ลิลลี่สีเพลิง
Tags: โรแมนติก-ดราม่า
ตอน: การเริ่มต้นของสายสัมพันธ์...5
เย็นวันพฤหัสบดี เจซาเร็ตไปรับอิศราวดีที่มหาวิทยาลัยตามปกติ บุรุษหนุ่มพาแฟนสาวตรงไปที่บ้านพักก่อน เพื่อสอนศิลปะป้องกันตัวเบื้องตัว อิศราวดีหัวไวเรียนรู้เร็วจนผู้ฝึกสอนหนุ่มพึงพอใจ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงทั้งสองจึงแยกย้ายกันทำความสะอาดร่างกาย เจซาเร็ตใช้ห้องน้ำชั้นล่าง ส่วนอิศราวดีใช้ห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอน ก่อนจะออกไปซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เกตเพื่อทำมื้อเย็น
ใช้เวลาไม่นานเลยสำหรับมื้อเย็นของวันนี้ เพราะอิศราวดีทำเพียงข้าวคลุกกะปิ แถมเจซาเร็ตยังไม่โอดครวญถึงกลิ่นอันมีเอกลักษณ์ของกะปิให้เธอต้องยุ่งยากใจเสียด้วย เขากลับทานอย่างอารมณ์ดีและบอกว่าชอบเพียงใดจนหญิงสาวยิ้มกว้างหลายรอบด้วยความปลื้มใจ
“สุดสัปดาห์นี้คุณจะแวะไปเวอร์จิเนียหรือเปล่าคะ เจซาเร็ต” อิศราวดีถามขึ้นด้วยความใคร่รู้ หลังทานมื้อเย็นเสร็จสิ้น เพียงคิดว่าจะต้องห่างจากเขาถึงสามวันเต็มก็รู้สึกใจหาย
“ไม่ดีกว่า ฉันจะทำงานหนักตลอดสุดสัปดาห์ เผื่อได้ค่าแรงเพิ่ม แล้วจะมีเงินเก็บซื้อรถพาเธอไปเที่ยวนิวยอร์ก ฉันอยากพาเธอไปเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ที่เซ็นทรัลปาร์ก” อิศราวดีอมยิ้มน่ารัก
“ฉันไปเซ็นทรัลปาร์กบ่อยมากค่ะ ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษนะคะ”
“มีสิ...ถ้าเธอไปกับฉัน” เจซาเร็ตยกแก้วน้ำดื่มจนหมด ก่อนอมยิ้มบ้าง จ้องดวงตาสีม่วงสดด้วยแววตาทอประกายระยับ
“ไว้ฉันว่างเมื่อไหร่จะไปหาตาของเธอนะ เอลย่า เราจะได้คบกันอย่างเปิดเผย ถ้าเธอเรียนจบแล้วเราจะแต่งงานกัน ถึงวันนั้นฉันคงมีเงินเก็บมากพอที่จะใช้ดูแลเธอให้สุขสบาย”
“ถ้าเรียนจบฉันอยากทำงานสักพักค่ะ” อิศราวดีอุบอิบปฏิเสธ ก้มหน้าลงมองจานเปล่าเพราะไม่กล้าสบสายตาคมปลาบที่เธอคิดเอาว่าคงเต็มไปด้วยความผิดหวัง หากเสียงหัวเราะร่วนก็ดังขึ้น จนเธอต้องเงยหน้ามองอย่างงุนงง
“เอาสิ...ทำงานไปสักปีสองปีแล้วค่อยแต่งงานกันก็ได้ ฉันก็ลืมไปว่าเธอเองก็คงมีความฝันบ้าง อยากจะทำงานตามสิ่งที่เรียนมาล่ะสิ” เจซาเร็ตยิ้มละลายใจ อิศราวดีเผลอมองตาพร่า จึงหลุดสิ่งที่อยู่ในใจตลอดออกมา
“ค่ะ...ฉันมีความฝันสองความฝัน หนึ่งคือการได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและสองคือการได้เป็นคนรักของเจซาเร็ตนั่นแหละค่ะ” บุรุษหนุ่มย่นหัวคิ้ว หากประกายตาล้อเลียนเหมือนอิ่มเอมใจ อิศราวดียกมือปิดปากเมื่อรู้สึกตัวว่าพล่ามอะไรออกมา
“แต่งงานแล้วเธอยังทำงานที่รักได้นี่น่า เรายังไม่ต้องมีลูกเร็วนักก็ได้” เจซาเร็ตยิ้ม เอื้อมมือไปกุมมือเล็กนุ่มหลวมๆ ถ่ายทอดไออุ่นและความรักผ่านทั้งสัมผัสหวานและดวงตาสีอำพัน
“ฉันอดใจรองานแต่งของเราไม่ไหวเสียแล้วสิ...เอลย่า” อิศราวดีหน้าแดงระเรื่อ ใจเต้นโครมครามยามสบประสานนัยน์ตาเอาจริงเอาจังที่มีแววหวานฉ่ำ
“ฉันจะรอเจซาเร็ตว่าง แล้วเราไปพบคุณตาด้วยกัน ดีไหมคะ?”
