ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 14.1“เรื่องจริง ๆ ค่ะ อนงค์นางชอบอาจารย์เดชาพงษ์...”
บทที่ 14
วางสายจากจรินนาด้วยใจที่เบิกบานปานดอกไม้รับน้ำค้างยามค่ำคืนแล้วเดชาพงษ์ก็ต่อสายถึงเมขลาน้องสาวคนเล็กทันที
“สั่งสบู่หน่อยสิ...”
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” เมขลาแปลกใจเพราะปกติแล้วเธอจะต้องเป็นฝ่ายยัดเยียดสินค้าที่ตัวเองจัดจำหน่ายอยู่ให้กับพี่ชาย และพี่ชายเองก็จำใจจ่ายเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะนิสัยนั้นเป็นคนง่าย ๆ สมถะสันโดษ กินอยู่อย่างพอเพียง เรื่องใช้ของฟุ่มเฟือยโก้หรูละไม่มีทางเด็ดขาด แต่พี่ชายของเธอก็ไม่ได้ขัดขวางหากเธอจะจัดสรรของแบรนด์เนมหรือของคุณภาพไปให้และเรียกเงินทองในภายหลัง
“มีคนใช้แล้วชอบ”
“ใครคะ...ลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรือเปล่า” เมขลาหยั่งเชิง
“อืม...”
“ติดใจของที่ชำร่วยงานแต่งพี่ต้นกล้าหรือว่าเธอได้ไปแต่ประการใด”
“เขาแวะมาคุยธุระกับพี่ วันนั้นแหละ แล้วเห็นสบู่วางอยู่บนโต๊ะ พี่ก็เลยแบ่งให้ไปใช้นะ เขาบอกเขา รู้สึกว่าผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้น”
“โทรมาเล่าหรือคะ”
“อืม..” ต่อจากนั้นเดชาพงษ์ก็เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนี้ที่จรินนาโทรศัพท์มาหาเขาและพรำพรรณนาถึงคุณความดีของสบู่กับเขาอยู่เป็นนานสองนาน ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า มันเป็นข้ออ้างที่จะคุยกับเขา เพราะมันไม่ใช่มีแค่เรื่องสบู่อย่างเดียวมันรวมถึงเรื่องงานการกับชีวิตประจำวันของเธอด้วย...ซึ่งเขาเองยอมรับว่าเขายินดีรับฟังทั้งที่ก่อนหน้านั้นสุนันทาก็เคยพยายามทำอย่างนั้น แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่อยากรับรู้เรื่องของลูกศิษย์หม้ายสาวลูกติดนั่นสักเท่าไหร่
“ข้ออ้างแน่ ๆ เลย...คิดถึงพี่แหละ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร”
“สงสัย” เดชาพงษ์คล้อยตามความคิดน้องสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คนเป็นเนื้อคู่กันนี่คะ มันก็ต้องมีเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แหละคะ”
“มั่นใจจัง”
“แล้วพี่กล้วยเองเหอะจะเดินเกมจีบพี่เขาอย่างไร”
“ทำไมต้องจีบ”
“อ้าว..พี่นี่ พี่เป็นผู้ชายนี่คะ ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายจีบ ผู้หญิงถ้ามีใจให้เขาก็จะเล่นตัวแต่พองามบ้าง แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ต่อให้จีบเขาให้ตาย เขาก็ไม่เยื่อใยให้หรอกค่ะ ตัดไมตรีมันง่ายนิดเดียว แล้วคนที่ไม่ใช่เนื้อคู่กันมันก็จะมีเหตุให้รู้สึกเข้ากันไม่ได้จนได้ไปแหละ พี่ว่าอย่างนั้นไหมละ”
“อืม..แต่พี่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร” เดชาพงษ์ยอมรับไปตรง ๆ ส่งผลให้เมขลาแอบยิ้มกริมออกมาเพราะถ้าลองเผยความรู้สึกมาแบบนี้ก็แสดงว่าใจของพี่ชายคนรองของเธอก็คงจะเจอกามเทพแผลงศรรักปักให้แล้วแน่ ๆ “แล้วพี่รู้สึกอย่างไรกับพี่เขาละคะ”
“ก็เขาก็สวยดีนะ น่ามอง ดูฉลาดเฉลียวดี คุยกันรู้เรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ”
“เหมือนเขาอยากจะฟังพี่คุยด้วยใช่เปล่า”
“ใช่...เหมือนเค้าอยากคุยกับพี่นาน ๆ ถามนั่นถามนี่ตลอด” ส่วนใหญ่ก็จะถามเรื่องหน้าที่การงานของเขา แต่ว่าจรินนาก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเขาถึงได้อยู่เป็นโสดจนถึงปัจจุบัน
“แล้วพี่ก็เต็มใจอยากตอบ”
“เสียงเขาเพราะดี” ไม่ใช่แค่เสียงเพราะอย่างเดียว แต่เดชาพงษ์รู้สึกคุ้นหูกับเสียงของจรินนามาเนิ่นนานทีเดียว
“เนื้อคู่กันนี่”
“คุกเข่าขอแต่งงานไปรวดเดียวเลยดีไหม”
“แหม พี่ ถ้ามันง่าย ๆ แบบนี้นะ โลกใบนี้ก็คงไม่มีเรื่องสนุกหรอก...”
