิงแห่งไอยคุปต์พระขนิษฐาของพระนางอันเคเซนนาเมน ตั้งไว้เคียงข้างกับพระเก้าอี้ของเจ้าชายเมอร์ซิลิส

“ครบรอบวันพระราชสมภพเมื่อปีที่แล้ว ฟาโรห์ทรงส่งหินสีน้ำนมไปถวายพระบิดาของหม่อมฉัน ทรงพอพระทัยมากจึงฝากของกำนัลมาถวายพระองค์ด้วยเช่นกัน”

หินสีน้ำนมคือหินอลาสบาสเตอร์ เป็นหินที่ไม่มีในจักรวรรดิแห่งฮัตตูซาแต่ฟาโรห์ส่งไปถวาย มิน่าเธอจึงได้เห็นเชิงประทีปรูปดอกบัวที่ทำจากหินอลาสบาสเตอร์ในพระราชวังและในห้องบรรทมของเจ้าชายเมอร์ซิลิสทั้งที่ไม่เข้าใจว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เพราะอลาสบาสเตอร์เป็นหินสวยงามที่พบแค่ในอียิปต์โบราณเท่านั้นเอง

แล้วสิ่งของที่พระเจ้าซุปพิลูลิอูม่าที่หนึ่งทรงฝากมาถวายฟาโรห์ตุตันคาเมนเล่าจะเป็นสิ่งใด มันอยู่ในกล่องไม้ยาวสีดำที่ทหารชาวฮิตไทต์ที่ติดตามมาด้วยกันยื่นให้อัครมหาเสนาบดีเพนทูเปิดกล่องออกตรวจสอบก่อนจะนำไปให้ฟาโรห์ทรงทอดพระเนตร เรียกรอยแย้มสรวลกว้างขวางและพระเนตรวาวระยับ

“เป็นดาบที่สวยงามมาก”

“ทั้งงามและแข็งแกร่ง ใบดาบเป็นเหล็ก ทรงฝากมาถวายพร้อมทั้งกริชอีกห้า”

“เจ้าชายซานนันซา ฝากคำขอบพระทัยจากหม่อมฉันไปถวายพระบิดาของฝ่าบาทด้วย”

“หม่อมฉันจะกระทำตามนั้น”

บุรุษสองคนก้าวเข้ามาอย่างองอาจสง่างาม ฟาโรห์ตุตันคาเมนทรงเงยพระพักตร์จากดาบชาติฮิตไทต์ในพระหัตถ์ก่อนจะตรัสแนะนำ

“โฮเรมเฮป เมนเพห์เทีย นี่คือเจ้าชายแห่งฮัตตูซาสองพระองค์ เจ้าชายเมอร์ซิลิสและเจ้าชายซานนันซา ฝ่าบาททั้งสอง นี่คือแม่ทัพโฮเรมเฮป จอมพลแห่งเคเมต และแม่ทัพเมนเพห์เทีย จอมพลผู้ดูแลรักษาแผ่นดินล่างของหม่อมฉัน”

แม่ทัพทั้งสองก้มศีรษะทำความเคารพต่อเจ้าชายแห่งฮัตตูซาทั้งสองพระองค์เพียงเล็กน้อย ในขณะที่กวินตาตะลึงตาค้าง นะ..นี่มัน..

“แล้วเจ้าขึ้นมายังวาเซตด้วยเหตุใด เมนเพห์เทีย”

“โฮเรมเฮปส่งข่าวไปบอกหม่อมฉันได้พบฝูงสิงโตมาอาศัยอยู่ที่ทุ่งหญ้าทางใต้ของเมืองเนกเฮบ ซึ่งช่างประจวบเหมาะเสียจริงที่บุรุษที่ถูกเรียกว่าจ้าวแห่งสิงห์มาประทับอยู่ที่วาเซต จึงคิดว่าเป็นการดีที่พระองค์จะชักชวนให้เจ้าชายแห่งฮัตตูซาได้ออกล่าสิงโตด้วยกัน”

ล่าสิงโต!

ใจของกวินตาเต้นระทึก ราวกับลางสังหรณ์ร้องเตือนชัด นี่เองเหตุผลที่ทำให้ใจคอของเธอไม่ดีมาตั้งแต่ต้น!

“ฝ่าบาท!”

