ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 16.1 “แล้วอาจารย์เดชาพงษ์ล่ะเป็นไงมั่ง”
บทที่ 16
แม้จะรู้ตัวว่าหมดหวังและทำใจว่าไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวง แต่เมื่อเห็นอนงค์นางดูสดชื่นระริกระรื่นเมื่อเจอกับวิษณุจักรจิตใจของสราวุฒิก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาเสียทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากเลิกงาน เขาก็ขึ้นรถสองแถวโดยสารกลับที่พักโดยไม่ได้อาศัยรถอนงค์นางหรือรถของสุนันทาที่แวะเข้ามาในภาคบ่ายเพราะไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่น ๆ และระหว่างที่เดินเข้าซอย สราวุฒิก็หันไปยังเสียงแตรรถที่ไล่หลังก่อนที่เจ้าของรถจะพามอเตอร์ไซด์มาหยุดอยู่ข้าง ๆ
“ไปด้วยกันพี่” เป็นหนิงที่อยู่ในชุดนักศึกษา หญิงสาวชวนเชิญให้เขาซ้อนท้ายอย่างไม่ได้ดูถึงความเหมาะสม
“ไปเหอะ”
“งั้นพี่ขี่” เหมือนหนิงจะรู้ว่าเขานั้นยังระวังตัวเช่นเดิม
“พี่ขี่รถไม่เป็น” ด้วยบวชตั้งแต่เณรทำให้สราวุฒิไม่เคยขับรถมอเตอร์ไซค์
“อ้าว” หนิงแปลกใจเช่นกัน
“งั้นก็ซ้อนท้ายหนิง แล้ววันหลังเราไปหัดขี่รถกัน วันนี้เลยก็ได้นะ หนิงว่าง เร็วขึ้น ด่วน ๆ”
เมื่อเห็นว่าหนิงไม่แคร์สายตาของคนอื่น ๆ สราวุฒิจึงจำใจ และพอซ้อนท้ายไปแล้วกลิ่นกายของ หนิงก็ทำให้สราวุฒิรู้สึกได้ว่าโลกที่เป็นสีเทาเมื่อครู่นั้นบัดนี้เริ่มสว่างขึ้นมา กระทั่งถึงหอพักหน่อยที่ยืนอยู่กับเพื่อนชายต่างร้องโห่ฮิ้วที่เห็นว่าหนิงสามารถพาเขาซ้อนท้ายมาได้...
“อย่าปากมาก” หนิงว่าหน่อยกับเพื่อนชาย สราวุฒิลงจากรถแล้วก็ขอตัวเดินกลับห้องพัก โดยหูของเขาก็ได้ยินหน่อยหยอกหนิงว่า... “เสียวบั้นท้ายไหมละ”...
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหนิงก็ตามมาเคาะห้องของเขา หญิงสาวมีเรื่องมารบกวนเขาเกือบจะทุกวัน หาข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ จนเขาก็เริ่มชินกับเสียงเคาะกับน้ำเสียงของหนิง
“มีอะไรหรือหนิง”
“ออกไปหัดขี่รถกันไหม วันนี้หนิงไม่ได้ทำงาน”
“ไม่หรอก พี่จะเร่งงาน มีงานปกเข้ามา”
“อยากกินอะไรไหมหนิงจะไปซื้อมาให้” หนิงยังไม่เลิกตอแย
“ขอบคุณ ไม่ต้องหรอก”
“งั้นหนิงไม่กวนพี่แล้วนะ”
..สราวุฒิรู้สึกผิดที่ตัดไมตรีหนิงด้วยถ้อยคำห้วน ๆ ...แถมยังไม่ยอมเปิดประตูออกมาคุยกับหญิงสาว กระทั่งเวลาผ่านไป เขาไม่มีสมาธิทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ เขาจึงเปิดประตูเดินออกไปยังที่หน้าห้องของหนิง แล้วพบว่าหนิงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..เขาเดินกลับมาที่ห้องตัวเองทันที หนิงเดินตามเขามาเพราะรู้สึกว่าเขากำลังเข้าใจตนผิด ๆ
“หนิงคุยกับเพื่อนนะพี่ เพื่อนกระเทย...มันโทรมาปรึกษาปัญหาหัวใจ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“แล้วพี่ไปหาหนิงมีธุระอะไร”
“ทำไมต้องเปิดประตูห้องไว้ตลอดเวลา”
“อ้าว..ก็หนิงไม่ชอบห้องอับ ๆ อบ ๆ อ้าว ๆ”
“แล้วถ้าคนอื่นมันคิดไม่ซื่อ หนิงจะทำอย่างไร”
“มีใครที่ไหนละที่คิดไม่ซื่อ ไม่มีหรอก...”
