ถอดสลักรัก ถอดรหัสใจ
รัก...ที่ฉันคิดว่าไม่มีทางจะเป็นไปได้จนฉันต้องใส่กลอนล๊อคไว้ในซอกใจกำลังจะถูกไขออกมาอีกครั้ง เมื่อเขา...ผู้เป็นดั่งกุญแจสำคัญได้ทำให้ชีวิตที่ฉันพยายามทำให้เรียบง่ายนั้นยุ่งเหยิง

ฉัน...ซึ่งไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนนางเอกในละครที่เกลียดจะต้องพบกับสถานการณ์ที่จะต้องมานั่งคิดว่า นางเอกในละครเขาจะต้องทำอย่างไร...

ใครว่าละครมันน้ำเน่า...เรื่องจริงมันยิ่งกว่าซะอีก เพียงแต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่า ฉัน...จะเป็นนางเอกของใครได้
Tags: กฤษณ์ นางเอก เขม

ตอน: ตอนที่ 8 เหินห่าง

“เข็ม เราถามหน่อยสิ อย่าโกรธนะ” สลิ่ม เพื่อนสาวตัวเล็กถามขึ้นเมื่อฉันกำลังรอผ้าที่ปั่นอยู่ในเครื่องซักผ้าใต้หอซึ่งตอนนี้มีแค่เราสองคน

ฉันหันไปเห็นสีหน้าจริงจังแล้วก็รู้ทันทีว่าสลิ่มจะถามอะไร

“ถามมาสิ”

“เรื่องพี่เกด เภสัชฯ กับเรื่องเอน่ะ เขาลือว่าเอถูกสวมเขาเพราะเข็มกำลังกิ๊กกับพี่กฤษณ์ เราได้ยินเด็กเภสัชพูดที่แคนทีนอ่ะ พูดแรงมากแต่เราไม่เชื่ออ่ะ อยากถามแกก่อน บอกได้ไหม” แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่คอฟฟี่ช็อปนั้นต้องเป็นข่าวแน่นอน แต่เรื่องของเอ โชคร้ายที่หลังจากวันนั้น เอค่อนข้าง อืม...จะเรียกว่าไงดีล่ะ สติแตกมั้ง กินเหล้า เมา พร่ำเพ้อในวงเหล้า ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ชายก็มีนิสัยบางอย่างเหมือนผู้หญิงเหมือนกันแหละเรื่องนินทา หรืออาจเป็นเพราะเอพร่ำเพ้อเสียงไปหน่อยมั้ง กอรปกับที่เอตามเทียวไล้เทียวขื่อจนเพื่อนๆ เข้าใจกันว่าฉันเป็นแฟนกับเอ เรื่องมันก็เลยลือกันในแนวนั้นล่ะนะ อันที่จริงฉันก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตัวฉันเยอะเหมือนกัน แม้จะไม่อยากสนใจแต่มันก็มีคนมาพูดให้ฟังเองแหละ ลือกันถึงขนาดที่ว่าฉันท้องกับพี่กฤษณ์เลยแหละ แต่ฉันไม่แคร์เท่าไหร่ เพราะแค่เพื่อนและคนที่เราแคร์เข้าใจว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นก็พอแล้ว ซึ่งกว่าฉันจะคิดได้แบบนี้ขวัญกับเอ๋ก็ทั้งปลอบทั้งด่า (เอ๋ปลอบ ขวัญด่า ประมาณว่าจะได้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันไง)

ฉันยิ้มให้สลิ่มและดีใจเล็ก ๆ ที่เพื่อนเชื่อใจฉัน “เข็มไม่ได้กิ๊กกับพี่กฤษณ์และก็ไม่ได้เป็นแฟนกับเอ วันนั้นไปคืนเสื้อช็อปให้พี่กฤษณ์เฉย ๆ”

ฉันเห็นสลิ่มทำหน้าโล่งอก “เราคิดแล้วว่าเข็มไม่ได้ทำแบบนั้น พวกนั้นพูดแรงมากเลยอ่ะ อยากเถียงกลับไปบ้าง แต่เราอยากถามเข็มก่อน”

“ไม่ต้องหรอกสลิ่ม เข็มไม่แคร์ แค่เพื่อน ๆ เราเข้าใจก็พอ เราไม่ไปต่อเดี๋ยวมันก็เลิกไปเองแหละ” ใช่ ฉันไม่แคร์ แค่คนที่เราแคร์ แค่เพื่อน แค่เรารู้ว่าตัวเราทำอะไรก็พอ

