ปมรักภูตเสน่หา โดย ตารกา (วางแผงแล้ว)
56 ปีที่ก่อน ณ คฤหาสน์ผาทราย พลช ชายหนุ่มรูปงาม ลูกชายของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ได้ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคู่หมั้น แม้เวลาจะผ่านมากหลายทศวรรษแล้ว แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มก็ยังไม่ไปไหน เขาสถิตอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยการกลับมาของคนที่รักหมดหัวใจ

นิยายเรื่องนี้วางแผงแล้วนะคะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
หรือสั่งซื้อได้ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

http://www.thebooklovers.co.th/index.php/product/detail/778


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานนะคะ
Tags: ซึ้งกินใจ ลึกลับ ย้อนอดีต ผี โรแมนติก จิตกรหนุ่มผู้เจ้าอารมณ์ วิญญาณอาลัยที่แสนอ่อนโยน สืบสวน นางเอกเป็นนักกายภาพบำบัด คฤหาสน์กลางเกาะ

ตอน: บทที่ 10 รักสามเส้า

บทที่ 10 รักสามเส้า

เวลารอบตัวปรางทิพย์เริ่มหมุนไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง หากมองกันตามหลักความเป็นจริง หญิงสาวคงมองภาพเหล่านี้ไม่ทันและจับใจความสำคัญของเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ตอนนี้ในสมองเธอกลับมีบทสรุปของเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่อย่างครบถ้วน คงเพราะมันเป็นฝันกระมัง เรื่องหลายอย่างจึงไม่เป็นไปตามหลักความเป็นจริง

ในช่วงสี่สัปดาห์หรือเวลาอึดใจเดียวสำหรับปรางรัตน์ ในคฤหาสน์ผาทรายแห่งนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง หลังจากวาดวลีมาอยู่ที่นี่ได้สองวัน คุณพลชก็กลับไปพระนคร จากนั้นนายพงษ์ก็ล้มป่วยอีก ลูกๆ จึงตัดสินใจส่งหมอจากพระนครมาดูช่วยตรวจดูอาการเป็นระยะ ส่วนคุณพิมพาก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและดนตรีกับครูคนใหม่ สัปดาห์ละสี่วัน

ตอนนี้คนโปรดของคุณพิมพาไม่ใช่แก้มแก้วอีกแล้วแต่เป็นวาดวลีแทน คุณครูคนใหม่ถูกใจเด็กหญิงหนักหนา เพราะเล่านิทานเก่ง ดัดเสียงได้สารพัด มีของเล่นกับการละเล่นแปลกๆ มาสอนเสมอ เด็กหญิงจึงยอมเรียนเปียโน และภาษาอังกฤษแต่โดยดี เรียกว่าเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นเด็กดี จนคุณแจ่มจันทร์เธอร้องไห้น้ำตาซึมด้วยความปลื้มใจไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

ที่แท้แล้วพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กหญิงไม่ได้มาจากนิสัยเอาแต่ใจอย่างเดียว แต่เป็นเพราะถูกจำกัดพื้นที่ ไม่มีเพื่อนวัยเดียวกันหรือการละเล่นที่เหมาะสมกับวัยให้เล่น เด็กหญิงต้องอยู่แต่บนตึก อยู่กับคุณแม่และซ่อนกลิ่นเท่านั้น เหตุที่ไม่มีใครยอมให้ลงมาด้านล่างเพราะว่ากลัวจะหกล้มหรือหลงทาง อีกสาเหตุหนึ่งคือตอนมาอยู่ใหม่ๆ ซ่อนกลิ่นเคยพาเด็กหญิงลงมาเล่นซ่อนหากัน คุณพิมพาเธอวิ่งเข้าไปซ่อนหลังพุ่มไม้ในป่าแล้วผล็อยหลับไป ทำเอาวุ่นวายกันทั้งบ้าน เลยมีการสั่งห้ามไม่ให้เล่นซ่อนหากันอีกเลย