เจ้าชายเมอร์ซิลิสทรงยกพระหัตถ์ห้ามเธอไว้

ฟาโรห์ตุตันคาเมนตรัส “เมนเพห์เทีย เจ้าชายทั้งสองเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของข้า ข้าควรจะดูแลทั้งสองให้ดีที่สุด”

“ซึ่งก็ควรรวมถึงการพาออกไปล่าสิงโตด้วยพระเจ้าค่ะเพราะการล่าสัตว์เป็นกรีฑาอันนำมาซึ่งความบันเทิงเริงใจของเหล่าบุรุษผู้กล้าหาญ ข้าพระองค์อยากได้ยลฝีมือการล่าสิงโตของเจ้าชายแห่งฮัตตูซา อีกทั้งฟาโรห์ก็ควรที่จะออกล่าสิงโตเพื่อถวายเป็นเครื่องบัตรพลีแด่เทพอเมน-ราด้วยเช่นกัน”

พอลามเข้าพระสวามี พระนางอันเคเซนนาเมนที่ประทับเงียบมาตั้งแต่ต้นก็ตรัสขึ้นมา

“ไม่ได้นะเพคะ ฝ่าบาท”

“ไม่ได้อะไรหรือ เซนนาเมน”

พระนาม ‘เซนนาเมน’ คือพระนามที่ใช้เรียกพระนางอันเคเซนนาเมนสำหรับผู้ที่สนิทสนมซึ่งในยามนี้เหลือแต่เพียงฟาโรห์ตุตันคาเมนกับพระขนิษฐาทั้งสามพระองค์เท่านั้นที่เอ่ยเรียก

“หม่อมฉันไม่อนุญาตให้พระองค์เสด็จไปล่าสิงโตหรอกเพคะ ทรงทอดพระเนตรดูก็รู้ว่านี่เป็นแผนร้ายของผู้ไม่ประสงค์ดีชัดๆ”

“นี่ไม่ใช่แผนร้ายหรอกพระเจ้าค่ะ พระมเหสี” โฮเรมเฮปกล่าวขึ้นมา “แต่เพียงเป็นโอกาสที่ฟาโรห์จะได้แสดงความกล้าหาญ พระองค์จะต้องประกาศความเป็นชายชาตรีให้พสกนิกรได้รับรู้ว่าพระองค์ทรงแข็งแกร่งมากพอที่จะปกครองสองแผ่นดินได้..ไม่เหมือนกับฟาโรห์พระองค์ก่อน”

กวินตากลืนน้ำลาย โฮเรมเฮปคือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่นักอียิปต์วิทยาคาดเดาว่าอาจจะเป็นพระญาติกับฟาโรห์สเมนคาเร ฟาโรห์ที่ครองราชย์อยู่ช่วงระยะเวลาสั้นๆหลังจากฟาโรห์อัคเคนาเตนสวรรคต เจ้าชายสเมนคาเรที่กล่าวว่าเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามที่ฟาโรห์อัคเคนาเตนปลุกปั้นหวังจะให้เป็นรัชทายาท

หากฟาโรห์ตุตันคาเมนเป็นพระราชโอรสของฟาโรห์อัคเคนาเตนจริง คำพูดเช่นนั้นนับว่ารุนแรงเลยทีเดียว พระองค์จะทรงรู้สึกเช่นไรกับการถูกโฮเรมเฮปเปรียบเทียบกับชายหนุ่มที่นักประวัติศาสตร์สงสัยว่าอาจเป็นชู้รักของพระราชบิดา

“ก็ได้ ข้าจะไป!”

พระมเหสีหรืออีกหนึ่งคือพระเชษฐภคินีอ้าพระโอษฐ์ค้าง “เนบเคเปรูเร! เจ้า..”

“เงียบเถอะ! เซนนาเมน เจ้าเป็นเมียไม่ใช่แม่ของข้า!”

โฮเรมเฮปหัวเราะในคอเสียงต่ำเบา “อย่างนี้สิพระเจ้าค่ะจึงนับว่าเป็นผู้กล้าอย่างแท้จริง แล้วเจ้าชายแห่งฮัตตูซาเล่าพระเจ้าค่ะ หรือต้องทรงถามพระสนมตัวน้อยนางนั้นเสียก่อน”

เจ้าชายซานนันซาหันมาทางพระเชษฐา พระพักตร์กริ้วจัด พระขนงขึงขมวด เจ้าชายเมอร์ซิลิสทรงส่ายพระพักตร์ปรามพระอนุชาก่อนจะตอบรับคำเชิญของแม่ทัพโฮเรมเฮปด้วยพระสุรเสียงราบเรียบ

“ก็ได้ ข้าจะไป”








การพบปะปฏิสันถารในท้องพระโรงสิ้นสุดลง เจ้าชายเมอร์ซิลิสกับเจ้าชายซานนันซาได้รับเชิญให้ประทับในปริมณฑลแห่งเทพอเมนหรือพระราชวังเหนืออันเป็นสถานที่ตั้งของท้องพระโรงสำหรับฟาโรห์ออกว่าราชการ ลานหินกว้างสำหรับประชุมกองทัพและที่พักสำหรับต้อนรับอาคันตุกะต่างชาติในขณะที่พระราชวังใต้หรือปริมณฑลแห่งเทวีมัตเป็นสถานที่ส่วนพระองค์ เป็นที่ประทับของพระมเหสีและเหล่านางสนมของฟาโรห์

