พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 19. กลับมาโพสต์ให้จบตามคำเรียกร้อง

19.


เมื่อถึงที่ทำงานในเวลาเจ็ดโมงเช้า หลังจากตอกบัตร มาลีก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ 21 จัดการเก็บถังขยะตามโต๊ะพนักงาน ซึ่งบางคนอยู่ทำงานจนดึกแล้วขยำกระดาษโยนลงตะกร้า มาลีรวบรวมขยะทั้งหมดใส่ถุงดำเตรียมใส่รถเข็น เพื่อลากลงไปทิ้งยังถังขยะใหญ่ที่อยู่ด้านหลังอาคาร

ในเวลานั้นพนักงานก็เริ่มทยอยกันเข้าสู่โต๊ะทำงานของตน มาลีก็เร่งมือที่จะเช็ดถูบริเวณสถานที่ที่เป็นส่วนรวมให้เร็วที่สุด เพราะในวันนี้ตามตารางแม่บ้านจะมีการใช้ห้องประชุมแต่เช้า หลังจากขัดห้องน้ำเสร็จเธอจะต้องรีบไปยังห้องประชุม แล้วเช็ดโต๊ะจัดแก้วน้ำดื่มเข้าไปตามจำนวนคน และจะต้องอยู่รอเพื่อเช็ดโต๊ะและเก็บแก้ว ซึ่งในระหว่างที่เขาประชุมกันนั้น มาลีคิดว่าเธอจะลงไปแยกกระดาษออกมาจากถุงขยะ เพราะพี่ศรีวรรณบอกว่านั่นเป็นรายได้ของเธอ

ขณะที่มาลีกำลังขัดล้างห้องน้ำของผู้ชายอยู่นั้น กลยุทธก็เดินเข้ามา มาลีเงยหน้ามองเขา แล้วก็รีบก้มหน้าทำงานของตนอย่างขมีขมัน

“มาลี” เขาเอ่ยทักหญิงสาวเบาๆ

มาลีเงยหน้าขึ้นมองพลางหยุดมือที่สาละวน แล้วรีบออกจากห้องน้ำไปไปยังห้องครัว เขาเดินตามมาลีเข้ามาอีก

“ทำไมต้องมาทำงานที่นี่ หางานอื่นทำไม่ได้เหรอ”

มาลีเชิดหน้าขึ้นมา อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอเป็นแม่บ้านสำนักงาน เขาจะรับสภาพเธอได้ไหม ผู้ชายผูกเน็คไทคนไหนจะสนใจผู้หญิงสภาพแบบนี้บ้าง

“ผมขอโทษนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มทุ้มเหมือนเดิม

“จะเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ฉันจะได้เข้าไปขัดห้องน้ำต่อ” มาลีอ้างเรื่องงาน

“ไหนว่าจะมาเรียนต่อ แล้ว”

“มหาวิทยาลัยยังไม่เปิดเทอม ยังไม่ได้สมัครเรียนเลยด้วยซ้ำก็เลยต้องหางานทำ คุณก็รู้นี่คะว่าจริงๆ แล้วสภาพของฉันเป็นอย่างไร”

“แต่มันก็มีงานอื่นที่ดีกว่านี้นี่” เขายังอธิบาย

“มาลีขอพี่ศรีวรรณมาทำเองแหละค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทนกับความต่ำต้อยนี้ได้นานแค่ไหน ถ้าทนได้ คิดว่าต่อไปถ้าชีวิตมีอะไรที่มันแย่กว่านี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้ว” ว่าแล้วมาลีก็ผละไปขัดห้องน้ำด้วยน้ำตาคลอหน่วยตา


กุลยุทธเดินกลับมายังโต๊ะทำงานด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม อรชุมา กับจริญญา ปรายตามองสีหน้าเจ้านายแล้วแลสบกันอย่างพยายามคาดเดาความรู้สึก วรรณาที่เดินหอบเข้ามาพร้อมกับถุงสัมภาระพะรุงพะรังถึงก้มลงหน้าเจ้านายตัวเอง

“เป็นอะไรคะ”

