เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๕ ผู้แพ้ ๑/๓

ชัดเจนเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดถนัด เมื่อต้องแทบกระโจนออกไปรับลูกเสิร์ฟลูกแรกจาก เพื่อนสาว ‘ตัวกะเปี๊ยก’ ของนลัศ ที่เขาปรามาศหล่อนเอาไว้

ด้วยดีกรีความไว และน้ำหนักแรงที่หวดผ่านข้ามเน็ตสีขาว บอกให้นักกีฬาแบดมินตันเหรียญทองสามปีซ้อนอย่างเขาต้องเตรียมตั้งรับให้ดีกว่านี้

“ฝีมือไม่เบานี่..”

ชัดเจนรำพึงกับตัวเอง เมื่อเจ้าหล่อนเริ่มนำเขาไปเป็นคะแนนแรก จากที่คิดว่าจะออมมือให้เสียหน่อย เพราะประเมินความสามารถของคู่ต่อสู้ร่างบางไว้ต่ำกว่านี้มาก ชายหนุ่มต้องรีบเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ก่อนที่เขาจะเสียคะแนนให้หล่อนมากขึ้นเรื่อยๆจนยากจะกู้คืน.. ก็คำท้าของเจ้าหล่อนน่ากลัวน้อยเสียที่ไหน

คนแพ้ ต้องตอบแทนทุกอย่างที่ผู้ชนะต้องการ..

แววตาเป็นประกายกร้าว และเอาจริงของเพทาย บอกให้เขารู้ว่า ถ้าหล่อนชนะ...หล่อนเอาเขาตายแน่ แต่ที่รีบรับคำท้า ก็เพราะคิดว่า คนอย่างเขาไม่มีทางแพ้ผู้หญิงตัวนิดเดียวอย่างหล่อนเด็ดขาด และนั่นก็หมายความว่า เขาจะมีโอกาสเรียกร้องค่าตอบแทนอย่างไรก็ได้ ตามแต่จะนึกสนุก อยากแกล้งผู้หญิงท่าทางอวดดี ห้าวหาญเกินหญิงคนนี้..

“เฮ้อ!..รู้สึกว่าแถวนี้จะมีไก่อ่อนตัวโตๆ น่าเชือดกินนะฝอยทอง เราจะจับมาต้มเป็นอาหารมื้อเที่ยงเสียดีไหมน้า..”

เพทายกล่าวลอยๆ ทว่าน้ำเสียงสดชื่น หน้าตาเบิกบานเต็มไปด้วยราศีของผู้ชนะ หล่อนหันไปพยักเพยิดกับเปี่ยมรักที่นั่งลุ้นติดขอบสนาม ใต้ต้นมะม่วงคู่กับศิระ ซึ่งรายนั้นกำลังจ้องมองหล่อนด้วยความทึ่งไม่แพ้กัน

คู่ต่อสู้ฝีมือฉกาจอย่างหล่อน รีบฉกฉวยโอกาสในขณะที่ศัลยแพทย์ปากดีกำลังหัวเสียกับคะแนนแรกที่หล่อนคว้าไป เพทายรีบเล่นลูกตบหวดลงใกล้เน็ต เฉียดเขตแดนฝั่งหล่อนไปเพียงนิดเดียว ทำให้ชัดเจนเร่งฝีเท้าเข้ามารับไม่ทัน หญิงสาวจึงเก็บแต้มคะแนนที่สองของเซ็ตแรกไปอย่างง่ายดาย

ด้วยความที่ชอบกีฬาชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจ หัดเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งช่วงที่มารู้จัก และสนิทสนมกับนลัศ หล่อนก็ได้ฝึกปรือ ลับคมฝีไม้ลายมือกับเขาทุกวัน เพทายไม่เคยสมัครลงแข่งขันในสนามไหน แต่หล่อนก็ภูมิใจไม่น้อยทีเดียว ที่เปิดเกมนำคะแนนเจ้าของเหรียญทองอย่างชัดเจนไปได้ถึงสองแต้ม ยิ่งเห็นชายหนุ่มทำหน้ายับยู่ คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน กำหมัดเหมือนพร้อมจะชกใครสักคน แค่นี้หล่อนก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบดูสดใสสว่างพลันขึ้นทันตา ยิ่งเห็นเขาโกรธ เขาเสียหน้าเท่าไหร่ หล่อนยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น..