วาดวลีรู้สึกสงสารจึงไปขออนุญาตนายพงษ์ให้เด็กหญิงลงมาวิ่งเล่นได้ เธออาสาจะเป็นคนดูแลคุณพิมพาเอง ทั้งยังสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาอย่างเด็ดขาด นายพงษ์จึงยอมอนุญาต พอได้ออกมานอกบ้าน วิ่งเล่นกับวาดวลีและพวกคนรับใข้ เด็กหญิงก็ลืมเพื่อนเก่าอย่างคุณพยาบาลไปเสียสนิท

ด้วยเหตุนี้แก้มแก้วจึงมีเวลาว่างมากขึ้น หญิงสาวใช้เวลาเหล่านี้เย็บผ้า ถักไหมพรมไปตามประสา บางครั้งก็หาหนังสืออ่านเพิ่มพูนความรู้ บ้านหลังนี้มีหนังสืออยู่มากมาย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทั้งหมดเป็นของสะสมของนายพงษ์ พอย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ให้คนส่งของตามมาด้วย นอกจากนี้ยังมีเรือมาส่งหนังสือกับนวนิยายใหม่ๆ ทุกสองสัปดาห์

นายพงษ์อนุญาตให้คนในบ้านหยิบออกมาอ่านได้ กระนั้นก็ยังมีแค่แจ่มจันทร์กับแก้มแก้วเท่านั้นที่เข้ามาหาหนังสืออ่าน ส่วนวาดวลีชอบออกกำลังกายมากกว่า เวลาว่างเธอจะเกณฑ์คนในบ้านมาเล่นแบดมินตันเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง

ความสดใสของวาดวลีดึงความสนใจของทุกคนไปหมด แต่แก้มแก้วก็ไม่นึกริษยา หญิงสาวอยู่อย่างสงบเสงี่ยม และออกจะเงียบเกินไปด้วยซ้ำ หลายครั้งที่ปรางรัตน์เห็นหญิงสาวถักไหมพรม แต่ตาดวงตากลับเหม่อลอย ถูกใครเรียกทีก็จะสะดุ้งที เหมือนกับว่ามีเรื่องทุกข์ใจ

ปรางรัตน์เฝ้ามองด้วยความสงสัยแล้วก็ได้รับการเฉลย เมื่อคุณพจน์กับคุณพลชมาเยี่ยมบิดาอีกครั้ง พอเห็นคุณพจน์ท่าทีเซื่องซึมของแก้มแก้วก็กลับมามีชีวิตชีวา หญิงสาวเดินออกไปรับเขาแล้วส่งยิ้มไปให้ ยังไม่ทันที่คุณพจน์จะได้ยิ้มตอบหรือทักทายปราศรัย คุณพลชก็เดินตัดหน้ามาพูดกับแก้มแก้วเสียก่อน

“ผมมีของมาฝากคุณด้วยครับ กราบคุณพ่อแล้วผมจะเอาไปให้”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวก้มลงไหว้ชายหนุ่ม

คุณพลชรับไหว้แล้วยิ้มไม่หุบ เวลาอยู่กับแก้มแก้วเขาจะเป็นแบบนี้เสมอ เอาแต่มองเธอแล้วก็ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง ท่าทางคงจะหลงรักแก้มแก้วเข้าจริงๆ เสียแล้ว

“มีของฝากแต่แก้มแก้ว แล้วของรุ้งไม่มีหรือคะ”

เสียงของวาดวลีตั้งมาจากทางด้านหลัง หันไปก็เห็นว่าเธอกำลังเดินมา หญิงสาวหันไปไหว้คุณพจน์เสียก่อน แล้วจึงค่อยหมุนตัวมาไหว้คุณพลช

“ของคุณวาดวลีก็มีครับ มากมายก่ายกองเชียวล่ะ ที่ผูกผ้าแดงเอาไว้คือของที่ทางบ้านคุณฝากมาทั้งนั้น”

