ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 14.2 “ยัง ขอเล่นตัวพอเป็นพิธีก่อน..อิอิ”
นางสำเนียงที่กำลังพรวนดินให้ต้นกุหลาบแปลงข้างรั้วหน้าบ้านต้องแปลกใจที่เห็นรถของอาจารย์เดชาพงษ์มาจอดที่หน้าบ้านแต่เช้า เขาเปิดประตูลงมาพร้อมถุงใส่ผัก และกระเป๋าผ้าใส่ของ
“สวัสดีครับป้า” เขายกมือไหว้อย่างทะลักทุเลนางสำเนียงรีบทิ้งเสียมแล้วรับไหว้ก่อนจะถามไถ่ว่าทำไมถึงได้มาแต่เช้า
“แวะเอาผักมาฝากป้าครับ แล้วก็เอาของที่คุณจินสั่งไว้มาให้” หนูนาส่งสบู่กับโทนเนอร์จันทร์เจ้าฉายมาให้แบบด่วนพิเศษ เพราะต้องการให้พี่ชายใช้เจ้าสิ่งนี้เดินเกมรุกจีบสาวที่ทอดสะพานมาแล้ว เขาเองก็ต้องรีบปฏิบัติตาม กับส่วนหนึ่งนั้น เมื่อชอบลูกสาวเขา เขาก็ต้องเปิดเผยความรู้สึกให้คุณบรรจงได้รู้ไปเสียเลย เพราะถ้าคุณไม่บรรจงไม่กีดกันขัดขวาง เรื่องมันก็จะได้ลงเอยอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนเรื่องความเหลื่อมล้ำทางฐานะนั้น เขาครุ่นคิดแล้วว่า เขาเองไม่มีเจตนาหวังในทรัพย์สมบัติหรือละโมบโลภมากคิดเอามรดกตกทอดของหญิงสาวมาปรนเปรอความสุขในอนาคต เขาจึงกล้าที่จะลุยเข้าไปอย่างคนที่บริสุทธิ์ใจ กับส่วนหนึ่งเขามั่นใจว่า เมื่อเป็นเนื้อคู่กันอย่างที่เมขลาเคยทำนายทายทักไว้ก่อนที่จะไม่สามารถรู้อนาคตคนอื่นแล้ว อุปสรรคขวากหนามการลงเอยกันด้วยการแต่งงานคงเป็นเรื่องไม่ยากนัก และที่สำคัญหากเขาแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาตามพี่ต้นกล้าไปแล้ว หนูนาก็จะสามารถเข้าสู่ประตูวิวาห์กับกฤษณะตามความต้องการอย่างเร่งด่วนของฝ่ายชายโดยที่หนูนาก็ไม่ต้องมาเสียสัจจะ
นางสำเนียงเปิดประตูให้อาจารย์เดชาพงษ์ก่อนจะรับถุงผักแล้วเดินนำเขาเข้าบ้าน เพราะขณะนี้สองพ่อลูกกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน
“ใครมาแต่เช้าหรือแม่สำเนียง”
“อาจารย์เดชาพงษ์ เอาผักมาฝาก”
พอได้ยินชื่อของเขาใบหน้าของจรินนามีเลือดฝาดขึ้นมาทันที
“รีบเชิญเขาเข้ามาในบ้านแล้วก็หาจานมาไว้ด้วย สงสัยจะยังไม่ได้กินข้าวมาแน่ ๆ”
เดชาพงษ์เดินตามเข้ามาในบ้าน กระเป๋าผ้าต่อยังแขวนกับแขนตัวเองอยู่แต่เขาก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้านที่ลุกจากเก้าอี้เดินออกไปต้อนรับจนได้ ฝ่ายจรินนาเองนั้นก็นั่งกินข้าวเงียบ ๆ โดยจะดูว่า วันนี้เขาจะมาไม้ไหน ทั้งที่ในใจนั้นรู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นเขากล้าลุยมาถึงที่บ้าน
“กำลังกินข้าวกันเลย กินข้าวมาหรือยังครับ”
“ผม...เอ่อ..” เขาอึก ๆ อัก ๆ แต่เมื่อความจริง เขาก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้า เขาจึงตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
“ยังเลยครับ กลัวผักจะเหี่ยวเลยรีบมา กลัวว่าจะไม่มีใครอยู่บ้านด้วยครับ" พอหาข้ออ้างได้เขาก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านไปยังโต๊ะอาหาร โดยจรินนาก็ยิ้มให้เขาก่อนเสยกน้ำขึ้นดื่ม..
