เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๔ ดวลกันนัดแรก ๒/๒

บรรยากาศในห้องอาหารบ้านนลัศกลายเป็นสีหม่นทันทีเมื่อเจ้าของบ้านวางหูโทรศัพท์ สีหน้าสีตาบอกแววเอือมระอา เหนื่อยหน่ายกับเรื่องที่ได้รับรู้จากคนปลายสาย

“รายที่สี่แล้ว..พวกวัยรุ่นแท้งมาเนี่ย”
นลัศหันมาบอกเพทายเสียงลอดไรฟัน

“เหนื่อยแย่เลยวันนี้ เห็นว่ามีเคสรอผ่าคลอดอีกสามเคสนี่นัท”
เพื่อนสาวเอ่ยด้วยความเห็นใจ นลัศพยักหน้าเนือยๆ
“โทดทีนะเพ วันนี้เราอุตส่าห์นัดตีแบดกันดิบดี นัทก็ต้องมาอยู่เวรกะทันหันเสียอีก”

เพทายรวบช้อนส้อม แล้วยกแก้วบรรจุน้ำเปล่าขึ้นดื่มรวดเดียว

ถามว่ารู้สึกผิดหวังไหม..เสียดายไหม หล่อนคงต้องตอบตามตรงว่าผิดหวังและเสียดายพอสมควร ที่อุตส่าห์เตรียมไม้แบดคู่ใจ หอบข้าวของพะรุงพะรังมาตามนัดแต่เช้า เพื่อพบว่านลัศมีเพื่อนสูติแพทย์โทรมาขอแลกเวรกะทันหัน เนื่องด้วยเหตุสุดวิสัย ลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถกระบะ ต้องเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส นลัศอยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ลง เพราะมนุษยธรรมในใจยังมีอยู่มาก วันนี้ควรเป็นวันสบายๆที่เขาจะได้ตีแบด ทานอาหารปิ๊กนิ๊กกับเพื่อนสนิท ภรรยา และน้องสาว ชายหนุ่มชอบกีฬาแบดมินตันมาก ทีแรกชวนภรรยามาเล่นด้วยกัน แต่ปรียดาเป็นคนไม่ชอบกีฬาเกือบทุกชนิด หล่อนจึงเสนอให้ชวนเพทายมาเล่นคู่เขาแทน

“ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าซีเรียสเลย เราค่อยนัดกันใหม่วันหลังก็ได้”

เพทายยิ้มปลอบเพื่อนซี้ นลัศเป็นคนเครียดง่ายกับเรื่องเล็กน้อย เขาใส่ใจความรู้สึกคนอื่นพอๆกับความรู้สึกตัวเอง หล่อนจึงต้องรีบทำหน้าให้ดูสดชื่น พร้อมกับส่งเสียงสดใส เพื่อให้เขาสบายใจ

“นัทจะรีบโทรบอกเพเลยล่ะ ถ้าว่างอีกเมื่อไหร่”
เขาพยายามฝืนยิ้ม ทั้งที่ในใจยังตึงเครียด เพทายสัมผัสได้จากแววตาปราศจากรอยยิ้มของเขา
“วันนี้มีเคสแท้งเยอะเหรอนัท”

“ก็ใช่น่ะซี..ความจริงนัทจะเหนื่อยน้อยกว่านี้ ถ้าน้องอินเทิร์นที่มาเพิ่มพูนทักษะไม่ลาหยุดไปอีกคน ปกติหน้าที่ขูดมดลูก พวกคนไข้ตกเลือด..แท้งไม่ครบ ต้องเป็นของเขา นอกจากจะขูดแล้วมีปัญหานัทถึงไปช่วยดูให้”

“สู้ๆนะนัท อีกไม่นานก็เช้าแล้ว นัทอยู่เวรอีกทีสัปดาห์หน้าเลยนี่”
เพทายเอื้อมมือไปตบบ่าให้กำลังใจ นลัศสั่นศีรษะเซ็งๆ

“เช้าอะไรเพ อีกตั้งสิบกว่าชั่วโมง มีเคสรอขูดมดลูกอยู่สี่ราย รอผ่าคลอด แล้วที่นอนสังเกตอาการว่าจะคลอดก่อนกำหนดรึเปล่า อีกหกราย..”
เพทายห่อปาก แค่นึกภาพตามก็เหนื่อยแทนเพื่อนสนิท

“แล้วที่น่าโมโหกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม..พวกเด็กวัยรุ่นที่แท้งกันมาไม่เว้นแต่ละวันน่ะ ส่วนใหญ่ไม่ได้แท้งเองหรอก ถ้าไม่เหน็บยา ก็กินยาขับเลือดกันมาทั้งนั้น”

