ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 19.2 “พาขึ้นสวรรค์อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง...”
คุณบรรจงต้องแปลกใจเมื่อเห็นรูปนางละครลวดลายวิจิตรตระการตาอยู่ในกรอบไม้สวยงามติดอยู่ที่ผนังบ้านด้านหนึ่ง..และเมื่อเดินไปเพ่งพิศใกล้ ๆ จึงได้เห็นว่าใบหน้าของนางละครนั้นคือใบหน้าของลูกสาวตัวเอง ริมฝีปากบางจึงแย้มอย่างพึงใจและพอไล่สายตาดูลายเซ็นต์ใต้ภาพคุณบรรจงก็หัวเราะเบา ๆ
“สวยไหมคะคุณพ่อ” ลูกสาวที่ลงมาจากชั้นบนเมื่อได้ยินเสียงรถร้องถาม...
“สวยมากเลยลูก ไปเป็นแบบให้อาจารย์เขาวาดตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่าค่ะ ‘จารย์เขาวาดจากความทรงจำของเขา”
ผู้เป็นพ่อหันไปมองหน้าลูกสาวที่ตอนนี้ตาเป็นประกายทีเดียว...
“แล้วใครติดรูปนี้ให้...”
“วันนี้อาจารย์เขาเอารูปมาส่ง เขาติดสว่านไฟฟ้ามาด้วย จินอยากติดตรงนี้ เขาก็จัดการให้ทันที”
“แล้วให้ค่าตอบแทนเขาไปเท่าไหร่”
“รูปนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่เลยมาแล้วค่ะ...ส่วนค่าตอบแทนที่ติดรูปให้ก็เป็นข้าวเย็นหนึ่งมื้อ” ซึ่งมันเป็นมื้อที่ จรินนารู้สึกว่าเธอกินข้าวได้อร่อยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากความเป็นกันเอง ความขี้เล่น แบบมุกนิ่ง ๆ ของเขาแล้ว ดวงตาของเขาที่ระเรี่ยอยู่ที่ใบหน้าของเธอนั้นมันทำให้เธอแทบละลายลงตรงหน้าเขาทีเดียว
“ลูกว่าอาจารย์เดชาพงษ์เป็นคนอย่างไร”
“จินน่าจะถามป๊ามากกว่าเพราะป๊ารู้จักเขามาก่อนจิน”
“ชอบเขาไหม”
“ป๊าถามตรงไปหรือเปล่า”
“ป๊าไปเผลอให้เขามาจีบลูกสาวป๊าได้อย่างไรนะ...”
“ป๊าอ่ะ อย่าล้อ เขายังไม่ได้พูดอะไรลึกซึ้งเลยป๊า...แต่เปรย ๆ มาว่ากังวลเรื่องฐานะตัวเอง แล้วป๊ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง”
“ไปนั่งคุยกันดีกว่า..ป๊าเมื่อย” ว่าแล้วผู้เป็นพ่อก็เดินไปยังโซฟาโดยมีลูกสาวเกาะแขนตามไปด้วย...
“ป๊าไม่ได้สนใจเรื่องฐานะอะไรของเขาหรอกนะลูก ปัจจุบันนี้ป๊าก็พอใจกับความประพฤตินิสัยใจคอและหน้าที่การงานของเขา ถ้าลูกชอบเขา ป๊าก็ไฟเขียว”
“คงต้องดูอีกสักพัก ยังไม่ขอสรุป”
“เพราะสรุปแล้วสุดท้ายก็ต้องลงเอยกัน...”
“ป๊าอ่ะ”
“ป๊าเอาดวงลูกกับดวงเขาไปให้ซินแสดูแล้วนะ ไม่ชงกันด้วย”
“ป๊า!! ป๊านี่ร้ายจริง ๆ”
“ป๊ามีลูกคนเดียว และลูกคนเดียวของป๊าจะต้องมีความสุขที่สุดด้วย...หลังจากที่โรงแรมเปิดแล้ว งานอยู่ตัวแล้ว ถ้าลูกจะแต่งงานป๊าก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี...และถ้าได้แต่งกับคนดีมีศีลธรรม ป๊าก็จะได้นอนตายตาหลับ...”
