บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๒

รถสปอร์ตคันหรูแล่นปรูดผ่านทางเข้าอาคารมาจอดที่ด้านหน้าของตัวตึกอย่างรวดเร็ว เสียงยางรถบดกับพื้นถนนดังลั่น ปัณณ์ดับเครื่องแล้วลงจากรถด้วยอาการฉุนเฉียว

ชายหนุ่มเดินตัวปลิวเข้าไปในอาคารแอบโซลูตทาวเวอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเปิดประตูคอยท่า และไม่ว่าเขาจะผ่านไปทางใด ทุกคนต้องหยุด และหลีกทางให้ผู้มาใหม่ผ่านไปก่อนเสมอ เจ้าหน้าที่เรียกลิฟต์สำหรับผู้บริหารเปิดค้างไว้รอรับอย่างรู้หน้าที่

ลิฟต์ใช้เวลาไม่นาน ก็มาจอดที่ชั้น ๓๔ อันเป็นชั้นของห้องประชุมและห้องผู้บริหาร ปัณณ์ก้าวยาวๆ ออกมาโดยไม่หยุดทักทายแม้กระทั่งเลขานุการิณีของพี่สาว แต่เดินผ่านประตูไม้บานใหญ่ที่บอดี้การ์ดทั้งสองนายของปริมเปิดคอยล่วงหน้าเข้าไปทันที

กิริยาราวพายุหมุนนั้นทำให้ปริมซึ่งอยู่ในห้องประชุมกรุด้วยกระจกรอบด้านมองตามแล้วส่ายหน้านิดๆ สีหน้านิ่งเฉยมีรอยห่วงใยแฝงอยู่บางเบา

ไม่บ่อยนักที่ปัณณ์ออกอาการปึงปังโทโสเช่นนี้ ด้วยความเป็นนักแสดงชื่อดังติดอันดับประเทศ บังคับให้เขาเก็บควบคุมอารมณ์ของตนไว้อยู่เสมอ

ดังนั้นการที่ชายหนุ่มอาละวาดเป็นพายุเช่นนี้ แปลว่าน่าจะมีอะไรผิดปกติ

ปริมอดทนเป็นประธานในห้องจนสรุปรายละเอียดทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว จึงสั่งปิดการประชุม หญิงสาวส่งคอมพิวเตอร์และเอกสารอื่นๆ ให้เลขาฯ หยิบติดมือไว้แค่แฟ้มบางๆ หนึ่งฉบับเท่านั้น ปริมก้าวช้าๆ กลับไปที่ห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่สุดทางเดิน บอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าห้องเปิดประตูคอยให้หญิงสาวผ่านเข้าไปโดยไม่ต้องสั่ง

และก็เป็นดังคาด รัชนาถคนเล็กปร๋อไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธอหันหลังให้ประตูห้อง ทอดสายตามองผ่านผนังกระจกออกไปสู่วิวอาคารสูงรอบตัว และทะเลสาบใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯที่อยู่ตรงหน้าแทน

ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้กลับมาช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด

“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผู้มาใหม่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงความอ่อนโยน นิ่มนวลประโลมใจ

ปัณณ์ถอนหายใจ ขณะยกมือขึ้นกดระหว่างหัวคิ้ว นวดเบาๆ เพื่อขับไล่อาการเครียด

“เมื่อกี้ผมไปกินข้าวกลางวันกับแพทมา” เขาเริ่มประโยคง่ายๆ

“แพทไหน” ปริมฉงน

“ก็แพท ภัทรีมา คนที่ผมเจอที่งานเลี้ยงของแอบโซลูตเจมส์เมื่ออาทิตย์ก่อนไงพี่”

“อ้อ” ปริมนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม อันเป็นสัญญาณแสดงว่าพร้อมจะรับฟังต่อ