นลัศพ่นลมหายใจยายเหยียด
เพทายอุทานเสียงดัง

“ฮ้า!..ขนาดนั้นเลยหรือ แย่จริงเด็กสิ้นคิดพวกนี้ ทำตัวเป็นภาระสังคมแท้ๆ”
“จะโทษเด็กเสียทีเดียวก็ไม่ได้หรอกนะเพ ต้องโทษพวกคลินิกทำแท้งเถื่อนด้วย เลวมาก เห็นแก่ตัวสุดๆ”
นลัศบอกเสียงเข่นเขี้ยว

“คลินิกทำแท้งเถื่อน?”
เพทายถามย้ำ หล่อนลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย

“นัทเพิ่งได้ข้อมูลจากเด็กคนนึงที่แท้งมาเมื่อวันก่อน..ซักอยู่นานเหมือนกัน กว่าจะยอมรับว่าไปเหน็บยาที่คลินิกไอ้ศรันย์ อยู่ในซอยใกล้โรงพยาบาลเรานี่แหละ..”

“คลินิกศรันย์ที่เปิดรับฝากครรภ์ เจ้าของขับเบนซ์หรูๆนั่นน่ะหรือ โอ้โห..ไม่น่าเชื่อ”
เพทายอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง

“นั่นแหละเพ ที่เห็นรวยๆ เปลี่ยนรถเดือนละคันน่ะ ที่แท้ก็ได้เงินมาจากกองเลือด ผู้หญิงพวกนั้น”
นลัศยิ่งพูดก็ยิ่งของขึ้น เขากำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ

“ที่ร้ายกว่านั้นนะเพ..มันบอกคนไข้ว่าไงรู้ไหม...”
เพทายพยักหน้ารอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

“มันบอกว่า..เหน็บยาเสร็จถ้าเลือดออกเมื่อไหร่ ให้ไปโรงพยาบาล ให้หมอขูดมดลูกต่อ”
คราวนี้เป็นหญิงสาวที่เดือดปุดๆแทนเพื่อนสนิท หล่อนลุกขึ้นยืนตบโต๊ะดังปัง จนสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังรอจังหวะจะเข้ามาตรงหน้าประตูสะดุ้งโหยง

“ไอ้เวรเอ๊ย!..ทำบาปคนเดียวไม่พอ นี่ยังให้นัทมาร่วมสืบทอดกระบวนการบาปกับมันโดยไม่รู้ตัว”
“ตอนนี้รู้ตัวแล้วเพ..”
นลัศรีบแก้

“เออ..นั่นแหละ ก็ถ้าไม่คาดคั้นจากคนไข้ นัทจะรู้หรือ..แล้วนี่ทำไมตำรวจยังปล่อยมันลอยนวล สุขสบายบนความเดือดร้อนของคนอื่นได้ลงคอ”

“ก็ตำรวจมันโง่น่ะซีเพ..จับไม่ได้ไล่ไม่ทันไอ้ศรันย์มันหรอก สร้างภาพเก่งจะตายไป”
นลัศถอนหายใจเมื่อนึกถึงข้อนี้

เพทายรีบเสนอ

“เราก็ต้องหาทางทำให้ตำรวจเค้าฉลาดขึ้นมาหน่อยซี..แค่หาพยาน หาหลักฐานเจ๋งๆ ก็มัดตัวดิ้นไม่หลุดแล้ว”

“จะหายังไงล่ะเพ..นัทเป็นหมอนะ ไม่ใช่นักสืบหรือพวกซีเอสไอ”
เพทายส่ายหน้า ยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตามีประกายกร้าว

“ใครเค้าให้นายหาล่ะนัท ฉันเอง..ฉันนี่แหละ จะกระชากหน้ากากไอ้คนลวงโลกพรรค์นั้น”

“พูดเป็นเล่นน่า..ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเพจะทำอะไรมันได้”
นลัศเอ่ยกลั้วหัวเราะ มองเพื่อนสาวอย่างปราศจากความเชื่อถือ
แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อจู่ๆเจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นยืนตบโต๊ะเสียงดังกว่าเดิม หลังจากที่นั่งลงไปแล้วเมื่อครู่

“อย่าดูถูกกันนะนัท..พรุ่งนี้ฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าฉันทำได้ โอเคไหม?”
นลัศทำหน้าแหยๆ เอ่ยถามเสียงอ่อน

“เธอจะทำยังไงเพ..นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ”
หญิงสาวยิ้มเครียด

“ฉันจะปลอมตัวเป็นคนท้อง เข้าไปหามันที่คลินิก แล้วอัดเทปส่งตำรวจ!”
นลัศอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน เขากำลังจะท้วงเพื่อนสาว ก็พอดีสาวใช้วัยแรกดรุณเคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตเสียก่อน

“มีแขกมาหาคุณค่ะ..หนูให้นั่งรออยู่ในห้องรับรอง”
“ใคร?”

