เล่ห์รักชีคร้าย เปลี่ยนชื่อเป็น 'เมียบำเรอรักชีค'(สนพ.สมาร์ทบุคตีพิมพ์)
เจ้าชายเอเดียล มกุฎราชกุมารแห่งรัฐอัลดูซาร์ เกิดมาตกหลุมรักในเสน่ห์ของสาวน้อยชาวไทยนามว่า 'จันทร์เจ้า' เข้าเต็มเปา ในเมื่อหัวใจมันเรียกร้องต้องการ อุปสรรคกี่มากน้อยเท่าไร เขาก็จะต้องพาเอาตัวเธอข้ามน้ำข้ามทะเลกลับอัลดูซาร์ไปด้วยกันให้จงได้ แม้ว่าสาวน้อยคนที่ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธ ในความต้องการของเขาเท่าไรก็ตาม...
Tags: ชีค สาวชาวไทย ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ว่าที่พระสนมองค์ใหม่

แวบเอาตอนใหม่มาส่งแล้วนะคะทุกคน ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ ปล.ว่าแต่อย่าลืมเม้นท์ ทักทายและเป็นกำลังใจให้กันบ้างนะคะ อ้อนๆ^_^



ตอนที่ 19 ว่าที่พระสนมองค์ใหม่ (รีไรท์)

แสงของจันทร์เต็มดวงเบื้องบนเริ่มฉาดฉาย ขณะที่ขบวนม้าซึ่งก็กำลังจะเดินทางออกจากหมู่บ้านในยามนั้นต้องพลันหยุดชะงัก
“นั่นใครมา” เจ้าชายเอเดียลทรงเหลียวมอง...ห่างไปไม่ถึงร้อยเมตร ขบวนที่ประกอบไปด้วยอูฐ ม้า ลา และบรรดาข้าวของต่างๆ มากมายพะรุงพะรังกำลังมุ่งหน้าตรงเข้ามา
“กระหม่อมขออาสาออกไปดู...”
“ไม่ต้องซีราห์ เห็นแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้ว”
ไม่รู้ว่ามีนัยยะอะไรในคำพูดนั้น ผู้ติดตามแทบทุกคนถึงได้เหลือบแลหางตาหากันอย่างแปลกๆ ดูเหมือนจะเป็นจันทร์เจ้าคนเดียวที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเขา หญิงสาวอยากถาม แต่คิดว่าคงไม่เหมาะในตอนนี้
“ไหมล่ะ ผิดจากที่คิดเมื่อไรกัน” ฟาฮัดชักม้าเข้ามาหาองครักษ์คู่หู ขณะพูดกันพอให้ได้ยินแค่สองคน
“นับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความพยายามจนนาทีสุดท้ายจริงๆ”
ซีราห์วิจารณ์ตอบ ตายังจับจ้องไปยังกลุ่มคนซึ่งกำลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“มีความพยายาม...แต่ดูท่าจะมากเกินไป จนเหมือนจะไม่รู้จักว่าอะไรควรไม่ควรมากกว่าน่ะสิ”
“ท่านห้ามเธอได้หรือไงล่ะฟาฮัด” คำพูดกึ่งท้านั่นกลั้วหัวเราะ และคนฟังส่ายหน้า ก่อนจะว่า
“ยังไม่อยากหัวขาดตอนนี้น่าท่านซีราห์ อะไรเป็นอะไรเราก็รู้ๆ กันอยู่”
สองคนต้องเก็บปากเก็บคำสนิท ในยามที่ขบวนซึ่งเดิมมองเห็นอยู่ไกลๆ เริ่มจะเดินทางเข้ามาใกล้ทุกขณะ กระทั่งทุกคนได้เห็นผู้เป็นเจ้าของขบวนถนัดตา แม้จะโพกผ้าทั้งผมทั้งหน้าไว้มิดชิด แต่ใครบ้างจะดูไม่รู้...ผู้หญิงสาวในวัยยี่สิบต้นๆ ค่อยเลื่อนตัวลงมาจากหลังม้าสีขาวตัวใหญ่ ด้วยการอาศัยนายทหารคนหนึ่งซึ่งต้องคอยอำนวยความสะดวกให้ตามหน้าที่ จากนั้น ร่างที่แลดูอวบอัดแม้จะอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ค่อนข้างพรางตาก็เยื้องกรายตรงเข้ามาหาเจ้าชายรัชทายาท เจ้าหล่อนปลดผ้าคลุมหน้าออกก่อนจะย่อตัวต่ำ พร้อมกับก้มศีรษะลงน้อยๆ ไม่ลืมที่จะช้อนสายตาชะมดชะม้อยขึ้นมอง
“ซารีนะห์...ถวายบังคมเจ้าชายเพคะ”
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
คนถามยังคงนั่งอยู่บนหลังม้ากับจันทร์เจ้า
“เอ่อ...ทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา หม่อมฉันก็เลย...ตั้งใจจะตามมารับใช้ พร้อมกับให้คนตระเตรียมข้าวของที่จำเป็นมาจ่ายแจกกับชาวบ้านด้วยเพคะ นอกจากที่เห็นอยู่นี่แล้วก็ยังมี...”
“เรากำลังจะกลับ” เจ้าชายเอเดียลเอ่ยด้วยพระสุรเสียงเรียบเฉย ซึ่งอาจจะค่อนไปทางเย็นชาด้วยซ้ำ หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าซารีนะห์จึงถึงกับหน้าถอดสีไปนิด ก่อนจะพูดไม่เต็มเสียง
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้น...”