“แพทอ้างว่าไปตรวจเลือดมา มีเรื่องต้องบอกให้ผมรู้ แต่พอไปถึงปรากฏว่าพ่อเขากลับโผล่มาร่วมโต๊ะด้วย ระหว่างที่กินข้าวกัน คุณอำนาจก็ชวนคุยไปเรื่อย แล้วสุดท้ายก็ถามผมว่า เมื่อไหร่จะแต่งงานกับแพท”

ปริมเอียงศีรษะเล็กน้อย เลิกคิ้วด้วยความฉงน

นักแสดงหนุ่มพยักหน้า “พี่ปริมไม่ยินไม่ผิดหรอกฮะ พ่อของภัทรีมาบังคับให้ผมแต่งงานกับลูกสาวเขา”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าเธอจะแต่งงานหรือเปล่า แต่ที่พี่สงสัยก็คือ เธอรักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า”

“พี่ไม่ควรถามผมแบบนี้นะ” เขาทำเสียงเบื่อๆ

“อ้าว...ถ้าไม่ถามแล้วพี่จะรู้เหรอ ก็พี่เห็นเธอเปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อย สองสามวันก่อนก็ยายเพื่อนฝรั่งที่ชื่อพอลลีน เดือนโน้นก็นักร้องหน้าใหม่ยายพลอยสวยอะไรนั่น แล้วไหนยังจะแม่วนิตานางแบบแฟนเก่าเธอนั่นอีก แล้วนี่ก็แพท พี่ถึงต้องถามก่อนว่าเธอรักเขาหรือเปล่า แล้วเราค่อยมาคิดว่า ควรจะทำยังไงกับเรื่องแต่งงานนี่”

“ถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ขึ้นเตียงด้วย ผมคงไม่ได้อยู่เป็นโสดมาจนถึงป่านนี้หรอก เลิกคิดได้เลยพี่ปริม ผมไม่ได้รักแพท เราแค่สนุกด้วยกันเท่านั้นเอง”

“แต่เขาไม่ได้แค่สนุกกับเธอนี่ แพทอาจจะจริงจังก็ได้ เธอก็รู้ว่า...”

“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้รักแพท แล้วผมก็จะไม่แต่งงานด้วย” ปัณณ์ยืนยันความตั้งใจของตัวเอง

ปริมยักไหล่ “งั้นก็ไม่ต้องแต่ง บอกเขาไปว่าไม่แต่ง แค่นั้นก็จบ”

ชายหนุ่มนิ่ง ประมวลสถานการณ์ในใจด้วยความรอบคอบ บทสนทนาที่ลวงเขาไปสู่ ‘กับดัก’ ของการแต่งงานยังกังวานอยู่ในความทรงจำ

‘คนหนุ่มไฟแรงนี่ดีจริงนะ ผมเห็นข่าวคุณทางหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกวัน ยังคิดอยู่เลยว่ายายแพทตาถึง คบหาคนเก่ง จะได้ชักชวนกันทำงานให้ก้าวหน้า’ ชายชราร่างสันทัดนั่งอยู่หัวโต๊ะ แม้คำพูดจะฟังคล้ายยกยอให้เกียรติกัน แต่ปัณณ์จับได้ชัดเจนถึงน้ำเสียง และบรรยากาศขมึงเกลียวที่วนเวียนอยู่รอบกาย

‘ข่าวที่คุณกับลูกแพทหายออกจากงานเลี้ยงไปด้วยกันนั่น คนเขามาถามผมว่ามันยังไงกันแน่ ไอ้ทางผมน่ะมันฝั่งผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย พ่อหนุ่มก็มีพี่สาวคงเข้าใจดีนะว่าเรื่องแบบนี้มันเสื่อมเสียชื่อเสียง ไหนๆ ลูกแพทกับคุณก็รักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้ว ผมถึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ถ้าจะจัดการให้อะไรๆ มันถูกต้องขึ้นมา’ น้ำเสียงเรียบราบ แต่เนื้อถ้อยกระทงความดุดัน และมุ่งสู่ประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม

‘ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ที่เรื่องของเด็กๆ ทำให้ท่านขุ่นเคือง ผมกับแพทเป็นเพื่อนกันเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าวกระทบกระเทือนความรู้สึกผู้ใหญ่อย่างนั้นเลยจริงๆ ’ ปัณณ์จำเสียงตัวเองได้ดี ว่าเขาต้องกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้มากแค่ไหน ในอันที่จะตอบปฏิเสธอย่างไม่ให้บัวช้ำหรือน้ำขุ่น

ชายหนุ่มไม่ชายตามองปฏิกิริยาของภัทรีมาแม้แต่น้อย เขารู้ว่าเธอโกรธที่ออกตัวว่าเป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อเขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้

ปัณณ์ยกผ้ากันเปื้อนแตะริมฝีปากเล็กน้อยแล้ววางลงบนโต๊ะข้างจานอาหาร จากนั้นขยับลุกจากสำรับทั้งที่เพิ่งลงมือกินไปได้แค่สองสามคำ เพลย์บอยหนุ่มก้มศีรษะนิดๆ ขณะเอ่ยปาก

‘ขอโทษด้วยนะครับ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีนัดต้องไปถ่ายละคร ขอตัวก่อนครับ’ ตลอดเวลาเขาไม่หันไปทางภัทรีมาเลย มิไยที่หญิงสาวจะเพียรพยายามสบตากับเขาเท่าไรก็ตาม

‘เชิญตามสบายเถอะ แต่ยังไงก็อยากจะฝากให้พ่อหนุ่มระมัดระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมสักหน่อยนะ สมัยนี้ข้างนอกมันอันตราย’ น้ำเสียงกร้าวกังวานท้ายประโยคมีแววคุกคาม และคนฟังก็สัมผัสได้ถึง ‘คำเตือน’ ที่แทรกอยู่ในความหวังดีนั้นชัดเจน

‘แพทไปส่งปัณณ์ที่รถนะคะพ่อ’ หญิงสาวลุกจากโต๊ะ ทำท่าจะตามไปส่งคู่ควง ทว่ายังไม่ทันขยับ เสียงทรงพลังของอำนาจก็ปรามลูกสาว

‘หยุดอยู่ตรงนั้นแหละลูกแพท พ่อคิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกัน’

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ปัณณ์ได้ยิน แต่เขารู้ดีว่าเรื่องยุ่งกำลังคอยอยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึง ‘คำเตือน’ จากคนอย่างอำนาจ

ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ เหลือบสายตามองพี่สาว เปรยเบาๆ หยั่งท่าทีผู้หญิงที่มีอิทธิพลและมีความหมายสำหรับเขาที่สุด

“พี่ปริมคิดว่า ผมควรจะแต่งงานได้หรือยัง”

คนฟังเลิกคิ้ว แปลกใจที่ได้ยินเช่นนั้น “นึกยังไงถึงได้ถามพี่อย่างนี้”

“ก็ต้องนึกอยากรู้น่ะสิครับ”

“ไม่สำคัญหรอกว่าเธอ ‘ควรจะ’ แต่งงานหรือยัง สำหรับพี่แล้ว มันสำคัญตรงที่ว่าปัณณ์ ‘อยากจะ’ แต่งหรือยังต่างหาก” น้ำเสียงราบเรียบ ทั้งกึ่งตักเตือนและให้สติ

“ต่างกันตรงไหนล่ะฮะ”

“การแต่งงานมันไม่ใช่เทพนิยายนะปัณณ์ พี่ว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญมากเกินกว่าที่เราจะเอามาใช้เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างให้ลุล่วงไป การแต่งงานเป็นเสมือนคำสัญญาของคนสองคนที่จะอยู่ด้วยกัน ดูแลกันและกันไปจนแก่เฒ่า” ปริมเอนกายพิงพนัก ทอดสายตามองผ่านหน้าต่างออกไปยังตึกสูงระฟ้าที่กระจายรายรอบเมืองหลวง ทีท่าคล้ายคิดถึงบางสิ่งที่ไกลตัวออกไป

