พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 21. กลับมาโพสต์ให้จบตามคำเรียกร้อง

21.


นันทารีบผละจากหน้าเคาน์เตอร์ไปยังห้องน้ำ เมื่อรู้ว่าน้ำตากำลังจะหยดลง เธอหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ มันคล้ายกับว่าใครสักคนที่เธอมองหาอยู่ตลอดมา แล้วเขากลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ แต่นันทามองสภาพตัวเองและมองสภาพของเขา ถึงเธอไม่ได้สูงส่งเป็นเจ้าของบริษัท แต่เธอก็มีหน้าตาทางสังคม มีเพื่อนฝูงในวงสังคมชั้นกลางทั้งนั้น ถ้าในอุ้มผางพ่อแม่ของเธอเองก็ถือว่ามีฐานะเป็นที่นับหน้าถือตาของชาวบ้าน แต่เขาล่ะ ยามรักษาความปลอดภัย ผู้มีเครื่องแบบที่บางคนไม่ยอมใส่ขึ้นรถกลับบ้านด้วยซ้ำ

นันทาเช็ดเม็ดน้ำตาที่คลอหน่อยตาแล้วตั้งสติ พยายามสูดลมหายใจให้เป็นใบหน้าของชัชชัยอีกสักครั้ง แต่เธอก็รู้ว่า ชัชชัยถูกสลัดออกจากใจไปนานแล้ว เธอไม่ใช่คนที่ไม่รักตัวเองหรือรักคนอื่นจนลืมความสุขของตัวเอง เมื่อเขาไม่รักเธอ ขีดเส้นเธอแค่คำว่าเพื่อน เพื่อนก็เพื่อน แต่ความแค้นและความเจ็บใจใช่จะหมดไป

นึกถึงมาลีครั้งใด แล้วความริษยามันก็ผุดขึ้นมา ชัชชัยชอบผู้หญิงหน้าตาจืดชืดไร้จริตอย่างนั้นหรือ นันทาดูใบหน้าตนเองที่กระจก เครื่องสำอางราคาแพง ทรงผมตามกระแส เครื่องประดับตามเนื้อตัว รวมถึงอาภรณ์ที่สวมใส่ ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เธอมีส่วนไหนบ้างที่ไม่น่าดูชม

แต่เขาก็รักมัน

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ นันทาพบว่า ที่หน้าเคาน์เตอร์เจ๊จุ๋มออกไปยืนเสนอหน้าเสนอตัวกับยามเสียแล้ว และคารมของพี่จุ๋มกับอำนาจของเงินก็สามารถ ‘ง้าง’ ชายให้ลืมหน้าที่ความเป็นผู้ชายมาไม่ใช่น้อย

‘เขา’ คนที่เธอไม่รู้แม้แต่ชื่อ คงไม่ตกเป็นเหยื่อของพี่จุ๋มอีกคนหรอกนะ



ในวันหยุดสัปดาห์ กุลกัญญาต้องการให้มาลีพาเธอไปที่สวนจตุจักรอีกครั้ง มาลีอยากจะปฏิเสธ เพราะว่ากลยุทธนั้นชวนให้เธอไปที่บ้านร่วมทำอาหารกลางวันด้วย แต่ที่สุดมาลีก็เลือกตามใจกุลกัญญาโดยบอกเหตุผลให้กลยุทธได้รับรู้ กลยุทธอยากตามไปด้วยแต่น้องสาวก็ปฏิเสธโดยอ้างว่า ถ้าไปกับสาวๆ แล้วสาวๆ จะไม่สนุก

มาลีอยากบอกเล่าเรื่องของนิวัฒน์ให้กลยุทธได้รับรู้ไว้ แต่กุลกัญญาก็ขอร้องให้ปิดเรื่องนิวัฒน์ไว้เป็นความลับ มาลีรู้สึกไม่สบายใจ จนกระทั่งต้องโทรไปสอบถามจากปากของฝ่ายชาย

“เขาก็น่ารักนะ” นิวัฒน์ตอบมาอย่างนั้น

“พี่ชายเขาหวงน้องสาวเขานะนิว อย่างไรอย่าให้เลยเถิดล่ะ เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา มันจะกระเทือนความสัมพันธ์ชั้นกับพี่ชายเขาไปด้วย”

“ชอบกับพี่ชายเขาดิ๊”

“ยังหรอก แค่ดูๆ กันอยู่”

มาลีปากแข็ง อันที่จริง เขาขอคบหากันเธอฉันแฟนแล้วด้วยซ้ำ ในทุกๆ วันเขามีจะข้อความหวานๆ ซ่อนหัวใจรักมาให้ถึงสามเวลาด้วยซ้ำ