“ถ้าเธอตั้งใจที่จะมาเยี่ยมครอบครัว หรือเอาข้าวของมาแจกจ่ายก็เชิญเถอะ...ซีราห์ ฟาฮัด พวกเราออกเดินทางกันได้แล้ว”
“พะย่ะค่ะ” ราชองครักษ์ทั้งสองรับคำพร้อมเพรียงเสียงดัง
“เอ้อ...เจ้าชายเพคะ...คือว่าหม่อมฉันตั้งใจจะมา...”
หากก็ไม่ทันเสียแล้ว ซารีนะห์ได้แต่มองตามร่างงามสง่าบนหลังม้าตัวใหญ่ไปอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ เธอเม้มริมฝีปากแน่น มันนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว...ที่เจ้าชายเอเดียลทรงทำพระอาการหมางเมิน ไม่สนพระทัย ไม่เห็น ‘ว่าที่พระสนมองค์ใหม่’ ของชีคฮิบรานผู้เป็นพระราชบิดาอยู่ในสายพระเนตร แล้วนี่ยังจะทรงเอาใครมาแอบอิงอยู่ข้างพระวรกาย เอามันมาเย้ยหยันไยไพ ซ้ำเติมให้หัวใจของซารีนะห์ต้องปวดแปลบหนักเข้าไปอีก สิ่งที่เธอเห็นในวันนี้ มันจริงอย่างที่ ‘ฝ่ายใน’ เขาเล่าลือกัน นังผู้หญิงต่างชาติ ได้สิทธิ์ของความพิศวาส เข้ามานอนรอปรนนิบัติพัดวีองค์รัชทายาทถึงในวัง มันน่านัก!!
“เอ่อ...คุณซารีนะห์...”
“พระสนม!” เจ้าของชื่อตะคอกกลับ
“ฉันจะได้รับแต่งตั้งเป็นพระสนมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฝึกเรียกเอาไว้ให้ชินปากหน่อยจะดีกว่านะ”
เธอยังสะบัดเสียงย้ำกับนายทหารข้างกายเสียงกร้าว ราวกับจงใจจะให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินเหมือนกันหมด
“ขนของพวกนั้นตามฉันมา”
สั่งเสร็จ เจ้าของร่างอวบอัดก็เดินดุ่มเข้าไปในลานหน้าหมู่บ้าน ไม่สนใจกับสีหน้าและอาการงงงันของคนเป็นผู้นำชาวเผ่าอย่างจาวจ์และภรรยาแม้แต่น้อย...หนุ่มใหญ่มองตามอย่างระอา เป็นที่รู้กันว่าซารีนะห์ อดีตเด็กสาวมอมแมมที่เคยใช้ชีวิตนับเป็นสิบปีอยู่ในหมู่บ้านบาคา กำลังจะได้เป็นพระสนมจริงอย่างที่เธอว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
“ตั้งแต่เธอตามไปอยู่ในเมืองกับแม่ ดูท่าเธอแปลกเปลี่ยนไปมากนะจาวจ์ ทั้งเรื่องนิสัยใจคอ แล้วก็รูปร่างหน้าตา จากเด็กกำพร้าที่พ่อตายไปตั้งแต่ยังเล็กๆ จากเด็กขี้อาย เนื้อตัวกระดำกระด่าง บัดนี้เธอกลายเป็นสาวสะพรั่ง ที่มีความมั่นอกมั่นใจจนใกล้จะเป็นกร้าวกระด้างอยู่รอมร่อแล้ว”
ภรรยาของจาวจ์ว่า ขณะหันมองตามหลังไวๆ ของอีกฝ่ายไปด้วยสายตาที่ไม่พอใจสักเท่าไร
“ช่างเถอะ คงดีใจว่าตัวเองมีบุญวาสนา ถ้าหลายปีก่อน แม่ของเธอไม่ได้พบรักใหม่กับนายทหารใหญ่ อะไรๆ ในชีวิตเธอคงไม่ดีขึ้นชนิดหน้ามือเป็นหลังมืออย่างในวันนี้หรอก” จาวจ์พูดขึ้นบ้าง
“ซารีนะห์เหมือนคนลืมตัว ซ้ำร้ายยังทำอะไรไม่เหมาะสมหลายอย่าง เธอแอบมีใจให้เจ้าชาย ทั้งที่กำลังจะกลายเป็นสนมของชีคฮิบรานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะเป็นเมียพ่อ แต่ก็มัวมีใจอาลัยลูก ช่างเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจน่ารังเกียจที่สุดเลย”
ฝ่ายภรรยาสรุปสั้นๆ หากชัดเจน จาวจ์ฟังแล้วหัวเราะ เขาส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือมารั้งเรียวแขนสีคล้ำของภรรยา
“ไม่เอาแล้ว เราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ เรื่องของคนเมือง น่าปวดหัวจะตาย สู้อยู่ในวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่นินทาว่าร้าย หรือแก่งแย่งชิงดีกับใครอย่างในหมู่บ้านเราก็มีความสุขดีอยู่แล้วนะ”
“ก็ได้...ไม่คิดก็ไม่คิด” เธอพยักหน้า
“แต่ก็ขอภาวนา ต่อไปอย่าให้มีใครเขาต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจ เพราะเด็กที่ขลาดเขลาเบาปัญญาอย่างซารีนะห์คนนี้ก็แล้วกัน”

ในที่สุด ขบวนม้าของเจ้าชายเอเดียลก็เดินทางกลับกันมาจนถึงกระโจมใหญ่อันเป็นที่พักระหว่างทางเสียที จันทร์เจ้ายอมรับตามตรงว่าเธอเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงยืน หญิงสาวกลับเข้าไปในกระโจมใหญ่หลังกลาง ซึ่งภายในจัดวางกุหลาบทะเลทราย สมบัติจากธรรมชาติและกาลเวลาที่เธอสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาเอาไว้ เอวาร์กับมีนาห์ยังตามเข้ามารับใช้ตามหน้าที่ สองสาวแบ่งงานกันทำ โดยคนหนึ่งรีบเข้าไปเตรียมความพร้อมและตรวจเช็คดูความเรียบร้อยภายในส่วนสัดที่กั้นเอาไว้สำหรับเป็นห้องอาบน้ำ ส่วนอีกคนรีบจัดแจงเปิดกระเป๋า คว้าเอาชุดสำหรับให้จันทร์เจ้าเปลี่ยนออกมาวาง