“เปล่า”

“แต่สีหน้าของคุณบอกว่ามีอะไร” วรรณาพูดอย่างรู้ทัน

กลยุทธถอนหายใจออกมา ก่อนจะรีบค้นโต๊ะหางานออกมาทำ
เมื่อถึงเวลาแปดนาฬิกาสามสิบนาที พนักงานทั้งหมดก็เข้าประจำตำแหน่งของตน กลยุทธชะแง้มองมาลีที่ถือถาดน้ำเดินไปยังห้องประชุม เธออยู่ใกล้เขาแค่นี้เอง แต่ทำไมเขารู้สึกว่าเธออยู่ไกลถึงอุ้มผาง เป็นเพราะเขาไม่กล้าเองอย่างนั้นหรือ
แล้วโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเขาก็ดังขึ้น

“ไปโรงงานกับรมมี่หน่อยได้ไหมคะ รมมี่ไม่อยากขับรถคนเดียว” กลยุทธอยากจะเลี่ยง แต่เขาก็พูดคำว่า ‘ครับ’ ออกไปแล้ว

มาลีมองตามร่างของชายหญิงสองคน ที่ดูดีมีสง่าราศีสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกนั่นด้วยจิตใจที่ร้าวราน ในที่สุด ‘ดอกฟ้า’ ที่พวกคุณสุชินและสมศักดิ์เอ่ยถึงก็เคียงคู่ไปกับ ‘หมาวัด’ รูปงามที่ไม่ใช่หมาวัดธรรมดา เมื่อทั้งคู่คล้อยหลังไปแล้ว มาลีก็ได้ยินเสียงซุบซิบที่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจดังขึ้นมาจากห้องครัว ห้องน้ำ รวมถึงมุมต่างๆ ในบริษัทมีการพนันกันเกิดขึ้นด้วยซ้ำ มาลีนึกเห็นใจแกมสังเวชเขาขึ้นมา เขาคงไม่มีความสุขนักหรอก แต่เขาก็เลือกที่จะเป็นขี้ปากคนอื่นๆ

“มาลีกลางวันนี้ของผมก๋วยเตี๋ยวเป็ดนะ” พนักงานคนที่มองมาลีด้วยสายตากรุ้มกริ่มร้องบอก ขณะมาลีทำทีเป็นเช็ดมุมซิงค์อยู่ในครัว

มาลียิ้มรับแล้วรีบดึงกระดาษจากกระเป๋ามาจด พร้อมกับขอเงินจากคนสั่งทันที งานรับซื้อของกินเป็นอีกงานที่ทำให้มาลีรู้สึกตื่นเต้น เธอจะมีรายได้พิเศษเป็นเงินค่ารถไป-กลับ

“หน้าตาก็ดีทำไมไม่หางานอื่นทำ”

“งานนี้ก็ดีนี่คะ” มาลีแกล้งรวนกลับไป

“ทำงานอื่นไหม ฉันจะหาให้”

“ประเภทไหนคะ กลางคืนหรือกลางวัน”

“กลางวันซิ อย่างเธอนี่ ขายของตามห้างก็ได้ ขายเครื่องสำอางท่าจะเหมาะกว่านะ ไอ้ชุดนี้ฉันว่ามันซ่อนเธอไว้อย่างไรก็ไม่รู้”

มาลียักไหล่ ก่อนจะขอตัวไปเช็ดถูตรงอื่น

“หยิ่งด้วยโว้ย น่าสน น่าสน” คนเจ้าชู้มองตามไปอย่างมุ่งหมาย


เย็นวันนั้นมาลีรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นว่าพี่ศรีวรรณพาเธอเดินไปยังรถคันหนึ่งที่จอดรถอยู่ที่ลานจอดชั้นหนึ่ง เมื่อพี่ศรีวรรณเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหน้า มาลีถึงได้เห็นว่าใครเป็นคนขับ เขายิ้มให้กับเธอ มาลีเปิดประตูด้านหลังเข้าไปนั่งตามแรงส่งของพี่ศรีวรรณ