“ของคุณจินครับ” เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งเดียวกับคุณบรรจงและประโยคนั้นก็เหมือนเป็นการทักหญิงสาวและบอกให้นายบรรจงได้รู้ว่า ในวันนี้เขาก็มาธุระของ จรินนาด้วย
“อะไรหรือครับ” นายบรรจงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม จรินนาเองก็แปลกใจที่เห็นเขาถือกระเป๋ามาให้เธอทั้งที่คืนนั้นเธอไม่ได้เอ่ยถึงมันอีก
“สบู่กับโทนเนอร์ครับ คุณจินเธอได้ของชำร่วยตอนไปงานแต่งพี่ชายผม ใช้แล้วติดใจก็เลยถามไถ่ผมไปว่ามีขายที่ไหน พอดีน้องสาวผมเขาจัดจำหน่ายอยู่ ผมก็เลยสั่งมาให้คุณจินยกเซ็ทเลยครับ”
อันที่จริงก้อนที่ได้ตอนเป็นของชำร่วยเธอไม่ได้เอามาใช้เพราะลืมไว้บนรถของเอกรินทร์แต่พอเขาหาข้ออ้างได้จรินนาก็ต้องทึ่งกับความหัวไวของเขา
“อืม..ใช้ดีเหรอ”
“ดีค่ะป๊า เดี๋ยวป๊าแบ่งไปบ้างก็ได้ ตัวไหนนะที่บอกว่าแก้ผดผื่นคันนะคะ”
“ย่านางครับ ก้อนสีเขียว เย็นสดชื่นดีครับ”
ระหว่างนั้นนางสำเนียงก็กุลีกุจอยกจานมาวางพร้อมกับตักข้าวสวยให้แขกที่มาเยือนแต่เช้าก่อนจะหันไปรินน้ำให้
“ขอบคุณครับป้า”
เดชาพงษ์มองอาหารบนโต๊ะแล้วก็แลเหลือบไปมองจรินนาที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ กัน หญิงสาวสบตาเขาพอดี “เชิญเลยค่ะ..กับข้าวเช้าน้อยหน่อย แล้วก็มีแต่จืด ๆ ทั้งนั้นเลย บ้านเราไม่ค่อยกินเผ็ดกัน”
“ครับ”ตอบรับแล้วเขาก็ตักผัดถั่วงอกมาใส่จานและครั้งนี้ก็ไม่มีช้อนหรือตะเกียบมาคอยขัดจังหวะเขาเหมือนวันที่ได้ร่วมโต๊ะกับหญิงสาวครั้งแรก และเมื่อเคี้ยวข้าวไปได้หนึ่งคำคุณบรรจงก็ชวนเขาคุยถึงเรื่องงานกระทั่งวกกลับมาหาเรื่องบุญทอดกฐินที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ต้องซื้อของอะไรไปบ้างนะอาจารย์”
“ไปที่ร้านสังฆภัณฑ์เลยครับ บอกทางร้านแล้วเดี๋ยวเขาก็จัดมาให้ แต่ว่าจะไปซื้อวันไหน ก็บอกผมได้ครับผมจะได้ไปด้วย เพราะร้านสังฆภัณฑ์มักจะฉวยโอกาสจัดของไม่มีความจำเป็นมาให้ด้วย”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องบอกให้บอกทางร้านสังฆภัณฑ์ได้เลย” จรินนาขัดขึ้นมายิ้ม ๆ
“หมายถึงถ้าไม่มีผมไปด้วยนะครับ...ถ้าให้ผมอธิบายอย่างละเอียดผมก็จำไม่ได้หรอกว่าอะไรบ้าง แต่อย่างน้อยผมก็รู้แหละครับว่าวัดนั้นใช้ผ้าสีอะไร...”
“สีอะไรผมก็จำไม่ได้นะ”
“สีพระราชทานครับ สีแก่นขนุน”
“อืม ได้อาจารย์ช่วยก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องกังวล แล้วจะไปเมื่อไหร่ดีละลูก” พอผู้เป็นพ่อวกมาหาจรินนาทำหน้าตาเหรอหราขึ้นมาทันที “อ้าว ทำไมป๊ามาถามจินละคะ ถามคนที่เขาจะไปด้วยซี่”
“ป๊าคิดว่า ป๊าจะให้หนูเป็นธุระจัดการให้ อยากให้ได้บุญใหญ่ในครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย”
“แต่จิน” จรินนาแกล้งโอดครวญทั้งที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น
“ไปเหอะ ไปกับอาจารย์เขา ค่อย ๆ เรียนรู้ เรื่องบุญกุศลไว้ ปีหน้าทอดอีกจะได้ไม่ต้องรบกวนอาจารย์เขา...”
“ผมเต็มใจให้รบกวนครับ”
“แต่เกิดเป็นคนมันต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุด เอาเป็นว่า ปีนี้ผมให้ลูกสาวผมไปศึกษางานพวกนี้ไว้ก่อนแล้วกัน เป็นธุระให้ผมหน่อยนะ ขอบคุณล่วงหน้าเลย...”