นลัศถอนสายตาจากเพื่อนสาว ทั้งที่ยังอึดอัดใจ
“คุณศิระค่ะ..แล้วก็เอ่อ..เพื่อนของเขา เห็นบอกว่าชื่อ คุณชัดเจน”
บทสนทนาเมื่อครู่จึงถูกพักยกไว้ชั่วคราว

เพทายหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อคนในท้ายประโยค ส่วนนลัศพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก


ศิระนั่งรออยู่แล้วบนโซฟาตัวยาว เมื่อเห็นเจ้าของบ้านเดินเข้ามา เขาก็รีบลุกยืนยิ้มกว้างเห็นฟันขาวตัดกับริมฝีปากแดงเรื่ออย่างผู้ชายสุขภาพดี

“นึกยังไงวะเต้ ถึงมาหาฉันได้..แกหายไปนานเลยนี่หว่า”
นลัศถามเป็นเชิงทักด้วยความยินดี มากกว่าจะต้องการคำตอบ

“สบายดีไหม..ชีวิตคู่เป็นไงบ้าง หน้าตาอิ่มเอิบเชียว”
ศิระถามเท่าที่จะนึกได้ ว่าควรพูดอะไรที่ไม่ทำให้ตัวเองดูเก้อ

“สบายดี..ชีวิตรักก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ อิจฉาฉันล่ะซีถึงได้ถาม”
เจ้าของบ้านบอกยิ้มๆ พลางนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวอีกตัว พร้อมกับหันไปสั่งสาวใช้ให้ยกเครื่องดื่มออกมาต้อนรับแขก

“หวัดดีชัด...ไม่ค่อยได้เจอกันเลย วอร์ดศัลย์งานยังหนักเหมือนเดิมไหมช่วงนี้”
นลัศทักเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างศิระ แม้เขากับชัดเจนจะไม่ได้สนิทสนมกันมาก แต่ก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันมา ถ้อยทีถ้อยอาศัย และไม่เคยขัดแย้งกัน อย่างเพื่อนคนอื่นๆที่ไม่ค่อยชอบหน้าชัดเจนสักเท่าไหร่

“หนักเป็นปกติ..แต่ชินแล้ว”
เขาตอบสั้นๆ แต่น้ำเสียงไม่ได้ชวนทะเลาะเหมือนเวลาพูดกันเพื่อนร่วมงานคนอื่น นลัศเองก็ชินแล้วกับหน้าตาเฉยเมย และคำพูดไม่มีหางเสียงของเพื่อน เขารู้ดีว่าจริงๆแล้วชัดเจนไม่มีอะไรหรอก แค่เป็นคนโผงผาง เสแสร้งไม่เป็น ไม่มีวาระซ่อนเร้นให้เขาต้องคอยระวังอย่างเพื่อนบางคนที่สร้างภาพให้ดูดี พูดจาไพเราะ แต่คอยจะจ้องหาผลประโยชน์ หรือไม่ก็ทำให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง

“เอ้อ..ว่าแต่แกมีธุระอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าวะเต้ หรือแค่มาเยี่ยมฉันเฉยๆ”
เมื่อไม่รู้จะยกประเด็นไหนมาคุยกับชัดเจนต่อ นลัศจึงหันกลับมาถามเพื่อนซี้

“ธุระเหรอ..เอ่อ..”
ศิระชะงักไปกับคำถามของเพื่อน เหมือนที่ชะงักกับเมรีมาแล้ว

ชัดเจนนึกหมั่นไส้ขึ้นมา เลยตอบแทนเสียงดัง เผื่อแผ่ไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาทางด้านหลังเจ้าของบ้าน

“มันจะมาเซอร์ไพรส์ยายเปี่ยมรัก จะชวนน้องนายไปดินเนอร์ด้วยกันคืนนี้”
นลัศอ้าปากค้างเหมือนนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาชุดใหญ่ พยักหน้าหงึกหงัก แววตาบอกความพอใจอย่างเปิดเผย

“อ้อ..อย่างนี้นี่เอง..มิน่าล่ะ น้องสาวฉันอาบน้ำแต่งตัวเสียนาน เป็นชั่วโมงๆก็ยังไม่ลงมาเสียที ที่แท้รอหนุ่มมารับนี่เอง”

ศิระนิ่งอึ้งเหมือนกัน แต่นิ่งด้วยความรู้สึกเป็นขั้วตรงข้าม เขาหันไปทำตาเขม่นใส่ชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ตามใจอยาก เพราะสภาวะน้ำท่วมปากเป็นเหตุ

“ฝอยทองคงดีใจนะคะ ที่รู้ว่าคุณเต้ยังไม่ลืมเธอ”