“ปกติถ้าคุณยุทธเอารถมาพี่ก็จะกลับกับเขา จ่ายให้เท่าค่ารถที่พี่ต้องเสียหากไม่ได้นั่งรถเขากลับ”

พี่ศรีวรรณบอกตามตรงและคำพูดนั้นน่าจะหมายถึงว่า มาลีก็ต้องควักจ่ายตามเงินจำนวนนั้นด้วย

“เท่ากับค่ารถอะไรบ้างคะ”

“รถไฟฟ้าก็ 37 บวกรถเมล์ 8 บวกมอเตอร์ไซค์อีก 10 บาท ก็น่าจะอยู่ที่ 55 บาท แต่ลดแล้วเหลือ 50 บาท”

พี่ศรีวรรณคิดให้เสร็จสรรพ แต่มาลีคิดว่า ถ้าเป็นรถเมล์ปรับอากาศล่ะจะไม่ถึง แต่เธอก็ได้แต่นิ่งเงียบ และดูเหมือนคนขับจะจงใจนิ่งเงียบเหมือนกัน จนกระทั่งพี่ศรีวรรณเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบว่า

“วันนี้ไปไหนกับคุณรมมี่มาคะ”

“ไปโรงงานที่สระบุรีครับ” เขาตอบเสียงดังฟังชัด จนมาลีรู้สึกว่าเขากำลังเคลียตัวเอง แต่เพื่ออะไรล่ะ

“คนซุบซิบกันมากขึ้นๆ นะคะเรื่องนี้ พี่ละห่วงคุณจริงๆ เลย”

“มากับพี่ผมก็ถูกซุบซิบ” กลยุทธพูดติดตลก ศรีวรรณค้อนให้

“ชายหญิงไปไหนด้วยกันถูกซุบซิบได้อยู่แล้วครับพี่ ผมไปไหนกับไอ้ชินกับไอ้ศักดิ์ผมก็ถูกซุบซิบ ผมไม่สนใจแล้ว เอาบริสุทธิ์ใจเราดีกว่า”

มาลีนิ่งฟังแล้วครุ่นคิดตาม ในที่ทำงานคนมากมาย ไม่ซุบซิบเรื่องนี้ เธอก็จะได้ยินอีกกลุ่มพูดถึงอีกกลุ่ม ผู้หญิงพูดถึงผู้ชาย ผู้ชายผู้ถึงผู้หญิง ลูกน้องพูดถึงเจ้านาย พูดถึงกีฬา ดารา งานใหม่ อาหาร การเมือง ทุกๆ เรื่อง คนเป็นสัตว์สังคม มีปากเพื่อพูดเรื่องสังคม ถ้าขืนเก็บมาใส่ใจ ก็คงแย่เหมือนกัน ถึงว่า สังคมตรงนี้ถึงได้ต่างคนต่างอยู่ไม่สนใจกัน สนใจแค่หน้าที่ของตน และก็พร้อมหันหลังให้กันเมื่อหมดผลประโยชน์

รถแล่นไปบนถนน โดยที่มาลียังได้ยินทัศนะคติของเขากับเรื่องสังคมที่พี่ศรีวรรณเปิดประเด็นขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งรถแล่นถึงบ้าน พี่ศรีวรรณลงจากรถพร้อมกับถุงใส่ขวดน้ำพลาสติกที่ถูกบี้จนมีปริมาณไม่มาก แต่น้ำหนักนั้นพอได้ค่ารถกลับบ้านทีเดียว

“สองคนหนึ่งร้อยบาทนะคะ”

เขารับเงินใส่กระเป๋าแล้วยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น มาลีลงจากรถไป ไม่เอ่ยคำ ใดๆ ออกมา กลยุทธนิ่งมองดูมาลีที่ไขประตูเข้าบ้าน เขาจะปล่อยให้เรื่องของเขากับมาลีเป็นอย่างนี้ไม่ได้ กลยุทธตัดสินใจลงจากรถแล้วเดินดิ่งเข้าไปหา

“มีเรื่องคุยด้วย อยากคุยด้วย”