ระหว่างที่ข้างนอกกินกันไปคุยกันไปที่ในครัวนางสำเนียงก็เก็บล้างถ้วยชามเพื่อจะเตรียมตัวออกไปเฝ้าร้านให้ลูกสาว แต่ว่าวันนี้ด้วยวงข้าวใช้เวลาบนโต๊ะนานกว่าปกติ สุนันทาจึงต้องโทรมาตามเพราะเห็นว่าแม่ผิดเวลา และพอรู้ว่าวันนี้เดชาพงษ์มาที่นี่แต่เช้าและกำลังร่วมรับประทานอาหารอยู่กับสองพ่อลูก สุนันทาจึงคิดแก้เกมก่อนจะขอตัววางสาย..
“แม่รีบมาแล้วกัน...ถ้วยจานชามก็ปล่อยให้นังจินมันทำมั่งก็ได้ เดี๋ยวมันจะเป็นง่อยตายไปซะก่อนหรอก”
เมื่อวางสายจากแม่สุนันทาก็กดโทรศัพท์หาเดชาพงษ์ทันที..เมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดของเขาดังเรียกเขาจึงรีบขยับตัวดึงโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ และพอมองเห็นว่าเป็นเบอร์จากสุนันทาเขาก็รีบลุกจากโต๊ะอาหารเดินออกไปไกลพอที่จะทำให้สองพ่อลูกไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกับใคร
“มีอะไรหรือสุ โทรมาแต่เช้าเลย”
“ไม่เช้าแล้วค่ะอาจารย์ แปดโมงจะเก้าโมงแล้วนะคะ” แม้จะพยายามอ่อนหวาน แต่ว่าความหงุดหงิดที่มีมากกว่าทำให้สุนันทาระงับอารมณ์ไม่ได้ และพอได้ฟังเสียงห้วน ๆ ของหญิงสาวเดชาพงษ์จึงนิ่งเงียบฟัง
“คือ วันนี้สุปวดท้องค่ะ คงไม่ได้เข้าไปทำงานนะคะ อย่างไรอาจารย์แวะมาเอาข้าวที่สุหุงไว้แล้วหน่อยนะคะ สุเตรียมกับอย่างอื่นไว้ด้วย"
“เป็นอะไรมากไหม”
“โรคผู้หญิงนะคะ” บอกเขาแล้วสุนันทาก็ทำเสียงซี๊ดซ๊าดเพื่อให้เขาห่วงใยซึ่งมันก็ได้ผลไม่น้อย
“ต้องไปหาหมอไหม”
“ยังไม่ต้องไปหรอกค่ะ สักพักคงดี แต่อาจารย์รีบมาแล้วกัน สุอยากนอนพักนาน ๆ”
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปนะ”
“ค่ะ งั้น...แค่นี้นะคะ” สุนันทาทำเสียงระโหยโรยแรงแล้วรีบวางสายไป เดชาพงษ์ถอนหายใจ เบา ๆ ก่อนจะหันมาหาสองพ่อลูก “คุณอา คุณจิน ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“จะรีบไปไหนละคะ ไม่ทานของหวานก่อน” จรินนาเผลอตัวถามเขาออกไปอย่างมีอารมณ์
“คะคือ...ต้องรีบไปเอาข้าวนะครับ”
“ครับผม ตามสบายเลย วันหลังก็แวะมากินข้าวด้วยกันอีกนะ...” คุณบรรจงกล่าวลา เดชาพงษ์จึงยกมือไหว้ก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้าน
---------------------------
“สวัสดีครับจำผมได้ไหม...”
“คุณเอก จำได้ เจอกันหน้าห้องน้ำ”
“ทำงานอยู่หรือเปล่า ผมรบกวนหรือเปล่า”
“ไม่รบครับ พอคุยได้นิดหน่อย”
“เป็นเพื่อนกับเจ้าสาวเหรอครับ”
“ครับ...มากับแฟนเหรอครับ”
“เปล่าครับ มากับน้องสาว ลูกพี่ลูกน้องกัน”
“อืม...นึกว่าแฟนดูเหมาะสมกัน”
“ผมไม่มีแฟนครับ เป็นโสด”
“ชั่วคราว”
“ประมาณนั้นครับ”
“แล้วที่เคยมีหายไปไหนละครับ”
“เลิกกันแล้วครับ เป็นโสดจริง ๆ คุณหนึ่งละแฟนไปไหน”
“โสดเหมือนกันครับ”
“ไม่น่าเชื่อ”
“ทำไมไม่เชื่อ”
“น่ารักออกอย่างนี้ไม่มีแฟนได้ไง”
“คนอื่นคงน่ารักกว่า เขาก็เลยไป แล้วของคุณเอกล่ะ”
“ของผมเรื่องมันซับซ้อนครับ แต่ตอนนี้ผมว่าง”
“อืม”
“กินข้าวเที่ยงหรือยังครับ”
“กำลังจะลงออกไปกิน”
“ทำงานอะไรนะ”
“บริษัทครับ ฝ่ายบัญชี หัวฟูทั้งวัน”
“ทำงานในกทม.เงินคงดี”
“พอได้ครับ คุณเอกล่ะทำงานอะไร”
“ผมทำงานให้ครอบครัว เงินเดือนนิดเดียว”
“อยู่นครสวรรค์ค่าใช้จ่ายคงไม่เยอะ”
“ก็พออยู่ได้ครับอยู่กับครอบครัวกินไม่ต้องควักทุกอย่าง...คุณหนึ่งอยู่กับใคร”
“คนเดียวครับ”
“แถวไหน”
“รัชฎา”
“อืม...บ้านหรือคอนโดครับ”
“ห้องเช่าถูกๆ”
“ครับ...ขอเบอร์ได้ไหม”
“เบอร์อะไร”
“รองเท้า”
“43”
“เท้าเท่ากันเลย”
“เสื้อไซด์แอล กางเกงเอวสามสิบสอง ได้เข็มขัดด้วยก็ดี”
“มาเป็นชุด...”
