ถอดสลักรัก ถอดรหัสใจ
รัก...ที่ฉันคิดว่าไม่มีทางจะเป็นไปได้จนฉันต้องใส่กลอนล๊อคไว้ในซอกใจกำลังจะถูกไขออกมาอีกครั้ง เมื่อเขา...ผู้เป็นดั่งกุญแจสำคัญได้ทำให้ชีวิตที่ฉันพยายามทำให้เรียบง่ายนั้นยุ่งเหยิง

ฉัน...ซึ่งไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนนางเอกในละครที่เกลียดจะต้องพบกับสถานการณ์ที่จะต้องมานั่งคิดว่า นางเอกในละครเขาจะต้องทำอย่างไร...

ใครว่าละครมันน้ำเน่า...เรื่องจริงมันยิ่งกว่าซะอีก เพียงแต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่า ฉัน...จะเป็นนางเอกของใครได้
Tags: กฤษณ์ นางเอก เขม

ตอน: ตอนที่ 7 มือที่สาม? (จบ)

เข็ม...

“ไอ้เข็ม!” ให้ตายสิ นี่ฉันจิตหลุดไปอีกแล้วเหรอเนี่ย แต่...เสียงยัยปั้นนี่แหลมได้ใจจริง ๆ เห็นลักษณะภายนอกดูบู๊อย่างนี้แต่ระดับความเป็นผู้หญิงมันสูงมาก โดยเฉพาะเสียง

“อะไร เสียงดังจังวะ ตกใจหมด” ฉันขมวดคิ้วหันไปว่าเพื่อน เคืองเล็กน้อยนะ

“แกน่ะสิ ใจลอยไปถึงไหน ละครจบแล้ว ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องสวยไปงานโรงเรียนนะยะ” ใช่ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงศิษย์เก่าโรงเรียนของเรา ยัยปั้นนอนที่ห้องของฉันเพราะจริง ๆ แล้วปัจจุบันปั้นเป็นพวก “สำนึกรักบ้านเกิด” น่ะ ปั้นเป็นครูตชด.อยู่แถวชุมพร เอิ่ม...จริง ๆ บ้านเกิดยัยปั้นอยู่ระนองนะ แต่หน่วยที่ประจำอยู่ที่ชุมพรนั่นแหละ ใกล้บ้าน ก็ถือว่าเป็นพวกสำนึกรักบ้านเกิดแหละน่า...

“อะไร เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง” ฉันแย้ง ปกติฉันนอนดึกกว่านี้อีกนะ โน่นล่ะ เที่ยงคืน ตีหนึ่งโน่น ก็มันนอนไม่หลับนี่นะ ทำไงได้

“ไม่เอาย่ะ เดี๋ยวหน้าโทรม ไม่ได้ ชั้นต้องสวยเริ่ด เป็นหน้าเป็นตาให้ห้องเรา แกก็เหมือนกัน ต้องสวยเท่านั้น!” แล้วมันก็ลากฉันขึ้นเตียง อ๊ะ! อย่าคิดลึกนะ ลากไปนอนน่ะ


“ปั้น แกว่าพรุ่งนี้พวกพี่รุ่น 5 จะมากันเยอะหรือเปล่า” ฉันถามเบา ๆ ตอนที่เรานอนกันมาได้ซักพัก

“หืม....อืม...ไม่รู้สิ ถามทำไมอ่ะ” เสียงยัยปั้นเริ่มงัวเงีย ทำไมถึงได้หลับเร็วจังนะ ฉันสิ ตายังใสแจ๋วอยู่เลย นอนมองดูกลุ่มดาวไถ (ติดไว้ที่เพดานห้อง สวยดีนะ ลองไปหามาติดดู) เมื่อถูกถามกลับฉันก็เงียบ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบอะไร

“แกอยากเจอพี่กฤษณ์ล่ะสิ” ปั้นยังถามต่อ เหอะ หลับไปเหอะ ไม่กวนละ

ใช่ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาฉันจะพยายามไม่คิดถึงเรื่องของพี่กฤษณ์ แต่เบื้องลึกแล้วฉันรู้ว่าฉันคิดถึงพี่กฤษณ์มาตลอด
ความคิดถึงที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด



“แกไม่เป็นไรใช่ไหม” ขวัญถามหลังจากที่ฉันจัดการตัวเองเสร็จแล้ว ตอนนี้ฉันนั่งเป่าผมอยู่ที่เตียง

“อืม”

