ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 18. คิดถึงใจจะขาดสุดสวาทขาดใจ....
บทที่ 18
ขณะนั่งพักกินขนมอยู่กับขจรเกียรติ อนงค์นางค์ก็เปรยขึ้นมาเบา ๆ ว่า “พี่เกียรติรู้สึกไหมว่า เดี๋ยวนี้พี่มหาของเราดูอารมณ์ดีผิดปกติ ทำงานไปร้องเพลงไป...บางทีก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว นางว่าพี่มหาต้องมีความรักแน่ ๆ พี่รู้ไหมว่าเขาไปเจอใครที่ไหน...อย่างไร เล่ามา”
“เสียดายมหาขึ้นมาละซี่” ขจรเกียรติแกล้งเย้า
“ดีใจด้วยต่างหาก คนเรารักเขาข้างเดียวมันมีแต่ความทุกข์ ...พี่ดูหน้าพี่สุซิ ยิ้มชื่นซะที่ไหน แล้วเมื่อไหร่จะจีบพี่แกเสียที”
“ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรว่ะ” อันที่จริงตั้งแต่วันเกิดเรื่องชกต่อยกันเจ็บตัวขึ้นโรงพักเสียเงินเสียทองขจรเกียรติก็ตัดใจจากเมียเก่าได้เหมือนปลิดทิ้ง แล้วลูกยุของอนงค์นางก็ทำให้เขาค่อย ๆ ใคร่ครวญว่าจะเข้าไปจีบแม่หม้ายลูกติดอย่างไรถึงจะไม่น่าเกลียด เพราะก่อนหน้านั้น สุนันทาก็นับถือเขาอย่างพี่ชายไม่มีจริตสาวระหว่างคุยกัน เขาจึงเก้อเขินหากจะต้องเริ่มอย่างที่ได้รับปากกับอนงค์นางไว้
“ก็เริ่มต้นตอนนี้เลย ตักน้ำไปให้ แล้วก็ชวนกินขนม ถือขนมนี่ไปด้วย ทำเป็นอาทรห่วงใยทุก ๆ วัน เดี๋ยวพี่สุแกก็รู้สึกดี ๆ กับพี่เองแหละ”
“เอาอย่างนั้นนะ”
“น่า ไปเลยไป..เวลาจวนแจแล้วนะ” ตักน้ำจากกระติกใส่แก้วมีหูให้ขจรเกียรติแล้วอนงค์นางก็ส่งคัพเค็กให้อีกชิ้น...ก่อนจะดันหลังให้เขาเดินไปหาสุนันทา..และพอเห็นว่าขนมที่ตัวเองซื้อมาแบ่งปันกันกินยังเหลืออีกชิ้น อนงค์นางก็คิดถึงวิษณุจักรที่คุมคนงานอยู่ข้างบนอาคารขึ้นมา...
“พี่จักรอยู่ชั้นไหน...” อนงค์นางเลือกที่จะใช้เครื่องมือสื่อสารแทนการเดินตามหาเขาไปทีละชั้นทีละห้อง เพราะช่วงหลัง ๆ เขาก็ใช้เครื่องมือสื่อสารโทรมาหาอนงค์นางอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน โทรมาระบายเรื่องงานบ้าง โทรมาบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศบ้าง แม้มันจะยังดูสงวนท่าที แต่อนงค์นางรู้สึกว่าตอนนี้เขาเห็นเธอเป็นคนพิเศษของเขา
“มีอะไรหรือนาง”
“กินขนมเค้กไหม เค้กฝอยทองเหลืออีกชิ้น...นางจะถือเอาไปให้”
“ของเหลือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...จะกินหรือเปล่า นางถือขึ้นไปให้ได้นะ”
“ขึ้นมาซิ ข้างบนลมกำลังเย็น ๆ เลย มายืนรับลมซักหน่อยจะได้สดชื่น”
“ชั้นไหนละคะ”
“ชั้นแปดขึ้นมาแล้วซ้ายมือสุด...” บอกอนงค์นางแล้วเขาก็ตัดสายไป อนงค์นางถอนหายใจเบา ๆ ยิ้มแหย ๆ นึกโมโหตัวเองที่หาเรื่องเดือดร้อนเดินขึ้นบันไดไปตั้งแปดชั้น
ขณะที่กินขนมวิษณุก็ถามอนงค์นางว่า “คืนนี้ว่างไหมอยากชวนไปงานแต่งลูกของคู่ค้าด้วยกันหน่อย”
“ว่างค่ะ ที่ไหนคะ”
วิษณุจักรเอ่ยชื่อโรงแรมขนาดสามดาว...
“ได้ยินมาว่าที่นี่ อาหารแย่มาก ดีแต่สถานที่หรูหรา”
“เราก็กินพอเป็นพิธี พอเจ้าภาพเผลอเราก็แวบไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันข้างนอก ไปด้วยกันนะ”
อนงค์นางทำท่าครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า “นางไม่รู้จะอ้างกับพ่อกับแม่ว่าอย่างไร อย่าลืมนะคะว่านางเป็นลูกสาวคนเดียว ความห่วงและหวงของพ่อกับแม่จึงมีมากเป็นพิเศษ”...
“แล้วนางเคยมีแฟนไหม”
“พี่จักรว่าสวย ๆ แบบนี้น่าจะเคยไหม”
พออนงค์นางปล่อยมุกมาแบบนี้วิษณุจักรก็เบ้หน้าระอากับคนหลงตัวเอง...อนงค์นางหัวเราะขำ ก่อนจะบอกว่า “หรือพี่จักรว่านางไม่สวย”
“ไม่สวยหรอก เรียกว่าน่ารัก”
“สวย ๆ ต้องแบบพี่จินใช่ไหมคะ”
“อืม..พี่จินเขาเป็นสาวมั่น สวยสง่างาม”
“เหมาะกับพี่จักรมากเลยนะคะ...” อนงค์นางแสร้งพูดไป ทั้งที่รู้ว่าจรินนานั้นปฏิเสธความสัมพันธ์ของตนกับวิษณุจักรให้ตัวเองได้รับรู้ไว้แล้ว วิษณุจักรถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่บนระเบียงห้องและมองออกไปข้างนอกเคียงกัน เขามองหน้าอนงค์นาง หญิงสาวจึงแสร้งเหลือกตาไปมาไม่ยอมสบตาของเขา