“เดี๋ยวเอวาร์จะช่วยเช็ดหน้าให้คุณก่อนนะคะ”
สาวคนที่ง่วนอยู่กับกระเป๋าสัมภาระ กระทั่งได้ชุดเสื้อผ้าและผ้าขนหนูผืนใหม่หลายขนาดออกมาบอก หากแต่สาวไทยส่ายหน้า
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันอาบน้ำทีเดียวเลยดีกว่า เธอสองคนก็รีบกลับออกไปพักผ่อนเสียบ้างเถอะ เดินทางมาก็เหนื่อยพอกันอยู่แล้วนี่”
ครั้นแม่สาวมีนาห์เดินกลับออกจากห้องน้ำมาสมทบ เอวาร์ก็มองหน้าอย่างจะหารือ
“ไปเถอะน่า ไม่อยากพักผ่อนกันหรือยังไง”
จันทร์เจ้าเร่ง เธอเองก็อยากจะอาบน้ำและนอนหลับพักผ่อนเต็มทีแล้วเหมือนกัน แต่มันไม่ชินเลย กับการที่จะมีใครต่อใครเข้ามาวุ่นวายจัดนั่นทำนี่ให้ ถึงยังไง เธอก็ยังคงต้องการที่จะจัดการธุระส่วนตัวทั้งหมดด้วยตัวเองมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้น...เราสองคนก็ขอตัวก่อนนะคะ แต่ถ้ามีอะไรจะให้เราทำ คุณจันทร์เจ้าเรียกใช้ได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
“จ้ะ” หญิงสาวยิ้ม เอวาร์และมีนาห์ขยับตัว เตรียมจะหันกลับออกไปจากกระโจมหลังใหญ่ แต่ทันใดที่ประตูถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างสูงที่ทั้งสง่าและทรงอำนาจนั้นปรากฏขึ้น
“เอ้อ...เธอสองคน อยู่ก่อนก็ได้ คือว่า...พอดีฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอยากจะ...”
จันทร์เจ้ารีบออกปากเรียก หวังจะให้ทั้งเอวาร์และมีนาห์คอยอยู่เป็นเพื่อน แต่ทว่า
“ออกไปทั้งสองคนนั่นล่ะ” เจ้าชายเอเดียลทรงรับสั่ง
“เพคะ” สองสาวรีบย่อตัว ค้อมศีรษะต่ำ ก่อนจะหายวับออกไปจากห้องนั่นทันใจ สาวไทยจึงเรียกเก้อ คำสั่งของเธอไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าเขา...เจ้าชายรัชทายาท ร่างสูงเยื้องย่างเข้ามาใกล้ ก่อนจะถือสิทธิ์อ้อมโอบวงแขน รั้งให้ร่างเล็กของเธอโอนเอนเข้าซบชิด จันทร์เจ้าขืนตัว ไม่พอเท่านั้น มือเล็กยังยกขึ้นยันแผ่นอกหนาที่ทั้งแข็งและแกร่งราวหินผานั่นเอาไว้อีกชั้น
“เธอคงเพลียมาก รีบไปอาบน้ำเสียก่อน จะได้ออกมานอนพักให้สบายตัว”
‘เอเดียล’ ในยามที่อยู่กันสองต่อสองบอกกับเธออย่างนั้น
“เอ้อ...” จันทร์เจ้าอึกอัก หญิงสาวยืนขาตาย เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะรั้งให้เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยกันกับเขา
“อะไร ชักช้าอยู่นั่น รู้ไหมว่านี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ขืนรอให้ดึกมากไปกว่านี้ เธอจะหนาวจนสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ ไม่เชื่อไม่ว่า...อย่าหาว่าไม่เตือนทีหลังล่ะ”
เอเดียลขู่ และเขาอาจจะพูดถูก เวลากลางวัน แผ่นผืนอันกว้างใหญ่ของทะเลทรายนั้นร้อนจัดจนแทบระอุ แต่ในทางกลับกัน เมื่อความมืดมิดเข้าปกคลุมทั่วท้องนภา เป็นเวลาที่อากาศหนาวเย็นจะแย่งกันแสดงตัวตน เธอเห็นด้วย อยากรีบอาบน้ำ แต่ก็ไม่ไว้ใจเขาเลยนี่นา
“ว้าย!” เสียงหวานร้องวี๊ดขึ้น ก่อนจะรู้ตัวรีบอุดมือปิดปากตัวเองโดยเร็ว
“คิดนาน หมดเวลา”
เอเดียลพูดกลั้วหัวเราะ ขณะที่เกร็งแขน เพื่อยกร่างบอบบางในอ้อมกอดให้เลื่อนสูงขี้นมาอีกนิด ให้พอดีกับที่ริมฝีปากบางเฉียบของตนเองจะกดประทับลงไปได้
“อย่านะคะ! คราวนี้จันทร์ไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
หญิงสาวโวยวาย เบี่ยงนวลหน้าหนีเป็นพัลวัน เอเดียลเลิกคิ้วถามกวนๆ
“ไม่ยอมอะไร ไม่ยอมให้จูบน่ะหรือ”
“อะไรอะไรก็ไม่ยอมทั้งนั้นล่ะค่ะ” คนว่าหน้างอหนักขึ้น
“แค่จูบ ถ้าใจดำไม่ยอมจริงๆ ก็เห็นทีว่าคงต้องทิ้งลงกับพื้นนี่ล่ะ”