สลิ่มจับมือฉันลูบเบา ๆ ที่หลังมือ แปลกนะ แค่สัมผัสเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ฉันก็รู้สึกดีขึ้นมามากเชียวล่ะ “ใช่ แกยังมีพวกเรา ไม่ได้ทำอะไรผิดไม่ต้องเว้ย” ยัยตัวเล็กพยายามทำเสียงให้ห้าวหาญ แต่เสียงเล็ก ๆ นั่นก็ทำให้ฉันหัวเราะ

“ขอบใจ สลิ่ม”



กว่าสองเดือนที่ฉันตกเป็นหัวข้อในการสนทนาของเด็กในมอ (นินทา) โชคดีที่ฉันมีเพื่อนจึงมีเกราะป้องกันค่อนข้างดี และคณะวิศวะมีโรงอาหารอยู่ในคณะอยู่แล้ว ไม่ต้องไปทานที่โรงอาหารรวม รวมถึงเด็กวิศวะส่วนใหญ่ (ผู้ชาย) ไม่ค่อยชอบพูดเรื่องเดิม หมายถึงพูดถึงแค่ครั้งแรก แต่ก็จะมีบ้างที่เด็กภาคเคมีซึ่งมีผู้หญิงเรียนเยอะจะมองฉันด้วยสายตาแปลก ๆ จะแคร์อะไรล่ะ

ส่วนเอนั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ยังไม่เคยได้คุยกันตรง ๆ หรืออยู่กันตามลำพังอีก ซึ่งดูเหมือนเอก็พยายามจะคุยกับฉันอยู่เหมือนกัน (ฉันคิดว่านะ) ซึ่งกันชนของฉันก็คือเพื่อน ๆ นั่นเอง

“คุยกับเอหรือยัง มันอยากคุยกับแกนะ เคลียร์กันซะ เพื่อนกัน” ขวัญบอกตอนที่เรานั่งทานข้าวกันอยู่ที่ห้อง

“เออจริง แกเลี่ยงมันมาสองเดือนกว่าแล้ว สงสารมันว่ะ” เอ๋ย้ำ ฉันควรจะเคลียร์ให้จบสินะ แต่ฉันก็ยังกลัวมันจะเกิดเรื่องอีกน่ะสิ ฉันยอมรับแล้วล่ะว่าแรงผู้หญิงยังไงก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าเมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ก็ต้องสู้ด้วยสมอง แต่เมื่อเวลาคับขันจริง ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่รู้ว่าตัวเองมีสมองน่ะสิ เพราะสติมันกระเจิงไปหมดละ

“ไม่อยากคุยแค่สองคนอ่ะ” ฉันบอกและมองเพื่อน

“มันเป็นเรื่องของแกสองคน เดี๋ยวพวกชั้นจะดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องห่วง เอมันไม่กล้าทำอะไรหรอก” ขวัญบอกและฉันก็ต้องทำตาม


“เข็ม เอขอโทษ เอผิดไปแล้ว ขอโทษนะ” น้ำเสียงอ่อนระโหยของเอทำให้ฉันใจอ่อนและรู้สึกสงสารแกมผิด เรานั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนข้างช็อปงานโลหะหลังเลิกเรียน โดยมีขวัญกับเอ๋นั่งมองอยู่ ไม่ใกล้ขนาดได้ยินเสียง แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าจะเรียกหา ฉันมองเอที่ดูเหมือนจะซูบลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าช่วงสองเดือนมานี้เขาจะดื่มหนักมากเกือบทุกวัน เป็นเพราะฉันหรือเปล่านะ ฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำให้เอเป็นอย่างนี้

“เข็มเองก็ผิดที่ไม่ชัดเจน ขอโทษนะเอ เข็มไม่ได้คิดกับเอเกินเพื่อนเลย” ฉันบอกเอที่มองมาด้วยสายตาปวดร้าวจนฉันต้องหันไปมองวิวของสระน้ำแทน แล้วเราก็เงียบกันพักใหญ่

“เข็มชอบพี่กฤษณ์เหรอ” แล้วเอก็ถามขึ้นมา ฉันสะดุ้งนิด ๆ แต่ก็ยังสามารถนิ่งได้พอสมควร นี่ฉันแสดงออกมากไปหรือเปล่า ที่ขวัญกับเอ๋รู้เรื่องฉันก็คิดว่าเพราะเราสนิทกัน แต่ที่เอรู้เพราะฉันแสดงออกมากไปหรือ

