บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๗

บรรยากาศในห้องนั้นทั้งอึดอัดอึมครึม เห็นได้ชัดว่าแม้เครื่องปรับอากาศจะทำงานเต็มความสามารถแล้ว แต่อุณหภูมิในใจของสตรีทั้งคู่ที่อยู่รวมกันกลับพุ่งสูงทะลุปรอท

“เธอหมายความว่ายังไง พูดอีกทีสิ” เจ้าของบ้านไม่แน่ใจนักว่าตนหูฝาดหรือเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่

“คุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ” สิมิลันเลื่อนเอกสารไปตรงหน้าคู่สนทนา “นี่เป็นหลักฐานการตรวจร่างกายที่ยืนยันว่าดิฉันถูกขืนใจ และถ้าคุณเชิญตัวน้องชายคุณมา คุณก็จะพบว่าตามเนื้อตัวเขามีร่องรอยการต่อสู้ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือฝีมือฉันเอง อ้อ...และเพื่อให้คุณสบายใจว่าฉันพูดจริง ไม่ได้มั่วนิ่ม สำรวจรอยฟันที่ท่อนแขนเขาด้วยนะคะ นั่น...ฉันฝากให้เขาเป็นที่ระลึกค่ะ” สิมิลันบีบมือบนตักแน่น รู้สึกถึงอาการสั่นนิดๆ ของตน ขณะฝืนยิ้มทำไปตามบทที่ตระเตรียมไว้แล้วให้ครบถ้วน

ผู้ที่กำลังเจรจากับเธอหน้าเผือดไปเล็กน้อย กระนั้นท่าทีสุขุมบอกชัดว่าปริมทั้งเก่งทั้งแกร่งราวภูผาสมกับที่ใครๆ ตั้งฉายาเพชรแท้แห่งวงการอัญมณีจริงๆ

ปริมกดเครื่องอินเทอร์คอมบนโต๊ะ ตั้งคำถาม “รถคุณปัณณ์อยู่หรือเปล่า”

“ยังอยู่ในโรงรถค่ะ แต่คุณปัณณ์ยังไม่ลงมา”

นายหญิงของบ้านตัดการติดต่อ แล้วเรียกไปยังอีกเลขหมายหนึ่งทันที

“คร้าบ”

สิมิลันเบือนหน้าหลบ แล้วหลับตาลงอย่างรวดร้าวเมื่อได้ยินเสียงงัวเงียที่ดังลอดมาจากลำโพง

“พี่ต้องการพบเธอที่ห้องทำงาน เดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงดุดันจริงจังอย่างที่ปริมไม่เคยใช้มาก่อนย้ำถึงระดับความสำคัญของเรื่องนี้โดยแท้ และหลังจากปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายนั่งเผชิญหน้ากันเงียบๆ อยู่ไม่ถึงห้านาที ปัณณ์ รัชนาถ ที่สวมเพียงเสื้อคลุมผ้าขนหนูก็เดินหน้ายุ่งเข้ามาในห้องทำงานของพี่สาวคนโต

“มีอะไรกันนักหนาฮะพี่ปริม ปลุกผมแต่เช้าเชียว”

ชายหนุ่มบ่นแล้วหันไปทางแขกที่นั่งหันหลังให้ประตูห้องทำงาน ทว่าเมื่อร่างแบบบางนั้นลุกขึ้นยืนหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ปัณณ์ก็ถึงกับชะงัก อ้าปากค้าง

“เธอ!” เสียงที่เขาเข้าใจว่าอุทานด้วยความตกใจ ที่แท้ดังแทบไม่พ้นลำคอด้วยซ้ำ

สิมิลันไม่เอ่ยอะไร เธอหันไปทางเจ้าบ้านฝ่ายหญิง แต้มยิ้มนิดเดียวแทนการบอก ‘เห็นไหมล่ะว่าฉันไม่ได้โกหก’

“เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้” ปริมถามเสียงเรียบ “ผู้หญิงคนนี้มาพร้อมกับเอกสารการตรวจร่างกาย และยืนยันว่าเธอ...” หญิงสาวส่ายหน้า ก่อนจะโพล่งออกไป “เขายืนยันว่าเธอขืนใจเขา”

“ผม...” ปัณณ์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น

มีความเงียบยาวนานเกิดขึ้น ปริมอดรนทนไม่ไหว เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม ถกแขนเสื้อคลุมขึ้นจนเห็นรอยสีม่วงช้ำเป็นจุดเล็กๆ เรียงรายคล้ายรอยฟันบนท่อนแขนนั้น เธอตวัดสายตาขึ้นแทนการตั้งคำถาม ก็เห็นอีกฝ่ายเสเบือนหน้าหลบตา