มาลีมองหน้าเขา แล้วก้มดูสภาพตัวเองในชุดสีเหลืองที่เธอไม่ยอมเปลี่ยนเหมือนพี่ศรีวรรณ

“ผมไม่ได้สนใจที่เสื้อผ้านะมาลี เพียงแต่”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณนี่คะ แค่รู้สึกว่า เรื่องคุยกันระหว่างเรามันเหลือนิดเดียวเท่านั้นเอง”

“แต่ผมอยากคุยกับคุณนะ” สายตาของเขายังกวาดอยู่ในวงหน้ารูปไข่ ซึ่งมีปอยผมหน้าม้ามาปิด

“ฉันอยากพักผ่อนเหนื่อยค่ะ เหนื่อยมาก”

เขาถอนหายใจออกมา แล้วดึงเงินจากกระเป๋าส่งคืนมาลีห้าสิบบาท

“ค่าอะไรคะ”

“ผมไม่รับไว้นะ ผมไม่ต้องการเงินจำนวนนี้”

“แต่พี่ศรีวรรณเขาก็จ่าย หากฉันไม่มากับคุณฉันก็ต้องเสียเงินจำนวนเท่านี้” มาลีพูดเสียงดังกลับไป

“แต่ผมไม่รับนะ”

ว่าแล้วเขาก็ดึงมือมาลีมาแล้วยัดเงินใส่มือก่อนจะรีบผลุนผลันขับรถออกไป มาลีมองตามไฟท้ายที่ค่อยๆ ลับสายตา เขาคิดอย่างไรกับเธอ จริงจัง เพียงล้อเล่น หรือหลอกลวง


เมื่อกลับถึงบ้าน กลยุทธต้องแปลกใจเมื่อเห็นกุลกัญญานั่งคุยโทรศัพท์พร้อมกับมีรอยยิ้มขวยเขิน เมื่อเขาดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถ กุลกัญญาก็ดึงหูฟังออกจากหู แล้วยิ้มร่ารับเขา

“หน้าตาไม่ค่อยดีเลยพี่ชาย มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“แล้วเราเองทำไมยิ้มจนหน้าบาน”

พี่ชายร้องถามความผิดปกติบ้าง กุลกัญญาไม่ตอบ ด้วยรู้ว่าคำตอบนั้นพี่ชายเธอไม่เห็นด้วยแน่

“ทานข้าวมาหรือยังคะ กุลทำอาหารไว้รอพี่นะ แต่ลืมโทรไปบอก”
เขามองหน้าน้องสาวของเขา แล้วยิ้มให้

“นึกอย่างไรขึ้นมาอีกเนี่ย ปกติมีแต่ข้าวเปล่าส่วนกับให้พี่หาเอง หรือไม่ก็ไข่เจียว”

“ก็อยากทำตัวเป็นแม่บ้านดูบ้าง นางเอกเรื่องใหม่ จะต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือน”

“กุลสบายดีไม่มีอะไรผิดปกตินะ ดูแลตัวเองด้วย อย่าหักโหมมาก”

กุลกัญญาเพิ่งค้นพบเหมือนกันว่า ความรักนั้นทำให้เธอมีพลังขึ้นมามากทีเดียว วันนี้เธอออกจากบ้านไปหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อไปช่วยนิวัฒน์ขายผลไม้ อาจจะเป็นเพราะคำพูดตลกๆ ของเขา จึงทำให้เธอได้หัวเราะแล้วเกิดความสดชื่นขึ้นมาตลอดทั้งวัน

“โทรหาเพื่อนใหม่บ้างหรือเปล่า”

“มาลีหรือคะ” น้องสาวถาม เมื่อพี่ชายของเธอนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อย

“อือ เขาไม่ได้บอกกุลซิว่าเขารู้จักกับพวกพี่ ตั้งแต่ตอนไปอุ้มผาง พี่ใช้บริการบ้านพักและทัวร์ของเขา”

