The Royal Wedding : รักนี้ที่วังหลวง
เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ที่สตรีทั่วราชอาณาจักรต่่างเฝ้าฝันจะได้ควงคู่ กลับถูกสี่สาวพี่น้องตระกูลหนึ่งไม่เห็นว่าสำคัญ พระองค์จะทำอย่างไร เมื่อปัญหายิ่งหนักขึ้นด้วยสมเด็จพระราชินีมีพระดำรัสต้องการได้สะใภ้หลวงเป็น 1 ใน 4 สาวนั้น

เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ห้องสมุด

aThe Royal Wedding 7

เสียงโทรศัพท์มือถือร้องดังลั่นเป็นเวลานานหลายนาทีราวกับพยายามจะปลุกเจ้านายของมันให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล แล้วในที่สุดมือหนาใหญ่ก็รวบมือถือเข้าหาตัวด้วยความรำคาญ

“ใครวะ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ” ชายหนุ่มตะคอกใส่ปลายสายด้วยเสียงงัวเงียอย่างไร้พลัง วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งทีทำไมเขาต้องโดนปลุกตั้งแต่เช้าตรู่อย่างนี้ด้วย เมื่อคืนถ้าไม่ติดว่าชินาคมชวนไปดูหนังที่บ้านดนัยจนดึกดื่นเขาคงเสร็จจากงานตั้งแต่หัวค่ำแล้วได้กลับมานอนที่บ้านไม่เกินเที่ยงคืน คุณภาพชีวิตในช่วงนี้ของเขาย่ำแย่จริงๆ แล้วนี่ยังมาโดนรบกวนการพักผ่อนอีก

“เราเอง ไม่เช้าแล้วละเที่ยงวันแล้ว”เสียงนุ่มที่ตอบกลับมานั้นราบรื่นก็จริงแต่กลับยียวนอยู่ในที

ทรงพลไม่ได้ตกใจอะไร เขายิ้มขันๆกับหมอนหนานุ่มที่ซุกไซร้อยู่ ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเหนื่อย

“อภัยให้หม่อมด้วยฝ่าบาท แต่เมื่อคืนมันดึกจริงๆ”

เจ้าชายอิศเรศร์สรวลอย่างรู้ทัน เมื่อคืนพวกหนุ่มเพลย์บอยคงจะจับกลุ่มนั่งดื่มกันที่ผับไหนสักแห่งตามเคย

“ยังแฮ้งค์อยู่ล่ะสิ แล้วสองคนที่เหลือได้สาวหน้าใหม่เพิ่มหรือเปล่า”

ปลายสายอีกฝั่งได้ยินดังนั้นก็ตอบกลับมาเสียงแข็ง อาการสะลึมสะลือหายไปในพริบตา

“อะไรกันฝ่าบาท เมื่อคืนหม่อมไปดูหนังที่บ้านไอ้ดอนต่างหาก ดูหนังมาราธอนเดือนละครั้งอย่างไรล่ะ ทรงลืมไปเสียได้ ว่าแต่พระองค์เถอะมีอะไรให้หม่อมรับใช้อีกหรือเปล่าโทรมาตอนนี้”

เจ้าฟ้าชายหนุ่มรูปงามแย้มสรวลอารมณ์ดีอย่างพอพระทัยที่พระสหายสนิททรงรู้จุดประสงค์ในครั้งนี้อย่างรวดเร็ว เจ้าชายอิศเรศร์ซึ่งบัดนี้ทรงกำลังลองทักซิโด้ฉลองพระองค์ตัวใหม่อยู่หน้าพระฉายบานใหญ่ มีข้าราชบริพารคอยรับใช้อยู่ไม่ขาด

“พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงไม่ใหญ่โตและไม่เป็นทางการมากนักเห็นว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณข้าราชบริพาร เสด็จแม่รับสั่งให้ชวนนาย ไอ้ชิ และดอนมาร่วมด้วย อ้อ ตอนบ่ายมีงานเลี้ยงน้ำชา หาชุดเหมาะๆใส่มาด้วยล่ะ ฝากบอกสองคนที่เหลือด้วย”

ทรงพลได้ฟังดังนั้นก็เกิดคำถามขึ้นในใจ “แล้วพวกหม่อมไปเกี่ยวอะไรด้วยฝ่าบาท”

