ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 20.2 “รักค่ะ พี่จักรน่ารักมากกกกก ...แต่ให้ทนแม่ผัวแบบนี้ นางไม่เอาหรอก”

หลังจากที่แม่เขากลับไปแล้ว วิษณุจักรก็เดินขึ้นมาหาอนงค์นาง หญิงสาวไม่หันไปมองเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั่งร้าน กระทั่งเขาต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน...

“พี่ขอโทษแทนแม่พี่ด้วยนะ”

“นางไม่ได้โกรธท่านหรอกค่ะ...”

“ทำไมไม่โกรธ”

“เป็นธรรมดาของคนเป็นแม่ย่อมต้องการผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับลูกชาย ฉะนั้นก็ต้องแผลงฤทธิ์แผลงเดชข่มขวัญผู้หญิงที่ลูกชายพาเข้าบ้านสักหน่อย...แต่โชคดีที่นางกับพี่ไม่ได้เป็นแฟนกัน...นางก็ไม่เลยไม่จำเป็นต้องโกรธหรือร้อนตัวไป...”

“นาง” เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอนงค์นางจะคิดอย่างนั้น

“นางต้องสู้นะ”

“สู้...เราเป็นอะไรกันละคะถึงต้องสู้ พี่จักรเป็นแฟนนางแล้วเหรอ เราสัญญาว่าจะแต่งงานกันเหรอคะ นางก็แค่คนใช้แรงงานลูกสาวร้านกรอบรูปจน ๆ เท่านั้น”

“พี่ไม่ได้สนใจเรื่องฐานะบ้าบออะไรนั่นเลยนะ”

“ลูกชายคนจีนเป็นผู้สืบสกุลทิ้งครอบครัวไม่ได้หรอกค่ะ นางมีแม่เป็นคนไทย นางก็ถือธรรมเนียมไทย ถ้าแต่งงาน นางก็ต้องหวังดูแลพ่อแม่ของนางด้วย เพราะนางเป็นลูกสาวคนเดียว เพราะฉะนั้น เราสองคนคงจะไปต่อไม่ได้แน่ ๆ...หยุดความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันแค่พี่แค่น้องนี่แหละ เพราะนางบอกไว้ก่อนเลยว่า นางเล่นบทนางเอกเมื่อสามสิบสี่สิบปีก่อนไม่เป็น ไร้เหตุผลมา นางต้องเถียงกลับ เพราะพ่อแม่นางเลี้ยงนางมาอย่างทำอะไรต้องมีเหตุและผล...”

วิษณุจักรถอนหายใจเบา ๆ...ก่อนจะไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม...อนงค์นางปรายตามามองเขาแล้วก็วางดินสอลง...

“ตอนนี้นางยังไม่ได้ลงสี พี่จักรจะให้ลบทาสีทับก็ยังทันนะคะ นางไม่คิดค่าตัววันนี้หรอก”

“นางทำต่อไปเหอะ คนอย่างพี่ก็ไม่ได้ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เหมือนกัน”

อนงค์นางเบะปาก นึกในใจว่า ไม่เชื่อหรอก ตอนที่ถูกพี่จินปฏิเสธ ไม่เห็นจะสู้ต่อไปเลย และพอคิดได้ว่าเป็นเพราะเขามีใจให้ตัวเอง เขาจึงต้องถอยออกมา อนงค์นางก็เลิกคิ้วพร้อมกับมีรอยยิ้มพรายให้เขาที่ยังมีหน้าตาบูดบึ้ง

“ยิ้มอะไร”

“พี่จักรรักนางเหรอคะ”

พอถูกถามตรง ๆ แบบนี้ วิษณุจักรก็หัวเราะเบา ๆ ที่เผลอหลุดความรู้สึกไปก่อน และไหน ๆ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็เลยต้องลุกขึ้นแล้วไปยืนอยู่ข้าง ๆ นั่งร้านตามเดิม...อนงค์นางก้มหน้ามองหน้าเขาและเขาเองก็เงยหน้ามองหน้าหญิงสาว...สายตาเชื่อมกัน...

“ถ้าพี่บอกว่าพี่รักนางละ นางจะเชื่อไหม”

“เชื่อค่ะ”

“ทำไมถึงเชื่อ”

“เพราะพี่จักรกล้าเถียงแม่ซะขนาดนั้น ถ้าไม่รักนาง พี่จักรคงไม่คิดสู้หรอกค่ะ”

“นางฉลาดเข้าใจอะไรง่าย ๆ แบบนี้ซิน่า พี่ถึงได้เผลอใจ...”

