ลำนำรักสายลม
และสายลม,
สายลมปรากฏกายเพื่อทักทายตะวัน
ณ รุ่งอรุณเมื่อรัตติกาลสิ้นสุด
ความยโสของเขาซัดสาดหมู่เมฆแหลกกระจาย
และโลกกลับกลายเป็นสีเทา
และสีเทากลับกลายเป็นผืนฟ้า
ในโมงยามที่ดวงดาราม้วยมรณา
แลดวงจันทราเร้นลี้แสงเผือดเศร้า
ด้วยโลกของเธอลาลับไปกับรัตติกาล

ตะวันโผนผงาดด้วยอภิอำนาจ
โลกตื่นสู่โมงยามแห่งการทักทาย
ผืนนทีแดงชาดด้วยจุมพิต
ความรุ่งโรจน์อันทรงเกียรติพัดสู่สายลม
เร่าร้อน
เร่งเร้า

ในความแข็งแกร่งที่มองไม่เห็น
ชัยชนะได้ถือกำเนิด
(ดัดแปลงจากบทกวี The Wind at Dawn ของ Alice Elgar)


(ยังเขียนเรื่องย่อไม่เสร็จ ประมาณนี้ก่อนนะคะ ^^X)
Tags: รักโรแมนติก วัยรุ่น ผู้ใหญ่