“แล้วแกจะทำไง จะแจ้งความป่ะ” มันถามต่อ

ฉันได้แต่ส่ายหน้า ฉันว่าฉันพอเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่ถูกข่มขืนแล้วนะ ว่าทำไมพวกหล่อนถึงไม่กล้าแจ้งความ ฉันโดนแค่นี้ยังรู้สึกหวาดกลัวและอับอายเลย อีกอย่าง...มันเป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ ถ้าฉันเคลียร์ตัวเองแต่แรก เอก็คงไม่ทำคิดเกินเลย และเรื่องแบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้น

“เออ ยังไงมันก็เพื่อน แกไม่เป็นไรก็ดีละ” ขวัญตบไหล่ฉันเบา ๆ แค่นี้แหละที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องพูดหรืออธิบายมาก แค่รู้ว่ามีเพื่อนคอยอยู่ข้าง ๆ ตอนที่เราต้องการ แค่นั้นก็พอ

“มา เดี๋ยวฉันช่วยเป่าผมให้ วันนี้บริการพิเศษ” ขอบใจเอ๋ ขอบใจขวัญ รักเพื่อนจัง

ขวัญบอกให้ฉันทำตัวตามปกติเพราะคนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่ ฉัน เอ พี่กฤษณ์ ขวัญและเอ๋ เพราะการเป็นข่าวหรือเป็นประเด็นไม่ใช่สิ่งที่ใครปรารถนานัก ถึงอย่างนั้น ฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจอหน้าเอ ซึ่งดูเหมือนว่าเอก็พยายามหลบหน้าฉันอยู่เหมือนกัน


ผ่านไปราวสัปดาห์ฉันถึงเพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าฉันต้องคืนเสื้อช๊อปพี่กฤษณ์ แม้ว่าจริง ๆ แล้วฉันจะซักรีดเป็นอย่างดี และตอนนี้ฉันก็นั่งรอพี่กฤษณ์อยู่ที่คอฟฟี่ช็อปข้างม. ฉันมาคนเดียวเพราะขวัญกับเอ๋ไปกินเลี้ยงวันเกิดไอ้สุ ฉันบอกให้พวกนั้นไปก่อนและฉันจะตามไปทีหลัง ฉันแค่มาคืนเสื้อพี่กฤษณ์และมาขอบคุณพี่เขาเท่านั้น (มั้ง?) คงใช้เวลาไม่นาน

ฉันหันไปมองถุงกระดาษที่ใส่เสื้อพี่กฤษณ์และของขวัญขอบคุณเล็ก ๆ น้อยวางอยู่ข้าง ๆ ตัว จริง ๆ แล้วสาเหตุหนึ่งที่ฉันคืนเสื้อให้พี่กฤษณ์ช้าก็เพราะฉันมัวแต่ไปตระเวณหาของขวัญขอบคุณให้พี่กฤษณ์ ซึ่งกว่าฉันจะได้ฉันก็คิดจนน่าปวดหัวว่าจะให้อะไร ของขวัญแทนคำขอบคุณ ของขวัญที่ฉันอยากให้แต่ไม่สื่อความหมายไปในเชิงชู้สาว เพราะฉันไม่ควรจะทำเช่นไรจริงไหม ฉันไม่มีสิทธิ...

เป็นอันว่าสุดท้ายแล้วฉันก็ได้ที่คั่นหนังสือที่เป็นเซ็ตสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียง (Achitecture bookmark) เช่น โอเปราเฮาส์ หอไอเฟล ฉันเห็นแล้วก็คิดถึงพี่กฤษณ์ขึ้นมาทันที เผื่อว่านะ ตอนที่พี่กฤษณ์อ่านหนังสือจะได้คิดถึงฉันบ้าง... ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ นะ

“มาแล้วค่ะนมปั่น” พนักงานวางแก้วนมปั่นให้ฉันพร้อมรอยยิ้มทำให้ฉันละสายตาจากถุงกระดาษแล้วหันไปยิ้มให้พร้อมขอบคุณ

“มาคนเดียวเหรอคะน้อง” อ่านะ...อัธยาศัยดี (มั้ง)

“เปล่าคะ นัดรุ่นพี่ไว้เดี๋ยวคงมา” ฉันตอบไปและหันไปสนใจดูดนมปั่นในแก้วแทนเพื่อเป็นการแสดงออกกลาย ๆ ว่าฉันไม่ต้องการคุยต่อ