“ไม่มีปัญหา” บุรุษหนุ่มพยักหน้า ก่อนลุกขึ้นช่วยคนรักเก็บจานอาหารและแก้วน้ำไปไว้ในครัว อิศราวดีช่วยเขาเช็ดจานให้แห้งขณะที่เจซาเร็ตล้างจานอย่างขมีขมัน
“เอ่อ... เจซาเร็ตขี่รถข้ามแดนกลับบรู๊คลินอย่างนี้ทุกวันคุณคงเหนื่อยสินะคะ” หญิงสาวเปรย หลังเช็ดจานใบสุดท้ายจนแห้งแล้ววางไว้บนชั้น เจซาเร็ตยืนรอเธออย่างอ้อยอิ่ง
“อย่างที่เคยบอกไปแล้ว...ฉันสนุกกับการขี่รถตากแดดตากลมนะ ไปไกลถึงเวอร์จิเนียมาแล้ว เธอก็รู้นี่” สีหน้าเขาดูผ่อนคลายขณะพูด เสมือนมันเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา ก่อนจะจูงมือเธอเดินกลับเข้าสู่ห้องรับแขกน่ารักด้วยการตกแต่งแบบผู้หญิงล้วนๆ อิศราวดีนั่งลงบนโซฟาบุนวมเคียงข้างเจซาเร็ต แต่เว้นระยะห่างเล็กน้อย ดูเหมือนบุรุษหนุ่มจะไม่ใส่ใจในความหวงตัวของเธอ เขาเปิดทีวีดูซีรีส์ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายที่สุด
“คะ...คืนนี้คุณค้างที่บ้านฉันก็ได้ ละ...แล้วค่อยกลับตอนเช้า เอ่อ...ฉันเป็นห่วง” สาวที่ไม่เคยชวนผู้ชายคนไหนนอนค้างที่บ้านมาก่อน เอ่ยบอกอย่างประหม่า แก้มผ่องแดงจัด เจซาเร็ตหันมามองด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนยิ้มบางๆ
“ไม่ดีกว่า...ฉันกลับได้ ถ้าเหนื่อยมากคงแวะนอนโรงแรมเล็กๆน่ะ”
“อย่าดีกว่าค่ะ นอนพักที่นี่แหละ” แม้ใจจะเอิบอิ่มกับความเป็นสุภาพบุรุษของคนรักหนุ่ม แต่ความห่วงใยสั่งให้เธอรั้งเขาไว้ให้ได้
“เธอกลัว เอลย่า...ไม่เห็นหรือว่าเธอนั่งห่างจากฉันเป็นวา แล้วฉันก็เป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อนะ เธอทั้งสวยทั้งหอมขนาดนี้ ฉันกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ให้สัมผัสเธอไม่ได้หรอก อีกอย่างฉันต้องเริ่มงานแต่เช้าด้วย ขอตัวกลับดีกว่า...แล้วเจอกันวันจันทร์จ้ะ” เจซาเร็ตลุกขึ้นยืน กลั้นยิ้มขำเมื่อเห็นดวงตากลมโตมีแววขัดเขินและโล่งใจ แม่เทพธิดาลิลลี่ของเขาเป็นห่วงเขาแต่ก็เกรงกลัวด้วย ให้ตายสิ...เธอเป็นสาวลูกครึ่งที่หัวโบราณเป็นบ้า ส่วนเขาเองก็เป็นไอ้เบื๊อกที่ไม่กล้ามีสัมพันธ์เกินเลยกับเธอในเวลานี้ เอลย่า...ดูสูงส่งมากและเขาอยากทะนุถนอมเธอจนกว่าจะถึงเวลานั้นจริงๆ แม้โมงยามนี้อยากจะกดเธอลงกับโซฟาแล้วผลักดันตัวตนเข้าสู่กายเธอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกระหายใคร่เพียงใด