“คนใจร้าย จันทร์ก็เจ็บตัวแย่น่ะสิ” เธอต่อว่าเขา
“ก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ให้แตะ...แขนขามันก็หมดแรงเป็นธรรมดา” เขาหาเหตุมาอ้าง
“งั้นก็รีบวางจันทร์ลงเดี๋ยวนี้สิคะ”
“วางก็อด”
“แน้!” หญิงสาวออกอุทานอย่างขัดใจ ต้องถามใหม่เมื่อเขาทำท่าเดินไปชะโงกดูในห้องน้ำ
“แล้วนี่คุณจะทำอะไรอีกคะ”
“แย่เลย ที่นี่ดันไม่มีอ่างอาบน้ำ”
วลีนั้นดูจะจงใจปรารภกับตัวเองมากกว่าจะตอบคำถามของหญิงสาว
“กะ...ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย จันทร์อาบได้ ถ้า...คุณไม่ชอบ ก็ออกไปอาบที่อื่นสิคะ แล้วก็ได้โปรด ช่วยวางจันทร์ลงเสียทีเถอะค่ะ จันทร์ล่ะกลัวใจ เดี๋ยวคนอุ้มจะแกล้งทำหล่นให้เจ็บตัวเล่นเสียเปล่าๆ”
“ทำไมถึงกลัว” เขาถามหน้าตาย
“ก็คุณบอกอยู่เมื่อครู่ ว่าแขนจะหมดแรง” เข้าทาง...คราวนี้เอเดียลเลยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาก้มลงกระซิบ
“ไม่หมดหรอกน่า แต่ถ้าแขนจะหมดแรง อย่างอื่นก็ยังใช้การได้ดี แรงยังดีอยู่แยะ ไม่เชื่อ...ต้องลองดูเอง”
“ไม่นะคะ...เจ้าชาย...อุ๊ย!”
จันทร์เจ้าอุทาน ทั้งตามไม่ทันและคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะยอมปล่อยเธอให้ลงยืน
“ถอดเสื้อผ้าออก มีแต่เหงื่อมาทั้งวัน อาบน้ำอาบท่าแล้วก็มานอนกันได้แล้ว”
“เอ้อ...แต่ว่า เวลาที่คนเราอยากจะรู้อะไร มันมักจะนอนไม่หลับง่ายๆ หรอกนะคะ”
คนพูดฉากตัวหนีห่างจากรัศมีที่มือใหญ่ของอีกฝ่ายจะเอื้อมถึง
“อยากรู้...อยากรู้เรื่องอะไรกันจันทร์เจ้า”
“ผู้หญิงคนที่เราเจอก่อนจะออกมาจากหมู่บ้าน เธอเป็นใครคะ”
“หึงล่ะสิ” สำเนียงนั้นทำเหมือนกับรู้เท่าทันเธอ
“จันทร์ไม่ได้หึงใคร ที่ถามก็เพราะ...เพราะอยากรู้เท่านั้น เห็นแต่ละคนทั้งซีราห์ฟาฮัดก็ทำท่าทางแปลกๆ กัน จันทร์ยืนยันอีกครั้งนะคะว่าแค่อยากรู้ ไม่ได้...หึง”
“หลอกตัวเอง...แต่ก็เอาล่ะ ฉันจะหลับหูหลับตาแกล้งทำเป็นเชื่อเธอสักครั้ง”
เอเดียลพูดเท่านั้นแล้วก็เฉยอีก กระทั่งจันทร์เจ้าต้องทวง
“ยังไงล่ะคะ ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นใครกัน”
“ซารีนะห์ ลูกเลี้ยงของรองแม่ทัพ ว่าที่...สนมคนใหม่ของท่านพ่อน่ะ” คนตอบทำหน้าเฉย
“พระสนม...ของชีคฮิบรานอย่างนั้นหรือคะ แล้วทำไมเธอถึงได้ทำเหมือน...เอ่อ...”
จันทร์เจ้ายั้งปากเอาไว้ ไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกไป เธอเจอผู้หญิงคนนั้นแค่ครั้งเดียว แล้วก็ดูเหมือนจะแค่นาทีเดียวด้วยซ้ำ บางที...เราอาจจะมองอะไรผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปก็ได้นะจันทร์เจ้า
“หายสงสัย ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น...คราวนี้เธอคงจะนอนหลับลงได้เสียทีนะ”
“จันทร์จะหลับค่ะ ถ้าเจ้าชายจะออกไปข้างนอกเสียก่อน” เขานิ่งไปกับข้อต่อรองใหม่ของเธอ
“ไปข้างนอก...ให้ฉันไปไหน”
“ที่นี่คือกระโจมที่พักของจันทร์ และเวลานี้จันทร์ก็ต้องการจะพักผ่อนค่ะ”
หญิงสาวเน้นคำ ทางฝ่ายเอเดียลเองก็ทำท่าเหลียวมองไปทั่วห้องที่คงสว่างไสวไปด้วยแสงจากตะเกียงใหญ่และไฟฉุกเฉินแบบพกพานั่น แล้วจึงหันกลับมาแย้งเสียงนุ่มว่า
“ของเธอคนเดียวที่ไหน ของเราสองคนต่างหากล่ะสาวน้อย”
“ไม่นะคะ คุณต้องออกไป จันทร์จะไม่ยอม...ไม่ยอมให้คุณรังแกจันทร์ได้อีกต่อไปแล้ว”
“ก็เห็นทีจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ”
คนพูดค่อยสืบเท้าเข้าไปหาแบบช้าๆ แต่ก็นั่นล่ะ จันทร์เจ้าเองก็ขยับหนีไกลไปเรื่อยๆ เช่นกัน
“ต้องได้สิ ก็จันทร์ไม่ยอมเสียอย่าง คุณจะทำไม อย่าเข้ามาใกล้ แล้วก็อย่าแตะต้องตัวจันทร์อีกนะ ถ้าไม่ฟังกันก็ลองดู จันทร์จะ...จะร้องให้คนทั้งแคมป์เขาแตกตื่นกันให้หมดเลยคอยดูสิ”
“แตกตื่น...แล้วพวกเขาก็จะวิ่งกรูกันเข้ามา ทีนี้เธอก็ลองคิดดูนะ ว่าระหว่างที่เรากำลังพัวพันนัวเนีย ทำอะไรๆ ยุ่งๆ นุงนังกันอยู่บนที่นอนนั่น แล้วประตูมันเกิดเปิดผัวะผะเข้ามาแบบกะทันหัน...”
