ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๑๖ จบ (๑)


มาถึงตอนจบแล้วค่ะ



natee - ดีใจค่ะที่สนุก

an-o - ชิตาก็อ่านโคนัน แต่เชื่อไหมว่าไม่เคยเดาทริกถูกเลย

ann - ค่ะ ชิตาก็สงสาร เขียนเองสงสารเอง แต่เขาก็ผิดจริง ผิดครั้งเดียวแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่

ฟิน - ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ชิตาตั้งใจให้ตะวันฉายเป็นคนดีค่ะ แต่คนเรามีสองด้านเสมอ เผอิญเขายับยั้งชั่งใจไม่ได้ จนเกิดโศกนาฏกรรม ก็เลยเหมือนว่าเขาผิด

หนอนแว่นตาโต - รักษาสุขภาพด้วยเช่นกัน ชิตาดีใจค่ะที่ได้รู้ว่าคนอ่านชอบพระเอกที่ชิตาเขียน ส่วนเจ้าจามินทร์ หมั่นไส้ไปเถอะค่ะ ขอแต่เพียงมอบความสงสารให้เจ้าจาสักนิด เจ้าจามินทร์ต้องเลือกจริงๆ 55555

หมูบิน - ขอบคุณมากค่ะที่ชอบและให้กำลังใจ

pattisa - มาลุ้นรวีกับอรุณงามกันต่อค่ะ


สายลม - ใช่ค่ะ เริ่มทิวาน่าสงสาร

myray - ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่ชื่นชอบและให้กำลังใจ


...................................................................

“ทางคุณป้ารุ้งแพงไม่ยอมให้เราเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพครับ” รวีโทรศัพท์มารายงานลุงผู้กำลังเตรียมตัวไปร่วมงานศพของตะวันฉายพร้อมเมฆา

“แล้วหนูอรุณงามว่ายังไง”

รวีถอนหายใจ

“เธอบอกว่า อย่าดีกว่า เท่านี้ป้าของเธอก็ทุกข์พอแล้ว ยิ่งมีชื่อตระกูลเราเข้าไปเกี่ยวข้อง ท่านก็ยิ่งจะไม่สบายใจ”

“อย่างน้อยๆ นั่นก็พี่ชายเมียแกนะ รวี”

ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ทุกคนเข้าใจว่าอรุณงามเป็นเมีย ทั้งที่เขากับหล่อนแค่แกล้งเป็นแฟนกัน

“แต่เราก็มีส่วนทำให้ตะวันฉายต้องตาย เหมือนที่เมฆาทำให้เริ่มทิวาตาย การที่เขายอมช่วยเมฆาจนทำให้ความจริงอันอัปยศในครอบครัวเขาถูกเปิดเผย มันมากพอที่จะทำให้พวกเขายิ่งเกลียดพวกเรา”

“รวี แล้วเรื่องแกกับหนูอรุณงามล่ะ”

“ช่างเถอะครับลุง เดี๋ยวผมจัดการเอง”

“ช่างไม่ได้” ท่านบอกอย่างปราณี แต่หลานชายก็วางสาย เดินจากบริเวณหลังศาลาเข้าไปในงานศพ ที่ส่วนใหญ่มีแต่บรรดาเพื่อนอาจารย์และนักศึกษาของตะวันฉายมาร่วมงาน แล้วมองไปยังอรุณงามที่คอยจุดธูปส่งให้แขกที่มาเคารพศพ ป้ารุ้งแพงนั่งสีหน้าเศร้าหมองอยู่ท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาแสดงความเสียใจ

อรุณงามเคยบอกว่าหล่อนไม่มีญาติที่ไหน จากสี่คนก็เหลือสามและเหลือสองคนแล้วตอนนี้
เมื่อเขากลับมาแจ้งอุบัติเหตุที่บ้านลุง โดยยังไม่ได้บอกสภาพศพและรถ ป้ารุ้งแพงก็กรีดร้องลั่นและเป็นลม แต่อรุณงามแค่น้ำตารินไหลกอดป้าไว้แน่น ไม่เอะอะไม่โวยวาย พอป้ารุ้งแพงฟื้นขึ้นมาท่านร้องไห้คร่ำครวญ เสียอกเสียใจอรุณงามต้องคอยปลอบ หน้าที่จัดการเรื่องตำรวจเรื่องงานศพจึงตกเป็นของเขาโดยปริยาย

และก็ผ่านมาสองวันแล้วที่รวียังไม่มีโอกาสคุยกับอรุณงามอย่างเป็นจริงเป็นจัง

เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหา

“อรุณ นั่งพักก่อนดีไหม”

“ไม่เป็นไร ฉันไม่เมื่อย”

เขาจับแขนหล่อน บังคับกลายๆ ให้นั่งที่เก้าอี้

“นั่งตรงนี้ผมจะไปหาอะไรมาให้กิน”

เขาจากไปครู่หนึ่ง กลับมาพร้อมข้าวกล่องยื่นให้

“ฉันไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน ตอนนี้ป้าคุณเหลือคุณคนเดียว งานศพก็เหลืออีกตั้งหลายวัน คุณต้องเข้มแข็ง”

น้ำตาหยดหนึ่งรินออกมาจากตา ความเสียใจนั้นส่งผ่านออกมาทางสายตาเห็นได้ชัด

น้ำตาของอรุณงามทำให้เขาเม้มปากแน่น

แม้ไม่เอ่ยปากแต่รวีก็เข้าใจความรู้สึกของหล่อน

รวีโอบอรุณงามเข้าหาอกกว้าง อย่างไม่เกรงสายตาใครในงาน ก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆ ว่า

“อย่าร้องไห้ และอย่าโทษตัวเอง มันไม่ใช่ความผิดคุณ”

“ฉันน่าจะดูแลทิวา และคอยปลอบพี่ตะวันมากกว่านี้” หล่อนกระซิบเบาแสนเบา

“คุณกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก อรุณ”

“วันก่อนฉันก็ควรจะดึงเขาไว้ ถึงเขาจะทำร้ายทิวา แต่เขาก็ไม่ควรตาย”

“เหตุการณ์วันนั้นมันเกิดเร็วมาก ใครจะไปนึกถึงว่าตะวันฉายจะทำอย่างนั้นกับทิวาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดคุณ อย่าโทษตัวเอง ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป”

“ใช่ค่ะ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป”

อรุณงามดันตัวเองออกจากอ้อมกอด และเช็ดน้ำตา

“คุณก็เหนื่อยเหมือนกัน กลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบคุณมากที่ช่วยทำงานทุกอย่าง”

“รอสวดเสร็จแล้วผมจะกลับ”

“ไม่ต้องหรอก”


“ฟังเหมือนไล่นะ แต่ผมไม่สนใจ เดี๋ยวเขาเอาไปนินทาว่าไม่อยู่ดูแลแฟน”

ใครหลายคนในงานเริ่มมองมา ชายหนุ่มจึงถอยห่าง

“ผมจะอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ว่าป้าคุณจะเกลียดขี้หน้าผมขนาดไหนก็ตาม”


ในวันฌาปนกิจศพ พ่อเลี้ยงเอนกก็มาเป็นแขกด้วย แต่เมฆาไม่มา ท่านตรงเข้าไปยังป้ารุ้งแพงและยกมือไหว้

“อโหสิ ให้เมฆมันด้วยนะครับคุณรุ้งแพง และขอโทษอย่างจริงใจสำหรับเหตุการณ์วันนั้น ใครจะไปนึกถึง“

“ฉันก็ต้องขอให้พ่อเลี้ยงอโหสิให้ตะวันด้วยที่ทำให้หลานชายพ่อเลี้ยงต้องเสียใจเรื่องทิวา”