เจ้าชายซานนันซาประทับอีกห้องหนึ่ง ในขณะที่กวินตาใช้ห้องพักห้องเดียวกับเจ้าชายเมอร์ซิลิส ในอกของหญิงสาวจากยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยความกลุ้มกังวลที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ยิ่งเมื่อเจ้าชายเมอร์ซิลิสทรงแหงนพระพักตร์ทอดพระเนตรเสาหินยอดใบปาล์มที่เขียนภาพไว้ลายพร้อยทั้งต้นราวกับไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้นั้น เธอก็คล้ายจะพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

จะห้ามไม่ให้พระองค์ไปก็คงไม่ทันเสียแล้วเพราะหากมาเปลี่ยนพระทัยในยามนี้ แม่ทัพทั้งสองคนนั้นจะต้องเย้ยหยันว่าพระองค์เป็นคนขลาดแน่ๆ

ถึงกระนั้นถ้าเปลี่ยนพระทัยก็ดี เธอไม่อยากให้พระองค์ไปเลย ทรงทราบอยู่แก่พระทัยมิใช่หรือเพราะพระบิดาก็เตือนพระองค์

“ฝ่าบาท”

ทรงละสายพระเนตรจากรูปหล่อทองคำของเทวีไอซิสมาทอดพระเนตรเธอ กวินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมความกล้า

“พรุ่งนี้ ได้โปรดให้หม่อมฉันตามเสด็จด้วยนะเพคะ”

“การล่าสิงโตไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง เจ้าอยู่ที่นี่กับซานนันซาดีกว่า”

“แต่ฝ่าบาท..”

อาการอิดเอื้อนทำให้เจ้าชายเมอร์ซิลิสเสด็จเข้ามาหาเธอและทอดพระเนตรเธอด้วยพระเนตรสีฮาเซลอันงดงามที่ทำให้ใจของหญิงสาวหวั่นไหว

เธอคลับคล้ายได้มองเห็นดวงเนตรอันหวานฉ่ำแต่อันตรายอย่างลึกล้ำของเทวีอิชทาร์กระนั้น

“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรและข้าขอบใจที่เจ้าเป็นห่วงข้า วันนี้ ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าสถานการณ์ของที่นี่เลวร้ายกว่าที่ข้าคิด”

กวินตากลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ มันก็เลวร้ายกว่าที่เธอคิดเช่นกัน

“ทรงจำได้ไหมเพคะที่หม่อมฉันกราบทูล จะมีคนลอบสังหารฟาโรห์”

“จำได้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูงมาก เพราะท่าทีของโฮเรมเฮปกับเมนเพห์เทียไม่ได้เคารพหรือยำเกรงต่อฟาโรห์เลย เพราะฉะนั้นข้าจึงต้องตามไปเพราะถ้าหากฟาโรห์ตุตันคาเมนทรงเป็นอะไรไปแล้วหนึ่งในสองคนนั่นถือโอกาสยึดครองแผ่นดินนี้ ทั้งเจ้า ข้าและซานนันซาคงไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ทั้งที่ยังหายใจแน่ๆ” ทรงถอนพระทัยยาวก่อนจะตรัสต่อ “แต่ถ้าหากข้าตายไปแล้วฟาโรห์ยังอยู่ ซานนันซาจะเป็นคนพาเจ้ากลับไปยังฮัตตูซาเอง”

เธออ้าปากค้าง “ไม่นะเพคะ! ฝะ..ฝ่าบาท หม่อมฉันจะกลับไปยังฮัตตูซาโดยไม่มีฝ่าบาทได้อย่างไร!”

“ได้สิ หากไม่มีข้า ซานนันซาจะดูแลเจ้าได้”

ที่ตรัสหมายความว่าอย่างไร หากพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ไป เจ้าชายซานนันซาจะรับเธอเป็นนางสนมอย่างนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก! หญิงสาวจากยุคปัจจุบันส่ายหน้าจนผมกระจาย

“ไม่ ฝ่าบาทไม่สิ้นพระชนม์หรอกเพคะ! พระองค์จะต้องเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮิตไทต์!”

เจ้าชายเมอร์ซิลิสสรวล อ้อมพระกรโอบหญิงสาวมาแนบชิดพระวรกาย

“กวินตา เหตุใดเจ้าถึงชอบพูดจาทำนองนี้อยู่เรื่อยทั้งที่เจ้าก็รู้ว่าสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น มันจะกลายเป็นความจริงไม่ได้ ความจริงจะมีแค่ในปัจจุบันกับในอดีตเท่านั้น”

ก็..อนาคตของพระองค์มันคืออดีตของเธอแล้วนี่นา

“แต่ก็ขอบใจเจ้ามาก” ทรงหอมแก้มเธอเป็นการ ‘ขอบใจ’ “ที่พูดว่าข้าจะเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด”

เหตุใดจึงตรัสเช่นนั้น “ฝ่าบาท..ไม่มั่นพระทัยหรือเพคะ”

“เปล่า ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลยต่างหาก สิ่งที่ข้าคิดคือถ้าหากข้าได้มีโอกาสได้ครองราชย์ หน้าที่ของข้าคือรักษาสิ่งที่เสด็จปู่ เสด็จพ่อและเสด็จอาทุ่มเทชีวิตสร้างมันมาให้ได้”

“จักรวรรดิหรือเพคะ”

“พูดให้ถูกคือสันติภาพ”

หา! กวินตาเบิกตากว้าง นี่คนโบราณคิดกันจริงๆหรือว่าการสร้างจักรวรรดิคือการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นบนโลก! เพราะสำหรับคนในยุคปัจจุบัน นี่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าไม่มีจักรวรรดิใดที่สามารถคงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์

“ฝ่าบาท สันติภาพไม่ได้สร้างขึ้นจากอำนาจหรือสงครามนะเพคะ!”