“อย่าสงสัยเลยว่าเอรู้มาจากใคร เอมองเข็มอยู่ตลอดเวลาทำไมเอจะไม่รู้” ฉันเม้มปากกับความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ ไม่รู้ว่ามันคือความอึดอัด กระวนกระวาย หรือละอายใจกันแน่

“ขอโทษ” ฉันบอกเสียงแผ่ว เอเงียบไปอีกพักนึงแล้วฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาเบา ๆ แล้วเขาก็พูด

“ทำไมต้องขอโทษเอด้วย เอต่างหากที่ต้องขอโทษ เข็ม...เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม” ฉันไม่แน่ใจว่าสายตาที่เอมองมาตอนนั้นมันสื่อถึงอะไร แต่ฉันก็ให้อภัยเขาและอยากให้เขากลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเลยว่าต่อมามันจะทำให้ฉันเจ็บปวดอีกครั้ง…



“เข็มจะเลือกภาคอะไร” เอถามฉันตอนที่พวกเรานั่งฟังพวกพี่ ๆ แต่ภาคพรีเซ็นต์รายละเอียดภาคของตัวเอง รอบนี้เป็นรอบของภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ฉันหันหน้ามองเออยู่แป๊ปนึงแล้วก็สนใจรายละเอียดที่พูด

“อืม... ไม่รู่สิ อุตสาหการก็น่าสนใจดีนะ” ฉันคิดหลังจากได้ฟังประโยคเด็ดจากรุ่นพี่ น้องครับ เรียนโยธา ตึกถล่มน้องก็ผิดนะ เรียนเครื่องกล หม้อ Boiler ระเบิดน้องก็ผิด แต่เรียนอุตสาหการฯ รอดทุกงานครับ อันที่จริงคงเรียกได้ว่ามีความเสี่ยงน้อยละกันนะ

“เออก็ดีนะ เรียนไม่ลึกดี รู้หลายอย่าง” เอ๋พูดพลางพยักหน้า

“จับฉ่ายอ่ะดิ แต่ก็น่าสนดี” ขวัญสนับสนุน

พวกเรานั่งฟังซักพักก็จบการพรีเซ็นต์ ซึ่งคิวต่อไปคือภาควิชาวิศวกรรมโยธา ฉันแอบตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องที่ค็อฟฟี่ช็อปฉันก็ไม่ได้คุยกับพี่กฤษณ์อีกเลย แค่ได้รู้ข่าวคราวที่มีผู้หวังดี(?)มาบอกกล่าวเท่านั้นว่าพี่กฤษณ์เหมือนจะเลิกกับพี่เกด แต่อีกข่าวก็บอกว่ายังไม่เลิก แต่เอาเหอะ จะเลิกหรือไม่เลิกยังไง ฉันก็คงไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรได้ ฉันควรหลีกเลี่ยงความเกี่ยวข้องกับพี่กฤษณ์ให้มากที่สุด อย่างน้อยก็จนกว่าเรื่องเล่าระหว่างฉันกับพี่กฤษณ์และพี่เกดจะซาไป

“ต่อไปเป็นภาควิชาวิศวกรรมโยธาครับ ขอเชิญตัวแทนพี่ ๆ ปี 3 ออกมานำเสนอได้แล้วครับ” เสียงของรุ่นพี่หน้าห้องประชุมทำให้ฉันกลับไปสนใจอีกครั้งพร้อมกับใจที่แอบหวังอยู่นิด ๆ ว่าจะเห็นพี่กฤษณ์ที่นี่ แต่ฉันก็ต้องผิดหวัง นั่นสินะ พี่กฤษณ์คงไม่ว่าง หรืออีกอย่างคงไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาหรือให้เรื่องเล่าปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