“อย่าไปนึกถึงมันอีกเลยครับ หมดเวรหมดกรรมกันเสียที คนเป็นก็ต้องอยู่กันต่อไป”

“นั่นน่ะสิ หลานสามคน ตายไปสอง เหลืออีกหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าหลานชายพ่อเลี้ยงจะทิ้งเมื่อไหร่”

“อย่ากังวล เรื่องนั้นเลยครับ พรุ่งนี้ผมจะพารวีไปขอขมาคุณรุ้งแพงและสู่ขอตามประเพณี ส่วนงานแต่งก็จะจัดให้เร็วที่สุดถ้าคุณไม่ขัดข้อง”

“ก็แล้วแต่อรุณงาม ฉันไม่อยากจะไปบังคับกะเกณฑ์ชีวิตหลานอีกแล้ว” ท่านมองไปยังรวีที่ยืนอยู่ข้างๆ อรุณงาม ช่วยรับแขกและจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้งานศพดำเนินไปได้ด้วยดี เพื่อนๆ ท่านหลายคนก็ถามถึงความสัมพันธ์ หลานท่านก็ดูจะรักใคร่เขาไม่น้อย ท่าทีห่วงใยเล็กๆ

น้อยๆ ที่แสดงต่อกัน เพียงแต่ว่าอรุณงามดูจะเศร้าเหลือเกิน เหมือนเช่นท่าน ที่ท่องคำว่า ต้องปลง ต้องปลง อยู่ตลอดเวลา

“ครับ ผมจะจัดการให้เร็วที่สุดเพื่อหลานของเรา”

เมื่อพ่อเลี้ยงมากระซิบบอกหลานชาย เขาก็ทำสีหน้าพิกล

“ให้ผมคุยกับอรุณก่อนได้ไหมครับ”

“จะต้องคุยอะไรกันอีก ผู้หญิงที่ไหนก็ต้องการความมั่นคงจากผู้ชายทั้งนั้น หรือว่าแกไม่ได้คิดจริงจัง อย่าเชียวนะรวี”

รวีเงียบ ท่านก็ชี้หน้า

“ไม่รู้ล่ะ จะมาทำให้ฉันเสียผู้ใหญ่ไม่ได้ ไหนบอกรักกันหนักหนาไง แกจะมาเปลี่ยนใจ
ไม่ได้นะโว้ย หนูอรุณงานก็แสนดีเหมาะกับแกทุกอย่าง จะต้องคิดอะไรอีก รวี”

“น่า พวกผมขอคุยกันก่อน”

“แต่ต้องก่อนฉันไปพบคุณรุ้งแพง ซึ่งก็คือพรุ่งนี้เย็น”

“ครับ”

เขาตั้งใจว่าจะคุยกับอรุณงามเย็นนี้ เมื่อไปส่งเธอที่บ้านพร้อมป้าเช่นหลายวันที่ผ่านมา แต่วันนี้หลังจากเสร็จงานที่วัด อรุณงามก็บอกเขาต่อหน้าป้าว่า

“ฉันกับป้าจะกลับเอง คุณช่วยกลับไปขนของของฉันที่บ้านคุณมาส่งหน่อยได้ไหม”

“ทำไม” ป้ารุ้งแพงเป็นคนถาม สองคนก็มองหน้ากัน

“ป้าคะ คือว่า ความจริงแล้ว”

“ความจริงอะไร” ท่านถามเสียงเข้ม

สถานการณ์เริ่มจะแย่ รวีชิงความได้เปรียบทันที

“ไม่มีอะไรหรอกครับ อรุณงามทำไมทำงี้ ไหนตกลงกันแล้วว่าหลังงานศพถ้าคุณมาพักกับป้าช่วงนี้ จะให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย”

“แม่งาม เราจะมาอยู่กับป้าหรือ แล้วแฟนเราล่ะ”

“คือว่างาม”

“ป้าอยู่คนเดียวได้”

“แต่ว่า ป้าคะ คือว่างาม”