“เหรอ..เผลอใจแล้ว...”

“อย่ายั่ว...”

“ไม่ได้ยั่ว”

“แล้วนางรักพี่หรือเปล่า”

“รักค่ะ พี่จักรน่ารักมากกกกก ...แต่ให้ทนแม่ผัวแบบนี้ นางไม่เอาหรอก”

“แต่งแล้วก็อยู่ด้วยกันที่บ้านนี้ แม่ไม่มายุ่งด้วยหรอก” อนงค์นางไม่คิดว่าเขาจะคิดไปไกลถึงการแต่งานทั้งที่บททดสอบเรื่องแม่บ้านของเธอยังไม่ผ่านด้วยซ้ำ แต่เมื่อเขาเปิดใจมาถึงขนาดนี้แล้ว อนงค์นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บกักเรื่องคับข้องใจไว้อีก

“แล้วเขาจะยอมให้พี่จักรแต่งกับนางเหรอคะ ถ้าเขาไม่ไปสู่ขอ ถ้าเขาเกลียดนางจนไม่ยอมอุ้มหลานอะไรแบบนี้ นางก็ไม่เอานะคะ”

“แม่พี่ก็ทำท่าไปอย่างนั้นแหละ...ขู่นางเล่น จริง ๆ แม่พี่ใจดีมาก”

“ไม่เชื่อหรอก”

“ลงมาข้างล่างหน่อย”

“ทำไมละ”

“บอกรักกันอย่างกับคนใช้แรงงานมันไม่โรแมนติกเลยนะ”

“แต่นางว่าอยู่บนนี้นางปลอดภัย”

“รึจะให้พี่ขึ้นตามไป”

“ไม่ต้องหรอก นางลงก็ได้” บอกเขาแล้วอนงค์นางก็ปีนลงมาและพอยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ใช้มือทั้งสองข้างประคองเอวหญิงสาวไว้ ตาสองคู่สบกัน อนงค์นางเม้มริมฝีปากได้รูป เขาเองก็ยื่นหน้าไปใกล้ ๆ อนงค์นางสั่นหัวเบา ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องหัวเราะขำเมื่ออนงค์นางเบ้หน้าก่อนจะบอกว่า

“นางว่าเราออกไปหาอะไรกินกันใหม่ดีกว่า ตอนนี้นางหิวไส้กิ่วแล้ว...”




อันที่จริงนัดหมายมาเที่ยวนครสวรรค์ในวันนี้นาทีควรจะขับรถมาเองเพราะเขาเพิ่งถอยรถใหม่ป้ายแดงมาขับ แต่ด้วยอยากจะดูว่าเจ้าภาพจะเต็มที่กับเขาขนาดไหน เขาจึงต้องอิดออดไปว่าขอนั่งรถตู้ประจำทางมาเพราะไม่ชอบขับรถไกล ๆ และเมื่อนาทีไม่มีรถไปไหนมาไหนอย่างสะดวกสบาย นาทีก็คาดหวังไว้ว่าเอกรินทร์ที่มีงานรัดตัวจะต้องเข้ามาดูแลเขาตลอดทริปนี้อย่างยากจะหลบเลี่ยง

เรื่องนี้พอแพรวพรรณเพื่อนสนิทกับนาทีที่มีเรือนหอหรือจะเรียกว่าบ้านพักอาศัยอยู่ติดกับบ้านของหิรัญญาที่สัตหีบรู้เรื่องกันเข้า สองสาวก็บอกว่า “เพื่อนสาวของฉันช่างเจ้าเล่ห์เพทุบายเหลือเกิน”

“ไม่ได้หรอก อ่านงานของพี่ญาเยอะ นางเอกเจ้าเล่ห์ยากจะหาใครเหมือน เพราะฉะนั้นต้องหยิบเอามาใช้ไม่มากก็น้อย”

“แล้วถ้าเขาดูแลหนึ่งไม่ดีละ หนึ่งจะทำอย่างไร ประมาณว่าได้แล้วทิ้งให้นั่งหงาวอยู่ที่โรงแรมแบบนี้”

“ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะได้”

“ไหนบอกว่าเขาจะพาขึ้นสวรรค์ที่เมืองนครสวรรค์ไง”

“พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละ ถึงหนึ่งจะอดอยากปากแห้งมานาน แต่หนึ่งก็ยังเข็ดกับแมงกระชอนตัวเก่าอยู่นะ”

“จ้า...ช่วงโปรโมชั่นอยากจะทำอะไรก็เอาเลย...ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน”

พอรถใกล้ถึงนครสวรรค์นาทีก็โทรศัพท์บอกกับเอกรินทร์ ด้วยกำลังยุ่ง ๆ อยู่กับลูกค้าเอกรินทร์จึงบอกกับเขาว่า

“ถ้ารถถึงแล้วพี่เอกยังไม่ไปถึงก็รออยู่ที่ท่ารถก่อนนะเดี๋ยวออกไปรับ”

แต่เดี๋ยวของเอกรินทร์นั้นเล่นเอานาทีรอจนคอยืดคอยาว...รอจนความรู้สึกน้อยใจประเดประดังเข้ามาทั้งที่เขาโทรมาบอกทุกสิบนาทีว่า

“ขอโทษนะหนึ่ง พี่เคลียร์งานไม่จบจริง ๆ แล้วถ้าพี่ออกไป พี่ก็ยังอยู่กับหนึ่งเลยไม่ได้ รออีกสักครู่นะ”...

ครู่หนึ่งของเขาทำให้นาทีต้องนั่งรอไปอีกสี่สิบห้านาที...เอกรินทร์ขับรถคันละล้านกว่าบาทมาหาเขาที่ท่ารถตู้ นาทีที่พยายามดับอารมณ์กรุ่นโกรธหลังจากที่เข้ามานั่งในรถของเขาแล้ว...เพราะระหว่างที่เขาขับรถออกมาจากร้านเขาก็โทรศัพท์บอกเล่ากิจวัตรอันวุ่นวายของเขาให้นาทีได้รับรู้ไว้ด้วย

“ยิ้มหน่อยซิ...อย่างอนพี่เอกเลยนะ”

“หนึ่งไม่ได้งอน...” ว่าแล้วนาทีก็ถอนหายใจแรง ๆ

“ยิ้มก่อน”

นาทีหันไปคลี่ยิ้มให้เขา และเขาก็ยิ้มตอบ...ตาสองคู่ประสานกัน นาทีอารมณ์ดี
ทันที...

“พี่ขอโทษจริง ๆ นะ งานพี่ยุ่งแบบนี้ทุกวันจริง ๆ แล้วไอ้วันเสาร์นี่ ปกติมันก็ไม่วุ่นแบบนี้นะ แต่เสาร์นี้ ...ไม่อยากเล่าอีก”

“เหนื่อยไหม”

“เห็นหน้าหนึ่งก็หายเหนื่อยแล้ว...” เขาพูดพลางออกรถไปข้างหน้า นาทีมองตึกรามบ้านช่องสองข้างทาง แล้วก็หันมาหาคนขับที่ใช้ความเร็วพารถเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างคนใจเย็น

“หนึ่งหิวข้าวหรือยัง”

“ไส้กิ่วแล้ว”

“อยากกินอะไร ชอบกินปลาไหม”

“อะไรก็ได้แล้วแต่เจ้าภาพเลยแล้วกัน”

ตอนที่เอกรินทร์ไปหาเขาที่กรุงเทพฯ อาหารค่ำมื้อนั้นนาทีเป็นคนออก ส่วนอาหารเช้านาทีทำข้าวต้มร้อน ๆ ไว้ให้เขา และอาหารเที่ยงก่อนที่จะเข้าไปโรงภาพยนตร์นั้นนาทีก็ขอเป็นคนออกโดยบอกกับเขาไว้ว่าถ้ามานครสวรรค์เขาค่อยเป็นเจ้ามือทั้งที่อยู่และที่กิน

“งั้นไปกินอาหารกันที่แพริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังศาลากลางนะชมวิวไปด้วยจะได้บรรยากาศเมืองปากน้ำโพ..”


จรินนาที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมถูกสะกิดจากลูกสาวเจ้าของร้านเบเกอรี่...

“จินนั่นใช่พี่เอกหรือเปล่า” จรินนาหันหน้าไปมองก็เห็นว่าเอกรินทร์กำลังเดินนำนาทีลงมาที่แพอาหารริมแม่น้ำ แรกทีเดียวเอกรินทร์กับเพื่อนชายนั้นไม่เห็นจรินนา แต่เมื่อจรินนายกมือขึ้นทักทาย เอกรินทร์ก็ยิ้มให้แล้วก็โบกมือทักทายก่อนจะพานาทีแยกไปอีกมุมหนึ่งของแพ...

