ลำนำรักสายลม
และสายลม,
สายลมปรากฏกายเพื่อทักทายตะวัน
ณ รุ่งอรุณเมื่อรัตติกาลสิ้นสุด
ความยโสของเขาซัดสาดหมู่เมฆแหลกกระจาย
และโลกกลับกลายเป็นสีเทา
และสีเทากลับกลายเป็นผืนฟ้า
ในโมงยามที่ดวงดาราม้วยมรณา
แลดวงจันทราเร้นลี้แสงเผือดเศร้า
ด้วยโลกของเธอลาลับไปกับรัตติกาล

ตะวันโผนผงาดด้วยอภิอำนาจ
โลกตื่นสู่โมงยามแห่งการทักทาย
ผืนนทีแดงชาดด้วยจุมพิต
ความรุ่งโรจน์อันทรงเกียรติพัดสู่สายลม
เร่าร้อน
เร่งเร้า

ในความแข็งแกร่งที่มองไม่เห็น
ชัยชนะได้ถือกำเนิด
(ดัดแปลงจากบทกวี The Wind at Dawn ของ Alice Elgar)


(ยังเขียนเรื่องย่อไม่เสร็จ ประมาณนี้ก่อนนะคะ ^^X)
Tags: รักโรแมนติก วัยรุ่น ผู้ใหญ่

ตอน: ตอนที่ 3.1

อัจจิมาไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เด็กหญิงได้รู้สึกถึงความท้อแท้เมื่อเห็นนุช คิดว่าหมดหวังจะได้รำแล้ว แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร บัดนี้ หล่อนรู้สึกเหมือนล่องลอยขึ้นสูงเทียมปุยเมฆ
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับนางเอกประจำคณะ หลังจากยายเตยทะลุกลางป้อง แกจงใจง่วนกับแม่ยอพระกลิ่นน้อยเพียงคนเดียว ทิ้งให้ดาวเด่นยืนกัดริมฝีปากจนห้อเลือด ส่วนนางรำแก้บนอีกชุดได้แต่มองหน้ากัน แล้วทยอยไปผลัดผ้าเมื่อเห็นนุชสะบัดหน้า กระแทกส้นออกจากเรือน
“ยาย พี่นุชเค้า...”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เวลานี้ อัจต้องนึกถึงการรำอย่างเดียว ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ต้องกลัวรำผิด”
“แต่หนูกลัวนี่จ๊ะ ยาย มือหนูเย็บเฉียบไปหมด หนูคิดว่าลืมท่ารำไปหมดแล้ว”
ยายหัวเราะทั้งลูกกะตา ทำให้นึกถึงวันที่แกจับได้ว่ามีนักเรียนไม่ได้รับเชิญเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบ ซุ่มหลังพุ่มไม้แอบรำเก้งก้างตามชั้นเรียนใต้ถุนบ้าน
“เอ็งไม่ลืมหรอก ถ้าลืมจริงๆ รำอะไรออกมาก็ได้ เอาให้ลงจังหวะระนาดปู่แสงแล้วกัน เอ้า! เสร็จแล้ว สวยจริงๆ เสียด้วยแม่ยอพระกลิ่นคนนี้ อยากให้ยายอิ่มเห็นจริงจริ๊งเผื่อจะเปลี่ยนใจ”
ใจเด็กน้อยอุ่นวาบ
“ยายอิ่มจะเปลี่ยนใจได้หรือจ๊ะ ถ้ารู้ว่าหนูรำฉุยฉายยอพระกลิ่นสวย”
“ยายอิ่มจะเปลี่ยนใจหรือเปล่าไม่เห็นจะสำคัญเลย”
คำอธิบายยายเตยไม่ช่วยให้ความกังวลเบาจางลง ก็ถ้ายายอิ่มเปลี่ยนใจ ทำไมจะไม่สำคัญเล่า แค่คิดว่าไม่ต้องวิ่งหัวซุกหัวซุนหลบๆ ซ่อนๆ มาเรือนไม้หลังศาลเจ้าแม่ มันแสนจะสุขใจกว่าเรื่องไหนทั้งหมด
ก่อนเด็กหญิงจะได้ถามว่าเรื่องใดคือสิ่งสำคัญ ทั้งคู่ก็ถูกขัดจังหวะ
“เขามากันแล้ว” เด็กหน้าศาลแจ้งกระหืดกระหอบ ยายเตยหันมายิ้มให้ บีบมือเย็นเฉียบแล้วจูงไปยังปะรำพิธี
**********************************************