เห็นของที่กองอยู่มีทั้งอาหารคาวหวานกับข้าวของเครื่องใช้สารพัด บ่งบอกถึงความรักความห่วงใยของครอบครัวที่มีต่อหญิงสาว ปรางรัตน์เคยได้ยินรวยกับติ๋มบอกว่า วาดวลีมีพี่น้องชายหญิงทั้งหมดเจ็ดคน แต่ได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าใครในบ้าน เพราะเป็นลูกคนโปรดของทั้งบิดาและมารดา

“รุ้งไม่ได้หมายถึงของฝากจากที่บ้านเสียหน่อย รุ้งถามถึงของที่พี่พลชซื้อมาฝากต่างหากละคะ อย่าบอกนะคะว่าลืมกันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นรุ้งน้อยใจจริงๆ ด้วย”

หญิงสาวทำปากยื่นน้อยๆ เรียกว่างอนได้อย่างน่ารักไม่ดัดจริตเกินงาม มองแล้วชวนให้เอ็นดู

“มีอยู่แล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกใจคุณวาดวลีหรือเปล่า” คุณพลชรีบพูด

“ขอบคุณค่ะพี่พลชที่ไม่ลืมกัน แต่รุ้งบอกกี่ครั้งแล้วคะว่าให้เรียกรุ้งว่ารุ้ง เรียกกันเสียเต็มยศมันไม่ชินหูเลย เราใช่คนอื่นคนไกลกันที่ไหน”

“ขอโทษครับ ผมเผลอติดปากไปเสียแล้ว คุณวาดวลี…เอ่อ รุ้งอย่างถือสาผมเลยนะครับ”

ในขณะที่สองหนุ่มสาวยืนคุยกัน คุณพจน์กับแก้มแก้วก็ยืนสบตากันนิ่ง แววตาของทั้งคู่ดูลึกซึ้งแฝงเอาไว้ด้วยความโหยหาอาลัย ราวกับจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของกันและกัน

ปรางรัตน์ได้เข้าใจในวินาทีนี้เองว่าสองหนุ่มสาวชอบพอกันอยู่ เพราะเหตุนี้แก้มแก้วจึงดูเป็นกังวลตอนที่นายพงษ์ขอร้องให้ช่วยเรื่องคุณพจน์กับวาดวลี

ในช่วงที่ไม่มีใครสนใจคนทั้งสอง คุณพจน์ก็ขยับปากเป็นคำว่า ‘สวนด้านหลัง’ เหมือนจะนัดแนะให้แก้มแก้วออกไปเจอกัน หญิงสาวพยักหน้ารับคำน้อยๆ แล้วหลบฉากออกไปที่สวนด้านหลังทันที

แก้มแก้วดูมีความสุขขณะรอคอยคนรัก แต่เมื่อได้พบหน้ากันสีหน้าของหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนไปเป็นอมทุกข์ เธอคงระลึกได้ว่าชายที่รักมีคู่หมายอยู่แล้ว

“สบายดีหรือเปล่า” คุณพจน์ถามขึ้นก่อน

“ดิฉันสบายดีค่ะ” หญิงสาวปรับสีหน้าแล้วฝืนยิ้มให้

“พ่อเธอออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ ส่วนน้องชายก็เริ่มทำงานที่โรงพิมพ์แล้ว เถ้าแก่ชมเปาะทีเดียวว่าขยันขันแข็ง แล้วนี่…” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบบางสิ่งออกมา “…จดหมายที่พี่สาวเธอฝากมาให้”

“ขอบพระคุณคุณพจน์มากค่ะ” แก้มแก้วยกมือไหว้ก่อนจะรับซองจดหมายมา

สักพักคุณพจน์ก็หยิบกล่องสีดำออกมาจากระเป๋าเสื้อ แล้วสั่งให้แก้มแก้วเปิดดู ข้างในนั้นมีนาฬิกาสายหนังเรือนสวยบรรจุอยู่