ทรงพิจารณาเธอแน่นิ่ง จนกวินตากลัวว่าพระองค์จะกริ้ว

“คือหม่อมฉันหมายความว่าไม่มีจักรวรรดิใดคงอยู่ได้ตลอดไป อย่าง..อย่าง..” โธ่เอ๊ย..จักรวรรดิก่อนหน้าจักรวรรดิฮิตไทต์ก็แทบไม่มี “เอ่อ..จักรวรรดิอัคคัด!”

“ไม่เลวนี่ เจ้ารู้จักจักรวรรดิอัคคัดของพระเจ้าซาร์กอนด้วย”

“ฝ่าบาท..”

“ข้าเข้าใจ ข้าเพียงแต่แปลกใจที่ผู้หญิงสามัญชนอย่างเจ้าพูดอย่างนี้ออกมาได้”

“เพราะหม่อมฉันเป็นสามัญชนนะสิเพคะถึงได้พูดอย่างนี้ เพราะเมื่อชนชั้นปกครองทำสงครามกัน คนที่เดือดร้อนที่สุดคือสามัญชน!”

เพราะท่าทางของกวินตาช่างเหมือนเจ้าลูกไก่ที่ตั้งท่าจะจิกพญาอินทรีไม่มีผิด เจ้าชายเมอร์ซิลิสจึงสรวลลั่น ทำเอาหญิงสาวหน้าง้ำ

“สรวลราวกับไม่เคยเห็นเวลาสิงโตมันกัดกัน ถึงแม้สิงโตจะบาดเจ็บแต่พวกหญ้าที่อยู่ใต้เท้าของพวกมันก็ล้มระเนระนาด”

“ถึงเจ้าจะไม่ยกตัวอย่าง ข้าก็เข้าใจว่าเจ้าจะพูดอะไร แต่ข้าก็รู้ว่าด้วยสภาพของโลกที่เป็นอยู่ในตอนนี้และด้วยสติปัญญากับความสามารถที่มีอยู่ในขณะนี้ของข้า ข้ายอมรับว่าข้าคงไม่สามารถเอื้อมถึงสันติภาพที่แท้จริงและมั่นคงอย่างที่เจ้าพูดถึงได้แน่ ในยามนี้ข้าทำได้แค่สร้างสันติภาพจอมปลอมที่เป็นเพียงช่องว่างที่คั่นกลางระหว่างสงครามหนึ่งกับอีกสงครามหนึ่งแล้วทำได้แค่พยายามยื้อช่วงเวลาของช่องว่างนั้นให้นานที่สุด มันคือเหตุผลที่ข้าตั้งใจว่าเมื่อข้าเป็นกษัตริย์ ข้าจะต้องรักษาจักรวรรดิของเสด็จพ่อเอาไว้ให้ได้ ข้าจะพยายามรักษามันไว้เพื่อส่งผ่านเจตนาและภาระนี้ไปสู่มือของน้องชายข้าเพื่อให้พวกเขาแสวงหาหนทางที่ดีกว่านี้ต่อไป”

คนฟังน้ำตาตก กลืนก้อนสะอื้นลงคอ เธอจะพูดออกไปได้อย่างไรว่าในอนาคตข้างหน้า อีกแค่ไม่กี่ปี พระองค์จะไม่มีพระอนุชาเหลืออยู่อีกแล้ว จะไม่มี ‘มือของน้องชาย’ ที่จะสืบสานเจตนารมณ์ของพระองค์ จะไม่มีทั้งเจ้าชายซานนันซาและเจ้าชายซารีกูซูห์ที่จะอยู่เคียงคู่กับพระองค์อีกต่อไป

“แล้วกัน อยู่ดีๆ เจ้าก็ร้องไห้ กวินตา ข้าพูดอะไรผิดหรือเจ้าโกรธที่ข้าหัวเราะเจ้า”

เจ้าของน้ำตาส่ายหน้า พยายามกราบทูล

“หม่อมฉันแค่..รู้สึกไม่ดี หม่อมฉันเคยเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ว่าฮัตตูซาแทบไม่เคยว่างเว้นต่อสงครามจนกระทั่งสันติภาพกลายเป็นความหวังลมๆแล้งๆของผู้คน หม่อมฉันแค่..”

“เจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่”

หากเป็นกาลก่อน เธอคงรีบพยักหน้ารับ แต่ในยามนี้หญิงสาวกลับไม่แน่ใจ เธอยังคงอยากกลับไปยังศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเหมือนเดิม แต่เธอจะปล่อยให้เจ้าชายเมอร์ซิลิสอยู่ตามลำพังในโลกที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายอย่างนี้ได้อย่างไร ที่สำคัญ ทำไมเธอถึงรู้สึกอย่างนี้ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าพระองค์คือผู้ชายที่มีชีวิตอยู่ในยุคโบราณ ที่นี่คือ ‘เวลา’ ของพระองค์ คือบ้านของพระองค์ ในขณะที่ยุคสมัยนี้..ไม่ใช่ ‘เวลา’ ของเธอเลย

กวินตาส่ายหน้าอีกครั้ง

“มะ..ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉัน..แค่กลัว คนที่มีความคิดอย่างพระองค์จะอยู่ในโลกที่โหดร้ายใบนี้อย่างมีความสุขได้อย่างไร”

“เจ้าก็อยู่กับข้าสิ”

“แต่..หม่อมฉัน..”

นัยน์ตาของนางชุ่มชื้นวาววับเหมือนน้ำตาจะหยดยามเงยหน้ามองพระองค์ กลีบปากสีชมพูอ่อนสั่นระริกหาคำพูดไม่ได้เพราะความลังเลใจคลับคล้ายจะตอบว่าได้ไม่ลง จะตอบว่าไม่ก็ไม่ได้ อาการของสตรีเช่นนี้ไม่มีความหมายเป็นอื่น

“ดูเหมือนว่า..เจ้าคงมีใจให้ข้าบ้างแล้วสินะ”

กวินตาอ้าปากค้าง หน้าแดงฉาน ผละหนีห่าง ในยามนั้นเจ้าชายเมอร์ซิลิสทรงยอมให้พระองค์เข้าใกล้ความพ่ายแพ้ต่อเทวีอิชทาร์ด้วยการดึงนางกลับมาสู่อ้อมพระพาหา ก่อนจะโน้มพระพักตร์ลงทาบริมพระโอษฐ์ลงบนกลีบปากสีชมพูอ่อน จุมพิตนางอย่างดื่มด่ำก่อนจะช้อนร่างแบบบางเบาหวิวไปวางบนเตียงจตุบาทขาสิงห์ที่อยู่ไม่ห่างไกล พระวรกายตามลงทาบทับ เจ้าร่างบางร้องเสียงหลง

“ไม่เพคะ..ฝ่า..ฝ่าบาท!”

“อย่าดิ้น หากเจ้าไม่ขัดขืน ข้าจะทำเพียงแค่กอดและจูบเจ้า ไม่ทำอะไรมากกว่านั้น”

“แต่...”

“แต่อย่างนั้นหรือ เจ้าพูดคำว่าแต่กับไม่ออกมาทั้งที่เจ้าทำให้ใจของข้าปรารถนาเจ้า เจ้าคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วข้าจะมีความอดทนมากพอที่จะสัมผัสเจ้าด้วยสายตาเพียงอย่างเดียวอย่างนั้นหรือ เสียดายที่ข้ายังเป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อและหัวใจ หากเจ้าไม่ยอมให้ข้าได้กอดและจูบเจ้าบ้าง สักวันเมื่อความอดทนของข้าพังทลายลงและเจ้ายังคงเป็นนางสนมของข้า ข้าต้องทำกับเจ้ามากกว่านี้แน่!”

กลิ่นหอมและไอร้อนจากพระวรกายของเจ้าชายแห่งฮัตตูซาทำให้กวินตาเผลอกลั้นหายใจ หัวใจในอกแทบหยุดเต้นเมื่อพระโอษฐ์อุ่นเกือบร้อนแตะลงมาบนริมฝีปากอย่างนุ่มนวล ได้ยินพระสุรเสียงสรวลทุ้มต่ำแผ่วเบา

“จูบกับข้า มันไม่ได้เลวร้ายหรือทำให้เจ้าบาดเจ็บบุบสลายเลย แต่หากเจ้าเขินอายก็หลับตาลง ข้าสัญญาว่าจะจูบเจ้า..เบาๆ”

แค่ลมร้อนๆจากพระนาสิกและพระสุรเสียงแหบต่ำที่ตรัสก็ทำเอาเลือดวิ่งพล่านไปทั้งตัว แต่เมื่อพระโอษฐ์ของเจ้าชายแห่งฮัตตูซาทาบลงมา กวินตากลับรู้สึกเหมือนแสงสว่างทั้งปวงดับวูบ ร่างปลิวตกดิ่งลงไปในหุบเหวอันมืดมิด หญิงสาวหลับตา มือเล็กกำผ้าลินินเนื้อดีที่ถูกตัดเป็นพัตราภรณ์ของเจ้าชายเมอร์ซิลิสแน่น หากเป็นกาลก่อนเธอคงจะดิ้นรนสุดแรงในตอนนี้ แต่เมื่อไม่ได้ดิ้นรนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เมื่อผ่านพ้นความตื่นตระหนกนี้ไปได้ เธอกลับรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในหลุมอากาศที่ตกลงไป ล่องลอยอย่างเบาหวิวอยู่ในความอบอุ่นจนเธอหลงลืมความฉุนโกรธครั้งแรกที่พระองค์ทรงล่วงเกินเธอเสียสนิท สิ่งใดคือความโกรธที่ทำให้เธอกล้าตบพระพักตร์เจ้าชายรัชทายาทแห่งฮัตตูซาทั้งที่รู้ว่าอาจจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต แม้กระทั่งจะนึกถึงตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกเสียด้วยซ้ำ