“ได้ครบชุดก็ดี”
“ต้องไปวัดตัวที่ห้องแล้วจะได้ใส่ได้พอดี....”
“....ขอตัวก่อนนะครับ พอดีงานเข้า ว่าง ๆ คุยกันใหม่ อย่างไรก็ขอเบอร์ไว้ด้วย”
“ขอเบอร์คุณเอกก่อนดีกว่าครับ”
พอได้เบอร์ของเอกรินทร์มาแล้ว นาทีก็ไม่ได้ข้อความสนทนาทางเฟสบุ๊คจากเอกรินทร์อีก กระทั่งทำงานเพลิน ๆ แพรวพรรณเพื่อนสนิทที่เพิ่งย้ายตามเจ้าบ่าวผู้การเรือไปอยู่สัตหีบข้อความมาคุยด้วย นาทีจึงได้วางข้อความของเอกรินทร์ให้แพรวพรรณได้อ่าน และพออ่านแล้ว แพรวพรรณก็หยอกกลับมา
“คุยกันทางไหนเนี่ย”
“เฟสนี่แหละ เขาเป็นเพื่อนแพรวนี่ คงเห็นหนึ่งเป็นเพื่อนแพรวเหมือนกันก็เลยขอเป็นเพื่อนมา หนึ่ง แต่หนึ่งเพิ่งกดรับนะ แต่เขาก็เพิ่งทักหนึ่งมาเหมือนกัน”
“นัดเจอกันหรือยัง”
“บ้า ไม่ไวไฟขนาดนั้นหรอก เข็ดแล้วผู้ชาย”
“ให้จริง”
“จริง....แต่เขาก็น่ารักจริง ๆ นะ แอบดูรูปที่เขาลง ๆ ไว้ หน้าแหลม ๆ ตาเป็นประกายดีจัง”
“หนุ่มนครศรี กับหนุ่มนครสวรรค์เข้ากันดี”
“ไม่อยากรักคนบ้านไกล เบื่อความคิดถึง แล้วก็ขี้เกียจหวาดระแวง แล้วถ้าขี้หึงด้วย ไม่เป็นอันทำงานทำการ ว่าจะพักหัวใจสักพัก”
“ให้จริง”
“อยากเจอเนื้อคู่แท้ ๆ”
“เสียดายเนอะ ตอนที่หนูนายังดูดวงได้ ก็ไม่ได้ให้หนูนาดู”
“อย่างพวกหนึ่งไม่มีคู่แท้หรอกแพรว”
“เขาอาจจะใช่ก็ได้ อยู่ตั้งไกลยังไปเจอกันหน้าห้องน้ำได้เลย อย่าเพิ่งสรุป...แล้วสรุปว่าตอนนี้โทรคุยกันหรือยัง”
“ยัง ขอเล่นตัวพอเป็นพิธีก่อน..อิอิ”
“สวัสดีครับป้า” เขายกมือไหว้อย่างทะลักทุเลนางสำเนียงรีบทิ้งเสียมแล้วรับไหว้ก่อนจะถามไถ่ว่าทำไมถึงได้มาแต่เช้า
“แวะเอาผักมาฝากป้าครับ แล้วก็เอาของที่คุณจินสั่งไว้มาให้” หนูนาส่งสบู่กับโทนเนอร์จันทร์เจ้าฉายมาให้แบบด่วนพิเศษ เพราะต้องการให้พี่ชายใช้เจ้าสิ่งนี้เดินเกมรุกจีบสาวที่ทอดสะพานมาแล้ว เขาเองก็ต้องรีบปฏิบัติตาม กับส่วนหนึ่งนั้น เมื่อชอบลูกสาวเขา เขาก็ต้องเปิดเผยความรู้สึกให้คุณบรรจงได้รู้ไปเสียเลย เพราะถ้าคุณไม่บรรจงไม่กีดกันขัดขวาง เรื่องมันก็จะได้ลงเอยอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนเรื่องความเหลื่อมล้ำทางฐานะนั้น เขาครุ่นคิดแล้วว่า เขาเองไม่มีเจตนาหวังในทรัพย์สมบัติหรือละโมบโลภมากคิดเอามรดกตกทอดของหญิงสาวมาปรนเปรอความสุขในอนาคต เขาจึงกล้าที่จะลุยเข้าไปอย่างคนที่บริสุทธิ์ใจ กับส่วนหนึ่งเขามั่นใจว่า เมื่อเป็นเนื้อคู่กันอย่างที่เมขลาเคยทำนายทายทักไว้ก่อนที่จะไม่สามารถรู้อนาคตคนอื่นแล้ว อุปสรรคขวากหนามการลงเอยกันด้วยการแต่งงานคงเป็นเรื่องไม่ยากนัก และที่สำคัญหากเขาแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาตามพี่ต้นกล้าไปแล้ว หนูนาก็จะสามารถเข้าสู่ประตูวิวาห์กับกฤษณะตามความต้องการอย่างเร่งด่วนของฝ่ายชายโดยที่หนูนาก็ไม่ต้องมาเสียสัจจะ