“ไม่ต้องมีแต่ ป้าอยู่ได้ ไปส่งป้าที่บ้าน แล้วก็กลับเสีย ไม่มีงานอะไรแล้วนี่ จะทิ้งแฟนมาอยู่กับป้ามันไม่ถูก”

นั่น เอาเข้าไป ไหงพลิกหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนี้ อยากจะตะโกนว่าบอกงามหลอกป้าค่ะ

เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ก็กลัวว่าท่านจะเสียใจซ้ำสองซ้ำสาม อรุณงามได้แต่รับคำว่า ค่ะ

รวีจึงขับรถไปส่งป้ารุ้งแพงที่บ้านก่อนและพาอรุณงามกลับไปยังบ้านชานเมือง หล่อนนิ่งเงียบยามเก็บข้าวของให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งเสื้อผ้าส่วนหนึ่งเก็บไปใช้ตอนงานศพบ้างแล้ว

ถ้อยคำที่อยากจะเอ่ยมีมากมาย แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถเรียบเรียงและพูดออกมาให้ได้ดังเช่นทุกครั้งที่ต้องการจะเจรจาธุรกิจหรือเกลี้ยกล่อมใคร พลาดเพียงนิดเดียวโอกาสของเขาและเธอก็จะจบลงด้วยมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ เมฆา เริ่มทิวาเป็นตัวหนุน

“อรุณ”

“คะ”

“พรุ่งนี้ลุงผมจะพาเจ้าเมฆไปขอขมาป้าคุณอย่างเป็นทางการ และจะสู่ขอคุณให้ผมด้วยพร้อมจัดการแต่งงานอย่างเร็วที่สุด”

อรุณงามเงียบ

“ป้าบอกคุณหรือยัง”

“ยังค่ะ ฉันจะบอกความจริงป้าเย็นนี้ คุณก็ควรบอกพ่อเลี้ยงด้วยเหมือนกัน”

“ป้าคุณร้องไห้จนไม่มีน้ำตาตอนเห็นศพพี่ชายคุณ ผมว่าคุณจะบาปมากกว่าที่จะบอกความจริงวันนี้ ท่านคงเสียใจมากๆ”

“การโกหกมันไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งนั้น เราเลิกเล่นละครเถอะ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” เสียงหล่อนสั่นเครือ

“ใช่ โกหกมันไม่ดี แต่การซื่อตรงแล้วไม่เกิดประโยชน์ คุณจะเลือกอย่างไหน”

“แล้วคุณพร้อมจะแต่งงานกับฉันหรือไง” หล่อนกระแทกเสื้อผ้าลงกล่องพลาสติค
รวียิ้ม

“ไม่พร้อมหรอก คุณก็คงไม่พร้อม อีกอย่างน้ำปิงก็ยังไม่แห้ง แต่ก็คงไม่นานนักหรอก ภาวะโลกร้อนมันวิกฤตขึ้นทุกวัน”

“มีทางแก้ปัญหาก็รีบๆ บอกมา อ้อมไปอ้อมมาอ้ำอึ้งเสียเวลา”

เขาเดินอ้อมเตียงไปจับไหล่อรุณงามให้หันมาเผชิญหน้า ให้ตาสบตา ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาว แล้วกุมมือหล่อนไว้ ความรู้สึกอบอุ่นแล่นปราดกระทบร่าง

“เราจะบอกผู้ใหญ่ว่าขอหมั้นก่อนเพื่อศึกษากันและกันให้มากกว่านี้ แล้วเราก็ไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยกัน”

อรุณงามชักมือกลับ

“โกหกผู้ใหญ่อีกแล้ว”

“ไม่นี่ เราจะไปเรียนเมืองนอกจริงๆ ผมคิดว่าไปเมืองจีนดีกว่า อยากเรียนภาษา คุณก็จะได้ฝึกภาษาด้วยไง ผู้ใหญ่เขาไม่ห้ามหรอก จนป่านนี้แล้ว”