“พี่เอก ตอนที่ป๊าพูดอย่างนั้นจินใจหายวาบเลย เกือบกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แน่ะ” หลังจากแยกย้ายกันเข้าห้องพักแล้วจรินนาก็โทรหาเอกรินทร์ทันทีเพราะยังมีเรื่องกังขาที่ต้องให้เขาช่วยเหลือด้วย
“อาเจ๊กก็พูดไปตามประสาคนมีอายุ อย่าคิดอะไรมาก”
“ป๊าใส่ใจศาสนาจนจินรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรแน่ ๆ...ป๊าป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า พี่เอกพอรู้ไหม”
“ก็เห็นแข็งแรงดี ถ้าจะมีก็คงเป็นพวก ความดัน เบาหวาน ปวดเมื่อยตามร่างกายตามประสาคนแก่ ยิ่งเข้าวัดด้วยก็เลยพูดอย่างคนที่ปลงได้ออกมามั้งอย่าคิด
ฟุ้งซ่านเลย”
“แล้ววันเสาร์นี้ พี่หนึ่งมาแน่เหรอ”
“มาแน่นอน เขาเคยมานครสวรรค์เมื่อวันที่แพรวแต่งงานแล้วก็ยังไม่ทันได้เที่ยวเลย ต้องรีบกลับ ก็เลยอยากมาอีกให้พี่พาเที่ยวทั่ว ๆ”
“แล้วพี่เอกจะพาพี่หนึ่งไปเที่ยวไหน บ้านเราไม่เห็นมีอะไรเลย”
“พาขึ้นสวรรค์อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง...”
“บ้า...”
ผู้หญิงลองไอ้เอ่ยคำนี้ออกมาแสดงว่าเขิน...แล้วเอกรินทร์ต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“ได้ข่าวว่าป่าหิมพานต์ของอาจารย์เดชาพงษ์สวยมาก ว่าง ๆ ต้องแวะไปดูซักหน่อย”
“อย่างไรก็ต้องได้ไปอยู่แล้วค่ะ ป๊าว่าก่อนเปิดให้บริการต้องทำบุญถวายเพลพระเอาฤกษ์เอาชัยด้วย..อ้อ...พี่เอกสืบเรื่องคำทำนายของน้องหนูนาที่ทำนายเรื่องเนื้อคู่ของอาจารย์เดชาพงษ์ให้หน่อยซิ”
“พี่จะสืบจากไหน”
“ก็จากพี่หนึ่งไง นะช่วยหน่อย จินว่าไม่เกินความสามารถของพี่แน่ ๆ แต่ว่ามันต้องเนียน ๆ หน่อยนะอย่าไปบอกพี่หนึ่งละว่า จินบอกให้สืบ”
“เท่าที่หนึ่งเล่านะ หนูนาเคยทำนายว่าผู้การจะเจอคนบ้านเดียวกัน คนบ้านเดียวกันจะไปหาที่สัตหีบ แล้วแพรวก็ไปหาข้อมูลเพื่อเขียนนิยายจริง ๆ สุดท้ายก็ลงเอยกัน แล้วตอนหลังหนูนาก็มาจับมือน้องแพรวว่าจะได้ย้ายที่อยู่ สุดท้ายก็ได้แต่งงานย้ายที่อยู่จริง ๆ”
“แล้วทำไมน้องหนูนาถึงดูดวงไม่ได้อีก”
“หนึ่งไม่ได้เล่านะ ถ้ารู้ก็คงเล่าไปแล้ว”
“งั้นพี่เอกช่วยจินเรื่องคำทำนายของพี่กล้วยนะ”
“พี่กล้วย...สนิทสนมกันซะ” เอกรินทร์ทำเสียงล้อเลียน
“ก็นะ...ป๊าไปดูดวงมาแล้วด้วยนะ บอกว่าไม่ชงกัน”
“สนับสนุนน่าดู...”
“ป๊าบอกว่า อยากได้คนดีมีศีลธรรมมาเป็นลูกเขย เหมือนจะง่ายแต่มันไม่ง่ายและตอนนี้ก็มีเขาคนเดียวที่เข้าข่าย”
“ถึงอาเจ็กบอกว่าไม่เข้าข่าย ถ้าจินชอบซะอย่างพี่ว่าใครก็ขวางไม่ได้หรอก...ใช่ไหม”
เมื่องานในโรงแรมหิมพานต์ส่วนที่ต้องรับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยอนงค์นางก็พักสมองและสายตาอยู่สองวันและพอวันที่สามซึ่งเป็นวันเสาร์ เป็นวันที่วิษณุจักรไม่ได้เข้าไปดูงานในโรงแรมอนงค์นางก็ถือโอกาสนั้นนัดหมายกับเขาไปทำงานที่เขาได้ว่าจ้างไว้ โดยงานนี้อนงค์นางก็ระแวดระวังตัวกลัวว่าจะเป็นการเข้าถ้ำเสือครั้นจะชวนสุนันทามาเป็นเพื่อน ตอนนี้สุนันทาเองก็วุ่นวายกับงานร้านดอกไม้เพราะคนงานดันลาออกกะทันหัน
แต่เมื่อเห็นป้าสำลีแม่บ้านที่มาทำงานเช้าไปเย็นกลับอยู่ด้วย อนงค์นางก็คลายความกังวลไปได้มากโข แต่ปัญหาของอนงค์นางในตอนนี้คือเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดลำลองกางเกงขาสั้นสีดำเสื้อยืดคอกลมสีขาวมีลายการ์ตูนเพ็นท์อยู่ด้านหน้าอกนั้นลากเก้าอี้ที่มีพนักพิงสูงมานั่งจ้องดูเธอลงแบบร่างชนิดไม่กระพริบตาทีเดียว...