“มองหาใครเข็ม” ขวัญถามฉันเบา ๆ ตอนที่ฉันกวาดตามองรอบห้องประชุม

“เปล่า” ฉันแค่รู้สึกเหมือนถูกมอง หรือฉันจะคิดไปเองนะ

ฉันตกลงใจเลือกภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ รวมทั้งเพื่อน ๆ ของฉันด้วย ขวัญ เอ๋ สริ่ม สุ พวกก๊วนเพื่อนผู้ชาย รวมไปถึงเอด้วย วิชาที่เรียนก็ถือว่ามากอยู่เหมือนกันเพราะพวกเราต้องเรียนพื้นฐานวิชาของวิศวกรรม รวมถึงวิชาภาค โดยเฉพาะอุตสาหการที่ต้องเรียนรู้พื้นฐานวิชาของแต่ละภาควิชา รวมไปถึงเรื่องเศรษฐศาสตร์ บริหาร ซึ่งหากจะต่อยอดปริญาโทบริหารก็จะเป็นเรื่องง่ายของภาควิชาอุตสาหการ พอเริ่มเข้าเรียนวิชาภาคจริงจังแล้วฉันก็แทบไม่ได้มีเวลามาเฮฮา สบาย ๆ เหมือนตอนปีหนึ่ง จะก็แต่วันเกิดเพื่อน ๆ ในก๊วน ที่พวกเราจะต้องมาฉลองกัน ซึ่งดูเหมือนว่าจะขยันเกิดกันเสียจริง หากใครไม่ไปก็จะถูกเจ้าแม่ (ขวัญ) กดดัน “ไม่ใจว่ะ” แล้วพวกบ้าพลังอย่างเด็กวิศวะเจอคำนี้ไม่ได้เชียว

ถึงจะสำมะเลเทเมากันยังไงพวกเราก็ยังตั้งใจเรียน (มั้ง) เพราะไม่ใช่ทั้งก๊วนที่เป็นพวกสุราพิสต์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านสุราเหมือนเทราพิสต์ไง) ยังไงก็มีพวกที่ต้องเบรคกันบ้างไม่งั้นคงไม่จบสี่ปีแน่และคงได้เป็นทวดหรือเทียดคาคณะ (พี่เทค ลุง/ป้าเทค ปู่เทค คือปี 2 3 4 ตามลำดับ) วิชาที่พวกเรากลัวกันหนักหนาซึ่งมีตำนานว่าเป็นวิชาปราบเซียนมีอยู่ 3 วิชาคือ Statics, Strength และ Dynamics ตามลำดับ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราจะสามารถเรียนวิชาต่อไปได้ก็ต่อเมื่อผ่านวิชาก่อนหน้านั้นแล้ว และถ้าตกวิชาเหล่านี้ก็หมายความว่าต้องรอเรียนกันปีถัดเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อตกไม้หนึ่งแล้วก็มีน้อยคนที่จะฮึดสู้เรียนไม้หนึ่งและไม้สองพร้อมกันเพื่อจะสามารถจบสี่ปี จึงไม่เป็นที่หน้าแปลกใจเลยที่เพื่อนร่วมคลาสจะมีทั้งเด็กปี 3 และปี 4

“กรูตายแน่สอบ statics พรุ่งนี้ เข็มช่วยหน่อยนะ” อุ๋ย เพื่อนชายในก๊วนหันมาโอดครวญกับฉัน

“TA คุมสอบวิชานี้เคี่ยวจะตาย จับได้มึงได้ไปดรอปเลยนะ อยากโดดดีนัก สมน้ำหน้า” ขวัญหันไปตวาด ทำให้อุ๋ยหงอยลงไปนิดนึง

“อาจารย์ก็ให้เอา A4 เข้าไปอยู่นิ ป่ะ ทำโพยกัน” เอ๋ปลุกปลอบเพื่อน และเราก็นั่งสุมหัวกันทำโพยเพื่อเตรียมสอบมิดเทอม


“เอ้า หมดแก้วโว้ย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” เสียงเฮฮาของเด็กวิศวะเกือบเต็มร้านหลังจากผ่านช่วงสอบมิดเทอมหฤโหดทำให้บรรยากาศดูคึกคัก ดูเหมือนว่าจะมีแต่เด็กวิศวะซะเป็นส่วนมากนะ ไม่รู้เป็นเพราะเครียดมากหรือเป็นกรรมพันธ์ในสายเลือดของคณะก็ไม่รู้ ฉันและเพื่อน ๆ ในก๊วนครบแก๊งค์กำลังนั่งฉลองกันอย่างเฮฮา ทั้งฉลองสอบเสร็จและฉลองวันเกิดย้อนหลังให้ขวัญ เพราะวันเกิดของขวัญดันไปตรงกับวันสอบทำให้ต้องเก็บมาฉลองย้อนหลัง

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะจ๊ะขวัญ ขอให้ผอม ให้ขาว” เสียงอวยพรของเบิร์ดซึ่งออกเหน่อน้อย ๆ ด้วยสำเนียงเด็กเมืองกาญจน์ทำให้ขวัญผลักหน้าตาทะเล้นนั่นออกไป