“อดทุกข์ใจไม่ได้ว่ะ...เขาระดับนั้น พี่ธรรมดามาก”
“ก็นั่นนะซิ ปัญหาชนชั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่หนูนาคิดว่า มันคงจะผ่านไปได้ไม่ยากหรอกคะ เพียงแต่ต้องใช้เวลากับมันหน่อย แล้วอีกอย่าง ลองได้เป็นเนื้อคู่กันแล้ว พระพรหมท่านก็คงมีวิถีทางให้คนสองคนได้ลงเอยกันในที่สุดแหละคะ พี่ว่าอย่างนั้นไหม”
----------------------------
พอทราบว่าวิษณุจักรจะให้ไปวาดภาพจิตรกรรมไทยลวดลายประยุกต์ที่ผนังบ้านของตัวเองบ้าง อนงค์นางก็นำเรื่องนี้มาปรึกษาอาจารย์ของตน และเดชาพงษ์ก็บอกให้หญิงสาวรับงานนั้น เพราะฝีมือของอนงค์นางนั้นจัดว่าปล่อยเข้าป่าได้แล้ว แต่ปัญหาของอนงค์นางเองคือเหมือนกับว่างานนี้เธอกำลังจะเข้าถ้ำเสือ ดังนั้นวันที่นัดดูสถานที่กัน อนงค์นางจึงได้ชวนสุนันทาไปเป็นเพื่อน
บ้านของวิษณุจักรนั้นอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งกินเนื้อที่เป็นไร่ รอบ ๆ ตัวบ้านที่เป็นตึกหลังคาปั้นหยาสองชั้นรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้มจนทำให้บ้านร่มเย็น พอเข้าไปในบ้านอนงค์นางก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเขาปูพื้นบ้านด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ เครื่องตกแต่งบ้านนั้นก็เป็นเครื่องไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ อีกด้วย ซึ่งเขาบอกกับหญิงสาวว่า เขานั้นชอบงานไม้ แต่ว่า อยากได้บ้านปูนร่วมสมัยจึงต้องกรุไม้ไว้ข้างใน
แม่บ้านที่เขาบอกไว้มีตัวตนจริง ๆ อนงค์นางจึงรู้สึกว่า พื้นที่ทำงานของเธอนั้นไม่น่ากลัวจนเกินไป แต่สุนันทาก็แอบกระเซ้าว่า โปรเจคนี้มันจะต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ เขาถึงได้จำเพราะเจาะจงว่าต้องเป็นอนงค์นางเพียงคนเดียวเท่านั้น และราคาที่เขาเสนอให้ก็มากพอที่จะทำให้อนงค์นางกระโจนลงประลองฝีมือและสู้กับเกมอะไรสักเกมที่เขาเป็นกำหนดมันขึ้นมา
ส่วนสุนันทานั้นเมื่อเห็นว่าวิษณุจักรดูจะมีใจให้อนงค์นางเป็นพิเศษ สุนันทาที่หมายปองในตัวอาจารย์เดชาพงษ์จึงรู้สึกร้อนใจ กระทั่งสบโอกาสสุนันทาจึงเดินขึ้นไปหาวิษณุจักรที่กำลังทำงานอยู่บนชั้นหก...