พระเนตรคมกริบทอดพระเนตรพระองค์เองผ่านพระฉายด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินพระทัยว่าจะทรงเลือกฉลองพระองค์ชุดนี้ใส่ในงานกลางคืน

“เราก็สงสัยเหมือนกัน ตามนี้แล้วกันนะ เจอกันพรุ่งนี้ทรงพล” เจ้าชายทรงวางสายก่อนจะปล่อยให้พระสหายเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

วันนี้เจ้าชายทรงว่างเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ทรงฉงนยิ่งนัก เพราะตั้งแต่เจ้าชายเริ่มปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตารางการทรงงานก็ไม่เคยว่างสักวัน อันเนื่องมาจากพระราชินีทรงเป็นองค์จัดการตารางนัดหมายของเจ้าชายทั้งหมด เพื่อที่ป้องกันไม่ให้พระโอรสตัวแสบได้มีเวลาไปมองผู้หญิงคนไหนอีก แต่ถึงแม้กระนั้น พระราชินีกลับทรงลืมที่จะจัดตารางเวลาตอนเย็นให้เต็ม นี่จึงเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เจ้าชายทรงออกไปหาความสำราญได้ตามปกติ

แต่ก็ไม่ใช่วันนี้อีกตามเคย เจ้าชายยังทรงไม่รู้พระองค์ว่า ถึงแม้วันนี้จะไม่ต้องทรงงานหลวง แต่งงานราษฎร์นั้น พระองค์ยังคงต้องทรงอยู่ดี

ประตูบานใหญ่ของห้องพระสำอางถูกเปิดออกอย่างไม่มีพิธีรีตอง ร่างสูงโปร่ง คล่องแคล่วในชุดขี่ม้าเดินอย่างรวดเร็วมาหยุดยืนเคียงข้างเจ้าชาย

เจ้าหญิงอรรัมภาทรงแกล้งทำพระเนตรเล็กหยีทอดพระเนตรพระอนุชาในพระฉายบานใหญ่ ก่อนจะตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงเหยียดๆ

“ก็พอดูได้อยู่หรอกนะ”

เจ้าชายอิศเรศร์ทรงทอดพระเนตรพระเชษฐภคินีอย่างไม่พอพระทัย ที่สำคัญ คดีความก่อนหน้านี้ที่เจ้าหญิงตัวแสบทรงทำไว้กับพระองค์ก็เหลือพออยู่แล้ว

“อะไรกันพี่หญิง มาหาเรื่องชายทำไมกัน พึ่งเสด็จกลับมาจากทรงม้า น่าจะขึ้นไปสรงน้ำเสียก่อน”

แต่เจ้าหญิงอรรัมภาไม่สนพระทัย พระองค์ยังคงทอดพระเนตรชุดสูทเนื้อดีที่เจ้าชายทรงฉลองพระองค์อยู่ ถึงแม้ในพระทัยจะทรงรู้สึกว่าพระอนุชาของพระองค์นั้นทรงดูดีหาใครเปรียบยากอยู่แล้ว แต่เจ้าหญิงก็ไม่วายที่จะทรงแกล้งแขวะพระอนุชาตามประสาความหมั่นไส้

ก็จะมีที่ไหนกันล่ะ เพิ่งเสด็จกลับจากการออกกำลังกาย แต่เสด็จแม่กลับทรงใช้ให้พระองค์มาช่วยเลือกชุดที่ ‘ดูดีที่สุด’ สำหรับงานเลี้ยงพรุ่งนี้ ที่สำคัญ เจ้าหญิงเองก็อยากจะสรวลเสียดังๆ เนื่องจากทรงทราบแล้วว่างานเลี้ยงพรุ่งนี้เป็นการ ‘หาคู่’ ให้เจ้าชายรัชทายาทนั่นเอง หรือภาษาชาวบ้านก็คงจะเรียกกันว่า คลุมถุงชน นั่นล่ะ

อยากรู้เสียจริงว่าถ้าอิศเรศร์ทรงทราบความจริงแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

“เสด็จแม่ให้พี่มาดูว่าชายเลือกชุดที่เหมาะสมได้หรือยัง ดูดูไปแล้ว ก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะนะ หรือชายว่ายังไง”

