ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 19.2 “พาขึ้นสวรรค์อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง...”

คุณบรรจงต้องแปลกใจเมื่อเห็นรูปนางละครลวดลายวิจิตรตระการตาอยู่ในกรอบไม้สวยงามติดอยู่ที่ผนังบ้านด้านหนึ่ง..และเมื่อเดินไปเพ่งพิศใกล้ ๆ จึงได้เห็นว่าใบหน้าของนางละครนั้นคือใบหน้าของลูกสาวตัวเอง ริมฝีปากบางจึงแย้มอย่างพึงใจและพอไล่สายตาดูลายเซ็นต์ใต้ภาพคุณบรรจงก็หัวเราะเบา ๆ

“สวยไหมคะคุณพ่อ” ลูกสาวที่ลงมาจากชั้นบนเมื่อได้ยินเสียงรถร้องถาม...

“สวยมากเลยลูก ไปเป็นแบบให้อาจารย์เขาวาดตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เปล่าค่ะ ‘จารย์เขาวาดจากความทรงจำของเขา”

ผู้เป็นพ่อหันไปมองหน้าลูกสาวที่ตอนนี้ตาเป็นประกายทีเดียว...

“แล้วใครติดรูปนี้ให้...”

“วันนี้อาจารย์เขาเอารูปมาส่ง เขาติดสว่านไฟฟ้ามาด้วย จินอยากติดตรงนี้ เขาก็จัดการให้ทันที”

“แล้วให้ค่าตอบแทนเขาไปเท่าไหร่”

“รูปนี้เป็นของขวัญวันเกิดที่เลยมาแล้วค่ะ...ส่วนค่าตอบแทนที่ติดรูปให้ก็เป็นข้าวเย็นหนึ่งมื้อ” ซึ่งมันเป็นมื้อที่ จรินนารู้สึกว่าเธอกินข้าวได้อร่อยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากความเป็นกันเอง ความขี้เล่น แบบมุกนิ่ง ๆ ของเขาแล้ว ดวงตาของเขาที่ระเรี่ยอยู่ที่ใบหน้าของเธอนั้นมันทำให้เธอแทบละลายลงตรงหน้าเขาทีเดียว

“ลูกว่าอาจารย์เดชาพงษ์เป็นคนอย่างไร”

“จินน่าจะถามป๊ามากกว่าเพราะป๊ารู้จักเขามาก่อนจิน”

“ชอบเขาไหม”

“ป๊าถามตรงไปหรือเปล่า”

“ป๊าไปเผลอให้เขามาจีบลูกสาวป๊าได้อย่างไรนะ...”

“ป๊าอ่ะ อย่าล้อ เขายังไม่ได้พูดอะไรลึกซึ้งเลยป๊า...แต่เปรย ๆ มาว่ากังวลเรื่องฐานะตัวเอง แล้วป๊ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง”

“ไปนั่งคุยกันดีกว่า..ป๊าเมื่อย” ว่าแล้วผู้เป็นพ่อก็เดินไปยังโซฟาโดยมีลูกสาวเกาะแขนตามไปด้วย...

“ป๊าไม่ได้สนใจเรื่องฐานะอะไรของเขาหรอกนะลูก ปัจจุบันนี้ป๊าก็พอใจกับความประพฤตินิสัยใจคอและหน้าที่การงานของเขา ถ้าลูกชอบเขา ป๊าก็ไฟเขียว”

“คงต้องดูอีกสักพัก ยังไม่ขอสรุป”

“เพราะสรุปแล้วสุดท้ายก็ต้องลงเอยกัน...”

“ป๊าอ่ะ”

“ป๊าเอาดวงลูกกับดวงเขาไปให้ซินแสดูแล้วนะ ไม่ชงกันด้วย”

“ป๊า!! ป๊านี่ร้ายจริง ๆ”

“ป๊ามีลูกคนเดียว และลูกคนเดียวของป๊าจะต้องมีความสุขที่สุดด้วย...หลังจากที่โรงแรมเปิดแล้ว งานอยู่ตัวแล้ว ถ้าลูกจะแต่งงานป๊าก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี...และถ้าได้แต่งกับคนดีมีศีลธรรม ป๊าก็จะได้นอนตายตาหลับ...”