“พี่ปริมพูดเหมือนกับจะชวนผมซื้อเพชรอย่างนั้นแหละ” ชายหนุ่มตัดพ้อ

และนั่นก็ทำให้ปริมอดหัวเราะไม่ได้

“จริงสินะ พี่น่าจะเอาคำพูดเมื่อกี้มาเป็นคอนเซปต์ของเครื่องเพชรคอลเลกชันใหม่นะเนี่ย”

ปัณณ์ส่ายหน้า มองคนเป็นพี่ด้วยสายตาชื่นชม “พี่ก็บ้างานอย่างนี้นี่เอง ถึงได้ไม่มีเวลาไปชายตามองหนุ่มๆ คนไหนสักที” เขาเย้าด้วยน้ำเสียงรักใคร่ชัดเจน

“คนอย่างพี่อาจไม่ได้เกิดมาเพื่อใครแม้แต่คนเดียวก็ได้ ให้พี่เอาเวลามาทำงานน่ะดีแล้ว” ปริมหน้าเจื่อนไปชั่วขณะ แล้วรีบส่งยิ้มให้คู่สนทนาพลางเลื่อนแฟ้มที่หยิบติดมือมาด้วยไปตรงหน้าเขา

“พูดถึงงานแล้วนึกได้ พี่กำลังประชุมคัดพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแอบโซลูตเจมส์อยู่พอดี ตอนนี้เหลือตัวเลือกสองคน เธอดูหน่อยสิว่าจะเลือกคนไหนดี สายตาผู้ชายน่าจะมองออกว่าคนไหนใส่เพชรขึ้นกว่า แล้วก็สวยกว่า”

“เอาไว้ก่อนได้ไหมครับ บอกตรงๆ ว่าวันนี้ไม่มีอารมณ์คิดอะไรเลยจริงๆ”

“แล้วไง...ไม่มีคิวถ่ายละครหรือ ถึงได้โผล่มานี่ได้น่ะ”

“ฮะ ผมเห็นวันนี้ว่างถึงได้นัดแพทกินมื้อกลางวันด้วยกัน เห็นบอกตรวจเลือดมาทีแรกก็นึกว่าจะมีเรื่องใหญ่ ที่แท้ก็หลอกผม เสียอารมณ์จริงๆ”

ปริมหัวเราะ “งั้นก็ไปหาที่หย่อนใจของเธอเถอะไป๊ อยู่ตรงนี้พี่ช่วยให้หายเซ็งไม่ได้หรอกนะ” หญิงสาวลุกขึ้นวางมือทั้งสองลงบนโต๊ะ โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ย้ำข้อความสำคัญอีกครั้ง

“เธอจะคิดทำอะไรก็ตามใจ แต่ก็อย่างที่พี่บอก การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ อย่าเอามาทำเป็นเล่นเด็ดขาด ถามตัวเองดีๆ ว่าควรจะแต่งงานกับอยากจะแต่งงาน เธอต้องการให้เป็นอย่างไหน ไม่ว่าปัณณ์ตัดสินใจยังไง จำไว้ว่าพี่อยู่ข้างเธอเสมอ”

เพียงจบประโยค ปัณณ์ก็ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมากอดพี่สาว

แม้ปริมจะสวมรองเท้าส้นสูงเพื่อให้แลเพรียวตามประสาผู้หญิงทำงาน แต่เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม เธอกลับเหมือนเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในความคุ้มครองของอัศวินผู้กล้าหาญมากกว่า

ช่วงไหล่กว้างแข็งแรงโอบสตรีร่างเล็กไว้ ปัณณ์แตะปลายคางบนศีรษะพี่สาว เอ่ยพึมพำ

“ขอบคุณพี่ปริมฮะ ผมรักพี่จัง”

มือบอบบางยกขึ้นตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ

“จ้า ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วจ้า ปล่อยได้แล้ว พี่ต้องทำงานเสียที”

ปัณณ์คลายอ้อมแขน และเดินลอยชายออกจากห้องทำงานของพี่สาว ราวกับว่าเมื่อเอาปัญหามาทุ่มทิ้งแล้วก็สบายใจ พร้อมจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ของตนต่อไป

