บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๘

สิมิลันลืมตาตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง นอนนิ่งๆ มองฝ่าความมืดอย่างเหม่อลอย ชีวิตที่เคยสดใสราวตะวันแรกอรุณฉาย ทั้งชื่อเสียงที่ได้รับความเมตตาเอื้อเอ็นดูจากเพื่อนในวงการและเหล่าแฟนคลับ ทั้งงานถ่ายแฟชั่น เดินแบบ การแสดงภาพยนตร์หรือกระทั่งละครที่คนติดตามกันทั่วบ้านเมือง การเรียนก็กำลังเป็นไปด้วยดี อีกแค่ไม่ถึงหนึ่งปีก็จะจบการศึกษาเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว ทุกสิ่งในชีวิตเป็นกราฟขาขึ้นที่พุ่งโค้งขึ้นสวยงาม...จนเหมือนฝัน

แต่แล้วก็เหมือนใครสักคนปลุกเธอให้ตื่นจากฝันดี มาพบกับโลกความจริงอันแสนโหดร้าย เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นหมุนโลกให้กลับทิศกลายสีหม่นมัว สกปรก และน่ารังเกียจ

สิมิลันเกลียดตัวเอง รู้สึกด้อยค่า ยิ่งคนใกล้ชิดปฏิบัติต่อเธอดีเท่าไร หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนตนเองไม่สมควรกับความรักนั้นเลยสักนิด

ในทุกเช้าเธอจะเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ว่าไฉนไม่หลับแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย จากที่เคยภาคภูมิเมื่อสายตาทุกคู่มองมาอย่างชื่นชม เอ็นดู รักใคร่

มาบัดนี้เธอกลับไม่อยากให้ใครมอง สิมิลันกลัวตัวเองจะเผลอแสดงกิริยาอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายเหยียดเยาะ กลัวสายตาที่ใครมองมาและเห็นว่าเธอมิใช่สิมิลันคนเดิมอีกต่อไปแล้ว หญิงสาวไม่รู้กระทั่งว่าควรทำหน้า วางตัวอย่างไร จะให้ตีหน้าซื่อเป็นสาวน้อยคนเดิมก็ไม่ได้ เกิดมีคนรู้เห็นเรื่องนั้นขึ้นมา เธอคงถูกประณามลับหลังว่าสร้างภาพ ดัดจริตเล่นละครฉากใหญ่ลวงตาคนแน่นอน

หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเข่าเงียบๆ การที่ต้องวิ่งวุ่นทำงานและเรียนจนหัวไม่วางหางไม่เว้น ช่วยให้เธอแทบไม่มีเวลาเหลือไว้สำหรับฟุ้งซ่านอีกเลย

กระนั้น...ยามว่าง จิตใจก็กลับฟุ้งกระจาย เป็นแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สิมิลันทอดสายตามองลอดบานกระจกออกไป เห็นแสงเงินแสงทองรำไรลอดเข้ามานิดๆ จึงฝืนลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำแกะกระดุมเสื้อนอนเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวผลัดเสื้อผ้าไปทำงานและเรียนหนังสือตามกิจวัตร

หญิงสาวมองผิวเนื้อนวลที่สะท้อนจากกระจก แล้วแตะปลายนิ้วลงบนเนินอกและซอกคอแผ่วเบา ร่องรอยที่เคยถูกตราประทับในค่ำคืนนั้น มาวันนี้เลือนหายไปโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้รอยจาง ผิวเธอนวลละอองผ่องใสดังเดิมไม่แผก

ทว่า...ริ้วรอยที่ทิ้งค้างอยู่ในใจ กลับไม่สามารถลบออกไปได้ง่ายๆ เลย

สิมิลันทรุดลงกองกับพื้น น้ำตาพร่างลงมาอย่างอดไม่ได้ หลายวันมาแล้วที่ต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง กัดฟันออกไปเรียนหนังสือ จำใจปั้นยิ้มทั้งที่อยากร้องไห้เต็มที ทั้งหมดทั้งปวงที่ต้องทำ เป็นเพราะไม่อยากให้ใครรับรู้ถึงเรื่องน่าอัปยศนั้น หญิงสาวทำทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุดทั้งต่อหน้ามารดา น้องสาว รวมไปถึงผู้จัดการส่วนตัว ความเป็นนักแสดงฝีมือเอกช่วยได้มาก อย่างน้อยเธอก็เอาตัวรอดจากสายตาของทุกคนมาได้จนถึงบัดนี้