จากริมฝีปาก หญิงสาวร้อนผ่าวไปทั้งเนื้อทั้งตัว ในหัวหมุนคว้าง

“ฝ่าบาท..” เธอพูดได้เพียงแค่นั้น ริมฝีปากก็ถูกปิดอีกครั้ง เป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าจนหลงลืมว่าเริ่มต้นอย่างไรและสิ้นสุดอย่างไร จนกระทั่งร่างแบบบางเป็นฝ่ายโอบกอดและเริ่มจุมพิตตอบอย่างนุ่มนวลพอกัน





ประตูเปิดออก กวินตาที่กำลังเหม่อถือถ้วยนมถึงกับสะดุ้งโหยง เนื่องจากในยามนี้ เมื่อเธอกินดื่มอะไรก็พาลให้คิดถึงเรื่องที่เจ้าชายเมอร์ซิลิสจูบจนเนื้อตัวร้อนผ่าวไปหมด หากพระองค์ไม่รักษาสัญญาอย่างที่ตรัสไว้ว่าจะไม่ล่วงเกินเธอมากกว่านั้น เธอเป็นได้ต้องทำผิดต่อพ่อแม่กับพี่ชายที่สั่งสอนเอาไว้ว่าอย่าทอดกายให้ผู้ชายคนใดก่อนจะแต่งงานกับเขา

เจ้าชายซานนันซาเสด็จนำทหารรับใช้เข้ามา และเพียงพระเนตรสีเดียวกับเจ้าชายเมอร์ซิลิสแลมาสบตาเธอ โอ..เทวีอิชทาร์! เธออยากเอาหน้ามุดลงไปในถ้วยนม!

“เสด็จพี่อยู่ไหน กวินตา”

“สะ..สรงน้ำ หละ..หลังมะ..ม่านพะ..เพคะ”

“แล้วเจ้าเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”

หญิงสาวส่ายหน้า จะให้เธอกราบทูลได้อย่างไร เพราะตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ไม่อาจมองพระพักตร์เจ้าชายเมอร์ซิลิสแล้วด้วยซ้ำ พระพักตร์ที่พอมีเค้าคล้ายคลึงกันของเจ้าชายซานนันซาผู้เป็นพระอนุชาก็ไม่วายโดนหางเลขเข้าไปด้วย

เจ้าชายเมอร์ซิลิสเสด็จออกมาพร้อมหยดน้ำที่เกาะพราวไปทั้งพระวรกาย เมื่อประทับลงบนตั่งไม้ ทหารรับใช้ก็ปลดฉลองพระองค์คลุมออกโดยใช้ผ้าผืนใหญ่คลุมพระวรกายช่วงล่างเอาไว้ก่อนจะใช้ผ้าซับน้ำออกจากพระฉวีขาวผ่องและพระเกศาสีน้ำตาล จากนั้นก็เริ่มบิดขมวดพระเกศาอันยาวสลวย ขดทับกันให้เท่ากันก่อนจะหยิบกริชอันเล็กสอดซ่อนแล้วมัดรัดด้วยเชือกหนัง เป็นทรงผมในแบบที่เธอเคยเห็นในภาพจำหลักศิลา ทรงผมของทหารชาวฮัตตูซา

มีเรื่องที่เครียดเคร่งมากกว่าอาการผิดปกติของเธอ เจ้าชายซานนันซาจึงเสด็จไปหาเจ้าชายเมอร์ซิลิสซึ่งตรัสก่อนว่า

“พูดภาษาเนซิลิ ซานนันซา ข้าไม่อยากให้นางได้ยิน”

กวินตาชะงัก แววตาเหมือนเด็กถูกทิ้งเมื่อเจ้าชายเมอร์ซิลิสตรัสภาษาเนซิลิ เจ้าชายซานนันซาหันมาทอดพระเนตรเธอด้วยสายพระเนตรเข้าพระทัยก่อนจะหันกลับไปตรัสกับพระเชษฐาด้วยภาษาที่ทรงต้องการ

“น้องจะฝากนางไว้กับลูพัสคิสแล้วขอติดตามเสด็จพี่ไป”

“ไม่ ถ้าเจ้าห่วงข้า ให้ลูพัสคิสลอบติดตามไป

“ไม่ได้พระเจ้าค่ะ การที่แม่ทัพของจักรวรรดิใต้ปิดกั้นไม่ให้ทรงนำทหารติดตามไปนับว่าอันตรายมากพระเจ้าค่ะ กองทัพของที่นี่ก็ไว้วางใจไม่ได้เพราะที่นำไปก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นคนของใคร”

“เพราะอันตรายมาก ข้าถึงให้เจ้าอยู่ที่นี่และรักษากำลังทหารส่วนใหญ่เอาไว้ หากข้าเป็นอะไรไปแล้วฟาโรห์ไม่รอด ภาระอยู่ที่เจ้า นำนางออกจากจักรวรรดิใต้ให้ได้”

“เสด็จพี่..”

