ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๑๔

“ครับลุง ” รวีรับโทรศัทพ์ของพ่อเลี้ยงเอนกและนิ่งฟังเมื่อกลับถึงบ้านได้สักพัก

“เอาอย่างนั้นเลยหรือครับ” เขาถาม อรุณงามนิ่งฟังอย่างสนใจ ปลายสายพูดอะไรยืดยาวและรวีก็ถอนหายใจ

“ผมก็คิดอยู่ว่าจะทำอย่างนั้น แต่ถ้าลุงออกหน้าเอง ก็ดีกว่า”

“ครับ ยังไงผมก็สู้พ่อเลี้ยงเอนกไม่ได้หรอกครับ” พ่อเลี้ยงเอนกต้องพูดอะไรสักอย่าง ที่ทำให้หลานชายทางนี้ยิ้มกว้างและหันหน้ามามองอรุณงาม

“ครับ ได้ครับ พรุ่งนี้พบกันครับ”

เขาวางโทรศัพท์และมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับอรุณงามที่นั่งดูทีวีอยู่ และมองหน้าเขาอย่างฉงน

“มีอะไรหรือคะ”

เขาหัวเราะเบาๆ

“ผมชอบคิดว่าผมเองก็ไม่ใช่หลานรักของลุง เพราะตั้งแต่เด็กลุงก็เหมือนว่าจะรักเมฆามากกว่า เพราะเรียนไม่เก่งเท่ามัน โตมาทำงานก็ไม่เก่งเท่า ผมคิดว่าลุงลำเอียงเข้าข้างมันทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเริ่มทิวา หลับหูหลับตาเข้าข้างมัน มันอยากไปจากเมืองไทย ก็ส่งมันไปเรียนเมืองจีน ไม่ต้องทำงานอยู่สองปี ส่วนผมทำงานงกๆ ทั้งๆ ที่ผมขอไปเรียนต่อเมืองจีนก่อนมันมาตั้งนานแล้ว ตามใจมันจนเคยตัว จะต้องเอาให้ได้ดังใจทุกอย่าง ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่วันนี้ผมก็ได้รู้อีกครั้งว่า จริงๆ แล้วท่านก็รักและเป็นห่วงหลานชายสองคนเท่าๆ กัน”

“ทำไมหรือ”

“พรุ่งนี้ท่านให้ผมกับคุณไปที่บ้าน ลุงจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับเจ้าเมฆ เพื่อให้หนทางรักของเราราบรื่น ไม่คิดเลยแค่สองสามชั่วโมงท่านจะจัดการได้เด็ดขาดดีกว่าเราอีก”

“ฉันไม่เข้าใจ”

“ก็ผมบอกท่านไง ว่าความรักของเรามีอุปสรรคเพราะเรื่องรักของทิวากับเมฆาเป็นสาเหตุ ลุงก็เลยจะเคลียร์เรื่องนี้ให้เรา เพื่อให้ป้ารุ้งแพงเข้าใจ อีกอย่างท่านก็คงเห็นว่าเจ้าเมฆอาการใกล้บ้าเต็มที”

“แล้วเมฆาจะยอมหรือ”

“มันไม่ยอม ลุงก็เลยสั่งขังมัน”

“เฮ้ย”

“ไม่เฮ้ยล่ะ พรุ่งนี้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี เพียงแต่ไม่ว่าจะเห็นใคร ทำอะไร พูดอะไร คุณตั้งตั้งสติเข้าไว้ อย่าบุ่มบ่ามทำอะไร แล้วอยู่ใกล้ผมตลอดเวลา เข้าใจไหม”

อรุณงามพยักหน้าอย่างว่าง่าย เตรียมตัวลุกขึ้นไปนอน แม้ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่ถ้ารวีมั่นใจขนาดนี้ ก็แสดงว่าเรื่องราวอันคลุมเครืออชวนอึดอัดจะได้จบลงเสียที แล้วอรุณงามก็จะได้มีเรื่องกังวลแค่สองเรื่อง คือ หางานทำและเรื่องที่ป้ากับพี่จะยินดีรับหล่อนกลับบ้านหรือเปล่า นึกถึงตอนนี้หล่อนก็หันขวับ

“หากเรื่องของนายเมฆกับทิวาจบลง แล้วเรื่องการคบกันกำมะลอของเราจะเอาไงต่อ”