เมื่อได้ยินกุลกัญญามีสีหน้าตกใจระคนดีใจ

“มาลีนี่ปิดเงียบเลย อย่างนี้มันต้องมีลับลมคมในแน่ๆ ถึงไม่ยอมเอ่ยถึง พี่จีบมาลีหรือเปล่า”

“เขาเป็นไงบ้างในสายตากุล”

“น่ารักดีค่ะ ว่องไวดี กุลไปบ้านเขา เขาบอกว่าขอตัวกวาดบ้านถูบ้านก่อน ไม่ถึงห้านาทีชั้นล่างชั้นบนเรียบร้อย ที่สำคัญเขามีน้ำใจนะ รู้ว่ากุลเดินช้าเขาก็เดินช้าตามกุล กุลอยากให้เขาทำอะไรเขาก็ไม่เคยขัด แล้วก็ผิวเขาสวยนะคะ อิจฉาคนอำเภอนี้จังเลยอากาศคงดีผิวจึงสวย”

กุลกัญญาหมายถึงผิวของนิวัฒน์ด้วย แต่กลยุทธคิดว่าน้องสาวพูดรวมๆ โดยหมายถึงมาลี

“อยากให้พี่ชายจีบมาลี อยากให้มาลีมาเป็นพี่สะใภ้”

“อ้าว” กลยุทธละคำข้าวทันที

“มาลีน่ารักนะคะ จีบเลยพี่ ถ้าพี่กับมาลีแต่งงานกัน หลานคงน่ารักไม่หยอกเลย”

“เขาจะมากัดก้อนเกลือกินกับเราเร้อ”

กลยุทธเลี่ยงทั้งที่หัวใจพองโต เป็นครั้งแรกที่น้องสาวของเขาเชียร์ผู้หญิงให้ ที่ผ่านมากุลกัญญาอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะมีคนอื่นมาแย่งความรักจากเขาไป มันคงเป็นลิขิตจากสวรรค์ เส้นทางเดินของเขากับมาลีถึงได้เป็นอย่างนี้

แต่ในความคิดของกุลกัญญานั้น หญิงสาวนึกถึงชัชชัยซึ่งมีสายตาบอกว่าชอบมาลีเป็นอย่างมาก หากมาลีต้องเลือกผู้ชายสองคนนี้เป็นพระเอกเพียงคนเดียว มาลีจะเลือกที่เหตุผลใด



เมื่อได้ลูกยุจากน้องสาว คืนนั้นหลังจากอาบน้ำและอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง กลยุทธจึงตัดสินใจโทรหามาลีดอกไม้แห่งอุ้มผาง

มาลีที่กำลังอ่านระเบียบการของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ละสายตาจากหนังสือดูที่หน้าจอโทรศัพท์ เธอยิ้มออกมา ในที่สุดเขาก็ทนคิดถึงเธอไม่ไหว

“มีอะไรหรือคะ” น้ำเสียงที่ตอบกลับไปนั้นมีเยื่อใยมากกว่าตอนหัวค่ำ

“นอนหรือยัง”

“อ้าวถ้านอนแล้วจะคุยได้ไหม” มาลีตอบตามจริง

“พรุ่งนี้ออกจากบ้านกี่โมง” เขาเข้าเรื่องสำคัญ

“ปกติออกตีห้าครึ่ง”

มาลีบอกตามตรง เพราะถ้าออกหกโมงจะทำให้ถึงที่ทำงานในเวลาที่กระชั้นชิด เสี่ยงไปทำงานสายจนถูกตัดเงินค่าแรง

“ขึ้นรถขสมก.ไปกันใช่ไหม”

เขาถาม มาลีตอบว่าใช่ เพราะถ้าออกแต่เช้า ไปรถธรรมดาก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าออกสายๆ ต้องพึ่งรถปรับอากาศแต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น

“พรุ่งนี้เอาอย่างนี้นะ มาลีโทรบอกพี่ศรีวรรณว่าจะไปเอง สายหน่อย จะขึ้นรถไฟฟ้า
ไป”

“จะทันเหรอ”

“ทันซิ ออกจากบ้านซักหกโมง ผมจะไปรับแล้วเราก็ไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินกัน”