และนั่นก็ตอบคำถามได้ดีกว่าการเอ่ยออกมาตรงๆ เสียอีก

ปริมปล่อยมือร่วงลงข้างตัวอย่างสิ้นแรง หมุนกายมาเผชิญหน้าสิมิลันอีกครั้ง

“เอาล่ะ! ไหนบอกฉันมาสิ ว่าฉันต้องทำยังไง ถึงจะชดใช้ให้เธอได้”

“ฉันต้องการเงินสด ๒๐ ล้านบาท เครื่องเพชรชุดราชินีหิมะ และคอลเลกชันขายดีที่สุด ๔ แบบอีกอย่างละชุด” สิมิลันบอกเสียงเรียบ

“อะไรนะ!” สองพี่น้องประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน

“เธอจะบ้าเหรอ ของขนาดนั้นฉันเอาไปหมั้นผู้หญิงคนไหนก็ได้สบายๆ เลย ไม่ใช่แค่แลกกับคืนเดียว” ปัณณ์โวย

ดวงตาที่ตวัดมองเขามีรอยวาวคล้ายหยาดน้ำตาคลออยู่เพียงครู่ แต่แล้วมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

“ฉันเก็บ ‘สิ่งนั้น’ ไว้ให้เจ้าบ่าวของฉันในวันแต่งงาน ในเมื่อคุณปล้นมันไปทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ คุณก็ต้องจ่ายในมูลค่าที่ฉันควรจะได้รับถ้าเลือกแต่งงานสิคะ ฉันว่าแค่นี้มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าฉันแต่งงานจริง ฉันคงจะเรียกร้องได้มากกว่านี้อีกเยอะ” สิมิลันเชิดหน้าตอบอย่างมาดมั่น

“เธอ!” ปัณณ์ปรี่เข้าไปหาร่างแบบบางซึ่งเชิดหน้าท้าทายอยู่ตรงหน้า ปริมรีบผวาเข้ามายืนขวางชายหนุ่มไว้ มิให้พุ่งเข้าถึงตัวสิมิลันได้

“ปัณณ์!” เสียงเฉียบขาดดังขึ้น และปัณณ์ก็รักพี่สาวเกินกว่าจะหักหน้าเธอ เขาจึงนิ่งอยู่แค่ตรงนั้น จ้องมองสิมิลันด้วยความโกรธจัด ดวงตาสองคู่จ้องมองกันอย่างไม่ยอมอีกฝ่าย

สิมิลันแต้มยิ้มที่มุมปาก เค้นเสียงลอดไรฟัน “ไอ้คนแก่ตัณหากลับ”

“ยายเด็กหิวเงิน” ปัณณ์คำรามเสียงต่ำ

ปริมผลักอกน้องชายให้ห่างจากคู่กรณี แล้วหันบอกสิมิลัน “ขอเวลาฉันสักครู่นะ”

ปัณณ์ถูกพี่สาวลากข้อมือออกจากห้อง เพียงประตูปิดไล่หลัง ก็เค้นเสียงกระซิบถาม

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ปัณณ์ คนอย่างเธอหาผู้หญิงได้เป็นร้อย ไม่จำเป็นต้องทำคนที่ไม่เต็มใจอย่างนี้เลย”

“ยายนั่นมันวางแผนจะแบล็คเมล์ผมน่ะสิพี่ปริม” น้ำเสียงห้าวเหยียดหยามชัดหู

ปริมส่ายหน้า “เล่ามาให้ละเอียด”

แม้เรื่องราวที่เขาถ่ายทอดให้ฟังจะไม่ค่อยเข้ากับคำ ‘วางแผน’ นัก แต่ปริมก็อ่อนใจเกินกว่าจะขัดคอ หญิงสาวใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเอ่ยอย่างครุ่นคิด

“ในเมื่อคนที่ดาลัดส่งไปให้คืออินทุอร แล้วทำไมผู้จัดการคอนโดถึงส่งเด็กนั่นขึ้นไปให้เธอ จะว่าเด็กคนนี้รู้เรื่องที่เธอนัดหมายกับดาลัด แล้วสวมรอยขึ้นไปเองก็ไม่น่าเป็นไปได้”

ปัณณ์ขมวดคิ้ว เหตุผลมันง่าย และเห็นได้ชัดออกว่ายายนางร้ายคนนั้นหิวเงินและที่ทำทั้งหมดก็เพื่อเรียกร้องเงินก้อนใหญ่จากเขา อย่างนี้แล้วพี่สาวยังจะมาหาคำอธิบายบ้าบออะไรอีก

“จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามนะพี่ปริม ผมจ่ายให้เขาไปแล้ว ทั้งเงินแล้วยังให้สร้อยข้อมือจากชุดราชินีหิมะไปอีกเส้นแล้วด้วย ไม่มีความจำเป็นที่พี่จะต้องให้อะไรยายคนนั้นอีก”

“เขาจะไปแจ้งความข้อหาข่มขืนนะปัณณ์ เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าอยากให้สังคมรับรู้เรื่องนี้น่ะ”

ปัณณ์เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องทำงานของพี่สาวด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ดังใจ “งั้นพี่จะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่อยากรับรู้ด้วยแล้ว”

ชายหนุ่มโวยวายจบก็ปึงปังขึ้นบันไดไปทันที

ปล่อยให้คนมองตามเบะปากด้วยความระอา พึมพำกับตนเองแสนเบา

“เมื่อไหร่เธอจะโตสักทีนะปัณณ์” ดอกไม้เหล็กแห่งแอบโซลูตเจมส์ถอนหายใจ แล้วกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง มองสตรีที่นั่งไหล่ตั้งหลังตึงอยู่หน้าโต๊ะทำงานด้วยสายตาประหลาด

แวบหนึ่งที่อยากมีกระจกวิเศษสักบาน จะได้ส่องเข้าไปดูในหัวใจของผู้หญิงคนนี้ว่ามันทำด้วยอะไร ไฉนสิมิลันจึงกล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ์ของตน ทั้งที่หากเป็นสตรีอื่นถูกล่วงเกินโดยไม่เต็มใจ คงอับอายและไม่กล้าลุกขึ้นมาทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน

เมื่อกลับไปประจำที่เก้าอี้หลังโต๊ะ ปริมประสานมือกันเบื้องหน้า เจรจาด้วยน้ำเสียงสุขุม

“เครื่องเพชรที่เธอเรียกร้องมา ๕ ชุด ฉันจัดการให้ได้ไม่มีปัญหา แต่ค่าเสียหายที่เธอต้องการ ฉันว่ามันออกจะสูงไปสักนิด...”

สิมิลันไม่รอให้เธอเอ่ยจบ แต่แทรกขึ้นเสียงเรียบ

“ถ้าคุณมาเป็นฉัน แล้วได้ยินคนมาต่อรองเรื่องค่าความบริสุทธิ์แบบนี้ คุณจะรู้สึกยังไงคะ”

ปริมรู้สึกเหมือนถูกอะไรหนักๆ ทุบลงที่กลางใจจนจุกอึ้งไปครู่ใหญ่ แน่ล่ะ...ว่าผู้หญิงวัยใสตรงหน้ามีวิธีพูดที่ทำให้เธอเกลียดตัวเองได้ง่ายๆ ที่กำลังดูถูก ‘เหยื่อ’ ผู้ถูกกระทำเช่นนี้

“ฉันขอโทษ” ปริมเอ่ยออกมาในที่สุด “เธอพูดถูก ความจริง...เงินมากเท่าไหร่ก็ยังไม่คู่ควรกับสิ่งที่เธอเสียไปด้วยซ้ำ ฉัน...จะจัดการให้ตามที่เธอต้องการ”

สิมิลันกะพริบตาปริบท่าทางคล้ายแปลกใจที่คู่กรณียินยอมตามโดยง่าย

ปริมเปิดลิ้นชักหยิบสมุดเช็คออกมา “เช็คเงินสด หรือจะให้ตีเข้าบัญชีชื่อใคร”

“สั่งจ่ายในนาม...” หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย “นางสิชล และ นางสาวสิตางศุ์ มายาวี ค่ะ”

ปริมตวัดตามองด้วยความฉงน “แม่เธอก็รู้เรื่องนี้หรือ”

“เปล่าค่ะ”

“แล้วเอาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้เข้าบัญชี เขาจะไม่แปลกใจหรือ”

“นี่เป็นบัญชีที่ฉันเปิดขึ้นเอง แม่ไม่รู้เรื่องบัญชีนี้ค่ะ”

“ตกลง” ปริมยักไหล่ เขียนข้อความในสมุดเช็คอยู่อีกครู่ แล้วฉีกกระดาษแผ่นเล็กออกมายื่นส่งให้หญิงสาว “ส่วนเครื่องเพชร เธอแวะไปเลือกที่โชว์รูมของแอบโซลูตเจมส์เมื่อไหร่ก็ได้ ฉันจะสั่งเลขาฯเอาไว้”