เพียงแต่เธอเองเท่านั้นที่รู้ว่าตนคือใครและเขาคือใคร หากเธอแสดงตัวตนออกในเวลานี้ คุณรมณีย์คงไม่ยอมเป็นแน่ เมื่อเป็นอย่างนั้นคนที่จะแย่ก็คือเขา พิษรักแรงหึงเชียวนะ มันอันตรายไหม เธอก็พอรู้ฤทธิ์มันมาบ้าง

“จะเป็นคู่ดองกันใช่ไหม” เขาถามกลับมาอีก

“กุลเขา ยังเด็กนะนิว แกอย่าเพิ่งอะไรนะ คบหากันเป็นเพื่อนไปก่อน ตัวเองก็เถอะ ยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรเลย เราต้องเจียมตัวด้วยว่าเราเป็นใครแล้วเขาเป็นใคร แกเองเป็นผู้ชาย ความรับผิดชอบมันต้องมากกว่าผู้หญิงนะนิว”

“เป็นยายแก่เลยวุ้ย ความรักที่ฉันมีมันก็แค่ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำก็เท่านั้นแหละมาลี ฉันรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาหรอก”

“เออ มีสติไว้ อย่าไปเร่งรัดเขาล่ะ เห็นแก่ฉันนะ รับปากนะว่าจะไม่ทำอะไรกุล”

“เอ๋ ถ้าเขาไม่เสนอมากไป ฉันก็คงไม่”

นิวัฒน์พูดไว้เป็นปริศนา

จนเมื่อนั่งรถไปด้วยกัน มาลีจึงเอ่ยถามกุลกัญญาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
“ก็แค่ไปช่วยขายของ แล้วก็โทรคุยกันแค่นั้น”

“เคยไปหอพักมันไหม”

“ก็แค่ไปดูนิวเขาเล่นกีฬา หอพักไม่เคยไปเพราะนิวไม่ให้ไป”

“พูดอย่างนี้กุลอยากไปใช่ไหม”

“เปล่า กุลไม่อยากไป แต่ถ้าอยากไปก็แค่อยากไปดูว่า หอพักผู้ชายเป็นอย่างไร”

“อย่านะกุล อย่าให้มาลีลำบากใจนะ”

มาลีลอบถอนหายใจออกมา ผู้หญิงที่เกิดและโตในเมือง เธอเข้าใจได้ยากจริงๆ

“คุณชัชพูดเรื่องงานของกุลหรือเปล่า”

กุลกัญญาเปลี่ยนเรื่อง มาลีมองออกไปนอกรถ ตั้งแต่คืนวันนั้นเขาหายไปเลย ไปชุมพรเก็บข้อมูล กินนอนกับชาวบ้าน เขาคงเจอแม่สาวบ้านป่าเหมือนคนเช่นเธออยู่เรื่อยๆ ถึงไม่ได้โทรกลับมาถามข่าวคราวของเธอ

“มาลี” กุลกัญญาถามซ้ำ มาลีได้สติ

“เขาไปชุมพร”

“โทรหาเขาบ้างหรือเปล่า พูดอะไรออกไปให้เขาน้อยใจหรือเปล่า”

“เปล่านี่” มาลีปากแข็ง

“โทรหาเขาหน่อยซิ กุลอยากคุยกับเขา”

“ก็เอาเครื่องกุลโทรซิ นี่เบอร์”

มาลีกดโทรศัพท์ของตนแล้วยื่นให้กุลกัญญาดูเบอร์ แต่กุลกัญญากลับดึงโทรศัพท์ของมาลีไปแล้วกดโทรออก เมื่อได้ยินเสียงเพลงรอรับสาย ‘ฉันยังอยู่’ ของรวมศิลปิน บี มาย เกสต์ เมื่อฟังจนสัญญาณตัดไปเพราะปลายสายไม่กดรับ กุลกัญญาก็กดโทรออกแล้วเอาโทรศัพท์มาแนบที่หูของมาลี

‘อยากบอกให้รู้ฉันยังอยู่ ตรงนี้ฉันยังอยู่ จะคอยดูแลหัวใจ

ของเธอให้เข้มแข็ง อยากบอกให้รู้ ฉันยังอยู่ วันนี้หรือเมื่อไร อย่ากลัวอะไรขอให้มั่นใจ จับมือกันไว้แล้วเดินไป พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะพร้อมเคียงข้างเธอ’