นางสำเนียงเปิดประตูให้อาจารย์เดชาพงษ์ก่อนจะรับถุงผักแล้วเดินนำเขาเข้าบ้าน เพราะขณะนี้สองพ่อลูกกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน
“ใครมาแต่เช้าหรือแม่สำเนียง”
“อาจารย์เดชาพงษ์ เอาผักมาฝาก”
พอได้ยินชื่อของเขาใบหน้าของจรินนามีเลือดฝาดขึ้นมาทันที
“รีบเชิญเขาเข้ามาในบ้านแล้วก็หาจานมาไว้ด้วย สงสัยจะยังไม่ได้กินข้าวมาแน่ ๆ”
เดชาพงษ์เดินตามเข้ามาในบ้าน กระเป๋าผ้าต่อยังแขวนกับแขนตัวเองอยู่แต่เขาก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้านที่ลุกจากเก้าอี้เดินออกไปต้อนรับจนได้ ฝ่ายจรินนาเองนั้นก็นั่งกินข้าวเงียบ ๆ โดยจะดูว่า วันนี้เขาจะมาไม้ไหน ทั้งที่ในใจนั้นรู้สึกดีไม่น้อยที่เห็นเขากล้าลุยมาถึงที่บ้าน
“กำลังกินข้าวกันเลย กินข้าวมาหรือยังครับ”
“ผม...เอ่อ..” เขาอึก ๆ อัก ๆ แต่เมื่อความจริง เขาก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้า เขาจึงตัดสินใจไม่อ้อมค้อม
“ยังเลยครับ กลัวผักจะเหี่ยวเลยรีบมา กลัวว่าจะไม่มีใครอยู่บ้านด้วยครับ" พอหาข้ออ้างได้เขาก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านไปยังโต๊ะอาหาร โดยจรินนาก็ยิ้มให้เขาก่อนเสยกน้ำขึ้นดื่ม..
“ของคุณจินครับ” เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งเดียวกับคุณบรรจงและประโยคนั้นก็เหมือนเป็นการทักหญิงสาวและบอกให้นายบรรจงได้รู้ว่า ในวันนี้เขาก็มาธุระของ จรินนาด้วย
“อะไรหรือครับ” นายบรรจงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม จรินนาเองก็แปลกใจที่เห็นเขาถือกระเป๋ามาให้เธอทั้งที่คืนนั้นเธอไม่ได้เอ่ยถึงมันอีก
“สบู่กับโทนเนอร์ครับ คุณจินเธอได้ของชำร่วยตอนไปงานแต่งพี่ชายผม ใช้แล้วติดใจก็เลยถามไถ่ผมไปว่ามีขายที่ไหน พอดีน้องสาวผมเขาจัดจำหน่ายอยู่ ผมก็เลยสั่งมาให้คุณจินยกเซ็ทเลยครับ”
อันที่จริงก้อนที่ได้ตอนเป็นของชำร่วยเธอไม่ได้เอามาใช้เพราะลืมไว้บนรถของเอกรินทร์แต่พอเขาหาข้ออ้างได้จรินนาก็ต้องทึ่งกับความหัวไวของเขา
“อืม..ใช้ดีเหรอ”
“ดีค่ะป๊า เดี๋ยวป๊าแบ่งไปบ้างก็ได้ ตัวไหนนะที่บอกว่าแก้ผดผื่นคันนะคะ”
“ย่านางครับ ก้อนสีเขียว เย็นสดชื่นดีครับ”
ระหว่างนั้นนางสำเนียงก็กุลีกุจอยกจานมาวางพร้อมกับตักข้าวสวยให้แขกที่มาเยือนแต่เช้าก่อนจะหันไปรินน้ำให้