สราวุฒิเงียบไป หนิงเดินมาหยุดจนชิดตัวของเขาที่หันหลังให้
“พี่วุฒิ หนิงชอบพี่มากเลยนะ” หนิงตัดสินใจไม่อ้อมค้อม สราวุฒิรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงขึ้น ๆ
“หนิงก็ไม่รู้ว่าใจตัวเองว่าทำไมต้องแคร์พี่มากขนาดนี้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมีคนชอบหนิงเยอะแยะ แต่ หนิงแคร์พี่ หนิงชอบพี่ พี่อาจจะรำคาญอาจจะไม่ชอบหนิง หรือเข้าใจหนิงผิด ๆ คิดว่าหนิงใจง่ายหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หนิงอยากบอกให้พี่รู้ไว้ว่าหนิงเป็นกับพี่คนเดียวนะ” บอกเขาไปแล้วหนิงก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องตนเองแล้วปิดประตูดังปัง...
สราวุฒิข่มความเขินอายแล้วเดินกลับไปเคาะประตูห้องหนิง แต่หนิงไม่ได้เปิดประตูห้องอย่างที่เขาคิดไว้
“มีอะไรคะ”
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไร”
“เปิดประตูห้องหน่อยซิ”
หนิงเปิดประตูห้องพบว่าสราวุฒิจ้องใบหน้าของตน หนิงเบือนหน้าหนีซ่อนความอายไว้
“พี่อยากหัดขี่รถ”
“วันนี้มันมืดแล้ว พรุ่งนี้หนิงก็ต้องทำงานด้วย”
“วันไหนก็ได้”
“ว่างแล้วจะบอก”
“พี่หิวข้าวแล้ว ออกไปหาอะไรกินกัน”
“หนิงไม่มีตังค์”
“พี่เลี้ยง”
“รวยนักหรือไง”
“หนิงคงกินไม่เก่งหรอก...”
“ก็ถ้ามีคนเลี้ยง หนิงก็กินไม่ยั้งเหมือนกัน” ใบหน้าเฉยชาเมื่อครู่เริ่มคลี่บานออกเมื่อรู้สึกได้ว่าเขานั้นกำลังง้อตนเองบ้าง
“อยากกินเท่าไหร่ก็กินไปเลย...”
“จริง ๆ นะ”
“อืม..”
หนิงเดินกลับไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ สราวุฒิรอหนิงอยู่ที่หน้าห้อง ทั้งคู่เดินออกจากห้องพักไปด้วยกัน แล้วโทรศัพท์ของหนิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง สราวุฒิเดินช้าลงในขณะที่หนิงดึงโทรศัพท์ออกมารับสาย
“จะออกไปกินข้าวกับพี่วุฒิ”
“วุฒิไหน”
“คนที่หนิงรู้สึกชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นหน้าน่ะ...ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว”
“ขนาดนั้น”
“อืม..แค่นี้นะ ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นก็ไม่ต้องโทรมาอีกนะ เดี๋ยวแฟนหนิงหึง” วางสายจากเพื่อนชายที่โทรมาตื้อขอความรักแล้ว หนิงก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้สราวุฒิ
“เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
“พี่อยากเป็นแฟนหนิงไหมละ”
“ทำไมหนิงอยากเป็นแฟนกับพี่”
“ไม่รู้เหมือนกัน...ชอบ เห็นแล้วชอบ สเป็ค ไม่ชอบผู้ชายพูดมาก”
“มีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“แล้วพี่ละ ชอบหนิงบ้างไหม”
“ถ้าพี่ยังไม่ชอบหนิงในแบบที่หนิงอยากให้ชอบ”
“หนิงก็ต้องจีบพี่ต่อไป แค่นั้นเอง มีเวลาอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเรียนจบ ไป กินข้าวกันดีกว่า...” หนิงเกาะแขนพาเขาเดินต่อไปอย่างเริงร่า...ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าผู้หญิงอย่างหนิงบางทีมันก็เติมเต็มในส่วนที่ขาดของเขาได้เช่นกัน
อันที่จริงจรินนารู้สึกคิดถึงเดชาพงษ์แต่ว่าหญิงสาวก็ต้องเลื่อนเบอร์โทรศัพท์ของเอกรินทร์ขึ้นมาระบายความเหงาตามประสาสาวโสดเพราะไม่อยากเผยความรู้สึกของตัวเองให้เดชาพงษ์รับรู้ก่อนว่าตนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเขา
“โทรมาซะดึกดื่น มีอะไร” เสียงเอกรินทร์ยังแจ่มใสเหมือนยังไม่ได้หลับนอนเช่นกัน
“พี่เอกทำอะไร”
“อยู่ในห้องนอน ดูหนังแผ่น มีอะไรรึ”
“เหงา เบื่อ บอกไม่ถูก”
“มันก็น่าเบื่อจริง ๆ แหละ เพื่อนฝูงก็ไปอยู่ไหนต่อไหนกันหมดแล้ว เรายังต้องกลับมาดักดานอยู่ที่นี่” ด้วยไปจากที่เมืองนี้นานแล้ว พอกลับมา ทั้งคู่จึงรู้สึกว่าเหมือนกลับมาอยู่ในกรงขัง แม้มันจะเป็นกรงเกียรติยศก็ตามที แต่บางทีคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวนั้นกลับไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เคยคุ้นกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือระดับชั้นมัธยม ไม่ใช่คนอายุเท่ากันมีความรู้มีการศึกษาระดับเดียวกันที่จะได้คุยกันรู้เรื่อง....
“เสาร์ อาทิตย์นี้พี่ไปไหนหรือเปล่า”
“ทำไมรึ” อันที่จริงเอกรินทร์มีนัดกับนาทีที่กรุงเทพฯ แต่ถ้าบอกไปตรง ๆ มีหวังถูกจรินนาล้อแน่ ๆ
“อยากไปเที่ยวกรุงเทพฯ ไปช็อปปิ้ง ไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน”
“บ้านเราก็ได้นี่”
“บ้านเราอย่างไรมันก็ดูบ้านนอกอยู่ดี...แล้วพี่ไปไหนละ” ปกติเรื่องกินเรื่องเที่ยวนั้นเอกรินทร์ไม่เคยปฏิเสธจรินนา...ดังนั้นหญิงสาวจึงเดาเรื่องไม่ยากนักว่าจะต้องมีนัดพิเศษกับใครสักคนแน่ ๆ
“มีนัดแล้ว เข้ากรุงเทพฯ นั่นแหละ” เอกรินทร์จำต้องยอมรับความจริงเพราะรู้ว่าจรินนานั้นรู้ใจตัวเองเป็นอย่างดี
“อย่าบอกนะว่า...”