“พี่เอก ตอนที่ป๊าพูดอย่างนั้นจินใจหายวาบเลย เกือบกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แน่ะ” หลังจากแยกย้ายกันเข้าห้องพักแล้วจรินนาก็โทรหาเอกรินทร์ทันทีเพราะยังมีเรื่องกังขาที่ต้องให้เขาช่วยเหลือด้วย

“อาเจ๊กก็พูดไปตามประสาคนมีอายุ อย่าคิดอะไรมาก”

“ป๊าใส่ใจศาสนาจนจินรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรแน่ ๆ...ป๊าป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า พี่เอกพอรู้ไหม”

“ก็เห็นแข็งแรงดี ถ้าจะมีก็คงเป็นพวก ความดัน เบาหวาน ปวดเมื่อยตามร่างกายตามประสาคนแก่ ยิ่งเข้าวัดด้วยก็เลยพูดอย่างคนที่ปลงได้ออกมามั้งอย่าคิด
ฟุ้งซ่านเลย”

“แล้ววันเสาร์นี้ พี่หนึ่งมาแน่เหรอ”

“มาแน่นอน เขาเคยมานครสวรรค์เมื่อวันที่แพรวแต่งงานแล้วก็ยังไม่ทันได้เที่ยวเลย ต้องรีบกลับ ก็เลยอยากมาอีกให้พี่พาเที่ยวทั่ว ๆ”

“แล้วพี่เอกจะพาพี่หนึ่งไปเที่ยวไหน บ้านเราไม่เห็นมีอะไรเลย”

“พาขึ้นสวรรค์อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง...”

“บ้า...”

ผู้หญิงลองไอ้เอ่ยคำนี้ออกมาแสดงว่าเขิน...แล้วเอกรินทร์ต้องเปลี่ยนเรื่องคุย

“ได้ข่าวว่าป่าหิมพานต์ของอาจารย์เดชาพงษ์สวยมาก ว่าง ๆ ต้องแวะไปดูซักหน่อย”

“อย่างไรก็ต้องได้ไปอยู่แล้วค่ะ ป๊าว่าก่อนเปิดให้บริการต้องทำบุญถวายเพลพระเอาฤกษ์เอาชัยด้วย..อ้อ...พี่เอกสืบเรื่องคำทำนายของน้องหนูนาที่ทำนายเรื่องเนื้อคู่ของอาจารย์เดชาพงษ์ให้หน่อยซิ”

“พี่จะสืบจากไหน”

“ก็จากพี่หนึ่งไง นะช่วยหน่อย จินว่าไม่เกินความสามารถของพี่แน่ ๆ แต่ว่ามันต้องเนียน ๆ หน่อยนะอย่าไปบอกพี่หนึ่งละว่า จินบอกให้สืบ”

“เท่าที่หนึ่งเล่านะ หนูนาเคยทำนายว่าผู้การจะเจอคนบ้านเดียวกัน คนบ้านเดียวกันจะไปหาที่สัตหีบ แล้วแพรวก็ไปหาข้อมูลเพื่อเขียนนิยายจริง ๆ สุดท้ายก็ลงเอยกัน แล้วตอนหลังหนูนาก็มาจับมือน้องแพรวว่าจะได้ย้ายที่อยู่ สุดท้ายก็ได้แต่งงานย้ายที่อยู่จริง ๆ”

“แล้วทำไมน้องหนูนาถึงดูดวงไม่ได้อีก”

“หนึ่งไม่ได้เล่านะ ถ้ารู้ก็คงเล่าไปแล้ว”

“งั้นพี่เอกช่วยจินเรื่องคำทำนายของพี่กล้วยนะ”

“พี่กล้วย...สนิทสนมกันซะ” เอกรินทร์ทำเสียงล้อเลียน

“ก็นะ...ป๊าไปดูดวงมาแล้วด้วยนะ บอกว่าไม่ชงกัน”

“สนับสนุนน่าดู...”