“คมศรของข้าแทงจุดตายของศัตรูตลอด แล้วเหตุใดคำสั่งข้าจึงไม่ศักดิ์สิทธิ์”

เจ้าชายซานนันซาถอนพระทัยก่อนจะโน้มพระเศียรลงอย่างจำยอม

“ทุกอย่างจะเป็นไปตามพระบัญชาพระเจ้าค่ะ เสด็จพี่”

กวินตาไม่เคยเห็นการแต่งกายแบบชายชาตินักรบของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงของอาณาจักรฮิตไทต์ เพราะหลักฐานที่เหลืออยู่ก็แสดงภาพของทหารชั้นล่างเท่านั้น มาอยู่ตรงนี้ในฐานะนักศึกษาประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นบุญตาเมื่อได้เห็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งฮัตตูซาทรงสวมฉลองพระองค์ตัวยาวสีขาว รัดบั้นพระองค์ด้วยหนังสีดำแผ่นใหญ่ คาดทับด้วยเข็มขัดหนังอีกชั้น สอดกริชเล่มหนึ่งไว้ตรงนั้น ก่อนจะทรงสวมเกราะสำริดสีทองไว้เป็นชั้นนอกสุด สวมกำไลนักรบสีทองที่หุ้มจากข้อพระหัตถ์เกือบถึงพระกโบร และสวมหมวกโลหะประดับเขาสัตว์ยาวโค้งกับพู่สีแดงยาวเหมือนที่เธอเคยเห็นภาพวาดของเจ้าชายเฮกเตอร์แห่งกรุงทรอย

ดวงพระเนตรสีฮาเซลทอดมองเธอ กวินตาหน้าหมองเพราะถึงจะขอร้องอย่างไร เจ้าชายเมอร์ซิลิสก็คงไม่ให้เธอตามเสด็จ

“แล้วข้าจะกลับมา”

ตรัสกับเธอแค่นั้นก่อนจะเสด็จออกไป กวินตาทิ้งอาหารเช้าของตัวเองวิ่งออกไปยืนเกาะเสากลมยอดใบปาล์มพลางมองดูขบวนทัพรถศึกของฟาโรห์ตุตันคาเมนที่นำเจ้าชายเมอร์ซิลิสไปจากเธอจนลับตาก่อนจะซบหน้าลงกับอกของเทพเจ้าโฮรัสบนเสาหินต้นนั้นอย่างคนสิ้นไร้หนทาง

ทำอย่างไรดี..ทำอย่างไรดี..

“เจ้าไม่ต้องห่วงเสด็จพี่มากไปหรอก กวินตา พระเชษฐาของข้าทรงเก่งกล้าสามารถและทรงเชี่ยวชาญในการล่าสิงโตยิ่งนัก”

“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ..แต่..”

จะอธิบายให้เจ้าชายซานนันซาเข้าพระทัยได้อย่างไรว่าเธอใจคอไม่ดี รู้สึกราวกับจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นแม่ทัพโฮเรมเฮปกับแม่ทัพเมนเพห์เทียลอบพบปะพูดคุยกันนอกสายพระเนตรของฟาโรห์ตุตันคาเมน

“เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปพบกับแม่ทัพลูพัสคิส ข้าจะสั่งให้เขาลอบติดตามไปอารักขาเสด็จพี่”

กวินตารีบพยักหน้ารับ “เพคะ รีบเสด็จเถิดเพคะ”

เจ้าชายซานนันซาเสด็จไปแล้วแต่หญิงสาวจากยุคปัจจุบันก็ยังกระวนกระวายจนไม่อาจอยู่นิ่งจนกระทั่งได้เห็นว่ามีสตรีอีกหนึ่งที่กำลังอยู่ในภาวะใกล้จะคลุ้มคลั่งด้วยความห่วงใยบุรุษที่อยู่ในคณะล่าสิงโตด้วยเช่นกัน

พระนางอันเคเซนนาเมน...

“ฟาโรห์เสด็จออกไปนานแล้วหรือยัง!”

“ใกล้จะชั่วยามแล้วเพคะ”

“ดี สั่งกองทหารองครักษ์ให้ติดตามข้ามา ไปทางเรือ!”