“มีอะไรกับผมเหรอครับ”
“ขอโทษนะคะ ก่อนหน้านั้น ฉันรู้สึกว่า คุณจักรดูจะรู้สึกพิเศษกับจิน แล้วเมื่อวาน รู้สึกว่า มันเปลี่ยนไปเป็นอนงค์นางเสียแล้ว”
“ทำไมเหรอครับ”
“ฉันสงสัยว่าทำไมเป็นแบบนั้นละคะ...ทั้งที่คุณจักรกับจินดูจะเหมาะสมกันดีออก”
“ก็เขาไม่ชอบผมนี่ครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการผู้ชายแบบไหน”
“ผู้ชายอย่างคุณจักร ใครมองข้ามไปก็โง่เต็มทีแล้วคะ”
“แต่คุณก็รู้ว่าคุณจินฉลาดแค่ไหน”
“จินเป็นคนฉลาดแกมโกงคะ...คุณจักรรู้สึกอย่างนั้นไหมละคะ”
“ก็ ใช่ครับ..เธอฉลาดพูดแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น...” นอกจากบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นแล้วก็ยังเหมือนจะเล่นเกมอยู่กับเขาอยู่ในที แต่ว่าเขานั้นมันก็ประเภทง้อใครนาน ๆ ไม่เป็นเสียด้วย และอีกอย่างตอนนี้เขารู้สึกอยากเล่นกับอนงค์นางมากกว่า ซึ่งเขาก็ได้ตัดสินใจทำมันไปแล้ว...และหญิงสาวก็ได้ใจเขาขึ้นมาอีกไม่น้อย เพราะพอเขาบอกว่า งานที่จะให้ไปทำนั้นเป็นงานคล้าย ๆ กับที่ทำในโรงแรมแห่งนี้ แต่ว่าเป็นมุมหนึ่งที่บ้านหน้าห้องนอนของเขา อนงค์นางก็อิด ๆ ออด ๆ ถามนั่นถามนี่ จนกระทั่งเขาเสนอเงินก้อนโตเข้าไป มันได้ผล แต่ว่าอนงค์นางก็ยังต้องมีกันชนคือพาสุนันทาไปดูทางหนีทีไล่ไว้ด้วย และยิ่งใกล้ชิดกับอนงค์นาง เขาก็ยิ่งรู้สึกชื่นช่ำหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด
...แต่สำหรับจรินนาที่สุนันทากำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ ...ใช่เธอเหมาะสมกับเขาจริง ๆ แต่ชีวิตก็เป็นของเขา เพราะที่ผ่านมาเขาสามารถเลือกหาความสุขให้ตัวเองได้ แล้วทำไมเขาจะไม่ทำตามใจตัวเองต่อไปละ...
“ตื้อเธอสักหน่อย มันก็คงไม่ยากหรอกคะ”...
“ขอบคุณครับ”
“ช่วยฉันหน่อยนะคะ”
วิษณุจักรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“คือที่จินเขาดูเหมือนชอบอาจารย์เดชาพงษ์ เพราะเขารู้ว่าฉันชอบอาจารย์เดชาพงษ์อยู่ค่ะ เขาอยากเอาชนะฉัน อยากให้ฉันผิดหวังเสียใจ อยากจะแกล้งฉัน”
“หมายความว่าอย่างไรผมไม่เข้าใจ”
“ถ้าคุณจักรตื้อตามจีบจินจริง ๆ จัง ๆ เขาก็คงไม่ไปไหนหรอกคะ เพราะเหมาะสมกันขนาดนี้แต่งงานกันแล้วก็เหมือนกิ่งทองใบหยก จริง ๆ แต่ที่เขาหันไปทำเป็นสนใจอาจารย์เดชาพงษ์เพราะนึกสนุกอยากเอาชนะฉันเท่านั้น เขาชอบแย่งของรักของฉันค่ะ ติดนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ”
“ผมไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ฉันอยากให้คุณจักรอดทนกับจินสักหน่อยคะ เดี๋ยวจินเขาก็ใจอ่อนเอง จินเขาชอบให้คนเอาอกเอาใจคะ ตื้อเธออีกสักนิดนะคะ”
วิษณุจักรถอนหายใจเบา ๆ อย่างง ๆ
“เสียจินให้คนธรรมดาอย่างอาจารย์เดชาพงษ์นี่คุณจักรยอมได้หรือคะ”
“ก็ไหนว่าเขาจะแค่เล่น ๆ ไง”
“ก็ถ้าคุณจักรไม่กันไว้บ้าง อาจารย์เดชาพงษ์ก็จะได้ใจว่าคุณจินว่าง แต่ถ้าคุณจักรกันไว้ คนอย่างอาจารย์เดชาพงษ์ไม่ลงประลองแข็งขันหรอกคะ คนใจดีอย่างนั้นคงไม่คิดสู้คิดแข่งหรอกค่ะ เพราะถ้าแข่งก็แข่งไม่ได้อยู่ดี”
ฟังคำอธิบายของสุนันทาแล้ววิษณุจักรก็เริ่มไขว้เขว เพราะถ้าเขาตามจีบจรินนาสำเร็จนอกจากตัวเขาเองจะมีแต่ความสบายในอนาคตเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว ปัญหาเลือกคนให้ถูกใจแม่ก็คงไม่เกิดขึ้นอีกด้วยและเขาเองก็รู้สึกชอบจรินนาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่พอนึกถึงถ้อยคำของจรินนาในวันนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกท้อถอยขึ้นมา เพราะคนระดับเขา ถ้าเรื่องมากนัก เขาก็ถือว่าเสียเวลาทำงานทำการเหมือนกัน
“ผมว่ามันเป็นเรื่องของจินเขานะครับ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำอะไรก็ได้ เลือกใครก็ได้ ตามแต่เห็นสมควร”
“หรือคุณจักรชอบอนงค์นางจริง ๆ...ขอโทษนะคะที่ต้องถามออกไป เพราะฉันอ่านใจคุณจักรไม่ออก แต่ดูแล้วเหมือนคุณจักรอยากจะเอาชนะอนงค์นางเหมือนกัน”
วิษณุจักไม่ตอบคำถามนั้นเพราะเขาเองก็ยังไม่มั่นใจของตัวเองนัก....ฝ่ายสุนันทาเองนั้นไหน ๆ ก็ยอมถ่อขึ้นมาถึงชั้นหกแล้วหญิงสาวจะไม่ยอมเดินกลับไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน
“แล้วคุณจักรรู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ แล้วอนงค์นางเค้าก็ชอบอาจารย์เดชาพงษ์เหมือนกับฉัน”
“อย่างนั้นเหรอครับ...”