ศาลเจ้าแม่ตะเคียนเมื่อกลายเป็นอาคารปูนภูมิฐาน ความศรัทธาก็ดูจะหลั่งไหลมามากขึ้น เห็นชัดจากความแออัดบนโต๊ะวางเครื่องบูชา เนืองแน่นด้วยของถวายยอดนิยมคือกล้วยน้ำว้า มะพร้าวน้ำหอม และอ้อย วางปะปนกับถาดขนมไทยชื่อมงคลอย่างทองหยิบ ฝอยทอง ถ้วยฟู พร้อมพวงมาลัยธูปเทียนและหมากพลู ถ้าใครโชคดีมีลาภใหญ่หรือพ้นเคราะห์เพราะเจ้าแม่ช่วย อาจถวายรำแก้บนหรือละครชาตรีด้วยอีกอย่างหนึ่งแล้วแต่ฐานะและความศรัทธา
หน้าศาลคือลานปูนกว้างขวาง มีเพิงขายสินค้าเกือบยี่สิบร้านเรียงรายอยู่ข้างหนึ่ง จำหน่ายพวงมาลัยธูปเทียน รวมถึงของบวงสรวงต่างๆ อย่างมะพร้าวน้ำหอม กล้วย อ้อยมัดเป็นท่อนพอดีขนาดพาน หมากพลูมวนเป็นชุด ที่ขาดไม่ได้เลยคือชุดสไบและซิ่น จำหน่ายพร้อมไม้แขวนเสื้อหุ้มห่อพลาสติกกันฝุ่นอีกชั้น ถ้าใครต้องการแก้บนถวายเจ้าแม่ชุดใหญ่ ทางร้านยังมีเครื่องประดับจำพวกปิ่นปักผม สังวาลย์ กำไลข้อมือข้อเท้าชุบทองแวววาวพร้อมสรรพ เลยจากร้านเครื่องบวงสรวงคือแผงเลขเด็ดจัดเป็นชุดตามสำนักต้นสังกัด งวดใดเลขไหนมาแรง เป็นได้เห็นแต่ไกลเพราะคนขายขึ้นกระดานเด่นชัด ถัดจากแผงสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงมาถึงร้านจำหน่ายเครื่องดื่มขนมนมเนยรวมถึงผลไม้ตามฤดูกาล
เพิงคณะรำแก้บนยายเตยตั้งอยู่ปลายแถว โดดเด่นด้วยป้ายทาสีสดใสคล้ายฉากลิเก ปรากฏชื่อคณะและเบอร์โทร.ติดต่อ ส่วนด้านในมีเพียงแคร่ไม้ไผ่ เป็นที่เล่นของเด็กแถวนั้นเมื่อยายเตยไม่ใช้งาน และเป็นที่พักร้อนของชาวคณะก่อนและหลังแสดง คณะนางรำแก้บนนำโดยยายเตยมาถึงศาลเมื่อเวลาเก้าโมงกว่า ยายเตยส่งดอกไม้ธูปเทียนให้นางรำทุกคนเพื่อไหว้พ่อครูบนโต๊ะหมู่บูชาขนาดย่อมก่อนเริ่มพิธี
“ไหว้ครูบาอาจารย์เสียเจ้าอัจ” ยายเตยนั่งขนาบข้าง “อธิษฐานขอบารมีครูดลบันดาลให้การแสดงครั้งแรกในชีวิตของเจ้าราบรื่น ขอให้ความหมั่นเพียรของเจ้านำพามาซึ่งความสุขความเจริญ”
อัจจิมาก้มกราบอย่างตั้งใจ พึมพำตามคำยายเตยครบถ้วน ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