ศิระลุกขึ้นยืนลุ้นตัวโก่ง ปฏิเสธแซนวิชที่เปี่ยมรักยื่นมาให้ เขาโบกไม้โบกมือส่งเสียงเชียร์ให้เพทายอย่างออกนอกหน้า ไม่ไยดีเพื่อนสนิทที่กำลังอารมณ์ขึ้นถึงขีดสุดในฝั่งตรงข้าม

จากที่เคยคัดค้านหญิงสาวตั้งแต่แรกเริ่มว่า..

“อย่าเลยครับคุณเพ..ไอ้หมอนี่น่ะ มือวางอันดับหนึ่งของมหาลัยเลยนะครับ อย่าเล่นกับไฟ!”
ชายหนุ่มเลยต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่

“สู้ๆครับคุณเพ..ล้มแชมป์ให้ได้นะครับ!”

ศิระยกมือป้องปาก ตะโกนบอกหญิงสาวเสียงดัง เผื่อแผ่ไปถึงคู่ต่อสู้ฝั่งตรงข้าม ที่ยืนทำหน้านิ่ว กำลูกขนนกในมือแน่น ไม่ยอมเสิร์ฟลูกให้อีกฝ่ายเสียที

“น้อยๆหน่อยไอ้เต้ แกอย่าเข้าข้างยายซาลาเปานี่นักเลย เตรียมรับขวัญกันให้ดีเถอะ เพราะฉันกำลังจะเอาจริงแล้ว”

เพทายเลือดขึ้นหน้าทันที เมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวหล่อนจากปากคู่แข่ง

“นายหมอผีเจาะปาก นายว่าใครซาลาเปา พูดให้ดีๆนะ”
หญิงสาวชี้หน้า สาวเท้าเข้ามาใกล้เน็ต ชัดเจนก็เช่นกัน เปลี่ยนจากท่าเตรียมหวดลูกขนนก เป็นทิ้งมือลงข้างตัว เดินมาประจันหน้ากับเจ้าหล่อน ปลายจมูกแทบชนกัน

“คุณเรียกผมว่าอะไรนะ..ได้ยินไม่ถนัด”

“หมอผีเจาะปาก..ชัดรึยัง!”

เพทายตะโกนเสียงแหลมปรี๊ดใส่ ชัดเจนยกมือปิดหูแทบไม่ทัน กระดูกค้อน ทั่ง โกลน ข้างในสั่นสะเทือนจนแทบระเบิด

“ชัด!..แต่ไม่เข้าใจ”

“เฮ้อ! โง่จริง..แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ” เพทายเหยียดยิ้ม กลอกตามองเขาอย่างปราศจากความเกรงกลัวและนับถือ

“ฉันจะบอกให้เอาบุญก็ได้..นายมันผู้ชายปากเสีย ผีเจาะปากมาพูด ไอ้ผู้ชายทุเรศ ไม่มีหัวใจ!”
“พูดยังงี้ก็สวยสิคุณ..ผมไปทำอะไรให้ญาติโกโหติกาคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ทราบ?”

สงครามเริ่มปะทุดุเดือดขึ้นทุกวินาที ผู้ชมข้างสนามต้องรีบเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยแยกคนทั้งสองออกจากสนามรบ ก่อนที่เรื่องราวจะใหญ่โตจนยากควบคุม

“ใจเย็นๆซีวะ ไอ้ชัด คุณเพเขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย พูดดีๆหน่อย ให้เกียรติเขาหน่อย”
ศิระดันไหล่เพื่อนซี้ให้ออกห่างหญิงสาว หน้าตาบอกชัดว่าเห็นใครเป็นคนผิดเพียงผู้เดียว

“อ้าว..เหรอ นี่ฉันกำลังคุยกับผู้หญิง.. ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย..”