“อืม...นัดกินข้าวดูหนังกัน”
จรินนาไม่ซักต่อ...เพราะรู้ว่าในเกมส์รักของเอกรินทร์กับผู้ชายคนใหม่จะจบลงที่ใด...ส่วนเรื่องจะคบหากันยืดยาวแค่ไหนนั้นก็ต้องรอให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
“ต่อไปพี่เอกก็คงไม่เหงาแล้ว”
“จินก็หาคนรู้ใจสักคนซิ”
“ใครดีละ พี่จักรก็ดูจะไปชอบน้องนางซะแล้ว”
“ทำไมเป็นอย่างนั้นละเป็นไปได้อย่างไร”
จรินนาเล่าเรื่องที่รับรู้มาและคาดเดากลับไป โดยไม่ยอมบอกว่า แท้จริงแล้วตนเองที่เป็นคนทำให้วิษณุจักรต้องหาที่พักใจใหม่
“หรือจะให้แม่พี่หาให้สักคน...ลูกเจ้าของร้านทองหัวใจยังว่างก็มีอีกไม่น้อยเลยนะ...ให้แม่พี่เลือกให้สักคนไหม”
“ไม่ต้องหรอก จินไม่ชอบวิธีการแบบนั้น”
“แล้วชอบแบบไหน...ปิ๊งเองรักเอง จีบกันเองอย่างนั้นเหรอ แล้วจะมีโอกาสไหมคุณหนูดอกฟ้า”
“ถ้าไม่มีก็เฉาตาย หรือไม่ก็เข้าวัดเข้าวาไปอย่างป๊า”
“แล้วอาจารย์เดชาพงษ์ล่ะเป็นไงมั่ง”
“ไม่เป็นไร ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”
“แน่นะ”
“เขาคงจีบใครไม่เป็นหรอก ต้องให้ผู้หญิงเสนอเอง เซ็งชะมัด” แย้มเพื่อให้เอกรินทร์รู้เพื่อต้องการเอ่ยถึงเขาให้หายคิดถึงแล้วจรินนาก็ยิ้มกริ่มออกมา
“ก็จีบเขาก่อนหรือไม่ก็ทำให้เขาพูดออกมา ซึ่งพี่ว่ามันไม่เกินความสามารถของจรินนาหรอกนะ”
แม้จะรู้ตัวว่าหมดหวังและทำใจว่าไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวง แต่เมื่อเห็นอนงค์นางดูสดชื่นระริกระรื่นเมื่อเจอกับวิษณุจักรจิตใจของสราวุฒิก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาเสียทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากเลิกงาน เขาก็ขึ้นรถสองแถวโดยสารกลับที่พักโดยไม่ได้อาศัยรถอนงค์นางหรือรถของสุนันทาที่แวะเข้ามาในภาคบ่ายเพราะไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่น ๆ และระหว่างที่เดินเข้าซอย สราวุฒิก็หันไปยังเสียงแตรรถที่ไล่หลังก่อนที่เจ้าของรถจะพามอเตอร์ไซด์มาหยุดอยู่ข้าง ๆ
“ไปด้วยกันพี่” เป็นหนิงที่อยู่ในชุดนักศึกษา หญิงสาวชวนเชิญให้เขาซ้อนท้ายอย่างไม่ได้ดูถึงความเหมาะสม
“ไปเหอะ”
“งั้นพี่ขี่” เหมือนหนิงจะรู้ว่าเขานั้นยังระวังตัวเช่นเดิม
“พี่ขี่รถไม่เป็น” ด้วยบวชตั้งแต่เณรทำให้สราวุฒิไม่เคยขับรถมอเตอร์ไซค์
“อ้าว” หนิงแปลกใจเช่นกัน
“งั้นก็ซ้อนท้ายหนิง แล้ววันหลังเราไปหัดขี่รถกัน วันนี้เลยก็ได้นะ หนิงว่าง เร็วขึ้น ด่วน ๆ”
เมื่อเห็นว่าหนิงไม่แคร์สายตาของคนอื่น ๆ สราวุฒิจึงจำใจ และพอซ้อนท้ายไปแล้วกลิ่นกายของ หนิงก็ทำให้สราวุฒิรู้สึกได้ว่าโลกที่เป็นสีเทาเมื่อครู่นั้นบัดนี้เริ่มสว่างขึ้นมา กระทั่งถึงหอพักหน่อยที่ยืนอยู่กับเพื่อนชายต่างร้องโห่ฮิ้วที่เห็นว่าหนิงสามารถพาเขาซ้อนท้ายมาได้...
“อย่าปากมาก” หนิงว่าหน่อยกับเพื่อนชาย สราวุฒิลงจากรถแล้วก็ขอตัวเดินกลับห้องพัก โดยหูของเขาก็ได้ยินหน่อยหยอกหนิงว่า... “เสียวบั้นท้ายไหมละ”...