“ทำไมเหรอ” มาลีถามความเห็น

“ผมอยากอยู่ใกล้ๆ มาลี”

กลยุทธไม่เก็บความรู้สึก ปลายสายหน้าแดงทันทีเมื่อได้ยินคำหวานจากเขา “ผมอยากอยู่ใกล้ๆ มาลีนานๆ”

เมื่อตกลงกันได้ เขาวางสายไป มาลีโทรแจ้งพี่ศรีวรรณเรื่องว่าจะตื่นสายหน่อยแล้วจะไปเอง พี่ศรีวรรณไม่ซักไซ้เพราะว่าดึกมากแล้ว

มาลีนอนลืมตาโพลงนึกถึงแม่ขึ้นมา ชีวิตผู้หญิงในกรุงเทพฯ มันล่อแหลมจริงๆ อยู่อย่างนี้ไม่มีใครคอยห้าม ไม่มีสายตาของใครมองและถึงมองก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเขาจะเอาไปพูดกันอย่างไร ไม่แปลกที่เธอเคยได้ข่าวว่า ใครเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ จึงมีโอกาสเสียตัวได้ง่ายกว่าอยู่บ้านนอก แต่เธอไว้ใจเขาได้ อย่างน้อย เธอก็รู้จักบ้านและน้องสาวของเขา และเขาก็คงไม่ปลุกปล้ำเธอระหว่างการเดินทางนี้ได้ หากเธอไม่ได้เต็มใจ


เมื่อได้เห็นว่า มาลีอยู่ในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดคอโปโลเข้ารูปแทนชุดพนักงานทำความสะอาด กลยุทธมีสีหน้าแปลกใจ เมื่อขึ้นมานั่งบนรถแล้วมาลีก็อธิบายว่า

“ไม่อยากเห็นคนอื่นมองคุณด้วยสายตามีคำถาม”

“คำถามว่าไง” กลยุทธถามย้ำสิ่งที่อยู่ในใจหญิงสาว
มาลีปรายตามองดูเขา ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงสแล็คส์สีน้ำเงินเข้ม เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำตาลลายสีดำไม่มีเน็คไทติดคอ ใบหน้านั้นนวลรับกับจมูกที่เป็นสัน ดวงตาของเขาที่จ้องมองมาหามาลีนั้นเหมือนเด็กหนุ่มที่สมหวังในความรัก มาลีจ้องตอบแล้วก็เมินหน้าออกไปทางกระจก

“ทำไมคุณไม่ขับรถไปจนถึงที่ทำงานเลยล่ะ”

“น้ำมันแพงและเบื่อผจญรถติด อันที่จริงผมจะขับมอเตอร์ไซค์มาจอดที่นี่นะ แต่ว่าอยากอยู่ใกล้ๆ กับคุณ ผมก็เลยเอารถออกมา”

มาลีหน้าแดง แต่ก็อดมีคำถามกลับไปไม่ได้อีก

“แล้วทำไมไม่เอารถมอเตอร์ไซค์ออกมาล่ะ แล้วทำไมเมื่อวานขับรถยนต์ออกไป”

“ที่เอารถยนต์ออกก็เพราะอยากใช้งานมันบ้าง แล้วอีกอย่าง อยากให้พี่ศรีวรรณพาคุณนั่งกลับมาด้วย”

เมื่อได้ยินมาลีระบายลมออกจากจมูกพร้อมรอยยิ้ม นี่เป็นวิธีจีบสาวของหนุ่มกรุงเทพฯ อย่างนั้นหรือ มันแนบเนียนและเต็มไปด้วยการลงทุน

“ส่วนเรื่องมอเตอร์ไซค์นั้นผมกลัวคุณไม่กล้าซ้อนท้าย” มาลีดีใจที่เขาพูดตามตรง

“ถ้ามาลีกล้าซ้อนล่ะ”

“พรุ่งนี้ผมจะเอารถมอเตอร์ไซค์มา”

“จะได้ประหยัด มาลีเข้าใจนะคะ เข้าใจเหตุผลที่คุณต้องทำอย่างนี้”