“เหมาะกัน แต่พออยู่ด้วยกันแล้วอาจจะไม่สวยก็ได้...บางทีของบางอย่างมันก็ต้องมีความขัดแย้ง...มันถึงจะดูลงตัว..”
“เหรอคะ”
“ตกลงไปกับพี่นะ รีบกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวหกโมงเย็นพี่จะรีบไปรับที่หน้าบ้านจะไปขอพ่อกับแม่ของนางด้วย ท่านจะได้ไม่ห่วง”
“แล้วจะให้นางใส่ชุดแบบไหนไปคะ ชุดพวกราตรีแบบสาว ๆ นางไม่มีนะคะ มีแต่เสื้อยืดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีน” อันที่จริงอนงค์นางมีชุดกระโปรงกับเสื้อสวย ๆ ชุดแซคสำหรับใส่ออกงานกลางคืนเพราะแม่ของหญิงสาวนั้นเป็นคนแต่งตัวและอนงค์นางเองที่เรียนคหกรรมมาด้วยก็ผ่านงานพวกเสื้อผ้ามาบ้างเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ลองหาข้ออ้างเพื่อที่จะดูคำตอบของเขา
“งั้นออกไปหาซื้อกันตอนนี้เลยดีไหม”
“พี่ไม่ทำงานเหรอ”
“งานคืนนี้สำคัญกว่า”
“ออกตังค์ให้ด้วยใช่ไหมคะ”
“หักกับค่าวาดรูปที่จะไปทำที่บ้านพี่ได้ไหมละ”
“เขี้ยว”
“จ่ายให้ครึ่ง นางออกครึ่งหนึ่งแล้วกัน โอเคไหม”
อนงค์นางสั่นหัวดิก...
“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวนางยืมชุดของแม่ไปดีกว่า เพราะถ้าซื้อมา นางก็คงใส่งานนี้แค่ครั้งเดียว จ่ายเงินไปครึ่งหนึ่งอย่าไรก็ไม่คุ้มค่ะ..”
“เขี้ยว” เขาว่าอนงค์นางคืนบ้าง...
“เขี้ยวกับเขี้ยวนี่อยู่ด้วยกันได้ใช่ไหมคะ”
“อืม...น่าจะได้นะ...”
ส่งอนงค์นางเข้าบ้านแล้วแรกทีเดียววิษณุจักรอยากจะโทรหาเด็ก ๆ ในลิสต์ที่มีไว้แก้เหงาตามประสาคนหนุ่มที่มีความพร้อมทางด้านการเงิน แต่เมื่อนึกถึงฉากหวาน ๆ บนเวทีงานแต่งกับนึกถึงใบหน้าของอนงค์นางที่เดินเคียงข้างอยู่กับเขาในชุดหรูหรากว่าที่เขาคาดคิดไว้ เขาก็จำต้องขับรถกลับบ้าน บ้านหลังใหญ่ที่จะมีเขาเพียงคนเดียวอยู่อาศัย...มันถึงเวลาหรือยังนะที่จะมีแม่บ้านคอยดูแลบ้านมีแม่บ้านที่เป็นแม่ของลูกเขาด้วย เพื่อที่บ้านหลังใหญ่นี้คงจะไม่เงียบเหงาเกินไปนัก
และเมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยขณะจะล้มตัวลงนอน โทรศัพท์มือถือก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์ของผู้เป็นแม่ที่อยู่บ้านหลังเดิมกับพี่สาวของเขา
“แม่มีอะไรหรือครับโทรมาซะดึกดื่นเลย”
“ดึกที่ไหน สี่ทุ่มเอง แล้วนี่อยู่ไหน”
“เพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงครับ...”
“พาใครไปด้วย...สวยดีนะ”
“แม่เห็นด้วยเหรอ”
“มีคนโทรมาบอก”
“รวดเร็วดีจังเลย เร็วกว่าข่าวไทยรัฐอีก”
“ลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมแม่ไม่เคยเห็น”
วิษณุจักรเอ่ยชื่อร้านของบิดาอนงค์นาง
“แม่ไม่รู้จัก”
“ตอนนี้ก็ได้รู้จักแล้วนี่ครับ”
“อาจักร”
“แม่ครับ ผมขอเลือกเองได้ไหม” วิษณุจักรหมายถึงคู่ครองที่ผู้เป็นแม่พยายามหมายมั่นปั้นมือมาตลอดตั้งแต่เขาเรียนจบกลับมาทำงานจนกระทั่งออกมาสร้างบ้านแยกออกมาอยู่ตามลำพัง
“แล้วหนูจินละ เป็นอย่างไร ทางป้าของเค้าเชียร์ทางเราอยู่นะ เคยเห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน ปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร ลูกสาวคนเดียวนะ รวยขนาดนั้น”
“ผมกับเขาอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กัน”
“กับหนูจินดวงไม่ชงนะ แม่กับป้าเขาไปดูดวงให้แล้ว”
“เขาปฏิเสธผมอย่างไม่อ้อมค้อมมาแล้วครับ อย่าเสียเวลาเลย แล้วผมก็ไม่ชอบตามตื้อคนที่เขาไม่มีใจให้ด้วย...”
“แล้วคนนี้ละรวยแค่ไหน”
“เขาก็ลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน เรื่องจนคงไม่ถึงกับจนกรอบหรอกครับมีธุรกิจการงานทำกันมีตึกแถวอยู่ แต่ว่าจะเอารวยเท่าจินหรือเท่าที่แม่ต้องการคงไม่ได้หรอก...แล้วผมเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ด้วย”
“วันนี้เอาแต่ใจตัวเองแล้ววันหน้าจะมานั่งเสียดาย”
“เราสร้างกันขึ้นมาได้นะครับ ที่เรามีอยู่นี่มันมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเจ้าของกิจการทุกอย่างในเมืองนี้หรอกครับ”