“ป๊าบอกว่า อยากได้คนดีมีศีลธรรมมาเป็นลูกเขย เหมือนจะง่ายแต่มันไม่ง่ายและตอนนี้ก็มีเขาคนเดียวที่เข้าข่าย”

“ถึงอาเจ็กบอกว่าไม่เข้าข่าย ถ้าจินชอบซะอย่างพี่ว่าใครก็ขวางไม่ได้หรอก...ใช่ไหม”



เมื่องานในโรงแรมหิมพานต์ส่วนที่ต้องรับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยอนงค์นางก็พักสมองและสายตาอยู่สองวันและพอวันที่สามซึ่งเป็นวันเสาร์ เป็นวันที่วิษณุจักรไม่ได้เข้าไปดูงานในโรงแรมอนงค์นางก็ถือโอกาสนั้นนัดหมายกับเขาไปทำงานที่เขาได้ว่าจ้างไว้ โดยงานนี้อนงค์นางก็ระแวดระวังตัวกลัวว่าจะเป็นการเข้าถ้ำเสือครั้นจะชวนสุนันทามาเป็นเพื่อน ตอนนี้สุนันทาเองก็วุ่นวายกับงานร้านดอกไม้เพราะคนงานดันลาออกกะทันหัน

แต่เมื่อเห็นป้าสำลีแม่บ้านที่มาทำงานเช้าไปเย็นกลับอยู่ด้วย อนงค์นางก็คลายความกังวลไปได้มากโข แต่ปัญหาของอนงค์นางในตอนนี้คือเจ้าของบ้านที่อยู่ในชุดลำลองกางเกงขาสั้นสีดำเสื้อยืดคอกลมสีขาวมีลายการ์ตูนเพ็นท์อยู่ด้านหน้าอกนั้นลากเก้าอี้ที่มีพนักพิงสูงมานั่งจ้องดูเธอลงแบบร่างชนิดไม่กระพริบตาทีเดียว...

“ไม่ออกไปไหนหรือคะ” แม้จะสนิทสนมกันมาก แม้จะรู้ว่าเขาเปิดใจมาไม่น้อย แม้จะเคยอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจในผับคืนนั้น แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้พูดสารภาพความรู้สึกลึก ๆ ออกมา ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจึงเป็นเหมือนพี่น้องคนพิเศษที่จะเรียกว่ามองตาก็เข้าใจกันก็ได้

“ก็นางมาบ้านพี่ พี่ก็ต้องอยู่เฝ้า”

“เฝ้ามากไปแล้วค่ะ นางเกร็ง ออกไปหาอะไรทำบ้างก็ได้นะ”

“อยากเห็นตั้งแต่จรดปลายดินสอครั้งแรกจนกระทั่งงานเสร็จเลย บ้านพี่นะครับพี่ก็อยากจดจำทุกรายละเอียด”

เหตุผลของเขาเข้าที แต่อนงค์นางอยากจะบอกกับเขาว่าตอนนี้เธอเขินที่มีสายตาของเขาจับจ้องอยู่ อนงค์นางพยายามรวบรวมสมาธิ โดยไม่สนใจว่ามีเขานั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ กระทั่งเวลาผ่านไป หันไปอีกทีอนงค์นางก็เห็นว่าเขาหลับคอพับคาเก้าอี้และด้วยนึกสนุกอนงค์นางจึงต้องค่อย ๆ ปีนลงจากนั่งร้านที่ไม่สูงนักมาคว้าสีหยิบพู่กันมาจุ่มน้ำในแก้วบีบสีออกจากหลอดมานิดหน่อยก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายพู่กันแตะสีแล้วนำมาป้ายที่เหนือริมฝีปากบางได้รูปของเขา