เมื่อเพลงที่สื่อออกมาจากความรู้สึกของเขาส่งภาษาเข้าหัวใจ น้ำตาของมาลีก็ค่อยซึมออกมา กุลกัญญามองเห็นแล้วแอบยิ้มที่มุมปาก นายชัชชัยคนนี้บทจะหวานก็หวานได้น่ารักจริงๆ อย่างนี้มาลีจะเลือกใคร นางเอกของเธอจะเลือกใคร
“เขาไม่รับสาย งอนอะไรมาลีหรือเปล่า หรือว่าอยู่ในห้วงอันตราย”

เมื่อได้ฟังใจของมาลีเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

“เขาไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”

“ถ้าเขาตายวันนี้วันพรุ่งนี้มาลีจะร้องไห้ให้กับเขาไหม”

“ไม่ได้ผูกพันกันขนาดนั้นหรอก”

“แต่เขาชอบมาลีนะ กุลดูออก ชอบมากด้วย”

“กุลอย่าไปใส่ใจเขาเลย ใส่ใจธุระตัวเองดีกว่า สัปดาห์หน้ามาลีไม่มาด้วยแล้วนะ”

“ชอบพี่ชายกุลเหรอ”

“บ้า เอาที่ไหนมาพูด”

“มีความลับกับกุลนะ อย่าคิดว่ากุลไม่รู้ พี่ชายบอกกุลแล้วว่า มาลีรู้จักพี่ชายตั้งแต่อยู่อุ้มผาง แต่วันนั้นมาลีมาที่บ้านไม่ยอมบอกสักคำ กลัวคุณชัชเขาแสดงอาการหึงหวงใช่ไหมล่ะ”

“บ้าใหญ่แล้ว” ปากว่าบ้าแต่ก็หน้าแดง

“กุลเป็นว่าที่นักเขียนนะ กุลพอเดาและเข้าใจอะไรได้ไม่อยากหรอก”

“เพ้อแล้วนะกุล”

มาลีแสร้งทำเสียงขุ่นกลับไป แต่เมื่อมองออกไปนอกรถแก้มของมาลีก็เริ่มตึงขึ้นมา

“พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะพร้อมเคียงข้างเธอ”

กุลกัญญาฮัมประโยคสุดท้ายของเพลงซ้ำ เพื่อให้มาลีถามความรู้สึกของตัวเอง
ต่างกันราวฟ้ากับเหว คงไม่มีทางได้บรรจบ

แล้วมาลีก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่านิวัฒน์ยืนอยู่กับใคร

“วิจักษ์”

มาลีอุทานเสียงดัง พอวิจักษ์หันมามอง มาลียังเห็นสายตาอาวรณ์ของเขาเหมือนเดิม

“มาลี”

เขารีบผละจากนิวัฒน์แล้วเดินมาหามาลีในทันที

“เป็นมาอย่างไร มาเที่ยวหรือ” มาลีมีสีหน้างุนงง

“พี่มาทำงานที่นี่ แล้วตั้งใจหาหนทางเรียนต่อเหมือนมาลี”

เขาแลไปหากุลกัญญา ที่มีดวงตาเชื่อมอยู่กับนิวัฒน์ที่อยู่ข้างๆ เขา

“นี่กุล เพื่อนใหม่มาลี” มาลีแนะนำ

“แฟนกูเอง” นิวัฒน์ทำปากดี กุลกัญญาตีที่ต้นแขนเข้าให้

“ใครเป็นแฟนนิว พูดดีๆ นะ”

“อ้าว โทรคุยกันสามเวลาหลังอาหารนี่ยังไม่เรียกว่าแฟนอีกหรือ” นิวัฒน์เผยความลับออกมา

“มาลีสบายดีนะ” วิจักษ์คุยเรื่องของตัวเอง

“สบายดี ตอนนี้ทำงานแล้ว หาเก็บเงินก่อน ดีไม่ดี อาจจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเรียนจบ”

“งานอะไร”

มาลีเล่าเรื่องงานของตนอย่างไม่ปิดบัง ในขณะนั้นนิวัฒน์ก็ดึงกุลกัญญาไปช่วยเจ๊เจ้าของร้านขายเครื่องเงิน เมื่อมาลีเล่าเรื่องของตนจบ วิจักษ์ก็เล่าเรื่องของตนเองบ้าง

“อยู่กับพี่ตรีทศคนบ้านสวนหลวงนะหรือ”

วิจักษ์พยักหน้า

“โชคดีนะ เขาใจดีไหม”

“ใจดีซิ เขาบอกว่า คนบ้านเดียวกัน ช่วยๆ กันไว้”