“ไม่ออกไปไหนหรือคะ” แม้จะสนิทสนมกันมาก แม้จะรู้ว่าเขาเปิดใจมาไม่น้อย แม้จะเคยอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจในผับคืนนั้น แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้พูดสารภาพความรู้สึกลึก ๆ ออกมา ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจึงเป็นเหมือนพี่น้องคนพิเศษที่จะเรียกว่ามองตาก็เข้าใจกันก็ได้
“ก็นางมาบ้านพี่ พี่ก็ต้องอยู่เฝ้า”
“เฝ้ามากไปแล้วค่ะ นางเกร็ง ออกไปหาอะไรทำบ้างก็ได้นะ”
“อยากเห็นตั้งแต่จรดปลายดินสอครั้งแรกจนกระทั่งงานเสร็จเลย บ้านพี่นะครับพี่ก็อยากจดจำทุกรายละเอียด”
เหตุผลของเขาเข้าที แต่อนงค์นางอยากจะบอกกับเขาว่าตอนนี้เธอเขินที่มีสายตาของเขาจับจ้องอยู่ อนงค์นางพยายามรวบรวมสมาธิ โดยไม่สนใจว่ามีเขานั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ กระทั่งเวลาผ่านไป หันไปอีกทีอนงค์นางก็เห็นว่าเขาหลับคอพับคาเก้าอี้และด้วยนึกสนุกอนงค์นางจึงต้องค่อย ๆ ปีนลงจากนั่งร้านที่ไม่สูงนักมาคว้าสีหยิบพู่กันมาจุ่มน้ำในแก้วบีบสีออกจากหลอดมานิดหน่อยก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายพู่กันแตะสีแล้วนำมาป้ายที่เหนือริมฝีปากบางได้รูปของเขา
..ทีแรกเขาก็มีปฏิกิริยาปัดป้องกระทั่งมือขาว ๆ ของเขามาลูบไล้สีอย่างคนละเมอ มันจึงเลอะหน้าของเขายิ่งขึ้น เมื่อแกล้งเขาสำเร็จแล้ว อนงค์นางก็เดินลงจากชั้นสองอย่างแผ่วเบา และหญิงสาวก็ได้ยินเสียงป้าสำลีคุยโทรศัพท์กับใครสักคนหนึ่ง แรกทีเดียวอนงค์นางกะว่าจะแสดงตัว แต่เมื่อป้าสำลีพูดเสียงแจ้ว ๆ ว่า
“ชื่ออนงค์นางค่ะ สวยน่ารักดี จะเข้ามาดูตัวเหรอคะ คงอยู่ทั้งวันแหละ มาได้เลยค่ะ คุณจักรนั่งเฝ้าอยู่ข้างบนไม่ยอมลงมาข้างล่างเลย ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ..จะอยู่กันท่าที่นี่แหละ” อนงค์นางจึงต้องชะงักเท้าถอนหายใจเบา ๆ
และพอนางสำลียัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า อนงค์นางจึงปล่อยเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่จึงได้แสดงตัวเข้าไปทักแบบจู่โจม...โดยอนงค์นางไม่รู้ว่าป้าสำลีนั้นบ้าจี้
“ทำอะไรหรือป้า”
“ว๊าย..ตาเถรหกคะเมนตีลังกา” และพอตั้งสติได้นางสำลีก็ถดตัวหนี...อนงค์นางที่หัวเราะคิก ๆ และไหนๆ ก็เข้าถ้ำเสือมาแล้ว เธอก็ต้องทำใจดีสู้เสือ...“เมื่อกี้นางได้ยินป้าโทรคุยกับใคร เอ่ยถึงนางด้วย”
นางสำลีทำหน้าเหรอหราขึ้นมา...แต่ด้วยนึกเอ็นดูหญิงสาวนางสำลีจึงบอกว่า
“แม่คุณจักรน่ะ สั่งให้ป้าเป็นสายลับคอยรายงานความเคลื่อนไหว”
“ท่านคงหวงลูกชายของท่านมากซินะ”
“มากเชียวแหละ”
“แล้วคุณจักรเคยพาผู้หญิงเข้าบ้านไหมป้า”