สิมิลันกระพุ่มมือไหว้ เอื้อมไปรับเช็คฉบับนั้น มือขาวซีดสั่นเล็กน้อย เธออ่านข้อความตรวจตราความถูกต้องแล้วพับกระดาษแผ่นน้อยสอดใส่กระเป๋าสะพาย เหลือคำพูดคำเดียวที่ยังไม่ได้เอ่ยในวันนี้

“ขอบคุณค่ะ” ร่างสูงอวบอัดลุกขึ้นยืนหมุนกายเดินออกไปเงียบๆ เหมือนตอนที่เธอเข้ามา

“เดี๋ยว” ปริมท้วง ชูซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ “เธอจะไม่เอากลับไปด้วยเหรอ”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันยกให้คุณ ของอย่างนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าจะเก็บไว้นักหรอกค่ะ”

ปริมถอนหายใจ

คนมองยิ้มหยัน “นี่คุณเชื่อที่น้องชายพูดจริงๆ หรือคะ ว่าฉัน...วางแผน...” น้ำเสียงเธอเครือจัด “ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเพื่อแบล็คเมล์เขาน่ะ”

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ขอให้เธอมั่นใจได้อย่างหนึ่งนะสิมิลัน ว่าฉันจะไม่ยอมให้ปัณณ์ทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนอีกโดยเด็ดขาด”

“ฉันหวังให้คุณทำสำเร็จค่ะ” สิมิลันก้มศีรษะเล็กน้อย “จะได้ไม่ต้องมีผู้หญิงคนไหนตกที่นั่งอย่างฉันอีก”

“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ จะไม่ถูกเอาออกไปพูดที่ไหนอีกใช่ไหม” ปริมถามเพื่อความมั่นใจ

สิมิลันหัวเราะขัน ทว่าคนฟังกลับสังเกตถึงร่องรอยขมขื่นที่แทรกอยู่ในน้ำเสียงนั้นชัดเจน

“มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจ ฉันคงไม่โรคจิตมากพอที่จะเอาเรื่องทุเรศๆ แบบนี้ไปโพนทะนาให้ใครฟังหรอกค่ะ”

คนพูดฝืนรวบรวมกำลังใจก้าวออกจากห้อง ไม่น่าเชื่อ...ว่ามันจะง่ายดายเพียงนี้ เธอนึกว่าจะต้องสู้รบปรบมือหรือออกฤทธิ์มากกว่านี้เสียอีก

เป็นโชคดีของเธอที่มันจบลงแล้ว

สิมิลันผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

ทว่ายังไม่ทันที่จะออกจากบ้านหลังนั้น เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังก็หยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ”

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน”

ดวงตาวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย สิมิลันกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”

“ยายเด็กบ้า ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย” แน่ล่ะ...ในฐานะนักแสดงหนุ่มหมายเลขหนึ่งของวงการ เขาดูแลตัวเองดีจนแลอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก การที่เด็กสาวคราวน้องคอยตอกย้ำว่าเขา ‘แก่’ จึงเป็นคำประณามที่คนฟังทนไม่ได้เอาเสียเลย

“งั้นก็เลิกเรียกฉันว่าเด็กได้แล้ว” สิมิลันย้อนเสียงเรียบ

“นั่นสินะ...เนื้อตัวเธอมันไม่ได้เด็กเลยสักนิด” ปัณณ์บิดริมฝีปาก ขยับเข้าไปใกล้แสร้งลากปลายนิ้วไล้ลงตามลาดไหล่เนียนที่อยู่ใต้เสื้อเชิ้ตเนื้อหนาแขนยาวนั้นอย่างจงใจจะแหย่ให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเล่นเท่านั้น

ทว่าร่างที่สะดุ้งจนสุดตัวพร้อมกับถอยกรูดด้วยความตกใจของสิมิลันก็ทำให้เขาชะงัก อารมณ์รื่นเริงปลิววับหายราวกับหยาดน้ำค้างพิสุทธิ์ต้องแสงสุริย์ฉายร้อนแรง

“ดัดจริต! ไม่ต้องมาทำเหมือนรังเกียจฉันขนาดนั้นหรอก” ปัณณ์แค่นเสียงลอดไรฟัน

“ฉันไม่ได้รังเกียจแค่นั้น แต่ฉันรังเกียจคุณมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก” สิมิลันใช้สองมือยันอกชายหนุ่มแล้วผลักสุดแรงจนเขาเสียหลัก เธอรีบซอยเท้าวิ่งลงบันไดหน้ามุกไปตามทางเดินรถที่ทอดยาวไปสู่ประตูรั้ว ไม่สนใจเสียงห้าวที่ตะโกนประณามไล่หลัง