“ไม่เอา ไม่ฟัง จันทร์ไม่ฟัง คุณห้ามพูด...หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”
เจ้าตัวหลับตา รีบยกมือปิดหูเอาไว้เสีย
“เด็กดื้อ ยิ่งฉันปล่อยให้เธอพยศเท่าไร ก็เท่ากับเธอยิ่งดื้อกับฉันมากขึ้นเท่านั้น”
คราวนี้ เสียงคล้ายจะคำรามในคอทำให้หญิงสาวแทบผวา จันทร์เจ้าเปิดตา แต่ไม่ทันแล้ว
“คุณจะทำอะไร”
“ถามได้ ก็ตัดไฟแต่ต้นลมไง”
คนพูดตรงเข้าแบกร่างเล็กขึ้นพาดกับบ่า ก่อนจะพาเดินดุ่มหายลับเข้าไปในห้องสำหรับอาบน้ำ จันทร์เจ้าไม่กล้ากรี๊ด เพราะกลัวคนข้างนอกจะแตกตื่น แล้วพานจะกรูกันเข้าพังประตูที่ไม่ค่อยแน่นหนาเข้ามาอย่างที่เขาว่า โอ๊ย...คิดแล้วก็อยากจะบ้า หากเมื่อทำอะไรอย่างใจไม่ได้ สองมือเล็กจึงตั้งท่าแต่จะกระหน่ำซ้ำตีไปที่คนตัวโตด้วยความโมโห
“นี่แน่ะ! นี่ๆๆ คุณมันแย่ที่สุดเลย เป็นเจ้าชายได้ยังไง เอาแต่คอยจ้องจะรังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้แล้วก็อ่อนแอกว่าอยู่แบบนี้”
“แล้วฉันจะทำให้เธอต้องถอนคำพูด”
คนถูกทุบตุบตับรวบยึดเอาข้อมือน้อยทั้งสองของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว
“ไม่มีวัน ก็คุณมันชอบรังแกผู้หญิงจริงๆ นี่”
“เธอจะต้องถอนแน่ ฉันมั่นใจ ถอนจากคำว่ารังแก แปรเปลี่ยนไปเป็น...มอบความสุขให้จนเธอแทบจะสำลักตายยังไงล่ะ...จันทร์เจ้า”
“อุ๊ย! ยะ...อย่านะ...”
ชุดที่ใส่ไว้สำหรับเดินทางของจันทร์เจ้า ถูกเขาจับนั่นดึงนี่ไม่กี่ที ก็สามารถที่จะปลดมันออกให้พ้นกายอรชรได้แล้ว หญิงสาวรีบวิ่งถลาไปหาผ้าขนหนูผืนใหญ่ แต่เอเดียลใช่จะยอมให้ เขาเอื้อมคว้ามันได้ก่อน แล้วจากนั้นก็เหวี่ยงมันปลิวหวือไปนอกห้องแบบสุดแขน คนที่มองตามตาลอยอย่างหมดหวัง แทบจะร้องกรี๊ดขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“เอาผ้ามาคืนให้จันทร์เดี๋ยวนี้นะ!”
“ถ้าคิดจะคืน แล้วฉันจะปาทิ้งทำไมล่ะทูนหัว มานี่ดีกว่า”
“ไม่นะ...เจ้าชาย...”