“ไม่อยากพูดกับลื้อแล้ว...เอาเป็นว่าถ้าคิดจะจริงจังก็ต้องพามาให้แม่รู้จักไว้ก่อน ขอสัมภาษณ์ก่อน"
“ครับ งั้นวันนี้ผมขอตัวนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า...”
“อาจินนะอาจิน คนดีๆ ปล่อยให้หลุดมือไปได้ น่าเสียดายนัก..” อรุณีเปรยออกมาหลังจากที่วางโทรศัพท์ลง เอกรินทร์ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาตัวเดียวกันได้ยินหมดแล้วว่า ก่อนหน้านั้นทางแม่ของวิษณุจักรโทรมาคุยเรื่องอะไร แต่เขาก็ทำเป็นสนใจกับละครตรงหน้า และเขาก็มั่นใจว่าเมื่อแม่วางสายลงแล้วแม่จะต้องเหวี่ยงเรื่องของจรินนามาให้เขาแน่ ๆ
“ชีวิตเป็นของเขานะแม่ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
“แม่หวังดีนะ ทางวรนุชเขาก็ชอบจินอยู่ไม่น้อย ดูซิวิษณุจักรควงใครออกงานก็ไม่รู้...ลูกร้านกรอบรูปที่ไหนก็ไม่รู้ สวยหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“น้องนาง สวยดีครับ...”
“รู้จักด้วยเหรอ”
“รู้จักครับ น้องนางน่ารัก วิษณุจักรเขาอาจจะอยากได้คนน่ารักมากกว่าคนสวยนะครับ แล้วจินเองแม่ก็รู้ว่าถ้าลองบอกว่าไม่ ก็คือ ไม่ แล้วเขาก็ ไม่ จริง ๆ”
“แต่แม่เสียดายไม่หาย เรือล่มในหนองทองจะไปไหน รวยกับรวย...ลูกหลานสบายไปตลอดชาติ”
เอกรินทร์นิ่งเงียบไม่ต่อปากต่อคำ...แต่เขาก็เดาไว้ไม่ผิด ในที่สุดแม่ก็วกกลับมาหาเขาจนได้
“เอกละลูก เมื่อไหร่จะยอมไปกินเลี้ยงกับแม่บ้าง แม่จะได้แนะนำน้องออยลูกสาวร้านทองทองเอกให้รู้จักกันไว้ น่ารักนะลูก” ด้วยคุยกันเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แล้วเอกรินทร์ก็เคยขอร้องไว้ว่าถ้าอยากให้อยู่ช่วยทำงานที่บ้านก็อย่าได้คิดให้เขาไปดูตัวสาว ๆ ที่ไหนอีก และถ้าเขาจะมีแฟนสักคนเขาจะต้องหาเอง แต่จนป่านนี้ เขาก็ยังทำตัวเหมือนนักพรตคือไปทำงาน กลับบ้าน ออกเที่ยวเตร่กลางคืนกับเพื่อนฝูงบ้าง ไม่มีข่าวว่าควงสาวที่ไหนนอกจากจะไปเที่ยวไปหาอะไรกินกับจรินนาลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสนมกันมากเท่านั้น
เอกรินทร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่งรีโมทในมือไปวางข้างที่นั่งมารดา ส่งสัญญาณว่าเขาคงจะขอตัวขึ้นห้องนอนเพื่อพักผ่อนเก็บแรงไว้สำหรับทำงานให้ครอบครัวในวันพรุ่งนี้...
“ผมขอตัวนอนก่อนนะครับ ง่วงเต็มที”
“พูดเรื่องนี้แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที...” อรุณีว่าไล่หลัง แต่ลูกชายก็หาได้ต่อปากต่อคำ
เมื่อเดินเข้าห้องตัวเองมาแล้วเอกรินทร์ก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนหัวเตียงมาดูหน้าจอ...วันนี้เขาผิดเวลาโทรกลับไปหานาทีตามที่ได้สัญญาไว้ แต่ว่าก็ไม่มีสายเรียกเข้าจากนาทีมาทวงถามว่าทำไมเขาผิดนัด มันทำให้เขารู้สึกน้อยใจขึ้นมา หรือว่านาทีไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเขา เหมือนกับที่เขารู้สึก...
อารมณ์น้อยใจทำให้เอกรินทร์ตัดสินใจล้มตัวลงนอน แต่พอนึกได้ว่า เขาเป็นฝ่ายสัญญาว่าจะโทรหานาทีวันละหนึ่งครั้งก่อนนอน เขาก็ควรทำตามสัญญา...และพอนาทีรับสายด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นใจของเอกรินทร์ก็รู้สึกชุ่มฉ่ำขึ้นมาทันที
“วันนี้ทำไมโทรมาช้าจัง ทำอะไรอยู่ครับ”
“ดูโทรทัศน์เพลิน ๆ คุยกับแม่ไปด้วย แล้วนอนหรือยัง”
“นอนแล้ว แต่ยังไม่ได้ปิดไฟ ยังไม่หลับ อ่านหนังสือนิยายอยู่ ของพี่หิรัญญา เล่มใหม่ล่าสุด เพิ่งวางแผงสนุกดี ตลกด้วย...ชอบอ่านนิยายไหม”
“เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ ก็ไม่ค่อยได้จับ...”
“มันช่วยอะไรได้เยอะเหมือนกันนะ...อย่างน้อยก็ไม่เหงา ลุ้นไปกับชีวิตคนอื่นตื่นเต้นดี แล้วงานพี่ญานี่เขาจะกึ่ง ๆ ดราม่ามันได้อารมณ์ของคนแท้ ๆ ดี มีแง่คิดติดสมองนิดหน่อย”
“อืม งั้นน่าอ่าน ไปคราวหน้าจะยืมมาอ่านสักเรื่องนะ”
“ได้”
“หรือหนึ่งจะอ่านให้พี่ฟังดี”
“คืนเดียวอ่านได้ไม่จบเล่มแน่ ๆ”
“กี่คืนถึงจะจบ”
“เรื่องหนึ่งสงสัยจะสามสี่ปี เพราะพี่เอกจะมาหาเดือนละครั้งครั้งละคืนเองไม่ใช่เหรอ”