อิศราวดีลุกเดินไปส่งเจซาเร็ตที่รถฮาร์เลย์ เดวิดสันหน้าบ้าน หนุ่มสาวยืนสื่อความหมายของหัวใจผ่านทางดวงตาเนิ่นนานหลายนาทีราวกับไม่อยากจะจากกันเลยแม้แต่สักวินาที ไร้ซึ่งเสียงพูดใดๆ นอกจากสรรพเสียงของธรรมชาติในยามค่ำคืน แล้วบุรุษหนุ่มก็อดใจไม่ไหว รวบร่างอ้อนแอ้นเข้าไปกอดแนบแน่น ก่อนจะกดจูบริมฝีปากอุ่นจัดลงกับกลีบปากสีกุหลาบที่ประหนึ่งรอคอยอยู่อย่างโหยหา
จูบแรกในชีวิตสาวช่างหอมหวาน อ่อนโยน ตราตรึงใจเหมือนในจินตนาการเมื่อครั้งวัยแรกรุ่น เนื้อตัวเธอซาบซ่านด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดขณะตอบรับการบดคลึงกลีบปากของเธออย่างนุ่มนวลด้วยความรักล้นใจ เจซาเร็ตครางกระหึ่มในลำคอเมื่อแม่ลิลลี่ของเขา ตอบสนองรสจูบอย่างไร้เดียงสาตามการชักนำของนักรักผู้เชี่ยวชาญอย่างเขา จนบุรุษหนุ่มคิดว่าตัวเองจะห้ามอารมณ์พลุ่งพล่านที่เริ่มแสดงฤทธิ์ออกมาไม่อยู่ จึงถอนจูบออกอย่างรวดเร็ว แลเห็นสาวเจ้าตาหรี่ปรือหวานเยิ้มมองมาอย่างงวยงง หอบหายใจหนักหน่วงจนทรวงอกอวบอิ่มเกินตัวสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะน่าจับจ้อง กลีบปากอิ่มระเรื่อบวมเจ่อจากแรงจุมพิต
“พระเจ้า...ฉันอยาก...” เจซาเร็ตหยุดคำพูดได้ทันท่วงที เมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยากบอกความปรารถนาอย่างโจ๋งครึ้มขึ้นมา รีบจูบหน้าผากนูนเนียนเป็นการสั่งลา แล้วขึ้นขี่รถขับออกไปด้วยอารมณ์เดือดพล่านที่รู้ดีว่ามีเพียงแม่เทพธิดาตัวน้อยของเขาเท่านั้นจะดับมันลงได้
อิศราวดีมองไฟท้ายรถเจ้าซิลเวอร์ สปารคเคิลหายไปต่อสายตาแล้วจึงยกมือขึ้นแตะริมฝีปากอิ่มของตัวเองผะแผ่ว ก่อนจะยิ้มอย่างขัดเขิน เรียวหน้าเห่อร้อนหลังตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เป็นครั้งแรกที่ยินยอมอนุญาตให้ตัวเองใกล้ชิดบุรุษเพศอย่างล้ำลึก และเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นชายที่เธอรักมากและเขาก็รักเธอมากเช่นกัน เพราะฉะนั้น...มันคงไม่ผิดถ้าเธอจะลองปล่อยตัวปล่อยใจสักครั้ง แน่นอน...คนอย่างเอลย่าก็มีขีดจำกัดความใกล้ชิดกับชายคนรักอยู่บ้าง แถมเธอยังรักคนไม่ผิด เพราะเขาแสดงให้เธอเห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษเพียงใด อย่างที่มารดาพร่ำสอนอยู่เสมอว่าให้หาชายคนรักที่เป็นสุภาพบุรุษเยี่ยงบิดาของเธอให้ได้ มารดามักจะบอกถ้อยความนี้ซ้ำๆเวลาท่านเล่าเรื่องของบิดาที่เธอจำหน้าไม่ได้แล้ว หลังจากท่านเสียไปเมื่อเธอมีอายุเพียงสามขวบ
แม้ทว่า...ในครั้งแรกที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาดิบเถื่อนของเจซาเร็ตผ่านสายตาไกลๆ เธอไม่เห็นความเป็นสุภาพบุรุษของเขาเลยก็ตาม แต่มีเสียงกระซิบจากซอกลึกของหัวใจว่าเขาคือคนที่ ‘ใช่’ สำหรับเธอ และเธอก็หวังว่ามันจะเป็นตราบนี้ไปชั่วนิจนิรันดร์