“ฉันให้เป็นรางวัลที่เธอดูแลคุณพ่ออย่างดี”

“ขอแพงอย่างนี้ดิฉันรับไม่ได้หรอกคะ” แก้มแก้วรีบปิดกล่องแล้วส่งคืนให้

คุณพจน์ย่นหัวคิ้วมองมาทางหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาเอามือไพล่หลังเอาไว้ไม่ยอมรับขอที่แก้มแก้วส่งให้เสียอย่างนั้น

“อย่าทำอย่างนี้สิคะคุณพจน์ ดิฉันลำบากใจนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ แล้วทำท่าเหมือนจะต้องไห้

“นี่ไม่ใช่แค่ของตอบแทน แต่ยังมีความรู้สึกของฉันอยู่ด้วย ถ้าเธอไม่อยากรับมันไว้ จะให้ใครหรือปาทิ้งก็สุดแล้วแต่เธอ”

คุณพจน์เอ่ยประโยคเหล่านี้อย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังสบาย สีหน้าเขาเรียบเฉย แต่แววตากลับแลดูอบอุ่นกว่าทุกคราว

เมื่อเห็นว่าแก้มแก้วยังมีสีหน้าลำบากใจ ชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบนาฬิกา แล้วบรรจงใส่ให้ที่ข้อมือข้างซ้ายของหญิงสาว จากนั้นก็เดินหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ปรางรัตน์สังเกตเห็นว่าความยาวสายมันพอเหมาะพอเจาะกับข้อมือของแก้มแก้ว นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่เพราะเธอเองก็เป็นคนข้อมือเล็กเหมือนกัน นาฬิกาที่วางขายทั่วไปไม่เคยจะพอดีมือเลย ยกตัวอย่างของที่ได้มาเป็นของขวัญตอนรับปริญญา คนให้บอกว่าเลือกดีแล้ว แต่ก็ยังต้องเอาไปตัดสายและเจาะรูใหม่ ดังนั้นที่แก้มแก้วใส่ได้พอดีอย่างนี้แสดงว่าคุณพจน์ต้องรู้ขนาดข้อมือคนรักและสั่งทำให้เป็นพิเศษ

แก้มแก้วก้าวเดินตามคุณพจน์ไป เธอเอื้อมมือไปข้างหน้าหมายจะเรียกเขาไว้ แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมา หญิงสาวยกนาฬิกาขึ้นมาดู ก่อนจะแนบมันลงกับตำแหน่งของหัวใจแล้วเริ่มร้องไห้ ไม่มีเสียงสะอื้นดังให้ได้ยิน มีเพียงน้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจเท่านั้นที่หลั่งไหลออกมา

ปรางรัตน์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงสาวจึงร้องไห้ แต่เมื่อทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่าง และคิดอย่างคนสมัยก่อน หญิงสาวก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกของแก้มแก้ว

สถานะของของแก้วในบ้านหลังนี้ดีกว่าคนรับใช้แต่เธอก็ยังเป็นแค่ลูกจ้าง ย่อมไม่คู่ควรกับลูกชายท่านเจ้าของบ้าน ถึงแม้คุณพจน์จะรู้สึกแบบเดียวกัน หรือยอมขัดใจพ่อก็คงจะสมหวังได้ยาก ช่างเป็นความรักที่ดูอึดอัด ไม่ได้ดั่งใจสาวยุคใหม่อย่างแก้มแก้วเลย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยอารมณ์ละเมียดละไม ดูลึกซึ้งตรึงใจ ไม่ใช่รักฉาบฉวยของวัยรุ่นอย่างที่เห็นกันอยู่ดาษเดื่อ

ปรางรัตน์สงสารหญิงสาวจับใจ ทั้งยังรู้สึกคับข้องใจราวกับว่ามันเป็นเรื่องราวของตัวเอง เธออยากปลอบแก้มแก้วว่าอย่าร้อง แต่คนที่เหมือนวิญญาณลอยไปลอยมาอย่างเธอย่อมไม่มีสิทธิ์จะทำเช่นนั้น