รวีก็ชะงัก ไม่ทันนึกถึงข้อนี้เช่นกัน

“เราก็คงต้องคบกันไปอีกสักพัก กันคนสงสัย ทำไมเป็นแฟนกับผมนี่มันไม่สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ อยากจะเลิกทันทีเลยละสิ” เขาตอบแบบขอไปที ประโยคท้ายออกจะประชดนิดหน่อย ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดไป

“ไม่ใช่ ฉันเกรงใจคุณ เลิกกันเร็วๆ จะเกิดผลดีกับตัวคุณมากกว่า”

“อ๋อ นี่เห็นผมเป็นคนยังไง เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยไม่ซ้ำหน้างั้นหรือ คุณยังไม่รู้อีกหรือ ว่าผมเป็นคนยังไง”

“แล้วคุณล่ะเป็นคนยังไง เห็นฉันเป็นคนยังไง เห็นฉันยอมมาเป็นแฟนหลอกๆ ง่ายๆ เลยคิดว่าฉันจะผละไปหาคนอื่นๆ ง่ายๆ เหมือนกันงั้นสิ”

“ผมไม่ได้พูดสักคำ”

“ทำไมจะไม่พูด”

“ผมแค่พูดว่า คุณอยากจะเลิกกับผม”

“ความหมายก็เหมือนกัน เฮอะ แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องเลิกกัน เพราะเรายังไม่ได้คบ”

“ไม่คบก็เหมือนคบ อยู่กับผมแบบนี้ ชาวบ้านเค้าคงคิดหรอกว่า ผมจะเป็นสุภาพบุรุษรักษาความสาวคุณไว้จนถึงวันแต่งงาน”

เจ็บผ่านผิวเนื้อถึงกระดูกเลยทีเดียว อรุณงามน้ำตาคลอ หล่อนเบือนหน้าหนีเดินไปห้องนอนของตัวเอง ก็ใครกันเล่าของร้องให้หล่อนมาเป็นแฟนหลอกๆ ใครเล่าขอร้องให้หล่อนเป็นหญิงใจง่ายมาอยู่กันเปิดเผยกับเขา แม้ไม่ได้บอกใครโจ่งแจ้ง และรู้ดีแก่ใจว่าหล่อนยังเป็นนางสาวเต็มภาคภูมิ แต่คนข้างนอกก็ต้องเข้าใจตามที่เห็น นายรวีเอ๋ย ฉันไม่นึกเลยว่านายจะพูดแบบนี้ต่อหน้า ไม่นึกเลยจริงๆ

“อรุณ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”

เสียงพึมพำของรวีนั้นเหมือนพูดกับตัวเอง เขาตบหน้าผากและนอนลงบนโซฟาอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

ปากหนอปากพูดอะไรออกไป ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แค่โมโหที่อรุณงามทำท่าเหมือนจะรังเกียจการแกล้งเป็นแฟนกันเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่ เขาออกจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยล่วงล้ำให้เสียเกียรติ อรุณงามก็ทำตัวน่ารัก ดูแลเอาใจใส่เรื่องข้าวปลาอาหาร ถ้าหล่อนไม่ออกไปสมัครงาน หล่อนก็จะทำความสะอาดบ้าน รดน้ำต้นไม้ ไม่เรื่องมากจู้จี้ คุณสมบัติแค่นี้ใครได้เป็นเมียก็โชคดีแล้ว ไม่นับที่หล่อนอยากจะใช้ความสามารถตัวเองในการหางานทำไม่พึ่งพาเขา นี่เป็นอีกอย่างที่รวีชื่นชม

แต่เอ๊ะ เมื่อกี้เขาคิดว่าไงนะ ใครได้อรุณงามไปเป็นเมียก็โชคดีแล้วงั้นหรือ

รวีพลิกตัวนอนคว่ำ ในใจต่อสู้ดิ้นรนให้สมองลบความคิดนั้นออกไปจากใจทันที

แกบ้าไปแล้ว รวี คิดไปได้ยังไง

ห้ามคิด อย่าคิด ห้ามคิด อย่าคิด

แต่หัวใจคนเรามักจะไม่ค่อยรับคำสั่งจากสมองเท่าใดนัก และเมื่อใจคิดสิ่งใดไปแล้ว ยากนักจะลบเลือนไปในเวลาอันสั้น

ดังนั้นรุ่งเช้ายามที่กินข้าวเช้าด้วยกัน อรุณงามยังมีทีท่ามึนตึง ส่วนตัวเขาก็แอบเผลอมองหล่อนเป็นระยะๆ มองอย่างพิจารณามากกว่าทุกวัน มองแล้วบางทีก็อมยิ้ม บางทีก็ขมวดคิ้ว