“ก็มีเวลาแค่นั้นจริง ๆ ...ใจจริงอยากจะอยู่ด้วยทุกวันทุกคืนเลยรู้ไหม”
“ปากหวานแท้”
“อย่างอื่นก็หวาน หนึ่งอยากลองไหม”
“พอ ๆ เลย”
“ทำไมเล่นตัวจังเลย รู้ไหม ว่าคืนนั้นพี่เอกเกือบคลั่งเลยนะ”
“ก็บอกก่อนที่จะมาเจอกันแล้วว่าหนึ่งยังไม่พร้อมเรื่องบนเตียงนะ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แล้วหนึ่งคิดว่าช่วงนี้มันดีที่สุดสำหรับความรักนะ...พี่เอกว่าอย่างนั้นไหม”
“หนึ่งว่าใช่พี่ก็ต้องว่าใช่...แล้วคิดถึงพี่เอกบ้างหรือเปล่า” เอกรินทร์เปลี่ยนเรื่องไปออดอ้อนแทน
“คิดถึงครับ”
“คิดถึงมากไหม”
“พอได้อยู่เหมือนกัน...”
“พอได้นี่แค่ไหน”
“ก็...ทำงานขาดสมาธิเลยทีเดียว...วันนี้เป็นไง ของขายดีไหม” นาทีรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเสียก่อนที่น้ำตาลจะขึ้น
“ไม่เอาไม่คุยเรื่องงานเรื่องเงิน คุยกันหวาน ๆ ก่อนนอนดีกว่า จะได้หลับฝันดี”
“อ้อนทุกวันไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่ชอบให้อ้อนเหรอ”
“ชอบซิ แต่ถ้าเยอะไปมันจะเลี่ยนแล้วก็เบื่อกันไปเสียก่อน”
“งั้นพี่ไม่อ้อนแล้ว นอนดีกว่า”
“แล้ววันนี้พี่เอกคิดถึงหนึ่งมากไหม”
“ไม่กลัวเลี่ยนเหรอ”
“อยากหลับฝันดี”
“คิดถึงใจจะขาด สุดสวาทขาดใจ แค่ได้ยินเสียงในสาย ใกล้ตายก็หายทุกที อยากหอมแก้มสักฟอดอยากกอดทางโทรศัพท์สักที ด้วยคำๆ นี้ คำว่า คิดถึงจัง" เอกรินทร์ร้องเป็นเพลง คิดถึงใจจะขาด ของไชโย ธนาวัฒน์ พลางดึงหมอนข้างมากอด พอร้องท่อนฮุกจบ เขาก็จูบหมอนเสียงดังส่งผลให้คนทางปลายสายเขินจนแก้มแดง...
ขณะนั่งพักกินขนมอยู่กับขจรเกียรติ อนงค์นางค์ก็เปรยขึ้นมาเบา ๆ ว่า “พี่เกียรติรู้สึกไหมว่า เดี๋ยวนี้พี่มหาของเราดูอารมณ์ดีผิดปกติ ทำงานไปร้องเพลงไป...บางทีก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียว นางว่าพี่มหาต้องมีความรักแน่ ๆ พี่รู้ไหมว่าเขาไปเจอใครที่ไหน...อย่างไร เล่ามา”
“เสียดายมหาขึ้นมาละซี่” ขจรเกียรติแกล้งเย้า
“ดีใจด้วยต่างหาก คนเรารักเขาข้างเดียวมันมีแต่ความทุกข์ ...พี่ดูหน้าพี่สุซิ ยิ้มชื่นซะที่ไหน แล้วเมื่อไหร่จะจีบพี่แกเสียที”
“ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรว่ะ” อันที่จริงตั้งแต่วันเกิดเรื่องชกต่อยกันเจ็บตัวขึ้นโรงพักเสียเงินเสียทองขจรเกียรติก็ตัดใจจากเมียเก่าได้เหมือนปลิดทิ้ง แล้วลูกยุของอนงค์นางก็ทำให้เขาค่อย ๆ ใคร่ครวญว่าจะเข้าไปจีบแม่หม้ายลูกติดอย่างไรถึงจะไม่น่าเกลียด เพราะก่อนหน้านั้น สุนันทาก็นับถือเขาอย่างพี่ชายไม่มีจริตสาวระหว่างคุยกัน เขาจึงเก้อเขินหากจะต้องเริ่มอย่างที่ได้รับปากกับอนงค์นางไว้
“ก็เริ่มต้นตอนนี้เลย ตักน้ำไปให้ แล้วก็ชวนกินขนม ถือขนมนี่ไปด้วย ทำเป็นอาทรห่วงใยทุก ๆ วัน เดี๋ยวพี่สุแกก็รู้สึกดี ๆ กับพี่เองแหละ”
“เอาอย่างนั้นนะ”
“น่า ไปเลยไป..เวลาจวนแจแล้วนะ” ตักน้ำจากกระติกใส่แก้วมีหูให้ขจรเกียรติแล้วอนงค์นางก็ส่งคัพเค็กให้อีกชิ้น...ก่อนจะดันหลังให้เขาเดินไปหาสุนันทา..และพอเห็นว่าขนมที่ตัวเองซื้อมาแบ่งปันกันกินยังเหลืออีกชิ้น อนงค์นางก็คิดถึงวิษณุจักรที่คุมคนงานอยู่ข้างบนอาคารขึ้นมา...
“พี่จักรอยู่ชั้นไหน...” อนงค์นางเลือกที่จะใช้เครื่องมือสื่อสารแทนการเดินตามหาเขาไปทีละชั้นทีละห้อง เพราะช่วงหลัง ๆ เขาก็ใช้เครื่องมือสื่อสารโทรมาหาอนงค์นางอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน โทรมาระบายเรื่องงานบ้าง โทรมาบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศบ้าง แม้มันจะยังดูสงวนท่าที แต่อนงค์นางรู้สึกว่าตอนนี้เขาเห็นเธอเป็นคนพิเศษของเขา
“มีอะไรหรือนาง”
“กินขนมเค้กไหม เค้กฝอยทองเหลืออีกชิ้น...นางจะถือเอาไปให้”
“ของเหลือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...จะกินหรือเปล่า นางถือขึ้นไปให้ได้นะ”
“ขึ้นมาซิ ข้างบนลมกำลังเย็น ๆ เลย มายืนรับลมซักหน่อยจะได้สดชื่น”
“ชั้นไหนละคะ”