“ยายปลิงทะเล ยายผู้หญิงหน้าเงิน ยาย...ยาย...ยายสิบแปดมงกุฎ” ปัณณ์หันรีหันขวาง ความที่ไม่คุ้นเคยกับถ้อยคำหยาบคายจิกด่า ทำให้นึกไม่ออกว่าควรจะเฟ้นหาคำพูดใดที่จะซ้ำเติมให้คนฟังเจ็บปวดและสะใจเขาที่สุด ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นพรวดพราดไปที่รถ ติดเครื่องแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว เจตนาให้เฉียดผ่านผู้หญิงแต่งตัวมิดชิดที่เดินอยู่ข้างทางให้ได้มากที่สุด ยิ่งเห็นเธอกรีดร้องกระโดดหนีก็ยิ่งสะใจ

“สมน้ำหน้า เธอมันก็เห็นแก่เงินเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นั่นแหละ” ไม่สิ เธอร้ายกว่านั้นอีก เธอแสบมากที่วางแผนเรียกเงินจากเขาได้อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อนต่างหาก!






“มีอะไรกันฮะ เสียงนายปัณณ์โวยวายดังไปถึงข้างบนเชียว”

ปราชญ์ซึ่งพาดเสื้อสูทไว้ที่ท่อนแขนถามพี่สาวขณะลงบันไดมาสมทบที่หน้าห้องทำงานของอีกฝ่าย “อ้าว! มีแต่เสียง แล้วนี่นายตัวดีไปไหนอีกแล้วฮะ”

“ไม่มีอะไรหรอก” ปริมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน “วันนี้เธอไปทำงานสาย”

“ฮะ วันนี้พี่ปริมก็ไปทำงานสายเหมือนกัน”

หญิงสาวค่อยยิ้มออกบ้าง “พี่มีธุระน่ะ ช่วงเช้าเลยไม่เข้าออฟฟิศ แล้วเธอล่ะ”

“ท่านรัฐมนตรีโทร.มาเมื่อเช้า มอบหมายให้ผมบินด่วนไปประชุมคณะกรรมาธิการการแพทย์ที่เชียงราย ผมเลยต้องเตรียมข้อมูล แล้วเดี๋ยวจะตรงไปสนามบินเลยน่ะฮะ”

“คุณวินัยไปด้วยหรือเปล่า” ทุกครั้งที่เอ่ยถึงรัฐมนตรีหนุ่มคนดังกล่าว เธอมักเรียกชื่อเขาแทนการขานตำแหน่งอย่างให้เกียรติ เพราะคุ้นเคยกันก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเข้าสู่แวดวงการเมือง

“ไปครับ ภริยาท่านก็ไปด้วย”

“งั้น...เดี๋ยวพี่ฝากของไปให้คุณมาศหน่อยดีกว่า” ปริมหายเข้าไปในห้องทำงานชั่วครู่ จึงกลับออกมาพร้อมกับผ้าพันคอเนื้อนุ่มสีสวยสองผืน “พี่ซื้อไว้ตั้งแต่ตอนไปประชุมที่เนเธอร์แลนด์เดือนก่อนแล้ว ฝากไปให้คุณมาศด้วยนะจ๊ะ”

ปราชญ์รับมาอย่างไม่คิดอะไร “ได้สิครับ นี่ผมนึกว่าพี่ปริมเป็นเพื่อนกับท่านเสียอีก นี่พี่รู้จักภริยาท่านด้วยหรือครับ”

“รู้จักสิจ๊ะ ถามอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าท่าเลย” ปริมรุนหลังชายหนุ่ม “จะไปสนามบินก็ไปเถอะจ้ะ ว่าแต่...ไม่มีกระเป๋าเดินทาง แปลว่าเย็นนี้กลับใช่ไหม”

“กลับครับ แต่คงจะดึกเลยนะพี่ปริม วันนี้อรเขาว่าจะเลี้ยงอะไรพิเศษก็ไม่รู้ ผมไม่อยากขัดใจ”

“จ้ะ ว่างๆ ก็ชวนอรมากินข้าวที่บ้านบ้างสิ หลังๆ นี่หายไปเลยนะ”

“อรเขางานยุ่งนะครับ มีผ่าตัดเคสใหญ่ๆ เข้ามาตลอดเลย”