“มีแต่เพื่อนผู้ชาย นาน ๆ จะมาสังสรรค์กันสักที หรือไม่ ก็มากันกลุ่มใหญ่ชายหญิงผัวเมียกัน ไม่รู้ใครเป็นใครบ้าง”
“คนพิเศษอะไรประมาณนี้ละมีไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้ววันนี้ป้าทำอะไรกิน”
“มื้อกลางวันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ว่าจะขึ้นไปถามคุณจักรอยู่พอดี ลำพังถ้าป้าเฝ้าบ้านก็ทำน้ำพริกผักต้มปลาทอดไข่ต้มกินเอง”
“แล้วเมื่อเช้านี้ละ”
“วันนี้วันหยุดคุณจักร ป้าเลยต้องมาแต่เช้าทำข้าวต้มเครื่องไว้ให้ แต่ปกติตอนเช้า ๆ คุณจักรเขาก็กินกาแฟกับพวกขนมปังหรือไม่ก็ไข่ดาวไข่ลวกฟองสองฟองหรือไม่ก็พวกเบค่อนไส้กรอกที่เขาหามาติดตู้เย็นไว้เอง เขาดูแลตัวเองได้...ส่วนมื้อเย็นก็เขาหาใส่ท้องมาจากนอกบ้านเพราะป้าต้องกลับบ้านป้าตั้งแต่สามโมงสี่โมงเย็น”
อนงค์นางรับฟังเรื่องราวส่วนตัวด้วยใบหน้าสดใส...และหมายมั่นไว้ในใจว่าเธอจะต้องเข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ให้ได้
“สวยไหมคะคุณพ่อ” ลูกสาวที่ลงมาจากชั้นบนเมื่อได้ยินเสียงรถร้องถาม...
“สวยมากเลยลูก ไปเป็นแบบให้อาจารย์เขาวาดตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เปล่าค่ะ ‘จารย์เขาวาดจากความทรงจำของเขา”
ผู้เป็นพ่อหันไปมองหน้าลูกสาวที่ตอนนี้ตาเป็นประกายทีเดียว...
“แล้วใครติดรูปนี้ให้...”
“วันนี้อาจารย์เขาเอารูปมาส่ง เขาติดสว่านไฟฟ้ามาด้วย จินอยากติดตรงนี้ เขาก็จัดการให้ทันที”
“แล้วให้ค่าตอบแทนเขาไปเท่าไหร่”
“รูปนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่เลยมาแล้วค่ะ...ส่วนค่าตอบแทนที่ติดรูปให้ก็เป็นข้าวเย็นหนึ่งมื้อ” ซึ่งมันเป็นมื้อที่ จรินนารู้สึกว่าเธอกินข้าวได้อร่อยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากความเป็นกันเอง ความขี้เล่น แบบมุกนิ่ง ๆ ของเขาแล้ว ดวงตาของเขาที่ระเรี่ยอยู่ที่ใบหน้าของเธอนั้นมันทำให้เธอแทบละลายลงตรงหน้าเขาทีเดียว
“ลูกว่าอาจารย์เดชาพงษ์เป็นคนอย่างไร”
“จินน่าจะถามป๊ามากกว่าเพราะป๊ารู้จักเขามาก่อนจิน”
“ชอบเขาไหม”
“ป๊าถามตรงไปหรือเปล่า”
“ป๊าไปเผลอให้เขามาจีบลูกสาวป๊าได้อย่างไรนะ...”
“ป๊าอ่ะ อย่าล้อ เขายังไม่ได้พูดอะไรลึกซึ้งเลยป๊า...แต่เปรย ๆ มาว่ากังวลเรื่องฐานะตัวเอง แล้วป๊ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง”
“ไปนั่งคุยกันดีกว่า..ป๊าเมื่อย” ว่าแล้วผู้เป็นพ่อก็เดินไปยังโซฟาโดยมีลูกสาวเกาะแขนตามไปด้วย...
“ป๊าไม่ได้สนใจเรื่องฐานะอะไรของเขาหรอกนะลูก ปัจจุบันนี้ป๊าก็พอใจกับความประพฤตินิสัยใจคอและหน้าที่การงานของเขา ถ้าลูกชอบเขา ป๊าก็ไฟเขียว”
“คงต้องดูอีกสักพัก ยังไม่ขอสรุป”
“เพราะสรุปแล้วสุดท้ายก็ต้องลงเอยกัน...”
