ลิลลี่สีเพลิง

Tags: โรแมนติก-ดราม่า

ตอน: การเริ่มต้นของสายสัมพันธ์...4

อิศราวดีมาถึงบ้านพักหลังกะทัดรัดในหนึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวเดินนำเจซาเร็ตที่หิ้วถุงสามสี่ใบเข้าบ้าน พวกเขาตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เกตเลือกซื้อวัตถุดิบกับเครื่องปรุงในการทำอาหารไม่นานนัก อิศราวดีถามบุรุษหนุ่มว่าอยากทานอะไร แต่เขายกการตัดสินใจนี้ให้กับเธอเพียงบอกว่าเธอต้องทำอาหารอร่อยแน่ และเขาทานได้ทุกอย่าง อิศราวดีจึงตัดสินใจเลือกซื้อวัตถุดิบทำอาหารไทยสองอย่าง โดยมีเจซาเร็ตเลื่อนรถเข็นเดินตามหลังอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อเลยสักนิด
เจซาเร็ตเดินนำถุงอาหารมาวางบนเคาน์เตอร์ในครัว ทำท่าว่าจะล้างผักเอง อิศราวดีรีบปรามแล้วบอกให้เขาไปนั่งดูโทรทัศน์ในห้องรับแขกดีกว่า
“คุณล้างจานเป็นหรือเปล่าล่ะคะ?” อิศราวดีถาม เมื่อเขาไม่ยอมผละไปง่ายๆ
“เรื่องกล้วยๆ” หญิงสาวย่นจมูกน่ารักกับการวางเขื่องที่ไม่น่าจะวางของเจซาเร็ต
“งั้นคุณมีหน้าที่ล้างจานค่ะ ส่วนเรื่องทำอาหารปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเองค่ะ” บอกพลางหยิบผ้ากันเปื้อนออกจากลิ้นชักมาสวมใส่
“แน่ใจนะ...เอลย่าว่าจะไม่ให้ฉันเป็นลูกมือ”
“แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอีกค่ะ” บุรุษหนุ่มจึงยิ้ม เดินออกจากครัวไม่คิดจะขัดใจต่อไป
หนึ่งชั่วโมงกว่าๆหลังจากนั้น อิศราวดีก็ลำเลียงอาหารมาวางลงบนโต๊ะที่ระเบียงข้างนอกบ้าน โดยมีเจซาเร็ตคอยช่วยเหลือ หญิงสาวขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงทั้งสองก็ทานอาหารเย็นพร้อมกัน ร่างอรชรอยู่ในชุดกระโปรงอยู่บ้านแบบเรียบร้อยสีฟ้าสด ผมยาวตรงสลวยถูกหวีจนขึ้นมันเงางาม คาดไว้ด้วยที่คาดผมสุดเก๋ ดวงหน้าหวานผ่องใสไร้เครื่องสำอาง แต่ยังเห็นพวงแก้มอิ่มเจือแดง แต่ไม่เข้มมากเหมือนเมื่อสองชั่วโมงก่อนกับกลีบปากสีชมพูสดดูอ่อนนุ่มน่าสัมผัส จนคนเห็นเผลอมองนิ่งชั่วขณะ จวบจนกระทั่งสาวสวยทำหน้าสงสัย บุรุษหนุ่มจึงกระแอมเสตักน้ำแกงขึ้นมาชิม แกงมัสมั่นไก่รสจัดจ้านพอดีจนเขาเอ่ยปากชมอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับผัดเปรี้ยวหวาน เจซาเร็ตไม่เคยทานอาหารไทยมาก่อน แต่พอได้ทานเขาถึงกับหลงรักทันที อีกทั้งอิทธิพลของความรักที่มีต่อสาวน้อยเบื้องหน้าก็มีส่วนด้วยเช่นกัน
“ถึงที่นี่กับบรู๊คลินจะห่างกันมาก แต่ฉันชอบขี่รถ เวลาได้ขี่รถรับลมมันให้ความรู้สึกวิเศษ ราวกับเราลอยได้...ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เอลย่า ว่าฉันจะเสียงานเสียการเพราะเธอ ฉันเสียงานเพราะตัวเองมาตลอดหนึ่งเดือนนี้จากการไปเที่ยวที่เวอร์จิเนีย ซึ่งทำให้ฉันได้พบหญิงสาวแสนสวยอย่างเอลย่ายังไงล่ะ” อิศราวดีก้มหน้าเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ เพื่ออำพรางรอยแดงสร้าน ไม่ใช่ไม่เคยมีใครชมว่าเธอสวยมาก่อน แต่คำชมจากผู้ชายที่ตนหลงรักมันทำให้รู้สึกทั้งภูมิใจทั้งขัดเขิน