ปริมส่ายหน้าเอ็นดู “เดาได้เลยว่าถ้าวันหนึ่งเธอแต่งงานกัน อรอุมาคงไม่ยอมมาช่วยงานที่แอบโซลูตเจมส์แน่ๆ”

“ฮะ! อรเขายืนยันว่าเขารักอาชีพของเขา ซึ่ง..ผมก็โอเคกับตรงนั้นนะพี่ปริม รักคือการที่เราทั้งคู่ต้องมีอิสระมากพอที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และได้ทำเพื่อใครอีกคนโดยที่ไม่อึดอัดใจ จริงไหมฮะ”

“จริงก็ได้จ้ะ พ่อจอมอุดมการณ์” ปริมหัวเราะขันๆ แล้วโบกมือเป็นเชิงไล่อย่างล้อเลียน “ไปเจ้าหลักการต่อบนเครื่องเถอะจ้ะ พี่ไม่อยากชวนคุยจนเธอตกเครื่องบิน”

ปราชญ์ทำความเคารพพี่สาว แล้วจึงก้าวลงบันไดหน้ามุกไป ทิ้งเจ้าบ้านฝ่ายหญิงคนสุดท้ายยืนมองภาพความว่างเปล่าตรงหน้าอยู่ชั่วครู่ ก่อนปริมจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเรียกไปยังเลขหมายหนึ่งพร้อมกับออกคำสั่ง...

“ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับสิมิลัน มายาวี ที่โต๊ะภายในวันนี้”

หญิงสาววางสายแล้วเหลือบมองรูปวาดขนาดเต็มตัวของปัณณ์ รัชนาถ ที่แขวนอยู่บนผนังแล้วแต้มยิ้มบางๆ เป็นริ้วรอยหมายมาดถึงบางสิ่งซึ่งไม่อาจเดาได้เลยว่าเธอกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องใดอยู่ในใจกันแน่!





ปัณณ์ย้ำกับตัวเองว่าเขาเกลียดผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน ยายเด็กหน้าซื่อที่แสนร้ายกาจ แบล็คเมล์เขาอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำ

คอยดูเถอะ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กนั่นเสียใจและสำนึกได้ว่าคิดผิดแล้วที่มาท้าทายเขา

ในยามหงุดหงิดเช่นนี้ ที่พึ่งเดียวของปัณณ์มิใช่การไปตีกอล์ฟ เข้าฟิตเนส หรือวนเวียนอยู่ตามสถานเริงรมย์ต่างๆ ดังเช่นชายหนุ่มในวัยเดียวกัน ทว่าในสภาวะการณ์ที่หัวใจรุ่มร้อนกระวนกระวายกว่าปกติ คนแรกๆ ที่เขานึกถึงมักจะมีวนิตารวมอยู่ด้วยเสมอ

“ต้า มาหาผมหน่อยสิ”

ปลายสายหัวเราะร่วน “เอาสิคะ ต้าว่างอยู่พอดี ว่าแต่วันนี้คุณนอนที่ไหนล่ะ ต้าจะได้ไปหาถูก”

ปัณณ์ยิ้มนิดๆ บ้านน่ะเลิกคิดไปเลย ส่วนคอนโดที่ลาดพร้าว เขารู้มาว่าภัทรีมาส่งคนไปด้อมๆ มองๆ อยู่แทบไม่คลาด งั้นก็เหลือที่เดียว

เขาขยับจะเอ่ยชื่อคอนโดมิเนียม ‘ที่เกิดเหตุ’ แล้วก็ชะงัก เนื้อตัวเกร็งขึ้นนิดๆ แล้วรีบไล่ความรู้สึกนั้นออกจากใจ

“เอ้อ...ไปบ้านคุณดีกว่า”

สีหน้าเรียบเฉยของชายหนุ่มที่นั่งคอยอยู่ในบ้าน ทำให้เจ้าของบ้านเอียงคอมองด้วยความฉงน

“ทำไมวันนี้หน้าตามู้ดดี้จัง อารมณ์เสียมาจากไหนคะ” วนิตาหย่อนกระเป๋าไว้บนโต๊ะ แล้วขึ้นไปนั่งพับขาบนโซฟาข้างๆ กัน พลางบีบนวดตามหลังไหล่ให้เขาอย่างเอาใจ

“ต๊าย! ไหล่ตึงเปรี๊ยะเชียว เกร็งขนาดนี้นี่สงสัยแทบไม่ได้พักผ่อนหรือว่าออกกำลังกายเลยนะคะนี่”

