บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๖

“พี่ตองขา หกโมงแล้วค่ะ พี่ตองค้า ตื่นหรือยังเอ่ย”

เสียงตะโกนแจ้วๆ จากนอกประตูห้อง บังคับให้สิมิลันขืนเนื้อตัวร้อนผ่าวและฝืนผงกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้น เค้นเสียงรับคำทั้งที่แทบไม่เหลือเรี่ยวแรง

“จ้า ว่ายังไงจ๊ะ” แม้จะพยายามอย่างไร แต่เสียงนั้นก็ยังแหบแห้งดังแทบไม่พ้นลำคออยู่ดี

“วันนี้พี่ตองมีงานหรือเปล่าคะ” สิตางศุ์ถามเสียงใส

สิมิลันลุกขึ้นยืน แล้วก็ต้องกัดฟันแน่น เมื่อรู้สึกถึงความปวดระบมผิดปกติที่บางส่วนของร่างกาย เธอยึดเสาที่เตียงไว้มั่นมิให้ตนล้มคว่ำไปเสียก่อน แล้วลากขามายืนหน้าประตู หายใจเข้าลึกๆ ปั้นยิ้มคอยท่าแล้วจึงเปิดประตู

“วันนี้พี่ว่างจ้า กะว่าจะนอนเสียให้ฉ่ำปอดเชียว”

“งั้นลงไปกินข้าวเช้าด้วยกันไหมคะ เตยจะได้ทำเผื่อ อุ๊ย ทำไมพี่ตองหน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่าคะ”

ทั้งที่หมดเรี่ยวแรง ล้าทั้งกายและใจ แต่หญิงสาวก็ทรหดได้อย่างเหลือเชื่อ เธอแต้มยิ้มแสร้งจับหน้าตัวเอง “พี่หน้าซีดเหรอ แย่จังแค่นอนน้อยไปหน่อยเดียวเองนะเนี่ย เตยทำข้าวต้มใช่ไหม งั้นทำเผื่อพี่ด้วยนะ ขอพี่อาบน้ำแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวลงไปจ้ะ”

“เร็วๆ นะคะ เตยกับแม่จะคอยกินพร้อมกัน”

“จ้า แล้วแม่ล่ะ”

“ตื่นแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังเห่อไม้เท้าที่พี่วัชซื้อมาฝากจากสิงคโปร์ เลยออกไปหัดเดินในสวนทุกเช้าเลย”

“ดีจัง พี่อยากให้แม่หายไวๆ” สิมิลันยิ้มกว้าง แต่เมื่อน้องสาวซอยเท้าเดินแกมวิ่งลงบันไดลับสายตาไปแล้ว เธอก็งับประตูลง แล้วทรุดฮวบลงกองกับพื้นอย่างหมดแรง

มือบอบบางที่ซีดเผือดยกขึ้นอังบนหน้าผากก็พบว่าตนเองมีไข้ต่ำๆ เธอโผเผไปค้นยาลดไข้และบรรเทาปวดมารับประทาน ก่อนเข้าไปอาบน้ำสระผมเพื่อให้สดชื่นขึ้น รอยช้ำจากการจูบและริ้วรอยจากอุ้งมือของปัณณ์ที่ทิ้งค้างอยู่บนเนื้อตัวบอกให้รู้ว่าเธอไม่ได้ฝันร้าย แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ

สิมิลันปล่อยน้ำตาพร่างลงกลางสายน้ำ สะอื้นไห้ตามลำพังเงียบๆ

ไม่ถึงยี่สิบนาทีถัดมาหญิงสาวก็แต่งหน้าแต่งตัวกลบเกลื่อนร่องรอยทรุดโทรมอย่างแนบเนียน เธอมองเงาสะท้อนจากกระจกอย่างหนักใจ มั่นใจว่าสีหน้าไร้พิรุธแน่นอน แต่อาการทางกายต่างหาก จะหลอกตาใครได้บ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

น่าขัน...พวกบทละครเขียนกันมาได้อย่างไรนะ ให้นางเอกตื่นขึ้นมาบนเตียงแล้วตะโกนถามผู้ชายว่าทำอะไรเจ้าหล่อนพวกนั้นหรือไม่ เพราะวันที่เจอเหตุการณ์แบบนั้นเข้ากับตัว สิมิลันพบว่าไม่ต้องถามใครหรอก ความผิดปกติของร่างกายจะบอกเองแหละว่าเธอยัง ‘เหมือนเดิม’ หรือเปล่า