ปล่อยให้สตรีผู้เป็นเจ้าของห้องมองตามพร้อมกับส่ายหน้านิดๆ บอกยากว่าเป็นไปด้วยความเอ็นดูหรือระอาใจกันแน่






ปัณณ์ยังไม่ทันได้ออกจากอาคารแอบโซลูตทาวเวอร์ เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ประจำรถก็ดังขึ้น

“มีคุณผู้หญิงชื่อภัทรีมาจะขอขึ้นไปคอยคุณปัณณ์ที่ห้อง จะให้ดิฉันมอบกุญแจให้เธอไหมคะ” เจ้าหน้าที่ประจำคอนโดมิเนียมที่เขาพักมีร่องรอยไม่แน่ใจแทรกอยู่

“ภัทรีมา...แพทงั้นเหรอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะ ‘รุก’ หนักถึงขนาดบุกไปที่นั่น เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ไม่ต้อง ถ้าเขาอยากคอยก็ให้คอยที่ล็อบบี้ข้างล่างนั่นแหละ”

ปัณณ์ตัดการติดต่อแล้วเลี้ยวรถกลับทิศทันที พลางต่อสายไปยังเลขหมายของสตรีอีกผู้หนึ่ง...วนิตา! เพียงเขาออกปากชวนเธอไปรับประทานค่ำด้วยกัน วนิตาก็ตอบตกลงง่ายดาย

หลังมื้ออาหารจบลง ชายหนุ่มพาคู่นัดกลับไปส่งที่บ้าน แล้วยัดเยียดตัวเองอยู่พูดคุยกับเธอต่อ

“ปัณณ์เครียดอะไรคะ วันนี้คุณเงี๊ยบเงียบ” วนิตารินไวน์มาส่งให้เขาแล้วชวนคุย

ปัณณ์ซึ่งจับก้านแก้วเนื้อบางทรงสูงกำลังหมุนเอียงแก้วเป็นวงกลมเพื่อสำรวจสีของไวน์ เลื่อนสายตามาสบสานกับหญิงสาว โพล่งออกมาดื้อๆ

“ถามจริงๆ นะต้า คุณอยากแต่งงานกับผมไหม”

วนิตาหัวเราะร่วนราวกับได้ยินเรื่องน่าขันที่สุดในโลก “ถ้าต้องแต่งงานกับคนเจ้าชู้อย่างคุณน่ะ ต้าอยู่คนเดียวดีกว่า แค่คิดว่าจะต้องรบกับสาวๆ ตั้งกุรุสที่คุณเคยควง ต้าก็เป็นทุกข์ตายแล้ว ไม่เอาด้วยหรอก”

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน สงสัยก็แต่ว่าทำไมแพทถึงอยากแต่งงานกับผมนักก็ไม่รู้” ปัณณ์ยักไหล่

“ไปทำเล่นๆ กับสาวไฮโซอย่างนั้นได้ไง รู้กันอยู่ว่าคนระดับเขากว่าจะหาผู้ชายที่คู่ควรกันเจอสักคน เขาไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ หรอก พนันกันเอาสร้อยเพชรเส้นหนึ่งเลยก็ได้ ต้าว่าเขาต้องตามตื๊อคุณไปอีกนานแน่”

คนฟังหัวเราะหึๆ “มีแววว่าผมต้องเสียสร้อยอีกเส้นแล้วสิเนี่ย”

มือบอบบางแบมาตรงหน้าเขาทันที “จะให้จริงเหรอ ต้ารับจริงๆ นะ”

“ให้ก็ได้ แต่ต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนสิ” ปัณณ์คว้ามือเธอมาจูบ แล้วไล้ริมฝีปากไล่ไปจนถึงไหล่เนียน ใช้ฟันขบสายเสื้อเส้นจิ๋วให้เลื่อนลงมาอย่างช่ำชอง