“อุ้ย! รุ่นพี่ผู้ชายหรือเปล่าคะน้อง แหม ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ร้านพี่ดังในเรื่องบรรยากาศเหมาะสำหรับรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่ม ๆ สาว ๆ อยู่แล้ว จริง ๆ แล้วมีหลายคู่เหมือนกันนะคะที่พบรักกันที่ร้านนี้ ดูที่บอร์ดนั่นสิคะ” แล้วหล่อนก็ชี้ไปที่บอร์ดที่มีทั้งรูป ชื่อ ข้อความซึ่งแม้ฉันจะอ่านไม่ออกเพราะมันไกลแต่ฉันก็เดาได้ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับอะไร รูปหัวใจหลายดวงเต็มไปหมดแบบนั้น

ฉันได้แต่ยิ้มและก้มลงดูดนมปั่นต่อ และเหมือนความรู้สึกบอกฉันว่าฉันควรมองไปที่ประตู และมันก็ใช่ นั่นพี่กฤษณ์กำลังเดินเข้ามา เคยเป็นกันไหม คุณจะเห็นคนที่ใจคุณมองหาอยู่เสมอ

“รอนานไหมครับ” พี่กฤษณ์พูดยิ้ม ๆ ขณะนั่งลงรับเมนูจากพี่พนักงานที่เงียบไปแล้ว

“ไม่นานค่ะ”

“ขอเอสเพรสโซ่ร้อนครับ” พี่กฤษณ์สั่งเครื่องดื่มพร้อมกับยื่นเมนูคืนให้พนักงาน ฉันเห็นพนักงานทำหน้าแปลก ๆ อยู่พักนึงแล้วก็กลับไป

“น้องเข็มสบายดีนะครับ” เสียงพี่กฤษณ์ยังคงสร้างความรู้สึกมากมายให้ฉัน มันมากเกินกว่าที่จะแยกแยะออกมาได้ว่าเป็นความรู้สึกอะไรบ้าง

“เอ่อ ค่ะ ขอบคุณพี่กฤษณ์มากนะคะที่ช่วยเข็ม” ฉันพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่นเมื่อต้องนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

แล้วก็มีแต่ความเงียบระหว่างเรา ฉันได้แต่นั่งดูดนมปั่นในแก้วที่เริ่มละลายแล้ว และพยายามจดจ่อการนมในแก้วตัวเอง ฉันไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าพี่กฤษณ์เพราะกลัวว่าตัวเองจะแสดงอาการอ่อนแออะไรออกไป มันยากที่จะควบคุมตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่คุณแคร์ใช่ไหม

“เอสเพรสโซ่ร้อนมาแล้วค่ะ” และก็เป็นพี่พนักงานคนเดิมที่ช่วยทำลายความเงียบ

“ขอบคุณครับ” พี่กฤษณ์ยกแก้วกาแฟมาดื่มเงียบ ๆ แล้วเราก็ได้แต่เงียบและสนใจแต่เครื่องดื่มของตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าควรจะชวนพี่กฤษณ์คุยอะไร เพราะกลัวว่าพี่กฤษณ์จะรู้สึกอืดอัด ซึ่งมันก็ดูน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ

“เอ่อ พี่กฤษณ์คะ นี่ค่ะเสื้อช็อป เข็มซักให้แล้วนะคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ฉันยกถุงกระดาษที่ใส่เสื้อช็อปพร้อมกับของขวัญให้พี่กฤษณ์ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ฉันยังไม่ค่อยกล้าสบตาพี่กฤษณ์เท่าไหร่นัก

พี่กฤษณ์เอื้อมมือหยิบถุงกระดาษ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเปิดดูก็มีมือมากระชากถุงนั้นทิ้งไปที่พื้น เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับ พี่เกด

“หมายความว่าเรื่องที่เขาลือนั่นจริงใช่ไหมคะกฤษณ์” พี่ดาวหันไปถามพี่กฤษณ์เสียงดัง จนทำให้หลายคนในร้านหยุดเสียงคุยและหันมองพวกเราทันที

“เรื่องอะไร” พี่กฤษณ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น

“ก็เรื่องที่กฤษณ์กิ๊กกับน้องคนนี้ไง ตั้งแต่ลอยกระทงแล้วใช่ไหม กฤษณ์ทำอย่างนี้ได้ยังไง” ยิ่งพูดก็ดูเหมือนว่าเสียงพี่เกดจะดังขึ้นเรื่อย ๆ

“แล้วก็น้อง น้องก็มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมต้องมีกิ๊กกับแฟนชาวบ้านเขาด้วย หน้าตาก็ดีนะ” พี่เกดหันมาว่าฉันที่ได้แต่นั่งตกใจ

“เกด เรื่องไม่ได้เป็นอย่างนั้น น้องเข็มไม่เกี่ยว” พี่กฤษณ์ลุกขึ้นอธิบายและพยายามจับมือพี่เกด

“ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ออกไปก่อน”