“ป๊าอ่ะ”
“ป๊าเอาดวงลูกกับดวงเขาไปให้ซินแสดูแล้วนะ ไม่ชงกันด้วย”
“ป๊า!! ป๊านี่ร้ายจริง ๆ”
“ป๊ามีลูกคนเดียว และลูกคนเดียวของป๊าจะต้องมีความสุขที่สุดด้วย...หลังจากที่โรงแรมเปิดแล้ว งานอยู่ตัวแล้ว ถ้าลูกจะแต่งงานป๊าก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี...และถ้าได้แต่งกับคนดีมีศีลธรรม ป๊าก็จะได้นอนตายตาหลับ...”
“พี่เอก ตอนที่ป๊าพูดอย่างนั้นจินใจหายวาบเลย เกือบกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แน่ะ” หลังจากแยกย้ายกันเข้าห้องพักแล้วจรินนาก็โทรหาเอกรินทร์ทันทีเพราะยังมีเรื่องกังขาที่ต้องให้เขาช่วยเหลือด้วย
“อาเจ๊กก็พูดไปตามประสาคนมีอายุ อย่าคิดอะไรมาก”
“ป๊าใส่ใจศาสนาจนจินรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรแน่ ๆ...ป๊าป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า พี่เอกพอรู้ไหม”
“ก็เห็นแข็งแรงดี ถ้าจะมีก็คงเป็นพวก ความดัน เบาหวาน ปวดเมื่อยตามร่างกายตามประสาคนแก่ ยิ่งเข้าวัดด้วยก็เลยพูดอย่างคนที่ปลงได้ออกมามั้งอย่าคิด
ฟุ้งซ่านเลย”
“แล้ววันเสาร์นี้ พี่หนึ่งมาแน่เหรอ”
“มาแน่นอน เขาเคยมานครสวรรค์เมื่อวันที่แพรวแต่งงานแล้วก็ยังไม่ทันได้เที่ยวเลย ต้องรีบกลับ ก็เลยอยากมาอีกให้พี่พาเที่ยวทั่ว ๆ”
“แล้วพี่เอกจะพาพี่หนึ่งไปเที่ยวไหน บ้านเราไม่เห็นมีอะไรเลย”
“พาขึ้นสวรรค์อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง...”
“บ้า...”
ผู้หญิงลองไอ้เอ่ยคำนี้ออกมาแสดงว่าเขิน...แล้วเอกรินทร์ต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“ได้ข่าวว่าป่าหิมพานต์ของอาจารย์เดชาพงษ์สวยมาก ว่าง ๆ ต้องแวะไปดูซักหน่อย”
“อย่างไรก็ต้องได้ไปอยู่แล้วค่ะ ป๊าว่าก่อนเปิดให้บริการต้องทำบุญถวายเพลพระเอาฤกษ์เอาชัยด้วย..อ้อ...พี่เอกสืบเรื่องคำทำนายของน้องหนูนาที่ทำนายเรื่องเนื้อคู่ของอาจารย์เดชาพงษ์ให้หน่อยซิ”
“พี่จะสืบจากไหน”
“ก็จากพี่หนึ่งไง นะช่วยหน่อย จินว่าไม่เกินความสามารถของพี่แน่ ๆ แต่ว่ามันต้องเนียน ๆ หน่อยนะอย่าไปบอกพี่หนึ่งละว่า จินบอกให้สืบ”
“เท่าที่หนึ่งเล่านะ หนูนาเคยทำนายว่าผู้การจะเจอคนบ้านเดียวกัน คนบ้านเดียวกันจะไปหาที่สัตหีบ แล้วแพรวก็ไปหาข้อมูลเพื่อเขียนนิยายจริง ๆ สุดท้ายก็ลงเอยกัน แล้วตอนหลังหนูนาก็มาจับมือน้องแพรวว่าจะได้ย้ายที่อยู่ สุดท้ายก็ได้แต่งงานย้ายที่อยู่จริง ๆ”
“แล้วทำไมน้องหนูนาถึงดูดวงไม่ได้อีก”
“หนึ่งไม่ได้เล่านะ ถ้ารู้ก็คงเล่าไปแล้ว”
“งั้นพี่เอกช่วยจินเรื่องคำทำนายของพี่กล้วยนะ”
“พี่กล้วย...สนิทสนมกันซะ” เอกรินทร์ทำเสียงล้อเลียน
“ก็นะ...ป๊าไปดูดวงมาแล้วด้วยนะ บอกว่าไม่ชงกัน”
“สนับสนุนน่าดู...”