“ฉันไม่อยากหมั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงสักหน่อย จะหมั้นให้ผูกพันกันขึ้นไปอีกทำไม”

“คุณไม่ชอบผมเหรอ อ๋อ เพราะเห็นผมเป็นคนต้นเรื่องให้ขุดคุ้ยเรื่องเริ่มทิวา ทำให้พี่ชายคุณต้องรับผิดและตายใช่ไหม คุณเห็นผมเป็นแค่ที่พึ่งชั่วคราวยามที่คุณไม่มีใคร พอตอนนี้ได้ญาติดีกับป้าก็จะทิ้งผม ”

“เปล่านะ”

“คุณไม่ชอบผม” เขาย้ำ หน้าจริงจัง ดุดัน แล้วอรุณงามก็หลงกล

“ฉันไม่ได้ไม่ชอบคุณ”

“ดีเลย งั้นจะมีปัญหาอะไรอีก คุณไม่ได้ไม่ชอบ ก็แปลว่าชอบผม เห็นไหมลงตัวทุกอย่าง”

“ใครว่าฉันชอบคุณกัน” หล่อนยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม ถอยหนี แต่รวีก็คว้าร่างมากอดไว้ได้

“นี่ปล่อยนะ คนบ้า”

“ผมนี่แหละ พูดว่าคุณชอบผม ทำไมผมรู้นะหรือ ก็เพราะว่าผมก็ชอบคุณเช่นกัน”

อรุณงามอึ้งไปสามวินาที

“โกหก นี่ ปล่อยฉันนะ ”

“ผมพูดจริงๆ และคุณต้องเชื่อผมด้วย”

“ไม่เชื่อ”

“ไม่เชื่อ ผมจูบจริงๆ ด้วย เอ้า”

“เฮ้ย”

หล่อนพยายามจะผลัก แต่รวีก็รวบกอดไว้แน่น หัวเราะเบาๆ

“ล้อเล่นน่า แต่บอกมาก่อน ว่าตกลงหรือไม่ตกลง”

ทางออกของปัญหามันง่ายอย่างนี้เลยหรือ แค่เขาบอกว่าชอบ ก็จบหรือ ไม่ปฏิเสธหรอกว่าอรุณงามเองก็ประทับใจในตัวรวีตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ และชอบเขาไม่ใช่น้อย

“ผมขอโทษที่เป็นตัวการทำให้ชื่อเสียงคุณเสียหาย ใครๆ ก็เข้าใจผิด แต่ผมสัญญาว่าถ้าเราหมั้นกันและไปเมืองนอกด้วยกัน เราจะอยู่กันอย่างเพื่อน จะไม่มีอะไรเกินเลย” น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ มาพร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่น

อรุณงามถอนหายใจ พ่อคนฉลาด หาทางออกได้โดยพระอาทิตย์ไม่หมอง รุ่งอรุณไม่มัวซัว
เอาเถอะ ลงเรือเดียวกันกับเขามาถึงป่านนี้ แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเขา

“แล้วถ้าเราไปกันไม่ได้ล่ะ”

“เราจะลองดู ถ้าไม่ได้ เราก็ไม่ฝืน เราก็กลับมาเป็นเพื่อนกัน แต่เชื่อผมเถอะ ว่าเราต้องไปกันได้ด้วยดี”

“ป้าคงไม่ยอมหรอก แล้วฉันก็ไม่อยากทิ้งป้าไปในเวลาแบบนี้”

“เราก็รอก่อน พอให้ท่านทำใจได้กว่านี้ อีกสองสามเดือนค่อยไปก็ได้ ผมก็ต้องรอเจ้าเมฆมันปรับตัวกับงานให้ได้ก่อน ทีนี้เราก็ไปเที่ยว เอ้ย ไปเรียนได้อย่างหมดห่วง”

“ถ้าป้าไม่ยอม” หล่อนก็ยังกังวล

“เชื่อรวีคนนี้ว่าป้าจะยอม ตกลงนะ อรุณ”