“เออขอบใจ เอาหน้าออกไปห่าง ๆ แล้วก็หมดแก้วเว้ย” ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะเป็นวันปล่อยผีของขวัญนะ เพราะนาน ๆ จะเห็นขวัญตั้งหน้าตั้งตาดื่ม ทุกครั้งขวัญมักจะเป็นฝ่ายเบรครวมถึงฝ่ายเก็บกู้ แต่วันนี้เสียงเธอไปแล้วล่ะ หมดแก้วมาหลายแก้วละ คงต้องเมากันบ้างล่ะ เฮ้อ...ฉันก็อยากจะตอบแทนบุญคุณขวัญด้วยการเป็นหน่อยเก็บกู้เหมือนกันนะ แต่ฉันคงคิดช้าไป ฉันคิดอย่างช้า ๆ เพราะฉันก็เริ่มมีอาการเหมือนกัน สุราทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของลดลง 40%

“เฮ้ย เข็ม หมดแก้วดิ อย่าป๊อด” เมรีสริ่มทักท้วง ชิชะ ยอมได้ไง แต่ว่านะ ไม่หมดแก้วหรอกนะ เดี๋ยวเมา (มากกว่านี้) ฉันเฮฮาได้อย่างสบายใจเพราะดูเหมือนรอบนี้จะเป็นเอ๋ เบิร์ด ที่จะเป็นหน่วยเก็บกู้ สำหรับสาว ๆ หากคิดจะเมาแล้วล่ะก็ต้องมั่นใจว่าจะเมาได้อย่างปลอดภัยไม่ถูกใครหิ้ว ซึ่งในกลุ่มฉันจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคน (สำหรับผู้หญิง)ที่จะต้องทำหน้าที่นั้น (อืม...ฉันเคยทำแค่ครั้งเดียวเอง เพราะที่เหลือฉันเมา เมรีจริง ๆ) ฉันชนแล้วแอบสลับแก้วกับธีที่หมดแก้วไปแล้วและกำลังรอเติม แล้วก็ทับเมรีสริ่ม

“หมดแล้ว ๆ ไหนสริ่ม หมดยัง ฮึก” หยองเล็กน้อยและแอบสะอึก เห็นแว๊บ ๆ ว่าเอ๋แอบส่ายหน้า แหม...คนเรามันต้องมีแทคติคกันบ้าง ฉันว่าฉันเมาขั้นสองแล้วล่ะ หากมีสะอึกเมื่อไหร่แล้วยังไม่หยุดดื่ม ตามสถิติฉันจะชัตดาวน์ (หลับ)ไปเลย อา...ต้องไปห้องน้ำซะแล้ว

“ไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดไปยิ้มไป วันนี้อารมณ์ดีเพราะสอบเสร็จแล้ว

“ให้ไปเป็นเพื่อนป่ะ” เอ๋ถาม ฉันยกขึ้นบอกไปทำนองว่าไหว (จริง ๆ นะ) และร้านที่พวกเรามานั่งฉลองอยู่นี้ก็เป็นร้านของรุ่นพี่ซึ่ง ปลอดภัยในระดับหนึ่ง


“ฮ้า เย็นจัง” นั่นเสียงฉันเอง ทำไมเหมือนไม่ใช่เสียงฉันเลยนะ ฉันแอบมานั่งรับลมให้สดชื่นและสติแจ่มใสหลังจากเข้าห้องน้ำที่ม้านั่งใกล้กับสวนเด็กเล่นไม่ไกลจากที่ร้าน ซึ่งก็น่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง เพราะฉันยังสามารถเห็นเพื่อนนั่งเฮฮากันได้

อา...เย็นดีจัง บรรยากาศแบบนี้เหมาะแก่การนั่งสังสรรค์เป็นที่สุด สำหรับคนโสดนะ แต่ถ้าเป็นพวกมีคู่ก็น่าจะ...มานั่งชมวิวโรแมนติคกันมั้ง เฮ้อ...ฉันไม่ได้เจอพี่กฤษณ์มากี่เดือนแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนก็จะปิดเทอมและพวกปี 3 ส่วนใหญ่ก็จะฝึกงาน และพอขึ้ปี 4 ก็จะทำโปรเจ็ค ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไม่ค่อยเข้าคณะกันแล้วเพราะเหลือวิชาที่จะต้องเรียนไม่กี่วิชา ปกติก็ค่อยได้เจออยู่แล้วนะ หลังจากนี้คงไม่เจอแล้วสินะ