เจ้าชายส่ายพระพักตร์ราวกับเอือมระอาพระพี่นางเต็มทน ถึงแม้พระองค์จะทรงรู้ดีว่าพี่หญิงนั้นรักพระองค์เพียงใด แต่ในความรักนั้นก็ยังคงมีความหมั่นไส้และชอบแกล้งพระองค์อยู่นั่นเอง แน่นอนว่าพระองค์เข้าพระทัยในเรื่องนี้ดี เพราะตั้งแต่พระชันษาวัยเยาว์จนถึงรุ่นหนุ่ม พระองค์ทรงเป็นที่เอาอกเอาใจและรักใคร่ของทุกคนเสมอมา เนื่องจากว่าเป็นองค์รัชทายาท ที่สำคัญ ถึงแม้พระองค์จะทรงเสเพลอย่างไร แต่ก็กลับเรียนดี ไม่น้อยหน้าไปกว่าพี่หญิงที่ทรงตั้งใจเรียนและทรงคอยห้ามปรามตักเตือนพฤติกรรมของพระองค์อยู่บ่อยๆ ซึ่งพระองค์ไม่เคยทรงเชื่อฟังเลยสักครั้ง

“ชายก็ว่าอย่างนั้นล่ะพี่หญิง ว่าแต่พี่หญิงต้องเลือกฉลองพระองค์ชุดใหม่ด้วยหรือเปล่า ชายไม่เข้าใจว่า แค่งานเลี้ยงขอบคุณข้าราชบริพาร ทำไมต้องวุ่นวายกันด้วย”

เจ้าหญิงอรรัมภาทรงสรวลเบาๆอย่างมีเลศนัย ยังไม่บอกอะไรกับอิศเรศร์ตอนนี้ดีกว่า

“พี่มีชุดแล้วละ ว่าแต่เย็นนี้ว่างหรือเปล่า”

“ก็…ทำไมหรือพี่หญิง” เจ้าชายตรัสตอบไม่เต็มคำนัก เนื่องจากเย็นนี้ทรงมีนัดทานข้าวกับซาร่า นางแบบสาวชื่อดัง

“ก็ต้องซ้อมเปียโนกับพี่เพื่อออกงานพรุ่งนี้น่ะซิ เสด็จแม่ทรงรับสั่งมา หรือ ชายจะขัด หรือว่าเย็นนนี้จะ….” เจ้าหญิงแสนสวยทรงหยุดตรัสแล้วทอดพระเนตรพระอนุชาอย่างรู้ทัน

เจ้าชายอิศเรศร์ทรงเข้าใจในท่าทีนั้นเช่นกัน จึงทรงหลบพระเนตรลงต่ำ

“พี่จะเตือนไว้ให้นะอิศเรศร์ถึงน้องจะไม่เคยเชื่อเลยก็ตาม ผู้หญิงสวยๆที่น้องเลือกเขาเพราะแค่นั้นน่ะ มันก็เหมือน ‘ไฟ’ ยิ่งแตะก็ยิ่งลาม”

พระเนตรคมกริบ แฝงแววดื้อรั้นหันมาสบพระเนตรพระพี่นางทันที

“คิดว่าชายจะโง่ยอมให้ลามหรือ ที่ผ่านๆมา พี่หญิงก็รู้ว่าชายตัดไฟแต่ต้นลมได้เสมอ”

อารมณ์เอาแต่ใจ และไม่ชอบให้ใครมาสั่งขององค์รัชทายาทได้แสดงออกตามความคาดหมายของพระองค์หญิง ร่างสูงโปร่ง แต่บอบบางกว่าพระอนุชามากนัก ทรงก้าวไปประทับชิดพระวรกายแข็งแกร่ง ก่อนะจะกระซิบแผ่วเบา ราวกับไม่อยากให้ข้าราชบริพารคนอื่นรับรู้

“เลิกกับหล่อนซะ อย่าทำเผื่อเลือกกับผู้หญิง แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน” แล้วพระพักตร์สวยสง่าก็ทอดพระเนตรดุดันไปที่เจ้าชายหนุ่มหล่ออีกครั้ง ก่อนจะพระดำเนินผ่านไปยังประตูบานใหญ่