หลังการไหว้ครูเสร็จสิ้น เด็กหญิงจึงมีโอกาสมองรอบตัว ปู่แสงซึ่งล่วงหน้ามาก่อนกำลังคุยกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง
“คนของคุณภรณ์จ๊ะยาย นายเขากำลังจะถึง” นักดนตรีคนหนึ่งรายงานหญิงชรา
“งั้นรีบเตรียมการเข้า เครื่องบวงสรวงตั้งรึยัง หมากพูลล่ะ”
ความโกลาหลย่อมๆ เกิดขึ้น อัจจิมาอาสาช่วยแต่ยายเตยไม่ยอมเพราะกลัวชุดงามจะเกี่ยวรุ่ยหรือชำรุด เด็กหญิงจึงเลี่ยงไปนั่งข้างปู่แสง ชะเง้อมองซุ้มขายมาลัยตัวเองไปพลาง ไม่รู้สึกง่วงสักนิดทั้งที่ตาค้างเกือบตลอดคืน ยิ่งใกล้เวลา แม่ยอพระกลิ่นน้อยยิ่งยุกยิกนั่งไม่ติดเสื่อ จนเห็นรถเก๋งสีดำสนิทแล่นเข้ามายังลานจอดก่อนฤกษ์ไม่ถึงสิบนาที คนของ ‘คุณภรณ์’ วิ่งเหยาะๆ ไปหานายตนโดยมียายเตยกุลีกุจอตามไปต้อนรับ อัจจิมาพลอยตื่นเต้นไปด้วยจนเดินตามไปไม่รู้ตัว ยายเตยไหว้คนว่าจ้างทั้งที่อายุแก่กว่าหลายรอบ
“ร้อนจริง คุณเทอดรีบพาเด็กๆ เข้าร่มเถอะ”
ประภาภรณ์ไม่ได้รับไหว้ยายเตย ฟังสรุปสั้นๆ จากคนของเธอแล้วหันมาเร่งสามีและลูกด้วยความเป็นห่วง เห็นชัดว่าเธอเป็นคนไม่สวย คิ้วบางจนเหลือแต่เส้นหนาของดินสอเขียนคิ้ว ตาโตเกือบถลนซ้ำยังทาเปลือกตาสีเข้มขับให้หน้ายิ่งดุ ส่วนริมฝีปากคือความไม่เข้ากันอย่างหนักเมื่อริมฝีปากบนบางเฉียบ แต่ริมฝีปากล่างหนาเตอะ ในความไม่น่ามองทั้งหมดนี้ ประภาภรณ์แก้ไขด้วยรสนิยมการแต่งกาย เริ่มตั้งแต่ทรงผมดัดหยิกเป็นลอนใหญ่สั้นแค่ศีรษะ ไล่ซอยด้านหลังจนท้ายทอยทุยสวย รูปร่างกำลังเหมาะไม่อ้วนไม่ผอมดูดีในเสื้อแขนยาวปลายบานสีเปลือกมะปรางเข้าเอวเล็กน้อยและกางเกงขายาวทรงตรงสีกลีบมะลิเนี๊ยบกริบ รับกับมรกตล้อมเพชรแข่งเครื่องรำตามนิ้ว ข้อมือ และลำคอ ต่างกันราวฟ้ากับเหวคือสามี เทอดยศเป็นชายหน้าตาคมคาย ผมไม่ดำสนิทอย่างชายสูงวัยคนอื่น และไม่ขาวโพลนไปทั้งหัวอย่างปู่แสง เขาดูดีในชุดเสื้อยืดมีปกสีน้ำตาลอ่อนและกางเกงสีเดียวกัน อกผายไหล่ผึ่งหน้าท้องเรียบ ไม่กลมป่องอย่างคนสูงวัยอื่นแม้วัยล่วงเข้าห้าสิบ
ทั้งคู่มากับเด็กวัยรุ่นสองคนอายุไล่เลี่ยกับอัจจิมา เป็นหญิงทั้งคู่
**********************************************