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหนิงก็ตามมาเคาะห้องของเขา หญิงสาวมีเรื่องมารบกวนเขาเกือบจะทุกวัน หาข้ออ้างต่าง ๆ นา ๆ จนเขาก็เริ่มชินกับเสียงเคาะกับน้ำเสียงของหนิง
“มีอะไรหรือหนิง”
“ออกไปหัดขี่รถกันไหม วันนี้หนิงไม่ได้ทำงาน”
“ไม่หรอก พี่จะเร่งงาน มีงานปกเข้ามา”
“อยากกินอะไรไหมหนิงจะไปซื้อมาให้” หนิงยังไม่เลิกตอแย
“ขอบคุณ ไม่ต้องหรอก”
“งั้นหนิงไม่กวนพี่แล้วนะ”
..สราวุฒิรู้สึกผิดที่ตัดไมตรีหนิงด้วยถ้อยคำห้วน ๆ ...แถมยังไม่ยอมเปิดประตูออกมาคุยกับหญิงสาว กระทั่งเวลาผ่านไป เขาไม่มีสมาธิทำงานอย่างที่ตั้งใจไว้ เขาจึงเปิดประตูเดินออกไปยังที่หน้าห้องของหนิง แล้วพบว่าหนิงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..เขาเดินกลับมาที่ห้องตัวเองทันที หนิงเดินตามเขามาเพราะรู้สึกว่าเขากำลังเข้าใจตนผิด ๆ
“หนิงคุยกับเพื่อนนะพี่ เพื่อนกระเทย...มันโทรมาปรึกษาปัญหาหัวใจ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“แล้วพี่ไปหาหนิงมีธุระอะไร”
“ทำไมต้องเปิดประตูห้องไว้ตลอดเวลา”
“อ้าว..ก็หนิงไม่ชอบห้องอับ ๆ อบ ๆ อ้าว ๆ”
“แล้วถ้าคนอื่นมันคิดไม่ซื่อ หนิงจะทำอย่างไร”
“มีใครที่ไหนละที่คิดไม่ซื่อ ไม่มีหรอก...”
สราวุฒิเงียบไป หนิงเดินมาหยุดจนชิดตัวของเขาที่หันหลังให้
“พี่วุฒิ หนิงชอบพี่มากเลยนะ” หนิงตัดสินใจไม่อ้อมค้อม สราวุฒิรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงขึ้น ๆ
“หนิงก็ไม่รู้ว่าใจตัวเองว่าทำไมต้องแคร์พี่มากขนาดนี้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมีคนชอบหนิงเยอะแยะ แต่ หนิงแคร์พี่ หนิงชอบพี่ พี่อาจจะรำคาญอาจจะไม่ชอบหนิง หรือเข้าใจหนิงผิด ๆ คิดว่าหนิงใจง่ายหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หนิงอยากบอกให้พี่รู้ไว้ว่าหนิงเป็นกับพี่คนเดียวนะ” บอกเขาไปแล้วหนิงก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องตนเองแล้วปิดประตูดังปัง...
สราวุฒิข่มความเขินอายแล้วเดินกลับไปเคาะประตูห้องหนิง แต่หนิงไม่ได้เปิดประตูห้องอย่างที่เขาคิดไว้
“มีอะไรคะ”
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไร”
“เปิดประตูห้องหน่อยซิ”
หนิงเปิดประตูห้องพบว่าสราวุฒิจ้องใบหน้าของตน หนิงเบือนหน้าหนีซ่อนความอายไว้
“พี่อยากหัดขี่รถ”
“วันนี้มันมืดแล้ว พรุ่งนี้หนิงก็ต้องทำงานด้วย”
“วันไหนก็ได้”
“ว่างแล้วจะบอก”
“พี่หิวข้าวแล้ว ออกไปหาอะไรกินกัน”
“หนิงไม่มีตังค์”
“พี่เลี้ยง”
“รวยนักหรือไง”
“หนิงคงกินไม่เก่งหรอก...”