สิมิลันพยายามวางตัวเป็นปกติอย่างที่สุด แม้บางเรื่องจะยังคงฝืนใจและยากเย็นสำหรับเธอก็ตาม






“เปิดกล้องวันแรก งั้นเริ่มด้วยอะไรง่ายๆ หมูๆ เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยละกัน ฉากนี้เป็นซีนเปิดตัวหวันยิหวาที่แซมเล่น พี่อยากให้พอเห็นฉากนี้ปุ๊บ คนดูต้องเข้าใจได้เลยว่าหวันยิหวาเนี่ยทั้งรักทั้งหลงพระเอกจนยอมทุกอย่าง พี่ไม่เน้นท่าทางหวือหวาโจ๋งครึ่ม เพราะทางช่องขอมาว่าไม่อยากให้มีเลิฟซีนดุดันนัก ขอแค่เรท ๑๓+ ก็พอแล้ว เพราะฉะนั้นแซมจ๋า...” ผู้กำกับหนุ่มใหญ่หันมาทางสิมิลัน “ใช้สายตาส่งความรู้สึกออกไปให้เต็มๆ ขออินเนอร์แรงๆ เลยนะ จัดเต็มแบบรวดเดียวผ่านให้พี่หน่อย พี่รู้ว่าหนูทำได้สบายมาก”

สิมิลันฝืนยิ้ม ปรายตามองนักแสดงอีกคนที่ต้องร่วมเข้าฉากด้วยความหนักใจ การแสดงซึ่งเคยเป็นเรื่องง่าย กลับกลายเป็นยาขมไปได้ เพียงแค่คิดว่าเธอต้องทำสายตาว่าทั้งรักทั้งหลงผู้ชายปากร้ายคนนั้นเนี่ยนะ

“ค่ะ หนูจะพยายาม”

“ขอบใจจ้ะ” ผู้กำกับหนุ่มตบบ่านักแสดงสาวด้วยความพอใจ ก่อนหันไปทางพระเอก “ปัณณ์ บทนายง่ายมาก แค่นั่งบนโซฟา น้องเขามาเบียดลงข้างๆ มองปัณณ์ด้วยความรัก นายโอบน้องแซมเข้ามา แล้วก็จูบแก้มน้อง” หนุ่มใหญ่รีบบอกนางร้ายหมายเลขหนึ่งอย่างเอาใจด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “แซมไม่ต้องกังวลนะ พี่ใช้มุมกล้องให้จ้ะ เพราะรู้ว่าหนูยังอยู่ในวัยเรียน”

“ขอบคุณค่ะ” สิมิลันกระพุ่มมือไหว้อย่างอ่อนน้อม

“อ้าว! ไม่เห็นพี่หนุ่มถามผมบ้างเลยว่าอยากได้แบบไหน” ปัณณ์กวน

“เฮ้ย! นายเป็นผู้ชายนี่หว่า อีกอย่างภาพลักษณ์นายมันไม่มีอะไรให้เสียแล้วนี่” หนุ่มใหญ่เหน็บแรงๆ ”เอ้า! แซมไปแกะโรลที่ผมไป เดี๋ยวมาเข้าฉากกัน”

ผู้กำกับถอยออกจากฉาก ช่างแต่งหน้ารีบวิ่งมาเติมแป้งให้ปัณณ์ เมื่อสิมิลันกลับมายืนเตรียมพร้อม เสียงสั่งก็ดังขึ้น...

“ตอน ๗ ฉาก ๒ เทก ๑” เจ้าหน้าที่ขานพร้อมกับสับสเลท หรือกระดานไม้สีดำเขียนข้อความแบบเดียวกับที่ขาน ซึ่งมีก้านยาวด้านบนใช้ในการแบ่งฉากการถ่ายทำ ฝ่ายตัดต่อจะได้ทำงานสะดวกขึ้น

“แอ็คชั่น!”

ปัณณ์เดินเข้าไปนั่งที่ชุดโซฟาเนื้อนุ่มกลางฉากตามบล็อกกิ้งที่กำหนดไว้ เขาบิดตัวหมุนคอเพื่อคลายความเมื่อยขบ และหยุดชะงักส่งยิ้มให้ผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง

“หวา...”