วิจักษ์ไม่ได้เล่าหรอกว่า ลึกๆ แล้วตรีทศก็ปรารถนาขอความเห็นใจจากเขาเหมือนกัน จะเล่าได้อย่างไร ถ้ามาลีรู้คงรังเกียจเขาเป็นแน่

เมื่อถามไถ่กันแล้ว มาลีจึงหันไปมองที่ร้านขายเครื่องเงิน

“แฟนมันเหรอ มันดูดีขึ้นเยอะเลยนะ มันบอกว่า มันจะต้องเป็นดารา เป็นนายแบบให้ได้”

“ฝันลมๆ แล้งๆ ก็ฟังๆ มันไป แต่มันก็ดีนะไอ้ควายถึกนี่ ยังเอาตัวรอดในเมืองหลวงได้ พี่วิจักษ์เถอะ หล่อๆ แบบนี้ระวังตัวเองบ้างนะ ผู้หญิงกรุงเทพฯ เขานับแต้มกันนะ จะถูกนับแต้มเอาไม่รู้ตัว”

เมื่อมาลีพูดอย่างนี้ วิจักษ์นึกถึงบรรดาผู้หญิงและกะเทยในบริษัทที่เขาเฝ้ายาม เขาถูกสีทุกวัน บางวันเขาก็ได้กินขนม ได้กินข้าวฟรี แต่เขาก็เพียงยิ้มๆ รับไมตรีแล้วก็ปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง เขารักมาลี อยากมีค่าคู่ควรดอกไม้ดอกนี้ อยากจะบอกออกไป แต่ในเวลานี้ เขาจะปากพล่อยเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ต่างคนต่างก็เหมือนนับหนึ่งกันใหม่ อีกกี่ปีกว่าจะเรียนจบ อีกกี่ปีกว่าชีวิตลงหลักปักฐาน วิจักษ์ครุ่นคิด

“อยากเจอพี่ตรีทศจังเลย อยากขอพลังจากพี่เขาหน่อย” มาลีบอกความปรารถนาของตนเอง

วิจักษ์ถอนหายใจออกมา

“มาลีอยู่กับใครนะ น้องไอ้นัน”

“พี่วิจักษ์ไม่รู้จักเขาหรอก เพราะเค้าเข้ามาเรียนต่อในเมืองตั้งแต่จบปอหกแล้ว พี่เองก็เพิ่งรู้จักกับมาลีกับพี่อนันต์ตอนอยู่มัธยมเอง”

“เขาใจดีไหม”

มาลีเบ้หน้า

“ดีแบบเขาแหละ เขาไม่เคยลำบากเขาก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องช่วยเหลือใคร…. อยากเจอพี่ตรีทศ แนะนำให้รู้จักได้ไหม”

“มาด้วยกัน แต่ไปเดินตรงไหนไม่รู้ นัดเจอกันตอนเย็นๆ เขาปล่อยให้พี่เดินเล่นคนเดียว เขาบอกว่าเขาก็อยากเดินคนเดียว พี่ตรีทศเขามีความคิดแปลกๆ หลายๆ อย่างมาลี”

“อาทิเช่น”

“กับข้าวในร้านมีร้อยอย่าง เขาให้จักษ์สั่ง 1 อย่าง เขา 1 อย่างเท่านั้น เวลากินเขาก็กินน้อย แต่เขาจะให้จักษ์กินให้หมด พอเวลาจ่ายจักษ์จะช่วยเขาบอกว่าไม่ต้อง แต่เขาบอกว่าเขาขี้ตระหนี่เกลือเรียกพี่ แต่เวลาที่เขาไปเดินห้างซื้อของ เขาจะซื้อของที่จำเป็นในครัวเอามาไว้ให้พี่ตลอด แล้วเขาจะบอกกับพี่ว่าให้ช่วยกันประหยัด เช่นใส่น้ำมันแต่น้อยเวลาทอดไข่ เขาบอกว่ามันจะได้ไม่อ้วนและไม่เปลือง แต่พอจักกินไข่แค่ใบเดียวเขาก็บอกว่าให้กินเยอะๆ เพราะไข่มีประโยชน์”

มาลีชักสีหน้าฉงนใจ ผู้ชายอะไรช่างละเอียดลออแท้

“ผู้ชายแท้ๆ หรือเปล่า” อดพลั้งปากถามไปไม่ได้ แล้วมาลีก็เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของวิจักษ์

“อย่าบอกนะว่าเขาช่วยพี่วิจักษ์ก็เพราะหวังผลอื่น”