“ไม่ เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้” พี่เกดสะบัดมือออกแล้วหันมาต่อว่า

“ว่าไงคะน้อง กำลังเดทกับแฟนพี่อยู่เหรอคะ” ไม่น่าเชื่อว่าพี่เกดจะน้ำเสียงอย่างนี้ได้ ฉันคิดว่าพี่จะดูเรียบร้อยซะอีก

“เอ่อ เปล่าค่ะพี่หนูแค่มาคืนของ” ฉันได้แต่บอกไปแบบนั้น

“ของอะไร” แล้วพี่เกดก็หันไปมองถุงกระดาษและหยิบมันขึ้นมา

“เสื้อช็อป อ้อมีการให้ยืมเสื้อด้วย แสดงว่าเจอกันบ่อยล่ะสิ เนี่ยเหรอที่ว่าไม่มีอะไร โกหก” พี่เกดหันไปอาละวาดกับพี่กฤษณ์อีกครั้ง

“พี่คะ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ” ฉันพยายามจะอธิบาย

“แบบนั้นน่ะแบบไหน แบบที่กอดกันหลังมอน่ะเหรอ” พี่เกดตวาดอีกครั้ง ฉันตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้

“ไง พูดไม่ออกเพราะมันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม” พี่เกดตวาดฉัน และฉันก็พูดไม่ได้ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร

“หยุดนะเกด มันไม่ใช่เรื่องของเกด ไปคุยกันที่อื่น” พี่กฤษณ์ดึงแขนพี่เกดแต่พี่เกดสะบัดจนหลุด

“ทำไมจะไม่ใช่เรื่องของเกด ในเมื่อกฤษณ์เป็นแฟนเกด น้อง ! หน้ายังมียางอายอยู่หรือเปล่าน้องก็มีแฟนแล้วทำไมยังชอบแย่งแฟนชาวบ้านอยู่อีก” พี่เกดโมโหมากและพริบตานั้นฉันก็ต้องยกมือขึ้นมากันไว้เพราะเหมือนจะมีอะไรสาดเข้ามา ใช่แล้วล่ะ เอสเพรสโซ่ร้อนของพี่กฤษณ์ที่ยังเหลืออยู่ค่อนแก้ว ดีที่มันไม่ค่อยร้อนและฉันยกมือขึ้นมากันไม่ให้กระเด็นเข้าตาได้ก่อน แต่แน่นอนทั้งตัวและเสื้อนิสิตสีขาวของฉันตอนนี้มันเปลี่ยนสีไปแล้ว

“เกด!” พี่กฤษณ์ตวาดและดึงพี่เกดออกไปนอกร้านซึ่งระหว่างนั้นพีเกดก็กรีดร้องโวยวายอยู่ตลอด เหลือแต่ผู้บาดเจ็บอย่างฉัน ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในร้าน

“อ่า...พี่คะ ห้องน้ำไปทางไหนคะ” ฉันปาดคราบที่ยังเปื้อนอยู่บนหน้าและถามพี่พนักงานที่เดินเข้ามา
“เอ่อ เลี้ยวซ้ายตรงนี้เลยค่ะ น้องร้อนไหมคะ โดนลวกหรือเปล่า” ฉันไม่รู้ว่าพี่เขาทำหน้ายังไงรู้แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่กล้ามองหน้าใครทั้งนั้น ฉันได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าเบา ๆ


ฉันไม่ชอบกินกาแฟเพราะว่ามันขม ตอนนี้ฉันก็ยังยืนยันอยู่ว่ามันขม รสชาติของเอสเพรสโซ่แก้วนั้นมันยังติดอยู่ที่ลิ้นอยู่เลย เหมือนความรักของฉันสินะ....


ขอโทษที่หายไปนานค่ะ (แค่ครึ่งปีเอง) ว่าจะไม่เศร้าละนะ แต่งไปแต่งมา ทำไมมันเศร้าหว่า



แพม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2555, 23:38:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2555, 23:38:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1529





<< ตอนที่ 6 มือที่สาม? (1)   ตอนที่ 8 เหินห่าง >>
wii 20 ส.ค. 2555, 00:11:10 น.
อ้าวววว ยัยเกดนี่น่าเบื่อจริงๆหึงตะพึดตะพือ ผู้หญิงอย่างนี้เเหละที่ผู้ชายเบื่อเเละทิ้งมานักต่อนักเเล้ว ยัยนี่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นคราวหลังมีเเฟนใหม่จะใด้จดจำเอาไว้เป็นบทเรียน


sai 20 ส.ค. 2555, 10:12:47 น.
เพิ่งมาอ่านแต่ชอบนะ ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account