เรือนร่างอวบอัดนวยนาดเข้ามาที่โซฟา สิมิลันยิ้มหวานแล้วทรุดตัวลงข้างๆ ชายหนุ่ม

“หวาคิดถึงคุณจัง” แทนที่จะโอบกอดพระเอกไว้ตามที่ผู้กำกับสั่ง สิมิลันกลับเอียงศีรษะพิงบ่าเขา และไล้มือไปตามท่อนแขนอีกฝ่าย เธอแหงนขึ้นสบตาปัณณ์

“อยากให้คุณอยู่กับหวาแบบนี้ได้ทุกวัน...ทุกคืน...”

“ผมก็คิดถึงหวา” ปัณณ์ก้มหน้าลงมา ทว่าแทนที่จะเอียงศีรษะไปทางหนึ่งเพื่อเบี่ยงมุมกล้อง เขากลับจงใจประทับริมฝีปากลงบนพวงแก้มอิ่มนุ่มของหญิงสาว

“เอ๊ะ!” สิมิลันผลักเขาออกทันควัน พร้อมกับกระโดดผลุงลุกขึ้นยืนสร้างระยะห่างกับชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ

“คัต!” ผู้กำกับโวยผ่านโทรโข่งมาแต่ไกล “หนูผลักพระเอกทำไมล่ะลูก ทุกอย่างกำลังไปได้สวยเชียว”

“ขอโทษค่ะพี่หนุ่ม” สิมิลันหน้าเสียรีบหันไปพนมมือไหว้ ตวัดมองใบหน้ายิ้มเยื้อนลอยหน้าเอาแต่ใจของพระเอกด้วยความแค้น “หนูตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณปัณณ์จะพยายามจูบจริง เมื่อกี้ตอนบล็อกกิ้งกัน พี่หนุ่มก็บอกแล้วว่าจะใช้มุมกล้อง”

“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่ายายเด็กใหม่ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะต้องฉวยโอกาสกับเธอ ฉันก็แค่...ก้มหน้าแล้วพลาดไปหน่อย เธอเองก็เงยหน้าขึ้นมาเสนอให้ฉันเองนี่”

“งั้นคราวนี้ก็ระวังให้มากหน่อยนะคะ มืออาชีพไม่น่าจะพลาดเรื่องง่ายๆ แบบนี้” สิมิลันโต้ทันควัน

ด้วยเกรงว่าพระเอกกับตัวอิจฉาจะปะคารมกันด้วยเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว ผู้กำกับจึงรีบแทรกขึ้น “ใจเย็นๆ หน่อยน่าทั้งคู่แหละ เอาอย่างนี้เมื่อกี้ช่วงเริ่มดีแล้ว แซมทำดีมากแล้วจ้ะ ไม่ต้องกอดก็ได้ แค่อิงไหล่ดูออดอ้อนน่ารักกว่าอีก พี่ชอบความคิดสร้างสรรค์แบบนี้นะ ส่วนตอนหอมแก้ม ปัณณ์เอียงองศาอีกนิด หน้าจะหลบกล้องพอดี พี่จะให้กล้องอีกตัวรับสีหน้าเธอจากด้านหลังของหวันยิหวานะ”

ผู้กำกับสั่งถ่ายใหม่อีกครั้ง และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่กำหนดในทุกรายละเอียดจนกระทั่ง...

“แสดงให้ดูหน่อยสิว่าหวารักผมแค่ไหน” ปัณณ์พิงโซฟาตามสบาย แล้วกางแขนทั้งสองข้างออกกว้าง

สิมิลันเบือนหน้าหลบมุมกล้องซ่อนความไม่พอใจไว้ให้ปัณณ์เห็นเพียงคนเดียว เธอขยับตัวเข้าไปซุกกายในอ้อมแขนเขา ท่อนแขนทั้งสองข้างยันอยู่ด้านหน้าป้องกันมิให้เขาสัมผัสถึงเนื้อตัวเธอได้ชิดใกล้นัก กระนั้นอ้อมแขนแกร่งก็โอบตวัดร่างอวบอิ่มเข้าไปกอดแนบอกแน่น