“มาแล้วค่า” หญิงสาวให้เสียงนำหน้าไปก่อน ปั้นสีหน้าสดชื่นแจ่มใสได้สมกับที่เป็นนักแสดง “โอ้โห...ข้าวต้มหอมไปถึงข้างบนเลยนะเนี่ย”

คนพูดรีบทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ทันควัน เพื่อมิให้ใครสังเกตเห็นท่าเดินที่ไม่เป็นธรรมชาติ

“เมื่อคืนกลับดึกจังเลยลูก แม่กับยายเตยคอยจนสี่ทุ่มก็คอยไม่ไหว เลยต้องขึ้นไปนอนก่อน” มารดาหันมาทักทายเป็นคำแรก

“พี่งามแวะมาบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าตองมีธุระด่วนหลังเดินแบบน่ะ เพียงแต่ตองไม่คิดเท่านั้นเองว่ามันจะเลิกดึกขนาดนั้น หนูปล่อยให้แม่กับเตยเป็นห่วง ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตองสัญญาค่ะว่าคราวหน้าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเด็ดขาด” เธอเสมองรอบๆ หาหัวข้อสนทนา เมื่อเห็นไม้เท้าอันใหม่ของมารดาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง

“แม่เดินออกกำลังกายตอนเช้าอย่างนี้นี่ดีจังนะคะ แม่ดูสดชื่นขึ้นตั้งเยอะ เอ๊ะ! วันนี้แม่ต้องไปเอายาที่โรงพยาบาลนี่นา” สิมิลันเหลือบมองปฏิทิน แล้วหันไปเปิดกระเป๋า มองเงิน ‘ปึกนั้น’ นิ่งๆ อย่างชั่งใจ มือที่ล้วงลงในกระเป๋าสั่นนิดๆ ทั้งยังชื้นเหงื่อจนรู้สึกได้ สิมิลันกำมือแน่นแล้วคลายอยู่หลายรอบ ก่อนจะฝืนใจนับเงินจาก ‘ปึก’ ออกมาส่งให้มารดา

“โชคดีจังงานเดินแบบเมื่อวาน ห้องเสื้อเขาให้ค่าตัวมาเป็นเงินสด นี่ค่ะแม่...ขอหนูช่วยค่ายาบ้างนะคะ”

คนเป็นแม่ถอนใจ “แม่เป็นภาระของตองหรือเปล่าลูก”

“โอ๊ย! แม่พูดแบบนี้ได้ไงคะ ตองน้อยใจนะเนี่ย” สิมิลันทำหน้ากระเง้ากระงอด จับมือมารดามาแบแล้วยัดเงินใส่ “แม่เลี้ยงตองมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ไหนยังจะส่งเรียนอีกด้วย ตองทำให้แม่แค่นี้น้อยมากๆ เลยถ้าเทียบกับที่แม่เสียสละเพื่อตองกับเตย แม่อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ” สิมิลันดึงเงินอีกจำนวนหนึ่งมาส่งให้น้อง

“จำได้ว่าอาทิตย์ก่อนเตยขอเงินซื้อตำราเรียน พี่ก็มัวแต่ยุ่งยังไม่ได้เอาให้เสียที เอ้า! นี่จ้ะพี่เบิกมาให้แล้ว แล้วส่วนที่เหลือ...ก็เอาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เปลี่ยนบ้าง ดูสิ แต่งตัวทั้งเก่าทั้งเชยไม่มีใครเกินเลยนะเราน่ะ”

“ซื้อทำไมคะเสื้อผ้า เปลืองเงิน” สิตางศุ์บ่นงึมงำ ยัดเงินบางส่วนคืนใส่มือพี่สาว

“ไม่ได้หรอกนะ เกิดคนอื่นเห็นเธอ เขาจะเอาไปนินทาได้ว่าน้องสาวสิมิลัน มายาวี แต่งตัวซอมซ่อ อย่าลืมว่าเธอมีพี่สาวเป็นนักแสดงชื่อดังนะจ๊ะ ทำอะไรก็รักษาหน้าตาของพี่บ้าง”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่จ้ะ” สิมิลันส่ายหน้าปราม แล้วแสร้งหันไปทำทีตักข้าวต้มขึ้นมาชิม จงใจเปลี่ยนเรื่องทันควัน “โอ้โห...ข้าวต้มของเตยอร่อยจัง นี่ถ้าขืนกินแบบนี้ทุกวัน พี่ต้องอ้วนจนบวมคับจอแน่ๆ เลย”