ใช้เวลาไม่นานเลยสำหรับมื้อเย็นของวันนี้ เพราะอิศราวดีทำเพียงข้าวคลุกกะปิ แถมเจซาเร็ตยังไม่โอดครวญถึงกลิ่นอันมีเอกลักษณ์ของกะปิให้เธอต้องยุ่งยากใจเสียด้วย เขากลับทานอย่างอารมณ์ดีและบอกว่าชอบเพียงใดจนหญิงสาวยิ้มกว้างหลายรอบด้วยความปลื้มใจ
“สุดสัปดาห์นี้คุณจะแวะไปเวอร์จิเนียหรือเปล่าคะ เจซาเร็ต” อิศราวดีถามขึ้นด้วยความใคร่รู้ หลังทานมื้อเย็นเสร็จสิ้น เพียงคิดว่าจะต้องห่างจากเขาถึงสามวันเต็มก็รู้สึกใจหาย
“ไม่ดีกว่า ฉันจะทำงานหนักตลอดสุดสัปดาห์ เผื่อได้ค่าแรงเพิ่ม แล้วจะมีเงินเก็บซื้อรถพาเธอไปเที่ยวนิวยอร์ก ฉันอยากพาเธอไปเดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ที่เซ็นทรัลปาร์ก” อิศราวดีอมยิ้มน่ารัก
“ฉันไปเซ็นทรัลปาร์กบ่อยมากค่ะ ไม่น่าจะมีอะไรพิเศษนะคะ”
“มีสิ...ถ้าเธอไปกับฉัน” เจซาเร็ตยกแก้วน้ำดื่มจนหมด ก่อนอมยิ้มบ้าง จ้องดวงตาสีม่วงสดด้วยแววตาทอประกายระยับ
“ไว้ฉันว่างเมื่อไหร่จะไปหาตาของเธอนะ เอลย่า เราจะได้คบกันอย่างเปิดเผย ถ้าเธอเรียนจบแล้วเราจะแต่งงานกัน ถึงวันนั้นฉันคงมีเงินเก็บมากพอที่จะใช้ดูแลเธอให้สุขสบาย”
“ถ้าเรียนจบฉันอยากทำงานสักพักค่ะ” อิศราวดีอุบอิบปฏิเสธ ก้มหน้าลงมองจานเปล่าเพราะไม่กล้าสบสายตาคมปลาบที่เธอคิดเอาว่าคงเต็มไปด้วยความผิดหวัง หากเสียงหัวเราะร่วนก็ดังขึ้น จนเธอต้องเงยหน้ามองอย่างงุนงง
“เอาสิ...ทำงานไปสักปีสองปีแล้วค่อยแต่งงานกันก็ได้ ฉันก็ลืมไปว่าเธอเองก็คงมีความฝันบ้าง อยากจะทำงานตามสิ่งที่เรียนมาล่ะสิ” เจซาเร็ตยิ้มละลายใจ อิศราวดีเผลอมองตาพร่า จึงหลุดสิ่งที่อยู่ในใจตลอดออกมา
“ค่ะ...ฉันมีความฝันสองความฝัน หนึ่งคือการได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและสองคือการได้เป็นคนรักของเจซาเร็ตนั่นแหละค่ะ” บุรุษหนุ่มย่นหัวคิ้ว หากประกายตาล้อเลียนเหมือนอิ่มเอมใจ อิศราวดียกมือปิดปากเมื่อรู้สึกตัวว่าพล่ามอะไรออกมา
“แต่งงานแล้วเธอยังทำงานที่รักได้นี่น่า เรายังไม่ต้องมีลูกเร็วนักก็ได้” เจซาเร็ตยิ้ม เอื้อมมือไปกุมมือเล็กนุ่มหลวมๆ ถ่ายทอดไออุ่นและความรักผ่านทั้งสัมผัสหวานและดวงตาสีอำพัน
“ฉันอดใจรองานแต่งของเราไม่ไหวเสียแล้วสิ...เอลย่า” อิศราวดีหน้าแดงระเรื่อ ใจเต้นโครมครามยามสบประสานนัยน์ตาเอาจริงเอาจังที่มีแววหวานฉ่ำ
“ฉันจะรอเจซาเร็ตว่าง แล้วเราไปพบคุณตาด้วยกัน ดีไหมคะ?”