หล่อนก้มหน้า หลบตา พูดเสียงค่อยๆ

“ค่ะ”

คนฟังก้มหน้าลงไปเพราะไม่ได้ยิน จนจมูกชนกับแก้ม

“ผมไม่ได้ยิน”

“ฉันบอกว่าค่ะ”

“ดังกว่านี้ ไม่งั้นจูบจริงๆ ด้วย”

“ฉันบอกว่า ตกลง” อรุณงามตะโกนก้องพร้อมเงยหน้ามาจะเอาเรื่อง ก็พอดีแก้มก็ได้ปะทะกับริมปากชายหนุ่มที่รออยู่ อรุณงามตกใจจนตัวชา ขณะที่รวีหัวเราะอย่างพออกพอใจ


การรู้ความจริงเรื่องอันรันทดของหลานสาวและหลานชาย ป้ารุ้งแพงก็ปล่อยวางเสียทุกสิ่งทั้งที่จริงท่านก็น่าจะปลงมาเสียนานแล้ว หลักธรรมใดๆ ที่ท่านเพียรพยายามทำความเข้าใจและนำมาปฏิบัติ ท่านได้นำมาใช้จริงก็วันนี้ เมื่อพ่อเลี้ยงเอนกพาเมฆาที่สีหน้ายังเศร้าซึมอยู่เข้ามากราบขอขมาพร้อมดอกไม้ธูปเทียน

“ผมขอโทษครับ อภัยให้ผมด้วยที่พาทิวาไปตาย”

“ฉันอโหสิให้ คุณก็อโหสิให้ตะวันฉายด้วย เขาไม่ได้ตั้งใจ”

กว่าที่คำพูดจะหลุดออกมาจากปากเมฆา พ่อเลี้ยงเอนกและรวีก็ลุ้นแล้วลุ้นอีก กลัวเมฆาจะทำเสียเรื่อง ภายนอกนั้นเหมือนว่าเขาจะพอทำใจได้ แต่ทางใจคงต้องรักษากันอีกนาน เหมือนป้ารุ้งแพงและอรุณงาม

“ผมอโหสิให้”

เท่านี้พ่อเลี้ยงก็ถอนหายใจ ส่งยิ้มให้ป้ารุ้งแพง

“คนตายก็พ้นทุกข์ไปแล้ว เหลือแต่คนเป็น นอกจากวันนี้จะพาเมฆามาขอขมาคุณรุ้งแพง ยังมีความตั้งใจจะมาสู่ขอหนูงามให้รวีด้วย เด็กสมัยนี้รักกันชอบกันก็ไม่ค่อยมองเห็นหัวผู้ใหญ่ ผมได้อบรมสั่งสอนมันแล้ว และได้พามันมากราบขอโทษคุณรุ้งแพงด้วย”

ท่านพยักหน้าให้รวี ซึ่งเขาก็ลดตัวนั่งบนพื้นพร้อมอรุณงามและก้มกราบที่ตัก

“ผมขอโทษครับ”

“งามขอโทษค่ะป้า” อรุณงามกล่าวพร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ หยดหยาดลงมา นับแต่หนีออกจากบ้าน จนกระทั่งเสร็จงานศพตะวันฉาย หล่อนจะเอ่ยคำนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาส

ท่านโอบกอดหลานสาวที่เหลือคนเดียวไว้ในอก น้ำตาไหลเช่นกัน

“ป้าก็ต้องขอโทษงามด้วย จากนี้เราจะไม่พูดถึงอดีต เราจะคิดถึงแต่อนาคตเท่านั้น จำไว้นะลูก ว่าป้ารักงาม ไม่น้อยกว่ารักทิวา สิ่งที่ป้าทำทุกอย่างก็เพื่องามทั้ง



ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 22:02:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2554, 22:41:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2678





<< ๑๕   ๑๖ จบ (๒) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account