วนิตาหัวเราะคิก มือแสร้งป่ายเปะปะไปตามเนื้อตัวอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน ทว่าเมื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงทางกายของเขา หญิงสาวก็ตาโต ผงะออกห่างทันควัน

“เพชรน่ะอยากได้นะ แต่วันนี้ต้าไม่สะดวกค่ะ”

“ทำไมล่ะ นัดคนอื่นไว้หรือไง” ปัณณ์งึมงำ ขณะเอื้อมมือคว้าเอวดึงเธอกลับมานั่งดังเดิม

คราวนี้วนิตาไม่ล้อเล่น เธอเบือนหน้าหลบสัมผัสของเขา “ใครว่าล่ะคะ ตั้งแต่เราควงกัน ต้าก็ไม่ได้คบใครสักคน แต่ที่ว่าไม่ได้น่ะก็เพราะวันนี้ไฟแดงต่างหากล่ะ”

ปัณณ์ชะงัก เจ้าบ้านจึงบอกอย่างล้อเลียน “ไว้วันหลังนะคะ รับรองว่าต้าจะบริการให้คุ้มกับราคาเพชรเลยทีเดียว”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “งั้นคุณก็พักเถอะ”

“ไม่นอนที่นี่หรือคะ” วนิตาเลื่อนสายเสื้อขึ้นให้เข้าที่

“ไม่ล่ะ คงนอนไม่หลับ” เขาคว้ามือเธอมาแปะตรงบางส่วนของร่างกาย “ความผิดต้านะ”

เจ้าของบ้านจึงลุกขึ้น แล้วลากแขนเขาขึ้นมาด้วย “งั้นก็ไปหาคนอื่นมาช่วยไถ่โทษแทนต้าก่อนละกัน”

“คุณนี่ทำให้ผมหมดความมั่นใจเรื่อยเลยนะ ช่วยทำท่าอาวรณ์หรือหวงผมหน่อยได้ไหม นี่อะไร ผลักไสไปให้ผู้หญิงคนอื่นตลอดเลย”

“เก็บโหมดหึงหวงไว้ให้ยายแพทนั่นเถอะค่ะ ส่วนต้าน่ะ ขอเป็นอย่างนี้ต่อไปดีกว่า”

“ถามจริงๆ เลยนะ ไม่เคยคิดจะรักหรือพิศวาสผมบ้างหรือไง”

วนิตาหัวเราะคิก “รักเงินของคุณ รักเครื่องเพชรของคุณดีกว่า ส่วนตัวคุณน่ะ...ไม่รักให้โง่หรอก เห็นกันอยู่ว่ามีแต่หนทางเจ็บปวดเปล่าๆ”

ปัณณ์ส่ายหน้า “อย่าเปลี่ยนไปนะต้า ทุกวันนี้มีคุณคนเดียวที่ไม่เคยทำให้ผมประสาทเสียเลย”

“ค่ะ ไม่เปลี่ยนหรอก ปัณณ์เองนั่นแหละอย่าเผลอหลงรักต้าเข้าก็แล้วกัน เพราะต้าขี้เกียจหักอกคุณ” คนพูดเอื้อมตัวจูบแก้มเขาเบาๆ ”ถ้าไม่ค้าง งั้นคุณก็กลับเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้ามีงานเช้าด้วย เดี๋ยวจะเข้านอนละ”

“ฝันดีนะต้า” ปัณณ์จับศีรษะเธอโยกเบาๆ ทั้งด้วยความเอ็นดูและชื่นชม ก่อนจะกลับออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างว่าง่าย

เมื่อกลับขึ้นมาบนรถ ชายหนุ่มนั่งนิ่งๆ อยู่ครู่ใหญ่ ความอึดอัดที่ร่างกายซึ่งถูกกระตุ้นแต่ยังมิได้รับการปลดปล่อย รุกเร้าให้ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาเรียกไปยังเลขหมายของผู้จัดการส่วนตัว ทันทีที่ปลายทางรับสายเขาก็ออกคำสั่ง

“พี่ดา วันนี้ผมเหงาจัง หาใครมาเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”