“คิดถึงจัง อยากเจอ อยากเห็นหน้า” ฉันพึมพำออกไป โอย...พิษรักกำเริบแล้ว ฉันซบหน้าลงกับเข่าที่ตั้งชันขึ้น อืม...หลับตาแล้วมึนหัวจัง แต่ฉันอยากจินตนาการถึงใบหน้าคมคามของพี่กฤษณ์ หึ ๆ ฉันว่าฉันเมาแล้วล่ะ

“หัวเราะอะไรครับ” เอ๊ะ...เสียงอะไร ฉันเงยหน้าขึ้นมองซ้ายขวา เมื่อกี๊เสียงมาทางนี้นี่นา

“จิ้นเกินไปแล้วเรา สงสัยเมาจริง” ฉันบ่นกับตัวเอง และฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ แถวชิงช้า เหวย ๆ คงไม่ใช่...สิ่งที่คุณก็รู้ว่าอะไรหรอกนะ ฉันหันไปมองชิงช้าด้วยใจระทึก จะแอบมาทำซึ้งซักหน่อยโดนดีแล้วล่ะมั้งยัยเข็ม อ่า...นั่นไง ใครนั่งชิงช้าน่ะ เป็นผู้ชายนะนั่งสูบบุหรี่ ทำไมเมื่อกี๊ฉันไม่เห็นนะ

“เอ่อ...พี่เป็นคนใช่ไหมคะ” ฉันถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กรรมชั่วไม่มีก็จริง แต่กรรมดีของฉันก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน ไม่มีบุญกุศลที่ไหนจะแบ่งให้หรอกนะ ทันทีที่ฉันถามออกไปฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะอีกครั้ง

“หึ หึ แล้วน้องอยากให้พี่เป็นอะไรล่ะครับ” เอ...เสียงคุ้น ๆ นะ หมาก็ไม่หอน เฮ่อ...ไม่ใช่ผีหรอก

“เอ่อ แหะ ๆ อยากให้เป็นคนค่ะ” ฉันถูปลายจมูกเบา ๆ เมื่อรู้สึกหน้าแตก

“ที่พี่ถามเมื่อกี๊ น้องหัวเราะอะไรเหรอครับ” ยิ่งฟังเสียงก็ยิ่งคุ้นนะ เหมือน...แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันปัดความคิดนั้นออกไป

“อ๋อ...คิดเรื่อยเปื่อยค่ะ หัวเราะตัวเอง” แปลกจัง ทำไมฉันถึงกล้าคุยกับคนแปลกหน้านะ อืม..จะว่าแปลกหน้าก็ไม่ได้สิ ฉันเห็นหน้าไม่ชัดเพราะตรงนั้นเป็นมุมที่แสงน้อยและอีกอย่างเขานั่งหันหลังให้แสงด้วย ฉันก็เลยเห็นแต่โครงร่างของเขาและจุดไฟจากปลายบุหรี่ที่เขากำลังสูบอยู่เท่านั้น ฉันคงเมาด้วยแหละมั้งถึงกล้าคุยโดยไม่รู้สึกกลัว

“มากับเพื่อนเหรอครับ”

“ค่ะ ฉลองสอบเสร็จและฉลองวันเกิดย้อนหลังให้เพื่อนค่ะ” ฉันตอบไปยิ้มไป

“ดื่มหรือเปล่าครับ”

“...นิดหน่อยค่ะ” จริง ๆ นะ

“เมาหรือยังครับ”

“ยังค่ะ”

“ดูไม่ค่อยน่าเชื่อนะครับ”

“จริง ๆ นะคะ ให้บวกลบคูณหารเลขตอนนี้ยังทำได้เลย” ฉันเถียง

“หึ หึ เอาเป็นว่าพี่เชื่อแล้วกันครับ แล้วมานั่งคนเดียวอย่างนี้ไม่กลัวเหรอครับ”

“กลัวอะไรคะ พี่เป็นคนนี่ไม่ใช่ผี ไม่เห็นต้องกลัวเลย อีกอย่างเพื่อนก็อยู่ใกล้ ๆ “ ถ้าพี่ไม่ใช่คนก็ว่ากันอีกที

“คนนี่แหละน่ากลัว อีกอย่าง เราเป็นผู้หญิง นั่งคนเดียวไม่กลัวเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ดูเหมือนพี่เขาจะเตือนฉันนะ

“ก็นั่งอยู่กับพี่ไงคะ พี่คงไม่ปล่อยให้เข็มถูกทำร้ายหรอก ใช่ป่ะ” ช่างกล้านะฉัน เขาจะไม่ช่วยเพราะปากนี่แหละ ดูเหมือนเขาจะเงียบไปนิดนึงแล้วก็ถามต่อ