เห็นเขายังนิ่ง วนิตาก็เริ่มแปลกใจ เธอเปลี่ยนกลยุทธ์หยอกชายหนุ่มด้วยการไล้มือไปตามแผงอกแทน แล้วก้มลงเป่าลมหายใจร้อนๆ กระซิบที่ริมหูอีกฝ่าย

“วันนี้ต้าว่างนะ เราไปอาบน้ำด้วยกันดีไหม ต้าจะได้ถูหลัง ถูหน้า ถูอะไรต่อมิอะไรให้คุณยังไงล่ะ”

แทนที่จะโอนอ่อน ปัณณ์กลับผลักมือหญิงสาวออกโดยไม่รู้ตัว ภาพๆ หนึ่งฝังแน่นในความทรงจำจนเขาหงุดหงิดตัวเองนัก

ความทรงจำมนุษย์นั้นแสนแปลก บางครั้งมันบันทึกเรื่องราวในค่ำคืนนั้นได้ทุกบทตอนจนเหลือเชื่อ

“ไม่เอาน่าต้า” ชายหนุ่มปัดมือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อเชิ้ตของเขาออก แล้วลุกขึ้นเดินหนีไปทางอื่นเพื่อสงบสติอารมณ์

วนิตาเอียงคอมองคู่นอนด้วยความฉงนอีกคำรบ “ปัณณ์เป็นอะไรกันแน่”

เธอขยับเข้ามากอดเขาจากเบื้องหลัง มือไล้ไปยังบางส่วนของร่างกายแข็งแกร่งหนั่นแน่นด้วยกล้ามเนื้อ แล้วก็ตาโต บ่นเสียงอ่อย “วันนี้ต้าท่าจะไม่มีหวังแฮะ”

แน่นอนว่าท่าทีนิ่งจนแทบจะเป็นเฉยชาของชายหนุ่มทำให้วนิตาไม่ยอมเก็บความสงสัยไว้อีกต่อไป

“คุณมีปัญหาแน่ๆ มีอะไรที่ต้าพอจะช่วยได้ไหม”

วนิตาพบกับความแปลกอีกอย่าง เมื่อปัณณ์ไม่ตอบปฏิเสธ แต่กลับเดินหนีไปที่เคาน์เตอร์รินเหล้าใส่แก้วกรอกเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง

แถมเมื่อชวนให้ค้าง ผู้ชายที่ไม่เคยปฏิเสธเธอ กลับบอกแค่ “ผมเพลียเต็มที ขอกลับบ้านก่อนดีกว่า”

“บ้านเหรอคะ” วนิตาเลิกคิ้วประหลาดใจ “นี่ปัณณ์ไม่สบายหรือคะ นึกยังไงถึงจะกลับบ้าน พี่สาวคุณเขาห้ามเอาผู้หญิงเข้าบ้านไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใครว่าผมจะเอาใครไปด้วยล่ะ ผมจะกลับบ้านคนเดียว” ปัณณ์ตอบแล้วกระแทกแก้ววางบนเคาน์เตอร์อย่างแรง ปึงปังออกจากบ้านเธอไปราวพายุหมุน อย่าว่าแต่จูบลาอย่างแต่ก่อนเลย แค่จะบอกลากันสักคำ วันนี้เขาก็ไม่ทำด้วยซ้ำ!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ส.ค. 2555, 12:28:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2555, 12:28:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 2242





<< ตอนที่ ๖   ตอนที่ ๘ >>
สิริณ 21 ส.ค. 2555, 12:51:49 น.
อ่านจบแล้ว หากรักชอบเชียร์หนูตอง
ก็ขอกำลังใจเป็นคนละหนึ่ง Like นะค้า

ส่วนใครหมั่นไส้อีตาพระเอก
ขอ Like แล้ว ช่วยกันประณามในคอมเม้นต์โลดค่ะ 5555+

ไหนๆประเด็นข่มขืนนี่เป็นเรื่อง sensitive กับนิยายเล่มนี้พอสมควร
ถ้ายังไงขออนุญาตให้ความรู้นิดนึงเนอะ

สืบเนื่องจากคำถามของคุณ ree
กรณีที่ถูกข่มขืนนั้น
เวลาไปหาหมอ แพทย์จะตรวจร่างกายทั้ง "ภายใน" และ "ภายนอก" ค่ะ
และหลักฐานที่ได้จากแพทย์
จะเป็นเอกสารที่บอกว่าผู้หญิงคนนี้ถูกล่วงละเมิด "จริง" หรือ "ไม่"