ชัดเจนกลอกตามองหญิงสาว แบบเดียวกับที่หล่อนเคยมองเขาเมื่อครู่ ผิดกันนิดเดียว ตรงที่เขามีไฟในดวงตาลุกโชน

“คุณเต้..ช่วยบอกฉันหน่อย คุณคบเขาเป็นเพื่อนได้ยังไง นิสัยไม่เหมือนกันสักนิด จะพูดจะจาให้สุภาพอ่อนหวานเท่าคุณสักครึ่งก็ไม่มี!”

ศิระกำลังโมโหเพื่อนอยู่ดีๆ พอได้ฟังคำชมที่ถึงแม้หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะชม และมีเจตนาประชดประชันเพื่อนเขาก็ตาม ชายหนุ่มก็ถึงกับเสียงอ่อน ผิดกับเมื่อครู่

“เอ่อ..ไอ้เรื่องแบบนี้มันสอนกันยากน่ะครับ แล้วผมก็ไม่ถือหรอก ถ้าคุณเพรู้จักเพื่อนผมมากกว่านี้ คุณก็จะรู้เอง ว่าที่จริงมันไม่มีอะไรหรอก นอกจากทำปากเก่งไปยังงั้นเอง”

“โอ๊ย..ไม่เอาหรอกค่ะ รู้จักแค่นี้ก็เกินพอ อย่าให้มากไปกว่านี้เลย เดี๋ยวฉันจะสติแตก เผลอฆ่าใครแถวนี้ ติดคุกติดตาราง หมดอนาคตกันเปล่าๆ”

เพทายแหวกลับทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“ไม่น่าเลย ไอ้เต้..ความรักมันทำให้คนเราตาบอดได้ถึงขนาดนี้ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว..เห็นดอกอุตพิษ เป็นดอกกุหลาบสีสวย กลิ่นหอมไปได้..”

หญิงสาวหันกลับมาถลึงตาใส่คนพูด แต่ยังไม่ทันจะว่าอะไร เปี่ยมรักก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาก่อนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งที่ปกติหล่อนไม่ค่อยจะประสงค์คุยกับสต๊าฟรุ่นพี่อย่างชัดเจน นอกเหนือจากเรื่องงาน

“พี่ชัดเจนหมายความว่ายังไงคะ?”
หมอผีเจาะปากของเพทาย เลิกคิ้วฉงน ก่อนจะทำตาดุใส่คนถาม

“เรื่องอะไร?”
“ก็ที่บอกว่า..ความรักทำให้คนตาบอด..พี่หมายความว่ายังไงคะ?”

เวลานี้ เปี่ยมรักกลับมาเป็นเปี่ยมรักในโหมดที่กล้าริอ่านต่อล้อต่อเถียงกับผู้มีศักดิ์เทียบเท่าอาจารย์ แถมยังเป็นอาจารย์ผู้น่าเกรงขามเสียด้วย

“เออ..ถามได้ นี่คุณตั้งใจจะกวนประสาทผมรึเปล่า ความรักทำให้คนตาบอด..ความหมายก็ตรงตัวอยู่แล้ว..ก็ไอ้เต้..”