“ปู่แสง ฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุณผู้หญิงอยู่นา” คนฆ้องเอ่ยขึ้นพอดีเมื่ออัจจิมากลับมานั่งข้างระนาดเอก ประภาภรณ์และเทอดยศเข้าหลบแดดในเต้นท์ข้างปะรำพิธีเรียบร้อยแล้ว อะไรบางอย่างทำให้อัจจิมาอยากไปนั่งรอในเต้นท์นั้น ติดที่สายตาบุตรสาวคนโตของผู้ว่าจ้าง
สายตานั้นทำให้สไบสีทับทิมที่หล่อนนอนฝันถึงทั้งคืน หมดงามลงไปกว่าครึ่ง!
“คนใหญ่คนโตล่ะมั๊ง อย่าสนใจเลยวะ เจ้าเป่ง เอ็งเอากลองแขกให้อยู่เหอะ”
“แหมปู่ ตีมาเท่าไหร่แล้ว” มือกลองทำเสียงจึกจัก มองผู้ว่าจ้างหญิงซึ่งบัดนี้สวมแว่นกันแดดอันใหญ่ปิดครึ่งหน้า กำลังคุยกับบุตรสาวทั้งสอง ปล่อยให้สามีสนทนากับยายเตยตามลำพัง
“มันคุ้นจริงๆ นะ อ้อ ฉันนึกออกแล้ว แกเป็นลูกเฮียไก่แจ้ เจ้าของบ่อนไงล่ะ” เป่งเอ่ยชื่อเต็มทั้งอำเภอและจังหวัดที่ตั้งนักดนตรีคนอื่นอือออจนปู่แสงต้องดุให้เบาเสียง
“ได้ข่าวว่าเฮียไก่แจ้ป่วยหนัก ลูกสาวคงมาบนเรื่องนี้มั๊ง ไม่น่ามีเรื่องอื่นแล้วเพราะพี่ชายคนเดียวของแกตายเมื่อปีกลายนี้เอง”
“ยังหนุ่มยังแน่น ไม่น่า” เสียงใครบางคนเออออ
“โดนยิง!” เป่งขยาย “เป็นข่าวดังลงหนังสือพิมพ์หลายวัน ตำรวจวิ่งกันหัวปั่น สุดท้ายจับมือใครดมไม่ได้ ฉันจำได้แม่นเพราะไอ้เรืองว่ามันรู้จัก มันยังหยุดวิ่งรถไปช่วยงานศพ กลับมาเล่าให้ฟังเสียละเอียดยิบว่าเฮียพิณ พี่ชายคนเดียวของคุณภรณ์ถูกนักเลงเจ้าถิ่นยิงเรื่องแข่งประมูลงานก่อสร้าง ลือกันว่าคนสั่งยิงคือเฮียเม้ง เจ้าพ่อจังหวัดข้างเคียง สองตระกูลฮึดฮัดกันพักใหญ่ ฝั่งเฮียเม้งปฏิเสธเสียงแข็ง สุดท้าย เรื่องค่อยซาไปเพราะเฮียไก่แจ้ป่วยนี่เอง”
“น่ากลัวจริง กูตีฆ้องอย่างนี้ไปดีกว่า จะได้อยู่หายใจนานๆ เหมือนปู่แสง แล้วคุณภรณ์คนนี้ล่ะ แกเป็นเจ้าแม่ด้วยหรือเปล่า”
“ข่าวว่าแกไม่เคยยุ่งกับธุรกิจมืดพวกนั้น ทั้งเรื่องบ่อน เรื่องงานประมูลก่อสร้าง หรือธุรกิจมืดอื่นๆ เฮียพิณเป็นคนจัดการคนเดียว พอเฮียพิณตาย เฮียไก่แจ้ป่วยหนัก ได้ข่าวว่าเป็นมะเร็ง งานทั้งหมดตกอยู่กับมือขวาของเฮียไก่แจ้ ถึงคุณภรณ์อยากทำต่อก็คงยากแล้วล่ะ เป็นผู้หญิงเสียด้วย ลูกน้องที่ไหนจะเชื่อมือ อ้าว! นั่นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเจ้าอัจนี่นา แกมาทำอะไร หรือมาบนเจ้าแม่ตะเคียนวะ”



อลินน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ส.ค. 2555, 09:27:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ส.ค. 2555, 09:27:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1328





<< ตอนที่ 2.3   3.2 >>
อลินน์ 13 ส.ค. 2555, 09:58:52 น.
ขอโทษที่โพสช้าไปหน่อยนะคะ และสุขสันต์วันแม่ทุกคนค่ะ สำหรับปีนี้ ลูกๆ มีเซอร์ไพรส์ แม่เสียน้ำตาตามระเบียบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account