“เรื่องจริง ๆ ค่ะ อนงค์นางชอบอาจารย์เดชาพงษ์...”
“แปลกจังเลย ทำไมใคร ๆ ก็ชอบอาจารย์เดชาพงษ์ เขามีอะไรน่าสนใจ” ริมฝีปากของวิษณุจักรกระตุกอย่างดูแคลนด้วยความรู้สึกอยากจะเอาชนะขึ้นมาเสียแล้ว
“ผู้ชายอบอุ่นน่าค้นหามั้งคะ แล้วดูเหมือนจะง่าย ๆ ด้วย...แต่ว่าก็ไม่ง่าย...” สุนันทาถอนหายใจ เบา ๆ ก่อนจะตัดบทว่า “ฉันคงไม่รบกวนเวลาคุณจักรแล้วละคะ แต่ฉันอยากเชียร์คุณกับจินมากกว่านางนะคะ เพราะถ้าลงเอยกับจินหรือเอาชนะใจของจินได้ คุณจักรก็รู้นี่ว่าจินน่ะเขารวยแค่ไหน ขอตัวลงไปทำงานก่อนคะ”
วางสายจากจรินนาด้วยใจที่เบิกบานปานดอกไม้รับน้ำค้างยามค่ำคืนแล้วเดชาพงษ์ก็ต่อสายถึงเมขลาน้องสาวคนเล็กทันที
“สั่งสบู่หน่อยสิ...”
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” เมขลาแปลกใจเพราะปกติแล้วเธอจะต้องเป็นฝ่ายยัดเยียดสินค้าที่ตัวเองจัดจำหน่ายอยู่ให้กับพี่ชาย และพี่ชายเองก็จำใจจ่ายเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะนิสัยนั้นเป็นคนง่าย ๆ สมถะสันโดษ กินอยู่อย่างพอเพียง เรื่องใช้ของฟุ่มเฟือยโก้หรูละไม่มีทางเด็ดขาด แต่พี่ชายของเธอก็ไม่ได้ขัดขวางหากเธอจะจัดสรรของแบรนด์เนมหรือของคุณภาพไปให้และเรียกเงินทองในภายหลัง
“มีคนใช้แล้วชอบ”
“ใครคะ...ลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรือเปล่า” เมขลาหยั่งเชิง
“อืม...”
“ติดใจของที่ชำร่วยงานแต่งพี่ต้นกล้าหรือว่าเธอได้ไปแต่ประการใด”
“เขาแวะมาคุยธุระกับพี่ วันนั้นแหละ แล้วเห็นสบู่วางอยู่บนโต๊ะ พี่ก็เลยแบ่งให้ไปใช้นะ เขาบอกเขา รู้สึกว่าผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้น”
“โทรมาเล่าหรือคะ”
“อืม..” ต่อจากนั้นเดชาพงษ์ก็เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนี้ที่จรินนาโทรศัพท์มาหาเขาและพรำพรรณนาถึงคุณความดีของสบู่กับเขาอยู่เป็นนานสองนาน ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า มันเป็นข้ออ้างที่จะคุยกับเขา เพราะมันไม่ใช่มีแค่เรื่องสบู่อย่างเดียวมันรวมถึงเรื่องงานการกับชีวิตประจำวันของเธอด้วย...ซึ่งเขาเองยอมรับว่าเขายินดีรับฟังทั้งที่ก่อนหน้านั้นสุนันทาก็เคยพยายามทำอย่างนั้น แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่อยากรับรู้เรื่องของลูกศิษย์หม้ายสาวลูกติดนั่นสักเท่าไหร่
“ข้ออ้างแน่ ๆ เลย...คิดถึงพี่แหละ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร”
“สงสัย” เดชาพงษ์คล้อยตามความคิดน้องสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คนเป็นเนื้อคู่กันนี่คะ มันก็ต้องมีเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แหละคะ”
“มั่นใจจัง”
“แล้วพี่กล้วยเองเหอะจะเดินเกมจีบพี่เขาอย่างไร”
“ทำไมต้องจีบ”
“อ้าว..พี่นี่ พี่เป็นผู้ชายนี่คะ ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายจีบ ผู้หญิงถ้ามีใจให้เขาก็จะเล่นตัวแต่พองามบ้าง แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ต่อให้จีบเขาให้ตาย เขาก็ไม่เยื่อใยให้หรอกค่ะ ตัดไมตรีมันง่ายนิดเดียว แล้วคนที่ไม่ใช่เนื้อคู่กันมันก็จะมีเหตุให้รู้สึกเข้ากันไม่ได้จนได้ไปแหละ พี่ว่าอย่างนั้นไหมละ”