จรินนาขอตัวจากวงอาหารที่เพิ่งรวมตัวกันติดครั้งแรกหลังจากที่ตนเองกลับมาจากเมืองนอกเพื่อไปทักทายเอกรินทร์กับคนพิเศษ

“สวัสดีค่ะ” จรินนายกมือไหว้แขกของพี่ชาย นาทีรับไหว้ยิ้มให้เพราะว่าจำได้ว่าจรินนาไปงานของแพรวพรรณพร้อมกับเอกรินทร์ และเอกรินทร์ก็เล่าความสัมพันธ์อันสนิทสนมกันชนิดรู้ไส้รู้พุงกันของหญิงสาวให้นาทีได้รับรู้ไว้บ้างแล้ว

“มานั่งก่อน ๆ มากันได้อย่างไร” เอกรินทร์เชิญชวน

“โลกกลมจริง ๆ เลยพี่เอก เพื่อนกลุ่มนี้สมัยเรียนมัธยมปลายน่ะ พอดีเอ๋มันนัดหมายแก๊งค์ได้ก็เลยได้เจอกัน”

“มีเพื่อนก็ดี จินจะได้ไม่เหงา นี่พี่หนึ่งนะ...”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“พี่เอกเล่าเรื่องคุณจินให้ฟังเยอะแยะเลยครับ”

“เราสนิทกันค่ะ สนิทกันมาก เหมือนพี่น้องกัน”

“หนึ่งเขาก็ลูกคนเดียวเหมือนกัน”

“หวังว่าคงไม่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนจินนะคะ”

“ก็มีบ้าง”

จังหวะนั้นพนักงานเสิร์ฟเข้ามาหาพร้อมกับเมนู วงสนทนาจึงต้องเปลี่ยนไปคุยเรื่องอาหาร จรินนาเห็นว่าควรให้ทั้งคู่เลือกอาหารกันก่อน หญิงสาวจึงขอตัวกลับไปหาเพื่อนที่กำลังจะล่ำลากัน และเมื่อ เพื่อน ๆ ต่างแยกย้ายกันไปแล้วจรินนาก็เดินกลับมาหาเอกรินทร์อีกรอบ...

“รสชาติอาหารเป็นไงคะพี่หนึ่ง”

“อร่อยมากครับ”

“กินด้วยกันอีกไหม” เอกรินทร์ชวน

“ไม่ไหวแล้วพี่ แค่นี้ก็คงต้องพึ่งอีโน...ท้องอืดมาก...กินกันไปคุยกันเลยกินเพลิน..” จรินนานั่งคุยตีสนิทอยู่นานจนกระทั่งสบโอกาสหญิงสาวจึงขยิบตาให้เอกรินทร์ขยับปากถามนาทีเรื่องคำทำนายของเมขลาที่มีต่อเดชาพงษ์ให้...

“อ้อ...หนึ่งเคยบอกว่าน้องหนูนาดูดวงแม่นมาก คือมีคนอยากรู้ว่าน้องหนูได้ดูให้พี่ชายคนรองไว้หรือเปล่า อาจารย์เดชาพงษ์น่ะ”

“ใครอยากรู้เหรอ” นาทีแสร้งไม่รู้ว่าคนที่อยากรู้คือใคร จรินนาจึงไม่อ้อมค้อม
“จินเองคะ จินสนใจอาจารย์เขาอยู่ เลยอยากรู้เรื่องคำทำนายไว้”

“เดี๋ยวพี่โทรถามน้องหนูนาให้...”

“พี่กินข้าวก่อนก็ได้ค่ะ อิ่มแล้วค่อย”

“ถามเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องรอนาน” ว่าแล้วนาทีก็ดึงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาต่อสายถึงเมขลา...ช่วงรอให้เมขลารับสายนั้นจรินนาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “อย่าบอกกับน้องหนูนานะว่าจินอยากรู้”

นาทีพยักหน้าแต่ว่าพอเมขลารับสายนาทีก็ถามไปตรง ๆ ว่า

“หนูนา คุณจินเขาอยากรู้ว่าหนูนาดูดวงให้พี่เดชาพงษ์เรื่องเนื้อคู่ไว้ว่าอย่างไรบ้าง”....