“แล้วทำไมพี่ถึงต้องช่วยเข็มด้วยล่ะครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”

“อ้าว ก็พี่เป็นสุภาพบุรุษไงเห็นสุภาพสตรีถูกทำร้ายก็ต้องช่วยเหลือสิ”

“รู้ได้ยังไงล่ะครับว่าพี่เป็นสุภาพบุรุษ อย่าไว้ใจผู้ชายมากสิครับ”

“อ๊ะ! พี่จะบอกว่าพี่เป็นผู้ชายไม่ดีสินะคะ ไม่จริงหรอก ก็พี่ไม่เห็นทำร้ายเข็มเลย อีกอย่างเข็มก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้พี่โกรธ พี่คงไม่ทำอะไรเข็มหรอก จริงไหม” ฉันเอียงหัวไปมา อา...เหมือนนั่งบนเรือเลยแฮะ สงสัยแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดแล้วล่ะ

“...” ฉันได้ยินอีกฝ่ายพึมพำอะไรไม่รู้ ได้ยินไม่ชัดก็เลยถามออกไป

“พี่ว่าอะไร” แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับนอกจากจุดไฟจากปลายบุหรี่ที่วาบแสงเข้มขึ้นให้ฉันรู้ว่าเขากำลังอัดนิโคตินเข้าปอด ไม่เข้าใจเลยว่ามันดีตรงไหน มะเร็งนะนั่น

“รู้สึกดีไหมคะ” เมื่อเห็นว่าเงียบฉันก็เลยถามออกไป แต่เหมือนว่าฉันจะตกคำสำคัญไปเยอะ เขาก็เลยถามกลับ

“อะไรครับ”

“บุหรี่น่ะค่ะ สูบแล้วรู้สึกดีไหมคะ เห็นผู้ชายชอบสูบจัง” เขาถือบุหรี่ไว้นิ่ง

“ก็ดีมั้งครับ” นะ ถึงว่าไม่งั้นคงไม่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าหรอก ยิ่งเซเว่นในม.ยิ่งขายดี แถวหน้าคณะน่ะ

“แต่มันทำให้เกิดมะเร็งไม่ใช่เหรอคะ ไม่กลัวเหรอคะ” เขาไม่ตอบนอกจากหัวเราะเบา ๆ และไม่รู้ฉันบ้าอะไรเลยยื่นมือออกไป

“ขอลองบ้างได้ไหมคะ” ดูเหมือนเขาจะนิ่ง แบบว่านิ่งจริง ๆ และฉันก็รู้สึกเย็นวาบแถวท้ายทอย แต่ฉันก็ยังยื่นมือออกไป แต่ก็ยังไม่แต่ความเงียบจนฉันอดโมโหเล็ก ๆ ไม่ได้ ขอลองนิดหน่อยไม่ได้หรือยังไง หวงจัง ฉันพยายามนั่งทรงตัวไม่ให้เสียจังหวะให้เขารู้ว่าฉันเมาแต่ก็เกือบจะล้มไปหลายครั้งเหมือนกัน

“หวงจัง แค่นี้ก็ไม่ให้” ฉันบ่นเบา ๆ กับตัวเอง

“มาเอาเองสิครับ” ในที่สุดเขาก็ตอบด้วยเสียงเย็นชา น่ากลัวนิด ๆ แต่ด้วยทิฐิหรือความเมาก็ไม่รู้ ทำให้ฉันพยายามลุกออกไปแบบเซนิด ๆ แต่ก็พยายามเดินตรง ๆ ไปหาเขา ฉันหยุดต่อหน้าเขา ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลพอจะแบมือขอลองบุหรี่ ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจแต่เหมือนเขาจะหยิบบุหรี่จากซองมาให้ฉันนะ เพราะเขายื่นบุหรี่ตัวใหม่มาให้ฉันและฉันก็รับไว้

“ไฟล่ะคะ” กล้านะฉัน

“ไม่มีครับ” อ้าวแล้วฉันจะลองสูบยังไงล่ะ

“อ้าว แล้วจะจุดบุหรี่ยังไงคะ” อ่าเสียงฉัน...เมาแล้วนะ เพราะฉันยืนตรง ๆ ไม่ไหวแล้วล่ะ ฉันเลยทรุดลงนั่งแปะกับพื้นต่อหน้าเขาโดยยันมือไว้ที่พื้น มือข้างที่ถือบุหรี่ไว้ก็กำไว้แน่น