ในขณะที่แก้มแก้วกำลังพยายามกลั้นน้ำตา คุณพลชก็เดินยิ้มระรื่นเข้ามาหา เขามาเงียบๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ รู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็มายืนอยู่ข้างตัวแล้ว

“มาอยู่นี่เองหรือครับแก้มแก้ว ผมตามหาคุณเสียทั่ว…” เอ่ยได้เท่านี้สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นตกใจ เมื่อเห็นน้ำตาของแก้มแก้ว “เป็นอะไรไปครับ ใครทำอะไรคุณ”

“เปล่าคะคุณพลช ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นเอง ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” แก้มแก้วปาดน้ำตาทิ้งแล้วก้มหน้าหลบสายตาค้นหาของอีกฝ่าย

ได้ยินแบบนั้นคุณพลชก็วางของที่หิ้วมาลงพื้น แล้วบอกว่าให้รอก่อน เขาจะเอาน้ำล้างตามาให้ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านว่าเดินไปเองจะเร็วกว่า

แก้มแก้วเห็นว่าห้ามไม่ทันแล้ว ก็เลยก้มลงเก็บบรรดาถุงกระดาษที่ล้มระเนระนาด เอาไปวางไว้บนโต๊ะไม้สีขาว ที่อยู่บริเวณนั้น

สักอึดใจชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมอ่างใส่น้ำสะอาดใบหนึ่ง เสื้อผ้าชายหนุ่มเปียกเป็นหย่อมๆ เพราะรีบร้อนวิ่งมา แต่น้ำในอ่างก็ยังเหลืออยู่เกินครึ่ง

“นี่เป็นน้ำต้มสุขแล้วครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะมีเชื้อโรค”

ผู้ชายคนนี้ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ใส่ใจเราได้ถึงขนาดนี้

แก้มแก้วเองก็ดูเหมือนจะคิดไม่ต่างกันนัก หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม แล้วก้มหน้าลงไปลืมตาในน้ำสะอาด จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับใบหน้า

“ข้างแก้มยังเปียกอยู่เลยครับ ใช้นี่สิครับ” คุณพลชส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดให้ เมื่อเห็นว่าผ้าผืนน้อยในมือหญิงสาวชุ่มไปด้วยน้ำ

แก้มแก้วรับมาซับหน้าแต่โดยดี หญิงสาวบอกว่าจะซักคืนให้ แต่ชายหนุ่มกลับขอคืนทั้งอย่างนั้น

“ไม่ได้หรอกค่ะถ้าไม่ซักคืนให้ ดิฉันมิกลายเป็นคนใช้ไม่ได้หรือคะ”

หญิงสาวกำผ้าเช็ดหน้าของเขาไว้แน่น สายตาบอกว่าไม่มีทางส่งคืนให้ทั้งอย่างนี้เด็ดขาด

ท่าทีขึงขังของหญิงสาว ทำให้คุณพลชอมยิ้ม เขายกมือยอมแพ้แล้วบอกให้เธอเอาไปซักตามสบาย แต่ก็ยังไม่วายพูดต่อว่า

“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ผมหวงมาก ถ้าไม่ได้คืนคงเสียใจแย่ เพราะฉะนั้นขอเก็บของแก้มแก้วเอาไว้เป็นตัวประกันนะครับ”

ชายหนุ่มฉวยผ้าเช็ดหน้าซึ่งวางไว้ที่ขอบอ่างขึ้นมา แล้วยกมันจรดกับจมูก

“หอมชื่นใจจริง กลิ่นอะไรหนอ” คุณพลชยิ้มกริ่ม ดวงตาเป็นประกายวาววับ

“กลิ่นน้ำอบกระมังคะ แม่สร้อยแบ่งมาให้ใช้ ก็เลยลองหยดใส่ผ้าเช็ดหน้าดู” แก้มแก้วตอบอย่างพาซื่อ