“ก็ถ้ามีคนเลี้ยง หนิงก็กินไม่ยั้งเหมือนกัน” ใบหน้าเฉยชาเมื่อครู่เริ่มคลี่บานออกเมื่อรู้สึกได้ว่าเขานั้นกำลังง้อตนเองบ้าง
“อยากกินเท่าไหร่ก็กินไปเลย...”
“จริง ๆ นะ”
“อืม..”
หนิงเดินกลับไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ สราวุฒิรอหนิงอยู่ที่หน้าห้อง ทั้งคู่เดินออกจากห้องพักไปด้วยกัน แล้วโทรศัพท์ของหนิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง สราวุฒิเดินช้าลงในขณะที่หนิงดึงโทรศัพท์ออกมารับสาย
“จะออกไปกินข้าวกับพี่วุฒิ”
“วุฒิไหน”
“คนที่หนิงรู้สึกชอบเขาตั้งแต่แรกเห็นหน้าน่ะ...ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว”
“ขนาดนั้น”
“อืม..แค่นี้นะ ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นก็ไม่ต้องโทรมาอีกนะ เดี๋ยวแฟนหนิงหึง” วางสายจากเพื่อนชายที่โทรมาตื้อขอความรักแล้ว หนิงก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้สราวุฒิ
“เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”
“พี่อยากเป็นแฟนหนิงไหมละ”
“ทำไมหนิงอยากเป็นแฟนกับพี่”
“ไม่รู้เหมือนกัน...ชอบ เห็นแล้วชอบ สเป็ค ไม่ชอบผู้ชายพูดมาก”
“มีแบบนี้ด้วยเหรอ”
“แล้วพี่ละ ชอบหนิงบ้างไหม”
“ถ้าพี่ยังไม่ชอบหนิงในแบบที่หนิงอยากให้ชอบ”
“หนิงก็ต้องจีบพี่ต่อไป แค่นั้นเอง มีเวลาอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะเรียนจบ ไป กินข้าวกันดีกว่า...” หนิงเกาะแขนพาเขาเดินต่อไปอย่างเริงร่า...ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าผู้หญิงอย่างหนิงบางทีมันก็เติมเต็มในส่วนที่ขาดของเขาได้เช่นกัน
อันที่จริงจรินนารู้สึกคิดถึงเดชาพงษ์แต่ว่าหญิงสาวก็ต้องเลื่อนเบอร์โทรศัพท์ของเอกรินทร์ขึ้นมาระบายความเหงาตามประสาสาวโสดเพราะไม่อยากเผยความรู้สึกของตัวเองให้เดชาพงษ์รับรู้ก่อนว่าตนนั้นรู้สึกอย่างไรกับเขา
“โทรมาซะดึกดื่น มีอะไร” เสียงเอกรินทร์ยังแจ่มใสเหมือนยังไม่ได้หลับนอนเช่นกัน
“พี่เอกทำอะไร”
“อยู่ในห้องนอน ดูหนังแผ่น มีอะไรรึ”
“เหงา เบื่อ บอกไม่ถูก”
“มันก็น่าเบื่อจริง ๆ แหละ เพื่อนฝูงก็ไปอยู่ไหนต่อไหนกันหมดแล้ว เรายังต้องกลับมาดักดานอยู่ที่นี่” ด้วยไปจากที่เมืองนี้นานแล้ว พอกลับมา ทั้งคู่จึงรู้สึกว่าเหมือนกลับมาอยู่ในกรงขัง แม้มันจะเป็นกรงเกียรติยศก็ตามที แต่บางทีคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวนั้นกลับไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เคยคุ้นกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือระดับชั้นมัธยม ไม่ใช่คนอายุเท่ากันมีความรู้มีการศึกษาระดับเดียวกันที่จะได้คุยกันรู้เรื่อง....