กวินตาแอบอยู่หลังเสา เธอเห็นเรือใหญ่ที่สร้างจากไม้ขนาดใช้ฝีพายสามสิบคนมาเทียบท่า เห็นพระนางอันเคเซนนาเมนเสด็จขึ้นไป ตามด้วยนางกำนัลที่เชิญธนูคู่พระหัตถ์และกระบอกไม้บรรจุลูกศร มีสตรีที่คลุมผ้าปกปิดตั้งแต่หัวจรดเท้าสิบคนเป็นผู้ติดตาม พวกนางเหล่านั้นกำลังวิ่งตรงไปยังเรืออย่างรวดเร็ว หญิงสาวไม่รอช้า แท้จริงสมองยังไม่ทันได้สั่งการเลยด้วยซ้ำเมื่อเธอถลาไปคว้าผ้าผืนใหญ่คลุมตัวก่อนจะรีบวิ่งสุดฝีเท้าไปให้ทันกลุ่มนางกำนัลเหล่านั้นและได้วิ่งขึ้นเรือพระที่นั่งเป็นคนสุดท้ายก่อนที่เหล่าทาสชายบนฝั่งท่าจะดึงสะพานลง





สร้อยดอกหมาก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2555, 21:07:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 21:07:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 3134





<< ภาคผนวก 2 Ten years annals : year 1-8   ตอนที่ 24 >>
goldensun 31 ก.ค. 2555, 22:15:39 น.
ลุ้นจัง จะเกิดอะไรขึ้นกับเมอร์ซิลิสและตุตันคาเมนรึเปล่า
กวินตาเริ่มใจอ่อนกับเมอร์ซิลิสแล้ว ยังหวานไม่เท่าไหร่ จะบู๊อีกแล้ว


คิมหันตุ์ 31 ก.ค. 2555, 22:38:39 น.
นั่นสิคะ...หวานไม่เท่าไร บู้อีกแล้ว ลุ้นจัง จะเกิดอะไรขึ้นอีก?


Chii 31 ก.ค. 2555, 22:47:51 น.
แฮ่มม
พระนางอันเคเซนนาเมน..เธอเป็นห่วงใครหรอคะ ..คล้าย ๆ ไม่ได้ห่วงองค์ฟาโรห์?


หมูอ้วน 31 ก.ค. 2555, 23:15:05 น.
ลุ้นตามค่าาา


แก้วแสงจันทร์ 31 ก.ค. 2555, 23:57:39 น.
อ๊ายยยยยยยยย!!! กำลังสนุกมากมาย ลุ้นๆๆ ค่ะ


อนัตตา 1 ส.ค. 2555, 00:52:20 น.
จะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลุ้นจังเลย ><


konhin 1 ส.ค. 2555, 01:31:26 น.
ลุ้นๆๆ


แว่นใส 1 ส.ค. 2555, 07:26:00 น.
ลุ้นมากเลย


แว่นใส 1 ส.ค. 2555, 07:26:10 น.
ลุ้นมากเลย


แว่นใส 1 ส.ค. 2555, 07:26:21 น.
ลุ้นมากเลย


ameerahTaec 1 ส.ค. 2555, 10:48:21 น.
แอบลุ้น นางเอกหาทางไปจนได้


daffodil120 1 ส.ค. 2555, 13:44:55 น.
มาแบบยาวๆ. ยอดไปเลยค่ะ


Zephyr 1 ส.ค. 2555, 18:06:22 น.
โอ๊ะ เข้มข้น เหล่าบุรุษทั้งหลายจะรู้มั้ยว่าเวลาที่ท่านวัดศักดิ์ศรีกัน
ทำให้คนที่อยู่ข้างหลังอย่างคนรัก ต้องกระวนกระวาย
เจ้าชายกะฟาโรห์จะเป็นไรมั้ยนะ
แต่กีวี่เอ๊ะ นี่มัน...กะหน้าของแม่ทัพคนไหน แล้วนี่มัน...อะไรเหรอคะ อยากรู้น่ะ


Polebear 1 ส.ค. 2555, 19:36:28 น.
แงๆ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
กวินตาเริ่มมีใจให้เจ้าชายแล้ว กรี๊ดดดด
อิจฉาค่า


Polebear 1 ส.ค. 2555, 19:37:14 น.
อยากอ่านตอนต่อไปๆ คู่นี้น่ารักจังเลยค่า


Setia 2 ส.ค. 2555, 00:36:28 น.
เจ้าชายจูบกีวี่แว้วววววว >///////< เขินจังเลยยยย
ขนาดโดนห้าม ยังอุตส่าห์หาทางไปได้เนอะ


ทราย 6 ส.ค. 2555, 19:29:37 น.
ไม่เม้นไม่ได้แล้ว คุณสร้อยเขียนบทเข้าพระเข้านางได้น่ารักมากจริงๆค่ะ อ่านไปเขินไป อ๊ายยย


ณิณ 12 ส.ค. 2555, 21:10:22 น.
โหยย ลุ้นมาก ฉากหวานก้หวานซ้าาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account