“พี่หนึ่งอ่ะ” จรินนาทำเสียงกระเง้ากระงอด...

“ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมค้อมแหละดีแล้ว...” เอกรินทร์บอกยิ้ม ๆ...นาทีจุปากส่งสัญญาณให้สองคนเงียบก่อนจะเปิดลำโพง...

และพอทราบเรื่องเนื้อคู่ของเดชาพงษ์จากปากเมขลาว่าสมัยที่ยังดูดวงได้นั้น จรินนาก็อายจนหน้าแดงพูดไม่ออกบอกไม่ถูก..กระทั่งต้องขอตัวกลับบ้านไปตั้งหลักเตรียมรับมือกับ ‘ลิขิตของพระพรหม’




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2555, 23:36:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ส.ค. 2555, 00:28:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 2298





<< 20.1“ได้ค่าจ้างนิดเดียว จะยื้อเวลาไว้ทำไม...”   21.1 “ถ้าหนึ่งพี่มีเอกคนเดียว พี่เอกก็จะมีหนึ่งคนเดียว...” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 17 ส.ค. 2555, 23:41:37 น.
เช่นเดิมครับ ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจ....จุ๊บ ๆ


imsoul 17 ส.ค. 2555, 23:49:03 น.
ขอบคุณคะ จุ๊บๆๆๆ


nateetip 18 ส.ค. 2555, 00:01:00 น.
บอกรักที่นั่งร้าน..นึกภาพตาม โอ้ย..โรแมนติกออก ยืนข้างล่างเงยหน้ามอง อยู่ข้างบนมองลงมา..วี้วววว....อ่านวนไปวนมาตั้งหลายรอบ ชอบคู่น้องนางมากค่ะ..^.^


invisible 18 ส.ค. 2555, 00:02:19 น.
ลิขิตพระพรหมเป็นไงน้า...อิอิ


loveleklek 18 ส.ค. 2555, 00:06:00 น.
มาซะดึกเชียว


konhin 18 ส.ค. 2555, 00:21:52 น.
อ่านแล้วเขิลลลล


wii 18 ส.ค. 2555, 00:30:54 น.
หยั่งว่าเเหละเนาะเเม่ผัวกับลูกสะใภ้ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนในโลกดีสำหรับลูกชายตัวเองหรอกในความคิดของคนเป็นเเม่หน่ะ


sai 18 ส.ค. 2555, 05:11:41 น.
ตะหงิดๆว่าตอนหน้า จิน จะรุกกว่าเดิม 555


innam 18 ส.ค. 2555, 08:31:45 น.
ตามเป็นกำลังใจ


คิมหันตุ์ 18 ส.ค. 2555, 10:15:32 น.
ขอให้แม่เฮียจักรเป็นนางฟ้าแสนดี.


จุฬามณีเฟื่องนคร 18 ส.ค. 2555, 10:34:09 น.
รายชื่อผู้โชคดีได้รับหนังสือ ในสวนศิลป์ คนแรก จากการจับสลากตอนที่ 1-10 คือ คุณณจรร จากตอนที่6.1


จุฬามณีเฟื่องนคร 18 ส.ค. 2555, 10:38:18 น.
รายชื่อผุ้โชคดีที่ได้รับหนังสือ ในสวนศิลป์ คนที่สอง จากการจับสลากตอนที่ 11-20 คือ คุณ will จากตอนที่ 11 ครับ....ทั้องสองท่านติดต่อขอชื่อที่อยู่ไว้ที่ข้อความได้เลย หนังสือออกเป็นเล่มเมื่อไหร่ (ประมาณ เมษายนปีหน้า ) จะส่งให้ครับ...


ณจรร 18 ส.ค. 2555, 11:08:38 น.
ค๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา จะรอรับค๊าาาาาาาาาาาาาาาา อิอิอิ


หนอนฮับ 18 ส.ค. 2555, 17:19:27 น.
อิอิ..ช่าย แม่ผัวแบบนี้อย่าได้ยอมมมมม


Orathai 18 ส.ค. 2555, 22:26:43 น.
แผนแยบยลกันจริงๆ แต่ละคนเขาก็ทันกันนะ


Zephyr 22 ส.ค. 2555, 22:50:36 น.
แต่ละคู่แผนเยอะกันจังนะ
ฉากนั่งร้านทำให้คิดถึงสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักขึ้นมาตงิดๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account