ตอน: ตอนที่ 2.3

“อ้าว! มาด้วยรึอัจ” นุชหยุดคุยกับเพื่อนและหันมาทักอัจจิมาพร้อมรอยยิ้ม หล่อนผ่านยิ้มนั้นไปให้ยายเตย อัจจิมาอดเสียใจไม่ได้ที่ไม่เห็นสีหน้าเจ้าของคณะ เดาได้จากสีหน้าระรื่นของนุชว่าแกคงยิ้มตอบ หรืออย่างแย่ก็ตีหน้าเฉย ไม่แสดงความขัดเคืองจากเหตุการณ์เมื่อวาน
นุชผละจากเพื่อนนางรำตรงเข้ามาหา ร่างมีเนื้อนวลสาวผุดผาดในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีบานเย็นตัดกับผิวสีน้ำผึ้ง แล้วนุชก็ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน คือยกมือลูบศีรษะเด็กหญิงด้วยกริยาผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“ชอบจริงนะเรื่องละเม็งละคอน มีรำทีไรต้องหนีขายมาลัยมานั่งเป๋อเหลอทุกที อย่าให้ยายอิ่มกะแม่อรรู้เข้าล่ะ ไปนั่งตรงมุมเสานั้นไป๊ จะได้ไม่เกะกะผู้ใหญ่เขา”
“พี่นุชมาแต่เช้าเหมือนกันนะ” เป่งแทรกขึ้นด้วยกริยาคันปาก “พี่น่าจะได้เห็นเจ้าอัจรำฉุยฉายยอพระกลิ่นเมื่อเย็นวาน มันรำได้งามแท้ๆ ผู้ใหญ่บางคนเห็นแล้วยังอาย”
เสียงจอแจใต้ถุนเรือนอันตรธานฉับพลัน นุชหน้าเจื่อนไปนิด แล้วปากเคลือบสีชมพูจัดก็คลี่ยิ้ม
“ได้ข่าวแล้วล่ะ เห็นเขาว่ายายเตยต้องจ้ำจี้จำไชหลายชั่วโมง พี่ฟังแล้วนึกสงสาร”
“แต่ตอนไปไม่สงสาร?” เป่งลอยหน้าถาม นางรำหลายคนมองหน้ากัน หลายคนเบือนหน้าซ่อนยิ้ม เป่งและนุชถือว่าปากร้ายติดอันดับต้นๆ ของคณะ ฟังทั้งคู่ปะคารมน่าสนุกกว่าชมละครหลังข่าวเสียอีก
“แหม ไอ้เป่ง พี่งอนไปอย่างนั้นล่ะ รู้นิสัยกันอยู่ ใครจะทิ้งยายเตยให้บากหน้าคนจ้างอยู่ได้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา” คำพูดนวลฟังแล้วงงเพราะไม่รู้ใครเกื้อกูลใคร เจ้าของคณะเกื้อกูลลูกจ้าง หรือลูกจ้างที่สู้ทนรำ ยายเตยไม่โต้ตอบ แกหันหลังไปง่วนกับหีบสมบัติ หยิบของมาวางทีละชิ้นสมทบกับชุดใหญ่ที่เอามาเรียงไว้แล้ว
“ต๊าย ยายจ๋า สไบผืนนั้นงามจริง ฉันใส่คงขับผิวแย่ เดี๋ยวจะรำให้สุดฝีมือเลย วันนี้ถ้าได้ทิปนะ ฉันจะยกให้ยายกับปู่แสงหมดเพราะถูกใจชุดจริงๆ ว่าแต่คนจ้างมาหรือยังจ๊ะปู่”
ระหว่างนั้น ยายเตยยังเรียงข้าวของไม่หยุด สไบหลายผืนถูกนำมาวาง แกหยิบชุดพราหมณ์ดิ้นเงินขึ้นมากางแล้วนำมาวางเคียงกับสไบสีทับทิม แทนที่จะเก็บกลับลงหีบ
น้ำลายเหนียวๆ ฝืดคอเด็กหญิง
“คงยังมั๊ง นี่เพิ่งแปดโมงเช้า” ปู่แสงตอบ แกขึงผืนระนาดเข้ากับตะขอ ตรวจตราว่าแน่นแข็งแรงดีแล้ว จึงไล่เสียงทีละลูก เมื่อครบ ก็เริ่มซ้อมมือด้วยเพลงคุ้นหู นุชหันรีหันขวาง ยายเตยยังจัดของไม่เสร็จ ปู่แสงรึก็แสดงชัดว่าแกไม่อยากคุย นุชจึงหันมาทางเด็กหญิง
“ร้อยมาลัยเสร็จแล้วรึ”
“ได้หลายพวงแล้วจ๊ะ”
“ดีจริง งั้นอัจรีบไปร้อยเพิ่มเหอะ วันนี้น่าจะขายดี ได้ข่าวว่าคนจ้างรำแก้บนคนนี้รวยมาก สามีเป็นคนใหญ่โตจากกรุงเทพฯ”
อัจจิมายิ้มเจื่อน น้ำลายเหนียวตอนนี้ฝืดหนึบยิ่งกว่าแบะแซทำขนม
ยายเตยคงตามพี่นุชกลับมาแน่ ไม่อย่างนั้น เจ้าตัวจะกล้าออกปากเป็นเชิงไล่หรือ แล้วดูสิ ทั้งยายเตย ทั้งปู่แสง ทุกคนพากันหลบตากันหมด
“ไปเหอะ รีบไปร้อยมาลัยให้เสร็จ เดี๋ยวยายกลับมาจะถูกเอ็ด” นุชคะยั้นคะยอ ทั้งคำเตือนและอาการพยักเพยิดทำให้อัจจิมาตัดใจ หล่อนไหว้ลาปู่แสงและคนอื่น ก่อนจะหันไปหายายเตย ยกมือจะไหว้ลาเป็นคนสุดท้าย
“อัจ มาใกล้ๆ ยายนี่!” ยายเตยไม่รับไหว้แต่กวักมือเรียก
“โถยาย! จะเรียกเด็กมันไว้ทำไมอีก” นุชแย้งเสียงจี๊ด “เสียเวลาร้อยมาลัยมันเปล่าๆ เดี๋ยวยายอิ่มรู้เข้าได้เอ็ดตะโรเท่านั้น เขายิ่งไม่ชอบให้หลานมาขลุกที่นี่ แล้วได้ข่าวว่านังอัจมันยังรำไม่ถูกใจยายไม่ใช่หรือ ฉันถึงได้มาช่วย ไม่อยากให้เสียลูกค้า”
“ข้าจะเรียกมันช่วยเรียงเครื่องละคอน”
น้ำเสียงขัดใจของนุชหยุดหมับ
“อ้อ งั้นรึ... ดีเหมือนกัน ยายจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ไอ้ฉันเมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบสว่าง”
“ไปทำอะไรมาล่ะ” คนถามไม่ใช่ยายเตย แต่เป็นขาประจำ...เป่ง