“ชั้นแปดขึ้นมาแล้วซ้ายมือสุด...” บอกอนงค์นางแล้วเขาก็ตัดสายไป อนงค์นางถอนหายใจเบา ๆ ยิ้มแหย ๆ นึกโมโหตัวเองที่หาเรื่องเดือดร้อนเดินขึ้นบันไดไปตั้งแปดชั้น
ขณะที่กินขนมวิษณุก็ถามอนงค์นางว่า “คืนนี้ว่างไหมอยากชวนไปงานแต่งลูกของคู่ค้าด้วยกันหน่อย”
“ว่างค่ะ ที่ไหนคะ”
วิษณุจักรเอ่ยชื่อโรงแรมขนาดสามดาว...
“ได้ยินมาว่าที่นี่ อาหารแย่มาก ดีแต่สถานที่หรูหรา”
“เราก็กินพอเป็นพิธี พอเจ้าภาพเผลอเราก็แวบไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันข้างนอก ไปด้วยกันนะ”
อนงค์นางทำท่าครุ่นคิดก่อนจะบอกว่า “นางไม่รู้จะอ้างกับพ่อกับแม่ว่าอย่างไร อย่าลืมนะคะว่านางเป็นลูกสาวคนเดียว ความห่วงและหวงของพ่อกับแม่จึงมีมากเป็นพิเศษ”...
“แล้วนางเคยมีแฟนไหม”
“พี่จักรว่าสวย ๆ แบบนี้น่าจะเคยไหม”
พออนงค์นางปล่อยมุกมาแบบนี้วิษณุจักรก็เบ้หน้าระอากับคนหลงตัวเอง...อนงค์นางหัวเราะขำ ก่อนจะบอกว่า “หรือพี่จักรว่านางไม่สวย”
“ไม่สวยหรอก เรียกว่าน่ารัก”
“สวย ๆ ต้องแบบพี่จินใช่ไหมคะ”
“อืม..พี่จินเขาเป็นสาวมั่น สวยสง่างาม”
“เหมาะกับพี่จักรมากเลยนะคะ...” อนงค์นางแสร้งพูดไป ทั้งที่รู้ว่าจรินนานั้นปฏิเสธความสัมพันธ์ของตนกับวิษณุจักรให้ตัวเองได้รับรู้ไว้แล้ว วิษณุจักรถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่บนระเบียงห้องและมองออกไปข้างนอกเคียงกัน เขามองหน้าอนงค์นาง หญิงสาวจึงแสร้งเหลือกตาไปมาไม่ยอมสบตาของเขา
“เหมาะกัน แต่พออยู่ด้วยกันแล้วอาจจะไม่สวยก็ได้...บางทีของบางอย่างมันก็ต้องมีความขัดแย้ง...มันถึงจะดูลงตัว..”
“เหรอคะ”
“ตกลงไปกับพี่นะ รีบกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวหกโมงเย็นพี่จะรีบไปรับที่หน้าบ้านจะไปขอพ่อกับแม่ของนางด้วย ท่านจะได้ไม่ห่วง”
“แล้วจะให้นางใส่ชุดแบบไหนไปคะ ชุดพวกราตรีแบบสาว ๆ นางไม่มีนะคะ มีแต่เสื้อยืดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีน” อันที่จริงอนงค์นางมีชุดกระโปรงกับเสื้อสวย ๆ ชุดแซคสำหรับใส่ออกงานกลางคืนเพราะแม่ของหญิงสาวนั้นเป็นคนแต่งตัวและอนงค์นางเองที่เรียนคหกรรมมาด้วยก็ผ่านงานพวกเสื้อผ้ามาบ้างเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ลองหาข้ออ้างเพื่อที่จะดูคำตอบของเขา
“งั้นออกไปหาซื้อกันตอนนี้เลยดีไหม”
“พี่ไม่ทำงานเหรอ”
“งานคืนนี้สำคัญกว่า”
“ออกตังค์ให้ด้วยใช่ไหมคะ”
“หักกับค่าวาดรูปที่จะไปทำที่บ้านพี่ได้ไหมละ”
“เขี้ยว”
“จ่ายให้ครึ่ง นางออกครึ่งหนึ่งแล้วกัน โอเคไหม”
อนงค์นางสั่นหัวดิก...
“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวนางยืมชุดของแม่ไปดีกว่า เพราะถ้าซื้อมา นางก็คงใส่งานนี้แค่ครั้งเดียว จ่ายเงินไปครึ่งหนึ่งอย่าไรก็ไม่คุ้มค่ะ..”
“เขี้ยว” เขาว่าอนงค์นางคืนบ้าง...
“เขี้ยวกับเขี้ยวนี่อยู่ด้วยกันได้ใช่ไหมคะ”
“อืม...น่าจะได้นะ...”
ส่งอนงค์นางเข้าบ้านแล้วแรกทีเดียววิษณุจักรอยากจะโทรหาเด็ก ๆ ในลิสต์ที่มีไว้แก้เหงาตามประสาคนหนุ่มที่มีความพร้อมทางด้านการเงิน แต่เมื่อนึกถึงฉากหวาน ๆ บนเวทีงานแต่งกับนึกถึงใบหน้าของอนงค์นางที่เดินเคียงข้างอยู่กับเขาในชุดหรูหรากว่าที่เขาคาดคิดไว้ เขาก็จำต้องขับรถกลับบ้าน บ้านหลังใหญ่ที่จะมีเขาเพียงคนเดียวอยู่อาศัย...มันถึงเวลาหรือยังนะที่จะมีแม่บ้านคอยดูแลบ้านมีแม่บ้านที่เป็นแม่ของลูกเขาด้วย เพื่อที่บ้านหลังใหญ่นี้คงจะไม่เงียบเหงาเกินไปนัก
และเมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยขณะจะล้มตัวลงนอน โทรศัพท์มือถือก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์ของผู้เป็นแม่ที่อยู่บ้านหลังเดิมกับพี่สาวของเขา
“แม่มีอะไรหรือครับโทรมาซะดึกดื่นเลย”
“ดึกที่ไหน สี่ทุ่มเอง แล้วนี่อยู่ไหน”
“เพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงครับ...”
“พาใครไปด้วย...สวยดีนะ”
“แม่เห็นด้วยเหรอ”
“มีคนโทรมาบอก”
“รวดเร็วดีจังเลย เร็วกว่าข่าวไทยรัฐอีก”
“ลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมแม่ไม่เคยเห็น”
วิษณุจักรเอ่ยชื่อร้านของบิดาอนงค์นาง