“เสาร์ อาทิตย์นี้พี่ไปไหนหรือเปล่า”
“ทำไมรึ” อันที่จริงเอกรินทร์มีนัดกับนาทีที่กรุงเทพฯ แต่ถ้าบอกไปตรง ๆ มีหวังถูกจรินนาล้อแน่ ๆ
“อยากไปเที่ยวกรุงเทพฯ ไปช็อปปิ้ง ไปหาอะไรอร่อย ๆ กิน”
“บ้านเราก็ได้นี่”
“บ้านเราอย่างไรมันก็ดูบ้านนอกอยู่ดี...แล้วพี่ไปไหนละ” ปกติเรื่องกินเรื่องเที่ยวนั้นเอกรินทร์ไม่เคยปฏิเสธจรินนา...ดังนั้นหญิงสาวจึงเดาเรื่องไม่ยากนักว่าจะต้องมีนัดพิเศษกับใครสักคนแน่ ๆ
“มีนัดแล้ว เข้ากรุงเทพฯ นั่นแหละ” เอกรินทร์จำต้องยอมรับความจริงเพราะรู้ว่าจรินนานั้นรู้ใจตัวเองเป็นอย่างดี
“อย่าบอกนะว่า...”
“อืม...นัดกินข้าวดูหนังกัน”
จรินนาไม่ซักต่อ...เพราะรู้ว่าในเกมส์รักของเอกรินทร์กับผู้ชายคนใหม่จะจบลงที่ใด...ส่วนเรื่องจะคบหากันยืดยาวแค่ไหนนั้นก็ต้องรอให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
“ต่อไปพี่เอกก็คงไม่เหงาแล้ว”
“จินก็หาคนรู้ใจสักคนซิ”
“ใครดีละ พี่จักรก็ดูจะไปชอบน้องนางซะแล้ว”
“ทำไมเป็นอย่างนั้นละเป็นไปได้อย่างไร”
จรินนาเล่าเรื่องที่รับรู้มาและคาดเดากลับไป โดยไม่ยอมบอกว่า แท้จริงแล้วตนเองที่เป็นคนทำให้วิษณุจักรต้องหาที่พักใจใหม่
“หรือจะให้แม่พี่หาให้สักคน...ลูกเจ้าของร้านทองหัวใจยังว่างก็มีอีกไม่น้อยเลยนะ...ให้แม่พี่เลือกให้สักคนไหม”
“ไม่ต้องหรอก จินไม่ชอบวิธีการแบบนั้น”
“แล้วชอบแบบไหน...ปิ๊งเองรักเอง จีบกันเองอย่างนั้นเหรอ แล้วจะมีโอกาสไหมคุณหนูดอกฟ้า”
“ถ้าไม่มีก็เฉาตาย หรือไม่ก็เข้าวัดเข้าวาไปอย่างป๊า”
“แล้วอาจารย์เดชาพงษ์ล่ะเป็นไงมั่ง”
“ไม่เป็นไร ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”
“แน่นะ”
“เขาคงจีบใครไม่เป็นหรอก ต้องให้ผู้หญิงเสนอเอง เซ็งชะมัด” แย้มเพื่อให้เอกรินทร์รู้เพื่อต้องการเอ่ยถึงเขาให้หายคิดถึงแล้วจรินนาก็ยิ้มกริ่มออกมา
“ก็จีบเขาก่อนหรือไม่ก็ทำให้เขาพูดออกมา ซึ่งพี่ว่ามันไม่เกินความสามารถของจรินนาหรอกนะ”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2555, 22:53:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2555, 22:53:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 2384
<< 15.2 “พี่มีเรื่องให้นางช่วยหน่อย” | 16.2 "เอารูปมาให้ด้วยอยากเห็นนางสีดาหน้าหมวยจะแย่อยู่แล้ว...” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 10 ส.ค. 2555, 22:55:51 น.
ด้วยข้าพเจ้าขี้เกียจตั้งชื่อตอนก็เลยเอา ประโยคคำพูดสั้น ๆมาวางครับ หากินง่าย ๆ....ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจ หยุดสามวันนี้จะก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกเดินทางปลอดภัยนะครับ...ฝนตกทุกวันก็ดูแลรักษาสุขภาพด้วย สระผมหลังเปียกฝน ถ้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย นอกจากพาราแล้ว ฟ้าทะลายโจรแคปซูลช่วยได้นะครับ หลังอาหารและก่อนนอน กระทั่ง รู้สึกว่าไม่ีมีไข้แล้วก็หยุดกิน....ด้วยความปรารถนาดี..จาก มะเฟื่องฟามาซี...