“นั่งหารือกับพวกพี่เรือง” คนเสียงจี๊ดเปลี่ยนโทนเป็นอ่อนหวานเอางานเอาการยิ่ง เรืองที่นุชพูดถึงคือหนุ่มขับรถสองแถว วิ่งเส้นทางระหว่างตลาดและอำเภอเมือง หน้าตาคมคาย แววตาระยับอยู่เสมอ และเป็นคนเดียวกับที่เคยมาตามตื้ออินทิรา จนถูกตอกหน้าเข้าจังๆ จนเผ่นแน่บ
“เขาจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนแถวนิคมอุตสาหกรรมอยุธยาเพื่อหาช่องทาง”
“หางานตามโรงงานหรือ” ไม่รู้เพราะเสียงคุยทำลายสมาธิเสียแล้ว หรือเพราะความสนใจส่วนตัว ปู่แสงละมือจากระนาด นุชยิ้มกว้าง ตอบปู่ด้วยเสียงที่ได้ยินทั่วทั้งลานว่า
“โอยยย ปู่ ฉันไม่เอาหรอกงานโรงงานอย่างแม่เจ้าอัจน่ะ ลำบากจะตาย ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าจนมืด แต่งตัวปอนเหมือนผู้ชาย ผมเผ้าหน้าตาไม่ได้แต่ง ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่เจ้าของรวยคนเดียว ฉันอยากมีร้านเป็นของตัวเอง จะได้กลับมารำให้ยายเตยได้”
“แล้วคิดไว้หรือยังว่าจะทำมาหากินอะไรถ้าไม่ทำงานโรงงาน ขายอาหารไหมล่ะ เห็นว่าคนงานแถบนั้นเยอะเอาการ คนมันต้องกินต้องใช้ ขายอาหารไม่มีวันอดตายหรอก”
“ยี้” นุชหน้าเบ้ “ขายอาหารเหนื่อยพอๆ กับทำงานโรงงานนั่นแหละ ดูอย่างอินสิ ไปช่วยเจ๊เพ็ญเสิร์ฟอาหารหน้าเป็นมันจนจะขึ้นคานรอมร่อ แถมวันไหนแม่ครัวขาด ยังต้องเข้าครัวอีก ไม่เอาหรอก ฉันเกลียดน้ำผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ไหนจะน้ำมันเดือด มือไม้พังหมด”
“อินมันหน้าตาดีนะ ได้ข่าวว่าไอ้เรืองเคยตามอยู่ไม่ใช่หรือ แต่อินมันไม่สนใจ” ยายเตยเสริม ทุกคนจึงสังเกตว่าแกจัดของเสร็จแล้ว เครื่องรำเป็นประกายจับแสงเด่นอยู่บนตั่ง สวยจนน่าตะลึง แต่นุชไม่ทันสนใจเครื่องรำที่ว่า เสียงจี๊ดขึ้นมาอีกรอบ
“ยายเอาที่ไหนมาพูด พี่เรืองหรือจะสนใจคนหน้าจืด พูดจาห่ามอย่างอิน”
“ถึงอินมันจะพูดจาห่าม แต่มันก็เป็นคนสวย” ยายเตยหันมาหาหลานสาวคนเดียวของอินทิรา จับคางเล็กหมุนเพื่อพิจารณาถนัดถนี่
“คนสวย ไม่ต้องแต่งมากมันก็สวย ผู้ชายอย่างไอ้เรือง ได้ยินว่าใครสวย มันก็ระริกระรี้ตามไปดอมดมเหมือนแมลงวันตอมขี้ อินมันดูออกถึงไล่เปิงไป” มือเหี่ยวของยายเตยว่องไวเกินอายุ แกรวบผมเด็กหญิงตึง มัดเป็นหางม้าแน่นด้านหลัง แล้วผัดแป้งลงบนหน้าอย่างคล่องแคล่ว
“ยาย!” นุชกรีดเสียง “บ้านช่องพี่เรืองเค้าพอมีฐานะ ไม่เหมือนพวกคนขับรถสองแถวทั่วไปหรอก รถเป็นของเขาเอง ไม่ได้เช่าเหมือนคนอื่น ไปเปรียบเขาเป็นแมลงวันตอมขี้ได้ไง แล้วพี่เรืองเขาเป็นคนมีอัธยาศัยดี พูดเก่ง บางคนสำคัญผิดว่าเขาจีบ แล้วนั่นยายแต่งหน้าให้อัจมันทำไม”
ยายเตยยิ้มในหน้า เพิกเฉยคำถามจากนางเอกประจำคณะ หยิบเสื้อนางตัวในสีครีมส่งให้อัจจิมา
“แม่ยอพระกลิ่น เดี๋ยวยายจะแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยจนจำไม่ได้เลยทีเดียว แต่ไม่แต่งเข้มหรอกนะ เรามันสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องประโคมพอกโปะเหมือนคนอื่นเขา แต่งพองามพอ” ยายเตยเน้นแต่ละคำราวจะกระจายให้ได้ยินทั่วกัน
“เมื่อแต่งชุดสวมมงกุฎแล้ว อย่าลืมตนหลุดเข้าไปในละคอนล่ะ” ยายพูดพลางขยับกระบังฉุยฉายซึ่งเคลือบทองประดับกระจกสีให้เข้าที่ แล้วสวมช้องนางคลุมหางม้าจนเป็นมวยผมเรียบสวยอีกชั้น ปิดท้ายด้วยอุบะดอกไม้สดฝีมือเจ้าตัว ปากก็ว่า
“เท้าเหยียบดินให้มั่นเพื่อเตือนตนไม่ให้เพริดไปกับเงา อย่าทะนงว่าตนเป็นคนสวย จะประกอบอาชีพไหนก็ตาม หากทำด้วยความสุจริต ตั้งมั่นในมานะแห่งสัจจาอาชีพ มันเจริญรุ่งเรืองได้ทั้งนั้น ความสวยไม่ใช่ข้อดีเสมอไปหรอก หลานเอ๊ย จำไว้ให้ดี เอ๊า นั่งตะลึงอ้าปากค้างอยู่นั่นแล้ว รีบไปเถอะ แล้วมารำให้ยายดูอีกหน่อยก่อนแสดง”



อลินน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ส.ค. 2555, 13:36:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ส.ค. 2555, 13:36:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1347





<< ตอนที่ 2.2   ตอนที่ 3.1 >>
อลินน์ 7 ส.ค. 2555, 11:56:33 น.
ขอบคุณทุกคลิ๊กที่แวะมาอ่านนะคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account