“ป๊าบอกว่า อยากได้คนดีมีศีลธรรมมาเป็นลูกเขย เหมือนจะง่ายแต่มันไม่ง่ายและตอนนี้ก็มีเขาคนเดียวที่เข้าข่าย”
“ถึงอาเจ็กบอกว่าไม่เข้าข่าย ถ้าจินชอบซะอย่างพี่ว่าใครก็ขวางไม่ได้หรอก...ใช่ไหม”
เมื่องานในโรงแรมหิมพานต์ส่วนที่ต้องรับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยอนงค์นางก็พักสมองและสายตาอยู่สองวันและพอวันที่สามซึ่งเป็นวันเสาร์ เป็นวันที่วิษณุจักรไม่ได้เข้าไปดูงานในโรงแรมอนงค์นางก็ถือโอกาสนั้นนัดหมายกับเขาไปทำงานที่เขาได้ว่าจ้างไว้ โดยงานนี้อนงค์นางก็ระแวดระวังตัวกลัวว่าจะเป็นการเข้าถ้ำเสือครั้นจะชวนสุนันทามาเป็นเพื่อน ตอนนี้สุนันทาเองก็วุ่นวายกับงานร้านดอกไม้เพราะคนงานดันลาออกกะทันหัน
แต่เมื่อเห็นป้าสำลีแม่บ้านที่มาทำงานเช้าไปเย็นกลับอยู่ด้วย อนงค์นางก็คลายความกังวลไปได้มากโข แต่ปัญหาของอนงค์นางในตอนนี้คือเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดลำลองกางเกงขาสั้นสีดำเสื้อยืดคอกลมสีขาวมีลายการ์ตูนเพ็นท์อยู่ด้านหน้าอกนั้นลากเก้าอี้ที่มีพนักพิงสูงมานั่งจ้องดูเธอลงแบบร่างชนิดไม่กระพริบตาทีเดียว...
“ไม่ออกไปไหนหรือคะ” แม้จะสนิทสนมกันมาก แม้จะรู้ว่าเขาเปิดใจมาไม่น้อย แม้จะเคยอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจในผับคืนนั้น แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้พูดสารภาพความรู้สึกลึก ๆ ออกมา ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจึงเป็นเหมือนพี่น้องคนพิเศษที่จะเรียกว่ามองตาก็เข้าใจกันก็ได้
“ก็นางมาบ้านพี่ พี่ก็ต้องอยู่เฝ้า”
“เฝ้ามากไปแล้วค่ะ นางเกร็ง ออกไปหาอะไรทำบ้างก็ได้นะ”
“อยากเห็นตั้งแต่จรดปลายดินสอครั้งแรกจนกระทั่งงานเสร็จเลย บ้านพี่นะครับพี่ก็อยากจดจำทุกรายละเอียด”
เหตุผลของเขาเข้าที แต่อนงค์นางอยากจะบอกกับเขาว่าตอนนี้เธอเขินที่มีสายตาของเขาจับจ้องอยู่ อนงค์นางพยายามรวบรวมสมาธิ โดยไม่สนใจว่ามีเขานั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ กระทั่งเวลาผ่านไป หันไปอีกทีอนงค์นางก็เห็นว่าเขาหลับคอพับคาเก้าอี้และด้วยนึกสนุกอนงค์นางจึงต้องค่อย ๆ ปีนลงจากนั่งร้านที่ไม่สูงนักมาคว้าสีหยิบพู่กันมาจุ่มน้ำในแก้วบีบสีออกจากหลอดมานิดหน่อยก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายพู่กันแตะสีแล้วนำมาป้ายที่เหนือริมฝีปากบางได้รูปของเขา
..ทีแรกเขาก็มีปฏิกิริยาปัดป้องกระทั่งมือขาว ๆ ของเขามาลูบไล้สีอย่างคนละเมอ มันจึงเลอะหน้าของเขายิ่งขึ้น เมื่อแกล้งเขาสำเร็จแล้ว อนงค์นางก็เดินลงจากชั้นสองอย่างแผ่วเบา และหญิงสาวก็ได้ยินเสียงป้าสำลีคุยโทรศัพท์กับใครสักคนหนึ่ง แรกทีเดียวอนงค์นางกะว่าจะแสดงตัว แต่เมื่อป้าสำลีพูดเสียงแจ้ว ๆ ว่า
“ชื่ออนงค์นางค่ะ สวยน่ารักดี จะเข้ามาดูตัวเหรอคะ คงอยู่ทั้งวันแหละ มาได้เลยค่ะ คุณจักรนั่งเฝ้าอยู่ข้างบนไม่ยอมลงมาข้างล่างเลย ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ..จะอยู่กันท่าที่นี่แหละ” อนงค์นางจึงต้องชะงักเท้าถอนหายใจเบา ๆ
และพอนางสำลียัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า อนงค์นางจึงปล่อยเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่จึงได้แสดงตัวเข้าไปทักแบบจู่โจม...โดยอนงค์นางไม่รู้ว่าป้าสำลีนั้นบ้าจี้
“ทำอะไรหรือป้า”
“ว๊าย..ตาเถรหกคะเมนตีลังกา” และพอตั้งสติได้นางสำลีก็ถดตัวหนี...อนงค์นางที่หัวเราะคิก ๆ และไหนๆ ก็เข้าถ้ำเสือมาแล้ว เธอก็ต้องทำใจดีสู้เสือ...“เมื่อกี้นางได้ยินป้าโทรคุยกับใคร เอ่ยถึงนางด้วย”
นางสำลีทำหน้าเหรอหราขึ้นมา...แต่ด้วยนึกเอ็นดูหญิงสาวนางสำลีจึงบอกว่า
“แม่คุณจักรน่ะ สั่งให้ป้าเป็นสายลับคอยรายงานความเคลื่อนไหว”
“ท่านคงหวงลูกชายของท่านมากซินะ”
“มากเชียวแหละ”
“แล้วคุณจักรเคยพาผู้หญิงเข้าบ้านไหมป้า”
“มีแต่เพื่อนผู้ชาย นาน ๆ จะมาสังสรรค์กันสักที หรือไม่ ก็มากันกลุ่มใหญ่ชายหญิงผัวเมียกัน ไม่รู้ใครเป็นใครบ้าง”
“คนพิเศษอะไรประมาณนี้ละมีไหม”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้ววันนี้ป้าทำอะไรกิน”
“มื้อกลางวันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ว่าจะขึ้นไปถามคุณจักรอยู่พอดี ลำพังถ้าป้าเฝ้าบ้านก็ทำน้ำพริกผักต้มปลาทอดไข่ต้มกินเอง”
“แล้วเมื่อเช้านี้ละ”
“วันนี้วันหยุดคุณจักร ป้าเลยต้องมาแต่เช้าทำข้าวต้มเครื่องไว้ให้ แต่ปกติตอนเช้า ๆ คุณจักรเขาก็กินกาแฟกับพวกขนมปังหรือไม่ก็ไข่ดาวไข่ลวกฟองสองฟองหรือไม่ก็พวกเบค่อนไส้กรอกที่เขาหามาติดตู้เย็นไว้เอง เขาดูแลตัวเองได้...ส่วนมื้อเย็นก็เขาหาใส่ท้องมาจากนอกบ้านเพราะป้าต้องกลับบ้านป้าตั้งแต่สามโมงสี่โมงเย็น”
อนงค์นางรับฟังเรื่องราวส่วนตัวด้วยใบหน้าสดใส...และหมายมั่นไว้ในใจว่าเธอจะต้องเข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ให้ได้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2555, 12:18:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2555, 12:18:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 2669
<< 19.1 "ถ้าได้แฟนศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้านี่ถือว่าดับเบิ้ลบุญลาภเลยใช่ไหมคะ” | 20.1“ได้ค่าจ้างนิดเดียว จะยื้อเวลาไว้ทำไม...” >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 16 ส.ค. 2555, 12:22:26 น.
รักพี่ต้นกล้วยและคนเขียนก็อย่าลืมกดไลน์กดเลิฟ...อว๊ากกกกกก ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจครับ ต้องบอกว่าตอนนี้เร่งงานด้วย เพราะครึ่งปีหลังมีโปรเจคยักษ์ที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี...ไม่งั้นสินใจ..อย่างไรวันที่ เจ็ดเดือนหน้า หากใครว่าง ก็เรียนเชิญร่วมงานเปิดตัว สนพ.พิมพ์มายดรีม เครือพิมพ์คำ นะครับ ผมจะไปร่วมงานในร่างอวตาร จุฬามณี กับผลงาน พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว ได้รับกำหนดการที่แน่ชัดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ.... ///สำหรับ เซ็ท ลิขิตพรหม นี้ มี ราชนาวีที่รัก ม่านพรหม และในสวนศิลป์ ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้น ผมก็ยังไม่ได้ลบนะครับ ตามเข้าไปอ่านกันได้เลยครับ...