นี่คงเป็นอีกครั้งในไม่รู้กี่ร้อยพันครั้ง ที่เจ้าฟ้าหญิงอรรัมภาทรงเตือนเจ้าฟ้าชายอิศเรศร์ผู้ทระนงตนยิ่งนัก เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงที่พระองค์ข้องแวะ เพราะเจ้าหญิงเองทรงสอดส่องเรื่องนี้ของพระอนุชามาตลอด ถึงจะทรงทราบว่าเจ้าชายไม่เคยสร้างความเสียหายเรื่องผู้หญิง แต่การที่คบพวกหล่อนแล้วเลิก ราวกับเป็นดอกไม้ริมทางนั้น พระองค์เกรงว่าสักวัน ดอกไม้ริมทางบางดอกอาจจะเกาะติดแน่น และมีหนามแหลมมากกว่าที่คิดก็เป็นได้

ที่สำคัญ…ซาร่าที่พระอนุชารูปงามคบอยู่นั้น จะเป็นดอกไม้ประเภทไหนก็ไม่รู้!





“แสนดี ช่วยหาหนังสือเล่มนี้ให้หน่อยสิจ๊ะ” เสียงเพื่อนสาวบรรณารักษ์เรียกสาวน้อยร่างบอบบางที่ขณะนี้กำลังยืนเขย่งอยู่บนบันไดสำหรับชั้นหนังสือ คอยจัดเรียงหนังสือหลายเล่มที่คนอ่านนำมาคืนให้เข้าที่เข้าทาง

แสนดีหันมามองทิพมาศที่ยืนทำสีหน้าจนปัญญาอ่านข้อความบางอย่างบนกระดาษ ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงมาจากบันได

“อะไรเหรอ ไหนดูซิ” แสนดีปัดฝุ่นออกจากมือ ก่อนจะรับกระดาษมาอ่าน ในกระดาษนั้นมีลายมือหวัดๆเขียนชื่อหนังสือฝรั่งเล่มหนึ่ง ซึ่งแสนดีอ่านแล้วรู้ได้ทันทีว่าอยู่ตรงไหน และเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เพราะหล่อนได้อ่านหนังสือของห้องสมุดนี้มาแล้วเกือบหมดทุกเล่ม จึงไม่เป็นเรื่องแปลกเลยถ้าหากบรรณารักษ์คนไหนหาหนังสือไม่เจอจะต้องมาถามเธออยู่ร่ำไป

“อ๋อ รู้ละ ทิพไปบอกคนยืมก่อนนะจ๊ะว่ารอสักครู่เดี๋ยวฉันหยิบไปให้”

ทิพมาศทำตาโตด้วยความประหลาดใจมองเพื่อนสาว “นี่เธอรู้เลยเหรอ”

แสนดียิ้มง่ายๆ “รู้สิจ๊ะเพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ค่อยมีใครมายืมหรอก วางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ยิ่งเป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วยล่ะก็ คนยืมเป็นฝรั่งเหรอทิพ” หล่อนถาม เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีคนธรรมดาอ่านเนื่องจากหนังสือ The Brothers Karamazov ซึ่งแปลมาจากภาษารัสเซียอีกทีนั้นออกจะอ่านยากไปสักหน่อย เพราะเกี่ยวกับปรัชญาและศาสนา อีกทั้งความหนาของหนังสือก็ไม่ใช่น้อย ถ้าไม่ใช่นักอ่านและไม่อดทนจริงๆ คงจะต้องปิดหนังสือเลิกอ่านกันไปตั้งแต่บทแรก ที่สำคัญ ชื่อตัวละครในภาษารัสเซียก็ยากๆทั้งนั้น

แสนดีเคยลองอ่านแล้ว แต่ก็อดทนได้เพียงไม่กี่บท ก่อนจะล้มเลิกไป หล่อนจึงทึ่งและอยากรู้ว่าใครกันที่จะยืมหนังสือเล่มนี้ คงจะเป็นลุงฝรั่งแก่ๆที่มีความรู้คนหนึ่ง

ทิพมาศยิ้มหวาน ใบหน้าแดงเรื่อๆ “เปล่าจ้ะ ชาติเดียวกับเรานี่แหละ”

แสนดีเออออเข้าใจ ก่อนจะเดินดุ่มไปที่ซอกตู้หนังสือตรงสุดมุมห้องสมุด ซึ่งเป็นตู้ไม้สักเก่าสูงใหญ่และดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