“หยุดเลยไอ้ชัด..ไม่ต้องเพ้อเจ้ออะไรแล้ว”
ศิระรีบตัดบท ก่อนที่เพื่อนตัวแสบจะเผยความลับของเขาออกมา

“ไม่มีอะไรหรอกครับน้องฝอยทอง ไอ้นี่มันก็พูดเพ้อเจ้อของมันไปเรื่อย..คุณเพ เล่นต่อเถอะครับ จะได้รู้ๆกันซะที ว่าใครแพ้ ใครชนะ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวกันพอดี นัทมันอุตส่าห์เตรียมอาหารปิ๊กนิกไว้ตั้งเยอะแยะ”

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ..ฉันอยากเห็นหน้าคนแพ้เต็มทนแล้ว”
เพทายบอกเสียงชัดเจน จ้องหน้าคู่แข่งแน่วนิ่ง เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

“เห็นที คุณคงต้องเอากระจกมาส่องล่ะนะ ถ้าอยากเห็นหน้าคนแพ้ชัดๆ..ที่ผ่านมาผมออมมือให้ เพราะประเมินฝีมือคุณต่ำไปหน่อย แต่ตอนนี้ผมจะเล่นเต็มที่ คอยดูก็แล้วกัน”

เพทายเพิ่งมารู้ ว่าชัดเจนพูดจริง..ทำจริง ก็ต่อเมื่อหล่อนถูกเขานำไปสองคะแนน ในเวลาอันรวดเร็ว ทุกก้าวย่างของเขา คล่องแคล่ว ฉับไว สายตาของเขาแม่นยำราวกับเหยี่ยว ทุกลูกที่หล่อนสับขาหลอก เล่นกลให้เขาหลงทางเหมือนครั้งก่อนๆ หล่อนก็ทำพลาด และกะระยะผิดแทบทั้งหมด ฝีไม้ลายมือของเขาฉกาจฉกรรจ์สมเป็นนักกีฬาแบดมินตันเหรียญทองที่นลัศอวดอ้าง ยิ่งบวกกับความมั่นคงแข็งแกร่งของรูปร่าง เรี่ยวแรงที่ส่งผ่านมัดกล้ามอย่างชายชาตรี ในเสื้อสปอร์ตสีขาวพอดีตัว ยิ่งทำให้เพทายต้องเพิ่มความรวดเร็วของฝีเท้าขึ้นมาหลายเท่าตัว พยายามทำใจให้มีสมาธิ ไม่วอกแวกหวั่นไหวกับอารมณ์ของผู้เพลี่ยงพล้ำ

“คุณเพ..สู้เขาครับ!”
“พี่เพ..หวดให้จมเลย!”

เสียงศิระ กับเปี่ยมรักสลับกันตะโกนส่งมาเป็นแรงใจให้หล่อนอย่างไม่ขาดสาย

นั่นก็ทำให้หญิงสาวมีแรงฮึดสู้ขึ้นมามากทีเดียว แต่ก็มากเพียงแค่ตีคะแนนเสมอฝ่ายตรงข้ามในเซ็ตแรกเท่านั้น เพทายนึกหมั่นไส้ชายหนุ่มในใจ ว่าเขาช่างมีสมาธิยอดเยี่ยมเหลือเกิน ขนาดไม่มีใครเข้าข้าง ไม่มีใครส่งเสียเชียร์ให้สักนิด เขาก็ยังหวดลูกขนนกตอบโต้หล่อนได้อย่างเหลือร้าย คงเส้นคงวา ไม่มีอ่อนแรงกำลังลงเลยจนนิดเดียว

“เซ็ตสุดท้าย คุณเพชนะแน่ครับ”

ศิระให้กำลังใจหล่อนขณะที่ยื่นขวดน้ำเปล่าให้ดับกระหาย เปี่ยมรักยื่นผ้าขนหนูให้รุ่นพี่ซับเหงื่อที่เกาะพราวเต็มหน้าผาก ส่งแรงเชียร์ให้เช่นเดียวกัน

ผิดกับ..ชัดเจน ที่เดินเข้ามาหาน้ำหาท่าดื่มเอง หยิบผ้าขนหนูมาเอง ไม่มีกำลังใจจากใครสักคน แต่เขาก็ยังยิ้มรื่น เดินมายั่วประสาทคู่แข่งสาวได้หน้าตาเฉย