“น้ำอบแน่หรือครับ ไม่น่าจะใช่นะ” ชายหนุ่มพึมพำพลางย่นหัวคิ้ว “อืม…หอมซึ้งไปถึงใจอย่างนี้น่าจะเป็นกลิ่นแก้มแก้วเสียมากกว่า” คุณพลชไม่พูดเปล่าแต่ยังทำตาซึ้งใส่หญิงสาวด้วย

สายตาหวานเชื่อมของเขาทำให้คนเฝ้ามองอย่างปรางรัตน์บิดตัวไปมาเพราะความเขิน ถ้าหากนี้เป็นละคร หญิงสาวคงจะนั่งกรี๊ดคุณพลชอยู่หน้าจอด้วยความถูกใจเป็นแน่แท้

ปรางรัตน์ชอบผู้ชายคนนี้เหลือเกินแต่แก้มแก้วกลับไม่คิดเช่นนั้น สีหน้าของหญิงสาวหม่นลงแล้วดูเงียบไปทันตา ในที่สุดคุณพลชก็รู้ตัวว่าทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ดี ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

“เกือบลืมไปเลย!” คุณพลชทำเสียงดังเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วผ่ายมือไปที่โต๊ะ “นี่ของฝากครับ ผมซื้อมาให้”

ข้าวของมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะล้วนเป็นของกำนัลแด่แก้มแก้วทั้งสิ้น

“มากมายขนาดนี้เลยหรือคะ คุณพลชไม่น่าจะต้องมาหมดเปลืองเลย”

แก้มแก้วตั้งท่าว่าจะไม่รับไว้แต่ชายหนุ่มชิงดักคอเอาไว้เสียก่อน

“ทั้งหมดนี่คือน้ำใจของผมครับ อย่าวัดค่าที่ตัวเงินเลย น้ำใจไม่มีถูกแพงจริงไหมคำ”

ด้วยเหตุนี้แก้มแก้วจึงจำต้องรับมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ กระนั้นเธอก็ยังมีสีหน้าลำบากใจแบบปิดไม่มิด คุณพลชก็เลยถามไปตามตรงว่าอึดอัดใช่ไหมที่เขาซื้อของให้

“ดิฉันเกรงใจค่ะ ลำพังเงินเดือนที่คุณท่านให้ก็สูงมากอยู่แล้ว คุณพลชยังกรุณาให้ของตั้งมากมาย ทั้งที่ฉันก็แทบไม่ได้ทำคุณประโยชน์อะไรให้เลย”

“ผมไม่ได้ซื้อของพวกนี้มาให้แก้มแก้วเป็นสินน้ำใจหรือรางวัลนะครับ ผมให้ก็เพราะอยากให้จริงๆ” ชายหนุ่มกล่าวเสริม
ไม่ต้องบอกแก้มแก้วก็ดูจะเข้าใจอยู่แล้ว ที่ทำให้อึดอัดคือแววตาหวานเชื่อมที่คุณพลชมองเธอต่างหาก แต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่รู้ตัว เขาปักใจว่าเป็นเรื่องของฝากจึงพูดต่อว่า

“ถ้ามันทำให้แก้มแก้วอึดอัด ผมก็ต้องขออภัยด้วยครับ”

“คุณพลชไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ ดิฉันเสียอีกที่เสียมารยาท ขอบคุณมากนะคะ ดิฉันจะเก็บรักษาของทุกชิ้นไว้อย่างดีเลยค่ะ” แก้มแก้วรีบพูด

“แค่รับไว้ผมก็ดีใจแล้วครับ แล้วผมก็ผิดจริงๆ ที่ซื้อมามากไป” ชายหนุ่มเว้นช่วงเพื่อรวบรวมความคิด แล้วจึงพูดต่อ “สารภาพตามตรงนะครับพอคิดว่าแก้มแก้วอยู่กลางเกาะ หาซื้อข้าวของลำบากผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เห็นอะไรเป็นต้องนึกถึงไปเสียหมด ทุกวันคิดอยู่ตลอดว่าคุณกินอย่างไรอยู่อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็ซื้อข้าวของของผู้หญิงมาสะสมมากมายแล้ว”