“อ่า...มันพังแล้ว” ฉันแบมือที่เผลอกำบุหรี่ไว้ ทำให้เห็นตัวแท่งสีขาวราง ๆ แบบเบี้ยว ๆ ด้านไหนเป็นก้นบุหรี่ฉันก็ไม่ยังไม่รู้เลย ฉันพึมพำไว้อาลัยมันอยู่พักนึงก็ได้ยินเสียงชิงช้าและเสียงฝ่าเท้าเดินกับพื้นดิน และฉันก็เห็นเขาทรุดเข่าลงต่อหน้าฉัน

แสงเพียงเล็กน้อยที่มากจากทางด้านหลังทำให้เห็นแค่โครงร่างของใบหน้าคุ้นตาแต่ฉันไม่แน่ใจ เมื่อเขาก้มหน้าลงเล็กน้อยฉันก็ได้กลิ่นคุ้น ๆ ทั้งกลิ่นบุหรี่ กลิ่นโคโลญ์ผู้ชาย อืม...หอมจัง ฉันหลับตาและแอบสูดหายใจเข้าลึกกว่าเดิมเล็กน้อย

“ทำไมถึงอยากลองสูบล่ะ”

“ก็เห็นเขาสูบกัน อยากรู้ว่ามันดียังไง” ฉันตอบไป

“บางอย่างที่เรารู้ว่ามันไม่ดีก็ไม่ต้องลองหรอก” ยิ่งได้ยินเสียงใกล้ ๆ ก็ยิ่งคุ้น เหมือนเสียงพี่กฤษณ์จัง

“แล้วทำไมพี่ถึงยังสูบล่ะ” ง่วงจังเลย ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ในคอก่อนที่เขาจะตอบ

“...เพราะพี่เป็นคนไม่ดีมั้ง”

“...”

“พี่เป็นผู้ชายไม่ดี เข็มไม่ควรอยู่ใกล้พี่นะ” อา...เหมือนพี่กฤษณ์จัง แม้จะเป็นในเงาสลัว ฉันยื่นมือออกไปเพื่อจะลองสัมผัสใบหน้าเขาที่เห็นไม่ชัด ปลายนิ้วที่แตะสันจมูกรู้สึกชาเล็กน้อย ฉันลูบมาจนถึงปลายจมูกผ่านมาถึงริมฝีปากได้รูปนั่น

“เหมือนพี่กฤษณ์จัง” ฉันพูดแบบลอย ๆ และเขาก็หยุดมือฉันที่กำลังไล้ริมฝีปากนั่นไว้ให้ออกห่าง แต่ฉันยังมีมืออีกข้างที่ปล่อยบุหรี่บู้บี้นั่นไปแล้ว ฉันพยายามใช้มืออีกข้างหมายจะต่อภารกิจแต่ก็ยังถูกเขาจับไว้อีก ทำให้ฉันจุบากด้วยความที่ถูกขัดใจ และเมื่อฉันไม่มีมือไว้ค้ำยันทำให้ฉันวูบไปข้างหน้าจนฉันได้กลิ่นบุหรี่จากเขามากขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นพยายามเบิ่งตามองเขาแต่ฉันก็เห็นแค่ปลายคางและแนวสันกรามนั้น ยิ่งใกล้ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมากยิ่งขึ้น นี่ฉันกำลังฝันหรือเปล่านะ พี่กฤษณ์ไม่มีทางจะอยู่ที่นี่หรอก ต้องฝันแน่ ๆ เลย งั้นถ้าเป็นความฝันฉันจะทำอะไรก็ได้งั้นสิ

“คิดถึงจัง” ฉันพูดออกไปและพยายามยืดตัวขึ้น เหมือนจะได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าแรง ๆ เอ เสียงหายใจของฉันหรือเปล่านะ เสียงหายใจกลิ่นโคโลญผู้ชาย กลิ่นเบียร์และผสมอยู่ในลมหายใจที่กระทบหน้าทำให้ฉันมึนงงมากขึ้น ทั้งกลิ่นและสัมผัสร้อนที่ล่วงล้ำผ่านริมฝีปาก....ลามกเข้าขั้นแล้วฉัน




เขียนยากนะนี่ -///-



แพม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2555, 22:13:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2555, 22:13:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1440





<< ตอนที่ 7 มือที่สาม? (จบ)   ตอนที่ 9 Umbrella >>
sai 10 ก.ย. 2555, 23:36:00 น.
ยายเข็มเมาอีกแว้ววว


Amata 11 ก.ย. 2555, 17:02:38 น.
แต่ก็เขียนได้นะนั่น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account