“อรุณ ถ้าเหตุการณ์จบลงในวันนี้ คุณจะทำไงต่อ”

ฉันถามคุณเมื่อคืนแล้ว ด้วยคำถามเดียวกัน ฉันให้โอกาสคุณแล้วนะ ย้อนถามฉันตอนนี้ อย่าหวังว่าจะได้คำตอบ

“นายต้องบอกฉันก่อนว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น”

“ผมก็ไม่รู้แน่หรอก แต่อย่างน้อย ลุงคงต้องทำให้เมฆาเปิดปากเล่าความจริงในคืนเกิดอุบัติเหตุ”

“งั้นฉันก็จะไม่บอกคุณว่าฉันจะทำอะไรต่อไป”

“บอกแฟนตัวเองสักนิดก็ไม่ได้หรือ”

พูดได้ไม่อายปาก หล่อนสะบัดหน้าหนี

“แฟนกำมะลอ”

“สมมติว่าเป็นแฟนจริงๆ ล่ะ”

“รอน้ำปิงแห้งก่อนเถอะย่ะ”



ต่อมาเมื่อรถของรวีแล่นมาจอดในโรงรถที่ประจำถัดจากรถเมฆาในบริเวณบ้านพ่อเลี้ยงเอนก อรุณงามที่สีหน้ายังเฉยสนิทลงจากรถอย่างรวดเร็ว แต่แปลกที่หล่อนยิ่งหน้าบูด รวีก็ยิ่งยิ้มแย้ม

“จะรีบไปไหน อ๋อ เอากล้วยบวชชีไปฝากลุงผม ในฐานะหลานสะใภ้ที่ดี”

กล้วยบวชชีที่อุตส่าห์ตั้งใจทำมา แทบจะปลิวไปตกใส่หน้ารวี แต่อรุณงามก็ข่มใจ เดินตัวปลิวไปที่ใต้ถุนเรือนไม้อันจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับแขกไม้สักอย่างดีเข้าชุดกับเครื่องลายครามเก่าแก่ และดอกเอื้องหายาก สมฐานะพ่อเลี้ยงใหญ่

พ่อเลี้ยงเอนกนั่งรออยู่แล้ว

“มากันเร็วดีจัง” ท่านทักรวีและอรุณงามที่ยกมือไหว้

“เมฆล่ะครับ”

“ ตื่นแล้ว กำลังกินข้าวอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าจะอาละวาดอีกเมื่อไหร่ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสอง มันจะยินดีหรือไม่ เรื่องคาราคาซังมันจะต้องจบวันนี้”

แล้วมันจะจบทางไหน ออกหัวหรือออกก้อยต่อเริ่มทิวาล่ะ ญาติของเริ่มทิวาที่นั่งตรงนี้คนเดียวเริ่มใจคอไม่ดี แม้ว่าจะทำใจและเตรียมใจมาแล้วก็ตาม

พ่อเลี้ยงเอนกเห็นอาการหน้าซีด ดวงตาเศร้าสร้อยของอรุณงามแล้วก็รีบปลอบ


“ไม่เป็นไรหรอกหนู เรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว เอากันให้ชัดไปเลยว่า อะไรเป็นอะไร”

“ค่ะ”

“กล้วยบวชชีนี่หนูทำเองใช่ไหม น่ากินจริงๆ ช่วยไปตักแบ่ง มาให้ลุงหน่อยได้ไหม ครัวอยู่ทางโน้นลูก นี่ ใครอยู่แถวนั้นมาพาแฟนพ่อเลี้ยงรวีไปที่ครัวหน่อย เร็ว”

เด็กรับใช้คนหนึ่งรีบเดินมาหาอรุณงาม

“แม่เลี้ยงน้อย เชิญทางนี้เจ้า”

“เผื่อผมด้วยนะจ๊ะ อรุณจ๋า”

อรุณงามทำปากขมุบขมิบ ค้อนส่งให้ รวีก็ยักคิ้วรับ จนคนเป็นลุงอดปากไม่ได้

“หมั่นไส้ว่ะ”

“อิจฉาคนหนุ่มละสิ ลุงไม่ลองหามั่ง”