สาวน้อยตวัดสายตามองแถบสันปกที่เป็นชื่อหนังสือฝรั่งของชั้นเกือบบนสุด ไม่นานนักก็เจอชื่อหนังสือที่ต้องการทันที หล่อนเขย่งเท้าเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมแขนเรียวยาวสุดมือ แต่แล้วก็ยังไม่ถึงอยู่นั่นเอง แสนดีเขย่งแล้วเขย่งอีก จนหมดปัญญา แต่แล้วจู่ๆก็มีแขนแข็งแรงเอื้อมผ่านศีรษะเธอไปหยิบ ‘The Brothers Karamazov’ ออกมาจากชั้นอย่าง่ายดาย

หญิงสาวชะงักเมื่อพบว่าชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวละเอียด เครื่องหน้าบ่งบอกถึงชาติพันธ์ไปทางเกาหลี จีน หรือ ญี่ปุ่น ยืนยิ้มพลางถือหนังสือนั้นไว้ในมือ

หล่อนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะเอ่ยพูดกับเขา “ขอโทษนะคะเล่มนี้มีคนจะยืมแล้วล่ะค่ะ”

หนุ่มผิวขาวส่งแววตาขำขันมาที่หล่อนทันที “ผมนี่ล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับคุณบรรณารักษ์”

แสนดีแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาออกจะดูเป็นคนหนุ่มที่ไม่มีทีท่าว่าจะอยากอ่านหนังสือเล่มนี้เลย แววตาซุกซน รอยยิ้มยียวน และมาดออกแนวเพลย์บอยที่ส่งกลิ่นฟุ้งของน้ำหอมแบบผู้ชาย ฉายแววให้หล่อนรับรู้ทันทีทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกัน

หล่อนยิ้มอย่างมีมารยาทเมื่อรู้ว่าตัวเองหน้าแตกไปแล้ว “อ๋อค่ะ เชิญคุณไปยิงบาร์โค้ดที่เค้าน์เตอร์ได้เลยนะคะ” แสนดีพูดพลางผายมือไปที่โต๊ะไม้ยาวทางหน้าห้องสมุด หล่อนเดินนำเขาไปตรงนั้น และดูว่าชายหนุ่มก็ทำตามในทันที

“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มถามเธอมาจากด้านหลัง ทำเอาแสนดีต้องหยุดชะงักแล้วหันมาสบตาเจ้าชู้ของเขา

แววตาของหล่อนออกจะประหลาดใจระคนไม่พอใจในทันที มีอย่างที่ไหนกัน หล่อนไม่มีทางรู้จักกับผู้ชายลักษณะอย่างนี้เป็นแน่

“คงไม่มั้งคะ คุณคงจำคนผิด”

แต่ชายหนุ่มกลับไม่ลดละ เขาสบตาหล่อนตรงๆแล้วยพยามยามพิจารณาใบหน้าของหล่อน ยิ่งทำเอาแสนดีหน้าแดง และไม่พอใจมากขึ้น

“ผมว่าไม่นะครับ เอ…ผมคุ้นๆหน้าคุณนะ เหมือนเพิ่งเคยเห็นไม่นานมานี้”

หล่อนหลบสายตาจากเขาและชักสีหน้าทีนที มีอย่างที่ไหนมาจ้องหน้าอยู่ได้ รู้จักกันหรือก็เปล่า

“อาจจะแค่เดินผ่านกันมั้งคะ ฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ” แสนดีรีบเดินจากเขามาอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มองสาวน้อยที่เขาพิจารณาแล้วว่า ‘สวยน่ารัก’ กำลังเดินจากไปอย่างเสียดาย ท่าทีของหล่อนไว้ตัวและหยิ่ง แต่อาการเขินอายที่ฟ้องบนใบหน้าเรียวของหล่อนก็ทำให้เขาประทับใจ

หนุ่มหล่อรู้ตัวว่าเขาตกหลุมรักคนง่ายนัก แต่สาวน้อยคนนี้เขารู้สึกจริงๆว่าคุ้นหน้าหล่อนเหลือเกิน

สาวๆบรรณารักษ์ แอบซุบซิบกระดี๊กระด๊ากันใหญ่ เมื่อชายหนุ่มสูงโปร่ง มาดดี ใบหน้าลูกครึ่งญี่ปุ่นกำลังยืนรอทำการยืมหนังสือที่เคาน์เตอร์ ขณะที่รออยู่นั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์เครื่องสวยรุ่นใหม่ล่าสุดออกจากระเป๋ากางเกงเนื้อดีขึ้นมารับ พร้อมวางท่าให้ดูเท่ห์ขึ้นไปอีก เนื่องจากรู้ว่าสายตาทุกคู่กำลังมองเขาด้วยความชื่นชม