“แม่ไม่รู้จัก”
“ตอนนี้ก็ได้รู้จักแล้วนี่ครับ”
“อาจักร”
“แม่ครับ ผมขอเลือกเองได้ไหม” วิษณุจักรหมายถึงคู่ครองที่ผู้เป็นแม่พยายามหมายมั่นปั้นมือมาตลอดตั้งแต่เขาเรียนจบกลับมาทำงานจนกระทั่งออกมาสร้างบ้านแยกออกมาอยู่ตามลำพัง
“แล้วหนูจินละ เป็นอย่างไร ทางป้าของเค้าเชียร์ทางเราอยู่นะ เคยเห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน ปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร ลูกสาวคนเดียวนะ รวยขนาดนั้น”
“ผมกับเขาอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กัน”
“กับหนูจินดวงไม่ชงนะ แม่กับป้าเขาไปดูดวงให้แล้ว”
“เขาปฏิเสธผมอย่างไม่อ้อมค้อมมาแล้วครับ อย่าเสียเวลาเลย แล้วผมก็ไม่ชอบตามตื้อคนที่เขาไม่มีใจให้ด้วย...”
“แล้วคนนี้ละรวยแค่ไหน”
“เขาก็ลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน เรื่องจนคงไม่ถึงกับจนกรอบหรอกครับมีธุรกิจการงานทำกันมีตึกแถวอยู่ แต่ว่าจะเอารวยเท่าจินหรือเท่าที่แม่ต้องการคงไม่ได้หรอก...แล้วผมเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ด้วย”
“วันนี้เอาแต่ใจตัวเองแล้ววันหน้าจะมานั่งเสียดาย”
“เราสร้างกันขึ้นมาได้นะครับ ที่เรามีอยู่นี่มันมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเจ้าของกิจการทุกอย่างในเมืองนี้หรอกครับ”
“ไม่อยากพูดกับลื้อแล้ว...เอาเป็นว่าถ้าคิดจะจริงจังก็ต้องพามาให้แม่รู้จักไว้ก่อน ขอสัมภาษณ์ก่อน"
“ครับ งั้นวันนี้ผมขอตัวนอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า...”
“อาจินนะอาจิน คนดีๆ ปล่อยให้หลุดมือไปได้ น่าเสียดายนัก..” อรุณีเปรยออกมาหลังจากที่วางโทรศัพท์ลง เอกรินทร์ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาตัวเดียวกันได้ยินหมดแล้วว่า ก่อนหน้านั้นทางแม่ของวิษณุจักรโทรมาคุยเรื่องอะไร แต่เขาก็ทำเป็นสนใจกับละครตรงหน้า และเขาก็มั่นใจว่าเมื่อแม่วางสายลงแล้วแม่จะต้องเหวี่ยงเรื่องของจรินนามาให้เขาแน่ ๆ
“ชีวิตเป็นของเขานะแม่ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
“แม่หวังดีนะ ทางวรนุชเขาก็ชอบจินอยู่ไม่น้อย ดูซิวิษณุจักรควงใครออกงานก็ไม่รู้...ลูกร้านกรอบรูปที่ไหนก็ไม่รู้ สวยหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“น้องนาง สวยดีครับ...”
“รู้จักด้วยเหรอ”
“รู้จักครับ น้องนางน่ารัก วิษณุจักรเขาอาจจะอยากได้คนน่ารักมากกว่าคนสวยนะครับ แล้วจินเองแม่ก็รู้ว่าถ้าลองบอกว่าไม่ ก็คือ ไม่ แล้วเขาก็ ไม่ จริง ๆ”
“แต่แม่เสียดายไม่หาย เรือล่มในหนองทองจะไปไหน รวยกับรวย...ลูกหลานสบายไปตลอดชาติ”
เอกรินทร์นิ่งเงียบไม่ต่อปากต่อคำ...แต่เขาก็เดาไว้ไม่ผิด ในที่สุดแม่ก็วกกลับมาหาเขาจนได้
“เอกละลูก เมื่อไหร่จะยอมไปกินเลี้ยงกับแม่บ้าง แม่จะได้แนะนำน้องออยลูกสาวร้านทองทองเอกให้รู้จักกันไว้ น่ารักนะลูก” ด้วยคุยกันเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แล้วเอกรินทร์ก็เคยขอร้องไว้ว่าถ้าอยากให้อยู่ช่วยทำงานที่บ้านก็อย่าได้คิดให้เขาไปดูตัวสาว ๆ ที่ไหนอีก และถ้าเขาจะมีแฟนสักคนเขาจะต้องหาเอง แต่จนป่านนี้ เขาก็ยังทำตัวเหมือนนักพรตคือไปทำงาน กลับบ้าน ออกเที่ยวเตร่กลางคืนกับเพื่อนฝูงบ้าง ไม่มีข่าวว่าควงสาวที่ไหนนอกจากจะไปเที่ยวไปหาอะไรกินกับจรินนาลูกพี่ลูกน้องที่สนิทสนมกันมากเท่านั้น
เอกรินทร์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่งรีโมทในมือไปวางข้างที่นั่งมารดา ส่งสัญญาณว่าเขาคงจะขอตัวขึ้นห้องนอนเพื่อพักผ่อนเก็บแรงไว้สำหรับทำงานให้ครอบครัวในวันพรุ่งนี้...
“ผมขอตัวนอนก่อนนะครับ ง่วงเต็มที”
“พูดเรื่องนี้แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที...” อรุณีว่าไล่หลัง แต่ลูกชายก็หาได้ต่อปากต่อคำ