วิจักษ์ถอนหายใจออกมา

“หรือเสียตัวไปแล้ว” มาลียังซักไซ้แถมจ้องหน้าจ้องตาเอาคำตอบ

“ย้าง ยังหรอก ตบมือข้างเดียวมันดังเสียที่ไหน”

“พูดอย่างนี้ก็รู้ใช่ไหมว่าเขาต้องการอะไร”

“มาลีก็รู้นี่ว่าที่ผ่านมา พี่จักษ์เองก็ถูกสีจากคนกลุ่มนี้มาตลอด”

“เกิดมาหน้าตาดีนี่ ไม่อยากเป็นดาราอย่างไอ้วัฒน์บ้างเหรอ”

มาลีปรายตามองไปทางว่าที่ตัวประกอบแล้วขำกับท่าเรียกลูกค้าของมัน วิจักษ์เองก็ทึ่งกับคารมและลีลาขายของจากเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ บางทีเขาก็อยากใช้ชีวิตโลดโผนอย่างนี้บ้าง

“ไปเข้าสังกัดโมเดลลิ่งอะไรกับมันซิ เผื่อจะมีโอกาสรวยเร็วๆ”

“อยากรวยเร็วๆ เหมือนกันจะได้” เขาหันกลับมามองมาลี มาลีมองตอบมีคำถาม

“จะได้พามาลีกลับบ้านไปสร้างรีสอร์ตที่อุ้มผางแล้วแต่งงานกัน”

มาลีหัวเราะขื่นๆ

“อย่าไปคิดถึงเรื่องที่มันเป็นไม่ได้ดีกว่า คิดแต่ว่าจะทำงานจะเรียนให้จบโดยเร็วและหาเงินในแบบที่คนที่นี่เขาทำกันดีกว่าพี่ อันนี้ของแท้ อย่างพี่ตรีทศของแท้”
มาลีตัดต้นฝันของวิจักษ์ทิ้งฉับ วิจักษ์ถอนหายใจเฮือก

“พี่คงไม่มีหวังกับมาลีเลยใช่ไหม ไม่ให้ความหวังพี่เลยใช่ไหม”

“พี่จักษ์ มาลีอยากมีพี่ชายสักคนนะ เป็นพี่เป็นน้องกันดีแล้วล่ะ อุ้มผางคนน้อย มีคนมาอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่มาก เพราะฉะนั้น เราคบหากันแบบคนบ้านเดียวกันน่ะดีแล้ว ดีแล้วเชื่อมาลีเถอะ”

ตรีทศนิ่งมองเมื่อเห็นว่าวิจักษ์ยืนคุยอยู่กับใคร และแววตาของเขาที่มองผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไร เขารู้สึกเจ็บแปลบที่ทรวงอกอีกแล้ว อีกกี่ครั้งเขาต้องเจ็บอีกกี่ครั้ง ความรักที่มอบให้ใครต่อใครไปจึงจะสมหวังได้บ้าง

“ไอ้ทศ”

นิวัฒน์ตะโกนเรียกเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ที่หน้าร้าน ตรีทศปรายตาไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง

“เฮ้ย...” นิวัฒน์รีบผละออกจากตำแหน่งที่ตัวเองยืนขายของทันทีเช่นกัน เขากรากเข้ามาหาเพื่อนที่เคยพักอยู่ด้วยกันแล้วจับมือเขย่า ตบบ่า แล้วก็กอดด้วยความคิดถึง

กุลกัญญามองภาพนั้นแล้วรู้สึกแปลกใจ วิจักษ์เองเมื่อเห็นว่าตรีทศกับนิวัฒน์สวมกอดกัน ตัวเองจึงดึงมาลีให้เดินมาหาบ้าง

“ไปมากันอย่างไรวะ งงหมดแล้ว”

“เอางี้แนะนำก่อน” วิจักษ์รีบทำความกระจ่าง

“นี่มาลีคนบ้านแม่กลองเก่า นี่กุลเพื่อนมาลีคนกรุงเทพครับ”

ทั้งสองสาวรีบยกมือไหว้ตรีทศ ตรีทศยิ้มกว้างให้ทุกคน

“ได้ยินชื่อเสียงพี่ จากไอ้พี่นิวไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริง ยิ่งวันนี้มาเจอพี่วิจักษ์ แล้วเขาบอกว่าพักอยู่กับพี่ยิ่งอยากเจอ”