“ว่าไง…เหรอ…ก็ดีสิวะ…ได้เลย แล้วเจอกัน” ชายหนุ่ม พูดเสียงห้าวด้วยความดีใจในอะไรบางอย่างก่อนจะวางสายไป แล้วหันมายิ้มหล่อโปรยเสน่ห์สาวๆที่เคาน์เตอร์

เขาหน้าตาดี เรื่องนี้ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอก

“ขอบคุณมากนะครับ” เขากล่าวสั้นๆ ด้วยมาดนิ่ง ที่สาวไหนเห็นเป็นต้องละลาย ก่อนจะหันหลังผละจากเค้าน์เตอร์ไป ทิ้งกลิ่นรัญจวนของน้ำหอมราคาแพงลอยแตะจมูกเป็นของขวัญแก่เหล่าบรรณารักษ์

บริหารเสน่ห์เสียหน่อยจะเป็นไรไป

แต่แล้วสาวน้อยบรรณารักษ์ที่เป็นคนหยิบหนังสือให้เขาก็เดินสวนผ่านมาด้วยท่าทีรีบร้อนโดยไม่ได้สนใจสักนิดว่ามีคนรูปงามอย่างเขายืนอยู่

“ทุกคนฉันต้องกลับก่อนล่ะนะ มีธุระที่บ้านน่ะจ้ะ คุณพ่อโทรตามเมื่อกี้” แสนดีหยิบกระเป๋าสะพาย พลางแจ้งเพื่อนๆด้วยความร้อนรน

“ไปเถอะแสน นี่ก็ใกล้เที่ยง จะเลิกกันอยู่แล้ว ว่าแต่เธอจะกลับไงละ รถก็ไม่ได้เอามา ฝนจะตกอยู่แล้ว” สิปรางเป็นห่วงพลางมองออกไปนอกหน้าต่างที่บัดนี้ฟ้าเริ่มครึ้ม

แสนดีชูของในมือให้เพื่อนๆเห็น “ฉันเอาร่มมาน่ะ ลาก่อนทุกคน” พูดเสร็จก็กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ่านร่างสูงร่างหนึ่งอย่างไม่ได้ใส่ใจ ก่อนจะอออกพ้นประตูห้องสมุด โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้ชายที่หล่อนกล่าวหาว่าเป็น เพลย์บอย สังเกตและได้ยินที่เธอพูดทุกอย่าง

ที่ยืนรอรถประจำทางเต็มแน่นไปด้วยฝูงชน เนื่องจากฝนที่ตกกระหน่ำมาไม่ขาดสายทำให้ทุกคนต่างเบียดเสียดตัวเองเข้าไปรวมกันในหลังคาขนาดไม่กว้างพอนัก

แสนดียืนรอรถประจำทางอย่างใจเย็น เพราะถึงร้อนรนไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ดีเสียอีก เธอจะได้เลื่อนเวลาในการไป ‘ลองชุด’ ให้มากพอ

ตอนนี้ที่บ้านของเธอ คุณพ่อและคุณแม่กำลังเลือกชุดให้สามพี่น้องของเธออยู่ และโทรมาเร่งทั้งเธอให้รีบกลับไปโดยเร็ว ถ้าไม่อยากถูกพระราชินีกริ้วเนื่องจากไม่สวยพอ และอาจจะส่งเธอไป ‘ประหารเจ็ดชั่วโคตร’ ตามคำพูดกระแนะกระแหนของเปี่ยมสุขที่แทรกมาตามสาย ขณะคุณพ่อโทรบอกลูกสาวคนเล็ก