“ฉันไม่ใช่แม่เล้านะยะ” ดาลัดกรอกเสียงแหวดๆ มาตามสาย

“งั้นผมหาเองก็ได้ เกิดเรื่องหลุดไปถึงหูนักข่าว อย่ามาว่าผมละกัน” ปัณณ์แหย่

“หยุดเลย! แค่คิดก็ผิดแล้วย่ะ เอางี้...เดี๋ยวลองติดต่อให้ก็ได้ อยากได้ใครเป็นพิเศษไหม”

“ยายแซมนั่นเป็นไง” ปัณณ์ก็ไม่รู้เช่นกันว่าไฉนผู้หญิงคนนั้นจึงติดตาติดใจเขานัก อาจเพราะท่าทางเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเครื่องแต่งกายของเจ้าหล่อนก็ได้ นับแต่วันบวงสรวงที่ได้พบเธอ เขาก็เก็บเอาผู้หญิงคนนั้นไปฝันถึงหลายหน อยากรู้ว่าถ้าเขาค่อยๆ ปลดเสื้อเจ้าหล่อนออก เนื้อแท้ของเธอผู้นั้นจะหวานละมุนยวนตาเหมือนที่เห็นหรือเปล่า

“สู้ค่าตัวนางร้ายร้อยล้านไหวไหมล่ะ เธออาจต้องจ่ายแพงเป็นพิเศษก็ได้นะ” ดาลัดประชด

“เท่าไหร่ก็จ่ายได้น่าพี่” ปัณณ์เอ่ยกลั้วหัวเราะ “พี่จัดให้ผมได้จริงหรือเปล่าล่ะ”

“ชะหนอย! ดูถูก” พูดเองดาลัดก็อดขันตนเองไม่ได้ “เอาเถอะ เดี๋ยวจะดูให้ละกัน”

“ถ้าไม่ได้ยายแซม...” ความที่พบเจอแต่ผู้หญิงแบบเดียวกัน ทั้งยังออกจะ ‘เข็ด’ ที่ถูกภัทรีมาจ้องจะยึดตัวเองไปเป็นสามี กอปรกับเริ่มเบื่อสาวๆ เจนสังเวียน เขาจึงเสริม “ขอแบบที่สะอาดๆ ทำตัวเป็นผู้หญิงดีๆ ได้ก็จะดีมาก ผมรู้นะว่าขอมากไป แต่อย่างน้อยก็ช่วยแกล้งทำเป็นมีมาดหน่อย เล่นตัวกับผมบ้างนิดๆ หน่อยๆ ได้ไหม อย่าให้ถึงขนาดจะชำเราผมตรงหน้าประตูเลย”

ดาลัดเบ้หน้า “ก็เธอมันน่ากินซะขนาดนี้นี่ บอกตรงๆ นะปัณณ์ ถ้าเธอไม่ใช่คนนามสกุลรัชนาถ คิดเหรอว่าฉันจะเว้นเธอไว้น่ะ”

“โอย...อย่าเลยพี่ ให้ผมลงนรกไปคนเดียวเหอะ” ปัณณ์หัวเราะ รีบปัดเรื่องออกให้พ้นตัว เพราะรู้ดีว่าผู้จัดการส่วนตัวไม่เคยปล่อยเด็กในสังกัดผ่านมือไปโดยไม่ได้ลิ้มลอง โชคคงเป็นของเขาที่ทางบ้านมีฐานะมากจนไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ปัณณ์จึงเสนอค่าตอบแทนก้อนโตโดยหักเปอร์เซ็นต์จากค่าตัวให้แก่ดาลัดมากกว่าอัตราปกติ เพื่อแลกกับความสุขสวัสดีของเนื้อตัวเขา

“เรื่องนั้นตกลงว่ายังไงล่ะพี่ดา” ปัณณ์ทวงอีกหน

“ข้อแม้เธอเยอะมาก พี่น่ะจัดให้ได้นะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าอาจจะต้องรอนานหน่อย”