“ผมดีใจที่มีผู้หญิงน่ารักๆ เข้าใจในความเป็นผม”

“ที่ผ่านมา” มาลีกำลังหมายถึงผู้หญิงสักคนของเขา

“ผมไม่กล้าบอกใครหรอกว่าทำไมผมถึงไม่มีตาแลใคร ผมรู้แต่ว่าผมมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ผมอยากมีน้องสาวเป็นเพื่อนมากกว่ามีคู่ชีวิตครับ”

มาลีก้มหน้าครุ่นคิด ในวันนี้เขาต้องการเธอมาเป็นคู่ชีวิตงั้นหรือ แต่เมื่อมาลีนึกถึงใบหน้าของคุณรมณีย์ขึ้นมา อาการเดินตามแบบเจียมตัวระวังตนของเขาในวันนั้นอีก เธอจำเป็นต้องถามคำเรื่องของคุณรมณีย์ไหม บางทีเขาก็กำลังเคลียปัญหากับทางนั้นก็เป็นได้

เมื่อมาลีควักเงินค่าตั๋วรถไฟฟ้าให้กับเขา แล้วเขาไม่ยอมรับ

“ผมกำลังจีบคุณอยู่นะ” เขาพูดตามตรงมาลีหน้าแดง

“จีบฉัน จีบเพื่ออะไร”

“เป็นแม่ของลูก มีชีวิตไปด้วยกัน”

เขาพูดขณะสาวเท้าช้าลงกว่าปกติ แต่มาลีนั้นก็หาได้เดินช้ากว่าเขาสักนิด หญิงสาวเคยชินกับการทำอะไรรวดเร็ว เมื่อเดินลงไปยังจุดจอดรอขบวนรถไฟฟ้าในวันนี้ มาลีรู้สึกว่าเท้าลอยๆ ต่างจากวันนั้น วันที่ ‘ชัชชัย’ พาเธอมาที่นี่ครั้งแรก ความตื่นเต้นกับสถานที่หายไป ใจที่วับหวิวเข้ามา

เธอพยายามสลัดชัชชัยออกจากหัวสมอง ต่อแต่นี้ไปเธอจะไม่ทำตัวให้ใกล้ชิดกับเขาอีกแล้ว ถึงแม้เขาไม่ใช่คนรักของพี่นันทา แต่เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างคุณกุลยุทธ

“คิดอะไร” เขาถามขณะที่ยืนเคียงกันอยู่ยังจุดรอขึ้นรถ

มาลีปรายตามองไปทางซ้ายและขวา ในเวลาเช้าแบบนี้มีแต่คนทำงานทั้งนั้นเลย แถมดูสภาพแล้วทุกคนมีเงินเดือนที่มากพอจะจ่ายค่ารถไฟฟ้า แทนการขับรถหรือนั่งรถปรับอากาศเพื่อผจญกับรถที่ติดแทบไม่ขยับ

“คิดถึงบ้าน” มาลีบอกตามตรง

“ที่บ้านคุณถนนโล่ง คนน้อย ตลาดเล็กนิดเดียว ต้นไม้เยอะ อากาศบริสุทธิ์”

“อยากกลับไปอยู่บ้าน”

มาลีเริ่มเพ้อถึงความหวังของตน โดยลืมไปว่าคนที่กำลังขอคบหาเป็นคู่รักนั้นต้องมีชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ

“ถ้าคุณกลับไปอยู่บ้านแล้วผมจะอยู่อย่างไรล่ะ”

มาลีได้สติครุ่นคิดตาม ถ้าให้เธอเลือกระหว่างอุ้มผางกับคนที่ต้องอยู่ในกรุงเทพฯ
แล้วทำไมเขาไม่คิดกลับไปอยู่ที่นั่นกับเธอ


เมื่อเดินพ้นจากประตูทางออกของสถานีรถไฟใต้ดินสถานีสีลม มาลีก็หยุดขณะที่กลยุทธยังก้าวเนิบนาบไปข้างหน้า เมื่อเห็นว่ามาลีไม่ได้เดินคู่กับตน กลยุทธจึงหยุดและหันกลับไปมอง สายตาของเขามีคำถามทันที มาลีเดินตามมาจนทันแล้วบอกเขาว่า