..ทีแรกเขาก็มีปฏิกิริยาปัดป้องกระทั่งมือขาว ๆ ของเขามาลูบไล้สีอย่างคนละเมอ มันจึงเลอะหน้าของเขายิ่งขึ้น เมื่อแกล้งเขาสำเร็จแล้ว อนงค์นางก็เดินลงจากชั้นสองอย่างแผ่วเบา และหญิงสาวก็ได้ยินเสียงป้าสำลีคุยโทรศัพท์กับใครสักคนหนึ่ง แรกทีเดียวอนงค์นางกะว่าจะแสดงตัว แต่เมื่อป้าสำลีพูดเสียงแจ้ว ๆ ว่า

“ชื่ออนงค์นางค่ะ สวยน่ารักดี จะเข้ามาดูตัวเหรอคะ คงอยู่ทั้งวันแหละ มาได้เลยค่ะ คุณจักรนั่งเฝ้าอยู่ข้างบนไม่ยอมลงมาข้างล่างเลย ค่ะ ฉันจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ..จะอยู่กันท่าที่นี่แหละ” อนงค์นางจึงต้องชะงักเท้าถอนหายใจเบา ๆ

และพอนางสำลียัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า อนงค์นางจึงปล่อยเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่จึงได้แสดงตัวเข้าไปทักแบบจู่โจม...โดยอนงค์นางไม่รู้ว่าป้าสำลีนั้นบ้าจี้

“ทำอะไรหรือป้า”

“ว๊าย..ตาเถรหกคะเมนตีลังกา” และพอตั้งสติได้นางสำลีก็ถดตัวหนี...อนงค์นางที่หัวเราะคิก ๆ และไหนๆ ก็เข้าถ้ำเสือมาแล้ว เธอก็ต้องทำใจดีสู้เสือ...“เมื่อกี้นางได้ยินป้าโทรคุยกับใคร เอ่ยถึงนางด้วย”

นางสำลีทำหน้าเหรอหราขึ้นมา...แต่ด้วยนึกเอ็นดูหญิงสาวนางสำลีจึงบอกว่า

“แม่คุณจักรน่ะ สั่งให้ป้าเป็นสายลับคอยรายงานความเคลื่อนไหว”

“ท่านคงหวงลูกชายของท่านมากซินะ”

“มากเชียวแหละ”

“แล้วคุณจักรเคยพาผู้หญิงเข้าบ้านไหมป้า”

“มีแต่เพื่อนผู้ชาย นาน ๆ จะมาสังสรรค์กันสักที หรือไม่ ก็มากันกลุ่มใหญ่ชายหญิงผัวเมียกัน ไม่รู้ใครเป็นใครบ้าง”

“คนพิเศษอะไรประมาณนี้ละมีไหม”

“ไม่มีค่ะ”

“แล้ววันนี้ป้าทำอะไรกิน”

“มื้อกลางวันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ว่าจะขึ้นไปถามคุณจักรอยู่พอดี ลำพังถ้าป้าเฝ้าบ้านก็ทำน้ำพริกผักต้มปลาทอดไข่ต้มกินเอง”

“แล้วเมื่อเช้านี้ละ”

“วันนี้วันหยุดคุณจักร ป้าเลยต้องมาแต่เช้าทำข้าวต้มเครื่องไว้ให้ แต่ปกติตอนเช้า ๆ คุณจักรเขาก็กินกาแฟกับพวกขนมปังหรือไม่ก็ไข่ดาวไข่ลวกฟองสองฟองหรือไม่ก็พวกเบค่อนไส้กรอกที่เขาหามาติดตู้เย็นไว้เอง เขาดูแลตัวเองได้...ส่วนมื้อเย็นก็เขาหาใส่ท้องมาจากนอกบ้านเพราะป้าต้องกลับบ้านป้าตั้งแต่สามโมงสี่โมงเย็น”
อนงค์นางรับฟังเรื่องราวส่วนตัวด้วยใบหน้าสดใส...และหมายมั่นไว้ในใจว่าเธอจะต้องเข้ามาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ให้ได้