“แล้วเธอกลับเวอร์จิเนียยังไง...เอลย่า” เจซาเร็ตถามกลับบ้าง
“คุณตาให้คนมารับทุกบ่ายวันศุกร์ค่ะ พอถึงช่วงสายวันอาทิตย์ ฉันก็ต้องนั่งรถที่บ้านกลับมาที่นี่เป็นประจำค่ะ”
“ฉันอยากเจอตาของเธอ อยากขอคบกับเธอต่อท่าน ฉันคิดว่าจะหาซื้อรถไว้คอยรับคอยส่งเธอด้วยนะ เอลย่า” อิศราวดีมองชายตรงหน้าอย่างไม่คาดฝัน ดวงตากลมโตโตกว่าเดิม มือที่กำลังตักข้าวเข้าปากถือค้างชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะวางลงในจาน แล้วยิ้มปรีดา
“จริงหรือคะ...เจซาเร็ต คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้พูดเล่น... มันอาจจะเร็วเกินไป แต่ฉันรู้สึกได้ว่าฉันรักเธอจริงๆนะเอลย่า รักเธอจริงๆ ฉันไม่เคยโกหกใครโดยเฉพาะกับตัวเอง” ดวงตาเรียวคมจับจ้องนิ่งบนดวงหน้าสวยหวานที่มองเขาอย่างอัศจรรย์ใจ สีหน้าและดวงตาของเขาจริงจังหนักแน่นเหมือนน้ำเสียงจนหัวใจดวงน้อยของอิศราวดีพองฟูราวบอลลูนยักษ์
“ฉันไม่เคยอยากจะเห็นหน้าผู้หญิงคนไหนทุกวันเหมือนกับเธอ ทุกคืนฉันอยากได้ยินเสียงเธอบอกราตรีสวัสดิ์ก่อนนอน อยากทานอาหารฝีมือเธอ อยากดูหนังด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน อยากอยู่เคียงข้างทุกวินาที...นี้คือความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันมีต่อเธอ เอลย่า” คำสารภาพอันไพเราะกลั่นน้ำตาอุ่นๆให้คลอคลองขอบตาโดยไม่รู้ตัว อิศราวดียกมือปิดปาก ก่อนที่น้ำตาจะลามไหลลงมาช้าๆ เจซาเร็ตยิ้มละมุน ยื่นมือไปเช็ดหยาดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างนุ่มนวล
“อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมา ทานข้าวกับน้ำตาไม่อร่อยหรอกนะ แม้ว่ามันจะไหลออกมาเพราะดีใจก็ตาม” เขาหยอกเย้า อิศราวดีจึงหัวเราะขำออกมาได้ กุมมือที่เช็ดน้ำตาของเธอเสียแน่น
“ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม...แต่ห้ามเบื่อซะก่อนนะคะ ไม่งั้นฉันเอาเรื่องคุณแน่”
“ครับ...ทานได้ไม่เบื่อ และจะทานไปตลอดชีวิต” เจซาเร็ตตอบรับเสียงทุ้มกังวาน
หนุ่มสาวทานอาหารแบบดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนหวานและธรรมชาติอันงามงดในยามเย็น จวบจนกระทั่งแสงจันทร์ส่องสว่างเหนือพื้นโลก ทั้งคู่ก็ทานอาหารเสร็จ จึงช่วยกันลำเลียงจานอาหารไปไว้ในอ่างล้างจาน อิศราวดีปล่อยให้เจซาเร็ตทำหน้าที่ของเขา ส่วนเธอมีหน้าที่เช็ดจานให้แห้ง สองหนุ่มสาวใช้เวลาด้วยกันอีกสักพักจนกระทั่งสองทุ่ม บุรุษหนุ่มก็ขอตัวกลับ ก่อนจากกันพวกเขาแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ อิศราวดีเดินไปส่งถึงรั้วบ้านที่สูงแค่อก เจซาเร็ตฉวยมือบางไปจุมพิตเบาๆ บอกรักแล้วควบขี่เจ้าซิลเวอร์ สปารคเคิลจากไป ทิ้งให้สาวสวยยืนขัดเขินอยู่นาน คำว่า ผมรักคุณ ดังอื้ออึงในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเครื่องเสียงเล่นรีเพลย์เอง