“ลุงแก่แล้ว ก็รู้จักอยู่อย่างคนแก่โว้ย ว่าแต่เดี๋ยวเถอะ จะยิ้มไม่ลง ถ้าคุณรุ้งแพงกับพี่ชายหนูงามมาที่นี่ แกไปเอาหลานสาวน้องสาวเขามาอย่างนั้น”

“ผมรู้ครับ ก็เลยต้องทำตัวร่าเริง ก่อนเจอเรื่องเครียด ว่าแต่ลุงคิดว่าทำแบบนี้จะได้ผลหรือครับ”

ท่านถอนหายใจ

“ก็ไม่มั่นใจหรอก แต่ลุงทนให้มันค่อยๆ ตายไปต่อหน้าไม่ได้ ลุงก็คิดได้จากที่แกบอกนั่นแหละ คุยกันต่อหน้าให้มันรู้ดำรู้แดงวันนี้แหละ ไม่ต้องรอแล้ว แล้วไหนข้อมูลเด็ดของแก บอกลุงก่อนได้ไหม”

“ลุงอาจรู้แล้วก็ได้” หลานชายยั่ว

“บ๊ะ ไอ้นี่ เออไม่บอกก็ไม่บอก” ท่านชี้หน้ายิ้ม ทั้งที่ในใจ ก็อดกังวลไม่ได้ นักสืบที่จ้างให้ไปสืบ ให้ข้อมูลมาไม่มากนัก กลัวว่าจะกลายเป็นการขุดคุ้ยให้เมฆาเจ็บปวดทรมานยิ่งขึ้น

“แปลกนะครับ ที่ป้ารุ้งแพงยอมมา ”

“นี่พ่อเลี้ยงเอนกนะโว้ย ไม่มีพลาด ที่สำคัญคงห่วงหลานเป็นที่สุด ปากบอกไม่สนใจ แต่ก็คงเป็นห่วงหนูงามมาก คงอยากให้หนูงามกลับมาหาเต็มที”

รถเก๋งอีกคันแล่นเข้ามาช้าๆ สองลุงหลานผุดลุกไปต้อนรับอย่างให้เกียรติ แต่คนที่กำลังเดินมาถึงทำถาดใส่ถ้วยกล้วยบวชชีตกแตกเสียงดัง ด้วยความตกใจ

รวีปราดถึงตัว

“อรุณ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“มะ ไม่เป็นไร” จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร คนที่มาเยือนบ้านพ่อเลี้ยงในเช้าวันนี้คือป้ารุ้งแพงและตะวันฉาย

เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ไม่มีวัน

“ป้า พี่ตะวัน” พอตั้งสติได้อรุณงามก็จะเดินไปหา แต่ป้ารุ้งแพงสะบัดหน้า เดินหนีไปนั่งบนโต๊ะรับแขกอย่างมีทิฐิ อรุณงามก็เลยชะงัก น้ำตาปริ่มๆ จะไหล แล้วฝ่ามืออบอุ่นหนึ่งก็กุมกระชับแน่น บีบเบาๆ

“ใจเย็นๆ ตั้งสติให้ดี” หล่อนหันไปเหมือนทำท่าจะอาละวาด แต่หล่อนแค่ทำปาก
“ทำไมไม่บอกว่าป้าก็มาด้วย”

“ขืนผมบอก คุณจะมาไหม”

ซึ่งก็จริงของเขา

พ่อเลี้ยงเอนกกระแอม ทำลายบรรยากาศอิลักอิเหลื่อ

“ยินดียิ่งนักที่คุณรุ้งแพงให้เกียรติมาเยือนบ้านผมอีกครั้ง”

“ไม่ต้องพูดมาก จะทำอะไรก็ทำ” เสียงป้ารุ้งแพงแทบจะเป็นตวาด ขณะที่ตะวันฉายจ้องหน้าน้องสาว

“ดีครับ งั้นก็เชิญบนเรือน”

พ่อเลี้ยงเอนกเดินนำหน้า โดยเชิญให้ป้ารุ้งแพงและตะวันฉายเดินตาม อรุณงามและรวีปิดท้าย โดยพ่อเลี้ยงให้คนทำงานในบ้านออกไปให้พ้นรัศมีการสนทนา เหลือก็แค่ลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงที่เฝ้าหน้าห้องเท่านั้น

เมฆากำลังนั่งอยู่บนเตียง เมื่อทุกคนเปิดประตูเข้าไป เขาหันขวับและเมื่อเห็นว่าใครเข้ามาบ้าง เขาก็ตาขุ่น

“เอาพวกเขามาทำไม”