มาลีพูดภาษาถิ่นใส่ทันที ตรีทศยิ้มแล้วตอบกลับเป็นภาษาถิ่นเช่นกัน

“บังเอิญกันไปมา สุดท้ายคนบ้านเดียวกันก็มาตั้งวงคุยกัน ขวางทางคนเดินไปเดินมานะ ไปหาอะไรกินแล้วคุยกันดีกว่านะ ไปได้ไหมไอ้วัฒน์” ตรีทศเอ่ยชื่อเก่า

“กูเปลี่ยนชื่อแล้ว”

“แต่กูยังลบชื่อเดิมมึงออกจากหัวสมองไม่ได้” ตรีทศว่าให้

ไอ้นิวหรือนิวัฒน์ตะโกนบอกเจ๊เจ้าของร้าน แล้วล็อกคอตรีทศเดินนำไปยังทิศทางที่เคยพามาลีและกุลกัญญาไป

กุลกัญญามองหน้ามาลี แววตามีคำถาม กุลกัญญาดูออกว่าตรีทศเป็นผู้ชายแบบไหน มาลีแยกเขี้ยวให้ทำนองที่ว่าเอาไว้คุยกันทีหลัง สองสาวเดินกลาง แล้ววิจักษ์รั้งท้าย มาลีหันมามองวิจักษ์ยิ้มให้เนือยๆ


เมื่อนั่งกันอยู่พร้อมหน้าในร้านเดิม ตรีทศก็ชิงพูดขึ้นว่า “มื้อนี้พี่เป็นเจ้าภาพเองนะ”

“ดีมาก” นิวัฒน์พูดตามตรง

“ดีหรือคะ กุลเป็นคนอื่น”

กุลกัญญาพูดออกไปจากความรู้สึกของตนเอง ด้วยพวกเขาสี่คนเป็นคนอุ้มผาง บางครั้งพวกเขาส่งภาษาถิ่นกัน เธอก็ฟังไม่รู้เรื่อง มาลีต้องแปลเป็นภาษาไทยภาคกลางให้ฟังหลายคำทีเดียว

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเป็นพี่นี่ ผมต้องเลี้ยง”

“ขอบคุณค่ะ” มาลียกมือไหว้ กุลกัญญาจึงรีบปฏิบัติตาม

“สาวๆ เขามืออ่อนตีนอ่อนกัน กูไม่ต้องมั้ง”

“แกเป็นดาราเมื่อไหร่ค่อยเลี้ยงพี่เขาคืนแล้วกัน” มาลีว่าให้

“ยังไม่เลิกฝันอีกหรือ” ตรีทศว่าให้

“มึงฝันได้กูก็ฝันได้ไอ้ทศ” เมื่อถูกคนอื่นมีน้ำเสียงสมเพชตน นิวัฒน์เริ่มมีอารมณ์

“คุยเรื่องอื่นเถอะ”

วิจักษ์รีบคลายสถานการณ์ ซึ่งจะว่าไปไอ้วัฒน์ หรือไอ้นิวมันก็ยังมีท่ามากกว่าเขา บอกไปว่าเป็นยามในวงคงจะฮากันครืน ดีแต่ว่าไม่มีใครพูดจาให้เขารู้สึกไม่ดี เขาจึงรู้สึกแย่ด้วยความรู้สึกกดทับของตัวเอง

ขณะนั่งรออาหาร มาลีก็ขอร้องให้พี่ตรีทศเล่าถึงชีวิตความเป็นมาของตัวเอง ท่ามกลางสายตาที่มีแววสนใจอย่างมากของกุลกัญญา

“กุลเขาเป็นนักเขียนค่ะ” มาลีบอกเมื่อตรีทศถามว่า ทำไมถึงได้มองเขาแบบนั้น

“ยังเลยค่ะแค่นักฝึกเขียน เรื่องของพี่น่าสนใจทีเดียวนะคะ มีนางเอกสักคนไหม”

“ชีวิตมันมีแต่พระเอกกุล มันเป็นนางเอก” นิวัฒน์ขัดขึ้น

มาลีคิดว่าตรีทศจะมีปฏิกิริยาทางสีหน้า แต่เขาก็ยังทำหน้าได้เฉย

“กุลขอโทษนะคะ”

กุลกัญญารีบรับผิดเสียเอง วิจักษ์เองก็เสก้มอ่านเมนูในมืออย่างเสียวสันหลัง
อยู่กับเกย์เขามากับเกย์ ใครๆ ก็คงคิดว่าเขาเป็นเกย์ไปด้วย