หญิงสาวดิ้นรน ทั้งที่ก็กำลังตัวเปล่าเล่าเปลือยอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงของเขา
“ได้เห็นหน้า ได้อยู่ใกล้ แต่ไม่มีโอกาสจะได้ทำอย่างที่ใจคิด รู้มั้ย...ว่าตลอทั้งวันมานี่ฉันอยากจะบดจูบเข้ากับปากเล็กๆ แดงๆ ของเธอแทบบ้าอยู่แล้วจันทร์เจ้า”
“อื้อ.อ.อออ” เท่านั้น...มีเพียงเสียงประท้วงอู้อี้เบาๆ ในลำคอ ที่จันทร์เจ้าเองจะพอทำได้ และเช่นเดียวกันกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่มีครั้งไหนที่เอเดียลตั้งใจจะ ‘ปลุก’ อำนาจเร้นลับบางอย่างในกายของหญิงสาวแล้วเขาจะทำไม่สำเร็จ ทั้งที่ยังยืนกันอยู่กลางห้องน้ำ เจ้าชายแห่งดินแดนอาหรับยังระดมจูบไม่เว้น ไม่ว่าจะเป็นเรียวปากอิ่มเล็ก ซอกคอขาวๆ นวลแก้มนุ่มๆ และใบหูเล็กหอมอ่อนๆ ของเธออย่างหลงใหล ไม่มีครั้งไหนอีกเหมือนกัน ที่มกุฎราชกุมารหนุ่มแห่งอัลดูซาร์จะรู้สึกเบื่อหรือไม่ตื่นเต้นกระทั่ง ‘ตื่นตัว’ ในยามที่ได้อยู่ใกล้ชิดสนิทเนื้อกับเธอเช่นนี้...มือใหญ่ขยับเลื่อนมาทำหน้าที่กระตุ้นแรงอารมณ์อีกฝ่ายให้หวามไหว โดยการเคล้นคลึงบัวตูมทั้งสองข้างหนักๆ สลับกันไปมา บราเซียร์ตัวจิ๋วที่เหมือนจะเป็นอุปสรรค ถูกมือหนักๆ แกะเกี่ยวอยู่สักพักมันก็ลอยละลิ่วตามผ้าขนหนูผืนก่อนหน้าออกไปไม่ยากเย็น
“กินอะไรเข้าไป ทำไมความหวานมันถึงได้ซ่านออกมาถึงเนื้อผิวได้อย่างนี้”
“จะ...เจ้าชาย...”
“ไหนตอบให้หายสงสัยหน่อยซิคนดี”
ก็ ‘คนดี’ จะขยับปากตอบไปได้ยังไง ในเมื่อเรียวลิ้นอุ่นลื่นของเขา กำลังแทรกสอดเข้าฉกรัดตวัดลิ้นของเธอเล่นอยู่อย่างนี้ งั้นจะมีก็เพียงอาการตอบสนอง ที่คงไม่ต้องบอกว่าเธอเองก็กำลังเพริศไปกับการรุกเร้าของเขามากแค่ไหน จันทร์เจ้าเกี่ยวลิ้นเล็กของตนเข้าพันรัด ก่อนจะค่อยถอนออกมาแตะไล้ตรงริมฝีปากบางของเอเดียลอย่างนุ่มนวล เพียงเท่านี้เจ้าชายหนุ่มก็ยิ้ม...จันทร์เจ้าหัวไว ไม่ว่าเขาจะสอนอะไรให้ เจ้าหล่อนเป็นต้องลองทำมันเสียเดี๋ยวนั้น อาจจะมีบ้างที่เธอยัง ‘สอบไม่ผ่าน’ แต่ไม่นานหรอก การได้ ‘ครูดี’ ที่มากประสบการณ์ช่ำชองอย่างเขา จะทำให้หญิงสาวผู้ไม่ประสีประสา กลายเป็นนางฟ้าผู้เร่าร้อนอ่อนหวานในอ้อมกอดของเขาได้อย่างไม่ยากเย็น...และหลังจากที่ชุดโต๊ปของเอเดียล ได้ถูกเจ้าตัวสลัดออกไปจนพ้นจากร่างกำยำแน่นหนั่น เขาก็จัดการรวบสะเอวเล็กกลมของจันทร์เจ้าเข้ามาชิด แถมมือใหญ่ที่ว่างข้างหนึ่ง ยังแอบสอดแทรกผ่านความแนบชิด ทะลุผ่านเข้าไปทำหน้าที่ลูบไล้สำรวจตรวจตรา ก่อนจะว่า
“อืม...ถอดออกเถอะนะ...นะ”
คนว่าลดมือลงเกี่ยวกับขอบกางเกงชั้นในตัวน้อย ก่อนจะค่อยดึงลากสู่เรียวขา...ผ่านลงมายังปลีน่อง และเป็นจันทร์เจ้าเองที่ลืมตัวจัดการสลัดมันออกจนพ้นปลายเท้าไปด้วยความรู้สึกร้อนเร่าอย่างไม่อาจต้านทาน...กายน้อยยังบิดสะท้านอยู่ในอ้อมแขนของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าเอเดียลจะกดจูบลงตรงไหน มือไม้จะพร่างพรมเคล้าคลึงลง ณ จุดใดในร่างกาย เธอเองก็ดูจะยินยอมพร้อมใจให้เขากระทำไปเสียทั้งนั้น และไม่นาน ก็มาถึงวินาทีที่ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่ง ค่อยๆ ขยับไต่ไล่ลงหาหน้าท้อง เขาลูบเลยไปยังสะโพกผายด้านหลัง กอบกุมและกำขยำมันหนักๆ อย่างถูกใจ ร่างบอบบางของจันทร์เจ้ายังโอนอ่อนเข้าหา ขณะที่เขารัดรั้งและยังต้องการยืดเวลาหาความสำราญจากเรียวปากของเธออยู่ไม่รู้เบื่อ
“กอดคอฉันไว้”
เสียงห้าวแหบพร่ากระซิบสั่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรียวนิ้วยาวแข็งกระด้างเลื่อนลงไปหาส่วนที่แสนจะบอบบางของร่างอรชรซ้ำอีกครั้ง จันทร์เจ้าตัวแข็ง แต่ก็เป็นเอเดียลอีกนั่นล่ะ ที่ไม่ให้เวลาเธอได้ตั้งสติเลย
“กอดคอฉัน...แน่นๆ”
ขณะที่สั่งสำทับ กายหนาก็ขยับบดเบียด แรงเสียดสีจากส่วนกลางของกายแกร่งที่แข็งขึง ก็ทำให้หญิงสาวถึงกับสมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก ได้แต่ทำตามเสียงที่เขาเพียรกระซิบบอกอย่างเดียวเท่านั้น เอเดียลว่ายังไงนะ...เขาให้เธอกอดคอเขาไว้ให้แน่น...อย่างนี้ใช่ไหม...