“ป้าครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่า เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์” ตะวันฉายแตะแขนป้าบอกเบาๆ

“เดี๋ยวก่อน หลานชาย อุตส่าห์มาแล้ว พวกเราก็คุยกันเสียให้รู้เรื่องรู้ราว อย่าเพิ่งเปลี่ยนใจกลางคัน”

“ตะวัน อย่าใจร้อน พ่อเลี้ยงเอนกพูดถูก ไหนๆ เราก็ตัดสินใจมาแล้ว เชิญค่ะ พ่อเลี้ยง จะแสดงละครอะไรให้เราดูก็เชิญ”

ตะวันฉายมีสีหน้าอึดดัด ยิ่งพอเห็นรวีกุมมือน้องสาว เขาก็กำหมัดแน่น

“ใช่ จะแสดงละครอะไรให้ผมดู น้ำก็ไม่ได้อาบ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน”

“ไม่ใช่ละครหรอก นี่เรื่องจริง ฉันต้องการให้แกกราบขอโทษป้ารุ้งแพงที่ขับรถประมาทจนทำให้หนูเริ่มทิวาตาย เดี๋ยวนี้” ท่านพูดเสียงเข้ม

“ไม่จำเป็นหรอกพ่อเลี้ยง คนตายไปตั้งสองปี ถ้าเขาจะสำนึก ก็คงสำนึกนานแล้ว”

“ไม่ได้ครับ คุณรุ้งแพง เมฆามันเสียใจเรื่องหนูทิวา จนไม่เป็นผู้เป็นคน แต่เขาควรกราบขอโทษ ไม่ใช่หนีหน้าหายไป แม้แต่งานศพก็ยังไม่ได้ไป”

“เหอะ” ตะวันฉายทำเสียงในลำคอ

“ผมเองก็มีส่วนผิด ที่เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า ห่วงหลานจนลืมควรไม่ควร”

“ถ้าพ่อเลี้ยงไปขอร้องให้ผมกับป้ามาที่นี่เพื่อรับคำขอโทษที่เขาไม่เต็มใจล่ะก็ ผมก็จะกลับ ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ นายเมฆาทิ้งทิวา และเขาพาทิวาไปตาย สมควรแล้วที่จะจมอยู่กับความรู้สึกผิดนี้จนตาย” ตะวันฉายตะคอกเสียงดังไม่เกรงใจ

“ผมไม่ได้ทิ้งทิวา ผมรักเธอ พวกคุณนั่นแหละปั่นหัวเธอ จนเธอทิ้งผม”

เมฆาตะโกน ดวงตาวาวโรจน์ เดินสามขุมเข้าไปหาตะวันฉาย รวีปราดเข้าไปห้าม

“มึงนั่นแหละตะวันฉาย มึงเองก็รักทิวา มึงยุทิวาให้เลิกกับกู” เมฆาดิ้นพล่าน รวีเองเอาไม่อยู่ ลูกน้องพ่อเลี้ยงอีกสองคนรีบวิ่งเข้ามายึดแขนไว้คนละข้าง

ตะวันฉายหน้าซีดลงฉับพลัน

“ใจเย็นๆ เมฆ ใจเย็นๆ เอาล่ะ แกบอกมา ว่าหนูทิวามีท่าทีห่างเหินกับแกยังไง แกต้องพูดนะเมฆ เพื่อที่เราจะได้ปะติดปะต่อเรื่องราว ทางฝ่ายคุณรุ้งแพงก็จะพูดความจริงทุกอย่างเท่าที่ท่านรู้เช่นกัน ท่านรับปากแล้ว”

“ผมไม่พูด ทำไมจะต้องเอาเรื่องส่วนตัวของผมกับทิวาเล่าให้ใครฟัง”

“เพราะว่ามันจะช่วยเธอนะสิ” กลายเป็นป้ารุ้งแพงที่พูดประโยคนี้ ท่านหน้าซีด แต่ก็มีแววของความเด็ดเดี่ยว

“ลุงของเธอมาขอร้องฉันเมื่อวานนี้ ว่าให้เราทั้งสองฝ่าย เปิดใจคุยกันเสีย เพื่อจะได้ให้อภัยแก่เธอ ช่วยเธอให้อยู่ต่อไปอย่างมีความสุข พูดมันออกมาเมฆา แล้วฉันจะให้อภัยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน”