“ขอบคุณครับป้า”
เดชาพงษ์มองอาหารบนโต๊ะแล้วก็แลเหลือบไปมองจรินนาที่นั่งอยู่เยื้อง ๆ กัน หญิงสาวสบตาเขาพอดี “เชิญเลยค่ะ..กับข้าวเช้าน้อยหน่อย แล้วก็มีแต่จืด ๆ ทั้งนั้นเลย บ้านเราไม่ค่อยกินเผ็ดกัน”
“ครับ”ตอบรับแล้วเขาก็ตักผัดถั่วงอกมาใส่จานและครั้งนี้ก็ไม่มีช้อนหรือตะเกียบมาคอยขัดจังหวะเขาเหมือนวันที่ได้ร่วมโต๊ะกับหญิงสาวครั้งแรก และเมื่อเคี้ยวข้าวไปได้หนึ่งคำคุณบรรจงก็ชวนเขาคุยถึงเรื่องงานกระทั่งวกกลับมาหาเรื่องบุญทอดกฐินที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ต้องซื้อของอะไรไปบ้างนะอาจารย์”
“ไปที่ร้านสังฆภัณฑ์เลยครับ บอกทางร้านแล้วเดี๋ยวเขาก็จัดมาให้ แต่ว่าจะไปซื้อวันไหน ก็บอกผมได้ครับผมจะได้ไปด้วย เพราะร้านสังฆภัณฑ์มักจะฉวยโอกาสจัดของไม่มีความจำเป็นมาให้ด้วย”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องบอกให้บอกทางร้านสังฆภัณฑ์ได้เลย” จรินนาขัดขึ้นมายิ้ม ๆ
“หมายถึงถ้าไม่มีผมไปด้วยนะครับ...ถ้าให้ผมอธิบายอย่างละเอียดผมก็จำไม่ได้หรอกว่าอะไรบ้าง แต่อย่างน้อยผมก็รู้แหละครับว่าวัดนั้นใช้ผ้าสีอะไร...”
“สีอะไรผมก็จำไม่ได้นะ”
“สีพระราชทานครับ สีแก่นขนุน”
“อืม ได้อาจารย์ช่วยก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องกังวล แล้วจะไปเมื่อไหร่ดีละลูก” พอผู้เป็นพ่อวกมาหาจรินนาทำหน้าตาเหรอหราขึ้นมาทันที “อ้าว ทำไมป๊ามาถามจินละคะ ถามคนที่เขาจะไปด้วยซี่”
“ป๊าคิดว่า ป๊าจะให้หนูเป็นธุระจัดการให้ อยากให้ได้บุญใหญ่ในครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย”
“แต่จิน” จรินนาแกล้งโอดครวญทั้งที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น
“ไปเหอะ ไปกับอาจารย์เขา ค่อย ๆ เรียนรู้ เรื่องบุญกุศลไว้ ปีหน้าทอดอีกจะได้ไม่ต้องรบกวนอาจารย์เขา...”
“ผมเต็มใจให้รบกวนครับ”
“แต่เกิดเป็นคนมันต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุด เอาเป็นว่า ปีนี้ผมให้ลูกสาวผมไปศึกษางานพวกนี้ไว้ก่อนแล้วกัน เป็นธุระให้ผมหน่อยนะ ขอบคุณล่วงหน้าเลย...”
ระหว่างที่ข้างนอกกินกันไปคุยกันไปที่ในครัวนางสำเนียงก็เก็บล้างถ้วยชามเพื่อจะเตรียมตัวออกไปเฝ้าร้านให้ลูกสาว แต่ว่าวันนี้ด้วยวงข้าวใช้เวลาบนโต๊ะนานกว่าปกติ สุนันทาจึงต้องโทรมาตามเพราะเห็นว่าแม่ผิดเวลา และพอรู้ว่าวันนี้เดชาพงษ์มาที่นี่แต่เช้าและกำลังร่วมรับประทานอาหารอยู่กับสองพ่อลูก สุนันทาจึงคิดแก้เกมก่อนจะขอตัววางสาย..