“ปล่อยฉัน” สิมิลันเกร็งตัว เค้นเสียงคำพูดลอดไรฟันเบาแทบไม่ได้ยิน เพราะเกรงว่าเสียงจะดังไปถึงอุปกรณ์ไวร์เลสที่นักแสดงต้องพกติดตัวไว้เพื่อทำหน้าที่ไมโครโฟนส่งเสียงไปบันทึกไว้ในเทป

“เป็นมืออาชีพหน่อยสิเธอ ฉันก็แค่จะเล่นให้สมบทบาทเท่านั้นเอง”

ทั้งเสียบแหบพร่าที่กระซิบอยู่ริมหู และลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดอยู่ตรงริมขมับ ทำให้ขีดความอดทนของสิมิลันมาถึงจุดสูงสุด เธอสะบัดอ้อมแขนของเขาออก แล้วผุดลุกขึ้นทันที

“คัต!” หนุ่มตะโกนมาอีกครั้ง

“คุณเขากอดแน่นเกินไป แซมอึดอัด” หญิงสาวรีบฟ้องผู้กำกับหวังจะหาพวก

ทว่าสายตาตำหนิของผู้กำกับก็ทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากแน่น

“ทำไมวันนี้ไม่มีสมาธิเลยนะแซม” หนุ่มติเตียนอีกคำรบ

“เอามือใหม่มาเล่นก็อย่างนี้แหละ ถ้าเล่นละครไม่เป็นก็ไปเข้าโรงเรียนการแสดงบ้างก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคนอื่น” ปัณณ์โวย แล้วลุกขึ้นจากโซฟาหันไปทางผู้กำกับ

“พี่หนุ่มเอาพวกเด็กใหม่ ไม่มีสมาธิมาฝึกเล่นละครกับผมแบบนี้ได้ยังไง เสียแรงผมกับพี่ดาไว้ใจว่าพี่จะเลือกทีมงานมืออาชีพมาทำงานด้วย แค่ยายนี่คนเดียวผมก็เสียเวลาไปเป็นชั่วโมงกับฉากง่ายๆ แค่ฉากเดียวแล้ว เนี่ยนะคนเก่งของพี่”

“ใครว่าเขาเล่นไม่ได้กันล่ะคะพี่ปัณณ์ แคเรนว่าเขาคงแกล้งเทกหลายๆ รอบ จะได้กอดพี่ปัณณ์ถนัดๆ มากกว่า” เสียงนางเอกที่ดังมาจากข้างฉาก เรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมองได้เป็นตาเดียว

สิมิลันกำมือแน่น ข่มความโกรธที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ แม้ไม่ใช่วิสัยที่เธอจะต่อปากต่อคำ หรือตอบโต้ใครแรงๆ แต่ครั้งนี้หญิงสาวอดไม่ไหวจริงๆ จึงปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ

“อ้อ...ที่คุณเทกฉากเลิฟซีนกับพระเอกเมื่อเช้า ก็เพราะเหตุผลนี้เองเหรอคะ คุณจะได้จูบคุณปัณณ์หลายๆ รอบให้ถนัดถนี่นี่เอง”

“นี่! แม่ตัวอิจฉา เธอกับฉันน่ะมันคนละระดับกันนะจ๊ะ อย่ามาทำเป็นพวกช่างประชดปากตลาดแถวนี้เลย” แคเรนลุกขึ้นไปเกาะแขนปัณณ์

“แคเรนว่าพี่ปัณณ์ไปพักดื่มน้ำก่อนดีไหมคะ รอให้คุณตัวประกอบตั้งสมาธิได้ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาถ่ายทำกันต่อ”

ปัณณ์เดินตามแรงลากออกจากฉากไปอย่างง่ายดาย ผู้กำกับหนุ่มใหญ่รีบวิ่งตามไปประกบและขอโทษขอโพย ขณะผู้ช่วยผู้กำกับปราดเข้ามาหาสิมิลันแทน

“มีอะไรหรือเปล่าแซม หนูไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา”

สิมิลันลูบหน้า “หนูขอโทษค่ะ คง...เป็นเพราะเมื่อคืนแซมนอนน้อยไปหน่อย เลยโหยๆ เพลียๆ พอคุณปัณณ์เขากอดแน่น ก็เลยอึดอัดไม่สบายตัวน่ะค่ะ”

“ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก ไปขอโทษคุณปัณณ์เขาดีกว่า แล้วก็...เธอจะซ้อมอีกสักรอบไหม เดี๋ยวพี่ช่วย”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูแค่ใจลอยไปหน่อยเท่านั้นเอง เดี๋ยวแซมจะไปขอโทษคุณพระเอกมาเฟียนั่นตามที่พี่แนะ เขาจะได้กลับมาเข้าฉากนี้ให้มันจบๆ ไปเสียที” สิมิลันถอนใจ ดวงตาที่ทอดมองพื้นมีรอยเหนื่อยล้า

เกือบชั่วโมงที่ถ่ายทำฉากนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช่ว่ามีแต่ปัณณ์ที่เหนื่อย เธอเองก็เกร็งตัวจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงเช่นกัน การเฝ้าคอยว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องอะไรมาเล่นงานกันอีก ช่างเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานมากอย่างเหลือเชื่อ หญิงสาวมั่นใจว่าวันนี้เมื่อกลับถึงบ้านคงต้องหลับเป็นตายแน่นอน

สิมิลันเดินคอตกเข้าไปที่เต็นต์ซึ่งกางไว้สำหรับเป็นที่ทำงานของผู้กำกับ ตรงนั้นจะมีมอนิเตอร์ไว้สำหรับดูภาพเพื่อตรวจเทปว่าการถ่ายทำมีข้อผิดพลาดที่ใด ไหล่บางไหวนิดๆ ขณะสูดหายใจเข้าลึก ฝืนกระพุ่มขอขมาทุกคนที่อยู่ในที่นั้น

“แซมขอโทษค่ะ พี่หนุ่ม คุณปัณณ์ แล้วก็พี่ๆ ทุกคน คราวนี้...แซมสัญญาว่าจะไม่ให้เทกอีกเลยแม้แต่เทกเดียว” เธอหลบสายตาของพระเอกประจำกองถ่าย รู้ดีว่าสายตาที่เขามองมาคงหยามหยันสะใจไม่น้อยที่เธอต้องเป็นฝ่ายก้มหัวให้ ทั้งที่ไม่ผิด

“ถ้าคุณปัณณ์จะกรุณา เรากลับไปถ่ายฉากนี้ให้เสร็จได้ไหมคะ แซมทำให้ทุกคนเสียเวลามามากแล้ว” หญิงสาวอ้อนวอนด้วยรู้ดีว่าถึงอย่างไรเสียผู้ชายคนนี้ก็มีอิทธิพลกับงานของเธอ...มากด้วย!

ปัณณ์ลุกขึ้นด้วยมาดยียวน “ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น ถ้าเธอยังเทกพร่ำเพรื่ออย่างนี้อีก ฉันจะไม่ขอร่วมงานกับเธออีก” เขาหันไปทางผู้กำกับยื่นคำขาดด้วยมาดอหังการ “ถ้ายายนี่ยังทำไม่ได้ในเทกนี้ พี่หนุ่มคงต้องเลือกแล้วล่ะครับ ว่าจะให้ผม หรือให้ยายนี่อยู่ต่อ”

เอ่ยจบคนเอาแต่ใจก็เดินปึงปังกลับไปคอยเรียกคิวที่หน้าฉาก สิมิลันหน้าจ๋อย รีบไปเตรียมพร้อมสำหรับเข้าฉากบ้างเช่นกัน

หญิงสาวกัดฟันเล่นฉากนั้นจนจบโดยไม่ต้องเทกซ้ำอีกเลย แม้จะถูกอีกฝ่ายแกล้งทั้งกอด ทั้งจูบอย่างไรก็ตาม ทันทีที่สิ้นเสียง ‘คัต’ นักแสดงสาวก็ผละออกจากอ้อมกอดของเขา เจตนาใช้หลังมือเช็ดพวงแก้มแรงๆ ให้อีกฝ่ายเห็นว่ารังเกียจ แล้วเตรียมมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องแต่งตัวทันที

กระนั้นเธอก็ยังได้ยินเสียงที่ดังแทบไม่พ้นลำคอจากอีกฝ่ายเป็นคำสุดท้าย

“ยายเด็กหัวสูง”

สิมิลันปรายตากลับมามองเขานิดเดียว กลั่นทุกคำพูดออกมาอย่างยากเย็น

“สักวันฉันจะทำให้คุณเสียใจบ้างให้ได้ คอยดู!”