“อืม..แต่พี่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร” เดชาพงษ์ยอมรับไปตรง ๆ ส่งผลให้เมขลาแอบยิ้มกริมออกมาเพราะถ้าลองเผยความรู้สึกมาแบบนี้ก็แสดงว่าใจของพี่ชายคนรองของเธอก็คงจะเจอกามเทพแผลงศรรักปักให้แล้วแน่ ๆ “แล้วพี่รู้สึกอย่างไรกับพี่เขาละคะ”
“ก็เขาก็สวยดีนะ น่ามอง ดูฉลาดเฉลียวดี คุยกันรู้เรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ”
“เหมือนเขาอยากจะฟังพี่คุยด้วยใช่เปล่า”
“ใช่...เหมือนเค้าอยากคุยกับพี่นาน ๆ ถามนั่นถามนี่ตลอด” ส่วนใหญ่ก็จะถามเรื่องหน้าที่การงานของเขา แต่ว่าจรินนาก็ไม่ได้ถามว่าทำไมเขาถึงได้อยู่เป็นโสดจนถึงปัจจุบัน
“แล้วพี่ก็เต็มใจอยากตอบ”
“เสียงเขาเพราะดี” ไม่ใช่แค่เสียงเพราะอย่างเดียว แต่เดชาพงษ์รู้สึกคุ้นหูกับเสียงของจรินนามาเนิ่นนานทีเดียว
“เนื้อคู่กันนี่”
“คุกเข่าขอแต่งงานไปรวดเดียวเลยดีไหม”
“แหม พี่ ถ้ามันง่าย ๆ แบบนี้นะ โลกใบนี้ก็คงไม่มีเรื่องสนุกหรอก...”
“อดทุกข์ใจไม่ได้ว่ะ...เขาระดับนั้น พี่ธรรมดามาก”
“ก็นั่นนะซิ ปัญหาชนชั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่หนูนาคิดว่า มันคงจะผ่านไปได้ไม่ยากหรอกคะ เพียงแต่ต้องใช้เวลากับมันหน่อย แล้วอีกอย่าง ลองได้เป็นเนื้อคู่กันแล้ว พระพรหมท่านก็คงมีวิถีทางให้คนสองคนได้ลงเอยกันในที่สุดแหละคะ พี่ว่าอย่างนั้นไหม”
----------------------------
พอทราบว่าวิษณุจักรจะให้ไปวาดภาพจิตรกรรมไทยลวดลายประยุกต์ที่ผนังบ้านของตัวเองบ้าง อนงค์นางก็นำเรื่องนี้มาปรึกษาอาจารย์ของตน และเดชาพงษ์ก็บอกให้หญิงสาวรับงานนั้น เพราะฝีมือของอนงค์นางนั้นจัดว่าปล่อยเข้าป่าได้แล้ว แต่ปัญหาของอนงค์นางเองคือเหมือนกับว่างานนี้เธอกำลังจะเข้าถ้ำเสือ ดังนั้นวันที่นัดดูสถานที่กัน อนงค์นางจึงได้ชวนสุนันทาไปเป็นเพื่อน
บ้านของวิษณุจักรนั้นอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งกินเนื้อที่เป็นไร่ รอบ ๆ ตัวบ้านที่เป็นตึกหลังคาปั้นหยาสองชั้นรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้มจนทำให้บ้านร่มเย็น พอเข้าไปในบ้านอนงค์นางก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเขาปูพื้นบ้านด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ เครื่องตกแต่งบ้านนั้นก็เป็นเครื่องไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ อีกด้วย ซึ่งเขาบอกกับหญิงสาวว่า เขานั้นชอบงานไม้ แต่ว่า อยากได้บ้านปูนร่วมสมัยจึงต้องกรุไม้ไว้ข้างใน
แม่บ้านที่เขาบอกไว้มีตัวตนจริง ๆ อนงค์นางจึงรู้สึกว่า พื้นที่ทำงานของเธอนั้นไม่น่ากลัวจนเกินไป แต่สุนันทาก็แอบกระเซ้าว่า โปรเจคนี้มันจะต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ เขาถึงได้จำเพราะเจาะจงว่าต้องเป็นอนงค์นางเพียงคนเดียวเท่านั้น และราคาที่เขาเสนอให้ก็มากพอที่จะทำให้อนงค์นางกระโจนลงประลองฝีมือและสู้กับเกมอะไรสักเกมที่เขาเป็นกำหนดมันขึ้นมา
ส่วนสุนันทานั้นเมื่อเห็นว่าวิษณุจักรดูจะมีใจให้อนงค์นางเป็นพิเศษ สุนันทาที่หมายปองในตัวอาจารย์เดชาพงษ์จึงรู้สึกร้อนใจ กระทั่งสบโอกาสสุนันทาจึงเดินขึ้นไปหาวิษณุจักรที่กำลังทำงานอยู่บนชั้นหก...