“ไม่มีปัญหา” บุรุษหนุ่มพยักหน้า ก่อนลุกขึ้นช่วยคนรักเก็บจานอาหารและแก้วน้ำไปไว้ในครัว อิศราวดีช่วยเขาเช็ดจานให้แห้งขณะที่เจซาเร็ตล้างจานอย่างขมีขมัน
“เอ่อ... เจซาเร็ตขี่รถข้ามแดนกลับบรู๊คลินอย่างนี้ทุกวันคุณคงเหนื่อยสินะคะ” หญิงสาวเปรย หลังเช็ดจานใบสุดท้ายจนแห้งแล้ววางไว้บนชั้น เจซาเร็ตยืนรอเธออย่างอ้อยอิ่ง
“อย่างที่เคยบอกไปแล้ว...ฉันสนุกกับการขี่รถตากแดดตากลมนะ ไปไกลถึงเวอร์จิเนียมาแล้ว เธอก็รู้นี่” สีหน้าเขาดูผ่อนคลายขณะพูด เสมือนมันเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา ก่อนจะจูงมือเธอเดินกลับเข้าสู่ห้องรับแขกน่ารักด้วยการตกแต่งแบบผู้หญิงล้วนๆ อิศราวดีนั่งลงบนโซฟาบุนวมเคียงข้างเจซาเร็ต แต่เว้นระยะห่างเล็กน้อย ดูเหมือนบุรุษหนุ่มจะไม่ใส่ใจในความหวงตัวของเธอ เขาเปิดทีวีดูซีรีส์ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายที่สุด
“คะ...คืนนี้คุณค้างที่บ้านฉันก็ได้ ละ...แล้วค่อยกลับตอนเช้า เอ่อ...ฉันเป็นห่วง” สาวที่ไม่เคยชวนผู้ชายคนไหนนอนค้างที่บ้านมาก่อน เอ่ยบอกอย่างประหม่า แก้มผ่องแดงจัด เจซาเร็ตหันมามองด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ก่อนยิ้มบางๆ
“ไม่ดีกว่า...ฉันกลับได้ ถ้าเหนื่อยมากคงแวะนอนโรงแรมเล็กๆน่ะ”
“อย่าดีกว่าค่ะ นอนพักที่นี่แหละ” แม้ใจจะเอิบอิ่มกับความเป็นสุภาพบุรุษของคนรักหนุ่ม แต่ความห่วงใยสั่งให้เธอรั้งเขาไว้ให้ได้
“เธอกลัว เอลย่า...ไม่เห็นหรือว่าเธอนั่งห่างจากฉันเป็นวา แล้วฉันก็เป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อนะ เธอทั้งสวยทั้งหอมขนาดนี้ ฉันกลัวจะควบคุมตัวเองไม่ให้สัมผัสเธอไม่ได้หรอก อีกอย่างฉันต้องเริ่มงานแต่เช้าด้วย ขอตัวกลับดีกว่า...แล้วเจอกันวันจันทร์จ้ะ” เจซาเร็ตลุกขึ้นยืน กลั้นยิ้มขำเมื่อเห็นดวงตากลมโตมีแววขัดเขินและโล่งใจ แม่เทพธิดาลิลลี่ของเขาเป็นห่วงเขาแต่ก็เกรงกลัวด้วย ให้ตายสิ...เธอเป็นสาวลูกครึ่งที่หัวโบราณเป็นบ้า ส่วนเขาเองก็เป็นไอ้เบื๊อกที่ไม่กล้ามีสัมพันธ์เกินเลยกับเธอในเวลานี้ เอลย่า...ดูสูงส่งมากและเขาอยากทะนุถนอมเธอจนกว่าจะถึงเวลานั้นจริงๆ แม้โมงยามนี้อยากจะกดเธอลงกับโซฟาแล้วผลักดันตัวตนเข้าสู่กายเธอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกระหายใคร่เพียงใด
อิศราวดีลุกเดินไปส่งเจซาเร็ตที่รถฮาร์เลย์ เดวิดสันหน้าบ้าน หนุ่มสาวยืนสื่อความหมายของหัวใจผ่านทางดวงตาเนิ่นนานหลายนาทีราวกับไม่อยากจะจากกันเลยแม้แต่สักวินาที ไร้ซึ่งเสียงพูดใดๆ นอกจากสรรพเสียงของธรรมชาติในยามค่ำคืน แล้วบุรุษหนุ่มก็อดใจไม่ไหว รวบร่างอ้อนแอ้นเข้าไปกอดแนบแน่น ก่อนจะกดจูบริมฝีปากอุ่นจัดลงกับกลีบปากสีกุหลาบที่ประหนึ่งรอคอยอยู่อย่างโหยหา