“น่าน...อย่างนั้น เก่งมากคนดี”
คนที่ได้รับคำชมคงหลับตาแน่น ทั้งความอยากและอายอย่างที่สุด ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำไป
“ยังไงกัน หน้าตาเนื้อตัวแดงไปหมดแล้วนะจันทร์เจ้า”
“อื้อ.ออ.อออ” หญิงสาวทำเสียงขัดใจในลำคอ ยิ่งเขาแกล้งแซวเสียงหวานๆ เธอเองก็ยิ่งจะอายเข้าไปใหญ่ หญิงสาวจึงตัดสินใจซุกหน้าลงกับแผงอกกว้างกึ่งๆ กับซอกคอเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอดกันไป เอเดียลยิ่งพอใจกับอาการเขินอายเช่นนี้
“งั้นต่อเลยแล้วกันนะคนดี”
หลังจบคำเขาว่า ก็มาถึงเวลาซุกซนของปลายนิ้วเรียวยาวข้างเดิม จันทร์เจ้าเองก็สะดุ้ง ทำท่าจะถอยกายหนี หากจะง่ายอย่างที่เธอคิดเสียเมื่อไร มันเคยมีสักครั้งไหม ที่มากันถึงขั้นนี้แล้วเขาจะยอมปล่อยเธอให้พ้นมือไปได้ง่าย...
“อา...จะ...เจ้าชาย...”
“เป็นยังไง จะไม่ไหวแล้วหรือยอดรัก”
จันทร์เจ้าพยักหน้าตอบเขาไปตามความรู้สึกจริงอย่างลืมอาย แต่เขายังหัวเราะ ขณะกวาดตาไปทั่วห้องน้ำขนาดกะทัดรัดนั่น
“ถึงได้บอกไง เสียดายที่ไม่มีอ่างอาบน้ำ จะพาออกไปบนฟูกนั่น มันก็คงไม่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นหรือได้เรียนรู้อะไรแปลกใหม่เพิ่มเติม”
“แต่จันทร์...” เสียงนั้นหายกลับเข้าไปในอก ร่างเล็กแอ่นหยัดและกระตุกเบาๆ ครั้งหนึ่ง เอเดียลหลุบตาลงมองเจ้าของร่างนุ่มนิ่มอย่างพินิจ ก่อนจะตัดสินใจในนาทีนั้น
“ถ้างั้น...ฉันว่า...ตรงนี้เลยก็น่าจะดี โอเคนะที่รัก”
อีกครั้งกับคำว่า ‘ที่รัก’ มันฟังดูไพเราะและรื่นหู แต่ทว่า...มันจริงอย่างที่เขาพูดออกมาหรือเปล่าล่ะ...เวลาคิดหาข้อเท็จจริงของจันทร์เจ้าหมดลง ทางฝ่ายเอเดียล เมื่อเข้าไปสงบนิ่งอยู่ในความชุ่มฉ่ำ เขาก็ดึงสะโพกสอบของตนเองในลักษณะอาการเคลื่อนเข้าออกอย่างช้าๆ ใบหน้าคมก้มลงดอมดมความหวานล้ำจากทั้งนวลแก้ม ซอกคอ และลาดไหล่เนียนอย่างลึกซึ้งในอารมณ์ ไม่นาน...จังหวะของการขับเคลื่อนก็เพิ่มทั้งความแรงและความถี่ ร่างน้อยที่ต้องคอย ‘ตั้งรับ’ ซวนเซไป ทั้งที่ยังคงมีอุ้งมือใหญ่ทั้งสองของอีกฝ่ายคอยกดประคองเอาไว้ตลอดเวลา
“อะ...อื้อ...” หญิงสาวครางพลางหอบหายใจ ไม่ผิดจากคนที่เดินเท้ามาไกลเป็นหลายสิบกิโลเมตร สักพัก เอเดียลก็หยุดนิ่งทุกการเคลื่อนไหว เขาเองก็หอบหายใจแรง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็...” วลีหลังกระซิบข้างใบหูหอมๆ เบาๆ แต่คนฟังส่ายหน้าเดียะ
“ไม่นะคะ เดี๋ยวล้ม”
“ไม่ล้ม เชื่อฉัน” เสียงห้าวทุ้มยืนยัน ต่อเมื่อเธอยังลังเล เขาก็ว่า
“เป็นเมีย ต้องเชื่อผัว”
“เจ้าชาย!” จันทร์เจ้าอุทธรณ์
“ขึ้นมาอยู่บนตัวฉัน รับรอง...ไม่เป็นอันตราย” เขาให้ความมั่นใจอีก
“เอ้อ...แต่ว่า...อุ๊ย!”