“แม่รีบมาแล้วกัน...ถ้วยจานชามก็ปล่อยให้นังจินมันทำมั่งก็ได้ เดี๋ยวมันจะเป็นง่อยตายไปซะก่อนหรอก”
เมื่อวางสายจากแม่สุนันทาก็กดโทรศัพท์หาเดชาพงษ์ทันที..เมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดของเขาดังเรียกเขาจึงรีบขยับตัวดึงโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ และพอมองเห็นว่าเป็นเบอร์จากสุนันทาเขาก็รีบลุกจากโต๊ะอาหารเดินออกไปไกลพอที่จะทำให้สองพ่อลูกไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกับใคร
“มีอะไรหรือสุ โทรมาแต่เช้าเลย”
“ไม่เช้าแล้วค่ะอาจารย์ แปดโมงจะเก้าโมงแล้วนะคะ” แม้จะพยายามอ่อนหวาน แต่ว่าความหงุดหงิดที่มีมากกว่าทำให้สุนันทาระงับอารมณ์ไม่ได้ และพอได้ฟังเสียงห้วน ๆ ของหญิงสาวเดชาพงษ์จึงนิ่งเงียบฟัง
“คือ วันนี้สุปวดท้องค่ะ คงไม่ได้เข้าไปทำงานนะคะ อย่างไรอาจารย์แวะมาเอาข้าวที่สุหุงไว้แล้วหน่อยนะคะ สุเตรียมกับอย่างอื่นไว้ด้วย"
“เป็นอะไรมากไหม”
“โรคผู้หญิงนะคะ” บอกเขาแล้วสุนันทาก็ทำเสียงซี๊ดซ๊าดเพื่อให้เขาห่วงใยซึ่งมันก็ได้ผลไม่น้อย
“ต้องไปหาหมอไหม”
“ยังไม่ต้องไปหรอกค่ะ สักพักคงดี แต่อาจารย์รีบมาแล้วกัน สุอยากนอนพักนาน ๆ”
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปนะ”
“ค่ะ งั้น...แค่นี้นะคะ” สุนันทาทำเสียงระโหยโรยแรงแล้วรีบวางสายไป เดชาพงษ์ถอนหายใจ เบา ๆ ก่อนจะหันมาหาสองพ่อลูก “คุณอา คุณจิน ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
“จะรีบไปไหนละคะ ไม่ทานของหวานก่อน” จรินนาเผลอตัวถามเขาออกไปอย่างมีอารมณ์
“คะคือ...ต้องรีบไปเอาข้าวนะครับ”
“ครับผม ตามสบายเลย วันหลังก็แวะมากินข้าวด้วยกันอีกนะ...” คุณบรรจงกล่าวลา เดชาพงษ์จึงยกมือไหว้ก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้าน
---------------------------
“สวัสดีครับจำผมได้ไหม...”
“คุณเอก จำได้ เจอกันหน้าห้องน้ำ”
“ทำงานอยู่หรือเปล่า ผมรบกวนหรือเปล่า”
“ไม่รบครับ พอคุยได้นิดหน่อย”
“เป็นเพื่อนกับเจ้าสาวเหรอครับ”
“ครับ...มากับแฟนเหรอครับ”
“เปล่าครับ มากับน้องสาว ลูกพี่ลูกน้องกัน”
“อืม...นึกว่าแฟนดูเหมาะสมกัน”
“ผมไม่มีแฟนครับ เป็นโสด”
“ชั่วคราว”
“ประมาณนั้นครับ”
“แล้วที่เคยมีหายไปไหนละครับ”
“เลิกกันแล้วครับ เป็นโสดจริง ๆ คุณหนึ่งละแฟนไปไหน”
“โสดเหมือนกันครับ”
“ไม่น่าเชื่อ”
“ทำไมไม่เชื่อ”
“น่ารักออกอย่างนี้ไม่มีแฟนได้ไง”
“คนอื่นคงน่ารักกว่า เขาก็เลยไป แล้วของคุณเอกล่ะ”
“ของผมเรื่องมันซับซ้อนครับ แต่ตอนนี้ผมว่าง”
“อืม”
“กินข้าวเที่ยงหรือยังครับ”
“กำลังจะลงออกไปกิน”
“ทำงานอะไรนะ”
“บริษัทครับ ฝ่ายบัญชี หัวฟูทั้งวัน”
“ทำงานในกทม.เงินคงดี”
“พอได้ครับ คุณเอกล่ะทำงานอะไร”
“ผมทำงานให้ครอบครัว เงินเดือนนิดเดียว”
“อยู่นครสวรรค์ค่าใช้จ่ายคงไม่เยอะ”
“ก็พออยู่ได้ครับอยู่กับครอบครัวกินไม่ต้องควักทุกอย่าง...คุณหนึ่งอยู่กับใคร”
“คนเดียวครับ”
“แถวไหน”
“รัชฎา”
“อืม...บ้านหรือคอนโดครับ”
“ห้องเช่าถูกๆ”
“ครับ...ขอเบอร์ได้ไหม”
“เบอร์อะไร”
“รองเท้า”
“43”
“เท้าเท่ากันเลย”
“เสื้อไซด์แอล กางเกงเอวสามสิบสอง ได้เข็มขัดด้วยก็ดี”
“มาเป็นชุด...”
“ได้ครบชุดก็ดี”
“ต้องไปวัดตัวที่ห้องแล้วจะได้ใส่ได้พอดี....”