แล้วไม่รอดูปฏิกิริยาของคู่ปรับ เธอเข้าไปผลัดเสื้อผ้าให้อยู่ในชุดนักศึกษาแล้วออกมาลาทีมงานอย่างนอบน้อมเช่นเคย “วันนี้แซมมีเรียน ขอตัวก่อนนะคะ”

หญิงสาวไปขึ้นรถของงามตาที่รอรับอยู่ด้วยความมั่นใจว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามทั้งด้วยความหมั่นไส้และเอียงๆ ไปทางเกลียดชัง

แต่สิ่งเดียวที่เธอไม่รู้ก็คือ นอกจากความรู้สึกเหล่านั้นแล้ว แวบหนึ่ง...แววตาของปัณณ์อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อเห็นเครื่องแบบนักศึกษาสุภาพเรียบร้อยผิดตาที่เธอสวมอยู่!






หลังจากเรียนเสร็จ งามตาก็บึ่งรถพาสิมิลันไปถ่ายแบบต่อตามนัด สตูดิโอที่หญิงสาวมาทำงานในวันนี้ค่อนข้างครึกครื้น ด้วยมีคิวถ่ายพร้อมกันหลายเซต หลังจากเสร็จงานเธอเปลี่ยนมาสวมชุดนักศึกษาดังเดิม ใช้เวลาระหว่างคอยผู้จัดการส่วนตัวมารับด้วยการหลับตาทำสมาธิอย่างที่อ่านจากในหนังสือและเว็บไซต์ซึ่งแนะนำให้ทำเพื่อให้จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน และ...เลิกคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

แต่เสียงนางแบบสาวๆ พูดคุยกันที่ดังแว่วๆ มาให้ได้ยินตลอดเวลา กลับไม่สามารถทำให้จิตใจเธอสงบอย่างต้องการได้เลย

“ฟังแล้วเหยียบไว้ตรงนี้เลยนะพวกแก เอ็ดเวิร์ดแฟนใหม่ฉันน่ะสุดยอดเลยรู้ไหม” ซิดนีย์นางแบบสาวชื่อดังเมาท์โจ๋งครึ่ม

“ที่ว่าเจ๋งเนี่ยหมายถึงอะไรยะหล่อน ลีลาหรือว่าอะไรๆ ของเขากันแน่”

เจ้าของเรื่องหัวเราะคิกคัก “ก็รวมๆ กันทั้งหมดนั่นแหละ เขาน่ะกวนฉันจนแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเลยนะ ขอบอกว่าเพลียสุดๆ ไม่เคยหมดแรงขนาดนี้มาก่อนเลย”

คนฟังตาโต “ขนาดนั้นเลยเหรอ แหม...ชักอยากลองบ้างแล้ว”

“ยายบ้า คิดจะตีท้ายครัวฉันเหรอยะ” ซิดนีย์โวย

“อ๊าว ของดี ลีลาเด็ด ขอฉันชิมบ้างไม่ได้เหรอ งกชะมัด” สาวๆ คุยกันราวกับกำลังแบ่งขนมกันกินกระนั้น เจ้าหน้าที่ต้องมาเรียกและต้อนสาวงามทั้งกลุ่มไปเข้าฉากเพื่อถ่ายทำ

เมื่อเสียงความจอแจทั้งหลายจางลง สิมิลันจึงลืมตาขึ้นจึงพบว่าในห้องแต่งตัวนั้นเหลือแค่เธอกับผู้หญิงอีกคนที่หน้ากระจก ดวงหน้ายิ้มแย้มที่สบตากันผ่านกระจกบอกถึงความใจดี

“เสียงยายพวกเมื่อกี้รบกวนแซมหรือเปล่าจ๊ะ”

“ไม่หรอกค่ะ” สิมิลันรีบพนมมือทำความเคารพนางแบบสาวรุ่นพี่ “สวัสดีค่ะพี่ต้า แซมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าวันนี้พี่ต้ามีถ่ายด้วย”

“พี่ไม่ได้มีคิวหรอก แวะมารอยายพวกเมื่อกี้นี้ต่างหาก เดี๋ยวเสร็จงานแล้วเราจะไปดริงก์แดรงก์ดรังก์กัน แซมไปด้วยกันไหมจ๊ะ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ” สิมิลันส่ายหน้า ยังจำพิษสงของแอลกอฮอล์ที่ทำลายชีวิตเธอได้ดี “พี่ต้าสนิทกับพี่ๆ นางแบบกลุ่มนี้หรือคะ”