เพทายแทรกเข้ามากลางวง หล่อนหย่อนก้นลงนั่งบนเบาะโซฟาตรงข้ามนลัศ เอนหลังพิงพนักพร้อมรอยยิ้ม
ทว่าเมื่อสายตาเลื่อนมาปะทะกับแขกคนสำคัญอีกคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวก็หุบยิ้มลงทันที เขาส่งสายตากวนประสาทมาให้หล่อนเหมือนวันนั้น แถมยังยักคิ้ว เหยียดยิ้ม..เพทายนึกด่าเขาในใจ หล่อนเกลียดทุกกิริยา ทุกการกระทำ ทุกคำพูด และทุกอย่างที่รวมเป็นผู้ชายคนนี้เหลือเกิน

“ชัด..นายตีแบดเก่งไม่ใช่หรือ”

นลัศเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชัดเจนถอนสายตาจากหญิงสาว หันมามองเจ้าของบ้านแบบงงๆ พลางยักไหล่

“ก็พอได้..ถามทำไมหรือ?”
นลัศพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ

“ไม่ใช่แค่พอได้หรอก นายเคยเป็นตัวแทนแข่งแบดในกีฬาสิบสามเข็ม ได้เหรียญทองมาทุกปี ฉันจำได้”
“แล้วไง?”

ชัดเจนถามต่อ เพราะไม่เข้าใจประเด็น มากกว่าจะต้องการยียวน

“พอดีวันนี้ฉันนัดเพมาตีแบดด้วยกัน แต่โชคร้าย ฉันต้องรีบไปอยู่เวรแทนเพื่อนด้วยเหตุสุดวิสัย นายช่วยมาเล่นแทนฉันหน่อยได้ไหม..เพเค้าจะได้ไม่เสียเที่ยว อุตส่าห์มารอแต่เช้า..ส่วนเต้ นายก็อยู่เป็นกองเชียร์กับฝอยทอง กับแฟนฉันแล้วกัน นายเล่นไม่เป็น อีกสองสาวเค้าก็ไม่เป็นเหมือนกัน จะได้อยู่กินปิ๊กนิกกันต่อตอนเที่ยง ส่วนตอนเย็นค่อยพาฝอยทองไปดินเนอร์ตามสะดวก”

เพทายกำลังจะอ้าปากค้านเสียงแข็ง ก็เป็นอันต้องหยุดชะงัก เมื่อชัดเจนพูดสบประมาทหล่อนขึ้นมาก่อน

“ตีแบดกับเพื่อนนายเนี่ยนะ..ตัวกะเปี๊ยกออกยังงี้ จะรับลูกฉันทันหรือ..”

หนุ่มปากเก่งทำเสียงสูงในท้ายประโยค กลอกตามองหญิงสาวแล้วส่ายหน้าช้าๆ สายตาคู่นั้นบอกเป็นนัยๆว่า เห็นหล่อนเป็นเด็กกะโปโลไม่เอาไหนคนหนึ่ง

เพทายแปลต่อเอาเอง ว่าเขาต้องการจะสื่อให้รู้ในทำนอง
น้ำหน้าอย่างเธอหรือจะสู้ฉันได้..
จากความคิดที่จะปฏิเสธถูกบิดขั้วให้เปลี่ยนเป็นตรงข้ามทันที

“นายกลัวฉันใช่ไหมถึงพูดแบบนี้...”
เพทายจ้องตาเขาเขม็ง

“กล้าพนันกันไหมล่ะ.. ถ้าใครแพ้ต้องตอบแทนทุกอย่างที่ผู้ชนะต้องการ!”

ชัดเจนยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำท้า

เขาพยักหน้าส่งสายตายียวนมาอีกครั้ง ก่อนบอก..


“มีรางวัลแบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย..นัท นายรีบไปอยู่เวรเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”



ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2555, 01:24:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2555, 01:24:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1639





<< บทที่ ๔ ดวลกันนัดแรก ๑/๒   บทที่ ๕ ผู้แพ้ ๑/๓ >>
mhengjhy 1 ส.ค. 2555, 12:06:12 น.
ลุ้น ลุ้น


ศิลาริน 1 ส.ค. 2555, 19:46:04 น.
ลุ้นให้ใครแพ้ ใครชนะ คะ อิอิ


แล่นแต๊ 2 ส.ค. 2555, 10:00:47 น.
ใครจะชนะเนี่ย รางวัลล่อใจซะขนาดนี้


ศิลาริน 2 ส.ค. 2555, 12:13:13 น.
ไว้รอลุ้นค่ะ ^^


หมีสีชมพู 4 ส.ค. 2555, 02:03:14 น.
มาลุ้นด้วยคนค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account