“คุณป้าไม่เข้าใจหรอก ไม่เข้าใจ” เขาเบือนหน้า น้ำเสียงบอกความปวดร้าว แววตาสื่อถึงความรู้สึกผิดในใจ จนยากที่จะอธิบายมาเป็นคำพูด

“ถ้านายคิดว่าไม่ผิด นายก็พูดออกมา เล่าออกมาให้หมด” อรุณงามบอกอยู่ตรงมุมห้อง

“จะให้มันพูดอะไรอีกหรือครับป้า เมฆาทิ้งทิวาแล้วก็พาเธอไปตาย เห็นๆ กันอยู่” ตะวันฉายยังไม่ยอม

“งั้นนายออกไปข้างนอก ถ้าไม่อยากฟัง” รีวขัดขึ้น

แต่ตะวันฉายก็ไม่ขยับตัว

ไม่มีใครพูดอะไรอีก ปล่อยให้เมฆาได้ตัดสินใจอย่างเงียบๆ

เขาควรพูดหรือ เมฆาถามตัวเองในใจ ถ้าพูดแล้วทุกข์ในใจจะหายไปจริงหรือไม่

แล้วชื่อเสียงของเริ่มทิวาล่ะ จะทำอย่างไร แต่เป็นป้ารุ้งแพงที่เริ่มก่อน

“สองปีก่อน หลังจากที่เธอกับทิวาหายไปด้วยกันทั้งคืน ทิวาดูมีความสุขมาก แม้ฉันโกรธแต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า เธอสองคนจะแต่งงานกันอยู่วันสองวัน แต่ไม่นานหลังจากนั้นทิวาก็แปลกไป สีหน้าเศร้าหมอง อมทุกข์ แล้วก็มาบอกฉันว่าจะยกเลิกการหมั้น แล้วจะให้ฉันเข้าใจว่าอย่างไร นอกจากว่าเธอได้แล้วทิ้ง”

“ผมไม่ได้ทิ้งเธอ ผมรักเธอเสมอ ผมไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่ด้วย ทิวาต่างหากที่โดนพวกคุณยุยงส่งเสริมให้เลิกรักผม” เขาตะโกนลั่นห้อง ลูกน้องของพ่อเลี้ยงยึดแขนคนละข้างไว้แน่น

“เราไม่ได้ยุยงอะไรทั้งสิ้น” ป้ารุ้งแพงบอกเสียงเข้ม

“เดี๋ยวนะครับ ทิวาเขาไม่ได้บอกชัดเจนใช่ไหมว่า เมฆาทิ้งเธอ ใช่ไหมอรุณ” รวีถาม

“ทิวาไม่ได้พูดชัดเจนหรอก เธอซึมไป เหงาไป ถามอะไรก็ไม่ตอบ สุดท้ายจะถอนหมั้น แล้วจะให้พวกเราคิดอย่างไร นอกจากทิวาโดนเมฆาหลอก”

“ผมขอยืนยัน ผมไม่ได้หลอก ไม่ได้ทิ้งเธอ”

“เอาละ ใจเย็นๆ เมฆ เราข้ามประเด็นนี้ไปก่อน” รวีรีบเข้ามาห้าม

“สรุปว่า ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าทำไมทิวาอยากถอนหมั้น งั้นหลังจากนั้นคุณป้าพาทิวาไปหลบเมฆาที่พยายามตามหาเธอใช่ไหมครับ”

“ใช่ ทิวาลาออกจากงาน และบอกว่าอยากสงบจิตใจซักพัก ฉันก็เลยให้ไปอยู่บ้านสวนคนเดียว เพราะฉันก็ต้องทำงาน ไม่นึกเลยว่า เมฆาจะตามหาจนเจอแล้วพาไปเกิดอุบัติเหตุ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมแค่อยากปรับความเข้าใจกับเธอ เราทะเลาะกัน แล้ว แล้ว โธ่ เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมไม่ควรขับรถประมาท” เมฆาทรุดตัวนั่งกับพื้น น้ำตาไหลลงมาเป็นทาง สองมือกุมศรีษะ ลูกน้องของพ่อเลี้ยงเลยถอยไปยืนห่างๆ พ่อเลี้ยงเอนกพนักหน้าให้ออกไปได้

“แกข้ามรายละเอียดสำคัญไปนะเมฆ” รวีกล่าวแทรกความเงียบ

“ว่าแกพบทิวาได้อย่างไร” เขาถามพร้อมสบตาอรุณงาม ส่งสายตาให้หล่อนนิ่งเงียบไว้

“ดาเรศโทรไปบอกฉันว่า ทิวามาตรวจที่คลินิค ฉันก็เลยมาพาเธอไป”