“จ้า สนิทกันมานานแล้ว ทำไม...ตกใจที่เขาคุยกันเมื่อกี้ล่ะสิ แซมอย่าไปถือเลยนะ พวกฝรั่งก็อย่างนี้แหละ เวลาเจอกันครบชุดแล้วเมาท์กันไม่ระวังปาก”

“เพื่อนพี่ต้า...เขามั่นใจกันดีนะคะ”

วนิตาหันมาพิจารณานักแสดงสาวรุ่นน้องอย่างจริงจัง “แซมหมายถึงไอ้เรื่องเอกซ์ๆ ที่เขาคุยกันน่ะหรือ ไม่เห็นจะต้องมั่นจงมั่นใจอะไรเลยนี่”

“แต่มัน...แปลกๆ” หน้าตาสิมิลันบอกความรู้สึกอย่างที่พูดแท้จริง

“เวลาแซมไปกินข้าวกับเพื่อนรู้สึกอะไรไหม”

“ไม่ค่ะ”

“แล้วไปออกกำลังกายกับเพื่อนล่ะ”

“ก็ไม่ค่ะ”

“สำหรับฝรั่ง เรื่องพวกนี้ก็เหมือนการกินข้าวสักมื้อนึง หรือออกกำลังกายสักชั่วโมงนั่นแหละ เจอหน้ากันคุยกันถูกใจก็จูงมือไปทำความสนิทสนมกัน” เธอย้ำคำ ‘สนิทสนม’ ด้วยสีหน้ามีเลศนัยเป็นเชิงบอกว่าความหมายแท้จริงลึกซึ้งกว่านั้นมากนัก

“กินข้าวหรือออกกำลังกายเหรอคะ” สิมิลันหน้าเบ้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนคิดอะไรแบบนั้นจริงๆ

“ก็ใช่สิ ไม่งั้นยายพวกเมื่อกี้เขาจะพูดจาเหมือนอยากแบ่งข้าวกันกินอย่างนั้นหรือ แต่ถ้าจะใช้ชีวิตแบบฝรั่ง ก็ต้องใช้ให้ได้ทั้งหมดนะ แยกกันแล้วก็แล้วกันไป ไม่เหมือนผู้หญิงไทยสมัยนี้หรอกที่ชอบอ้างว่ามีสิทธิเท่าเทียม มีอิสระอยากจะควงจะคั่วใครก็ได้ แต่พอสนุกแล้วกลับไม่ยอมเลิกจะยึดเขาไว้จริงจัง ทีตอนคบจะเอาอย่างฝรั่ง แต่ตอนเลิกกลับจะเอาแบบไทย คือเธอได้ฉันแล้วต้องรับผิดชอบ ถามจริง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอา”

สิมิลันหน้าร้อนฉ่า หลบตาคู่สนทนาทันที

วนิตาหัวเราะร่วน ลุกขึ้นมาโยกศีรษะนักแสดงสาวอย่างขันๆ

“ไม่อยากจะเชื่อเล้ยว่าในสังคมยุคนี้ยังมีผู้หญิงหัวโบราณอย่างแซมเหลืออยู่อีก แต่ก็ดีแล้วล่ะขืนมีแต่ผู้หญิงกร้านโลกอย่างพวกพี่ หนุ่มๆ คงหนีไปเป็นเกย์กันหมด ผู้ชายคนไหนได้แซมไปเป็นแฟนคงโชคดีที่สุด เพราะมั่นใจได้ว่าได้ของมือหนึ่งแน่นอน” นางแบบสาวหัวนอกทำหน้าเป็น ยิ่งเห็นคนฟังหน้าแดงยิ่งขัน

สิมิลันหรุบตาลงมองพื้นทันควัน อุบอิบปฏิเสธ “หนูไม่ได้ดีหรือว่ามีค่าขนาดนั้นหรอกค่ะ”