“อร่อยจริงหรือคะ” แม่ครัวประจำบ้านหน้าบาน รีบกุลีกุจอเลื่อนถ้วยกระเทียมเจียวและผักโรยมาตรงหน้าพี่สาวโดยซื่อ ลืมเรื่องเดิมที่คุยกันอยู่สิ้นเชิง “ปรุงเพิ่มหน่อยสิคะพี่ตอง ไม่ใส่เครื่องมันจืดจะตาย”

“ใครว่าจืด นี่ล่ะอร่อยแล้ว ถ้ายิ่งปรุงก็มีแต่จะยิ่งอร่อยมากขึ้นสิไม่ว่า”

สิมิลันยึดหัวหาดเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนาใหม่ๆ เพื่อมิให้บรรยากาศบนโต๊ะเงียบเลยสักวินาที มีแต่หญิงสาวเท่านั้นที่รู้ดีว่าเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะเธอต้องการให้เสียงพูดคุยกลบเสียงเต้นของหัวใจที่ระรัวเร็วผิดจังหวะจนอาจแสดงพิรุธให้น้องและแม่ระแคะระคาย

หลังอาหารสิมิลันอาสาเก็บล้างจาน โดยบอกให้น้องสาวพาแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายประจำเดือนและรับยารักษาอาการอัมพฤกษ์ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการเส้นเลือดสมองแตกเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งขณะนี้แม่รักษาตัวจนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบเหมือนปกติ จะมีก็แต่การเดินที่ยังไม่แข็งนัก และต้องอาศัยไม้เท้าช่วยพยุงเท่านั้นเอง

เมื่อบ้านตกอยู่ในความเงียบ สิมิลันก็โทร.หางามตา เธอต้องไขข้อข้องใจที่ติดค้างอยู่ให้ได้เสียก่อน เมื่อคืนงามตานัดให้เธอไปพบกับผู้ชายคนนั้น หรือว่า...งามตาจะรู้กันกับไอ้พระเอกชีกอบ้ากามนั่น

“พี่งาม...” ยังไม่ทันได้ถาม อีกฝ่ายก็โวยเสียก่อน

“หายไปไหนมายะยายตอง เมื่อคืนพี่ปัญโทร.มาเม้งพี่จนหูชาเลย เขาว่าเธอเบี้ยวนัดเขา”

“เบี้ยวที่ไหนกัน ก็ตอง...”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะตอง พี่ปัญเขาโทร.มาตอนห้าทุ่มบอกว่าคอยไม่ไหวแล้ว ต้องรีบไปสนามบินไม่งั้นเขาตกเครื่องแน่ ไหนบอกพี่มาสิว่าไปเถลไถลที่ไหนกับคุณวัช ทำไมไม่ไปตามนัด เสียชื่อหมด เธอไม่เคยเป็นคนเหลวไหลแบบนี้มาก่อนนะตอง พี่ผิดหวังจริงๆ”

“เอ้อ...” สิมิลันหัวหมุนคว้าง ทั้งมึนงงและสับสนไม่แพ้กัน “พี่งามคะ คนที่พี่นัดให้ตองคือใครเหรอ”

“อ๊าว! ถามแปลก ก็พี่ปัญ ช่างภาพของนิตยสารอินเอ้าต์แฟชั่นยังไงล่ะ”

หญิงสาวไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรจะโล่งใจดีหรือไม่ ที่ได้ยินชื่อช่างภาพซึ่งนางแบบรุ่นพี่เคยเอ่ยผ่านหู
เพราะอย่างน้อยมันก็แสดงให้เห็นว่างามตามิได้หักหลัง หลอกเธอไปให้ปัณณ์ รัชนาถ ขืนใจอย่างที่กลัวไปล่วงหน้า