“ไปรับที่คลินิคงั้นหรือ เธอไม่ได้มารับตัวทิวาจากบ้านหรอกหรือ” ป้ารุ้งแพงถาม แสดงว่าท่านก็ไม่รู้ประเด็นนี้เหมือนอรุณงาม

“เปล่าครับ”

“งั้นทิวาไปกับใคร ในเมื่อรถทิวาจอดอยู่ที่บ้านสวน ฉันจำได้” ป้ารุ้งแพงถาม

“พวกเรานึกมาตลอดว่า เมฆาหาทิวาจนเจอ แล้วมารับออกไป”

“นี่คือประเด็นแรกที่ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตครับ”

“หมายความว่าไง รวี” พ่อเลี้ยงเอนกถามหลานชายที่เหมือนจะรู้บางเรื่องที่ท่านหรือใครๆ ไม่รู้

“เอาเถอะครับ ต่อไปถึงตอนสำคัญแล้ว เมฆา พวกนายทะเลาะกันในรถใช่ไหม”

เมฆาพยักหน้า

“ด้วยเรื่องอะไร พอจะบอกได้ไหม”

“ฉันง้อเธอ ขอคืนดี แต่เธอไม่ยอม”

“แค่นั้นนะหรือ”

“แค่นั้น”

“ฉันว่าไม่ใช่ แกกับทิวาต้องทะเลาะกันรุนแรงด้วยเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้แกไม่ตั้งใจขับรถ”

“หมายความว่าไง”

“นั่นนะสิ รวี แกจะพูดอะไร”

รวี ถอนหายใจ นึกขอโทษญาติอยู่ในใจ ที่ต้องถามเช่นนี้ออกไป ไม่ว่าเมฆาจะรู้แล้วหรือไม่ก็ตาม

“เช่น ทะเลาะกันเรื่อง ทิวาตั้งท้อง”

ป้ารุ้งแพงตาเบิกโพลง ตะวันฉายกำหมัดแน่น ขณะที่เมฆาลุกพรวดย่างสามขุมเขา
มาหารวี

“แกพูดบ้าอะไร”

“ดาเรศบอกฉันว่า ทิวามาตรวจว่าท้องจริงหรือเปล่า แต่เธอขอร้องดาเรศไม่ให้บอกใคร แต่ดาเรศก็ตั้งใจบอกนายให้มารับทิวา เพื่อให้สะใจในตอนนั้นว่า ลูกของแกจะไม่มีพ่อ แกใช่ไหมเมฆา แกไม่รับเป็นพ่อลูกในท้องทิวาใช่ไหม”

“ไม่จริง ทิวาไม่ได้ท้อง แกรู้อะไร แกรู้อะไรมา”

เขาตะโกนลั่น พุ่งเข้าหาญาติ ทั้งพยายามต่อยพยายามเตะ แต่รวีหลบทัน พ่อเลี้ยงเอนกรีบเข้าไปรวบแขนและกอดเขาแน่น

“เมฆ ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ นี่ลุง ลุงของเมฆ เดี๋ยวลุงจะจัดการเจ้ารวีให้ แต่ตอนนี้เมฆใจเย็นๆ นะ “

เหมือนมีมนต์ เมฆาสงบลงได้ แต่ดวงตาเขาก็คงกร้าว รวดร้าวทรมานหนัก ทุกข์ที่สุมอกแทบจะระเบิดโพลง

“ทุกข์ของเมฆ เมฆต้องดับทุกข์เอง เชื่อลุงนะลูก”

ใบหน้าเขาทุกข์ทรมานหนัก พ่อเลี้ยงเอนกจับใบหน้าหลานชายให้หันมามองมองท่าน เอ่ยคำพูดช้าๆ

“เมฆเจ็บมาพอแล้ว ทุกข์มาเกินกว่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรับได้ในชีวิตหนึ่ง อย่าเก็บมันไว้ให้มันกินหัวใจหลานลุงจนไม่เหลือเป็นผู้เป็นคน คิดสิ ถ้าแกเป็นฝ่ายจากไป แล้วหนูทิวารอดเมื่อสองปีก่อน แกจะอยากให้เธอเศร้าจนไม่มีวิญญาณเหลือในตัวอย่างนี้ไหม พูดมันออกมา เมฆ พูดมันออกมา ก่อนที่มันจะทำร้ายลุง ทำร้ายรวี คนสองคนที่แกเหลืออยู่ในโลกนี้”

คุณลุงและ รวี ญาติที่เหลือในโลกนี้หรือ

เริ่มทิวา คุณไม่อยากเห็นผมเศร้าเพราะคุณหรอกหรือ

แล้วคุณจากผมไปทำไม จากผมไปทำไม จากผมไปทำไม

ปากของเมฆาค่อยๆ ขยับอย่างช้าๆ เหมือนคนขี้ขลาดที่จะบอกความจริง แต่ที่จริงเขารวบรวมความกล้าหาญสุดหัวใจทบทวนเรื่องราวในวันที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน

..................................................................