คู่สนทนายักไหล่ “แซมจะคิดยังไงไม่รู้ แต่สำหรับพี่ พี่ว่าเราน่ะเรียบร้อยกว่านางเอกอีกหลายคนในวงการเลยด้วยมั้ง เห็นแต่งตัวเปรี้ยวๆ ถ่ายแฟชั่นหวือหวา นึกว่าจะจี๊ดจ๊าด ที่ไหนได้...หัวโบราณออก ที่พูดนี่...พี่ชมนะ ไม่ได้ประชด นี่ล่ะนะ ที่เขาบอกว่าคนเรามันมองกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ”

หญิงสาวตวัดตามองวนิตา แล้วก้มลงสำรวจตัวเอง แปลกใจนิดๆ ที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะ ‘ดูออก’ เลยว่าเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“พี่ต้าพูดจริงหรือคะ”

“หมั่นไส้ นี่แซมทำซะอย่างกับว่าไม่เคยมีคนบอกเธอแบบนี้มาก่อนอย่างนั้นแหละ” วนิตาหันกลับไปเชิดหน้าอยู่ตรงกระจกสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องสำอาง

สิมิลันยิ้มบางๆ มองคนตรงหน้าด้วยความชื่นชม และนี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้นับตั้งแต่เกิดเรื่อง ที่เธอรู้สึกว่า...ตัวเองก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไรเลย



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ส.ค. 2555, 12:39:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ส.ค. 2555, 12:39:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2300





<< ตอนที่ ๗   ตอนที่ ๙ >>
สิริณ 21 ส.ค. 2555, 12:54:10 น.
ขอไล้ค์คนละทีสองที พอเป็นกำลังใจให้คนเขียนบ้างนะคะ
สิริณอยากติดอันดับกับเขาบ้างอ่ะค่ะ
ใฝ่ฝันเหลือเกิ๊นนนนนน ^^


minafiba 21 ส.ค. 2555, 13:04:34 น.
^_^


sai 21 ส.ค. 2555, 13:06:04 น.
รวบยอดมาเม้นตอนนี้นะค่ะ ^^

พี่ปริมต้องใช้แซมมาดัดนิสัยตาแก่ปัณณ์แล้วล่ะ อิอิ


หมูอ้วน 21 ส.ค. 2555, 13:14:55 น.
เอาใจช่วยหนูแซมค่ะ บทเอาคืนจัดหนัก จัดเต็มเลยนะค่ะไรเตอร์


Siang 21 ส.ค. 2555, 13:46:37 น.
หมั่นไส้ไอ้คุณปัณณ์มากๆ เวลาเอาคืนขอหนักๆเลยนะคะ


nunoi 21 ส.ค. 2555, 14:21:03 น.
คิดเห็นทุกท่านเลย ถึงเวลาเอาคืนอยากให้แซมจัดหนักๆ เลยนะคะ


violette 21 ส.ค. 2555, 15:11:30 น.
นายปัณมันช่างน่ากระทืบให้หนัก
คุณต้านี่ดูเป็นคนดีนะคะ แต่จะมาทำร้ายหนูตองทีหลังเปล่า ถ้ารู้ว่าไปมีอะไรกับนายปัณเนี่ย


nateetip 21 ส.ค. 2555, 20:01:02 น.
ชอบนะคะ ติดตามอยู่ค่ะ..^.^


ree 21 ส.ค. 2555, 20:19:59 น.
สงสารนางเอกจัง มียี่สิบล้านแล้วไม่ถ่ายไม่ได้เหรอ
หรือกลัวว่าจะถูกมองว่าไม่รับผิดชอบ

งานนี้พระเอกคะแนนติดลบอย่างรุนแรง
นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังทำตัวเลวร้ายขึ้นไปอีก
ถือว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาเสียเลย


parinratn 21 ส.ค. 2555, 22:29:54 น.
รออ่านต่อนะคะ


wane 23 ส.ค. 2555, 01:05:01 น.
อยากเห็นตอนแซมแก้เผ็ดตาแก่บ้าง


แล่นแต๊ 23 ส.ค. 2555, 09:26:15 น.
นายปัณณ์นิสัยไม่ดีแกล้งแซมได้ยังไง


bloomberg 23 ส.ค. 2555, 10:46:14 น.
นายปัณณ์สำนึกทีละแว๊บสองแว๊บ ขอให้ดังนาน ๆ นะพ่อพระเอกเทวดา


bloomberg 23 ส.ค. 2555, 10:46:37 น.
ชอบค่ะไรเตอร์ มาอัพบ่อย ๆ นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account