“รอนานก็ได้ แต่ต้องให้คุ้มค่ากับการรอคอยนะ อ้อ...วันนี้ผมไม่ได้ไปที่ลาดพร้าว ส่งไปคอนโดผมที่สาทรแทน ให้ขึ้นไปที่ห้องได้เลย เดี๋ยวผมจะแวะสั่งผู้จัดการที่ล็อบบี้ไว้ให้”

เมื่อมาถึงคอนโดมิเนียมอีกแห่งที่เขาไม่ค่อยได้แวะมาพัก ปัณณ์ตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อถามหาทรงชัย ผู้จัดการซึ่งเขาคุ้นเคยดี แต่กลับได้รับคำบอกเล่าว่าทรงชัยลาออกไปแล้ว

ชายหนุ่มจึงขอพบผู้ที่มาแทน ปัณณ์หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งเลื่อนไปตรงหน้าผู้จัดการส่วนนิติบุคคลคนใหม่ของคอนโดมิเนียม แล้วออกคำสั่ง

“เดี๋ยวจะมีคนมาหาผม คุณส่งขึ้นไปที่ห้องได้เลย” เขาใช้ปลายนิ้วเคาะที่ขมับเบาๆ ”รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง คุณไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

“ครับท่าน” ฝ่ายนั้นรับคำ สีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัด



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2555, 07:02:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2555, 07:02:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 2212





<< ตอนที่ ๑   ตอนที่ ๓ >>
สิริณ 1 ส.ค. 2555, 07:11:59 น.
ประสบการณ์จากการโพสต์ไม่จบในเล่มที่แล้ว ยังรู้สึกผิดไม่หายเลย
ครั้งนี้จึงตัดสินใจจะลง บุหงาซ่อนกลิ่น ครั้งละสองตอนค่ะ
หวังว่าจะอ่านกันอย่างมีความสุขนะคะ ^^


minafiba 1 ส.ค. 2555, 07:31:50 น.
ขอบคุณค่า เรื่องนี้พิมพ์ที่อรุณเหมือนเดิมใช่ไหมคะ


เดิมเดิม 1 ส.ค. 2555, 08:02:20 น.
ไปสอย "รอยตะวัน" มาอ่านเพิ่งจบไปสนุกมากๆ ค่ะ


Siang 1 ส.ค. 2555, 08:41:30 น.
อ่านมา 2 ตอนแล้ว นางเอกยังไม่มีบทพูดเลยค่ะ หวังว่าตอนหน้าคงจะมีนะคะ


sai 1 ส.ค. 2555, 09:59:03 น.
อีตานี่ ไม่รอดูเลยว่าผู้หญิงที่มาเปนใครเด๋วผิดตัวขึ้นมาล่ะยุ่งแน่ๆ


imsoul 1 ส.ค. 2555, 10:43:51 น.
เริ่มสนุกแล้วนะคะ


ปอปู 1 ส.ค. 2555, 11:16:52 น.
ว้า...เริ่มมันแล้ว


หมูอ้วน 1 ส.ค. 2555, 14:05:27 น.
มาครั้งละสองตอน หมูอ้วนเลยเม้นท์ตอนแรกไม่ทันเลย เสียใจที่ซู๊ดด


wane 2 ส.ค. 2555, 00:36:06 น.
สนุกค๊าาาา ....หวังว่าคราวนี้ไรเตอร์จะใจดีลงให้จนจบนะค๊าาาา


violette 2 ส.ค. 2555, 02:23:35 น.
กรี๊ดดดดดดดดดด อยากให้เจอกันแล้วค่าาา
ชอบนางเอกตั้งแต่ยังไม่เริ่มมีบท (อ่าววว


nunoi 2 ส.ค. 2555, 11:16:15 น.
อ๊ายยยย นางเอกจะถูกหลอกมาให้พระเอกหรือเปล่านะ


รอให้เป็นเล่ม 4 ส.ค. 2555, 16:21:40 น.
แอร๊ยยยยย ลุ้น!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account