สิมิลันนึกทบทวนตอนไปถึงคอนโดแห่งนั้นอีกครั้ง จำได้อยู่หรอกว่าพนักงานที่เคาน์เตอร์มองเธอแปลกๆ ใช่ล่ะ เธอบอกว่าขอพบพี่ปัญ พูดยังไม่ทันจบเลย นายคนที่ทำท่าใหญ่โตกว่าเพื่อน อาจจะเป็นผู้จัดการมั้ง ก็ชี้ทางให้เธอไปที่ลิฟต์ โดยไม่ฟังเหตุผลอื่นๆ อีกเลย

หรือว่าปัณณ์ก็สั่งอะไรแบบเดียวกันไว้ที่เคาน์เตอร์ เธอถึงได้โผล่ไปที่ห้องของไอ้ผู้ชายหื่นนั่นอย่างนั้น

ภาพพนักงานคนที่วิ่งหน้าตื่นและมองตามอย่างกลัดกลุ้ม ย้อนมาให้นึกถึงอีกครั้ง บางทีนั่นอาจไม่ใช่แฟนคลับที่ตื่นเต้นกับการได้พบสิมิลัน มายาวี อย่างที่คิด แต่เป็นคนที่ปัญญาสั่งฝากข้อความไว้ถึงเธอก็เป็นได้

ไหล่แบบบางห่อคุ้มลงอย่างท้อแท้

จะมีใครซวยแบบเธออีกไหมนี่ เธอเดินขึ้นห้องไปให้ไอ้ผู้ชายบ้ากามนั่นมันล่วงเกินเอาด้วยความเฮงซวยห่วยแตกของระบบรับฝากข้อความมั่วซั่วของเจ้าหน้าที่คอนโดเท่านั้นเองหรอกหรือ

แล้วทำไมไอ้พระเอกบ้านั่นต้องมาเซ็กซ์จัดเรียกหาผู้หญิงไปปลดปล่อยเอาวันที่เธอไปคอนโดพอดีด้วย

ซวยซ้ำซวยซ้อนไร้ที่ติจริงๆ!

“มีอะไรหรือเปล่าน่ะตอง ทำไมถามอะไรแปลกๆ”

สิมิลันอยากจะทึ้งผมบนศีรษะตัวเองนัก แต่ก็ทำได้เพียง...

“ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่...รู้สึกผิดน่ะค่ะที่เบี้ยวนัดพี่ปัญอย่างนั้น ไม่รู้พี่เขาจะให้โอกาสตองอีกหรือเปล่า ที่ผ่านมาพี่เขาเฮี้ยบเรื่องการวินัยของนางแบบจะตาย”

“ไม่ต้องคิดมากหรอก เดี๋ยวเขากลับมาแล้วพี่คุยให้เอง ตกลงว่าเธอหายไปไหนมา”

“ตอง เอ่อ...ตอง...ตองขึ้นลิฟต์ไปแล้วเจอเพื่อน เลยตามไปเมาท์กันที่ห้องของเขาน่ะค่ะ” สิมิลันตอบมั่วๆ ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน

“เพื่อนคนไหน ตองมีเพื่อนอยู่ในคอนโดนั้นด้วยเหรอ”

“เป็นเพื่อนของแฟนของเพื่อนอีกทีน่ะค่ะ” หญิงสาวทำให้ซับซ้อนเข้าไว้ “เอ้อ...พี่งามขา วันนี้วันพัก หนูขอนอนเต็มๆ วันเลยดีกว่า แค่นี้ก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปลุยทำงานต่อ” เธอแก้ตัวแล้วรีบวางสาย ไม่ปล่อยให้ฝ่ายห้ามปราม

สิมิลันชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ แล้วตัดสินใจเทเงินในกระเป๋าออกมานับอย่างจริงจัง หญิงสาวขนลุกซู่ตอนที่เอาจำนวนเงินที่แบ่งให้แม่กับน้องมารวมกับส่วนที่เหลืออยู่ เพื่อจะพบว่าเงินทั้งก้อนที่ปัณณ์โยนให้เธอราวกับเศษสตางค์นั้นมูลค่าสูงเพียงใด

แน่ล่ะว่ามันเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างมากทีเดียว

แต่ถ้าเลือกได้...เธอขอเป็นสิมิลันคนเดิมดีกว่า

เงินแค่นี้...แลกกับสิ่งที่เธอเสียไป ไม่คุ้มเลยสักนิด!