แสนดีอมยิ้มขณะคิดว่าทุกคนทำอะไรกันอยู่บ้างตอนนี้ พลางกระชับร่มในมือให้แน่นขึ้น

สายฝนยังคงพร่างพรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย รถประจำทางก็มาถึงช้า ส่วนรถแท็กซี่ก็หายากเหลือเกิน และตัวแสนดีเองก็เริ่มเปียกมากขึ้น เสื้อสีขาวผ้าชีฟองของเธอดูบางขึ้นทันตา ที่สำคัญ ชายวัยกลางคนที่ดูหน้าตามอมแมม หนวดเคราเฟิ้ม ก็ส่งสายตาจ้องเธออย่างน่ากลัว แต่แล้วรถหรูสีน้ำเงินแก่คันใหญ่ก็มาจอดตรงหน้าเธอ ไฟหน้าสาดส่องจนหลายคนแสบตา ทำเอาคนทั้งสถานีมองกันมาเป็นตาเดียว

กระจกด้านข้างค่อยๆเลื่อนต่ำลง ทีแรกแสนดีไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อเสียงทุ้มห้าวตะโกนแหวกสายฝนเข้ามา หล่อนจึงมองกลับไปอย่างประหลาดใจ

“คุณบรรณารักษ์ครับ!” หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นที่พึ่งยืม The brothers Karamazov ส่งสายตาเป็นห่วงและเรียกเธอเสียงดัง

แสนดียืนนิ่ง จ้องเขาด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ‘จะมายุ่งอะไรกับฉันเนี่ย’

เมื่อเห็นหล่อนยืนไม่ไหวติง และไม่มีทีท่าจะตอบรับเขา ชายหนุ่มจึงตะโกนเสียงดังอีก

“จะไปไหนครับเดี๋ยวผมไปส่ง ขึ้นมาเถอะครับ!”

ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า คนไว้ตัวอย่างหล่อน คงยากนักที่จะยอมขึ้นรถกับคนแปลกหน้าง่ายๆ แต่หนุ่มลูกครึ่งกลับไม่ได้คิดอะไรนอกเสียจากความหวังดี ที่ไม่อยากให้สาวๆอย่างเธอยืนเปียกอีกนานเท่าไรก็ไม่รู้

น่าแปลกที่เขารู้สึกอยากช่วยเธอจริงๆ ที่สำคัญ…เขานึกออกแล้วว่าเธอคือใคร…

แน่นอน แสนดีพยายามแทรกตัวหนีหนุ่ม ‘บ้าบอ’ คนนี้ แต่แล้วสายตาลวนลามจากชายหนวดเฟิ้มวัยกลางคน ที่มองตรงมายังเสื้อบางสีขาวของเธอ บวกกับเม็ดฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะซาลงเลย ทำเอาเธอเริ่มรู้สึกกลัว…

หนุ่มหล่อเห็นเธอหันหลังหนี แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม ที่สำคัญเขาไม่สนด้วยซ้ำที่คนทั้งสถานีจ้องเขาอยู่ได้

“คุณบรรณารักษ์ไปกับผมเถอะครับ!”

แสนดีเริ่มคิด ระหว่างตาลุงหนวดเฟิ้ม กับชายผู้ยืมหนังสืออ่านยากนักหนาของฟีโอโดร์ ดอสโตเยฟสกี้…

แต่หล่อนยังคิดไม่ทันเสร็จ ชายหนุ่มก็ใช้ไม้ตายเสียก่อน…

“ผมรู้จักพี่สาวคุณนะครับ เปี่ยมสุขใช่ไหมคุณ!”

แสนดีหันขวับมาทันที เขาเป็นเพื่อนกับพี่เปี่ยมหรือ? ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว หล่อนก้าวฉับๆ เดินมาเปิดประตูรถสีน้ำเงินแก่คันใหญ่ หย่อนตัวลงนั่งในเบาะหนานุ่มข้างคนขับโดยทันที

เจ้าของรถตกใจระคนดีใจที่ทำสำเร็จ จ้องสาวน้อยที่ตัวเปียกเล็กน้อย แต่ผมดำยาวสลวย ดวงหน้าเนียนผ่อง และริมฝีปากบางแดงระเรื่อแบบธรรมชาติ ก็ทำเอาเขาใจเต้นได้ทันที และเมื่อหล่อนหันดวงตากลมโตที่ฉายแววฉลาดมาสบตาเขาชายหนุ่มก็ทำอะไรไม่ถูก

“ไม่ออกรถเหรอคะคุณ” แสนดีพูดเตือนสติ จนคนขับต้องแก้เขินด้วยการเหยียบคันเร่งโดยแรง