จูบแรกในชีวิตสาวช่างหอมหวาน อ่อนโยน ตราตรึงใจเหมือนในจินตนาการเมื่อครั้งวัยแรกรุ่น เนื้อตัวเธอซาบซ่านด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดขณะตอบรับการบดคลึงกลีบปากของเธออย่างนุ่มนวลด้วยความรักล้นใจ เจซาเร็ตครางกระหึ่มในลำคอเมื่อแม่ลิลลี่ของเขา ตอบสนองรสจูบอย่างไร้เดียงสาตามการชักนำของนักรักผู้เชี่ยวชาญอย่างเขา จนบุรุษหนุ่มคิดว่าตัวเองจะห้ามอารมณ์พลุ่งพล่านที่เริ่มแสดงฤทธิ์ออกมาไม่อยู่ จึงถอนจูบออกอย่างรวดเร็ว แลเห็นสาวเจ้าตาหรี่ปรือหวานเยิ้มมองมาอย่างงวยงง หอบหายใจหนักหน่วงจนทรวงอกอวบอิ่มเกินตัวสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะน่าจับจ้อง กลีบปากอิ่มระเรื่อบวมเจ่อจากแรงจุมพิต
“พระเจ้า...ฉันอยาก...” เจซาเร็ตหยุดคำพูดได้ทันท่วงที เมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยากบอกความปรารถนาอย่างโจ๋งครึ้มขึ้นมา รีบจูบหน้าผากนูนเนียนเป็นการสั่งลา แล้วขึ้นขี่รถขับออกไปด้วยอารมณ์เดือดพล่านที่รู้ดีว่ามีเพียงแม่เทพธิดาตัวน้อยของเขาเท่านั้นจะดับมันลงได้
อิศราวดีมองไฟท้ายรถเจ้าซิลเวอร์ สปารคเคิลหายไปต่อสายตาแล้วจึงยกมือขึ้นแตะริมฝีปากอิ่มของตัวเองผะแผ่ว ก่อนจะยิ้มอย่างขัดเขิน เรียวหน้าเห่อร้อนหลังตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เป็นครั้งแรกที่ยินยอมอนุญาตให้ตัวเองใกล้ชิดบุรุษเพศอย่างล้ำลึก และเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นชายที่เธอรักมากและเขาก็รักเธอมากเช่นกัน เพราะฉะนั้น...มันคงไม่ผิดถ้าเธอจะลองปล่อยตัวปล่อยใจสักครั้ง แน่นอน...คนอย่างเอลย่าก็มีขีดจำกัดความใกล้ชิดกับชายคนรักอยู่บ้าง แถมเธอยังรักคนไม่ผิด เพราะเขาแสดงให้เธอเห็นถึงความเป็นสุภาพบุรุษเพียงใด อย่างที่มารดาพร่ำสอนอยู่เสมอว่าให้หาชายคนรักที่เป็นสุภาพบุรุษเยี่ยงบิดาของเธอให้ได้ มารดามักจะบอกถ้อยความนี้ซ้ำๆเวลาท่านเล่าเรื่องของบิดาที่เธอจำหน้าไม่ได้แล้ว หลังจากท่านเสียไปเมื่อเธอมีอายุเพียงสามขวบ
แม้ทว่า...ในครั้งแรกที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาดิบเถื่อนของเจซาเร็ตผ่านสายตาไกลๆ เธอไม่เห็นความเป็นสุภาพบุรุษของเขาเลยก็ตาม แต่มีเสียงกระซิบจากซอกลึกของหัวใจว่าเขาคือคนที่ ‘ใช่’ สำหรับเธอ และเธอก็หวังว่ามันจะเป็นตราบนี้ไปชั่วนิจนิรันดร์
อิลวลาอิลตาร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2555, 15:46:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2555, 15:46:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1115
<< การเริ่มต้นของสายสัมพันธ์...4 | ความหวัง ความหลัง ความฝัน >> |