หญิงสาวเอนกายพิงพนักโซฟา ทอดสายตามองเหม่อไปไกล นาน...กว่าสายตาจะกระทบกับกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินสดตรงกลางบุ๋มลงไปเป็นตัวอักษรย่อ AG ทาสีทองอร่าม เธอหยิบมันขึ้นมาเปิด เผยให้เห็นว่าภายในเป็นสร้อยข้อมือทำจากทองคำขาวฝังเพชรเม็ดใหญ่รอบทั้งเส้นตลอดสาย

สิมิลันขยับตัวเล็กน้อยด้วยความตื่นตา ขนาดไม่มีแสงไฟ น้ำเพชรยังส่องแสงทอประกายวิบวับจับตา บอกให้รู้ว่าอัญมณีแต่ละเม็ดได้ถูกคัดสรรมาอย่างดีกว่าจะมาเข้าเป็นตัวเรือนเช่นนี้

หญิงสาวทบทวนความจำที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเครื่องเพชรของแอบโซลูตเจมส์ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามันเป็นเครื่องเพชรยี่ห้อหรูของสาวไทย หากคาร์เทียร์คือเครื่องเพชรชั้นสูงระดับโลก และทิฟฟานี่เป็นเครื่องเพชรสำหรับสาวๆ วัยทำงาน พูดได้ว่าแอบโซลูตเจมส์ก็เป็นเหมือนคาร์เทียร์แห่งเมืองไทยนั่นเอง ด้วยมูลค่าระดับห้าหลักปลายๆ ไล่ไปจนถึงแปดหลัก ทำให้เครื่องประดับแอบโซลูตเจมส์เป็นความใฝ่ฝันของสาวๆ จำนวนมาก

คนที่เป็นทายาทของแอบโซลูตเจมส์คงต้องมั่งคั่งไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถฟาดหัวผู้หญิงสักคนเพื่อลากไปสนองความใคร่เพียงข้ามคืนมากขนาดนั้นหรอก

หญิงสาวก้มลงมองริ้วรอยเป็นจ้ำๆ ตามเนื้อตัวด้วยอาการชั่งใจ ก่อนเผยอยิ้มเกรียมอย่างหมายมาด

ถูกละ...สิ่งที่เธอเสียไป แลกกับเงินและสร้อยข้อมือเส้นเล็กจิ๋วแค่นี้...ไม่คุ้มเลย

ไหนๆ เธอก็เรียกสิ่งที่สูญเสียไปคืนกลับมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเธอก็จะทำให้มันเป็นการเสียที่คุ้มค่าที่สุด

ซึ่งถ้าจะให้เป็นไปตามนั้น นั่นย่อมต้องหมายถึง...เงินจำนวนที่มากกว่านี้อย่างไรล่ะ!






ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกอย่างง่ายดาย เพียงใส่ชื่อของพระเอกหนุ่มลงในกูเกิ้ล ประวัติส่วนตัวของปัณณ์ รัชนาถ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเรียงรายเป็นพรืด สิมิลันสืบค้นข้อมูลอีก ๒ - ๓ ครั้งก็พบสิ่งที่ต้องการ...

หญิงสาวลุกขึ้นยืน สูดหายใจเข้าลึก ความเป็นพี่คนโตที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างในบ้านแทนแม่ที่ล้มเจ็บ เธอจึงทรหดกว่าภาพภายนอกมากนัก สิมิลันผลัดเสื้อผ้าเปลี่ยนไปสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเพื่อปกปิดร่องรอยบนร่างกายทั้งหมด แล้วเดินทางไปยังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านกลางเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวของคนไข้

หญิงสาวไปที่แผนกสูตินรีเวชอ้างว่ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ อยากพบแพทย์เฉพาะทางสำหรับตรวจภายใน กระทั่งเมื่อเข้ามาในห้องกับคุณหมอตามลำพังแล้ว จึงยอมแจ้งรายละเอียดแท้จริงให้ทราบ

โชคดีที่เธอได้ตรวจกับคุณหมอผู้หญิงสูงวัยท่าทางใจดี แพทย์หญิงไม่ซักรายละเอียดอะไร ด้วยรู้ดีว่าการให้ ‘เหยื่อ’ ตอบคำถาม หรือเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบถึงจิตใจมากกว่าจะเป็นผลดี เพราะการทบทวนความจำเพื่อบอกเล่าออกมา จริงแท้แล้วก็ไม่ต่างกับการถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นเอง