“มีอะไรกับผมเหรอครับ”
“ขอโทษนะคะ ก่อนหน้านั้น ฉันรู้สึกว่า คุณจักรดูจะรู้สึกพิเศษกับจิน แล้วเมื่อวาน รู้สึกว่า มันเปลี่ยนไปเป็นอนงค์นางเสียแล้ว”
“ทำไมเหรอครับ”
“ฉันสงสัยว่าทำไมเป็นแบบนั้นละคะ...ทั้งที่คุณจักรกับจินดูจะเหมาะสมกันดีออก”
“ก็เขาไม่ชอบผมนี่ครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการผู้ชายแบบไหน”
“ผู้ชายอย่างคุณจักร ใครมองข้ามไปก็โง่เต็มทีแล้วคะ”
“แต่คุณก็รู้ว่าคุณจินฉลาดแค่ไหน”
“จินเป็นคนฉลาดแกมโกงคะ...คุณจักรรู้สึกอย่างนั้นไหมละคะ”
“ก็ ใช่ครับ..เธอฉลาดพูดแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น...” นอกจากบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นแล้วก็ยังเหมือนจะเล่นเกมอยู่กับเขาอยู่ในที แต่ว่าเขานั้นมันก็ประเภทง้อใครนาน ๆ ไม่เป็นเสียด้วย และอีกอย่างตอนนี้เขารู้สึกอยากเล่นกับอนงค์นางมากกว่า ซึ่งเขาก็ได้ตัดสินใจทำมันไปแล้ว...และหญิงสาวก็ได้ใจเขาขึ้นมาอีกไม่น้อย เพราะพอเขาบอกว่า งานที่จะให้ไปทำนั้นเป็นงานคล้าย ๆ กับที่ทำในโรงแรมแห่งนี้ แต่ว่าเป็นมุมหนึ่งที่บ้านหน้าห้องนอนของเขา อนงค์นางก็อิด ๆ ออด ๆ ถามนั่นถามนี่ จนกระทั่งเขาเสนอเงินก้อนโตเข้าไป มันได้ผล แต่ว่าอนงค์นางก็ยังต้องมีกันชนคือพาสุนันทาไปดูทางหนีทีไล่ไว้ด้วย และยิ่งใกล้ชิดกับอนงค์นาง เขาก็ยิ่งรู้สึกชื่นช่ำหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด
...แต่สำหรับจรินนาที่สุนันทากำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ ...ใช่เธอเหมาะสมกับเขาจริง ๆ แต่ชีวิตก็เป็นของเขา เพราะที่ผ่านมาเขาสามารถเลือกหาความสุขให้ตัวเองได้ แล้วทำไมเขาจะไม่ทำตามใจตัวเองต่อไปละ...
“ตื้อเธอสักหน่อย มันก็คงไม่ยากหรอกคะ”...
“ขอบคุณครับ”
“ช่วยฉันหน่อยนะคะ”
วิษณุจักรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“คือที่จินเขาดูเหมือนชอบอาจารย์เดชาพงษ์ เพราะเขารู้ว่าฉันชอบอาจารย์เดชาพงษ์อยู่ค่ะ เขาอยากเอาชนะฉัน อยากให้ฉันผิดหวังเสียใจ อยากจะแกล้งฉัน”
“หมายความว่าอย่างไรผมไม่เข้าใจ”
“ถ้าคุณจักรตื้อตามจีบจินจริง ๆ จัง ๆ เขาก็คงไม่ไปไหนหรอกคะ เพราะเหมาะสมกันขนาดนี้แต่งงานกันแล้วก็เหมือนกิ่งทองใบหยก จริง ๆ แต่ที่เขาหันไปทำเป็นสนใจอาจารย์เดชาพงษ์เพราะนึกสนุกอยากเอาชนะฉันเท่านั้น เขาชอบแย่งของรักของฉันค่ะ ติดนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ”
“ผมไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ฉันอยากให้คุณจักรอดทนกับจินสักหน่อยคะ เดี๋ยวจินเขาก็ใจอ่อนเอง จินเขาชอบให้คนเอาอกเอาใจคะ ตื้อเธออีกสักนิดนะคะ”
วิษณุจักรถอนหายใจเบา ๆ อย่างง ๆ
“เสียจินให้คนธรรมดาอย่างอาจารย์เดชาพงษ์นี่คุณจักรยอมได้หรือคะ”
“ก็ไหนว่าเขาจะแค่เล่น ๆ ไง”
“ก็ถ้าคุณจักรไม่กันไว้บ้าง อาจารย์เดชาพงษ์ก็จะได้ใจว่าคุณจินว่าง แต่ถ้าคุณจักรกันไว้ คนอย่างอาจารย์เดชาพงษ์ไม่ลงประลองแข็งขันหรอกคะ คนใจดีอย่างนั้นคงไม่คิดสู้คิดแข่งหรอกค่ะ เพราะถ้าแข่งก็แข่งไม่ได้อยู่ดี”