ด้วยข้าพเจ้าขี้เกียจตั้งชื่อตอนก็เลยเอา ประโยคคำพูดสั้น ๆมาวางครับ หากินง่าย ๆ....ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจ หยุดสามวันนี้จะก็ขอให้เที่ยวกันให้สนุกเดินทางปลอดภัยนะครับ...ฝนตกทุกวันก็ดูแลรักษาสุขภาพด้วย สระผมหลังเปียกฝน ถ้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย นอกจากพาราแล้ว ฟ้าทะลายโจรแคปซูลช่วยได้นะครับ หลังอาหารและก่อนนอน กระทั่ง รู้สึกว่าไม่ีมีไข้แล้วก็หยุดกิน....ด้วยความปรารถนาดี..จาก มะเฟื่องฟามาซี...


imsoul 10 ส.ค. 2555, 23:15:46 น.
จีบเลย ช้าอด
จีบเลย ช้าอด

nateetip 10 ส.ค. 2555, 23:23:34 น.
รอตอนต่อไปอยู่ทุกวันเลยนะคะ..ชอบมากค่ะ
รอตอนต่อไปอยู่ทุกวันเลยนะคะ..ชอบมากค่ะ

nutcha 10 ส.ค. 2555, 23:35:27 น.
จีบก่อนเลยเดี๋ยวยัยสุคาบไปรับประทานนะ
จีบก่อนเลยเดี๋ยวยัยสุคาบไปรับประทานนะ

goldensun 10 ส.ค. 2555, 23:43:50 น.
วุฒิเริ่มใจอ่อนแล้ว หนิงลุย
จินไว้ท่ามากกว่าหนิงแถมอาจารย์กล้วยก็ยังไม่ยอมก้าวขึ้นสะพานซะที ลุ้นนานน
วุฒิเริ่มใจอ่อนแล้ว หนิงลุย
จินไว้ท่ามากกว่าหนิงแถมอาจารย์กล้วยก็ยังไม่ยอมก้าวขึ้นสะพานซะที ลุ้นนานน

จุฬามณีเฟื่องนคร 10 ส.ค. 2555, 23:46:49 น.
ตอนหน้ารับรอง...จีบกันยกตอนไปเลยยยยยยยยยย
ตอนหน้ารับรอง...จีบกันยกตอนไปเลยยยยยยยยยย

คิมหันตุ์ 11 ส.ค. 2555, 00:52:08 น.
แน่ะ...มาบอกให้อยากอ่าน....ตอนหน้ามาไวๆนะคะ...ชอบน้องหนิงนะเนี่ย ตรงดี
แน่ะ...มาบอกให้อยากอ่าน....ตอนหน้ามาไวๆนะคะ...ชอบน้องหนิงนะเนี่ย ตรงดี

konhin 11 ส.ค. 2555, 01:53:38 น.
น่านนนนน อยากให้เค้าจีบแต่ยุไม่ได้
น่านนนนน อยากให้เค้าจีบแต่ยุไม่ได้


Orathai 11 ส.ค. 2555, 07:53:33 น.
รู้ว่าเขาชอบเราอยู่แล้วใจมันก็เอนเอียงง่ายนะ
รู้ว่าเขาชอบเราอยู่แล้วใจมันก็เอนเอียงง่ายนะ

แว่นใส 11 ส.ค. 2555, 17:27:39 น.
55555
55555

Zephyr 13 ส.ค. 2555, 09:37:33 น.
หน่ะ เริ่มลงตัวเป็นคู่ๆ
รู้สึกจินเหมือนจะมีแนวทางแล้วนะ แค่ต้องการให้พี่เอกยืนยันเพื่อความเซลฟ์ใช่มะ
หน่ะ เริ่มลงตัวเป็นคู่ๆ
รู้สึกจินเหมือนจะมีแนวทางแล้วนะ แค่ต้องการให้พี่เอกยืนยันเพื่อความเซลฟ์ใช่มะ