“ฉันยังไม่พร้อมที่จะเดินไปพร้อมกับคุณ”

“ผมไม่ได้อายใครนะมาลี”

ปากพูดไปแต่ในใจนั้นก็เริ่มมีกังวล คุณรมณีย์ควรจะรู้ได้หรือยังว่าเขาไม่ได้มีใจให้ คนที่เขามีใจให้คือมาลีคนนี้ คนที่เป็นแค่พนักงานทำความสะอาด แต่เมื่อนึกถึงสถานะของมาลีแล้วเขาก็รู้สึกสะท้านในทรวงอก ใครมันจะว่าเขา ‘ใฝ่ต่ำ’ อีกไหม

“คุณเดินไปก่อนเถอะค่ะ มาลีคิดว่ามาลีคิดไม่ผิดหรอก เรายังควรแค่คบหากันฉันพี่น้องที่หวังดีต่อกันไปก่อนดีกว่านะคะ ถ้าคุณพร้อมมากกว่านี้ เราค่อยเดินไปด้วยกัน”

เขามองหน้ามาลีก่อนจะปฏิบัติตามความคิดเห็นนั้น เด็กคนนี้ฉลาดกว่าที่เขาคาดคิดไว้จริงๆ



เมื่อสองหนุ่มสาวทิ้งระยะห่างกันก่อนจะก้าวเดินตามกันไป คุณดาว ดาริกา เลขาหน้าห้องของรมณีย์ก็ขยับออกจากมุมสะพานลอย เรื่องคุณกลยุทธกับเด็กทำความสะอาดคนใหม่มันน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เธอเห็น งานนี้คงยังไม่รายงานเอาหน้าจนกว่าจะรู้แน่ชัดว่าอะไรคืออะไร?









จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2555, 11:13:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ส.ค. 2555, 11:13:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1988





<< 18. “ไม่กลัวเป็นข่าวกับมาลีบ้านป่าหรือคะ”   20. กลับมาโพสต์ให้จบตามคำเรียกร้อง >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 18 ส.ค. 2555, 11:16:01 น.
หายหน้าหายตาไปแปดเดือน ไม่รู้ว่าคนที่เคยอ่านเรื่องนี้ ลืม ชัชชัย มาลี กลยุทธ ไปหรือยัง....ซึงที่หายไปเพราะรอผลการสรุปผลการพิจารณาจากสำนักพิมพ์ ซึ่งตอนนี้ เป็นอันว่า พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว จะไ้ด้พิมพ์ รวมเล่มกับ สำนักพิมพ์มายดรีม ในเครือพิมพ์คำ ซึ่ง หนังสือจะวางแผงราว ๆ ต้นเดือนหน้า...ดังนั้นผมจึงต้องกลับมาโพสต์ต่อให้จบ สำหรับแฟน ๆ ตัวละครชุดนี้ครับ...แม้จะเป็นเรื่องดราม่ามากไปสักหน่อยแต่ระหว่างนั้นมีความหวานไม่น้อยทีเดียว ผมมั่นใจนะ...จุ๊บ ๆ


innam 18 ส.ค. 2555, 15:33:28 น.
ไม่รู้ว่าใครจะเป็นพระเอก....หรือจากกันโดยไม่ต้องมีคู่


wii 18 ส.ค. 2555, 22:40:51 น.
อ้าวดันมีบ่างช่างยุมาเห็นอีกเฮ้อ อยากใด้มาลีก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านนอกกับมาลีนั่นเเหละเนาะ ส่วนบ่างช่างยุน่าจะโดนตบซะให้หน้าหันสักสองสามทีนะ จุ้นไม่เข้าเรื่องจริงๆ


อ้อย 19 ส.ค. 2555, 03:28:57 น.
ยังค่ะ คิดถึงคุณชัชชัยค่ะ เข้ามาดูทุกวันเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account