เป็นเวลาเกือบจะสามทุ่ม ตอนที่เทเรซ่าได้ยินเสียงเครื่องยนต์สองสูบดังกระหึ่มหน้าบ้าน พร้อมเสียงบิดคันเร่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเธอยิ่งหงุดหงิดรำคาญใจ โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่วันนี้บิดายังไม่กลับมาถึงบ้าน ปล่อยให้เธออยู่กับแม่บ้านตามลำพัง ไม่รู้ว่ายามที่เฝ้าประตูหน้ารั้วปล่อยให้สิงห์มอเตอร์ไซค์เข้ามารบกวนความสงบของเธอถึงหน้าบ้านหลังใหญ่สีขาว ท่ามกลางแมกไม้ร่มครึ้มได้อย่างไร เทเรซ่าแอบคาดโทษยามโขมงโฉงโฉง ตั้งใจจะลงไปเผชิญหน้าคนก่อความรำคาญและจะฉะกันให้รู้ดำรู้แดง แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน เธอผลุนผลันไปเปิดประตูห้องทันที
“มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาคุณหนูค่ะ” แม่บ้านบอกอย่างร้อนรน เสียงเครื่องยนต์ยังคงดังเร่งเป็นระยะๆ
“ไอ้บ้าที่มันบิดคันเร่งหนวกหูอยู่ตอนนี้ใช่ไหม?”
“ค่ะ...เขาบอกว่ารู้จักคุณหนู ชื่อเจซาเร็ต รอดด์จำหน้าเขาได้ จึงยอมปล่อยผ่านให้เข้ามาในบ้านค่ะ”
“เจซาเร็ต!?” เทเรซ่าทวนคำ ก่อนจะยิ้มออก รีบวิ่งลงจากชั้นบนออกมาหาบุรุษหนุ่มทันที ทันทีที่เห็นร่างเพรียวระหงภายใต้เสื้อคลุมนอนแสนสวยออกมาจากตัวบ้าน เจซาเร็ตก็ดับเครื่องยนต์ เหวี่ยงขาออกจากตัวถัง เดินตัวตรงมาหยุดยืนที่ขั้นบันไดเตี้ยๆ
“ฉันไม่คิดว่าจะได้พบคุณอีกค่ะ เจซาเร็ต คุณคิดถึงฉันใช่ไหมคะ?” เสียงใสนำมาก่อนตัวเสียอีก แล้วเทเรซ่าก็หยุดยืนเบื้องหน้าเขา วงหน้าสวยคมแต้มรอยยิ้มหวานฉ่ำ
“ใช่...คิดถึงมาก” เสียงของเจซาเร็ตเย็นเยียบ แต่อีกฝ่ายมิทันสังเกต เพราะกำลังตื่นเต้นดีใจที่ได้พบหนุ่มที่ตนหลังรักอีกครั้ง หลังจากห่างเหินกันนานกว่าหนึ่งเดือน
“ข้างนอกค่อนข้างเย็น เข้าไปดื่มกาแฟร้อนในบ้านก่อนค่ะ” เทเรซ่าถือวิสาสะคว้าแขนล่ำสันแล้วดึงให้เดินตาม แต่เจซาเร็ตฉวยโอกาสนี้ตวัดร่างเพรียวระหงเข้าหากายแกร่ง กอดรัดเสียแน่น หญิงสาวตกใจในคราแรก ก่อนจะหัวเราะคิกออกมาอย่างพึงพอใจ เพราะคิดว่าบุรุษหนุ่มพิศวาสในตัวเธอ เทเรซ่ายกมือเรียวสัมผัสไล้สันกรามแกร่งที่รกไปด้วยหนวดเคราเขียวครึ้ม เสริมให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งคมสันบาดใจ
“รู้ไหมคะว่าฉันโหยหาอ้อมกอดนี้ของคุณแค่ไหน?”
“เธอน่าจะพูดประโยคเดียวกันนี้กับวิลมากกว่า เพราะว่าฉัน...” เขาทิ้งจังหวะ ก่อนจะชักมีดพกคมกริบออกมาจากเอว กดสปริงให้ใบมีดสีเงินวาววับสะท้อนแสงจันทร์นวลเป็นประกายท่ามกลางความมืด แล้วนำมาทาบลงบนเปลือกแก้มนวลผ่อง เทเรซ่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองใบหน้าคมสันที่กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมเกรียมด้วยความคาดไม่ถึง ไม่กล้าแม้แต่จะดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันน่าหวาดกลัว
“ไม่เคยอยากกอดเธอสักนิด ตั้งแต่สิ่งที่เธอทำกับคนรักของฉันวันนี้!”
“คนรักของคุณ?” เทเรซ่าเอ่ยเสียงแหบ ดวงตาคู่สวยสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่ารู้...ใครคือคนรักของเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้อยใจและชิงชัง หญิงสาวขนลุกชันเมื่อเจซาเร็ตลากปลายมีดจากผิวแก้มลงมาตามลำคอระหง สีหน้าของเขาเหี้ยมโหดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ใช่...เอลย่าคือคนรักของฉัน แล้วถ้าเธอตามราวีหล่อนไม่เลิกเพียงเพราะความหวังลมๆแล้งๆว่าฉันจะกลับมาหาเธออีกล่ะก็...เธอจะต้องเสียใจ โดยที่พ่อของเธอไม่สามารถเอาผิดฉันได้แม้แต่น้อย”
เจซาเร็ตแกล้งกดปลายมีดลงบนผิวลำคอไม่ถึงขนาดให้เลือดซึม เทเรซ่าหลับตาปี๋ หอบหายใจสะท้าน ก่อนที่เขาจะตวัดใบมีดเข้าฝัก แล้วผลักร่างบางออกสุดแรง หันหลังเดินกลับไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันโปรด ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็วดุจพายุสลาตัน ร่างเพรียวระหงสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆทรุดลงนั่งกับพื้นหน้าบ้าน แล้วสะอื้นไห้จนตัวโยน เทเรซ่าทั้งแค้นใจระคนผิดหวังที่ผู้ชายที่เธอเฝ้าหลงรัก จะเย็นชาและเหี้ยมเกรียมกับเธอได้ถึงเพียงนี้…



อิลวลาอิลตาร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2555, 15:45:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2555, 15:45:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1052





<< การเริม่ต้นของสายสัมพันธ์...3   การเริ่มต้นของสายสัมพันธ์...5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account