จันทร์เจ้าอุทานเสียงหลง เมื่อเอเดียลไม่ฟังเสียง ต่อเมื่อได้อย่างใจหวัง เจ้าชายหนุ่มก็ไม่ยอมจะเสียเวลาหยุดพัก หลังจากสั่งให้เธอกอดรอบคอเขาให้แน่นเข้าไว้ และฝ่ามือใหญ่ก็ทำหน้าที่โอบอุ้มกระชับรับกับสะโพกผาย สองขาของหญิงสาวเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวสอบ ทุกอย่างลงตัว...ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป แรงกระแทกกระทั้นแรงๆ จึงถูกส่งเข้าปะทะร่างอรชรอย่างไม่ยั้ง จันทร์เจ้ารู้สึกสะเทือนไปทั้งตัวหัวจดเท้า เอเดียลมีทั้งเรี่ยวแรงมหาศาลบวกกับความต้องการที่ไม่มีขีดจำกัดของเขา แรงเสียดทานและลักษณะอาการนั้นทำเอาเธอรู้สึกเจ็บแปล๊บ หญิงสาวแทบจะกดเก็บเสียงกรีดร้องจากอารมณ์หวามผสานกับคลื่นความหฤหรรษ์เอาไว้ไม่ไหว และวินาทีถัดไป...ธารรักที่กลั่นตัวจากความแข็งขึงของเจ้าชายหนุ่ม ก็ถูกถ่ายทอดเข้าสู่กายเธออย่างชนิดทะลักทลาย เสียงคำรามที่ค่อนข้างดังจากในลำคอใหญ่ ทำให้จันทร์เจ้าอดคิดไม่ได้ ว่ามันอาจจะเล็ดลอดออกไปให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินเอาบ้างก็เป็นได้ เธอกลัวจะต้องอาย แต่ยังไงก็ห้ามไม่ได้แล้วนี่นา ชั่วครู่...เอเดียลถึงค่อยบรรจงวางร่างแน่งน้อยที่อ่อนเปียก หมดเรี่ยวหมดแรงลงกับหินแบนก้อนใหญ่ ใกล้กันกับถังไม้บรรจุน้ำไว้อาบ
“ที่สุดของความสุขเลยจันทร์เจ้า”
เขาบอก ขณะที่ทิ้งกายใหญ่โตลงในลักษณะเอนหลังข้างๆ ตัวเธอ จันทร์เจ้ายังคงเงียบ หญิงสาวนั่งอยู่ในอาการยกเข่าขึ้นชันแล้วจัดการกอดเอาไว้ ไม่เหมือนใครบางคน ที่ช่างนอนแผ่อล่างฉ่าง ทั้งที่ตัวเองยังโป๊เปลือยได้แบบหน้าตาเฉยอย่างนี้ ดีล่ะ เชิญโป๊ไปคนเดียวให้พอ จันทร์เจ้าจะขอลุกไปเก็บเอาผ้าขนหนูมาพันพรางเนื้อตัวเสียให้หายประเจิดประเจ้อ
“จะไปไหน” เอเดียลคว้าสะเอวเล็กคอดเอาไว้ได้ทัน ร่างนั้นจึงซวนลงแทบตัก ให้เขาได้กอดรัดถนัดมือไป
“เธอน่ารักขนาดนี้ เห็นทีว่าฉันคงต้องให้รางวัล”
“จะ...ทำอะไรจันทร์อีกคะ”
ประกายหวั่นในลูกตากลมๆ บอกชัด เธอไม่เชื่อเด็ดขาด รางวัลอะไรที่เขาเพิ่งว่า
“ก็จะอาบน้ำให้ไงล่ะ ดึกแล้ว อากาศเย็นมาก เธออาบคนเดียวเดี๋ยวได้หนาวตายกันพอดี”
“ไม่ค่ะ จันทร์ไม่ให้คุณอาบ”
หญิงสาวบอกปัด พลางพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากหน้าตักเปลือยเปล่าของเขาให้ได้
“ถ้าดื้อนักก็ไม่ต้องอาบ แล้วก็ไม่ต้องนอน ที่สำคัญ เธอยังจะต้องเจอแบบเมื่อกี้นี้เข้าอีกยก...”
“เอ้อ...งั้นก็ได้ค่ะ จันทร์...ยอมให้คุณอาบน้ำให้ก็ได้ แต่ว่า...แค่อาบน้ำเท่านั้นนะคะ”
จันทร์เจ้ารีบบอก และเพราะอย่างนั้น เธอถึงได้ถูกเขาหัวเราะเอา
“เธอนี่นะ ถึงขนาดนี้แล้วก็ยัง...เฮ้อ...ไม่เข้าใจจริงๆ ผู้หญิงบางคน”
ประโยคนั้นทำเอาจันทร์เจ้าแปลบลึกในใจ ‘ผู้หญิงบางคน’ อย่างนั้นก็หมายความว่าเขาเคย ‘ผ่าน’ มาหลายคนแล้วสินะ ถึงได้พูดอย่างกับว่ามีตัวเปรียบเทียบมากมายอย่างนี้ได้ ชีคเจ้าเล่ห์...เป็นยังไงล่ะจันทร์เจ้า อยู่เมืองไทยดีๆ ไม่ว่าดี หลงกลวิ่งตามเขามาจนถึงที่นี่ ต่อไปจากนี้ จะเอายังไงกับอนาคตตัวเองดีก็ยังไม่รู้...




ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2555, 14:31:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2555, 14:31:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 7829





<< อัลดูซาร์ (ต่อ)   ยิ่งกว่าเจ็บ >>
tutas 16 ส.ค. 2555, 16:44:06 น.
โห๋...เจ้าชายเราพลังเหลือล้นจริงๆ


แว่นใส 16 ส.ค. 2555, 16:45:20 น.
น่าสงสาร นางเอกเราจริง


goldensun 16 ส.ค. 2555, 19:52:09 น.
จันทร์ไม่มั่นใจในตัวเจ้าชาย เลยเก็บทุกคำพูดมาคิด น่าสงสาร


นกขมิ้น 16 ส.ค. 2555, 20:15:00 น.
สู้ ๆ นะจันทร์เจ้า


mhengjhy 17 ส.ค. 2555, 09:34:50 น.
"ผู้หญิงบางคน" หมายความว่าไง มันน่าคิดมากจริงๆ


teesaparn 17 ส.ค. 2555, 11:13:14 น.
คึกจริ้งพ่อคู้ณ


longah 17 ส.ค. 2555, 22:07:26 น.
สงสารหนูจันทร์จริงๆ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account