Best Case Scenerio คือไปหาหมอทันทีก่อนอาบน้ำ
แต่ถ้าเหยื่ออาบน้ำไปแล้ว ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออะไรก็ตาม
ยังคงสามารถไปตรวจร่างกายได้
เพื่อจะเอาเอกสารที่บอกว่าเหยื่อถูกล่วงละเมิดค่ะ

แต่หากจะให้ระบุถึงระดับว่าใครเป็นผู้กระทำ
ปกติจะแยกเป็นสองกรณี

1. หากมี DNA (กรณีผู้ข่มขืนไม่ได้ป้องกัน)
หากมีคราบน้ำเชื้อตกค้างในช่องคลอด
พิสูจน์โดยเดียบกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหา
ต้องมีดีเอ็นเอผู้ต้องหามาเทียบนะคะ
ถ้าตรงกัน ไอ้หมอนั่นผิดเลยค่ะ
แจ้งความดำเนินคดี และสู้คดีกันต่อในชั้นศาลเลย

2.1 กรณีคนร้ายป้องกันด้วยการสวม condom
2.2 หรือผู้ถูกข่มขืนมีเศษหนัง เศษผมติดมา
(ซึ่งในความเป็นจริง เมืองไทยตรวจ DNA ไม่ได้ถึงระดับนั้น)
เพราะฉะนั้นถ้าเป็น กรณีข้อสอง
ก็จะต้องตรวจสอบกันในเรื่องพยานวัตถุ พยานบุคคลเพิ่มเติมค่ะ

สำหรับคดีข่มขืนนั้น
จะมีอายุความ 90 วันค่ะ
โดยเริ่มนับจากวันที่ผู้ถูกข่มขืน รู้ตัวกระทำการค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น

นางสาวก๊อตซิล่าถูกข่มขืนในความมืด
เธอไม่รู้ตัวว่าใครทำ
ก็ยัง "ไม่" เริ่มนับอายุความ

แต่บังเอิญผ่านไป 12 ปีแล้ว
นางเกิดรู้มาโดยบังเอิญว่าใครข่มขืนนาง
นับจากวันที่รู้ คดีจะมีอายุความอีก 90 วัน
ถ้าไม่แจ้งความ
คนร้ายก็หลุดเลยค่ะ
เอาผิดย้อนหลังไม่ได้แล้ว

แต่เกิดเวลาผ่านไป 30 ปี เพิ่งรู้ตัวคนทำ
ก็เริ่มนับอายุความจากวันที่รู้ไป 90 วันนั่นแล... ^^

ข้อมูลส่วนใหญ่ ทั้งคดีข่มขืน
และความรู้สึกของผู้ที่ถูกกระทำ
สิริณได้มาจากการค้นอินเทอร์เน็ต
และการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนิทกันค่ะ

รู้ไว้ประดับความรู้เนอะ
พร้อมทั้งหวังว่าคงไม่มีใครจำเป็นต้องใช้ข้อมูลนี้ดีกว่า สาธุ๊!


minafiba 21 ส.ค. 2555, 12:56:05 น.
^__^


sai 21 ส.ค. 2555, 13:11:41 น.
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ


violette 21 ส.ค. 2555, 14:51:54 น.
โอ ข้อมูลแน่นปึ้กค่ะ แต่ไม่อยากใครต้องใช้ข้อมูลพวกนี้เช่นกันเนอะ


ree 21 ส.ค. 2555, 20:08:31 น.
ขอบคุณคุณสิริณจริงๆ ที่กรุณาพิมพ์ตอบมาอย่างละเอียด
คนอ่านอย่างเราก็เลยหมดข้อสงสัยไปทุกกรณี
แถมได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเพียบ

ว่าแต่หนูตองไม่คิดจะเก็บหลักฐานไว้เป็นตัวประกันซักกะหน่อยเหรอ
อย่างน้อยก็มั่นใจว่าจะไม่ถูกกลั่นแกล้งไปได้อีกตั้ง 3 เดือน
เชียร์นางเอกที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ให้เป็นผู้เสียเปรียบแต่ผ่ายเดียวได้
แต่ก็แอบปริตวิตกแทนนิดๆ นะเนี่ย ก็อีตาพระเอกเล่นผูกใจเจ็บซะขนาดนี้

เป็นกำลังใจให้หนูตอง และคนเขียนให้อดทนคนอ่านขี้สงสัยอย่างเราได้


Pat 21 ส.ค. 2555, 22:27:35 น.
คุณพี่ปริมมีแผนอะไรอยู่หรือเปล่าค๊า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account