ฟังคำอธิบายของสุนันทาแล้ววิษณุจักรก็เริ่มไขว้เขว เพราะถ้าเขาตามจีบจรินนาสำเร็จนอกจากตัวเขาเองจะมีแต่ความสบายในอนาคตเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แล้ว ปัญหาเลือกคนให้ถูกใจแม่ก็คงไม่เกิดขึ้นอีกด้วยและเขาเองก็รู้สึกชอบจรินนาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่พอนึกถึงถ้อยคำของจรินนาในวันนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกท้อถอยขึ้นมา เพราะคนระดับเขา ถ้าเรื่องมากนัก เขาก็ถือว่าเสียเวลาทำงานทำการเหมือนกัน
“ผมว่ามันเป็นเรื่องของจินเขานะครับ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำอะไรก็ได้ เลือกใครก็ได้ ตามแต่เห็นสมควร”
“หรือคุณจักรชอบอนงค์นางจริง ๆ...ขอโทษนะคะที่ต้องถามออกไป เพราะฉันอ่านใจคุณจักรไม่ออก แต่ดูแล้วเหมือนคุณจักรอยากจะเอาชนะอนงค์นางเหมือนกัน”
วิษณุจักไม่ตอบคำถามนั้นเพราะเขาเองก็ยังไม่มั่นใจของตัวเองนัก....ฝ่ายสุนันทาเองนั้นไหน ๆ ก็ยอมถ่อขึ้นมาถึงชั้นหกแล้วหญิงสาวจะไม่ยอมเดินกลับไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน
“แล้วคุณจักรรู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ แล้วอนงค์นางเค้าก็ชอบอาจารย์เดชาพงษ์เหมือนกับฉัน”
“อย่างนั้นเหรอครับ...”
“เรื่องจริง ๆ ค่ะ อนงค์นางชอบอาจารย์เดชาพงษ์...”
“แปลกจังเลย ทำไมใคร ๆ ก็ชอบอาจารย์เดชาพงษ์ เขามีอะไรน่าสนใจ” ริมฝีปากของวิษณุจักรกระตุกอย่างดูแคลนด้วยความรู้สึกอยากจะเอาชนะขึ้นมาเสียแล้ว
“ผู้ชายอบอุ่นน่าค้นหามั้งคะ แล้วดูเหมือนจะง่าย ๆ ด้วย...แต่ว่าก็ไม่ง่าย...” สุนันทาถอนหายใจ เบา ๆ ก่อนจะตัดบทว่า “ฉันคงไม่รบกวนเวลาคุณจักรแล้วละคะ แต่ฉันอยากเชียร์คุณกับจินมากกว่านางนะคะ เพราะถ้าลงเอยกับจินหรือเอาชนะใจของจินได้ คุณจักรก็รู้นี่ว่าจินน่ะเขารวยแค่ไหน ขอตัวลงไปทำงานก่อนคะ”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2555, 09:03:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2555, 09:03:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 2412
<< 13.2 จันทร์เจ้าฉายสื่อรัก (คริคริ) | 14.2 “ยัง ขอเล่นตัวพอเป็นพิธีก่อน..อิอิ” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ส.ค. 2555, 09:05:42 น.
คุณ will เรื่องสบู่จันทร์เจ้าฉายและผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายเป็นเรื่องจริงที่เห็นผลกันมานักต่อนักแล้วครับ... www.chanchaochay.com /ใครสนใจก็ตามคลิ๊กเข้าไปสั่งซื้อได้เลยครับ ...
//สุดท้ายขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ // สำหรับ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว งานโรแมนติกดราม่า จะวางแผง ราว ๆ ปลายเดือน สิงหาคมนะครับ...ฝากสนับสนุนผลงานชิ้นเยี่ยมนี้ด้วยครับ....(ชมของตัวเองไวก่อนละน)
คุณ will เรื่องสบู่จันทร์เจ้าฉายและผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายเป็นเรื่องจริงที่เห็นผลกันมานักต่อนักแล้วครับ... www.chanchaochay.com /ใครสนใจก็ตามคลิ๊กเข้าไปสั่งซื้อได้เลยครับ ...



จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ส.ค. 2555, 09:07:08 น.
คุณ อรทัยตอนแรกก็ว่าจะไม่เอาจันทร์เจ้าฉายมาเล่นที่เรื่องนี้แล้วเพราะม่านพรหมก็โฆษณาไปซะไม่น้อยแล้วแต่ว่า อะนะ จังหวะมันลงตัวพอดีก็เลย ขอกรุบกริบ ๆ สักหน่อย....