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2555, 12:18:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2555, 12:18:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 2558





<< 19.1 "ถ้าได้แฟนศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้านี่ถือว่าดับเบิ้ลบุญลาภเลยใช่ไหมคะ”   20.1“ได้ค่าจ้างนิดเดียว จะยื้อเวลาไว้ทำไม...” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 16 ส.ค. 2555, 12:22:26 น.
รักพี่ต้นกล้วยและคนเขียนก็อย่าลืมกดไลน์กดเลิฟ...อว๊ากกกกกก ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจครับ ต้องบอกว่าตอนนี้เร่งงานด้วย เพราะครึ่งปีหลังมีโปรเจคยักษ์ที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี...ไม่งั้นสินใจ..อย่างไรวันที่ เจ็ดเดือนหน้า หากใครว่าง ก็เรียนเชิญร่วมงานเปิดตัว สนพ.พิมพ์มายดรีม เครือพิมพ์คำ นะครับ ผมจะไปร่วมงานในร่างอวตาร จุฬามณี กับผลงาน พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว ได้รับกำหนดการที่แน่ชัดแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ.... ///สำหรับ เซ็ท ลิขิตพรหม นี้ มี ราชนาวีที่รัก ม่านพรหม และในสวนศิลป์ ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้น ผมก็ยังไม่ได้ลบนะครับ ตามเข้าไปอ่านกันได้เลยครับ...


sai 16 ส.ค. 2555, 13:05:58 น.
นางฮึดแล้ววว อิอิ


คิมหันตุ์ 16 ส.ค. 2555, 13:26:03 น.
น้องนาง มั่นใจแท้ เอาใจช่วยนะจ๊ะ..^^


imsoul 16 ส.ค. 2555, 14:04:58 น.
น่ารักมากทั้งสองคู่เลยคะ คนเขียนก็น่ารัก มาบ่อยๆๆ นะคะ


innam 16 ส.ค. 2555, 15:00:32 น.
ตามอ่านรวดเดียว..อ่านไป..ยิ้มไป...เป็นกำลังใจให้คนเขียนสู้ๆๆๆๆๆ


nutcha 16 ส.ค. 2555, 15:43:56 น.
มากดไลท์ให้คนเขียนและกดเลิฟให้ทั้งสองคู่เลยค่ะ


goldensun 16 ส.ค. 2555, 15:53:35 น.
ไฟเขียวแล้ว พี่กล้วย งานนี้เหลือแต่จินจะเปิดด่านเมื่อไหร่่แล้วนะคะ
เล่นสืบคำทำนายของพี่กล้วย ขนาดไม่เชื่อนะนี่ จิน
อาเจ็กค่ะ เรียกอาเจ๊ก ไม่ได้ค่ะ เจอที่นึง
นางตรงได้ใจจริงๆ ชอบค่ะ แกล้งเค้าอย่างนั้น จะโดนเอาคืนเป็นอะไรน้อ


หนอนฮับ 16 ส.ค. 2555, 16:43:01 น.
แนะ..มีสายลับรายงานด้วยนะเนี่ย..อิอิ


แว่นใส 16 ส.ค. 2555, 16:48:49 น.
สายลับจับไม่ปล่อยนะ


Orathai 17 ส.ค. 2555, 00:58:51 น.
ขี้เล่นเหมือนกันนะอนงค์นาง


konhin 17 ส.ค. 2555, 07:59:11 น.
ป๋าเจ๋งมากๆ


Zephyr 22 ส.ค. 2555, 22:31:21 น.
เชียร์นางฝ่าฟันแม่พี่จักรดีกว่า อุอุ
ปิามาเป็นสายลับแต่ป้าเปิดเผยความลับหมดเลยอ่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account