“ไม่เป็นหรอกพี่รู้ตัวเองดีว่าพี่เป็นอย่างไร พี่ไม่ได้ปิดบังใครอยู่แล้วนี่ พี่โตแล้วครับ พี่จะเป็นอย่างไร พี่ก็ไม่ได้ขอใครเขากิน พูดแรงไปไหม เอาเป็นว่าพี่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถ้าเป็นแบบนี้แล้วพี่ไม่ได้ไประรานใครหรือทำให้ใครต้องเดือดร้อน พี่ก็สบายใจ”

“ค่ะ” กุลกัญญาตอบรับคำบอกเล่า

พอดีกับที่พนักงานเสิร์ฟนำอาหารที่แต่ละคนสั่งมาวาง ตรีทศจึงคว้าจานของตัวเองมาไว้ตรงหน้า

“กินๆ”

นิวัฒน์ทำเป็นไม่รู้ว่าตัวเองมีความผิดที่ไปจาบจ้วงเขา มาลีมองหน้านิวัฒน์แล้วปรายตามองไปยังพี่ตรีทศ นิวัฒน์รู้ความผิดของตนจึงพูดเบาๆ ว่า

“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าอยู่ลำพังกันเอง”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

ตรีทศตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยว กุลกัญญาถามเรื่องการทำงานบนเครื่องบิน ทีนี้เองตรีทศก็เล่าเป็นคุ้งเป็นแคว พร้อมกับมีมุกตลกให้คนทั้งโต๊ะได้หัวเราะ

“เมนูเป็ดไง เราก็บอก duck แต่ฝรั่งมันดันออกเสียงเป็น dog ไม่รู้ว่าบ้านมันไม่มีเป็ดหรืออย่างไร สุดท้ายพี่ก็ต้อง บอกมันว่า friend chicken เพื่อนไก่ แล้วพี่ก็ตีปีกพั่บๆ ไปด้วย”

มาลีขำกลิ้ง กุลกัญญานึกภาพตามแล้วก็ถึงกับขำจนไอแคกๆ ไอไม่หยุดจนมาลีเริ่มเป็นห่วง

“ไหวไหมกุล”

มาลีรู้ว่ากุลกัญญานั้นพร้อมจะเป็นอะไรที่มากกว่าเหตุอยู่เสมอ พี่ชายของเธอจึงเป็นห่วง กุลกัญญาไอจนมีน้ำตาไหลออกมา มาลีเปิดกระเป๋ากุลกัญญาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าให้

“กุลเป็นไร” นิวัฒน์มีสีหน้าเป็นห่วงขึ้นมา

“ไม่เป็นไรหรอก กุลสำลักข้าว”

กุลกัญญาเหนื่อยหอบ จนมาลีต้องขยับจานข้าวของกุลกัญญาไปให้นิวัฒน์
ตรีทศมองอาการของกุลกัญญาแล้วเหลือบดูสีหน้าของนิวัฒน์ เขารู้สึกชุ่มฉ่ำทรวงอกขึ้นมา ความรักทำให้โลกเป็นสีชมพู หากเขาป่วยจะมีใครดูแลห่วงใยเอาใจใส่เขาบ้างหนา วิจักษ์ล่ะ รุ่นน้องคนนี้จะแคร์ความรู้สึกเขาบ้างไหม?

เมื่อตรีทศจ่ายค่าอาหารเรียบร้อย มาลีจึงขอตัวพากุลกัญญากลับบ้าน

“ให้พี่ไปส่งแล้วกันนะ ไม่ต้องนั่งรถไปหรอก พี่ได้ของแต่งบ้านพอแล้ว” ตรีทศรีบเสนอตัว

“มันคนละทางเลยนะคะ” กุลกัญญารีบบอกออกไปด้วยความเกรงใจ

“พี่ทำให้เป็นทางเดียวกันได้”

เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ด้วยยังรู้สึกเป็นห่วงกุลกัญญา นิวัฒน์จึงโทรไปหาเจ๊ว่าขอลาครึ่งวัน

“เจ๊แกไม่ว่าเอาเหรอ” วิจักษ์ร้องถาม

“ไม่ว่าหรอก แกขายคนเดียวก็ขายได้ แต่มีกูอยู่แล้วเขาจะขายได้มากกว่าปกติเท่านั้นเอง” นิวัฒน์บอกข้อดีของตัวเองไป

“เขาขายแค่อาทิตย์ละสองวัน แกกลับไปทำยอดให้เขาดีกว่า” มาลีรีบห้ามปราม
นิวัฒน์ครุ่นคิด นึกถึงประโยชน์ของเจ๊ นึกถึงตอนที่ตัวเองลำบากแล้วเจ๊ให้ความช่วยเหลือ อาทิตย์ละแค่สองวันเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงขยับไปหากุลกัญญาแล้วพูดเบาๆ
“เขาเป็นห่วงกุลนะ แต่กุลเข้าใจ”