สายลม - ตอนใหม่มาแร้ววววววค้า

หนอนแว่นตาโต - ขอบคุณค่ะที่ยังไม่ลืมนายไตร ชิตาเองก็ชอบเขาเช่นกัน(เป็นพระเอกในนิยายเรื่องแรกที่เขียนจบ)
แต่ชอบนายฐามากกว่านิดหนึ่ง เจ้าจามินทร์ก็ชอบ แต่ชอบน้อยกว่าเจ้านรินทร์ อิอิ
อ้อ บุญพบอีกคน ชอบมากเหมือนกัน

natee - ลุ้นไปด้วยกันนะคะ

หมูบิน - ใกล้แล้วค่ะ ไม่นานเกินรอ

บุษ - ขอบคุณแทนพ่อเลี้ยงรวีค่ะ

lovely - ต้องถามอรุณงามว่าจะยอมไหม อิอิ

pattisa - ลุ้นค่ะลุ้น

an-o - ต้องลุ้นค่ะ ^_^

..................................................................

ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ





โดย : ชิตา วันที่ : [ 23 มี.ค. 2554 ] 00:16:09 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

โอ้ย ลุ้นค่ะ ลุ้น !?(・_・;?
โดย : natee [ 23 มี.ค. 2554 ] 00:39:00 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

ความจริงกำลังถูกเปิดเผย

ลุ้นจนตัวโก่ง
โดย : lovely [ 23 มี.ค. 2554 ] 01:14:27 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

ลุ้นมากๆ ค่ะ อยากจะให้ถึงวันพรุ่งนี้ไวๆ ขอบคุณมากๆ นะค่ะ
โดย : หมูบิน [ 23 มี.ค. 2554 ] 05:55:01 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

านไหายใจไม่ทั่วท้องลุ้นสุดๆ คืนนี้คงนอนไม่หลับเพราะความอยากรู้ คุณชิตาเขียนได้สนุกดีค่ะ
โดย : บุษ [ 23 มี.ค. 2554 ] 08:00:07 น.




>> ความคิดเห็นที่ 5

ลุ้นๆ ความจริงจะเปิดเผยแล้ว
เค้าล็อคห้องคุยกันรึป่าวเนี้ย เดี๋ยวคนร้ายหนีนะ
โดย : an-o [ 23 มี.ค. 2554 ] 09:38:03 น.




>> ความคิดเห็นที่ 6

โอ๊ยย คนแต่งใจร้ายย ทำไมชอบหยุดตอนที่กำลังลุ้น ลุ้นลุ้นลุ้นเกิ๊นนนน :D
โดย : pattisa [ 23 มี.ค. 2554 ] 11:42:07 น.




>> ความคิดเห็นที่ 7

เพิ่งมาอ่านค่า อยากบอกว่าค้างโคตรๆอ่ะ 555 กำลังลุ้นเลยอ่ะ
โดย : ann [ 23 มี.ค. 2554 ] 13:36:15 น.




>> ความคิดเห็นที่ 8

มาแล้วก็หายไปตอนclimax เนี้ยนะ
โดย : myray [ 23 มี.ค. 2554 ] 14:34:17 น.




>> ความคิดเห็นที่ 9

ลุ้นจังอ่ะ พรุ่งนี้มาต่อใช่ไหม
โดย : MiKi [ 23 มี.ค. 2554 ] 15:35:51 น.




>> ความคิดเห็นที่ 10

หวังว่าพรุ่งนี้ความจริงจะเปิดเผยนะ
โดย : สายลม [ 23 มี.ค. 2554 ] 16:42:59 น.




>> ความคิดเห็นที่ 11

ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
โดย : black-sheep [ 26 มี.ค. 2554 ] 02:17:14 น.






ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 21:54:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 21:54:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1886





<< ๑๓   ๑๕ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account