รถหรูมาหยุดอยู่ตรงสี่แยกไฟแดง ท่ามกลางพายุฝนที่ไม่อ่อนแรงแม้แต่น้อย หนุ่มผิวขาวค่อยๆหันไปมองสาวน้อยแปลกหน้าที่เพิ่งขึ้นรถมากับเขา เธอกอดอก ตัวสั่นน้อยๆ และเสื้อชีฟองสีขาวก็เริ่มบางจนเห็น…

ชายหนุ่มหยิบสูทที่พาดกับพนักเบาะของตนเอง ก่อนจะเหวี่ยงคลุมให้เธอ

แสนดีสะดุ้ง มองคนให้และสูทสีเข้มที่คลุมไหล่หล่อน ก่อนจะส่งยิ้มหวานๆจากใจจริง ที่ทำเอาผู้ชายตรงหน้าแทบจะมือไม้อ่อนขับรถไม่ได้

“ขอบคุณนะคะ ว่าแต่คุณเป็นเพื่อนพี่เปี่ยมเหรอ ฉันไม่เห็นเคยรู้จัก”

หนุ่มลูกครึ่ง ยิ้มหล่อๆให้เธอ แต่แววตาแสนงามคู่นั้นกลับไม่ได้อ่อนไหวอะไร

แน่ล่ะ หล่อนจะรู้จักเขาได้อย่างไร ก็เขาไม่ได้เป็นเพื่อนพี่สาวเธอสักที เขารู้ว่าหล่อนเป็นใครก็เพราะเขาจำหน้าได้ว่าหล่อนคือน้องสาวที่แย่งกินน้ำแตงโมซึ่งเจ้าชายได้สั่งไปให้พี่ของเธอ…และที่เขารู้ว่าพี่ของเธอชื่อเปี่ยมสุข ก็เพราะเจ้าชายอิศเรศร์ได้ทรงเล่าแล้วว่าได้พบกับพี่น้องสาวสวยทั้งสี่มาแล้ว

แต่เขาไม่บอกเรื่องนี้ดีกว่านะ

“เอ่อ…ครับ บ้านคุณอยู่ตรงไหนครับ ผมจะไปส่ง”

แสนดีมองด้านข้างที่เห็นสันจมูกโด่งสวย กับผิวขาวเนียน และคิ้วดกดำ ของพ่อหนุ่มที่เธอตราหน้าแล้วว่าเป็น ‘เพลย์บอย’ ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เขาก็ดูสุภาพ และหวังดีกับเธอจริงแหละนะ ไม่น่าแสดงท่าทีไม่ดีใส่เขาเลย…

เธอบอกทางไปบ้านกับเขาเสร็จ ก็นึกได่ว่าควรแนะนำตัวเอง “ฉันชื่อแสนดีนะคะ เรียกว่าแสนก็ได้”

เขาไม่ได้หันมา เพราะมัวแต่ขับรถดูทางข้างหน้า แต่รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นก็แสดงออกถึงความดีใจ ที่หล่อนไม่ได้กลัวเขาแล้ว

“ชื่อเพราะจังนะครับคุณแสน ผมชื่อ ชิ ครับ ชินาคม…”

แสนดีลงจากรถหรู พลางถือร่มเดินฝ่าสายฝนเข้าบ้านอันอบอุ่นของเธออย่างสบายใจ ชินาคมได้เพียงแต่มองหล่อนด้วยความรู้สึกที่อ่อนไหว เมื่อกี้หล่อนคะยั้นคะยอให้ลงไปหาเพื่อนของเขานั่นคือ เปี่ยมสุข และหล่อนจะได้ขอบคุณเขาด้วยชาร้อนๆสักถ้วย แต่ชินาคมกลับปฏิเสธเสียงแข็ง อ้างว่ามีธุระสำคัญต่อ ก็จะให้เขาไปได้อย่างไรล่ะความก็แตกกันพอดี จนแสนดีต้องยอมเลิกเชิญชวน ก่อนจะขอบคุณด้วยเสียงอ่อนหวาน และรอยยิ้มละไม จนทำเอาเขาลืมไปเลยว่าจะขอเบอร์โทรเธอสักหน่อย

ร่างบางเดินเข้าบ้านไปแล้ว พร้อมๆกับที่ชินาคมขับรถเคลื่อนตัวออกไป ด้วยความรู้สึกเป็นสุข








ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2554, 23:40:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2554, 23:40:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1776





<< คุณอิทธิ   เข้าวัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account