นอกจากตรวจร่องรอยการถูกกระทำแล้ว สิมิลันยังถูกส่งไปเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อโรคติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย

ตลอดเวลาดวงตาหญิงสาวแห้งผาก ไม่มีน้ำตาสักหยด มีแต่แววอาฆาตเคียดแค้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

“หมอแนะนำว่าอีกสามเดือนให้มาตรวจเลือดซ้ำนะคะ เพราะเชื้อบางตัวมันต้องมีระยะฟักตัว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ หมอเข้าใจดีว่าหนูเป็นคนมีชื่อเสียง คงจะเป็นห่วงหน้าตาชื่อเสียง แต่ถ้าถามจริงๆ แล้วหมออยากแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ด้วย เพราะ...”

“หนูก็ตั้งใจไว้แล้วล่ะคะ” สิมิลันบอกเสียงเหี้ยม

แพทย์หญิงสูงวัยชะงักเล็กน้อย ก่อนแต้มยิ้มอ่อนโยน เอื้อมมาจับมือที่เย็นเฉียบซึ่งบีบกันอยู่บนตักของหญิงสาวอย่างกดดัน แล้วไล้มือเบาๆ

“หนูแน่ใจแล้วใช่ไหม หนูพร้อมจะตอบคำถามตำรวจแล้วหรือ”

“ค่ะ”

“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคำถามที่อาจจะทำให้รู้สึกไม่ดีบ้างน่ะหรือ อย่างเช่น...” คุณหมออึดอัด เกรงคำพูดต่อไปจะสะเทือนใจคนฟัง ทว่าก็จำต้องเอ่ยออกมา เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์จริงหากเข้าพบตำรวจ จะถูกซักไซ้ในรายละเอียดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“คำถามพวกนั้นอาจจะลงลึกถึงรายละเอียดของการล่วงละเมิด เป็นคำถามเฉพาะถึงขนาดที่ว่าอวัยวะของอีกฝ่ายล่วงเกินเข้าไปหรือเปล่า เพราะมันจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นกระทำภายนอกก็เข้าข่ายอนาจาร แต่ถ้ากระทำภายในก็เรียกว่าข่มขืน หมอพูดแบบนี้หนูคงเข้าใจ”

“ค่ะ หนูไม่ปล่อยให้คนที่มันทำกับหนูแบบนี้ลอยนวลหรอกค่ะ หนูไม่อายหรอก คนที่มันทำแบบนี้ต่างหากที่ต้องอาย”

แพทย์หญิงชั่งใจนิดเดียว ก่อนเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กสาวคราวหลานอย่างปรานี

“ถ้าหนูเข้มแข็งแบบนี้จริงๆ หมอก็ขอชื่นชม แต่ถ้าหนูกำลังหลอกตัวเองอยู่ หมอจะไม่สบายใจเลย เอาอย่างนี้นะ นอกจากยาฆ่าเชื้อแล้ว หมอจะสั่งยาคลายประสาทเพิ่มให้ หนูจะได้เครียดน้อยลง เอาใบตรวจร่างกายนี้ไปแจ้งความเมื่อจิตใจของหนูพร้อมนะ อ้อ...กระซิบบอกเจ้าหน้าที่ได้ว่าหนูต้องการแจ้งความกับตำรวจหญิง แล้วที่อยากบอกก็คืออะไรที่มันไม่ดี คิดแล้วเป็นทุกข์ อย่าไปนึกถึงมันเลยนะลูก ถ้ามีอะไรที่หมอช่วยได้ หนูโทร.หาหมอได้ทุกเมื่อเลยนะคะ รับรองว่าหมอเก็บความลับของคนไข้ทุกคนเป็นอย่างดี หมอขอให้หนูโชคดีค่ะ”

มือที่เริ่มมีริ้วรอยไปตามวัยเลื่อนนามบัตรมาตรงหน้าประกอบ

สิมิลันพนมมือทำความเคารพแพทย์หญิงสูงวัยแล้วหยิบกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาแนบหัวใจ น้ำตารื้นขึ้น เมื่อระลึกได้ว่าในท่ามกลางมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิต อย่างน้อย...ก็ยังมีน้ำใจจากคนแปลกหน้าที่หยิบยื่นให้กัน ไม่ทำให้เธอโดดเดี่ยวและรู้สึกว่าต้องยืนหยัดรับมือกับเรื่องนี้เพียงลำพังอย่างที่กำลังเป็นอยู่!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2555, 13:52:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ส.ค. 2555, 13:52:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2494