คุณ อรทัยตอนแรกก็ว่าจะไม่เอาจันทร์เจ้าฉายมาเล่นที่เรื่องนี้แล้วเพราะม่านพรหมก็โฆษณาไปซะไม่น้อยแล้วแต่ว่า อะนะ จังหวะมันลงตัวพอดีก็เลย ขอกรุบกริบ ๆ สักหน่อย....


จุฬามณีเฟื่องนคร 4 ส.ค. 2555, 09:07:54 น.
สำหรับคู่วาย เอกรินทร์กับ นาที ไม่รู้ว่าสาว ๆ เว็บนี้สนใจจะอ่านกันบ้างหรืออ่าน ถ้าสนใจก็จะปล่อยออกมาเป็นน้ำจิ้มสักฉากสองฉาก....กร๊ากกกกกกก
สำหรับคู่วาย เอกรินทร์กับ นาที ไม่รู้ว่าสาว ๆ เว็บนี้สนใจจะอ่านกันบ้างหรืออ่าน ถ้าสนใจก็จะปล่อยออกมาเป็นน้ำจิ้มสักฉากสองฉาก....กร๊ากกกกกกก

imsoul 4 ส.ค. 2555, 09:18:40 น.
เค้าไม่ชอบสุนันทาเลย ขี้อิจฉาอ่ะ
เค้าไม่ชอบสุนันทาเลย ขี้อิจฉาอ่ะ

wii 4 ส.ค. 2555, 10:20:27 น.
อะจ๊ากกกอยากอ่านดิ คู่วายเค้ารออ่านมาตั้งนานเเล้วนะ อยากให้เค้าสองคนสมหวังด้วย พยายามเข้าเวปจันทร์เจ้าฉายเเต่เข้าไม่ใด้ไม่รู้เพราะอะไรหรือว่าเวปข้ามทะเลไม่ถึงอเมกากร๊ากกก...
อะจ๊ากกกอยากอ่านดิ คู่วายเค้ารออ่านมาตั้งนานเเล้วนะ อยากให้เค้าสองคนสมหวังด้วย พยายามเข้าเวปจันทร์เจ้าฉายเเต่เข้าไม่ใด้ไม่รู้เพราะอะไรหรือว่าเวปข้ามทะเลไม่ถึงอเมกากร๊ากกก...

คิมหันตุ์ 4 ส.ค. 2555, 10:27:55 น.
แนววายน่ารักๆ ก็ได้อยู่นะคะคุณเฟื้่องงงงงงงง
แนววายน่ารักๆ ก็ได้อยู่นะคะคุณเฟื้่องงงงงงงง

Zephyr 4 ส.ค. 2555, 16:29:09 น.
คุณเฟื่องเค้าอยากอ่านนาทีกะพี่เอกรินทร์นะ ลงเถอะๆๆๆๆ นะนะนะนะ
ไม่ชอบยายสุนันทานี่จริงๆ จะขี้อิจฉาไปไหน ที่พูดมาน่ะ เข้าตัวหล่อนทั้งนั้นเลย
คุณเฟื่องเค้าอยากอ่านนาทีกะพี่เอกรินทร์นะ ลงเถอะๆๆๆๆ นะนะนะนะ
ไม่ชอบยายสุนันทานี่จริงๆ จะขี้อิจฉาไปไหน ที่พูดมาน่ะ เข้าตัวหล่อนทั้งนั้นเลย

nutcha 4 ส.ค. 2555, 21:08:11 น.
สุนันทาร้ายจัง เป็นแม่คนแล้วยังทำอะไรไม่คิดอีก เอาแต่ใจตัวเอง
สุนันทาร้ายจัง เป็นแม่คนแล้วยังทำอะไรไม่คิดอีก เอาแต่ใจตัวเอง

konhin 4 ส.ค. 2555, 22:55:27 น.
ชังน้ำหน้ายัยสุอ่ะ
ชังน้ำหน้ายัยสุอ่ะ

anOO 5 ส.ค. 2555, 12:56:09 น.
ยัยสุร้ายกว่าคุณหนูจินเยอะเลย นายจักรก็แลจะคล้อยตามซะด้วย
ยัยสุร้ายกว่าคุณหนูจินเยอะเลย นายจักรก็แลจะคล้อยตามซะด้วย

Orathai 6 ส.ค. 2555, 23:25:07 น.
โลเลเหมือนกันนะตาวิษณุจักรนี่...ถ้ายอมให้สุนันทาหลอกใช้ปลาทั้งมือก็จะหลุดไปหมด
โลเลเหมือนกันนะตาวิษณุจักรนี่...ถ้ายอมให้สุนันทาหลอกใช้ปลาทั้งมือก็จะหลุดไปหมด