“....ขอตัวก่อนนะครับ พอดีงานเข้า ว่าง ๆ คุยกันใหม่ อย่างไรก็ขอเบอร์ไว้ด้วย”
“ขอเบอร์คุณเอกก่อนดีกว่าครับ”
พอได้เบอร์ของเอกรินทร์มาแล้ว นาทีก็ไม่ได้ข้อความสนทนาทางเฟสบุ๊คจากเอกรินทร์อีก กระทั่งทำงานเพลิน ๆ แพรวพรรณเพื่อนสนิทที่เพิ่งย้ายตามเจ้าบ่าวผู้การเรือไปอยู่สัตหีบข้อความมาคุยด้วย นาทีจึงได้วางข้อความของเอกรินทร์ให้แพรวพรรณได้อ่าน และพออ่านแล้ว แพรวพรรณก็หยอกกลับมา
“คุยกันทางไหนเนี่ย”
“เฟสนี่แหละ เขาเป็นเพื่อนแพรวนี่ คงเห็นหนึ่งเป็นเพื่อนแพรวเหมือนกันก็เลยขอเป็นเพื่อนมา หนึ่ง แต่หนึ่งเพิ่งกดรับนะ แต่เขาก็เพิ่งทักหนึ่งมาเหมือนกัน”
“นัดเจอกันหรือยัง”
“บ้า ไม่ไวไฟขนาดนั้นหรอก เข็ดแล้วผู้ชาย”
“ให้จริง”
“จริง....แต่เขาก็น่ารักจริง ๆ นะ แอบดูรูปที่เขาลง ๆ ไว้ หน้าแหลม ๆ ตาเป็นประกายดีจัง”
“หนุ่มนครศรี กับหนุ่มนครสวรรค์เข้ากันดี”
“ไม่อยากรักคนบ้านไกล เบื่อความคิดถึง แล้วก็ขี้เกียจหวาดระแวง แล้วถ้าขี้หึงด้วย ไม่เป็นอันทำงานทำการ ว่าจะพักหัวใจสักพัก”
“ให้จริง”
“อยากเจอเนื้อคู่แท้ ๆ”
“เสียดายเนอะ ตอนที่หนูนายังดูดวงได้ ก็ไม่ได้ให้หนูนาดู”
“อย่างพวกหนึ่งไม่มีคู่แท้หรอกแพรว”
“เขาอาจจะใช่ก็ได้ อยู่ตั้งไกลยังไปเจอกันหน้าห้องน้ำได้เลย อย่าเพิ่งสรุป...แล้วสรุปว่าตอนนี้โทรคุยกันหรือยัง”
“ยัง ขอเล่นตัวพอเป็นพิธีก่อน..อิอิ”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2555, 08:10:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2555, 08:10:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 2330
<< 14.1“เรื่องจริง ๆ ค่ะ อนงค์นางชอบอาจารย์เดชาพงษ์...” | 15.1 “พี่ว่าเขาคงไม่ใช่คนเจ้าชู้ และก็ดูอบอุ่น” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 6 ส.ค. 2555, 08:15:13 น.
อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์ครับ....คู่วายออกมาและ พอเป็นกระษัย...กรุบกริบ ๆ... 555555
เขียนไปยิ้มไปเขิน...อร๊ากกกกก ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจเหมือนเดิมครับ....
อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์ครับ....คู่วายออกมาและ พอเป็นกระษัย...กรุบกริบ ๆ... 555555



goldensun 6 ส.ค. 2555, 09:31:08 น.
อาจารย์ยังไม่ทันเกมสาวๆ อยู่ดี
อาจารย์ยังไม่ทันเกมสาวๆ อยู่ดี


anOO 6 ส.ค. 2555, 14:09:50 น.
อาจารย์กล้วยอาจจะทันคุณหนูจิน แต่ไม่ทันเล่ห์ยัยสุแน่
อาจารย์กล้วยอาจจะทันคุณหนูจิน แต่ไม่ทันเล่ห์ยัยสุแน่

nutcha 6 ส.ค. 2555, 14:56:08 น.
พี่ต้นกล้วยตามเกมยัยสุให้ทันน้า
พี่ต้นกล้วยตามเกมยัยสุให้ทันน้า


Orathai 7 ส.ค. 2555, 07:16:30 น.
อาจารย์กล้วยแกเจอผู้หญิงเจ้าอารมณ์นะ..สุนันทากับจรินนาเหมือนอารมณ์อยากเอาชนะกัน
อาจารย์กล้วยแกเจอผู้หญิงเจ้าอารมณ์นะ..สุนันทากับจรินนาเหมือนอารมณ์อยากเอาชนะกัน

konhin 7 ส.ค. 2555, 13:41:27 น.
รักแท้ไม่แพ้อุปสรรค จับยัยสุลงไหดีมั้ยเนี่ย เค้าจะได้หวานกันบ่อยๆ น่ารักอ่ะ
รักแท้ไม่แพ้อุปสรรค จับยัยสุลงไหดีมั้ยเนี่ย เค้าจะได้หวานกันบ่อยๆ น่ารักอ่ะ

Zephyr 12 ส.ค. 2555, 00:12:50 น.
สุกะหนูจิน เอาตากล้วยเป็นของรางวัลในการแข่งกันเหรอ
สุกะหนูจิน เอาตากล้วยเป็นของรางวัลในการแข่งกันเหรอ