<< ตอนที่ ๕   ตอนที่ ๗ >>
สิริณ 17 ส.ค. 2555, 14:02:58 น.
ขออภัยที่มาช้าไปหน่อยค่ะ
พอดีว่าติดภารกิจต้องเดินทางไปโปรโมต แผนก่อการรัก
ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งการเรียนรู้ ที่จังหวัดอุบลราชธานี :P

สำหรับตอนที่ ๕ และ ๖ นี้ก็เช่นเคยค่ะ
ฝากไว้ในอ้อมใจด้วย
หากจะมีเมตตาช่วยกันกดไ้ลค์ คนละที ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง อิอิ

ไหนๆ ก็ไหนๆ อยากขออนุญาตใ้ช้พื้นที่โฆษณาอีกนิดนึง
ตอนนี้ แผนก่อการรัก ติดอันดับนิยายขายดีในร้านนายอินทร์หลายๆสาขา
หากท่านใดยังไม่มีไว้ในครอบครอง
คงต้องรีบสอยกันหน่อยแล้วนะคะ
ไม่งั้น...อาจไม่มีฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑ ไว้ในอ้อมใจ
ไม่รู้ด้วยน้า (หล่อนกล้าหวังมากย่ะยายสิริณ แหะแหะ)

หากใครมีแล้ว จะซื้อฝากเพื่อน พี่ น้อง เป็นของขวัญ
ก็เป็นไอเดียที่เก๋เริ่ดไม่น้อยเลยน้า อิอิ


minafiba 17 ส.ค. 2555, 14:30:03 น.
คุณศฺณฺร สอยมาตั้งแต่กลับมาใหม่ๆแล้วค่า แต่ซื้อที่คิโนะ พารากอนค่า ยินดีด้วยนะคะ ที่ขายดี ขอให้พิมพ์ใหม่หลายๆรอบนะคะ ^_______^


minafiba 17 ส.ค. 2555, 14:38:45 น.
ว้าย เขียนชื่อคุณสิรินผิด ขออภัยค่า


sai 17 ส.ค. 2555, 15:25:20 น.
หนูตองเราช่างโชคร้ายจริงๆ แต่คิดถูกแล้วที่ทำแบบนี้จะได้ไม่คิดหิ้วผู้หญิงคนอื่นอีกนายปัณญ์


เดิมเดิม 17 ส.ค. 2555, 15:55:24 น.
หนูตองซวยจริงๆ


nunoi 17 ส.ค. 2555, 19:07:56 น.
โอ้ววว หนูตองซวยสุดๆ ชื่อดันพ้องเสียงเหมือนกันอีก เฮ้อ


violette 17 ส.ค. 2555, 20:19:43 น.
เวร ของเวร หนูตอง
นายพระเอกก็นะ ปัดความผิดทุกอย่างออกจากตัวเอง แย่จริง
นึกถึงคุณเล็กขึ้นมาทันทีเลยค่ะ สงสารหนูตองจังเลย


ree 17 ส.ค. 2555, 21:53:22 น.
นึกว่าถ้าอาบน้ำแล้ว จะพิสูจน์ไม่ได้ซะอีก
คือเข้าใจว่าถ้าถูกข่มขืนต้องรีบไปตรวจเลย
จะยังได้ DNA ของผู้ข่มขืนอยู่
จากในซอกเล็บ ในช่องคลอด อะไรเงี้ย
ถ้าอาบน้ำเรียบร้อยแล้วผ่านไปเป็นวันแล้วไปตรวจ
จะยังสามารถแจ้งความว่าข่มขืนได้อยู่เหรอ ถามเป็นความรู้นะ


wane 17 ส.ค. 2555, 23:55:29 น.
ตองรับทั้งเงินและสร้อยเพชรของปัณณ์มา น่าจะเข้าข่ายสมยอมหรือป่าว เด๋วไปแจ้งความ จะกลายเป็นตัวเองเสียหน้าอะดิ


หมูอ้วน 18 ส.ค. 2555, 14:26:39 น.
สงสารหนูตองจังเลย ฮือ..


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account