“ยังอยากเห็นหน้าคนแพ้อยู่ไหม...ไอ้หมอเต้ แกอย่าลืมเตรียมกระจกงามๆไว้ให้คุณเพส่องดูตัวเองหลังจบเซ็ตนี้ก็แล้วกัน”

ต้นประโยคเขาบอกคู่แข่ง ส่วนท้ายประโยคหันมาบอกเพื่อนสนิทยิ้มๆ

“นายนั่นแหละ เตรียมกระจกไว้ส่องตัวเองเถอะ!”
เพทายตอกกลับเสียงลอดไรฟัน

ชัดเจนยิ้มให้หล่อน แบบเดียวกับที่ยิ้มให้ศิระ ก่อนจะยักไหล่ผายมือออกสองข้าง แล้วเดินกลับเข้าประจำที่ในสนาม

ด้วยกำลังใจ และความแค้นที่มากขึ้นทบทวี ทำให้เพทายมีเรี่ยวแรง และสมาธิมากขึ้นกว่าเดิม แต่ด้วยสรีระโครงสร้างที่เสียเปรียบผู้ชายร่างสูง แข็งแรง อย่างเขา ทำให้หล่อนไม่อาจตีคะแนนนำเขาไปได้ แม้จะเสียเหงื่อ เสียกำลังไปเท่าใด ก็ทำได้เพียงคะแนนเสมอกันในช่วงครึ่งหลัง

วินาทีนี้ กองเชียร์ทั้งสองต้องลุ้นกันตัวโก่ง เพราะมันเป็นวินาทีที่คู่ปรับฝีมือสูสีทั้งสองคน จะต้องชิงไหวชิงพริบกับสุดๆ คราวใดที่เพทายเพลี่ยงพล้ำ ศิระก็ใจแทบหล่นไปกองกับพื้น เพราะหวั่นว่าคำท้าของเจ้าหล่อนจะย้อนกลับมาเล่นงานหล่อนเอง ส่วนเปี่ยมรักก็เช่นกัน หล่อนไม่อยากให้รุ่นพี่สาวต้องเสียหน้า ไม่อยากให้คู่แข่งคนนั้น มีโอกาสมาหัวเราะเยาะเย้ย หล่อนเกลียดขี้หน้าเขาพอๆกับที่เพทายเกลียด..

แต่ก็นั่นแหละ..ใครเลยจะนึก
โชคชะตาฟ้าดินช่างเป็นใจให้คนน่าเกลียดอย่างเขาได้ลงคอ

แมลงสาบตัวเบ้อเริ่มนั้นเองที่เป็นเหตุ มันคืบคลานขึ้นมาบนกระติดน้ำบนเสื่อ พอดีกับที่เปี่ยมรักกำลังจะก้มลงเปิดฝาออก

หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังลั่น ทำลายสมาธิของทั้งศิระ และเพทายลงจนแทบไม่มีเหลือ
มีชัดเจน เพียงคนเดียว ที่สมาธิตั้งมั่นไม่หวั่นไหว

โชคเข้าข้างเขา จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่หวดลูกขนนกเข้าเต็มแรง เฉียดผ่านเน็ตตรงกึ่งกลางไปเพียงนิดเดียว ลูกตบของเขาไม่ได้เหลือร้าย เกินกว่าที่คนอย่างเพทายจะรับมือไหว

ทว่า..สมาธิอันแตกกระเจิงด้วยเสียงของเปี่ยมรัก พอดีกับจังหวะที่ควรจะเข้าไปรับลูกขนนก

หล่อนหันกลับมาอีกที จึงพบว่า ตัวเองกลายเป็นผู้แพ้ไปเสียแล้ว!




ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2555, 06:10:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2555, 07:40:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1569





<< บทที่ ๔ ดวลกันนัดแรก ๒/๒   ผู้แพ้ ๒/๓ >>
sai 14 ส.ค. 2555, 09:28:11 น.
อ๊ายยยยย สงสารหนูเพอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account