เมื่อเดินเข้าห้องตัวเองมาแล้วเอกรินทร์ก็รีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนหัวเตียงมาดูหน้าจอ...วันนี้เขาผิดเวลาโทรกลับไปหานาทีตามที่ได้สัญญาไว้ แต่ว่าก็ไม่มีสายเรียกเข้าจากนาทีมาทวงถามว่าทำไมเขาผิดนัด มันทำให้เขารู้สึกน้อยใจขึ้นมา หรือว่านาทีไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเขา เหมือนกับที่เขารู้สึก...
อารมณ์น้อยใจทำให้เอกรินทร์ตัดสินใจล้มตัวลงนอน แต่พอนึกได้ว่า เขาเป็นฝ่ายสัญญาว่าจะโทรหานาทีวันละหนึ่งครั้งก่อนนอน เขาก็ควรทำตามสัญญา...และพอนาทีรับสายด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นใจของเอกรินทร์ก็รู้สึกชุ่มฉ่ำขึ้นมาทันที
“วันนี้ทำไมโทรมาช้าจัง ทำอะไรอยู่ครับ”
“ดูโทรทัศน์เพลิน ๆ คุยกับแม่ไปด้วย แล้วนอนหรือยัง”
“นอนแล้ว แต่ยังไม่ได้ปิดไฟ ยังไม่หลับ อ่านหนังสือนิยายอยู่ ของพี่หิรัญญา เล่มใหม่ล่าสุด เพิ่งวางแผงสนุกดี ตลกด้วย...ชอบอ่านนิยายไหม”
“เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้ ก็ไม่ค่อยได้จับ...”
“มันช่วยอะไรได้เยอะเหมือนกันนะ...อย่างน้อยก็ไม่เหงา ลุ้นไปกับชีวิตคนอื่นตื่นเต้นดี แล้วงานพี่ญานี่เขาจะกึ่ง ๆ ดราม่ามันได้อารมณ์ของคนแท้ ๆ ดี มีแง่คิดติดสมองนิดหน่อย”
“อืม งั้นน่าอ่าน ไปคราวหน้าจะยืมมาอ่านสักเรื่องนะ”
“ได้”
“หรือหนึ่งจะอ่านให้พี่ฟังดี”
“คืนเดียวอ่านได้ไม่จบเล่มแน่ ๆ”
“กี่คืนถึงจะจบ”
“เรื่องหนึ่งสงสัยจะสามสี่ปี เพราะพี่เอกจะมาหาเดือนละครั้งครั้งละคืนเองไม่ใช่เหรอ”
“ก็มีเวลาแค่นั้นจริง ๆ ...ใจจริงอยากจะอยู่ด้วยทุกวันทุกคืนเลยรู้ไหม”
“ปากหวานแท้”
“อย่างอื่นก็หวาน หนึ่งอยากลองไหม”
“พอ ๆ เลย”
“ทำไมเล่นตัวจังเลย รู้ไหม ว่าคืนนั้นพี่เอกเกือบคลั่งเลยนะ”
“ก็บอกก่อนที่จะมาเจอกันแล้วว่าหนึ่งยังไม่พร้อมเรื่องบนเตียงนะ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แล้วหนึ่งคิดว่าช่วงนี้มันดีที่สุดสำหรับความรักนะ...พี่เอกว่าอย่างนั้นไหม”
“หนึ่งว่าใช่พี่ก็ต้องว่าใช่...แล้วคิดถึงพี่เอกบ้างหรือเปล่า” เอกรินทร์เปลี่ยนเรื่องไปออดอ้อนแทน
“คิดถึงครับ”
“คิดถึงมากไหม”
“พอได้อยู่เหมือนกัน...”
“พอได้นี่แค่ไหน”
“ก็...ทำงานขาดสมาธิเลยทีเดียว...วันนี้เป็นไง ของขายดีไหม” นาทีรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเสียก่อนที่น้ำตาลจะขึ้น
“ไม่เอาไม่คุยเรื่องงานเรื่องเงิน คุยกันหวาน ๆ ก่อนนอนดีกว่า จะได้หลับฝันดี”
“อ้อนทุกวันไม่เบื่อเหรอ”
“ไม่ชอบให้อ้อนเหรอ”
“ชอบซิ แต่ถ้าเยอะไปมันจะเลี่ยนแล้วก็เบื่อกันไปเสียก่อน”
“งั้นพี่ไม่อ้อนแล้ว นอนดีกว่า”
“แล้ววันนี้พี่เอกคิดถึงหนึ่งมากไหม”
“ไม่กลัวเลี่ยนเหรอ”
“อยากหลับฝันดี”
“คิดถึงใจจะขาด สุดสวาทขาดใจ แค่ได้ยินเสียงในสาย ใกล้ตายก็หายทุกที อยากหอมแก้มสักฟอดอยากกอดทางโทรศัพท์สักที ด้วยคำๆ นี้ คำว่า คิดถึงจัง" เอกรินทร์ร้องเป็นเพลง คิดถึงใจจะขาด ของไชโย ธนาวัฒน์ พลางดึงหมอนข้างมากอด พอร้องท่อนฮุกจบ เขาก็จูบหมอนเสียงดังส่งผลให้คนทางปลายสายเขินจนแก้มแดง...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ส.ค. 2555, 19:53:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ส.ค. 2555, 21:28:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 2611
<< 17.2 “หนึ่งเป็นผู้หญิง หนึ่งก็ทำตัวสวย ๆ รอรับสายเขาอย่างเดียว..5555+” | 18.2 “เปิดหู เปิดตา เปิดใจบ้างพี่ มองคนที่เขามองเราดีกว่านะ” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 14 ส.ค. 2555, 19:55:20 น.
พอดี....อยากนำเสนอคู่วาย เลยรีบลง 55555555 เจอคำผิดก็บอกด้วยนะครับ...ต้นฉบับจะได้สมบูรณ์ครับ ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจอีกครั้งครับ ใกล้จะขมวดจบแล้วเพราะคงไม่เกินสามสิบตอน แต่ยังหาแลนดิ้งไม่ได้เลย....อว๊ากกกกกกกก
พอดี....อยากนำเสนอคู่วาย เลยรีบลง 55555555 เจอคำผิดก็บอกด้วยนะครับ...ต้นฉบับจะได้สมบูรณ์ครับ ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจอีกครั้งครับ ใกล้จะขมวดจบแล้วเพราะคงไม่เกินสามสิบตอน แต่ยังหาแลนดิ้งไม่ได้เลย....อว๊ากกกกกกกก