กุลกัญญาพยักหน้า นิวัฒน์ยิ้มออกมา มาลีเสสบตากับ วิจักษ์แล้วยิ้มคล้ายจะบอกว่า ‘อยากอ้วก’ วิจักษ์เห็นสีหน้ามาลีแล้วยิ้มที่มุมปาก ตรีทศที่มองเห็นความน่ารักนั้นถึงกับยิ้มออกมาบ้าง



เมื่อรถ Toyota vios จอดที่หน้าบ้าน กลยุทธก็รีบเปิดประตูออกมารับทันที เมื่อเห็นสีหน้าของกุลกัญญา เขารู้ทันทีว่าคงจะเกิดอาการผิดปกติขึ้นกับน้องสาวเขาอีกแล้ว “พาขึ้นไปข้างบนก่อนแล้วกัน”

มาลีจำต้องประคองกุลกัญญาไปที่ชั้นสอง โดยสองหนุ่มชะแง้ตามไปด้วยสีหน้าสงสัย

กลยุทธมองตรีทศแล้วแลเหลือบมาหาวิจักษ์ วิจักษ์ยกมือทำ
ความเคารพ ด้วยจำได้ว่าเขาคือลูกทัวร์คณะสุดท้ายที่มาลีให้บริการเมื่อ
ปลายเดือนมกราคม

“นี่พี่ตรีทศ” วิจักษ์แนะนำให้กลยุทธรู้จักชื่ออีกคน ตรีทศยิ้มให้ เมื่อเขาพยักหน้าให้

“ผมกลยุทธครับแล้วคุณชื่ออะไรนะ”

“วิจักษ์ครับ ผมเพื่อนมาลี วันนี้บังเอิญเราไปเจอะกันที่สวนจตุจักร แล้วกุลกัญญาเค้าทานอาหารแล้วเกิดสำลัก หน้าซีดเซียวเชียว”

“มีโรคประจำตัวหรือครับ” ตรีทศรีบสรุป

“ครับ น้องสาวผมเธอเปลี่ยนไต กินยากดภูมิ เธอพร้อมที่จะแพ้เชื้อโรคหรือเป็นอะไรก็ได้ ผมจึงต้องระวังไว้เสมอ แต่เห็นว่ามีเพื่อน มีมาลี ก็เลยยอมให้ออกจากบ้านไปเที่ยวบ้าง” น้ำเสียงคนเป็นพี่ชายแผ่วลง

“อ้อ เข้าบ้านกันก่อนครับ ไปนั่งในบ้านทานน้ำก่อน”

“จะกลับกันเลยครับ ฝากบอกมาลีด้วยนะว่าจะกลับแล้ว”
ด้วยนั่งมาบนรถ มาลีบอกแล้วว่าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันจึงทำให้รู้จักกับกุลกัญญา

เมื่อรู้ว่าตรีทศจะกลับทันทีโดยไม่รอให้มาลีลงมา วิจักษ์จึงชะแง้ไปในบ้านหวังจะได้เห็นหน้ามาลีสักนิด กลยุทธมองเห็นภาพนั้นแล้วเข้าใจ มาลีเคยบอกแล้วว่า ‘ไม่รัก’ นั่นก็คือ ‘ไม่รัก’ เขาอยากจะแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ชีวิตคนเราก็ต้องอยู่อย่างมีความหวังไม่ใช่หรือ

“ไม่ได้ทำงานที่หน่วยแล้วหรือครับ” กลยุทธก็มีคำถามสำหรับหนุ่มหน้าตาดีคนนี้เหมือนกัน

“ผมมาเรียนต่อครับ” วิจักษ์พูดอ้อมแอ้ม ตรีทศทำเป็นไม่เห็นสีหน้าของวิจักษ์ที่สลดวูบ

“ไปกัน ไปก่อนนะครับ คงได้พบกันอีก”

“ขอบคุณครับที่มาส่งน้องสาวผม ขอบคุณครับ” น้ำเสียง กลยุทธนั้นอ่อนน้อมจากใจจริง









จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2555, 12:21:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2555, 12:21:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1705





<< 20. กลับมาโพสต์ให้จบตามคำเรียกร้อง   22. กลับมาโพสต์ให้จบตามคำเรียกร้อง >>
รอให้เป็นเล่ม 20 ส.ค. 2555, 19:18:55 น.
มาคนแรกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account