รักพี่ต้นกล้วยและคนเขียนก็อย่าลืมกดไลน์กดเลิฟ...อว๊ากกกกกก ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจครับ ต้องบอกว่าตอนนี้เร่งงานด้วย เพราะครึ่งปีหลังมีโปรเจคยักษ์ที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี...ไม่งั้นสินใจ..อย่างไรวันที่ เจ็ดเดือนหน้า หากใครว่าง ก็เรียนเชิญร่วมงานเปิดตัว สนพ.พิมพ์มายดรีม เครือพิมพ์คำ นะครับ ผมจะไปร่วมงานในร่างอวตาร จุฬามณี กับผลงาน พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว ได้รับกำหนดการที่แน่ชัดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ.... ///สำหรับ เซ็ท ลิขิตพรหม นี้ มี ราชนาวีที่รัก ม่านพรหม และในสวนศิลป์ ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้น ผมก็ยังไม่ได้ลบนะครับ ตามเข้าไปอ่านกันได้เลยครับ...


sai 16 ส.ค. 2555, 13:05:58 น.
นางฮึดแล้ววว อิอิ
นางฮึดแล้ววว อิอิ

คิมหันตุ์ 16 ส.ค. 2555, 13:26:03 น.
น้องนาง มั่นใจแท้ เอาใจช่วยนะจ๊ะ..^^
น้องนาง มั่นใจแท้ เอาใจช่วยนะจ๊ะ..^^

imsoul 16 ส.ค. 2555, 14:04:58 น.
น่ารักมากทั้งสองคู่เลยคะ คนเขียนก็น่ารัก มาบ่อยๆๆ นะคะ
น่ารักมากทั้งสองคู่เลยคะ คนเขียนก็น่ารัก มาบ่อยๆๆ นะคะ

innam 16 ส.ค. 2555, 15:00:32 น.
ตามอ่านรวดเดียว..อ่านไป..ยิ้มไป...เป็นกำลังใจให้คนเขียนสู้ๆๆๆๆๆ
ตามอ่านรวดเดียว..อ่านไป..ยิ้มไป...เป็นกำลังใจให้คนเขียนสู้ๆๆๆๆๆ

nutcha 16 ส.ค. 2555, 15:43:56 น.
มากดไลท์ให้คนเขียนและกดเลิฟให้ทั้งสองคู่เลยค่ะ
มากดไลท์ให้คนเขียนและกดเลิฟให้ทั้งสองคู่เลยค่ะ

goldensun 16 ส.ค. 2555, 15:53:35 น.
ไฟเขียวแล้ว พี่กล้วย งานนี้เหลือแต่จินจะเปิดด่านเมื่อไหร่่แล้วนะคะ
เล่นสืบคำทำนายของพี่กล้วย ขนาดไม่เชื่อนะนี่ จิน
อาเจ็กค่ะ เรียกอาเจ๊ก ไม่ได้ค่ะ เจอที่นึง
นางตรงได้ใจจริงๆ ชอบค่ะ แกล้งเค้าอย่างนั้น จะโดนเอาคืนเป็นอะไรน้อ
ไฟเขียวแล้ว พี่กล้วย งานนี้เหลือแต่จินจะเปิดด่านเมื่อไหร่่แล้วนะคะ
เล่นสืบคำทำนายของพี่กล้วย ขนาดไม่เชื่อนะนี่ จิน
อาเจ็กค่ะ เรียกอาเจ๊ก ไม่ได้ค่ะ เจอที่นึง
นางตรงได้ใจจริงๆ ชอบค่ะ แกล้งเค้าอย่างนั้น จะโดนเอาคืนเป็นอะไรน้อ

หนอนฮับ 16 ส.ค. 2555, 16:43:01 น.
แนะ..มีสายลับรายงานด้วยนะเนี่ย..อิอิ
แนะ..มีสายลับรายงานด้วยนะเนี่ย..อิอิ


Orathai 17 ส.ค. 2555, 00:58:51 น.
ขี้เล่นเหมือนกันนะอนงค์นาง
ขี้เล่นเหมือนกันนะอนงค์นาง

konhin 17 ส.ค. 2555, 07:59:11 น.
ป๋าเจ๋งมากๆ
ป๋าเจ๋งมากๆ

Zephyr 22 ส.ค. 2555, 22:31:21 น.
เชียร์นางฝ่าฟันแม่พี่จักรดีกว่า อุอุ
ปิามาเป็นสายลับแต่ป้าเปิดเผยความลับหมดเลยอ่า
เชียร์นางฝ่าฟันแม่พี่จักรดีกว่า อุอุ
ปิามาเป็นสายลับแต่ป้าเปิดเผยความลับหมดเลยอ่า