รอให้เป็นเล่ม 14 ส.ค. 2555, 20:16:01 น.
มาเป็นคนที่สอง...
มาเป็นคนที่สอง...

lookAme 14 ส.ค. 2555, 20:57:32 น.
คนที่ 3
คนที่ 3

overtime 14 ส.ค. 2555, 21:14:37 น.
อร๊ายยยยยยยย เขิลคู่วาย
อร๊ายยยยยยยย เขิลคู่วาย

konhin 14 ส.ค. 2555, 21:19:59 น.
หวานโครตๆ
หวานโครตๆ

คิมหันตุ์ 14 ส.ค. 2555, 21:25:05 น.
มุข วายของคุณเฟื่องนี่...หวานกว่า คู่หนุ่มสาวตลอดเลยนะจ๊ะ กริ้ววววววววว
ปล.คนที่เท่าไรไม่รู้
มุข วายของคุณเฟื่องนี่...หวานกว่า คู่หนุ่มสาวตลอดเลยนะจ๊ะ กริ้ววววววววว

ปล.คนที่เท่าไรไม่รู้

imsoul 14 ส.ค. 2555, 21:58:04 น.
สวีมกันได้หวานมากกกก
สวีมกันได้หวานมากกกก

wii 14 ส.ค. 2555, 22:04:44 น.
ขอให้คู่วายสมหวังนะ
ขอให้คู่วายสมหวังนะ

pseudolife 14 ส.ค. 2555, 22:37:25 น.
ครุคริ น่ารักมากค่า
ครุคริ น่ารักมากค่า

nateetip 14 ส.ค. 2555, 22:48:25 น.
ว้ายว้ายว้าย...น่ารักมากค่ะ..ดีใจได้อ่านอีกตอน มาไวไวอีกนะคะ
ว้ายว้ายว้าย...น่ารักมากค่ะ..ดีใจได้อ่านอีกตอน มาไวไวอีกนะคะ

Orathai 15 ส.ค. 2555, 01:13:52 น.
อ่านแล้วก็เขินเหมือนกันค่ะ น่ารักจริงๆ
อ่านแล้วก็เขินเหมือนกันค่ะ น่ารักจริงๆ


คนเหงา 15 ส.ค. 2555, 08:34:06 น.
คู่วาย..หวานจริงๆ เลย นะ
คู่วาย..หวานจริงๆ เลย นะ

goldensun 15 ส.ค. 2555, 10:11:30 น.
จักรเริ่มคิดสร้างครอบครัวแล้ว ดีจัง ส่วนคู่วายก็หวานไม่เกรงใจใครเลย
จักรเริ่มคิดสร้างครอบครัวแล้ว ดีจัง ส่วนคู่วายก็หวานไม่เกรงใจใครเลย

หนอนฮับ 15 ส.ค. 2555, 17:02:07 น.
หวานจริง ชิ! อิจฉา
หวานจริง ชิ! อิจฉา

ปริยฉัตร 16 ส.ค. 2555, 08:07:33 น.
นั่งเขินจนไม่รู้จักทำยังไงดีแล้ว
นั่งเขินจนไม่รู้จักทำยังไงดีแล้ว

Zephyr 22 ส.ค. 2555, 21:58:13 น.
คู่วายขโมยซีน 55
คู่วายขโมยซีน 55