ข้อความที่คล้ายกับคำสารภาพรักทำให้แก้มแก้วผุดลุกขึ้นมาจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเอ่ยขอบคุณอีกครั้งแล้วขอตัวไปเตรียมยาให้นายพงษ์ มองดูก็รู้ว่าเธอพยายามหนีออกจากสถานการณ์นี้

คุณพลชมองแก้มแก้วไปตาละห้อย เห็นแล้วก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ ถ้าเทียบกันคุณพจน์ที่ดูเงียบขรึมแล้ว ปรางรัตน์คิดว่าคุณพลชเหมาะสมกับแก้มแก้วมากกว่าหลายเท่า

ทว่าฐานะอย่างแก้มแก้วจะหลงรักใคร หรือมีใครในสองหนุ่มมาหลงรัก ก็ไม่เหมาะไม่ควรทั้งนั้น ปรางรัตน์เลยได้แต่ถอนใจมองความเป็นไปของรักสามเส้าด้วยใจว้าวุ่น





นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2555, 12:40:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2555, 12:41:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1736





<< บทที่ 9 คนสองบุคลิก?   
หนอนฮับ 1 ส.ค. 2555, 12:59:50 น.
ว้า...คนสวยทำตัวไม่ถูก มีแต่คนรุมรัก เหมือนแก้มแก้วววว อิอิ ปล. แก้มแก้วคู่ใครกันแน่อ่ะ คนหนึ่งก็รัก คนหนึ่งก็ดี....เฮ้อออ


nunoi 1 ส.ค. 2555, 14:44:23 น.
คุณพจน์ กับ แก้มแก้ว ชอบกัน คุณพลช แอบชอบ แก้มแก้ว แล้วคุณวาดวลี แอบชอบ คุณพลช หรือเปล่าน๊า ถ้าเป็นอย่างนั้น ยิ่งกว่ายุ่งเหยิงอีกนะเนี๊ยะ


goldensun 1 ส.ค. 2555, 17:56:15 น.
รักกันคู่นึง รักข้างเดียวอีก 2 นี่เป็นเหตุที่พลชบอกว่าเป็นคนทำให้แก้มแก้วตายใช่มั้ย
แล้วคุณพงษ์ไม่รู้ว่า พจน์รักแก้มแก้วด้วยรึเปล่า ค่าที่เป็นคนขรึม ไม่แสดงออก อลเวงน่าดู
จากที่ปรางรัตน์ชอบผู้ชายแบบพลช จะใช่แก้มแก้วมาเกิดรึเปล่า หรือว่าถ้าแก้มแก้วไม่เจอพจน์ก่อน ก็อาจจะชอบพลชได้ สับสนน่าดู แล้วใครที่หมั้นกับพลช
น้ำสุกค่ะ ไม่ใช่น้ำสุข


Zephyr 1 ส.ค. 2555, 18:28:18 น.
มันแค่สามเส้าแน่เหรอ....โน้มจัง
มันดูเยอะกว่านั้นนะ อิอิ เค้ารักกันสองคน แต่คุณพลชนี่รักแก้มแก้ว ชัวร์
ยายรุ้ง ยังดูไม่ออกเหมือนจะรักคุณพลช รึป่าวนะ หรือพี่ก็ได้น้องก็ได้กัน
ทำไมพิมพาทำกับแก้มแก้วยังงี้ ลืมกันเฉนเลย ไม่ใช่สิ่งของนะพอเบื่อก็เลิกเล่นด้วยน่ะ


คิมหันตุ์ 2 ส.ค. 2555, 02:24:06 น.
ส่งสารคุณพลช และแก้มแก้วจริงๆ


mhengjhy 2 ส.ค. 2555, 15:49:23 น.
เฮ้อ น่าสงสารจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account